บัลลังก์ฉิมพลี

8.2

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.26 น.

  59 ตอน
  1 วิจารณ์
  50.35K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

53) พร้อมหน้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          รุ่งเช้าของวันใหม่
 
ฝ่ามือของตรีทิพย์ค่อยๆลดลงจากการประคองศีรษะของสาวน้อย
เมื่อร่างบางพยุงตัวลุกขึ้น ใบหน้าเรียวถอยออกมาจากจุมพิต
บนริมฝีปากสวยอย่างอ้อยอิ่ง นางแบบสาวยิ้มหวาน
ดวงตายังสะลึมสะลือด้วยความงัวเงีย แต่เมื่อเพชรเกล้า
จะขอตัวออกจากอ้อมกอดในตอนเช้า
เธอจึงอยากได้มอนิ่งคิสเบาๆก่อนที่จะปล่อยตัวไป..
 
 
สาวน้อยที่รอบกายห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูผืนขาว
หันร่างวางเท้าลงสู่พื้นอย่างไม่เร่งรีบพลางขยับเนื้อตัว
รู้สึกปวดเมื่อยนิดหน่อย เพชรเกล้าค่อยๆลุกขึ้นยืนตามปกติ
แต่เธอกับสะดุดอะไรบางอย่างภายในร่างกายนิดหน่อย
จนต้องชักสีหน้าคล้ายเสียวๆหน้าท้องขึ้นมา
 
ดวงตาใสแจ๋วนิ่งคิดกับตัวเองสักครู่...ก่อนจะตัดสินใจ
ค่อยๆก้าวขาเดินไปยังห้องน้ำแบบช้าๆ
 
 
 
เมื่อเวลาผ่านไป.....บริเวณริมระเบี่ยง
ที่สามารถเดินตรงออกมาจากห้องนอนได้
เพชรเกล้ายืนสูดอากาศที่ยังบริสุทธิ์ในตอนสายๆของวัน
ร่างบางสีหน้าไม่ค่อยโอเคนักเธอกำลังรู้สึกแปลกๆ
เหมือนตัวเองอ่อนเพลียเรี่ยวแรงไม่เต็มร้อยอย่างไรบอกไม่ถูก
 
ตรีทิพย์โยนผ้าเช็ดตัวลงบนเตียงอย่างไม่สนใจ
ฉีกยิ้มอารมณ์ดีมาแต่ไกล ร่างสูงค่อยๆเดินเข้ามาหาสาวน้อยของเธอ
ก่อนจะเอื้อมดึงตัวเบาให้หันมาหาอย่างรวดเร็ว
พร้อมยื่นจมูกเข้าไปหอมแก้มขาวๆเป็นการหยอกล้อ
 
“ โอ๊ย..~ ”
 
เพชรเกล้าเกาะตัวคนรักเอ่ยเสียงเบาๆ
เพราะเกิดปฏิกิริยาความจี๊ดๆบางอย่าง
ขึ้นกับตัวเธอจนร่างแทบจะทรุดลง
 
 
“ เป็นอะไรคะ ” ตรีทิพย์รีบกอดตัวสาวน้อยไว้
 
 
ร่างบางพูดไม่ออกเพียงแต่แสดงสีหน้า
ที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ซุปตาร์สาวจึงรีบพาคนรัก
เข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ด้วยความประคับประคองและย่อตัวลงตรงหน้า
 
 
“ พราว..เป็นอะไรคะ?! ” ใบหน้าสวยเริ่มเป็นห่วง
 
“ มัน... ”
มือข้างหนึ่งของเพชรเกล้ากอดๆบริเวณหน้าท้อง
สองคิ้วขมวดเข้าหากันสีหน้าคล้ายคนที่กำลังปวดๆ
 
“ ปวดท้องเหรอคะ ”
ร่างสูงมองดูอาการแล้วจึงถาม..สาวน้อยส่ายหัว
 
“ หรือว่าจุก ”
 
“ ฮือ..~ ”
ร่างบางส่ายหัวอีกครั้งเริ่มมีเสียงหนูน้อยน่าเอ็นดู
 
ตรีทิพย์ก้มลงมองไปที่มือขาวๆของคนรัก
ก่อนจะเงยขึ้นมองหน้าอีกครั้งยิ้มนิดๆ
 
“ เจ็บเหรอ?.. ”
“ ฮือ..~ ” เพชรเกล้าพยักหน้า
 
นางแบบสาวหัวเราะในลำคอ
 
“ ทำไมมันเป็นอีก... ” เสียงนิ่มถามเบาๆ
 
 
“ อืม...สงสัยว่า เมื่อคืนนี้.. ”
ตรีทิพย์ลุกขึ้นเข้าไปนั่งไขว่ห้างข้างสาวน้อย
ยกมือเกาะไหล่เสียงอ่อนเสียงหวาน
 
“ พี่จะรักพราว.....เยอะไปหน่อย.. ”
 
เพชรเกล้าหันมอง
 
“ น้องพราวก็เลย... ”
ร่างสูงเอื้อมมืออีกข้างมาจับปลายคางคนรัก
“ เจ็บ ” ริมฝีปากสวยกดจุมพิตส่งท้าย
 
“ ทะลึ่ง! ”
ร่างบางต่อว่าแสนน่ารักในสายตาคนมอง
 
ร่างสูงหัวเราะชอบใจก่อนจะดึงตัวเพชรเกล้าเข้ามากอดด้วยความรักใคร่
 
“ โอ๋..~ เดี๋ยวก็หายนะคะ ”
 
สาวน้อยซบไหล่แอบเขินให้กับเรื่องแบบนี้
ที่เธอไม่คิดจะชินได้ก่อนจะเริ่มรู้สึกถึงอาการอีกหนึ่งอย่าง
ที่วิ่งแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วจนแทบจะไม่ทันการ!
เพชรเกล้าเอื้อมมือปิดปากตัวเอง
และรีบถอยออกมาจากอ้อมกอดของตรีทิพย์
 
“ อะไรคะ? ”
 
ใบหน้าสวยแปลกใจก่อนจะหันมองตามหลังเมื่อจู่ๆ
เพชรเกล้าก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน
เพื่อตรงเข้าไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
เสียจนลืมอาการเมื่อสักครู่นี้ไปเลยตรีทิพย์รีบวิ่งตามไปทันที
 
 
สาวน้อยวิ่งเข้ามาหาอ่างล้างหน้า
เธอมีอาการโอ้กอากและหน้ามืดเวียนศีรษะอีกด้วย
 
" พราว! "
 
ตรีทิพย์ตามเข้ามาทีหลัง เมื่อเห็นสาวน้อยคลื่นไส้อาเจียน
เธอจึงลูบแผ่นหลังเบาๆด้วยความเป็นห่วง
 
สักครู่ร่างบางจึงค่อยๆผ่อนคลายกับอาการเหล่านั้น
หายใจหอบนิดหน่อยเนื่องจากเธอโฮกฮาก
มีเพียงลมของอาการคลื่นไส้ธรรมดาๆ
ตรีทิพย์เอื้อมหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้
เพชรเกล้ารับมาปิดปากตัวเองค่อยๆหันมาหา
ยืนพิงอยู่กับขอบอ่างล้างหน้าเกาะแขนคนรักไว้
เพื่อเป็นการยึดเหนี่ยวอาการหน้ามืด
 
" เป็นยังไงบ้างคะ "
ร่างสูงเอ่ยถามพลางเกลี่ยเส้นผมที่ปิดบังหน้าตาให้
 
สาวน้อยจ้องมองคนรักก่อนจะพิงหน้าผากลงไปบนอกของตรีทิพย์
 
" ไปนั่งพักก่อนดีกว่านะ " ซุปตาร์สาวทำท่าจะประคอง
 
" เวียนหัว.. " เพชรเกล้าส่งเสียงเบาๆ
 
" งั้นเดี๋ยวพี่อุ้ม..ปะ "
 
ใบหน้าเรียวเงยขึ้นหลับตาคล้ายไม่อยากเห็นบ้านหมุน
ตรีทิพย์จึงต้องอุ้มร่างบางออกมาจากห้องน้ำ.....และมาวางลงบนเตียงอย่างเบามือ..
 
“ นอนมั้ยคะ ”
เสียงหวานถามเบาๆขณะย่อตัวลงตรงหน้าของสาวที่นั่งอยู่ริมเตียง
เพชรเกล้าส่ายหัวสูดหายใจเข้าลึกๆ
 
“ พราวไม่สบายแน่ๆเลย ไปหาหมอดีกว่ามั้ย ”
“ ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวก็หาย ”
 
ตรีทิพย์ถอนหายใจเบาๆเพราะเธอรู้อยู่แล้ว
ว่าเพชรเกล้าไม่ไปแน่ ริมฝีปากสวยค่อยๆอมยิ้มออกมา
 
“ หรือว่า..น้องพราวท้อง.. ”
 
ร่างบางปรือตามองคนพูด
 
“ เย้ๆพราวท้องแล้ว!! ” นางแบบสาวทำหน้าตาตื่นเต้น
 
“ มั่วแร้ว พราวจะไปท้องได้ยังไง... ” เสียงนิ่มงุ๊งงิ๊ง
 
ตรีทิพย์ยิ้มหวานคุกเข่าขึ้นพร้อมกับเข้าไปกอดซบหน้าท้องของคนรัก
 
“ โอ๋ๆลูกจ๋า..อย่าแกล้งคุณแม่สิคะ คุณแม่ป่วยแล้วเห็นมั้ย ”
 
เพชรเกล้ายิ้มเขินๆเมื่อฟังอีกคนพูดแบบนี้
ตรีทิพย์ยิ้มกว้างจูบเบาๆผ่านเสื้อตัวสวยด้วยความเอ็นดู
ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นมาและหันมองที่หน้าต่าง..
 
“ เสียงรถใคร? ”
 
ร่างสูงนึกสงสัยจึงลุกขึ้นยืนและเดินไปดู...
 
สาวน้อยขยับเนื้อตัวเอื้อมหยิบโทรศัพท์ของเธอ
เพื่อจะติดต่อกลับไปที่บ้านเสียหน่อย
 
“ คุณพ่อ...หึ่ย!! ”
 
ใบหน้าเรียวหันมองเมื่อเสียงของตรีทิพย์ชวนให้น่าสงสัย..เห็นซุปตาร์สาว
ก้าวขาถอยหลังออกห่างจากบริเวณหน้าต่าง
 
“ มีอะไรเหรอคะ? ”
“ อาปิ่น! อาๆ อาปิ่นมาได้ไงไม่รู้?! ”
ร่างสูงชี้นิ้วบอกรนราน
เพชรเกล้าชนสองคิ้วเข้าหากันวางโทรศัพท์ลง
 
“ คุณแม่มาเหรอ ”
“ ใช่ๆ ” เสียงหวานร้อนรน
 
ร่างบางค่อยๆลุกออกจากเตียงเดินเข้าไปยืนที่ริมหน้าต่าง
เธอไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่นักมีแต่ตรีทิพย์ที่ดูจะตื่นเต้นและรนรานเหลือเกิน
 
“ ทำไมอยู่ดีๆอาปิ่นถึงมาที่นี่อ่ะ? ”
นางแบบสาวเข้ากอดเรือนร่างเล็กคล้ายหาที่หลบ
 
“ นั่นสิคะ ”
สาวน้อยหันมองคนกอดก่อนจะพูดออกไป
ใบหน้ายิ้มเมื่อเห็นแม่เธอมาที่นี่
 
“ ตัวเองโทรไปฟ้องแม่เหรอ ” ใบหน้าสวยเป็นกังวลมาก
 
“ เปล่านะคะ พราวยังไม่ได้โทรหาคุณแม่เลย ”
 
ตรีทิพย์เริ่มร้อนใจ
เพราะกลัวจะถูกตำหนิเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานหากปิ่นรักรู้เข้า
 
“ ลงไปข้างล่างกันดีกว่าค่ะ ”
 
ร่างบางยิ้มบอก ใบหน้าสวยส่งยิ้มคืนแบบไม่ค่อยมั่นใจนัก
เพชรเกล้าจึงจูงมือคนรักให้เดินตามเธอไป...
 
 
 
 
หญิงเจ้าของไร่สตรอว์เบอร์รีอย่างอรทุมาจึงจัดการ
ต้อนรับอินเกษมพี่ชายพร้อมด้วยปิ่นรักอย่างมีรอยยิ้มและความเป็นกันเอง
 
“ สวัสดีค่ะคุณปิ่น ”
อรทุมายกมือไหว้ปิ่นรัก หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี
เธอมีอายุห่างจากหญิงตรงหน้าเพียงหนึ่งปีเท่านั้น ปิ่นรักรับไหว้สวยงาม
 
“ สวัสดีจ้ะ ดีใจนะที่ได้พบกันอีก ”
“ คุณปิ่นสบายดีนะคะ ”
“ สบายดีค่ะ ” ปิ่นรักยิ้มแย้ม
 
“ แล้วยังไงกันคะเนี่ยถึงได้มาด้วยกันได้ ”
 
“ พอดีว่าพี่แวะทำธุระอยู่ในเมืองบังเอิญเจอกับปิ่นเข้าเลยชวนมาด้วยกัน ” อินเกษมยิ้มบอก
 
“ คุณพ่อ..! ”
ทอปัดส่งเสียงมาแต่ไกลพร้อมทั้งวิ่งเข้ามากอดบิดาของเธอ
 
“ สวัสดีคะอาปิ่น เดินทางเหนื่อยมั้ยคะ ”
หญิงสาวทำความเคารพทักทายปิ่นรักเช่นเคย
 
“ ไม่เลยจ้ะ อ้อ..แล้วนี่สองสาวเขาอยู่ที่ไหนกันล่ะ? เป็นยังไงกันบ้าง ”
“ เดี๋ยวก็คงจะลงมาค่ะ ” ทอปัดยิ้มพูด
 
 
“ รู้เรื่องจากต้าแล้วฉันก็ตกใจอยู่เหมือนกันนะคะ ไม่คิดว่าจะเป็นเยอะขนาดนี้ ”
อรทุมายิ้มบางๆให้ทั้งพี่ชายและปิ่นรัก
 
 
ระหว่างนั้นเองเพชรเกล้าและตรีทิพย์
จึงเดินลงมาจากบันไดพอดี ปิ่นรักหันมองส่งยิ้มให้กับลูกสาว
ก่อนจะเบนสายตาไปหาร่างสูงๆของซุปเปอร์โมเดลคนสวย
 
“ สวัสดีค่ะคุณลุง ”
ร่างบางยกมือทำความเคารพอินเกษมเมื่อมาถึง
พร้อมๆกับตรีทิพย์ที่ทักทายปิ่นรักอยู่เงียบๆดูสงบเสงี่ยมเหลือเกิน
 
“ หวัดดีจ้ะพราว เจอกันอีกแล้วนะ เสียดายที่ๆนี่ไม่มีเปียโนไม่อย่างนั้นลุงคงได้ฟังพราวเล่นเพลงเพราะๆอีกครั้ง ”
 
เพชรเกล้ายิ้มหวานให้กับพ่อของตรีทิพย์ที่เจรจาเสียงนุ่ม
ดูช่างเป็นผู้ใหญ่ใจดีก่อนจะเดินเข้าไปหาแม่ของเธอ
ปิ่นรักทักทายลูกสาวด้วยการหอมแก้มเบาๆ
ทอปัดเห็นน้องตัวเองยืนกล้าๆเกร็งๆเธอจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ
 
“ หวัดดีเราต้าเองจำได้ป่าว ”
 
ใบหน้าสวยหันมองพี่สาวที่จู่ๆ
ก็เข้ามากวนใส่เมื่อเห็นสติเธอเลือนลอยแบบนี้
 
“ อาปิ่นเดินทางเหนื่อยมั้ยคะ ”
ตรีทิพย์เงยหน้าขึ้นก่อนจะตั้งคำถามยิ้มหวานๆ
 
“ อันนี้ฉันถามแล้ว เขาบอกไม่เหนื่อย ” ทอปัดเอียงคอกระซิบ
 
ร่างสูงมองขวับอีกครั้งต่อพี่สาวจอมขัด!
จนทุกคนแอบยิ้มหัวเราะกันเบาๆ
 
 
“ ดีค่ะ..มากันหมดเลย อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาดี ”
ริมฝีปากสวยยิ้มเห็นฟันทำทุกอย่างให้ดูเป็นปกติ
 
“ จ้ะ พอดีมีคนรายงานอาเรื่องเมื่อวานอาก็เลยรีบมา กลัวว่าลูกสาวจะไม่มีคนดูแล ”
ปิ่นรักยิ้มมองนิ่งๆ
 
ตรีทิพย์หน้าเสียแอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นเต้น
พร้อมทั้งลดสายตาลงให้คนอื่นที่ยืนมองต้องหัวเราะเยาะกันเป็นแทบ
 
“ เชิญที่โต๊ะอาหารดีกว่านะคะ เชิญค่ะๆ ”
 
อรทุมาชักชวน ปิ่นรักและอินเกษม
จึงพร้อมใจมุ่งหน้าตามเจ้าของบ้านหลังใหญ่ไปในทันที
 
“ พี่ใช่มั้ยที่โทรฟ้องอาปิ่น ”
ตรีทิพย์หันมาดึงแขนพี่สาวและบีบแน่นๆ
 
“ ก็อาอรสั่งนิ! ”
“ จะเอามั้ยรถอ่ะ! ”
“ เอาดิ! พูดแล้วห้ามคืนคำด้วย! ”
ทอปัดสวนกลับยกใหญ่
 
“ วึ่ย! ”
ร่างสูงปล่อยมือที่จับอย่างสะบัดสะบิ้ง
ก่อนจะหันไปหาสาวน้อยของเธอ
 
“ พราววว..จ๋าาาา..~ ”
 
เพชรเกล้ายิ้มมองคนที่เข้ามาทำตัวออเซาะกับเธอ..
 
“ พราวหายหรือยังคะ ”
 
“ ดีขึ้นแล้วค่ะ ” ริมฝีปากบางยิ้มบอก
 
" น้องพราวไม่สบายเหรอคะ " ทอปัดถามบ้าง
 
" พราวเวียนๆหัวน่ะค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว "
ใบหน้าเรียวยิ้มหน่อยๆ
" งั้นเราไปทานอาหารเช้ากันดีกว่านะจ๊ะ เลยเวลามานานล่ะ "
พี่สาวกล่าวอีกครั้งและเดินนำหน้าไปทันที
 
" พราวจ๋า พราวจะทานข้าวหรือว่าทานพี่เต้คะ "
ตรีทิพย์กระพริบตาปริบๆ
ทำหน้าตาใสซื่อสองแขนพัวพันเรือนร่างสาวน้อย
 
" ทานข้าวค่ะ! "
 
เพชรเกล้าจิกสายตาพร้อมกดน้ำเสียงหนักๆ
ก่อนจะเดินออกห่างหันตามหลังทอปัดไป
ร่างสูงยิ้มมองก่อนจะรีบก้าวขาไปตามไปติดๆเช่นกัน...
 
 
 
 
เมนูมากหน้าหลายตาที่สีสันชวนให้ท้องไส้หิวโหย..
กลิ่นหอมชื่นใจจากละอองควันพลิ้วไสว
ช่างยั่วยวนสื่อให้ได้รับรู้ถึงรสชาติที่น่าลิ้มลอง..
ข้าวสวยร้อนๆทิ้งตัวลงจากทัพพีสลักลวดลาย
อย่างสวยงามด้วยการบริการของใบตอง
 
เด็กสาวตักข้าวให้กับทอปัดเป็นคนสุดท้าย
ด้วยสีหน้าและกิริยาที่นอบน้อมจนน่าหลุดขำ
ปิ่นรักยิ้มผ่านแววตามองดูเด็กน้อยหน้าตาดี
ตั้งแต่เดินเข้ามาคอยดูแลนั่นนี่บนโต๊ะอาหารให้อย่างคล่องแคล่ว
 
 
" ทำไมวันนี้ยัยนี่ดูเรียบร้อยจัง "
ผู้จัดการสาวเอียงคอกระซิบถามซุปตาร์คนสวย
 
" ใครเขาจะเป็นลิงเหมือนพี่ได้ตลอดเวลาล่ะ "
ร่างสูงตอบกลับหน้าตาเฉย
พี่สาวมองขวับพร้อมกับหยิกแขนน้องตัวเองเธอทันที
 
" ฉันไม่ใช่ลิงนะ! "
ทอปัดฟึดฟัดเบาๆเหล่มองเด็กสาวที่เดินออกจากห้องอาหารไป
 
ตรีทิพย์ทำไม่รู้ไม่ชี้หันไปยิ้มกับคนรัก
ก่อนจะเอื้อมตักเต้าหู้สีไข่นวล
มาวางลงบนจานของเพชรเกล้าอย่างประณีต
 
" ทานเยอะๆนะคะ ลูกเราจะได้แข็งแรง "
เสียงหวานทำกระซิบกระซาบ
ร่างบางยิ้มให้กับความล้อเล่นไม่เลิกตรีทิพย์
 
 
" มาลัย.. "
 
แม่บ้านหญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากปิ่นรักเดินเข้ามาหา
โน้มตัวลงนิดๆสองมือประสานอยู่ในระหว่างหน้าขา
 
" นั่นหลานเธอเหรอ? " ปิ่นรักเอ่ยถามเสียงเรียบ
 
" ค่ะ ชื่อใบตองค่ะคุณปิ่น " มาลัยยิ้มเจรจา
 
" ใบตองเป็นเด็กหน้ารัก สดใสตามวัย นิสัยก็เฮฮาเหมือนกับมาลัยนี่แหละค่ะ " อรทุมาพูดเสริม
 
ปิ่นรักส่งยิ้มก่อนจะหันมองมาลัยอีกครั้ง..เธอทั้งคู่รู้จักกันพอควร
เพราะปิ่นรักเคยเจอกับมาลัยบ้างเป็นครั้งคราว
ที่บ้านของอินเกษมในกรุงเทพเมื่อหลายปีก่อนก่อน
 
" ดีจ้ะ..ดีที่ยังแตกต่าง "
ปิ่นรักยิ้มบอกแม่บ้านหญิงคลี่ยิ้มดูสบายใจในตัวหลานสาวคนนี้
 
 
อินเกษม อรทุมาและปิ่นรักต่างพูดคุยกันอย่างถูกคอ
ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของความผูกพันจนนำพาให้ลูกหลาน
พลอยยิ้มตามไปด้วยเพราะรู้สึกดีใจที่ทุกอย่างเป็นเช่นนี้
ซึ่งช่างเป็นเครื่องยืนยันได้ดีถึงมิตรภาพของความทรงจำที่โปร่งใส
จนตรีทิพย์ไม่สามารถยึดติดอยู่กับความบาดหมาง
ที่เคยรับรู้มาได้เลยสักนิด รอยยิ้มของพ่อเธอ
รอยยิ้มของอาผู้เป็นที่รักหรือแม้กระทั่งรอยยิ้มของมาลัย
ช่างเป็นความหมายที่ลึกซึ้งจนเธอเริ่มเข้าใจว่าบางที
ความจริงก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่จะต้องไปตั้งเป้าว่าต้องค้นหา
เพราะเวลาจะเป็นผู้พิสูจน์ให้ทุกอย่างสดใสขึ้นเอง………
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา