นักรบจันทรา
7.0
เขียนโดย Sagestone
วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.
29 ตอน
0 วิจารณ์
28.89K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
26) ตอนที่ 26
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 26
ผู้กล้าแสงตะวันเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างไม่หวั่นไหว คู่แรกลาควีล่าชนะได้ตามแผน คู่ที่สามรอให้เรมิเอลชนะ เขาแค่ต้องรอดจากการต่อสู้นี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ตาม ปิศาจแห่งสรรพาวุธนาม ชาโดว์สตีลยืนตรงหน้าเตรียมพร้อมด้วยการฉวยดาบสองเล่มออกมาจากผ้าคลุม
“ไหนว่าไม่ใช่ผู้กล้าตามขนบ แล้วเหตุใดจึงคิดสู้กับข้าตัวต่อตัวแบบนี้” ชาโดว์สตีลเสียดสี
“หมายความว่าสำหรับเจ้า ข้าคนเดียวก็เกินพออย่างไรละ” โชคดีที่การประลองครั้งนี้ไม่มีกฎ หากเข้าตาจนเขายังขอให้ดาริอุสมาช่วยได้ ไบรอันสัมผัสพลังเวทคมกริบราวมีดโกนที่เปล่งรัศมีออกมาจากศัตรู อีกฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาดหรือปิศาจจริง ๆ ไม่ใช่มนุษย์หรือเผ่าอื่น ๆอย่างเวเบอร์หรือทามิเอล
หากที่เวเบอร์พูดเป็นความจริงเจ้านี่ก็ร้ายระดับพระกาฬ
ไบรอันหยิบขลุ่ยผิวสีเงินที่ติดตัวอยู่ขึ้นมา แล้วเปลี่ยนมันเป็นดาบอัคคีที่มีใบดาบสีแดงสดราวเปลวเพลิง! เขาต้องสู้ และต้องรอด!
“ข้าคงชินกับผู้กล้าแนวขนบไปนิด จึงเผลอคิดว่าเจ้าจะใช้แค่เวทมนตร์เสียอีก เจอกันคราวก่อนเจ้าก็ไม่ได้แนะนำอาวุธเวทมนตร์ประจำตัวข้าจึงประเมินเจ้าต่ำไป คิดว่าแต่ละคนในกลุ่มจะมีวิชาเป็นเอกเทศเสียอีก” ชาโดว์สตีลพูดอย่างเยือกเย็น
“เจ้ายึดติดมโนสำนึกของความเป็นผู้กล้าล้าหลังมากไปแล้ว ข้าใช้ได้ทั้งเวทมนตร์และอาวุธเวท ไปจำรูปแบบนั้นมาจากที่ไหนกัน” ไบรอันทำหน้าผิดหวังที่โดนอีกฝ่ายเข้าใจตนผิดไปไกลโข
“เมื่อนานมาแล้วข้าเคยปะทะกับผู้กล้ากลุ่มหนึ่งและหนีรอดได้โดยบังเอิญ ก็คิดว่าเจ้าคงเป็นเหมือน ๆ กัน แต่เวเบอร์บอกว่าไม่ใช่”
“เจ้าน่าจะเชื่อเวเบอร์นะ” ไบรอันกำด้ามดาบแน่นพร้อมต่อกร
แล้วทั้งคู่ก็เข้าประดาบกันอย่างนักดาบพึงกระทำ ดาบสีแดงกับดาบสีเงินเชือดเฉือนกันเกิดเป็นสะเก็ดไฟด้วยความร้อนของการโจมตี ไบรอันขันสู้สุดฝีมือแต่ยังทำได้แค่ป้องกันตัวเท่านั้น ไม่สามารถบุกได้อย่างจะแจ้ง
เมื่อเห็นช่องว่างไบรอันจึงสร้างบอลไฟขึ้นที่มือซ้ายแล้วซัดใส่ชาโดว์สตีลจนเกิดระเบิดอย่างรุนแรง! ท่ามกลางควันระเบิดทั้งไบรอันและคู่ต่อสู้ต่างฝ่ายต่างถอยห่างเพื่อระวังกับดัก ไบรอันสบถเบา ๆ เพราะระเบิดของเขาไม่ระคายเกราะของชาโดว์สตีลเลย
“อย่างนั้นลองแบบนี้เป็นไร”
ไบรอันถ่มน้ำลายแล้วแล้วพุ่งเข้าใส่พร้อมเงื้อง่าดาบในมือ ดาบสีแดงตวัดขึ้นลงสองครั้งสร้างแสงจันทร์เสี้ยวสีแดงสองสายพุ่งไปที่เท้าของชาโดว์สตีล มันเกิดเป็นเสาแห่งไฟขึ้นในทันใด ความร้อนแรงของมันแทบหลอมหินผาได้เลยทีเดียว
ไม่หยุดแค่นั้น ไบรอันเปลี่ยนดาบเพลิงเป็นขลุ่ยผิวตามเดิมแล้วบรรเลงเพลงแห่งเปลวไฟ มังกรแดงไร้ปีกตัวยาวเหยียดปรากฏตัวขึ้นในอากาศ มันงับร่างร้อนแดงของชาโดว์สตีลโยนขึ้นไปในอากาศแล้วพุ่งเข้าชน แสงสว่างจ้าแทบทำให้ตาบอดและเสียงระเบิดเกิดขึ้นเมื่อร่างทั้งสองสัมผัสกันอย่างจัง
ไบรอันหอบเหนื่อยจากการใช้เวทมนตร์ต่อเนื่อง ร่างพร้อมเกราะแตกร่อนของชาโดว์สตีลร่วงลงพื้นดิน เกราะเหล็กแกร่งแตกเป็นชิ้นๆเห็นเกราะโซ่ชั้นในวับแวม ร่างที่ทรุดโทรมจากการโจมตีอย่างหนักหน่วงยันตัวขึ้นอย่างลำบากลำบน
“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่เวเบอร์บอกเสียอีก ข้ารู้สึกอยากใช้ร่างจริงขึ้นมาแล้ว” แล้วกองเกราะแตกร่วนก็ทรุดลงกับพื้นไม่เห็นร่างที่อยู่ด้านใน
ไม่ทันให้ไบรอันสงสัยแผ่นดินก็สะเทือนเลือนลั่น บางสิ่งที่อยู่ใต้ดินแทรกตัวขึ้นมาบนฝืนปฐพี งูขนาดใหญ่กว่าต้นปาล์มเลื้อยขึ้นมาจากใต้ดิน ดวงตาสีแดงสดดุร้ายพร้อมเสียงขู่ฟ่ออย่างกราดเกรี้ยวบอกยี่ห้อว่าเป็นปิศาจ ไม่นับเกล็ดนับพันที่เป็นคมมีดหลายร้อยชนิดเรียงตัวกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ
นี่คือสิ่งที่ไบรอันกลัว เวเบอร์เฝ้าเตือนนักหนาว่าพวกปิศาจมักมีร่างจริงอยู่อีกร่างหนึ่งเสมอ!
ทั้งสองจ้องตากันราวกับอ่านใจกันได้ แล้วงูใหญ่ก็เปิดปากพูด ลิ้นสองแฉกเลียริมฝีปากที่เรียงด้วยคมมีดอย่างกระหายเลือด
“ห้าปีแล้วที่ข้าไม่ได้เปิดเผยร่างนี้ออกมา ในดินแดนที่ข้าจากมา การเผยร่างจริงเป็นสิ่งน่าอับอายสำหรับปิศาจอย่างเรา แต่ดูเหมือนในดินแดนนี้ออกจะเป็นการอวดตัวมากกว่านะ ว่าไหมผู้กล้าแสงตะวัน”
“เจ้าก็แค่ตัวโตขึ้นนิดหน่อย” ไบรอันสะบัดขลุ่ยผิวอีกครั้ง มันกลับเป็นดาบที่มีใบดาบแดงฉาน “อยากลองเชือดเนื้อเจ้ามากินแล้วสิ”
“คิดว่าจะทำได้หรือ” งูยักษ์ร่างจริงของชาโดว์สตีลหมุนคอบิดขี้เกียจ เสียงเสียดสีของอาวุธทำให้ขนแขนไบรอันลุกชัน
ทันใดนั้นงูก็กลายเป็นลำแสงสีเงินพุ่งเข้าหาผู้กล้าแสงตะวันดุจธนูหลุดจากแล่ง ไบรอันใช้ดาบในมือเบี่ยงวิถีได้ หากร่างของเขากระเด็นไปจนเกือบสุดเวที เพราะแรงที่พุ่งเข้ามานั้นเกือบเทียบเท่ามังกรโตเต็มวัย!
“กันให้ได้ทุกครั้งนะผู้กล้าแสงตะวัน” เสียงเย็นเยียบของปิศาจอสรพิษสรรพาวุธดังมาจากทุกแห่งรอบด้านจนไม่อาจรู้ได้ว่าจะเข้ามาทางด้านไหนแน่ เงางูสีเงินพร่าเลือนจนมองไม่ทัน
“คิดว่าตัวเองเร็วกว่าสายฟ้าไหม ตัวเจ้าตอนนี้เป็นสายล่อฟ้าชั้นดีเชียวนะ”
ผู้กล้าแสงตะวันเอยคำ อุ้งมือแห่งผืนดินก็ห่มตัวเขาไว้อย่างแน่นหนา ก่อนพายุสายฟ้าจะถล่มลงมาหาชาโดว์สตีลผู้ที่เป็นเหล็กทั้งตัว! ไบรอันนั้นปลอดภัยเพราะสายฟ้าไม่อาจทะลุผิวดินได้ และเมื่อเสียงกัมปนาทจากภายนะสงบลงดินที่ห่อตัวเขาไว้ก็ร่วงหล่น แลเห็นลำตัวใหญ่โตถูกฟ้าผ่าตายนอนนิ่งอยู่บนพื้น
ก่อนไบรอันจะได้เป็นผู้ชนะปฐพีก็สะเทือนเลือนลั่น ไบรอันโผไปด้านหน้าทันที ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นมีบางสิ่งพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน หากไม่หลบแล้วเขาอาจถูกกลืนกินด้วยร่างงูยักษ์ของชาโดว์สตีลผู้กลับมาผงาดอีกครั้ง ร่างเก่าที่ถูกฟ้าผ่ากลายเป็นคราบแล้วค่อยๆหายไป
“อย่างนั้นข้าลองอีกครั้งก็ได้!”
ไบรอันยกขลุ่ยผิวบรรเลงเพลงแห่งผืนดิน ในระหว่างนั้นก็ใช้เวทมนตร์ทำให้ตัวลอยไปบนอากาศด้วยเพื่อป้องกันตัว มังกรแห่งพสุธาพลันก่อร่างออกมาจากพื้นดิน ลำตัวเป็นดินหนาแน่นเรียวยาวบินไปทางใดก็พินาศด้วยเข็มแห่งดินที่พวยพุ่งจากพื้น มันเสียบทะลุงูยักษ์อย่างถนัดถนี่ แม้ธาตุดินจะแพ้ธาตุทอง หากไบรอันใช้พลังเหนือกว่าเพื่อเอาชนะจนได้
“ไม่เลวนี่ผู้กล้าแสงตะวัน” เสียงแหบพร่าแสดงให้รู้ว่าปิศาจงูยังมีชีวิตอยู่ มันแทรกตัวออกมาจากพื้นดินเหมือนเมื่อครู่ “คราวนี้ตาข้าบ้าง”
ส่วนหัวที่เป็นทรงโลงศพถอยไปด้านหลังแล้วพุ่งเข้าฉกไบรอันด้วยความเร็วทั้งหมด
ทว่าไบรอันยกมือร่ายเวท เขาต้องใช้วิธีที่รุนแรงขึ้นเพื่อให้รอดชีวิต เวทมนตร์ทั้งหมดไม่ได้จำกัดแค่ห้าสายหากแต่เป็นเจ็ดสาย ดิน น้ำ ไฟ ไม้ ทอง แสงสว่าง และจักรวาล บัดนี้ผู้กล้าแสงตะวันกำลังใช้เวทมนตร์สายจักรวาลหยุดหัวงูกลางอากาศแล้วเอ่ยคำ
บรรยากาศรอบด้านสะท้านเฮือกจนขนลุกเกรียว ความหนาแน่นของอากาศต่ำลงจนสัมผัสได้ทางผิวหนัง แรงโน้มถ่วงที่ส่วนหัวงูเพิ่มขึ้นในบัดดล บดขยี้ส่วนหัวของปิศาจงูจนแหลกเละ ส่วนหัวบดบี้ของปิศาจหล่นลงพื้น ทางผู้กล้าแสงตะวันก็ถึงกับกระอักเลือดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการใช้เวทมนตร์ชั้นสูง ไบรอันฝืนสติให้คงอยู่พร้อมภาวนาอย่าให้มันกลับมาอีก ภาวนาให้คู่ต่อสู้พบกับความตายสักที ทว่า
“แค่นั้นยังไม่ดีพอนะ ผู้กล้าแสงตะวัน”
ร่างใหญ่ยักษ์คลานลอดร่างเก่าที่กลายเป็นคราบเหมือนหายนะจากนรก งูใหญ่เห็นว่าผู้กล้าหมดเรี่ยวแรงต่อกรแล้วจึงเลื้อยเป็นวงกลมล้อมไบรอันไว้อย่างใจเย็นราวกำลังล้อเล่นกับเหยื่อที่หมดทางหนี
ในเสี้ยววินาทีที่ไบรอันคิดว่าต้องตายแน่แล้วก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น หัวของชาโดว์สตีลถูกดึงลงกระแทกพื้นเสียงดังโครมใหญ่!
คนที่มาช่วยชีวิตไบรอันมีสองคนอายุมากกว่าเขาราวสิบปี คนหนึ่งเป็นชายผมทองยาวประบ่าเหมือนเวเบอร์ อีกคนเป็นหญิงผมน้ำตาลมีแผงปีกสีขาวติดอยู่ที่หลัง ทั้งคู่คุยกันด้วยภาษาอื่นที่มีสำเนียงคล้ายภาษาถิ่นของเพอลานต้า ผู้หญิงถือสิ่งที่คล้ายเชือกเรืองแสงรัดรอบหัวใหญ่โตของชาโดว์สตีล ส่วนผู้ชายหันมาใช้มนตร์รักษาให้เขาอย่างเมตตา ทั้งคู่หัวเราะเล่นหัวกันก่อนชายคนนั้นจะใช้เวทมนตร์กับตัวเองแล้วหันมาคุยกับผู้กล้าแสงตะวัน
“...เข้าใจคำพูดข้าแล้วใช่ไหม เวทมนตร์ยังใช้ได้ดี” ชายคนนั้นมีนัยน์ตาสีฟ้า ดูสงบและเยือกเย็น “สวัสดี พวกเรามาจากต่างดินแดน จากดาวดวงที่เวเบอร์จากมา ข้าคือพี่ชายบุญธรรมของเขายินดีที่รู้จัก”
“ขอบใจที่ช่วยดูแลเด็กนั่นตอนอยู่ที่ดินแดนนี้” หญิงสาวพูดบ้าง นางกำเชือกไม่แรงมากแม้ชาโดว์สตีลที่ถูกจับกุมจะขู่ฟ่อใหญ่ให้
ทั้งคู่คือพี่บุญธรรมของเวเบอร์ พี่ชายหญิงที่เวเบอร์รักมากเสมือนพ่อและแม่ของตัวเอง!
“มาคุยกันต่อหวานใจ ข้าว่าเทพีไวน์ต้องชอบแน่ เราจับเป็นไปดีกว่านะ” พี่ชายของเวเบอร์พูดด้วยแววตาใสซื่อเหมือนเด็กเห็นของเล่นใหม่
พี่สาวของเวเบอร์สบถเบาๆ แผงปีกกางออก ส่วนหัวของชาโดว์สตีลขาดเป็นท่อนๆ แล้วร่างเก่าก็กลายเป็นคราบเมื่อร่างใหม่เลื้อยออกมาแทนที่เหมือนเดิม
“เมื่อกี้คงเป็นคำตอบครั้งที่หกได้แล้วนะที่รัก ข้าไม่มีวันเพิ่มจำนวนสัตว์เลี้ยงขององค์เทพีเด็ดขาด แค่นี้ข้ากับผู้ดูแลก็เหนื่อยแทบตายแล้ว” พี่สาวของเวเบอร์ยักไหล่ ไม่มีความกลัวเกรงต่อชาโดว์สตีลแม้แต่น้อย “เราเข้าเรื่องดีกว่า อยากพูดอะไรกับผู้กล้าหนุ่มนั่นก็พูดเร็วๆ ข้าจะเชือดเจ้าตัวนี้ไปเรื่อย ๆ รอท่านเอง”
“ข้าอยากขอบคุณที่ช่วยเป็นเพื่อนกับเด็กคนนั้น เขาเป็นคนโดดเดี่ยว” แม้จะไม่ใช่เวลาของอารมณ์ซาบซึ้ง ไบรอันก็รู้สึกได้ถึงความขอบคุณที่อีกฝ่ายมอบให้ผ่านเวทมนตร์รักษา “แต่ที่อยากพูดจริง ๆ ไม่ใช่คำขอบคุณหรอกนะพ่อหนุ่ม”
ไบรอันได้แค่นั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออก เขาไม่เคยพบพี่ชายของเวเบอร์มาก่อนจึงทำตัวไม่ถูกนัก ยิ่งเวเบอร์ตายไปแล้วด้วย ในระหว่างนั้นงูยักษ์ก็ถูกสังหารด้วยวิธีต่างๆ แทง ฟัน เผา บดขยี้ แล้วก็คืนชีพได้ใหม่ทุกครั้ง ผู้กล้าแสงตะวันเพิ่งได้พบปิศาจที่อึดขนาดนี้ เหนือสิ่งอื่นใด พี่สาวของเวเบอร์รับมือมันด้วยสีหน้าแจ่มใส เหมือนกำลังเล่นกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดอยู่ฉะนั้น!
“อยากบอกว่าเจ้านั่นเป็นของข้า ไม่ใช่ของเจ้า” พี่ชายของเวเบอร์พูดด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ
“ข้าไม่ได้เป็นของใครทั้งนั้น ผู้กล้าพัวร์รีน!”
ชาโดว์สตีลคงพูดอะไรผิดไป พี่ชายของเวเบอร์สบถอย่างหยาบคายแล้วเป่าหัวงูเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยเวทมนตร์บางอย่าง แล้วตัวใหม่ก็เคลื่อนออกมาจากคราบเก่าไม่รู้จักจบสิ้น
“ชื่อข้าคือพอลไลน์ต่างหาก! พอลไลน์ แฟรงไดม์ เรียกผิดกันตั้งแต่จอมเทพสูงสุดยันเด็กรับใช้ พอลไลน์ผู้กล้าอันดับหนึ่งของอิเดน ให้ข้าเป็นอันดับหนึ่งแต่แค่ชื่อยังเรียกผิดเลย”
“ท่านชื่อพัว...พอลไลน์หรือ” ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าไบรอันจะหาเสียงของเขาพบ อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเป็นกันเอง “แล้วบอกว่าเป็นผู้กล้า”
“มันเป็นเรื่องนานมาแล้ว ข้าเคยเป็นผู้กล้าในตำนานต่อสู้กับปิศาจมาก่อน ส่วนนั่นภรรยาของข้า เห็นแบบนี้นางเป็นว่าที่นักรบเทพเชียวนะ”
“แล้วท่านมาที่นี่เพื่อช่วยข้าหรือ” ไบรอันสะอึก แม้เวเบอร์จะตายแต่ก็ยังวางหมากเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้ด้วยการเรียกพี่ชายมา
“ดูจากสถานการณ์แล้วคงต้องช่วย...เราจะเริ่มกันอย่างไรดี” พี่ชายของเวเบอร์ถูมือ พี่สาวของเวเบอร์แสดงความรำคาญด้วยเสียงประท้วง “ห้าปีหลังจากเวเบอร์หนีออกจากเมือง เราก็ได้ข่าวเขา ได้ยินเรื่องที่เขาอาจได้อภัยโทษ ความจริงข้าไม่ห่วงความปลอดภัยหากข้ากลัวเขาต้องอยู่อย่างเดียวดายอีก แต่เปล่าเลย เขามีเจ้านาย มีเพื่อน มีชีวิตของตัวเองในดินแดนนี้ ข้าไม่ตั้งใจเข้ามายุ่มย่ามกับสิ่งที่เขาเลือก กระทั่งหลายวันก่อนหน้านี้ เขาไปพบหน้าข้า ขอร้องให้ข้าช่วยจัดการปิศาจงูตัวนี้ต่อจากเมื่อคราวก่อนด้วย เขาคิดว่าเพื่อนรักของเขาคงสู้กับมันไม่ไหว”
แม้พวกเขาจะบาดหมางเรื่องผู้หญิง แต่มิตรภาพลูกผู้ชายคงเหนียวแน่นกว่าจริงๆ ไบรอันคิด
“ท่านบอกว่าเมื่อคราวก่อน” ไบรอันแทรกเบา ๆ
“เรื่องนี้ต้องถอยหลังกลับไปยาวมาก ตั้งแต่ข้าเริ่มออกเดินทางตามหาพ่อ เวเบอร์คงยังไม่เคยเล่าการเดินทางของข้าให้ฟังใช่ไหม ข้าเคยใช้มันเป็นการลงโทษเวลาเขาทำผิดกติกาของเรา เขาต้องฟังการเดินทางที่น่าเบื่อของข้าทั้งหมดโดยไม่หลับไปเสียก่อน” ผู้กล้าพอลไลน์ยิ้ม “เอาเป็นว่าหนึ่งในพรรคพวกของข้าตัดหัวงูตัวนั้น ตอนนั้นข้าคิดว่ามันตายไปแล้วแต่เปล่าเลย เจ้าก็เห็นว่ามันยังไม่ตาย”
“ความจริงข้าออกตามหาหัวมันตามพุ่มไม้ทั้งคืน ท่านไม่ฟังคำข้าแถมไม่ยอมช่วยหา ไม่ต้องพูดดีไป” พี่สาวของเวเบอร์บ่นอุบ
“มันเป็นอมตะหรือ” ไบรอันถามผู้กล้าอีกคนหนึ่ง
“ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้าแม้แต่ตัวเวเบอร์เอง” พี่ชายของเวเบอร์พูดเป็นนัยที่ไบรอันไม่เข้าใจ “ข้ามีข้อเสนอ...หลังจากนี้คณะเดินทางของเจ้าต้องไปประลองกับคณะเดินทางชุดเก่าของข้า ดีไหม”
“ไม่ว่าอะไรข้าก็ยอม ขอแค่ชัยชนะเท่านั้น” ไบรอันหมดหนทางเสียแล้วในการต่อสู้ครั้งนี้ หากไม่ขอความช่วยเหลือคงไม่มีโอกาสรอดกลับไป
“ขอบคุณที่รับคำท้าประลองจากอดีตผู้กล้านะ จะรอวันที่เราจะได้ประลองกันอย่างสนุกสนาน” ผู้กล้าพอลไลน์ก้มหัวขอบคุณแล้วหันไปทางชาโดว์สตีลที่คงคืนชีพกลับมาได้สักสิบรอบแล้วหลังจากการปรากฏตัวของผู้กล้ากับภรรยา “จะบอกจุดที่เจ้ามองข้ามให้”
“จะทำได้หรือผู้กล้าพัวร์รีน!” ชาโดว์สตีลคำรามแยกเขี้ยวพุ่งเข้าใส่สองผู้กล้า พี่ชายของเวเบอร์เพียงดีดนิ้วร่างใหญ่โตก็ระเบิดเป็นจุล แล้วตัวใหม่ก็เลื้อยออกมาจากกองซากศพของตน
“จะเห็นว่ามันกลับมาได้ตลอด แสดงว่าไม่ใช่ตัวจริง เราต้องมองไปรอบทิศ ซ้าย ขวา หน้า หลัง ในเมื่อรอบ ๆ ไม่มีก็ต้องข้างล่าง ตัวจริงจะต้องอยู่ข้างล่างแน่”
ผู้กล้าพอลไลน์ทาบฝ่ามือลงบนพื้นลานที่เป็นดินหนา เกิดแรงสะเทือนเลือนลั่นใต้ฝ่าเท้าเหมือนแผ่นดินแยก ร่างแทนตัวของชาโดว์สตีลสลายเป็นผง แล้วตัวจริงที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยพุ่งพรวดขึ้นมาทั้งที่ร่างถูกอัดน่วมจากแรงระเบิดของเวทมนตร์
“ข้าไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่ผู้กล้าพัวร์รีน!” ชาโดว์สตีลตัวจริงขู่ฟ่อ สรรพาวุธที่เป็นเกล็ดทั่วทั้งตัวชี้ชันแล้วพุ่งออกไปในอากาศก่อนเลี้ยวกลับมาหาพี่ชายของเวเบอร์ที่ไม่มีอาการตกใจเลย
“ก็บอกแล้วว่าข้าชื่อพอลไลน์!”
พี่ชายของเวเบอร์คำรามพร้อมแสดงท่าหยาบคายใส่ ดาบและกระบี่นับร้อยพันหลอมรวมตัวกันเบื้องหน้าผู้กล้าพอลไลน์ แล้วกลับกลายเป็นดาบเล่มยักษ์ทิ่มแทงลงบนร่างของงูใหญ่จนส่วนหัวขาดสองท่อน เป็นการจบชีวิตของชาโดว์สตีลอย่างแท้จริง
“พลังเวทมหาศาลเมื่อกี้มันอะไรกัน ท่านเป็นใครกันแน่” ไบรอันตกตะลึงกับการตอบโต้แบบขอไปทีของผู้กล้าอีกคนหนึ่ง
“อดีตเป็นผู้กล้า ตอนนี้เป็นพ่อลูกอ่อน มีภรรยากับน้องชายหัวแข็งอีกอย่างละหนึ่งคน หากเจ้าไม่นับคนรักของเวเบอร์ด้วยก็มีกันแค่นี้” ผู้กล้าอีกคนขยิบตาให้ ตอนนี้ไบรอันมีพละกำลังพอจะลุกยืนได้แล้ว เชื่อว่าคงทำพิธีแต่งตั้งนักรบจันทราต่อได้ แต่ก่อนหน้านั้น
“เท่ากับตอนนี้ฝ่ายข้าชนะสองในสามแล้ว ฝ่ายจักรวรรดิเป็นผู้ชนะโดยชอบธรรม” ผู้กล้าแสงตะวันแถอย่างไม่ใช่นิสัย ตอนนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะจบเรื่องวุ่นวายแล้ว
“จริงสิ พวกเราต้องไปแนะนำตัวกับองค์จักรพรรดิของดินแดนนี้ก่อน” พี่ชายของเวเบอร์ขอตัวไปทำธุระต่อ “ถึงเวลาที่ดาวสองดวงจะต้องทำความรู้จักกันให้มากขึ้นแล้ว”...
ผู้กล้าแสงตะวันเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างไม่หวั่นไหว คู่แรกลาควีล่าชนะได้ตามแผน คู่ที่สามรอให้เรมิเอลชนะ เขาแค่ต้องรอดจากการต่อสู้นี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ตาม ปิศาจแห่งสรรพาวุธนาม ชาโดว์สตีลยืนตรงหน้าเตรียมพร้อมด้วยการฉวยดาบสองเล่มออกมาจากผ้าคลุม
“ไหนว่าไม่ใช่ผู้กล้าตามขนบ แล้วเหตุใดจึงคิดสู้กับข้าตัวต่อตัวแบบนี้” ชาโดว์สตีลเสียดสี
“หมายความว่าสำหรับเจ้า ข้าคนเดียวก็เกินพออย่างไรละ” โชคดีที่การประลองครั้งนี้ไม่มีกฎ หากเข้าตาจนเขายังขอให้ดาริอุสมาช่วยได้ ไบรอันสัมผัสพลังเวทคมกริบราวมีดโกนที่เปล่งรัศมีออกมาจากศัตรู อีกฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาดหรือปิศาจจริง ๆ ไม่ใช่มนุษย์หรือเผ่าอื่น ๆอย่างเวเบอร์หรือทามิเอล
หากที่เวเบอร์พูดเป็นความจริงเจ้านี่ก็ร้ายระดับพระกาฬ
ไบรอันหยิบขลุ่ยผิวสีเงินที่ติดตัวอยู่ขึ้นมา แล้วเปลี่ยนมันเป็นดาบอัคคีที่มีใบดาบสีแดงสดราวเปลวเพลิง! เขาต้องสู้ และต้องรอด!
“ข้าคงชินกับผู้กล้าแนวขนบไปนิด จึงเผลอคิดว่าเจ้าจะใช้แค่เวทมนตร์เสียอีก เจอกันคราวก่อนเจ้าก็ไม่ได้แนะนำอาวุธเวทมนตร์ประจำตัวข้าจึงประเมินเจ้าต่ำไป คิดว่าแต่ละคนในกลุ่มจะมีวิชาเป็นเอกเทศเสียอีก” ชาโดว์สตีลพูดอย่างเยือกเย็น
“เจ้ายึดติดมโนสำนึกของความเป็นผู้กล้าล้าหลังมากไปแล้ว ข้าใช้ได้ทั้งเวทมนตร์และอาวุธเวท ไปจำรูปแบบนั้นมาจากที่ไหนกัน” ไบรอันทำหน้าผิดหวังที่โดนอีกฝ่ายเข้าใจตนผิดไปไกลโข
“เมื่อนานมาแล้วข้าเคยปะทะกับผู้กล้ากลุ่มหนึ่งและหนีรอดได้โดยบังเอิญ ก็คิดว่าเจ้าคงเป็นเหมือน ๆ กัน แต่เวเบอร์บอกว่าไม่ใช่”
“เจ้าน่าจะเชื่อเวเบอร์นะ” ไบรอันกำด้ามดาบแน่นพร้อมต่อกร
แล้วทั้งคู่ก็เข้าประดาบกันอย่างนักดาบพึงกระทำ ดาบสีแดงกับดาบสีเงินเชือดเฉือนกันเกิดเป็นสะเก็ดไฟด้วยความร้อนของการโจมตี ไบรอันขันสู้สุดฝีมือแต่ยังทำได้แค่ป้องกันตัวเท่านั้น ไม่สามารถบุกได้อย่างจะแจ้ง
เมื่อเห็นช่องว่างไบรอันจึงสร้างบอลไฟขึ้นที่มือซ้ายแล้วซัดใส่ชาโดว์สตีลจนเกิดระเบิดอย่างรุนแรง! ท่ามกลางควันระเบิดทั้งไบรอันและคู่ต่อสู้ต่างฝ่ายต่างถอยห่างเพื่อระวังกับดัก ไบรอันสบถเบา ๆ เพราะระเบิดของเขาไม่ระคายเกราะของชาโดว์สตีลเลย
“อย่างนั้นลองแบบนี้เป็นไร”
ไบรอันถ่มน้ำลายแล้วแล้วพุ่งเข้าใส่พร้อมเงื้อง่าดาบในมือ ดาบสีแดงตวัดขึ้นลงสองครั้งสร้างแสงจันทร์เสี้ยวสีแดงสองสายพุ่งไปที่เท้าของชาโดว์สตีล มันเกิดเป็นเสาแห่งไฟขึ้นในทันใด ความร้อนแรงของมันแทบหลอมหินผาได้เลยทีเดียว
ไม่หยุดแค่นั้น ไบรอันเปลี่ยนดาบเพลิงเป็นขลุ่ยผิวตามเดิมแล้วบรรเลงเพลงแห่งเปลวไฟ มังกรแดงไร้ปีกตัวยาวเหยียดปรากฏตัวขึ้นในอากาศ มันงับร่างร้อนแดงของชาโดว์สตีลโยนขึ้นไปในอากาศแล้วพุ่งเข้าชน แสงสว่างจ้าแทบทำให้ตาบอดและเสียงระเบิดเกิดขึ้นเมื่อร่างทั้งสองสัมผัสกันอย่างจัง
ไบรอันหอบเหนื่อยจากการใช้เวทมนตร์ต่อเนื่อง ร่างพร้อมเกราะแตกร่อนของชาโดว์สตีลร่วงลงพื้นดิน เกราะเหล็กแกร่งแตกเป็นชิ้นๆเห็นเกราะโซ่ชั้นในวับแวม ร่างที่ทรุดโทรมจากการโจมตีอย่างหนักหน่วงยันตัวขึ้นอย่างลำบากลำบน
“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่เวเบอร์บอกเสียอีก ข้ารู้สึกอยากใช้ร่างจริงขึ้นมาแล้ว” แล้วกองเกราะแตกร่วนก็ทรุดลงกับพื้นไม่เห็นร่างที่อยู่ด้านใน
ไม่ทันให้ไบรอันสงสัยแผ่นดินก็สะเทือนเลือนลั่น บางสิ่งที่อยู่ใต้ดินแทรกตัวขึ้นมาบนฝืนปฐพี งูขนาดใหญ่กว่าต้นปาล์มเลื้อยขึ้นมาจากใต้ดิน ดวงตาสีแดงสดดุร้ายพร้อมเสียงขู่ฟ่ออย่างกราดเกรี้ยวบอกยี่ห้อว่าเป็นปิศาจ ไม่นับเกล็ดนับพันที่เป็นคมมีดหลายร้อยชนิดเรียงตัวกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ
นี่คือสิ่งที่ไบรอันกลัว เวเบอร์เฝ้าเตือนนักหนาว่าพวกปิศาจมักมีร่างจริงอยู่อีกร่างหนึ่งเสมอ!
ทั้งสองจ้องตากันราวกับอ่านใจกันได้ แล้วงูใหญ่ก็เปิดปากพูด ลิ้นสองแฉกเลียริมฝีปากที่เรียงด้วยคมมีดอย่างกระหายเลือด
“ห้าปีแล้วที่ข้าไม่ได้เปิดเผยร่างนี้ออกมา ในดินแดนที่ข้าจากมา การเผยร่างจริงเป็นสิ่งน่าอับอายสำหรับปิศาจอย่างเรา แต่ดูเหมือนในดินแดนนี้ออกจะเป็นการอวดตัวมากกว่านะ ว่าไหมผู้กล้าแสงตะวัน”
“เจ้าก็แค่ตัวโตขึ้นนิดหน่อย” ไบรอันสะบัดขลุ่ยผิวอีกครั้ง มันกลับเป็นดาบที่มีใบดาบแดงฉาน “อยากลองเชือดเนื้อเจ้ามากินแล้วสิ”
“คิดว่าจะทำได้หรือ” งูยักษ์ร่างจริงของชาโดว์สตีลหมุนคอบิดขี้เกียจ เสียงเสียดสีของอาวุธทำให้ขนแขนไบรอันลุกชัน
ทันใดนั้นงูก็กลายเป็นลำแสงสีเงินพุ่งเข้าหาผู้กล้าแสงตะวันดุจธนูหลุดจากแล่ง ไบรอันใช้ดาบในมือเบี่ยงวิถีได้ หากร่างของเขากระเด็นไปจนเกือบสุดเวที เพราะแรงที่พุ่งเข้ามานั้นเกือบเทียบเท่ามังกรโตเต็มวัย!
“กันให้ได้ทุกครั้งนะผู้กล้าแสงตะวัน” เสียงเย็นเยียบของปิศาจอสรพิษสรรพาวุธดังมาจากทุกแห่งรอบด้านจนไม่อาจรู้ได้ว่าจะเข้ามาทางด้านไหนแน่ เงางูสีเงินพร่าเลือนจนมองไม่ทัน
“คิดว่าตัวเองเร็วกว่าสายฟ้าไหม ตัวเจ้าตอนนี้เป็นสายล่อฟ้าชั้นดีเชียวนะ”
ผู้กล้าแสงตะวันเอยคำ อุ้งมือแห่งผืนดินก็ห่มตัวเขาไว้อย่างแน่นหนา ก่อนพายุสายฟ้าจะถล่มลงมาหาชาโดว์สตีลผู้ที่เป็นเหล็กทั้งตัว! ไบรอันนั้นปลอดภัยเพราะสายฟ้าไม่อาจทะลุผิวดินได้ และเมื่อเสียงกัมปนาทจากภายนะสงบลงดินที่ห่อตัวเขาไว้ก็ร่วงหล่น แลเห็นลำตัวใหญ่โตถูกฟ้าผ่าตายนอนนิ่งอยู่บนพื้น
ก่อนไบรอันจะได้เป็นผู้ชนะปฐพีก็สะเทือนเลือนลั่น ไบรอันโผไปด้านหน้าทันที ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นมีบางสิ่งพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน หากไม่หลบแล้วเขาอาจถูกกลืนกินด้วยร่างงูยักษ์ของชาโดว์สตีลผู้กลับมาผงาดอีกครั้ง ร่างเก่าที่ถูกฟ้าผ่ากลายเป็นคราบแล้วค่อยๆหายไป
“อย่างนั้นข้าลองอีกครั้งก็ได้!”
ไบรอันยกขลุ่ยผิวบรรเลงเพลงแห่งผืนดิน ในระหว่างนั้นก็ใช้เวทมนตร์ทำให้ตัวลอยไปบนอากาศด้วยเพื่อป้องกันตัว มังกรแห่งพสุธาพลันก่อร่างออกมาจากพื้นดิน ลำตัวเป็นดินหนาแน่นเรียวยาวบินไปทางใดก็พินาศด้วยเข็มแห่งดินที่พวยพุ่งจากพื้น มันเสียบทะลุงูยักษ์อย่างถนัดถนี่ แม้ธาตุดินจะแพ้ธาตุทอง หากไบรอันใช้พลังเหนือกว่าเพื่อเอาชนะจนได้
“ไม่เลวนี่ผู้กล้าแสงตะวัน” เสียงแหบพร่าแสดงให้รู้ว่าปิศาจงูยังมีชีวิตอยู่ มันแทรกตัวออกมาจากพื้นดินเหมือนเมื่อครู่ “คราวนี้ตาข้าบ้าง”
ส่วนหัวที่เป็นทรงโลงศพถอยไปด้านหลังแล้วพุ่งเข้าฉกไบรอันด้วยความเร็วทั้งหมด
ทว่าไบรอันยกมือร่ายเวท เขาต้องใช้วิธีที่รุนแรงขึ้นเพื่อให้รอดชีวิต เวทมนตร์ทั้งหมดไม่ได้จำกัดแค่ห้าสายหากแต่เป็นเจ็ดสาย ดิน น้ำ ไฟ ไม้ ทอง แสงสว่าง และจักรวาล บัดนี้ผู้กล้าแสงตะวันกำลังใช้เวทมนตร์สายจักรวาลหยุดหัวงูกลางอากาศแล้วเอ่ยคำ
บรรยากาศรอบด้านสะท้านเฮือกจนขนลุกเกรียว ความหนาแน่นของอากาศต่ำลงจนสัมผัสได้ทางผิวหนัง แรงโน้มถ่วงที่ส่วนหัวงูเพิ่มขึ้นในบัดดล บดขยี้ส่วนหัวของปิศาจงูจนแหลกเละ ส่วนหัวบดบี้ของปิศาจหล่นลงพื้น ทางผู้กล้าแสงตะวันก็ถึงกับกระอักเลือดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการใช้เวทมนตร์ชั้นสูง ไบรอันฝืนสติให้คงอยู่พร้อมภาวนาอย่าให้มันกลับมาอีก ภาวนาให้คู่ต่อสู้พบกับความตายสักที ทว่า
“แค่นั้นยังไม่ดีพอนะ ผู้กล้าแสงตะวัน”
ร่างใหญ่ยักษ์คลานลอดร่างเก่าที่กลายเป็นคราบเหมือนหายนะจากนรก งูใหญ่เห็นว่าผู้กล้าหมดเรี่ยวแรงต่อกรแล้วจึงเลื้อยเป็นวงกลมล้อมไบรอันไว้อย่างใจเย็นราวกำลังล้อเล่นกับเหยื่อที่หมดทางหนี
ในเสี้ยววินาทีที่ไบรอันคิดว่าต้องตายแน่แล้วก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น หัวของชาโดว์สตีลถูกดึงลงกระแทกพื้นเสียงดังโครมใหญ่!
คนที่มาช่วยชีวิตไบรอันมีสองคนอายุมากกว่าเขาราวสิบปี คนหนึ่งเป็นชายผมทองยาวประบ่าเหมือนเวเบอร์ อีกคนเป็นหญิงผมน้ำตาลมีแผงปีกสีขาวติดอยู่ที่หลัง ทั้งคู่คุยกันด้วยภาษาอื่นที่มีสำเนียงคล้ายภาษาถิ่นของเพอลานต้า ผู้หญิงถือสิ่งที่คล้ายเชือกเรืองแสงรัดรอบหัวใหญ่โตของชาโดว์สตีล ส่วนผู้ชายหันมาใช้มนตร์รักษาให้เขาอย่างเมตตา ทั้งคู่หัวเราะเล่นหัวกันก่อนชายคนนั้นจะใช้เวทมนตร์กับตัวเองแล้วหันมาคุยกับผู้กล้าแสงตะวัน
“...เข้าใจคำพูดข้าแล้วใช่ไหม เวทมนตร์ยังใช้ได้ดี” ชายคนนั้นมีนัยน์ตาสีฟ้า ดูสงบและเยือกเย็น “สวัสดี พวกเรามาจากต่างดินแดน จากดาวดวงที่เวเบอร์จากมา ข้าคือพี่ชายบุญธรรมของเขายินดีที่รู้จัก”
“ขอบใจที่ช่วยดูแลเด็กนั่นตอนอยู่ที่ดินแดนนี้” หญิงสาวพูดบ้าง นางกำเชือกไม่แรงมากแม้ชาโดว์สตีลที่ถูกจับกุมจะขู่ฟ่อใหญ่ให้
ทั้งคู่คือพี่บุญธรรมของเวเบอร์ พี่ชายหญิงที่เวเบอร์รักมากเสมือนพ่อและแม่ของตัวเอง!
“มาคุยกันต่อหวานใจ ข้าว่าเทพีไวน์ต้องชอบแน่ เราจับเป็นไปดีกว่านะ” พี่ชายของเวเบอร์พูดด้วยแววตาใสซื่อเหมือนเด็กเห็นของเล่นใหม่
พี่สาวของเวเบอร์สบถเบาๆ แผงปีกกางออก ส่วนหัวของชาโดว์สตีลขาดเป็นท่อนๆ แล้วร่างเก่าก็กลายเป็นคราบเมื่อร่างใหม่เลื้อยออกมาแทนที่เหมือนเดิม
“เมื่อกี้คงเป็นคำตอบครั้งที่หกได้แล้วนะที่รัก ข้าไม่มีวันเพิ่มจำนวนสัตว์เลี้ยงขององค์เทพีเด็ดขาด แค่นี้ข้ากับผู้ดูแลก็เหนื่อยแทบตายแล้ว” พี่สาวของเวเบอร์ยักไหล่ ไม่มีความกลัวเกรงต่อชาโดว์สตีลแม้แต่น้อย “เราเข้าเรื่องดีกว่า อยากพูดอะไรกับผู้กล้าหนุ่มนั่นก็พูดเร็วๆ ข้าจะเชือดเจ้าตัวนี้ไปเรื่อย ๆ รอท่านเอง”
“ข้าอยากขอบคุณที่ช่วยเป็นเพื่อนกับเด็กคนนั้น เขาเป็นคนโดดเดี่ยว” แม้จะไม่ใช่เวลาของอารมณ์ซาบซึ้ง ไบรอันก็รู้สึกได้ถึงความขอบคุณที่อีกฝ่ายมอบให้ผ่านเวทมนตร์รักษา “แต่ที่อยากพูดจริง ๆ ไม่ใช่คำขอบคุณหรอกนะพ่อหนุ่ม”
ไบรอันได้แค่นั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออก เขาไม่เคยพบพี่ชายของเวเบอร์มาก่อนจึงทำตัวไม่ถูกนัก ยิ่งเวเบอร์ตายไปแล้วด้วย ในระหว่างนั้นงูยักษ์ก็ถูกสังหารด้วยวิธีต่างๆ แทง ฟัน เผา บดขยี้ แล้วก็คืนชีพได้ใหม่ทุกครั้ง ผู้กล้าแสงตะวันเพิ่งได้พบปิศาจที่อึดขนาดนี้ เหนือสิ่งอื่นใด พี่สาวของเวเบอร์รับมือมันด้วยสีหน้าแจ่มใส เหมือนกำลังเล่นกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดอยู่ฉะนั้น!
“อยากบอกว่าเจ้านั่นเป็นของข้า ไม่ใช่ของเจ้า” พี่ชายของเวเบอร์พูดด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ
“ข้าไม่ได้เป็นของใครทั้งนั้น ผู้กล้าพัวร์รีน!”
ชาโดว์สตีลคงพูดอะไรผิดไป พี่ชายของเวเบอร์สบถอย่างหยาบคายแล้วเป่าหัวงูเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยเวทมนตร์บางอย่าง แล้วตัวใหม่ก็เคลื่อนออกมาจากคราบเก่าไม่รู้จักจบสิ้น
“ชื่อข้าคือพอลไลน์ต่างหาก! พอลไลน์ แฟรงไดม์ เรียกผิดกันตั้งแต่จอมเทพสูงสุดยันเด็กรับใช้ พอลไลน์ผู้กล้าอันดับหนึ่งของอิเดน ให้ข้าเป็นอันดับหนึ่งแต่แค่ชื่อยังเรียกผิดเลย”
“ท่านชื่อพัว...พอลไลน์หรือ” ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าไบรอันจะหาเสียงของเขาพบ อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเป็นกันเอง “แล้วบอกว่าเป็นผู้กล้า”
“มันเป็นเรื่องนานมาแล้ว ข้าเคยเป็นผู้กล้าในตำนานต่อสู้กับปิศาจมาก่อน ส่วนนั่นภรรยาของข้า เห็นแบบนี้นางเป็นว่าที่นักรบเทพเชียวนะ”
“แล้วท่านมาที่นี่เพื่อช่วยข้าหรือ” ไบรอันสะอึก แม้เวเบอร์จะตายแต่ก็ยังวางหมากเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้ด้วยการเรียกพี่ชายมา
“ดูจากสถานการณ์แล้วคงต้องช่วย...เราจะเริ่มกันอย่างไรดี” พี่ชายของเวเบอร์ถูมือ พี่สาวของเวเบอร์แสดงความรำคาญด้วยเสียงประท้วง “ห้าปีหลังจากเวเบอร์หนีออกจากเมือง เราก็ได้ข่าวเขา ได้ยินเรื่องที่เขาอาจได้อภัยโทษ ความจริงข้าไม่ห่วงความปลอดภัยหากข้ากลัวเขาต้องอยู่อย่างเดียวดายอีก แต่เปล่าเลย เขามีเจ้านาย มีเพื่อน มีชีวิตของตัวเองในดินแดนนี้ ข้าไม่ตั้งใจเข้ามายุ่มย่ามกับสิ่งที่เขาเลือก กระทั่งหลายวันก่อนหน้านี้ เขาไปพบหน้าข้า ขอร้องให้ข้าช่วยจัดการปิศาจงูตัวนี้ต่อจากเมื่อคราวก่อนด้วย เขาคิดว่าเพื่อนรักของเขาคงสู้กับมันไม่ไหว”
แม้พวกเขาจะบาดหมางเรื่องผู้หญิง แต่มิตรภาพลูกผู้ชายคงเหนียวแน่นกว่าจริงๆ ไบรอันคิด
“ท่านบอกว่าเมื่อคราวก่อน” ไบรอันแทรกเบา ๆ
“เรื่องนี้ต้องถอยหลังกลับไปยาวมาก ตั้งแต่ข้าเริ่มออกเดินทางตามหาพ่อ เวเบอร์คงยังไม่เคยเล่าการเดินทางของข้าให้ฟังใช่ไหม ข้าเคยใช้มันเป็นการลงโทษเวลาเขาทำผิดกติกาของเรา เขาต้องฟังการเดินทางที่น่าเบื่อของข้าทั้งหมดโดยไม่หลับไปเสียก่อน” ผู้กล้าพอลไลน์ยิ้ม “เอาเป็นว่าหนึ่งในพรรคพวกของข้าตัดหัวงูตัวนั้น ตอนนั้นข้าคิดว่ามันตายไปแล้วแต่เปล่าเลย เจ้าก็เห็นว่ามันยังไม่ตาย”
“ความจริงข้าออกตามหาหัวมันตามพุ่มไม้ทั้งคืน ท่านไม่ฟังคำข้าแถมไม่ยอมช่วยหา ไม่ต้องพูดดีไป” พี่สาวของเวเบอร์บ่นอุบ
“มันเป็นอมตะหรือ” ไบรอันถามผู้กล้าอีกคนหนึ่ง
“ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้าแม้แต่ตัวเวเบอร์เอง” พี่ชายของเวเบอร์พูดเป็นนัยที่ไบรอันไม่เข้าใจ “ข้ามีข้อเสนอ...หลังจากนี้คณะเดินทางของเจ้าต้องไปประลองกับคณะเดินทางชุดเก่าของข้า ดีไหม”
“ไม่ว่าอะไรข้าก็ยอม ขอแค่ชัยชนะเท่านั้น” ไบรอันหมดหนทางเสียแล้วในการต่อสู้ครั้งนี้ หากไม่ขอความช่วยเหลือคงไม่มีโอกาสรอดกลับไป
“ขอบคุณที่รับคำท้าประลองจากอดีตผู้กล้านะ จะรอวันที่เราจะได้ประลองกันอย่างสนุกสนาน” ผู้กล้าพอลไลน์ก้มหัวขอบคุณแล้วหันไปทางชาโดว์สตีลที่คงคืนชีพกลับมาได้สักสิบรอบแล้วหลังจากการปรากฏตัวของผู้กล้ากับภรรยา “จะบอกจุดที่เจ้ามองข้ามให้”
“จะทำได้หรือผู้กล้าพัวร์รีน!” ชาโดว์สตีลคำรามแยกเขี้ยวพุ่งเข้าใส่สองผู้กล้า พี่ชายของเวเบอร์เพียงดีดนิ้วร่างใหญ่โตก็ระเบิดเป็นจุล แล้วตัวใหม่ก็เลื้อยออกมาจากกองซากศพของตน
“จะเห็นว่ามันกลับมาได้ตลอด แสดงว่าไม่ใช่ตัวจริง เราต้องมองไปรอบทิศ ซ้าย ขวา หน้า หลัง ในเมื่อรอบ ๆ ไม่มีก็ต้องข้างล่าง ตัวจริงจะต้องอยู่ข้างล่างแน่”
ผู้กล้าพอลไลน์ทาบฝ่ามือลงบนพื้นลานที่เป็นดินหนา เกิดแรงสะเทือนเลือนลั่นใต้ฝ่าเท้าเหมือนแผ่นดินแยก ร่างแทนตัวของชาโดว์สตีลสลายเป็นผง แล้วตัวจริงที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยพุ่งพรวดขึ้นมาทั้งที่ร่างถูกอัดน่วมจากแรงระเบิดของเวทมนตร์
“ข้าไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่ผู้กล้าพัวร์รีน!” ชาโดว์สตีลตัวจริงขู่ฟ่อ สรรพาวุธที่เป็นเกล็ดทั่วทั้งตัวชี้ชันแล้วพุ่งออกไปในอากาศก่อนเลี้ยวกลับมาหาพี่ชายของเวเบอร์ที่ไม่มีอาการตกใจเลย
“ก็บอกแล้วว่าข้าชื่อพอลไลน์!”
พี่ชายของเวเบอร์คำรามพร้อมแสดงท่าหยาบคายใส่ ดาบและกระบี่นับร้อยพันหลอมรวมตัวกันเบื้องหน้าผู้กล้าพอลไลน์ แล้วกลับกลายเป็นดาบเล่มยักษ์ทิ่มแทงลงบนร่างของงูใหญ่จนส่วนหัวขาดสองท่อน เป็นการจบชีวิตของชาโดว์สตีลอย่างแท้จริง
“พลังเวทมหาศาลเมื่อกี้มันอะไรกัน ท่านเป็นใครกันแน่” ไบรอันตกตะลึงกับการตอบโต้แบบขอไปทีของผู้กล้าอีกคนหนึ่ง
“อดีตเป็นผู้กล้า ตอนนี้เป็นพ่อลูกอ่อน มีภรรยากับน้องชายหัวแข็งอีกอย่างละหนึ่งคน หากเจ้าไม่นับคนรักของเวเบอร์ด้วยก็มีกันแค่นี้” ผู้กล้าอีกคนขยิบตาให้ ตอนนี้ไบรอันมีพละกำลังพอจะลุกยืนได้แล้ว เชื่อว่าคงทำพิธีแต่งตั้งนักรบจันทราต่อได้ แต่ก่อนหน้านั้น
“เท่ากับตอนนี้ฝ่ายข้าชนะสองในสามแล้ว ฝ่ายจักรวรรดิเป็นผู้ชนะโดยชอบธรรม” ผู้กล้าแสงตะวันแถอย่างไม่ใช่นิสัย ตอนนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะจบเรื่องวุ่นวายแล้ว
“จริงสิ พวกเราต้องไปแนะนำตัวกับองค์จักรพรรดิของดินแดนนี้ก่อน” พี่ชายของเวเบอร์ขอตัวไปทำธุระต่อ “ถึงเวลาที่ดาวสองดวงจะต้องทำความรู้จักกันให้มากขึ้นแล้ว”...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ