นักรบจันทรา

7.0

เขียนโดย Sagestone

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  24.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) ตอนที่ 24

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 24

                ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงบังเกิดขึ้นอย่างไม่นึกฝัน สติของไบรอันกลับคืนมาอีกครั้ง ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเริ่มเห็นแสงส่องลงมายังพื้นพิภพ เหตุใดเขายังไม่ถูกดูดกินวิญญาณเหมือนลุงของเขา เขาเป็นเหยื่อบูชายัญให้ตาแก่ลัทธิบูชาปีศาจไม่ใช่หรือ อริของเขาคนนี้ต้องการร่างที่หนุ่มแน่นและทรงพลังของคนตระกูลแบล็คสโตนจึงออกตาม ล่าตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน ผู้ชายตระกูลเดียวกับเขาหลายสิบคนต้องกลายเป็นเหยื่อส่งมอบร่างทรงพลังให้คนผู้นี้

 

                หัวของไบรอันหมุนติ้วเหมือนกังหันต้องลม มีอะไรที่เขาพลาดไป เหตุใดพิธีนี้จึงไม่สมบูรณ์ เนอร์วาน่าคำรามอย่างบ้าคลั่ง นางสะบัดมือใช้เวทมนตร์ตัดพันธนาการที่รัดตัวเขาอยู่ พอหล่นลงสู่พื้นดินเหล่าต้นไม้ก็งอกกิ่งก้านเป็นกรงขังเขาไว้อย่างแน่นหนา เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าเหล่าต้นไม้วางแนวกันเป็นวงไสยเวทเพื่อป้องกันสิ่งสำคัญ และสิ่งนั้นคือตัวเขาเอง!

 

                “ถ้าเจ้าเทพปิศาจของเจ้าพูดได้คงด่ากลับกระมัง ว่าเหตุใดส่งวิญญาณที่ไม่บริสุทธิ์มาให้ พิธีจึงถอยหลังแบบนี้” เนอร์วาน่าโบกมือให้ลาควีล่าไปคอยเฝ้าไบรอันที่พยายามหาทางออกจากกรงต้นไม้

 

                “ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าหนุ่มนี่ถอนคำสาปได้ แล้วเหตุใดกัน” ไบรอัน ธอมสันคำราม

 

                “ในบาปผิดทั้งเจ็ด โอหัง โทสะ ริษยา เกียจคร้าน ละโมบ ตะกละ และราคะ เจ้าคิดว่าบาปผิดข้อไหนที่คนหนุ่มธรรมดาอย่างเขาจะกระทำได้เล่า แบล็คสโตนเป็นตระกูลผู้ดีสืบเชื้อสายกันมายาวนาน พวกเขาชิงชังและไม่กระทำบาปทั้งเจ็ดเด็ดขาด ยกเว้นข้อเดียวที่มีโอกาสอยู่บ้าง” เนอร์วาน่ายกนิ้วอธิบาย

 

                “เพราะแบบนั้นข้าจึงใส่คำสาปให้เขา เพื่อไม่ให้เขาทำบาปผิดโดยไม่รู้ตัว คนรักทุกคนของเขาต้องตายก่อนที่จะได้มีสัมพันธ์กัน เขาไม่มีทางล่วงเกินบาปราคะได้แน่นอน!”

 

                “การจะละเมิดบาปราคะได้ไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์อย่างเดียวสักหน่อย” เนอร์วาน่าหัวเราะร่วน “เขาจูบกับคนที่ไม่สมควรอยู่ในที่นี้ถึงสองครั้ง แค่นั้นก็มากพอตราบาปให้กับดวงวิญญาณแล้ว หากอยากให้เขาเลอะสีแต่เจ้าตัวไม่อยากเอาสีมาทาตัว เราแค่สาดสีใส่เขาก็สิ้นเรื่อง”

 

                ไบรอัน ธอมสันสับสนว่าเหตุใดพิธีของตนจึงล่มเพราะจูบแค่สองครั้งเท่านั้น ในเวลาเดียวกันเนอร์วาน่าก็สร้างประตูสีดำขึ้นจากความว่างเปล่า นางเปิดมันออกให้เห็นว่าด้านในเป็นห้องโถงกว้าง

 

                “มาตัดสินกันในนี้ดีกว่าไบรอัน ธอมสัน” เนอร์วาน่าเชิญชวนอีกฝ่ายให้เข้าไปต่อสู้กันในอาณาเขตของนางเอง “หากท่านชนะเชิญเอาร่างนี้ไปใช้ได้เลย เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่ใช่หรือ”

 

                “ข้าไปด้วยเนอร์วาน่า ถ้าเป็นการช่วยไบรอันข้าอยากร่วมด้วย!” ลาควีล่าเสนอตัวออกมา

 

                แต่เนอร์วาน่าส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปราม

 

                “ให้เป็นการตัดสินระหว่างข้ากับเจ้านั่นดีกว่า เจ้าเป็นดวงใจของไบรอัน ข้าไม่อยากให้เข้ามาเสี่ยง ให้หน้าที่เสี่ยงตายเป็นของข้าเผื่อข้าจะเห็นตัวเองสำคัญขึ้นมาบ้าง”

 

                “สำคัญสิเนอร์วาน่า! เจ้าคิดอะไรอยู่!” ลาควีล่าร้อง

 

                เนอร์วาน่ายิ้มอย่าเศร้าหมองให้ไบรอันกับลาควีล่าแล้วเดินเข้าประตูไปพร้อมไบรอัน ธอมสันที่สถบสาบานว่าจะยึดร่างเนอร์วาน่าให้ได้ แล้วประตูสีดำสนิทก็ปิดลง

 

                ประตูดังกล่าวปิดได้ไม่ถึงนาทีก็เปิดออกอย่างรุนแรง เนอร์วาน่าผู้เป็นนางผู้หยั่งรู้ก้าวออกมาโดยที่ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดของตนเองและศัตรู ปัญหาเดียวตอนนี้คือนางยังคงเป็นเนอร์วาน่าอยู่ไหม หรืออาจถูกยึดร่างไปใช้แล้ว

 

                ร่างปวกเปียกยืนนิ่งอยู่ชั่ววินาทีแล้วทรุดลงกับพื้น ประตูด้านหลังหายไปราวหมอกควัน กรงไม้ที่ป้องกันไบรอันอยู่ก็สลายไปราวฝุ่นผง ไบรอันหน้าซีดเผือด ที่เป็นแบบนี้อาจเพราะนางถูกยึดร่างไปแล้ว หากศัตรูคือนางผู้หยั่งรู้ แล้วเขาจะสู้ได้อย่างไรกันเล่า

 

                ลาควีล่าวิ่งไปดูเนอร์วาน่าทันทีว่าผลการต่อสู้เป็นอย่างไร ไบรอันนั่งกัดฟันนิ่งไม่อยากรู้คำตอบ เพียงอยากฆ่าตัวตายเสียเองที่ต้องให้ผู้หญิงล้างแค้นให้

 

                “เนอร์วาน่า นั่นใช่ท่านหรือเปล่า” ลาควีล่าเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจชัดเจนเหมือนกัน

 

                “เจ้านั่นเก่งมาก” เนอร์วาน่ายังคงเป็นตัวเองแม้ร่างจะใกล้ความตายเต็มที่แล้ว “สู้กับข้าตอนพลังเหลือครึ่งเดียวได้ขนาดนี้ ไม่ใช่เล่นเลยนะ” แล้วนางก็สำรอกเลือดออกมากองใหญ่

 

                “หมายความว่าอย่างไรเนอร์วาน่า ที่ว่าเหลือครึ่งเดียว” ลาควีล่าช่วยพยุงเนอร์วาน่าให้นั่งพิงตนเอง “ไบรอันอย่างเฉยสิ นางต้องการการรักษาเดี๋ยวนี้!”

 

                ไบรอันทื่ทำอะไรไม่ถูกกระโจนพรวดเข้าไปหาแล้วใช้เวทมนตร์รักษาให้ทันที แสงสีขาวอบอุ่นดูเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับอาการบาดเจ็บของนาง

 

                “ทำไมเนอร์วาน่า ทำไมต้องทำแบบนี้” ไบรอันละล่ำละลัก

 

                “ข้า...เราใช้ร่างเดียวกันมาร่วมยี่สิบปี ข้ารู้จักท่านทุกอย่าง ทั้งความรู้สึกนึกคิด ความรัก ความเกลียดชัง แค่นั้นก็มากพอให้ข้าอุทิศชีวิตเพื่อท่านแล้ว”

 

                “ข้าขอโทษเนอร์วาน่า ไม่น่าให้เจ้าลำบากเพื่อข้าเลย” ไบรอันพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด นอกจากเขาจะไม่ได้แก้แค้นให้ตัวเองแล้วเพื่อนร่วมทางก็กำลังจะจากไปอีกคนหนึ่ง

 

                “ต้องโทษที่ข้ารู้จักท่านดีเกินไป รู้กระทั่งเรื่องที่ภาระในการแก้แค้นกัดกินจิตใจอันดีงามของท่าน จึงต้องยื่นมือเข้าช่วย...” เนอร์วาน่าขยับตัวอย่างลำบากลำบนเพื่อควานหาบางสิ่งจากในกระเป๋าเสื้อ แล้วหยิบบางสิ่งที่ใสเหมือนแก้วขึ้นมา ไบรอันรู้ได้ทันทีว่ามันคือกิ่งของกุหลาบแก้ว “โชคดีที่ไม่หัก ไม่ต้องรักษาข้าแล้วไบรอัน หากอยากช่วยข้า ก็จงมอบสิ่งนี้ให้ลาควีล่า ให้นางเห็นความจริงใจของท่าน ข้าขอร้อง”

 

                “แผลแค่นี้ข้ารักษาได้!” ไบรอันร้องบอก ทั้งที่เวทมนตร์ของเขาแทบไม่ส่งผลต่อแผลของนางแม้แต่นิด ราวกับมันเกิดจากอำนาจมืดที่ไม่อาจลบเลือนได้

 

                “เจ้าถามใช่ไหมลาควีล่าว่าเหตุใดพลังของข้าจึงลดลงกึ่งหนึ่ง เพราะข้าต่อสู้โดยเลือกข้างน่ะสิ ข้าสู้เพื่อคนที่ข้ารัก ทำให้พลังอำนาจของข้าลดเหลือครึ่งเดียวเท่านั้น ตอนแรกคิดว่าจะชนะขาดเสียอีกที่ไหนได้” เนอร์วาน่ายิ้มน้อยๆกลบเกลื่อนอาการบาดเจ็บอย่างไม่แนบเนียน

 

                “อย่าเพิ่งพูดเนอร์วาน่า ไลล่าเจ้ารู้จักสัตว์ปิศาจที่มีพลังรักษาไหม” ไบรอันเร่งคนรักให้คิดหาทางช่วยด้วย นางผู้หยั่งรู้ที่สะบักสะบอมเอากิ่งกุหลาบแก้วใส่มือของเขาราวกับเป็นของขวัญชิ้นสำคัญ

 

                “เอานี่ให้ลาควีล่าเสีย ถือเป็นคำขอร้องจากข้า”

 

                ไบรอันรับมันไว้อย่างเต็มใจ คิดว่านี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เนอร์วาน่าทำได้ก่อนตาย แต่แล้วความหวังพลันเกิดขึ้น เสียงนกร้องกึกก้องพร้อมเสียงกระพือปีกก่อนลงจอด ดาเรียนกเพลิงของดาริอุสขนาดเท่าหงส์เขื่อง ๆ มองไปทางเนอร์วาน่าราวรู้กันมาก่อน

 

                “ไม่ต้องรักษาแล้วผู้บ้าแสงตะวัน ข้าจัดการเอง” ดาเรียโผล่งขึ้นโดยไม่ดูสถานการณ์

 

                “น้ำตาวิหคเพลิง เทพเจ้าแห่งการรักษา” ไบรอันยิ้มอย่างยินดี หากได้โอสถชั้นเลิศอย่างน้ำตาของนกไฟไม่ว่าอาการบาดเจ็บชนิดใดก็สามารถรักษาให้หายได้

 

                “อ้าว ไม่ได้บอกสองคนนี้ก่อนหรือว่าข้าจะลงมารักษาให้ ทำท่าจะร้องไห้กันอยู่รอมร่อ” เจ้านกเพลิงใช้ปีกเกาจะงอยปากอย่างเบื่อ ๆ “แผลที่เกิดจากอำนาจมืดมันรักษายาก น้ำตาของข้าช่วยได้นะ”

 

                “ก็บอกให้หยุดรักษาอย่างไรละไบรอัน” เนอร์วาน่าพูดเสียงอ่อย ท่าทางไม่ค่อยดีใจที่เห็นทางรอดของตน

 

                “สรุปแล้วข้ารีบบินลงมาแทบตายพวกเจ้ากำลังเล่นบทซึ้งน้ำตาร่วงกันอยู่หรือ เป็นการฆ่าเวลาที่ดีมาก ข้ายกปีกให้เลย หรือจะเอานิ้วดีตอนนี้ข้ามีแต่นิ้วเท้านะ”

 

                “รีบรักษาสิเรมิเอล เร็วเข้า!” ลาควีล่าร้องอย่างขัดใจกับเจ้านกพูดมาก

 

                “ถ้ารีบนักเหตุใดไม่เรียกไลแลคนกของท่านออกมาช่วยรักษาเขาก่อนล่ะ” เจ้านกเพลิงพูดอย่างไม่ยั้งปาก ไบรอันอุทานเบา ๆ ที่ลืมไปว่าลาควีล่าก็มีนกไฟประจำตัวเช่นกัน

 

                “รีบรักษาเร็วเข้า เจ้านกปิ้ง” ไบรอันพูดอย่างหัวเสีย รีบถอยเปิดทางให้ดาเรียทันที

 

                “อย่าเรียกข้าว่านกปิ้งนะ ต้องเรียกว่านกย่างสิถึงจะถูก” เจ้านกเพลิงยังเพลิดเพลินกับการต่อปากต่อคำไม่ยอมหยุด

 

                “รีบรักษาเดี๋ยวนี้ดาเรีย ไม่อย่างนั้นข้าจะจับเจ้าไปถอนขนย่างกิน!” ดาริอุสวิ่งมาทางพวกเขาพร้อมร้องตะโกนอย่างเร่งรีบ “ทำไมไม่บอกข้าก่อนไบรอันว่ามีจุดเวทมนต์เคลื่อนย้ายไปชั้นต่าง ๆ ได้ เกือบบ้าเดินขึ้นบันไดไปแล้ว”

 

                “ก็ข้าไม่เคยเข้าไป” ไบรอันตอบเอื่อย ๆ

 

                “ข้ามองลงมาเห็นเนอร์วาน่าตัวเต็มไปด้วยแผลจึงรีบส่งดาเรียบินลงมาก่อนจะได้รักษาทัน นี่มันยังไม่รักษาให้อีกหรือ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

 

                “เร่งกันจัง” ดาเรียบ่นอุบ มันก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วเอาหัวชูเหนือท้องของเนอร์วาน่าที่มีแผลหนักสุด “ข้าเคยเจอบาดเจ็บหนักกว่านี้มาแล้ว อยากฟังไหม”

 

                ไม่มีใครตอบ ไบรอันกับลาควีล่าจ้องดาเรียราวจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนดาริอุสกอดอกแน่นมองมาทางดาเรียราวกับกำลังคิดเมนูอาหารอยู่

 

                “อย่าทำท่าแบบนั้นสิ กำลังช่วยอยู่นี่ไง”

 

                น้ำตาสีเงินของนกเพลิงหยดลงบนบาดแผลเกิดเป็นแสงสีขาวอ่อนละมุน ดาเรียปล่อยมันลงไปหนึ่งหยดสองหยด แล้วก็เปลี่ยนที่ไปที่อื่น เมื่อแสงดับลงจึงเห็นได้ว่าแผลได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์ไม่เหลือกระทั่งคราบเลือด เหลือบาดแผลยิบย่อยเท่านั้นที่มันไม่รักษาให้

 

                “ข้ารักษาให้แค่ส่วนที่เกิดจากอำนาจมืดเท่านั้น ที่เหลือจะหายเองถ้าใช้มนตร์รักษา เจ้าก็แค่เกาไม่ถูกที่คันรู้ไหมไบรอัน” เจ้านกปากมากพูดก่อนกลายเป็นเปลวไฟสีน้ำเงินแล้วหายไปในอากาศ

 

                “บอกแล้วว่าเขาเก่งมาก ถ้าไม่ติดพูดมากน่ะนะ” ดาริอุสโยนผลึกสีมุกเหลือบรุ้งขนาดลูกมะพร้าวลงไปกลางวงพรรคพวก “ได้มาแล้ว ผลึกกาลเวลา คราวนี้ก็เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

                “ตอนแรกไบรอันถูกจับตัวไปแต่เนอร์วาน่าช่วยออกมาได้ นางท้าสู้กับศัตรูของไบรอันจนกลายเป็นแบบนี้” ลาควีล่าพยายามอธิบาย ตรงนี้เป็นนิสัยของไซเรน่าชัด ๆ ที่ชอบอธิบายแบบไม่รู้เรื่อง เนอร์วาน่าจึงอธิบายแทนทั้งที่หอบเหนื่อยจากการต่อสู้

 

                “ไบรอันโดนกับดักชิงวิญญาณ เขาเกือบถูกถวายวิญญาณให้กับเทพของเหล่าปิศาจ แต่ไม่สำเร็จ” เนอร์วาน่าสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อครู่เป็นคนละคน “เพราะจูบของนักท่องเวลาทั้งสองทำให้ไบรอันแปดเปื้อนบาปจนใช้ในพิธีไม่ได้”

 

                “ข้ารู้แค่ทำให้แปดเปื้อน แต่แค่จูบข้าลองมาหลายคนหลายครั้ง ไม่เคยรู้สึกผิดเหมือนสองครั้งนั้นเลย ไม่รู้ทำไม” ไบรอันช่วยรักษาแผลเล็กน้อย ๆ บนตัวเนอร์วาน่าเสร็จแล้ว รอให้กำลังของนางกลับมาด้วยตัวของมันเอง

 

                “ถ้าเป็นอลิเซียต้องตอบว่าสปอย์เลอร์สินะ ห้ามบอกเหตุการณ์สำคัญให้รู้ล่วงหน้า” เนอร์วาน่าหัวเราะเบาๆ “รู้แค่ทำให้ท่านแปดเปื้อนราคะก็พอไบรอัน การแก้แค้นของท่านจบลงตรงนี้แล้ว ท่านไม่ต้องพยายามสร้างบาปผิดอีกเลย ไม่สำเร็จหรอก”

 

                “สมัยนี้ยังมีคนสนใจคำสอนและบาปทั้งเจ็ดนั่นอีกหรือ หัวโบราณชะมัด” ดาริอุสขมวดคิ้วมีท่าทางเหมือนผิดหวังในตัวผู้กล้าแสงตะวัน

 

                “ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว มีแต่คนหาว่าข้าหัวโบราณ ก็ครอบครัวของข้าสอนกันมาแบบนี้ พวกเราเคร่งครัดเป็นแบบแผนเท่านั้นเอง ข้าพยายามออกนอกลู่แล้วนะ” ไบรอันตอบยิ้ม ๆ

 

                “นี่พยายามแล้วหรือ!” ดาริอุสสบถเบา ๆ ก่อนขอให้เนอร์วาน่าเล่าต่อ

 

                “จากนั้นข้าก็ล่อตาแก่นั่นให้ไปสู้กับข้าในมิติพิเศษที่ข้าสร้างอย่างลับ ๆ มันจะสลายไปหากข้าแพ้ปิดทางไม่ให้ศัตรูกลับออกมาได้ตลอดกาล แต่ข้าชนะแล้วก็มายืน...นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว”

 

                “แล้วเจ้าทำแบบนี้ทำไมเนอร์วาน่า เจ้าไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้เพื่อข้าเลย เจ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แค่ดูอยู่เฉย ๆ ก็พอ” ไบรอันถามด้วยความสงสัย มือยังถือกิ่งกุหลาบแก้วจากนางผู้หยั่งรู้ไว้ มันทั้งบอกบางและโปร่งแสงเหมือนแก้ว

 

                “จำคำถามที่ข้าถามท่านตอนอยู่เมเทอาร์ได้หรือเปล่าไบรอัน คำตอบอยู่ตรงหน้าท่านแล้วแค่มองไม่เห็นเท่านั้น” เนอร์วาน่าตอบอย่างเสียไม่ได้ “รีบส่งมันให้ลาควีล่าเสียสิ ถือเป็นของขวัญจากข้า” นางจิ้มมือของไบรอันข้างที่ถือกิ่งชำกุหลาบแก้วอยู่ ท่าทางอารมณ์ขันของนางจะกลับมาแล้วไบรอันจึงไม่ติดใจถามเรื่องนี้ให้นางไม่สบายใจที่จะตอบอีก

 

                “เก็บไว้ก่อน ตอนนี้เรามีเรื่องอื่นสำคัญกว่า เราได้ผลึกกาลเวลามาแล้ว คราวนี้ก็ต้องทำตามแผนต่อไป” ไบรอันทำท่าจะเก็บกิ่งกุหลาบในตำนานไว้ในกระเป๋าด้านในของเสื้อคลุม ทว่าลาควีล่ายื่นมือมาเสียก่อน

 

                “ท่านนี่เก่งเสียทุกอย่างเรื่องเว้นเรื่องผู้หญิง ส่งมาได้แล้ว นางจะได้สบายใจเสียที” ลาควีล่าถอนหายใจเฮือกกับความบื้อของไบรอัน...

 

 

                เมื่อได้ผลึกกาลเวลามาแล้วก็เท่ากับแผนของพวกเขาสมบูรณ์ไปครึ่งหนึ่ง ดาริอุสนั่งทบทวนแผนกับไบรอันระหว่างที่เนอร์วาน่าพักผ่อนให้กำลังกลับคืนมา พวกเขาจะต้องเอาชนะการประลองระหว่างผู้กล้ากับฝ่ายของจอมอสูรให้ได้ ก่อนหน้านั้นเวเบอร์จะต้องเอาเชือกทวีอาคมกับผลึกกาลเวลาไปติดไว้ตรงที่นั่งของจอมอสูรพ่อของดาริอุส เมื่อชนะการประลองเขาจะต้องลงมาเพื่อเจรจาตามที่รับปากไว้ แล้วพวกเขาก็จะส่งพลังเวทย้อนเวลาจอมอสูรให้กลับเป็นคนปกติอีกครั้ง

 

                “ทำไมเราต้องให้ทางนั้นเลือกสถานที่พูดคุยด้วย ต้องลำบากทั้งท่านทั้งเวเบอร์ แล้วยังคนอื่นๆด้วย” ดาริอุสออกความเห็นว่าควรให้จอมอสูรมาเจรจาที่เพียรซ์มากกว่า

 

                “เราต้องทำให้เขาเชื่อว่าไม่มีการโกงหรือแหกตา” ผู้กล้าแสงตะวันตอบอย่างรำคาญ “ขนาดเวเบอร์ยังยอมล้มมวยต้มคนดูเลย ยอมพลีชีพเพื่อให้นายกลับเป็นคนปกติได้ เจ้าคิดว่าเจตนาของคนมุ่งมั่นแบบนี้จะพาเราไปผิดทางหรือ”

 

                “แต่ข้าไม่อยากให้เวเบอร์ตาย ไม่อยากให้ใครตาย!” ดาริอุสร้อง เขาไม่สนใจเก็บความอ่อนแอไว้เหมือนไบรอันเท่าไรนัก

 

                “ข้าก็ไม่อยากให้ใครตายเหมือนกัน” ไบรอันตอบเสียงราบเรียบ “อย่างนั้นก็เชื่อในแผนของข้ากับเวเบอร์สิ ดาเรียกับไลล่าจะชนะ ส่วนข้าจะเอาชีวิตรอดให้ได้ เพื่อให้พวกเราชนะอย่างน้อยสองในสาม คู่ต่อสู้ของข้าคือปิศาจชุดเกราะที่ประมือกับเราทางใต้ตอนนั้น ข้ายังไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะได้หรือไม่”

 

                “ให้ข้าสู้แทนไม่ได้หรือ”

 

                ดาริอุสทำให้ไบรอันตาลุกวาวราวกับครูเตรียมเทศนาเด็กที่สอนไม่จำ

 

                “จะให้ข้าบอกความสำคัญของเจ้าอีกครั้งไหมดาริอุส หน้าที่ของเจ้าคือปลดปล่อยจอมเทพให้หลุดจากการจองจำด้วยการทำลายจอมปิศาจ เพราะหากปล่อยไปหายนะอาจดำเนินต่อไปจนดินแดนนี้จบสิ้น ข้ากับเวเบอร์ไม่มีวันปล่อยให้เจ้าลงไปทำอะไรอันตรายแบบนั้นก่อนถึงเวลาเด็ดขาด หากกับศัตรูที่เรารู้เกี่ยวกับพลังอำนาจยังพอว่า นี่เป็นถึงอสูรจากดินแดนอื่น เวเบอร์บอกว่าแอบช่วยได้อย่างลับ ๆ แต่ต้องอาศัยแรงอึดของข้าด้วย”

 

                “เขาจะทำอะไรอสูรที่ท่านต้องสู้ด้วยหรือ วางยาหรือใช้คำสาป” ดาริอุสทำให้ไบรอันแยกเขี้ยวใส่เป็นหนที่สามเพราะพูดอะไรไร้แก่นสาร

 

                “เหลือเวลาอีกห้าวัน นานพอให้เจ้าพักไหมเนอร์วาน่า” ไบรอันหันไปคุยกับเนอร์วาน่าที่เข้าสมาธิหลับตาอยู่เพื่อฟื้นฟูร่างกาย

 

                “เกินพอ” เนอร์วาน่าตอบทั้งที่หลับตาอยู่

 

                ดาริอุสไม่รู้ว่าตอนเขาไม่อยู่เมื่อเที่ยงนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่ลาควีล่าดูแปลกไป นางสุภาพและเอื้อเฟื้อกับนางผู้หยั่งรู้มากกว่าปกติ

 

                “อย่างนั้นเราก็ควรไปสมทบกับกองทัพของเพียรซ์เพื่อเดินทางไปประลองใช่ไหม” ดาริอุสโยนหินถามทางว่าควรทำอย่างไรต่อไป

 

                “ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก เราจะเดินทางไปสมทบกับเขาที่กลางทวีป อดีตปราสาทของพ่อเจ้าดาริอุส ที่นั่นเป็นสถานที่ประลองและเจรจาที่ฝ่ายนั้นเสนอมา เวเบอร์พร้อมจัดพื้นที่สำหรับการย้อนเวลาจอมอสูรแล้ว เหลือแค่เรามีชีวิตอยู่จนช่วยพ่อเจ้าได้ก็พอ พวกเราจะไปรอที่เพียรซ์ก็ได้หากเจ้าอยาก แต่สองจักรวรรดิส่งตัวแทนเจรจาเดินทางไปก่อนหน้าแล้ว น้องสาวเจ้าคือตัวแทนฝ่ายจักรวรรดิ มีเจ้าพ่วงด้วยเพื่อให้เขายอมฟังเรากล่อม”

 

                “แล้วถ้าเขาไม่ยอมฟังล่ะ”

 

                ดาริอุสทำให้ไบรอันแยกเขี้ยวราวจะเปลี่ยนตัวเองเป็นสัตว์ร้าย

 

                “เอาเป็นว่าท่านพาพวกเราไปได้ทันทีใช่ไหม” ลาควีล่าลงมาช่วยดาริอุสไม่ให้โดนไบรอันจับล้างสมองอีกโทษฐานถามอะไรโง่ ๆ

 

                “ข้าจะเอาพวกเจ้าไปฝากไว้กับกองกำลังของจักรวรรดิก่อนเพราะข้ามีนัดกับเวเบอร์พรุ่งนี้ ฝากเจ้าตรวจสอบแผนอีกรอบด้วยเนอร์วาน่า”

 

                “พวกเราไปเองได้ ไม่ต้องให้ท่านช่วยหรอก” ดาริอุสชูขนปีกดาเรียออกมาให้ดู

 

                “ก็ดีไม่ต้องเปลืองพลังเวทของข้า” ไบรอันตอบอย่างไม่แยแส “พวกเจ้าจะไปเองตอนนี้หรือจะให้ข้าไปก่อนแทน ต้องเตรียมตัวรอเวเบอร์มาด้วย”

 

                “นัดส่งของกันหรือ เราต้องเอาเชือกกับผลึกนี่ให้เวเบอร์เตรียมไว้ก่อนใช่ไหม แหล่งพลังเวทด้วย”

 

                “ทำนองนั้น แหล่งพลังเวทต้องอาศัยพวกเราไปกระตุ้นให้ทำงานร่วมกับเชือกทวีอาคม แต่หลัก ๆ คือไปกินเหล้าบอกลาตามประสาผู้ชายนั่นล่ะ เพราะงานนี้เวเบอร์คิดพลีชีพ ล้มมวยให้ไลล่าฆ่าเขาเสีย” ไบรอันสำรวจสัมภาระของตัวเองเตรียมเดินทางต่อทันที

 

                “อย่างนั้นพวกเราไปก่อนก็ได้ เนอร์วาน่าจะได้พักดี ๆ ด้วย” ดาริอุสลุกขึ้นปัดก้นกางเกงเตรียมเดินทางไปก่อน

 

                “เอาไว้เจอกันวันประลองนะดาริอุส” ไบรอันโบกมืออำนวยชัยให้เขา

 

                “เจ้าก็อย่าโดนเวเบอร์ฆ่าตายเสียก่อนล่ะ” ดาริอุสตอบอย่างมีนัย ก่อนบอกให้หญิงสาวอีกสองคนเตรียมตัวเคลื่อนย้ายด้วยขนปีกดาเรีย...

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา