บัลลังก์ฉิมพลี
เขียนโดย กรุงสยาม
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.26 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
56) ชดใช้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว....ฟ้าสางของวันใหม่ที่ทุกคนจะต้องเดินทางไปแม่ฮ่องสอน..
เพชรเกล้ากอดอกยืนมองบรรยากาศด้านนอก
อยู่บริเวณริมหน้าต่างด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
ตรีทิพย์งัวเงียเดินเข้ามากอดร่างสาวน้อยของเธอซบใบหน้าลงกับหัวไหล่
ร่างบางเหลียวมองเผยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ ทำไมตื่นเร็วจังเลย.. ” นางแบบสาวถามขึ้นทั้งที่ยังหลับตา
“ นอนไม่หลับแล้วค่ะ ”
ร่างสูงลืมตาขึ้น
“ แบบนี้ก็แสดงว่าตื่นนานแล้วน่ะสิ ”
“ ค่ะ ” ริมฝีปากบางส่งยิ้ม
ตรีทิพย์จับตัวเพชรเกล้าให้หันมาหาเอื้อมสองมือประคองแก้มขาว
“ เป็นอะไรหรือเปล่า? ไม่สบายเหรอ หรือว่าหนาว?
ทำไมไม่เรียกพี่ล่ะคะ แต่พี่ก็กอดพราวทั้งคืนนะ ”
เพชรเกล้าจับสองมือที่อยู่กับรูปหน้าลงมากุมไว้ในระดับอกเธอ
“ พราวเจอกับคุณปริฉัตรค่ะ ”
“ พี่ต้อมมาเหรอ?! แล้วเขาอยู่ที่ไหน? ”
ใบหน้าสวยสะพรึงสายตานิดหน่อย
พร้อมกับมองหาเพราะเธอเองก็มีหลายอย่างที่อยากจะคุยด้วย
“ เขาไปแล้วค่ะ ”
สาวน้อยฉีกปากเป็นเส้นตรงถอนหายใจบางๆก่อนจะพูดออกไป
“ ไปไหน?... ” เสียงหวานอ่อนลงแววตาสงสัย
เพชรเกล้าจึงเล่าเรื่องที่เธอได้บังเอิญเจอกับปริฉัตร
เมื่อตอนค่ำคืนที่ผ่านมา..ขณะนั้นเป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆ…..
ร่างบางเดินขึ้นมาจากบันไดเพื่อจะตรงกลับเข้าไปยังห้องนอนเช่นเดิม
หลังจากที่เธอได้ลงไปบริโภคยาแก้ปวดเพราะมีอาการตึงๆ
ที่ศีรษะจนไม่สามารถทนนอนให้หายเองได้..สาวน้อยเสยผมเบาๆ
เอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตูเพื่อจะหมุนเปิดออก
“ แกร๊ก! ”
เพชรเกล้าชักมือกลับเมื่อจู่ๆประตูของห้องกับถูกเปิดออก
ทั้งที่เธอยังไม่ทันได้แตะต้อง...ก่อนจะปรากฏให้เห็นเรือนร่าง
ของผู้หญิงคนเดิมที่ใบหน้านิ่งบึ้งเช่นเก่า
ปริฉัตรเดินออกมาจากห้องนอนของตรีทิพย์
ด้วยกิริยาและมาดเดิมๆของเธอ หญิงสาวมองหน้าสาวน้อยผิวขาว
ด้านข้างนิดหน่อยก่อนจะหันเดินออกไป
“ เดี๋ยวก่อนค่ะ ”
ริมฝีปากบางส่งเสียงเรียกไว้ ปริฉัตรหยุดยืน.....เธอหันมาหา
หญิงสาวกัดฟันอยู่ลึกๆมีน้ำใสๆเอ่อคลอที่ดวงตาเล็กน้อย
มองคนตรงหน้าที่มีความเพียบพร้อม
ไร้ซึ่งข้อติเตียนก็แสนจะริษยาอยู่ในใจ
“ ฉันมาหาคนที่ฉันรักเป็นครั้งสุดท้าย ”
น้ำเสียงแข็งๆพูดขึ้นบังคับไม่ให้สั่นคอน
“ ครั้งสุดท้าย.. หมายความว่ายังไงคะ? ” ใบหน้าเรียวขมวดคิ้ว
“ ฉันจะไม่มาเจอใครอีก ”
“ แต่ครอบครัวของคุณเขารอที่จะพบคุณอยู่นะคะ ”
เพชรเกล้าเอ่ยบอกสีหน้าเป็นกังวล
“ ฉันไม่มีครอบครัว! ฉันจะไปตามทางของฉัน ”
“ ทุกคนอยากเจอคุณนะคะ..คุณรอพบพวกเขาก่อนไม่ได้เหรอ ” ร่างบางเจรจาเสียงนิ่ม
ปริฉัตรเบนหน้าหนีเธอไม่ชอบ
ที่เพชรเกล้าแสดงท่าทางที่ดูเป็นห่วงและหวังดีต่อเธอ
“ ฉันมาที่นี่อีกครั้งก็เพราะเต้เท่านั้น! ”
“ คุณลุงเป็นห่วงคุณมากนะคะ ถ้าคุณจะไปอย่างน้อยคุณก็น่าจะไปลาท่านบ้าง ”
“ ฉันไม่จำเป็นต้องฟังคำพูดของเธอ!
ไม่ต้องมาพูดดีกับฉันไม่ต้องมาทำเป็นหวังดีกับฉัน
เพราะยังไงฉันก็ยังเกลียดเธอเหมือนเดิม..! ” หญิงร่างสูงยังคงเสียงแข็ง
เพชรเกล้าสบตาอีกคนเรียบเฉย
“ ฝากบอกเต้ด้วยแล้วกันว่าลาก่อน ขออย่าให้ได้เจอกันอีกเลย ”
ปริฉัตรเสียงสั่นพูดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับหันเดินไป
“โชคดีนะคะ.. ”
เพชรเกล้าเอ่ยบอกตามหลัง
หญิงสาวหน้าดุน้ำตาล่วงลงเธอแสนเกลียดชัง
ผู้หญิงที่แสนดีคนนี้เหลือเกิน...ปริฉัตรนับทุกหยดน้ำตา
ที่ไหลลงสู่ใบหน้า ณ เวลาที่ได้เดินจากที่นี่ไปในทุกๆย่างก้าว..
ตรีทิพย์ยืนนิ่งริมฝีปากเผยออกเล็กน้อย
รู้สึกเหมือนคำลาของพี่สาวดังก้องเข้ามาที่หัวใจ
เพชรเกล้าเอื้อมมือข้างหนึ่งขึ้นไปที่หน้าผากของคนรัก
แตะนิ้วโป้งลงบนเนื้อผิวเกลี่ยรอยลิปสติกจางๆให้หลุดออกอย่างเบามือ
ร่างสูงหันสายตามองหน้าคนรัก สาวน้อยส่งยิ้มบางๆเพื่อเป็นกำลังใจ
ตรีทิพย์โน้มตัวเข้าไปกอดเพชรเกล้าอย่างแนบแน่น
เธอมีน้ำตาหยดลงมาบนใบหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องราว
ความเป็นพี่น้องในวัยเด็กที่แสนจะมีความสุขกันพร้อมหน้าพร้อมตา
ก็ยิ่งเสียดายจนบรรยายความรู้สึกออกไปไม่ถูก
โลกนี้ที่ว่าซับซ้อน..โลกของเธอยังซับซ้อนยิ่งกว่า
ยังดีเหลือเกินที่มีอ้อมกอดนี้ไว้ให้คอยกระชับไออุ่น
เพื่อปลอบโยนในความอ่อนแอของช่วงชีวิต...
รอยร้าวบนแจกันดอกไม้ปรากฏให้เห็นว่า
ผ่านการซ่อมแซมจากการหล่นแตกมาแล้วอย่างเห็นได้ชัด..
ฝ่ามือขาวๆประดับรอยเส้นเลือดค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสกับพื้นผิว
ที่สะดุดริ้วรอยกับปลายนิ้วเบาๆพลางลากวนไปวนมาช้าๆ..
สายตาของปิ่นรักจ้องมองตัวแจกันขนาดใหญ่
ตรงหน้าด้วยความสนใจแบบไม่ทราบสาเหตุ
" สวัสดีค่ะคุณปิ่น "
ปิ่นรักเงยหน้าขึ้นก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา
ใบตองยกมือไหว้ยิ้มแฉ่งก่อนจะหยิบไม้กวาด
ที่เธอใช้สองขาหนีบๆไว้ขึ้นมาจับด้ามดีๆเช่นเดิม
" สวัสดีจ้ะ "
" คุณปิ่นมานานแล้วเหรอคะ "
" พึ่งมาถึงสักพักเองจ้ะ " ปิ่นรักส่งยิ้ม
" งั้นเดี๋ยวหนูไปเอาน้ำมาให้นะคะ รอสักครู่ค่ะ " ใบตองเตรียมจะวิ่ง
" ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่ต้องหรอก..แล้วนี่แต่งตัวซะน่ารักเชียว ไปเที่ยวด้วยกันใช่มั้ย "
ผู้บริหารหญิงมองดูเด็กสาวที่สวมเสื้อผ้าเหมาะสมกับวัย
" ค่ะ ขอคุณต้าตั้งนานนึกว่าจะอดไปแล้วซะอีก คุณต้าใช้ให้นวดตั้งครึ่งค่อนคืนแนะ "
เด็กสาวชักสีหน้าให้เห็นว่าตอนแรกเธอเกือบจะผิดหวัง ปิ่นรักส่งยิ้ม
" น้าลัยก็ไปนะคะ คุณอรบอกว่าให้ไปด้วยกัน "
" ดีจ้ะ ไปกันหลายๆคนจะได้ไม่เหงา "
ใบตองยิ้มแฉ่งเมื่อนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยว
แล้วเธอก็แสนจะตื่นเต้น ปิ่นรักหันกลับไปหาแจกันใบเดิมอีกครั้ง
" แจกันสวยใช่มั้ยคะ หนูกับน้าลัยเป็นคนซ่อมมันเองค่ะ แต่หนูจะทำเยอะหน่อย "
เด็กร่างเล็กเห็นปิ่นรักจับจ้องมอง
สิ่งที่ตรีทิพย์สั่งให้เธอซ่อมแซมขึ้นมาจึงรีบอวดฝีมือยกใหญ่
" หนูเป็นคนติดกาวกับกระเบื้องทีละนิดๆเลยนะคะ
ใช้เวลาอยู่นานมากปวดตาไปหมดเลย ติดตรงนั้นตรงนี้ ตรง.. "
" ทำไมมันถึงแตกล่ะ "
ปิ่นรักแทรกขึ้นเสียงเรียบขณะยังคงมองอยู่เช่นเดิม
“ อ๋อคุณเต้ทำค่ะ เอ๊ะหรือคุณพราว? ” ใบตองยืนคิด
“ พราวเหรอ.. ”
“ อ๋อๆ คุณเต้ทำค่ะ เพราะคุณเต้ทะเลาะกับคุณพราว
ผลักคุณพราวมาชนกับแจกันใบนี้จนหล่นเลย
หล่นทั้งแจกันทั้งคุณพราวเลยด้วย คุณพราวมือเจ็บเลยค่ะ ”
เด็กสาวเอ่ยบอกไปเรื่อยเพราะตอนนี้เสมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแล้ว..
ปิ่นรักนิ่งฟังสักครู่ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปแตะผิวของแจกัน
ใบเดิมอีกครั้ง..เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ เย้..คุณเต้กับคุณพราวมาพอดีเลย ”
ใบตองหันไปเห็นคู่รักที่พึ่งเดินลงมาจากบันได
และทอปัดที่ตามกันมาติดๆ
ผู้จัดการสาวเดินเข้ามาหาเด็กน้อยใบตอง
“ มาซนอะไรตรงนี้ ”
“ ซนที่ไหนหนูแค่มากวาดบ้านส่งท้ายก่อนจะไปเที่ยว ”
ใบตองแสดงสีหน้างุ่นง่านพูดขึ้นเบาๆ
“ อาปิ่นคะ ”
ปิ่นรักเหลียวใบหน้าไปด้านข้างนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงก่อนจะหันมาหาอย่างเต็มตัว
ตรีทิพย์สบตาผู้บริหารหญิงสักครู่ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวคุกเข่าลง
ทอปัดใบตองรวมทั้งเพชรเกล้าเองก็ตกใจเช่นกันที่เห็นนางแบบสาวทำเช่นนี้
“ ขอให้เต้ได้ดูแลพราวนะคะ ”
ใบตองเบิกตาโตทำปากจู๋ที่ได้ยิน ทอปัดเผยรอยยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น
ส่วนเพชรเกล้านั้นยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ปิ่นรักคลี่ยิ้มนิดหน่อยสูดลมหายใจเข้าลึกๆและถอนออกมาเบาๆ
“ จะไหวเหรอเต้.. ล่าสุดที่ผ่านมาเรายังดูแลตัวเองไม่ได้เลยนะ ”
หญิงวัยกลางคนน้ำเสียงเรียบเบา
ฟังดูไพเราะแต่แฝงไปด้วยการตำหนิ
เพชรเกล้าเริ่มหวั่นใจลดสายตาลง
ทอปัดกระพริบตาปริบๆ..เพราะดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
“ เต้สัญญาค่ะ ว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน
เต้รักพราวค่ะ เต้อยากดูแลพราวไปตลอดชีวิต... ”
เสียงหวานเอ่ยบอกบางเบานำพาให้คนฟังหัวใจพองโตไปตามๆกัน
สาวน้อยแอบยิ้มเขินกับตัวเอง
“ วินาทีแรกที่อาเหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้ ” ปิ่นรักหันมองดูไปรอบๆ
“ ได้กลิ่นไอของความทุกข์ระทมที่เคยเกิดขึ้น.. ”
ตรีทิพย์ฟังแล้วก็เริ่มน้ำตาคลอ…
“ ได้รับรู้ถึงหยดน้ำตาที่เคยไหลอยู่บนใบหน้า จนตัวอาหนาวสั่น ”
ปิ่นรักเงยมองไปยังลูกสาวสุดที่รัก
“ มันคงมีมากเหลือเกิน..ถึงทำให้รู้สึกเยือกเย็นขนาดนี้ ”
เพชรเกล้าสบตาแม่ของเธอและรับรู้ถึงความรักความห่วงใยที่ส่งมาหา
“ หากว่าการแก้แค้นยังมีอยู่
อยากให้รู้ไว้ว่าวันนี้ปิ่นรักเจ็บอย่างที่เธอต้องการ.....เจ็บ..จนจะขาดใจ... ”
ตรีทิพย์น้ำตาหยดเมื่อได้เห็นแววตาของปิ่นรักและน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ทอปัดน้ำตาซึมตามแต่ก็ยังยิ้มออกมาเพราะดีใจที่วันนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว
ซุปตาร์สาวเช็ดหยดน้ำใสบนใบหน้า
“ เต้หลงผิดไปยกโทษให้เต้ด้วยนะคะ
จะให้เต้ทำยังไงก็ได้ให้เต้ชดใช้ยังไงก็ได้
เต้ยอมทำทุกอย่าง ขอเพียงอาปิ่นยกพราวให้กับเต้นะคะ ”
ปิ่นรักก้มลงมองคนด้านล่างอีกครั้ง
“ แน่ใจเหรอว่าชดใช้ได้ทุกอย่าง.. ”
“ แน่ใจค่ะ ” ตรีทิพย์ตอบกลับทันที
“ ยืนขึ้น ”
หญิงเจ้าของสังกัดเอ่ยบอกสีหน้าเรียบเฉย
นางแบบสาวจึงทำตามอย่างที่ต้องการ
ปิ่นรักส่งยิ้มบางๆก่อนจะเดินผ่านซุปเปอร์โมเดลสาว
เข้าไปหาลูกพราวของเธอ มารดายื่นมือข้างหนึ่งลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน
“ ลูกรักพี่เต้มั้ยจ๊ะ ”
เสียงนิ่มๆเอ่ยถามด้วยความทะนุถนอม
เพชรเกล้าเผยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ รักค่ะ... ”
“ แม่ดีใจนะที่ลูกเข้มแข็งและผ่านทุกอย่างมาได้ ”
ปิ่นรักยิ้มมองหน้าลูกเธอก่อนจะหันกลับมาหานางแบบร่างสูงอีกครั้ง
“ ส่วนตรีทิพย์ ชดใช้ไหวมั้ย ”
“ ไหวค่ะ เต้ยอมทั้งนั้น ”
“ ดี.. ”
“ เพี๊ยะ!!!...เพล้ง!!! ”
“ พี่เต้!! ”
สิ้นน้ำเสียงปิ่นรักจึงฟาดมือเข้าไปที่ใบหน้า
ของตรีทิพย์อย่างสุดแรง..จนร่างสูงเซถลาไปชนเข้ากับเจ้าแจกันใบเดิม
ล่วงล้มลงทั้งคู่ ตรีทิพย์กัดฟันพร้อมชักสีหน้า
ที่บ่งบอกถึงความเจ็บจี๊ดบริเวณฝ่ามือข้างขวา
อีกทั้งริมฝีปากก็มีเลือดไหลออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
คาดว่าคงรุนแรงมากจริงๆ สาวน้อยรีบวิ่งเข้าไปหาคนรักด้วยความเป็นห่วง
ทอปัดยกสองมือปิดปากตาเบิกโพลงเพราะตกใจเป็นอย่างมาก
เช่นเดียวกับใบตองที่ก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
เด็กสาวรีบย่อตัวลงใช้ไม้กวาดในมือปัดๆ
เศษกระเบื้องที่แตกกระจายอย่างรวดเร็ว
เพชรเกล้าช่วยประคองตัวคนรัก
ตรีทิพย์เงยมองผู้บริหารหญิง
ก่อนที่เธอจะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเกร็งๆมุมปากเพราะเจ็บอยู่
“ มือคุณเต้มีเลือดด้วย! ”
ใบตองเบิกตาโพลงจ้องมองมือข้างขวาที่ตรีทิพย์เกร็งๆไว้
ทอปัดหันมองตาม
“ ชดใช้แค่นี้ก็พอ.. ” ปิ่นรักเสียงนิ่มและส่งยิ้มให้
“ มายก้อด..~!..ชดใช้ด้วยเลือด..~..ฉันจะเป็นลม... ”
ทอปัดค่อยๆลดมือลงจากการปิดปากเอ่ยพูดเสียงสั่นคล้ายหน้ามืดวิงเวียน
“ เอ้าๆๆๆ!!! ”
ใบตองยกมือข้างหนึ่งดันตัวคนที่กำลังจะเซมาหาเธอ
ในขณะที่กำลังย่อตัวปัดกวาด หญิงสาวเซกลับไปที่เก่า
“ เดี๋ยวก็เหยียบกระเบื้องหรอก!! เอ้อ!! ไปไกลๆ!! ”
“ จะเสียงดังทำไมเนี่ย! โอ๊ย! ” ทอปัดฟึดฟัดไปตามเรื่อง
เพชรเกล้าชะโงกมองดูตรงนั้นตรงนี้ตามตัวคนรัก
และยิ่งเห็นเลือดออกเธอจึงเป็นห่วงอย่างมาก
“ ยินดีต้อนรับ ” ปิ่นรักยื่นมือลงไปหานางแบบสาว
ตรีทิพย์ยื่นมือข้างที่เจ็บเข้าไปจับกับฝ่ามือไออุ่น
ให้ปิ่นรักได้สัมผัสกับหยดเลือดที่ใช้เป็นเครื่องยืนยัน
ความรักของเธอที่มีต่อเพชรเกล้า
ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นยืนโดยมีสาวน้อยช่วยประคอง
“ อายกพราวให้เต้.. ” ปิ่นรักเอ่ยบอก
“ ขอบคุณค่ะ..! ”
ตรีทิพย์ยิ้มทั้งที่เจ็บพร้อมกับเข้ากอด
เรือนร่างหญิงสาวที่เธอเคยเกลียดชังทันที
“ เต้จะดูและพราวให้ดีที่สุดค่ะ ”
เพชรเกล้ายิ้มมองอย่างมีความสุข
ก่อนจะเดินเข้าร่วมวงกอดเมื่อมารดาอ้าแขนรอรับไออุ่น
“ เต้ต้องดูแลพราวให้ดีที่สุด ”
ปิ่นรักลูบศีรษะลูกสาวและแผ่นหลังของตรีทิพย์ไปพร้อมๆกัน
“ เฮ้อ..ซึ้งจังเลย ” ทอปัดกุมมือแนบอกแสดงแววตาละห้อยยิ้มเพ้อ
“ ซึ้งเสร็จก็ช่วยหยิบที่ตักผงให้ที เร็วๆนะ ”
ผู้จัดการสาวหันมองตามเสียงที่ใช้เธอ
เห็นเด็กสาวยังคงงุ่นง่านอยู่กับเศษกระเบื้องที่หล่นดังเพล้งเมื่อสักครู่
ทอปัดเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู
เมื่อเวลาผ่านไป รถตู้วีไอพีจึงแล่นออกจากอำเภอปากช่อง
มุ่งตรงสู่จุดหมายปลายทางที่ได้รับสายานามว่า
เมืองสามหมอกของประเทศไทย มาลัยนั่งคู่ไปกับผู้ขับขี่
นั่นคือนายเชิดที่พร้อมจะดูแลความปลอดภัยให้กับทุกคนสู่เป้าหมายด้วยเต็มใจ
ถัดมาทางแถวหน้าของเบาะสามที่นั่งปิ่นรักอรทุมาและอินเกษม
กำลังสนทนาร่วมกันถึงเรื่องปริฉัตรที่ตัดสินใจหายไปจากทุกคน
“ อรน่าจะบอกพี่บ้างว่าต้อมกลับมา พี่อยากเห็นหน้าลูกอีกครั้ง ”
อินเกษมสีหน้ายังไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก
“ เขารีบมากค่ะ คงจะไม่อยากเจอใครถ้าวันนั้น
อรไม่บังเอิญทำงานดึกก็คงไม่ได้เจอกับเขาหรอก ”
อรทุมาพูดขึ้นเพราะเขาเองก็ได้เจอกับปริฉัตรเช่นกัน
“ เขาคงคิดดีแล้ว คุณทำใจให้สบายเถอะค่ะ
ฉันว่าคนอย่างเขาดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว ” ปิ่นรักยิ้มให้กำลังใจ
“ อรให้เงินไปจำนวนนึง ถ้ารู้จักใช้
ก็เลี้ยงตัวเองได้ไปตลอดชีวิต แต่ถ้าหากฟุ่มเฟือยไม่กี่ปีก็คงหมดไป ”
“ พี่พร้อมจะช่วยเหลือลูก ถ้าลูกกลับมา.. ”
อินเกษมอดไม่ได้ที่จะห่วงใย
อรทุมาวางมือวงบนตักของพี่ชายเพื่อช่วยส่งกำลังใจให้อีกคน...
ถัดมาทางด้านหลัง..ใบตองกำลังนั่งหลับสัปหงกอยู่ข้างทอปัด
หญิงสาวหันมองบรรยากาศด้านนอกตามแนวถนนอย่างเพลินตา
ร่างเด็กสาววัยสิบหกโยกไปโยกมาอยู่นานก่อนจะเริ่มเอียงเอน
เข้าไปประจบอยู่ที่ไหล่ของคนด้านข้าง
ทอปัดหันมาลดสายตาลงมอง หญิงสาวเอื้อมมือค่อยๆดัน
ให้เด็กน้อยเอนกลับไปที่เก่าก่อนที่เธอจะหันไปดูธรรมชาติด้านนอกเช่นเดิม
อีกสักครู่ใบตองจึงเอนโอนย้อนเข้าไปยังจุดเดิมอีกครั้ง
ผู้จัดการสาวหันมองขวับฉีกริมฝีปากเป็นเส้นตรง
นึกอยากปลุกขึ้นมาเบิร์ดกระโหลกเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ทอปัดดันตัวใบตองกลับไปอีกครั้งและขยับตัวห่างออกมาอีกนิดก่อนจะหันหน้าไป
“ ฟุบ! ”
หญิงสาวก้มลงมองตกใจนิดหน่อยเมื่อเด็กใบจอมแก่น
ทิ้งตัวลงมานอนหนุนตักเธออย่างพอดิบพอดี
ทอปัดหันมองตรงนั้นตรงนี้สองมือของเธอเก้ๆกังๆ
เพราะไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน..ก่อนจะปล่อยเลยตามเลย
วางมือลงบนตัวเด็กสาวถอนหายใจออกมา
พร้อมกับหันไปมองวิวทิวทัศน์ริมทางเช่นเดิม
ย้ายมาทางด้านหลังสุดของเบาะนั่ง..เพชรเกล้าซบอกคนรัก
สองมือประคองดูบาดแผลที่มีผ้าก๊อซพันปิดไว้
ซึ่งเป็นฝีมือของเธอในการช่วยทำแผลให้
มือซ้ายของตรีทิพย์ลูบไล้เส้นผมสาวน้อยเบาๆ
พร้อมก้มจุมพิตด้วยรอยยิ้มที่แสนจะมีความสุข
“ พี่เต้เจ็บมากมั้ยคะ ”
“ ไม่เจ็บแล้วค่ะ ”
ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองและส่งยิ้มหวานๆ
“ ทนได้ใช่มั้ยคนเก่ง ”
“ ทนได้ค่ะ ”
ตรีทิพย์กัดฟันหมันเขี้ยวพร้อมกับยื่นจมูกเข้าไปหอม
หลายๆฟอดก่อนจะซุกหน้าลงกับซอกคอขาว
“ พราวจ๋า.. ”
ร่างบางขานรับเบาๆอยู่ในลำคอ..
ตรีทิพย์ลากปลายจมูกถูไถเนื้อนิ่มพร้อมกับเป่าลมเบาๆ
ลงกับผิวคอเพื่อเป็นสัญญาณการแจ้งเตือนถึงระดับปริมาณ
ความต้องการของร่างกายให้สาวน้อยได้เขินอายไปกับการชักชวน.........
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ