นักรบจันทรา

7.0

เขียนโดย Sagestone

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  28.89K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) ตอนที่ 23

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 23

                ตอนนี้เป็นอีกครั้งที่ผู้กล้าแสงตะวัน ไบรอัน แบล็คสโตนกำลังทุกข์ทนเพราะเรื่องความรัก ที่แล้วมาความรักของเขาต้องถูกทำลายเพราะคำสาปต้องห้ามที่ทำให้คนรักของเขาป่วยไข้เจียนตาย บัดนี้คำสาปถูกทำลายแล้วหากสตรีที่เขารักนั้นอยู่ห่างไกลเกินเอื้อมถึง ก่อนหน้านี้ยังวาดฝันถึงอนาคตที่สดใสขอแค่พวกเขารอดชีวิตให้ได้ บัดนี้ไม่ใช่แค่นั้นเสียแล้ว ลาควีล่าของเขากลายเป็นเจ้าหญิงองค์หนึ่งของจักรวรรดิเพื่อกันไม่ให้กลายเป็นนางสนมขององค์จักรพรรดิ

 

                “แค่เจ้าพาพวกเราไปหาคนอื่นที่มีอำนาจพอหยุดคนพวกนั้นได้ เหตุใดต้องไปหาองค์จักรพรรดิ!” ไบรอันโวยใส่ดาริอุสทันทีที่ออกจากห้องรับรอง อีกฝ่ายขอโทษขอโพยด้วยความรู้สึกผิด

 

                “ขอโทษ สมองอย่างข้าก็คิดได้แค่นั้นล่ะ จะช่วยให้ถึงที่สุดเลยให้พวกเจ้าแต่งงานกันให้ได้” ดาริอุสให้คำมั่นก่อนลี้ภัยไปหาน้องสาวฝาแฝดที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ส่วนลาควีล่าถูกกันตัวออกไปเพื่ออบรมมารยาทชาววังเบื้องต้นกับเนอร์วาน่า

 

                สุดท้ายไบรอันจึงไปนั่งเศร้าในห้องพักที่เนอร์วาน่าใช้มนตร์เคลื่อนย้ายมาขอให้พวกเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

 

                ระหว่างที่นั่งขบคิดหาทางออกลูกกลมสื่อสารก็สว่างขึ้นเบื้องหน้าเขา เวเบอร์เป็นผู้ติดต่อมา ท่าทีกระสับกระส่าย

 

                “เจ้าถูกเคลื่อนย้ายไปที่ไหนไบรอัน เหตุใดข้าติดต่อเจ้าก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย” เพื่อนร่วมอุดมการณ์สาดคำถามเป็นชุด สิ่งที่ได้รับแทนคำตอบคือความเงียบ “เรื่องแผนข้าขอให้นางผู้หยั่งรู้ทำหน้าที่แทนเจ้า เหลือแค่สถานการณ์ทางเจ้าที่เคลื่อนย้ายไปโดยไม่รู้ปลายทาง...ทำไมทำหน้าอย่างนั้นไบรอัน ลาควีล่าคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

 

                พูดถึงลาควีล่าน้ำตาของไบรอันก็ไหลออกมาเสียดื้อ ๆ ทำเอาคู่สนทนาหน้าเสียคิดว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้น

 

                “นางสบายดี เจ้าไม่ต้องห่วง” ไบรอันปาดน้ำตาฝืนทำตัวให้เข้มแข็งเหมือนปกติ “ตอนนี้สถานะนางเปลี่ยนไปแล้ว นางกลายเป็นน้องสาวบุญธรรมของดาริอุสไปแล้ว เรื่องมันยาวข้าไม่อยากลงรายละเอียดมากนัก นั่นเป็นทางเลือกเดียวในตอนนั้นที่จะช่วยไม่ให้นางกลายเป็นสนมขององค์จักรพรรดิ”

 

                “แล้วเหตุใดจึงทำหน้าอย่างนั้น” เวเบอร์ถามด้วยความไม่รู้ถึงประเพณีของดินแดนนี้

 

                “สองจักรวรรดิมีจารีตอยู่ เจ้าหญิงและเจ้าชายของนครหลวงจะแต่งงานกับผู้ที่มีฐานะเทียบเท่าเท่านั้น ไม่อาจแต่งงานกับคนธรรมดาหรือขุนนางระดับล่างได้ ความจริงไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าพลาดรัก แต่ไลล่าเป็นเหมือนแสงสว่างของข้า ข้าไม่อาจอยู่ได้โดยไม่มีนาง”

 

                เวเบอร์แสดงอาการวิตกอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญสำหรับทั้งคู่ตอนนี้คืองาน พวกเขาจะต้องช่วยจอมอสูรให้กลับมาเป็นคนปกติให้ได้

 

                “เรื่องลาควีล่าเอาไว้ให้ถึงเวลาค่อยมานั่นเศร้า คุยเรื่องงานก่อน” เวเบอร์ตัดบทโดยทันที “ข้าเอาข้อเสนอไปยื่นกับท่านดัชเชลแล้ว พวกเราต้องสู้กันสามครั้ง หากพวกเจ้าชนะสองในสามก็จะยอมเจรจาด้วย นี่ถือเป็นคำขาดแล้วสำหรับคนที่โดนสองจักรวรรดิพรากลูกมาเป็นสิบปี คู่แรกคือข้ากับลาควีล่า คงเป็นศึกตัดสินของเราสองคนด้วย คนที่สองชาโดว์สตีลสำหรับเจ้าคงหืดขึ้นคอแต่ข้าจะเอาใจช่วย คนที่สามของทางข้าคือทามิเอล ข้าคิดไม่ออกว่าเราควรให้ใครไปสู้ดี”

 

                “ดาเรียนกเพลิงของดาริอุส เขาเป็นพี่ของทามิเอล” ไบรอันตอบเศร้าๆ ผ่านความเศร้าหมองมานับสิบเขาก็ยังเรียนรู้วิธีเก็บอาการไม่ได้เสียที “แล้วเจ้าชาโดว์สตีลแข็งแกร่งมากไหม มีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง”

 

                “หมอนั่นเป็นปิศาจสรรพาวุธ เดินทางมาจากดินแดนของข้าเพื่อหนีจากผู้กล้าอีกคนหนึ่งที่คิดว่ามันตายไปแล้ว ข้าภาวนาให้เจ้าชนะแม้จะมีโอกาสน้อยเหลือเกิน คงต้องปรึกษาเนอร์วาน่าว่าควรทำอย่างไรดีกับเรื่องนี้เพื่อให้เจ้ารอดชีวิต ส่วนดาเรียเจ้าว่าอย่างไร เก่งมากไหม”

 

                “เคยเห็นตอนสู้กับอโฟเดล เป็นนกเพลิงที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบ ไม่ต้องพูดเรื่องขนาดนะ ยังแปลกใจอยู่ว่าเจ้าดาริอุสได้นกเพลิงดีขนาดนี้ได้อย่างไร สงสัยโชคช่วย”

 

                “นั่นสินะ” เวเบอร์ถอนหายใจพรืด แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มออก “การประลองจะจัดวันพระจันทร์เต็มดวงคราวหน้า อีกสิบวัน ระหว่างนี้ทางข้าจะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร”

 

                “ไม่มีอะไรมากหรอก ต่อจากนี้เราจะไปเอาผลึกกาลเวลาที่หอคอยกษัตริย์ ทางเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า เรื่องแหล่งพลังงานที่ว่า” การย้อนเวลาจอมอสูรดัชเชลใช้แค่เวทมนตร์ธรรมดาไม่พอ ต้องใช้วัตถุทรงอำนาจเพื่อเพิ่มพูนพลังด้วย

 

                “ข้าข้ามมิติไปหามาได้แล้ว หาข้ออ้างสำหรับเจ้าสิ่งนี้ง่ายมาก เตรียมติดตั้งในจุดที่เรากำหนดไว้เป็นสถานที่เจรจา คิดว่าไม่มีปัญหา”

 

                “ปัญหาเดียวคือการประลองระหว่างเจ้ากับไลล่า ข้าไม่อยากให้คนใดคนหนึ่งตาย”

 

                “แต่เราต้องเลือก ข้ายอมล้มมวยให้ลาควีล่าชนะ แม้ผลจะครึ่งๆกลางๆแต่ในเมื่อข้าตายนางต้องได้เป็นฝ่ายชนะแน่ เป้าหมายของเราต้องมาก่อนเรื่องอื่น ฝากนางไว้กับเจ้าข้าก็วางใจ”

 

                ในวินาทีนั้นเหมือนมิตรภาพของทั้งคู่จะกลับมา ทว่ามันสายไปแล้ว พวกเขาทำงานร่วมกันได้เพราะมีจุดประสงค์ร่วมกันเท่านั้น ไม่สามารถกลับไปเป็นเพื่อนตายเหมือนเดิมได้อีก นั่นคือคำสาปเมื่อทั้งคู่หลงรักหญิงคนเดียวกัน

 

                “คงไม่ว่าใช่ไหมหากก่อนวันประลองพวกเราสองคนไปดื่มด้วยกันสักยก ให้ข้าได้สั่งเสียก่อนตาย อย่างไรเราก็เคยเป็นเพื่อนรักกัน เคยนะ” เวเบอร์พูดโดยไม่มีน้ำเสียงประชดประชัน ไบรอันก็เห็นดีด้วย

 

                การสนทนาของพวกเขาหยุดลงเพราะเสียงเคาะประตู ลูกแก้วติดต่อหายกลายเป็นอากาศทันที ดาริอุสเดินเข้ามาด้วยสีหน้าหวาด ๆ แล้วถามว่าเขาคุยกับใครอยู่

 

                “เวเบอร์ติดต่อมา เรามีเวลาเหลืออีกสิบวันจึงจะถึงการประลองเพื่อเปิดการประชุม” ไบรอันตอบทั้งที่ยังมีความเศร้าอยู่เต็มหัวใจ

 

                “ข้าไปคุยกับเอเลน่ามา” ดาริอุสเกริ่น “นางยินดีอวยยศให้เจ้าเทียบเท่าแม่ทัพใหญ่เพื่อขอแต่งงานกับไลล่าได้ ถ้าการประชุมจบลงด้วยดีนะ ดีใช่ไหม”

 

                ไบรอันยิ้มตอบด้วยความขอบคุณ อีกฝ่ายคงพยายามทำให้ถึงที่สุดแล้วเหมือนกันเพื่อแก้ไขสิ่งที่ทำพลาดไป...

 

 

                ช่วงเวลาไม่กี่วันสำหรับดาริอุสถือว่าผ่านไปเร็วมากในนครหลวงของเพียรซ์ มีทั้งการแต่งตั้งลาควีล่าเป็นเจ้าหญิงอย่างเรียบง่าย ผู้กล้าแสงตะวันนายจ้างคงทำใจได้แล้วจึงทำแต่งานไม่ยอมหยุดเหมือนคนบ้า เพราะตอนนี้หลายหมู่บ้านถูกโจมตีโดยไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร ทั้งที่เวเบอร์ออกมาพูดเองว่าไม่ใช่ฝีมือฝ่ายตน พอดาริอุสถามเรื่องลาควีล่าก็ได้คำตอบดังนี้

 

                “ข้อเสนอของพระนางข้าต้องขอพักไว้ก่อน เอาไว้ได้รับคำตอบจากเนอร์วาน่าเมื่อไรจะบอกอีกครั้ง”

 

                “แล้วเรื่องการบุกทำลายหมู่บ้านต่อเนื่องล่ะ ได้ความว่าอย่างไรบ้าง”

 

                ดาริอุสถามด้วยความเป็นห่วง จะเรียกว่าเป็นการต่อสู้ก็ผิดไปนิด ตรงที่ทุกคนในหมู่บ้านที่เกิดเหตุหายตัวไปหมด ไม่มีร่องรอยการขัดขืนต่อสู้ ไม่มีอะไรเหลือนอกจากบ้านเรือนและสัตว์เลี้ยง ไบรอันประกาศกร้าวว่าจะต้องสืบหาต้นตอปัญหาให้ได้ ส่วนตัวเขาคิดว่าคงเป็นฝีมือจอมปิศาจ เพื่อให้จอมอสูรดูเลวร้ายมากขึ้นไปอีก

 

                โทเนีย คาสเปอร์เพื่อนวัยเด็กของดาริอุสทำตัวไม่ถูกเสียแล้วในเมื่อความจริงเขาคือเจ้าชาย เวลาไม่มีใครนางจึงพูดคุยกับเขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ทำให้ช่วงเวลารอผู้กล้าแสงตะวันทำงานไม่น่าเบื่อนัก นางเป็นคนสนิทของน้องสาวเขาทำให้ทั้งคู่พบกันหลายครั้ง ดาริอุสคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลข้างต้นทำให้ท่านหญิงโรเซลลิน่ามายังนครหลวงอีกครั้ง โดยบอกว่าอยากพบนางผู้หยั่งรู้

 

                “แล้วไปที่เมเทอาร์สนุกไหม เล่าให้ข้าฟังบ้างสิ” ท่านหญิงโรเซลลิน่ามาเคาะประตูห้องเขาแล้วพูดอย่างนี้ จึงต้องเล่าเหตุการณ์หลักๆให้ฟังอย่างไม่มีทางเลี่ยง

 

                สุดท้ายพระนางจึงพูดเรื่องที่อยากพูดมาตลอด

 

                “เรื่องของเราข้าได้คำตอบจากนางผู้หยั่งรู้แล้ว” ท่านหญิงโรเซลลิน่าทำให้ดาริอุสหน้าเสีย “ข้ายอมเป็นหนึ่งในจุดส่งพลังเวทเพื่อย้อนเวลาพ่อของท่านก็ได้ ขอแค่ท่านยอมหมั้นหมายและแต่งงานกับข้าเท่านั้น”

 

                เพียงนางพูดจบดาริอุสก็รู้สึกเหมือนใจจะขาดให้ได้ เขาไม่มีจิตพิศวาสท่านหญิงผู้นี้เลยสักนิด แล้วเหตุใดต้องแต่งงานด้วยเล่า

 

                “ความจริงข้าก็ไม่อยาก มันเป็นการแต่งงานทางการเมือง ใครๆก็ทำกัน” ถึงตรงนี้ท่านหญิงออกอาการเขินอายพอเป็นพิธีแล้วพูดต่อโดยไม่สนดาริอุสที่ทำหน้าเหมือนจะขาดใจตาย “แลกการช่วยพ่อท่านกับงานแต่งงานของเรามันก็สมเหตุสมผลแล้ว ข้ารู้จากเนอร์วาน่าว่าท่านต้องใช้แหล่งพลังเวทห้าจุดซึ่งยังขาดไปจุดหนึ่ง ข้าจะไปเติมเต็มแทนให้เอง เพื่อย้อนเวลาจอมอสูรพ่อท่านให้กลับเป็นมนุษย์ดังเดิม”

 

                ด้วยเหตุนี้ดาริอุสจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนรับข้อเสนอแบบขอไปที แลกกับการช่วยพ่อของเขาให้กลับมาเหมือนเดิม...

 

 

                ต้องใช้เวลาถึงห้าวันกว่าพวกเขาจะเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมเดินทางต่อ ความจริงแล้วลาควีล่าถูกรั้งให้อยู่ที่นครหลวง แต่ดาริอุสเอาเรื่องพรรคพวกของผู้กล้าแสงตะวันมาเป็นข้ออ้างชวนนางเดินทางต่อ เป้าหมายต่อไปคือเกาะเล็กๆทางใต้ของเมเทอาร์ บนเกาะนั้นมีหอคอยกษัตริย์ตั้งอยู่และมีหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่ด้วยพวกเขาจึงมีที่อาศัยยามพระอาทิตย์ตก

 

                “รู้ใช่ไหมว่าทำไมมันถูกเรียกว่าหอคอยกษัตริย์” ไบรอันเท้าคางถามดาริอุสอย่างสบายอารมณ์หลังอาหารเย็น

 

                “เพราะมีเพียงผู้มีสายเลือดเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่เข้าไปได้ใช่ไหม เนอร์วาน่าบอกข้าแล้ว” ดาริอุสง่วนกับการกินของหวานอย่างไม่หยุดยั้ง

 

                “ไม่ต้องห่วงหรอกไบรอัน ท่านก็รู้ว่ามีการป้องกันอย่างดี ไม่มีคนธรรมดาหรือใครเข้าไปวางกับดักได้หรอก” เนอร์วาน่าพูดขึ้น นางย่นจมูกใส่อาการอยากอาหารอย่างแรงถึงขั้นตะกละของดาริอุส “ผลึกกาลเวลาที่เราต้องการจะปรากฏตอนเที่ยงวันพรุ่งนี้ ท่านต้องไปเอาคนเดียวดาริอุส ที่สำคัญที่สุดคือเราต้องผ่านคืนนี้ไปให้ได้ก่อน”

 

                “จอมปิศาจใช่ไหม” ดาริอุสพูดไปเคี้ยวอาหารไปเหมือนหมูไม่มีผิด

 

                เนอร์วาน่าส่ายหน้าเบา ๆ แล้วบอกทุกคนว่าควรไปพักนอกเขตหมู่บ้านก่อนจะมืด

 

                ตอนค่ำยังเป็นปกติอยู่ พอดึกลงสักนิดดาริอุสที่ทำหน้าที่เฝ้ายามก็สังเกตความเปลี่ยนแปลงในเขตหมู่บ้าน หมอกควันสีดำทมิฬเข้าโอบล้อมทุกตรอกซอกซอยของหมู่บ้านจนแสงจันทร์ครึ่งดวงไม่สามารถสาดส่องลงไปได้ เขาคิดปลุกเนอร์วาน่าแต่นางลืมตาตื่นขึ้นมาเอง ทั้งคู่จึงรีบปลุกไบรอันกับลาควีล่าให้เร็วที่สุดเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านเล็กๆที่พวกเขาเคยไปอาศัยกินอาหารเย็นกัน

 

                “มันคือหมอกมนตราชนิดหนึ่ง” เนอร์วาน่าผู้รู้ทุกสิ่งอธิบายโดยไม่ต้องรอคำถาม “มันจะกัดกินกายหยาบของมนุษย์แล้วเปลี่ยนวิญญาณให้กลายเป็นบริวารของผู้ใช้วิชา หากพวกเราเข้าไปพักในหมู่บ้านก็เสร็จ กลายเป็นทาสให้ตาแก่นั่นใช้งาน มันรู้ว่าเจ้ากำลังตามล่ามันเช่นกันไบรอัน คงเพราะพลังสีขาวของลิเซียทำให้มันลงมือโจ่งแจ้งแบบนี้หลายต่อหลายครั้งเพื่อรวบรวมลูกสมุนในอาณัติให้เยอะที่สุด”

 

                เมื่อพูดถึงไบรอันอีกคน ผู้กล้าแสงตะวันก็แสดงอาการเดือดดาลออกมาทางสีหน้าพร้อมสบถสาบานว่าจะต้องฆ่าอีกฝ่ายให้ได้

 

                “นี่คือครั้งที่สามสินะ ต้องใช่แน่!” ไบรอันกำหมัดแน่น ในใจพร้อมทะยานออกไปฟาดฟันกับศัตรูตรงหน้า

 

                เมื่อหมอกควันจางลงจนแสงจันทร์ส่องผ่านลงไปยังอาคารบ้านเรือน ไบรอันก็ลุกวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน คิดว่าเป้าหมายต้องอยู่ในหมู่บ้านแน่นอน ทำให้ดาริอุสและลาควีล่าต้องวิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง ฝ่ายเนอร์วาน่านั่งถอนหายใจส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาอยู่คนเดียว

 

                ในหมู่บ้านว่างเปล่าอย่างที่เนอร์วาน่าบอกจริงๆ ไบรอันเข้าใจโดยทันทีว่าเหตุการณ์ผู้คนหายตัวไปทั้งหมู่บ้านหรือทั้งเมืองเป็นเพราะตาแก่ที่ชื่อเดียวกับเขา กลิ่นมนตร์มืดเหมือนดินอับชื้นล่องลอยไปทั่วทุกอณูอากาศ ผู้กล้าแสงตะวันกัดฟันกรอด แม้จะค้นหาอย่างไรก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบศัตรูเลย

 

                “พอใจหรือยัง!” ดาริอุสที่วิ่งตามไบรอันตลอดเวลาพักหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ลาควีล่าก็วิ่งหัวกระเซิงตามมาติดๆ

 

                ก่อนที่ผู้กล้าแสงตะวันจะได้ก่นด่าอีกครั้ง พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังก้องหมู่บ้าน เป็นเสียงหัวเราะของชายที่เป็นศัตรูของไบรอันแน่นอน ทันใดนั้นบรรยากาศรอบด้านก็เปลี่ยนไป กลิ่นดินดิบชื้นรุนแรงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

 

                “พวกเจ้าคิดผิดแล้วที่ไม่พานางนั่นมาด้วย” เสียงเยาะเย้ยดังกังวานไปทั่วหาที่มาไม่ได้

 

                ไม่ทันสิ้นเสียง เงามืดสีดำก็ผุดขึ้นมาจากพื้นดินเหมือนต้นไม้โปร่งแสงใต้เงาจันทร์ พวกมันงอกเงยขึ้นมาทีละเงาทีละกลุ่ม พวกเขาถูกล้อมกรอบด้วยภูตผีปิศาจแบบเมื่อตอนนั้นอีกแล้ว ต่างไปนิดตรงที่ตอนนี้พวกเขาใช้เวทมนตร์ได้!

 

                “ไม่ได้ผล!” ระหว่างที่วิ่งหนีไปใช้เวทมนตร์ไป ไบรอันก็รู้ได้ว่าเวทมนตร์ธรรมดาไม่ได้ทำให้เงามืดเหล่านั้นหวาดกลัวหรือถอยหนีอย่างที่ควร

 

                “อย่างนั้นก็อาวุธเวทมนตร์” ดาริอุสดึงกระบี่ออกมา เปลวไฟพวยพุ่งอาบไล้คมดาบทันควัน มันทำให้เงาดำกลุ่มหนึ่งแตกฮือเหมือนแมลงแล้วกลับไปรวมตัวกันใหม่อีกครั้งไม่จบสิ้น

 

                “กลับไปหาเนอร์วาน่าก่อน ไฟธรรมดาจัดการพวกมันไม่ได้ นางต้องรู้วิธีแน่” ลาควีล่าพูดไปหอบไปโดยลืมบางสิ่งอย่างสิ้นเชิง

 

                “ลืมพวกเราแล้วหรือนายท่าน” เสียงเรียบเรียกทุกคนให้หยุดดู ผู้พูดคือชายครึ่งคนครึ่งจิ้งจอกสัตว์อสูรประจำตัวลาควีล่านั่นเอง มันยืนคู่กับคนครึ่งนกซึ่งเป็นนกเพลิงประจำตัวของดาริอุสด้วย

 

                “น่าน้อยใจนะซีซาร์ ทั้งที่ไฟของพวกเราสามารถเผาได้ถึงวิญญาณแท้ๆกลับไม่ถูกเรียกใช้” คนครึ่งนกเพลิงดาเรียแสร้งทำเป็นมองเล็บมือ

 

                “ไม่พูดสักวันจะตายไหม!” ซีซาร์จิ้งจอกไฟของลาควีล่าเอ็ดเบาๆ “ก็เขาไม่รู้จะให้ทำอย่างไรได้”

 

                “ข้าก็แค่พูดตามความจริง” ดาเรียต่อปากต่อคำอย่างเคย เงาดำหลายร้อยเงาเริ่มเคลื่อนล้อมพวกเขาแล้ว ดาบไฟของดาริอุสกับไบรอันทำได้แค่กันไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวได้เท่านั้น “ฝีปากข้ามันถูกผูกติดกับฝีมือ ห่างกันไม่ได้หรอก”

 

                “จะช่วยก็ช่วย อย่าพูดมากนักสิดาเรีย!” ดาริอุสร้องขอความเมตตาจากบริวารของตนเอง

 

                ไม่รู้ว่าเจ้านกไฟคิดอะไรอยู่ มันดีดนิ้วหนึ่งครั้ง เปลวไฟสีฟ้าลุกโพลงล้อมพวกเขาเอาไว้เป็นเขตแดนโดยเหล่าวิญญาณข้างนอกไม่สามารถย่างกรายเข้ามาได้

 

                “ไฟของสัตว์ปิศาจระดับจักรพรรดิขึ้นไปสามารถเผาวิญญาณได้ ข้าอยากพูดแค่นั้น” คนครึ่งนกยังคงอ้อยอิ่งเสียเวลาส่วนมากไปกับการพูดที่มันชอบเสียเหลือเกิน

 

                “อย่างนั้นเจ้าเรียกสัตว์ปิศาจระดับจักรพรรดิออกมาใช้เลยลาควีล่า ข้าเบื่อนกปากมากนี่แล้ว!” ดาริอุสพูดด้วยความฉุน

 

                “อย่าเพิ่งเบื่อนายท่าน ข้าแค่อยากตกลงกับเจ้าจิ้งจอกวิปริตนี่ก่อน ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรให้สนุกที่สุด”

 

                “พวกข้าเกือบตายแต่เจ้าห่วงสนุกอย่างนั้นหรือ!” ดาริอุสคำรามดังขนาดที่ไบรอันไม่อยากเชื่อหู

 

                “เรารีบตัดสินใจดีกว่าเรมิเอล ข้าเบื่อฟังเจ้าพล่าม” ซีซาร์จิ้งจอกของลาควีล่าทำให้คนครึ่งนกเพลิงถอนหายใจยาวเหยียด

 

                “เหมือนเดิมก็แล้วกัน เจ้าด้านโน้นข้าด้านนี้ ใครหมดทีหลังแพ้ เดิมพันกันด้วยเลือดหนึ่งถ้วย” คนครึ่งนกเพลิงหาวหวอด สร้างความหมั่นไส้ให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

 

                “แล้วเจ้าจะหยุดพิจารณาทำบ้าอะไร!” คนครึ่งจิ้งจอกขู่ฟ่อทันควัน

 

                ไม่ทันสิ้นเสียง สัตว์วิเศษในร่างแปลงก็กลายร่างเป็นเปลวเพลิงทะยานออกไปคนละทิศทาง ด้านหนึ่งเป็นสีฟ้าใส ด้านหนึ่งเป็นสีแดงสด แพร่กระจายออกไปเป็นทะเลเพลิงโดยมีพวกเขาเป็นศูนย์กลาง

 

                “เหมือนเทศกาลไฟของเมืองทางตะวันตกเลย!” ดาริอุสร้องด้วยความประหลาดใจที่เปลวไฟลุกไหม้ไม่ยอมดับง่ายๆ กลับสว่างโชติช่วงกัดกินกลุ่มก้อนสีดำแต่และกลุ่มตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย

 

                เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วไบรอันก็ถอนหายใจที่สามารถรอดพ้นความตายได้อีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่าการตัดสินระหว่างเขากับศัตรูคู่แค้นจะเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น...

 

 

                ดวงอาทิตย์หลังเหตุการณ์ตื่นเต้นเมื่อคืนทำให้ยามเช้าของไบรอันเริ่มต้นได้ดีเหมือนเคย พวกเขากำลังเดินสำรวจรอบหอคอยสูงใหญ่โดยมีรั้วกั้นอยู่ด้านนอกคอยกันไว้ไม่ให้ใครหลงเดินเข้าไปใกล้ คราวแรกไบรอันคิดว่ามันเป็นแค่เครื่องประดับ กระทั่งลาควีล่าเดินเซไปชนรั้วที่ผุกร่อนอยู่ก่อนแล้วจนล้มลงไปในเขตของหอคอยกษัตริย์

 

                ร่างของลาควีล่าค่อยๆจมลงไปใต้พื้นราวกับมันมีสภาพเหมือนดินดูด!

 

                “รีบดึงออกมาก่อนจมสิ!” เนอร์วาน่าร้องบอกดาริอุสให้รีบก้าวไปช่วย

 

                ไบรอันไวกว่า เขายืดตัวออกไปดึงมือลาควีล่าออกมาจากเขตศักดิ์สิทธิ์ โดยหารู้ไม่ว่าเท้าครึ่งหนึ่งของเขาเหยียบอยู่บนอาณาเขตกษัตริย์ได้โดยไม่จมเหมือนหญิงสาว!

 

                “แบบนี้ล่ะถึงได้เรียกว่าหอคอยกษัตริย์ มันจะดูดผู้ที่ไม่มีสายเลือดราชาเข้าไปแล้วสำรอกออกมาตรงบ่อน้ำโน่น” เนอร์วาน่าดึงทั้งคู่ให้ห่างจากรั้วกั้นเขต ในขณะที่ดาริอุสเดินทอดน่องด้านในได้อย่างสบายใจ

 

                “พวกเราจะรอที่ต้นไม้ตรงนั้นนะดาริอุส อย่างไรก็รีบไปรีบมาล่ะ ผลึกกาลเวลาจะปรากฏที่ห้องชั้นบนสุด มันจะเป็นห้องเดียวที่เจ้าเปิดได้ไม่ต้องห่วง” เนอร์วาน่าพูดอย่างเป็นงานเป็นการแล้วชวนไบรอันกับลาควีล่าไปยังต้นไม้ใหญ่ไกลออกไป

 

                “ทำไมข้ารู้สึกต้นไม้แถบนี้มันแปลกๆ วางตัวกันเหมาะเจาะเกินไป” ไบรอันเกริ่น เหลียวหลังเห็นดาริอุสเดินเข้าประตูหอคอยไปแล้ว “เจ้าว่าอย่างไรเนอร์ว่าน่า”

 

                ชั่วแมลงกระพือปีกไบรอันก็สัมผัสสิ่งแปลกปลอมได้ รากไม้ส่วนหนึ่งมีชีวิตขึ้นมา มันมัดร่างของเขาพาสูงขึ้นท้องฟ้า ก้อนเมฆใหญ่ก่อตัวเป็นรูปร่างของปิศาจสีดำราวกับมาจากขุมนรก ท้องฟ้ามืดครึ้มอย่างปัจจุบันทันด่วน เสียงสวดดังขึ้นดั่งเป็นคำอธิษฐานถึงเบื้องบน

 

                “ท่านเทพเจ้าแห่งปีศาจ ข้าขอบูชายัญวิญญาณบริสุทธิ์ดวงนี้แลกกับร่างและพลัง วิญญาณพิสุทธิ์เป็นของท่าน ได้โปรดส่งร่างและพลังของเขาเป็นทานแก่ข้า” เหมือนบทสวดถ่ายวิญญาณที่เขาเห็นตอนเปิดอดีตไม่มีผิด

 

                ไบรอัน ธอมสันปรากฏตัวบนท้องฟ้าราวกับบินได้ กำลังจ้องมองไบรอัน แบล็คสโตนเหมือนงูมองเหยื่อ บัดนี้ผู้กล้าแสงตะวันกำลังประสบชะตากรรมแบบลุงของเขา ไบรอันภาวนาให้ลาควีล่ากับดาริอุสฆ่าตัวเขาหลังจากนี้ให้ได้ก่อนสติจะดับวูบ บางสิ่งที่เหมือนตัวตนของเขาถูกดึงสูงขึ้นไป ๆ...

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา