บัลลังก์ฉิมพลี
เขียนโดย กรุงสยาม
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.26 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
46) กลับไม่กลับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฝ่ามือบรรเลงทรวงอกไปพร้อมกับเรียวลิ้น
ที่กำลังกวาดต้อนชิมความหวานชื่นแสนเพลิดเพลิน
ก่อนจะเอื้อมปลดตะขอบราออกจากตัวสาวน้อยอย่างเบามือ
เพชรเกล้าส่งเสียงของความเสียวซ่านตามเนื้อตัวอยู่ในลำคอ
สาวน้อยยื่นมือเข้ามาหาเนื้ออกพลางจะปลัดปล้อง
ไปตามประสาเคยชินแต่ก็ยากที่จะเข้าถึงเมื่อคนด้านบน
ดันหวงแหนมันจนคล้ายเป็นเจ้าของเสียเอง
" ฮืม..~ "
ลมหายใจแหบเบาหลุดออกจากกลีบปากบาง
เมื่อผู้รื่นเริงยอมปลดปล่อย ตรีทิพย์เคลื่อนตัวลงมา
แนบชิดลำตัวของเพชรเกล้าก่ายขาเข้าหากอดเกี่ยวพัวพัน
" อ๊ะ!..อื้อ!~ "
ร่างบางเอนกายขึ้นด้วยความเสียวซ่าน
พร้อมทั้งปล่อยครวญออกมาอย่างห้ามไม่สนิท
เมื่อความชุ่มชื้นจากแผ่นลิ้นวกลงไปหาสองเต้าอวบอิ่ม
สาวน้อยกัดริมฝีปากจิกปลายนิ้วลงกับผิวฟูกยับย่น
ยามที่ผลเม็ดชูชันถูกทักทายขยี้เล่นแสนเอาแต่ใจ
ตรีทิพย์ปล่อยฝ่ามือข้างหนึ่งเลื่อนลง
สอดผ่านยางยืดของขอบกางเกงชั้นนอก
เลยลึกเข้าไปยังพื้นที่ด้านในจนสาวน้อยผวา
ครางกระเส่าเอื้อมกอบกุมศีรษะผู้กระทำเป็นการผ่อนคลาย
อุ้งมือร้อนฉ่าขยับผ่านเนินเนื้อนุ่มขยับปลายนิ้วไปมา
เป็นการเรียกเร้าน้ำเสียงหวานๆที่เธอคลั่งไคล้
และดูเหมือนจะได้ผลเมื่อสาวน้อยแสนสับสน
กับความวาบหวามที่กำลังถูกครอบงำอยู่กับเนื้ออก
และอาณาจักเบื้องล่างจนร่างกายแทบจะบิดเร้ารนรานเสียให้ได้
" อ๊ะ! อื้ม!! "
เมื่อนิ้วเรียวยาวเริ่มสอดเข้าหาแอ่งหฤหรรษ์
จึงเรียกเสียงหวานๆที่ปนความแหบห้วง
จนตรีทิพย์ต้องวนกลับขึ้นไปประทับรอยจูบด้วยความหมันเขี้ยว.....แต่การนี้
บทรักของสองสาวกับไม่ได้รับความเป็นส่วนตัวอย่างที่คิด
เมื่อสองเท้าผิวสีแทนกำลังย่างก้าวเดินตรงมาหยุดอยู่ยังหน้าห้อง
ที่กำลังเป็นดินแดนสวรรค์สำหรับตรีทิพย์และเพชรเกล้า
ปริฉัตรจ้องตาเขม็งไปยังลูกบิดประตูเธอภาวนาขออย่าให้มันล็อค!
หญิงสาวหน้าดุค่อยๆเอื้อมมือเข้าไปยังจุดเปิด
และหมุนเบาๆ..สายตาของหล่อนสะพรึง
เมื่อกรไม่ได้ล็อคอย่างที่เธอหมายใจ ปริฉัตรค่อยๆแง้มประตูออกช้าๆ
เธอทอดสายตามองตรงไปที่เตียงเมื่อได้ยินเสียงอะไร
เล็ดรอดมาเข้าหู หญิงสาวใจเต้นระรัวปากคอสั่นด้วยแรงสะอื้น
พร้อมๆกับหยดน้ำตาที่ไหลพรากลงมาเมื่อภาพตรงหน้า
คือแผ่นหลังของน้องสาวสุดรัก
ที่กำลังดื่มด่ำอยู่กับเรือนร่างของเพชรเกล้า!
ปริฉัตรสะบัดหน้าออกทันทีเธอรีบวิ่งออกไปสาวเท้าก้าวเร็วๆ
ลงจากบันไดตรงออกไปนอกบ้าน ทอปัดเดินออกมาจากห้องส่วนตัว
และเห็นเข้าพอดีหันมองไปยังจุดที่พี่สาววิ่งออกมา
นั่นคือหน้าห้องนอนของเพชรเกล้า ผู้จัดการซุปตาร์นิ่งคิดสักครู่
ก่อนจะหันเดินตามคนฟูมฟายไปอย่างว่องไว
ปริฉัตรวิ่งห่างออกจากบ้านมาไกลเนื้อตัวเปียกเม็ดฝนนิดหน่อย
และจึงหยุดทรุดตัวลงกับพื้นเธอร้องไห้ออกมา
ราวกับหมดหวังในชีวิตจนคล้ายหญิงตัวน้อยๆในละครน้ำเน่า
ทำเอาคนที่พึ่งตามมาถึงด้วยใจที่เป็นห่วงพี่สาว
แปลกใจและมึนงงไปหมด..ทอปัดหลบอยู่กับมุมหนึ่ง
เธอคิดว่าตัวเองไม่สมควรเข้าไป
เพราะคนเป็นพี่คงไม่อยากรับการปลอบโยนจากเธอหรอก...
2 วันถัดมา…
เวลา 21:36 น.
บริเวณริมประตูภายในห้องนอนที่มืดสลัวแผ่นหลังชุดคลุม
ของเพชรเกล้าเสียดสีอยู่กับผนังด้วยแรงดันจากเรือนร่างตรงหน้า
ตรีทิพย์โอบกอดสะเอวคอดซุกใบหน้าอยู่กับผิวคอ
โฉลมริมฝีปากคลอเคลียอยู่นานนม
พลางปล่อยมือข้างหนึ่งลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่เต่งตึงอย่างนุ่มนวล
ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากกลับขึ้นไปหากลีบปากบางแสนยั่วเย้า
โฉบเฉี่ยวเรียวลิ้นแสนกระหายในรสชาติคำรามลมหายใจ
ให้คนฟังได้สยิวเกร็งตัวไปหมด เพชรเกล้ารู้สึกว่าเธอ
กำลังขาสั่นร่างกายแทบจะทรุดลงเต็มทีกับความไม่รู้จักพอ
ของคนเอาแต่ใจเพราะหลังจากอาหารมื้อค่ำเสร็จสิ้นไป
ทุกคนจึงแยกย้ายเข้าห้องนอน
มีเพียงเธอคงจะใช่ที่ยังต้องเสียเหงื่อไปกับการละเล่นบทรัก
ครั้งแล้วครั้งเล่าจวบจนตอนนี้เสื้อคลุมที่พึ่งสวมใส่
ก็เริ่มหลุดลงมาเสียครึ่งอก ฝ่ามือของสาวน้อยวางจิกลงกับไหล่นางแบบร่างสูง
เมื่อคนตรงหน้าเลื่อยรอยจูบลงมาหาเนื้ออกเนืองแน่น
“ พี่เต้..ไหนจะกลับห้อง...แล้วไง ”
เสียงนิ่มถามขึ้นและเริ่มดึงเสื้อคลุมให้เข้ามาปิดทรวงอก
ตรีทิพย์จึงย้ายกลับเข้ามาหาริมฝีปากบางแต่เพชรเกล้าหันหลบ
ร่างสูงจึงคลอเคลียไปหาใบหูเธอแทน
“ ฮืม~..ไม่อยากไปเลย.. ”
เป็นอย่างนี้ในทุกๆคืนที่ผ่านมาคือตรีทิพย์
ห้ามนอนห้องเดียวกับเพชรเกล้าเพราะข้อห้ามจากปิ่นรัก
“ ดึกมากแล้วนะคะ รีบไปพักผ่อนเถอะ ”
สาวน้อยดันร่างตรงหน้านิดๆ
“ ฮือ..อย่าดัน.. ”
ใบหน้าสวยกับไม่ยอมออกห่างแม้เนื้อตัวจะถูกดันออก
“ พราวเริ่มปวดๆหัวอีกแล้ว ”
ตรีทิพย์ลืมไปสนิทว่าสาวน้อยของเธอมีอาการป่วยอยู่นิดหน่อย
ร่างสูงหยุดมองเอื้อมมือกอบกุมใบหน้าคนรัก ร่างบางตาปรือๆคล้ายอ่อนเพลีย
“ ตัวไม่ร้อน งั้นไปนอนนะคะ ”
ร่างสูงทำท่าจะพาไปส่งที่เตียง
“ ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวพราวเดินไปเองก็ได้ พี่เต้รีบกลับห้องเถอะดึกแล้ว ”
ตรีทิพย์ยิ้มพยักหน้า
“ ก็ได้จ้ะ พรุ่งนี้เจอกันนะ ”
เพชรเกล้ายิ้มหวาน นางแบบสาวจึงดึงสาวน้อยเข้ามากอดแน่นๆ
พร้อมกับจุมพิตลงกับหน้าผากมนและค่อยๆถอยออกมา
หันไปเปิดประตูบทจะว่าง่ายก็ง๊ายงาย..สองสาว
โบกมือให้กันเบาๆก่อนจะปิดประตู
ตรีทิพย์กลับมาที่ห้องนอนของเธอด้วยสีหน้าและท่าทาง
ที่เต็มไปด้วยความสุข ซุปตาร์สาวหันดึงประตูให้ปิดลงอย่างเบามือ
และเวลานั้นเองเนื้อตัวของเธอจึงถูกสวมกอดเข้าอย่างเฉียบพลัน!
ร่างสูงสะดุ้งตกใจพร้อมกับหันมองทันที?!
“ พี่ต้อม? ”
ริมฝีปากสวยเอ่ยเรียกชื่อของคนที่เธอหันไปเจอ
ปริฉัตรยิ้มบางๆดวงตาเศร้าสร้อย
“ ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอคะ ”
ตรีทิพย์ถามขึ้นและจะปลีกตัวออก
เพื่อหันมาหาแต่พี่สาวกับกอดเธอแน่นตึก
“ พี่มีเรื่องจะขอร้อง ” ปริฉัตรเสียงซึม
“ เรื่องอะไรเหรอคะ ”
ใบหน้าสวยเบี่ยงมาสนทนาด้วย
“ พี่ยังไม่อยากให้เต้กลับ.. ”
พี่สาวแนบใบหน้าลงกับแผ่นหลังของน้องเธอ
ตรีทิพย์นิ่งฟังเมื่อเสียงของคนด้านหลังดูไม่สดใส
แต่เธอก็ต้องกระดุกกระดิกตัวและหดเกร็งหน้าท้องในเวลาเดียวกัน
เมื่อฝ่ามือของปริฉัตรดันขยับกระชับแน่นหนึบจนน่าหวาดเสียวแปลกๆ
“ เอ่อ.. ”
“ นะเต้ อยุ่กับพี่ก่อนนะ ”
“ คือ...เต้มีงานค่ะอยู่ต่อไม่ได้หรอก ”
เสียงหวานเอ่ยบอกเรียบๆ
“ แค่วันเดียวหรือครึ่งวันก็ได้ เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ ”
ปริฉัตรเกยปลายคางอยู่กับหัวไหล่น้องสาวหันมองรูปหน้าแสนสวย
เป็นครั้งแรกที่ตรีทิพย์รู้สึกแปลกๆพิกลกับอ้อมกอดของพี่เธอ
“ นะเต้.. ”
ร่างสูงผ่อนลมหายใจเริ่มหนักใจเพราะเธอได้ยืนยัน
กับเพชรเกล้าไปอย่างมั่นเหมาะว่าจะกลับพร้อมกัน
และเธอเองก็อยากให้มันเป็นเช่นนั้นด้วย
ส่วนปริฉัตรพี่สาวเธอก็เริ่มจะเกรงใจ...
เช้าตรู่ของวันใหม่.... เพชรเกล้ายืนอยู่หน้ากระจกเพื่อส่องดูรายละเอียด
ตามประสาผู้หญิงในขณะที่เธอพึ่งเกล้าผมเสร็จ..ตรีทิพย์เปิดประตูเข้ามาพอดี
ใบหน้าสวยฉีกยิ้มหวานๆเมื่อเธอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆแล่นเข้ามาแตะจมูก
สาวน้อยหันมองและส่งยิ้มให้ก่อนจะหันมาส่องกระจกอีกรอบ
นางแบบสาวตรงเข้ามาหาเรือนร่างผุดผ่อง
ตรีทิพย์สวมกอดเจ้าหญิงของเธอพร้อมกับชื่นใจ
ผิวแก้มฟอดโตยิ้มมองใบหน้าคนรักในกระจก
“ ยิ้มอะไร.. ” ร่างบางลดสายตาลง
“ หายปวดหัวหรือยังคะ ”
ใบหน้าสวยหันถามชิดใกล้คลอเคลียปลายจมูกอยู่กับเนื้อผิว
“ ค่ะ ” เสียงนิ่มตอบสั้นๆ
“ ค่ะๆๆๆ ”
ตรีทิพย์กัดฟันพูดยื่นจมูกเข้าไปหอมแก้มอีกครั้งด้วยความหมันเขี้ยว
“ แล้วนี่..พี่เต้แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอคะ ”
คำถามนี้ตรีทิพย์จึงเงียบไป
“ พี่กำลังจะมาบอกเรื่องนี้อยู่พอดีเลยค่ะ ”
“ มีอะไรเหรอคะ ” สาวน้อยหันมาหา
“ คือ... ”
เพชรเกล้าจ้องรอฟัง
“ คือว่า.. ” นางแบบสาวอ้ำอึ้ง
“ คืออะไรคะ? ”
“ คือ..วันนี้พี่คง....ไม่ได้กลับ.. ”
“ ทำไมล่ะคะ ”
“ คือ...คือพี่ต้อมเขาอยากให้พี่อยู่ด้วยวันนึงน่ะค่ะ ”
สีหน้าของเพชรเกล้านิ่งลงทันที..สาวน้อยลดสายตาลงสักครู่
ก่อนจะเลี่ยงตัวออกไปหากระเป๋าที่บรรจุเสื้อผ้าของเธอ ตรีทิพย์เดินตามติด
“ พราวไม่โกรธพี่ใช่มั้ย ”
สถานการณ์เงียบสงัด…
“ พราวเข้าใจพี่ใช่มั้ยคะ ”
เพชรเกล้านำสิ่งของเล็กๆน้อยๆใส่กระเป๋าเดินทางของเธอ
และรูดซิปเสร็จศัพท์พร้อมกับยกขึ้นเดินตรงไปที่ประตู
ร่างสูงรีบวิ่งไปดักหน้า
“ อย่าโกรธเลยนะ.. ”
ตรีทิพย์ทำตาละห้อยหวังให้สาวน้อยเข้าใจเธอ
“ หลบ ” ริมฝีปากบางเอ่ยสั้นๆ
“ บอกก่อนสิคะว่าไม่โกรธพี่เต้ ”
“ จะให้พูดแบบนั้นทั้งที่มันขัดกับหน้าตาตอนนี้น่ะเหรอ ”
ร่างบางเอ่ยบอกน้ำเสียงเริ่มแข็ง นางแบบสาวกระพริบตาปริบๆ
เพชรเกล้าดันคนตรงหน้าให้หลีกทางและเปิดประตูออกไปทันที
โถงด้านล่าง อินเกษมกำลังนั่งสนทนาอยู่กับปิ่นรักเหมือนเคย
ทอปัดเดินลงมาสมทบเพื่อรอที่จะเดินทางกลับพร้อมๆกัน
ลูกสาวคนกลางตรงเข้ามานั่งเทียบข้างบิดาของเธอ
เอื้อมมือกอดเกี่ยวแขนพร้อมกับเอนกายซบไหล่อันอบอุ่น
“ ถึงกรุงเทพแล้วอย่าลืมโทรหาพ่อล่ะ ”
อินเกษมลูบศีรษะลูกสาวปิ่นรักยิ้มมอง
ทอปัดพยักหน้าซึมๆเพราะยังอยากอยู่กับพ่อของเธอ
“ พราว.. ”
“ พราวฟังพี่ก่อนสิ ”
ทั้งหมดหันมองขึ้นไปยังเสียงที่แว่วมาแต่ไกล
จนถึงบันไดเรื่อยลงมานั่นคือตรีทิพย์ที่กำลังเดินเร็วๆ
ตามติดเพชรเกล้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ พราว ”
ร่างบางเดินเข้ามาหยุดอยู่บริเวณที่ทุกคนกำลังนั่งกันอยู่
“ พราวพร้อมแล้วค่ะเราจะกลับกันหรือยัง ”
“ พี่ยังไม่ให้พราวไป ”
ตรีทิพย์เอ่ยขึ้นผ่านแผ่นหลังคนรักที่ยืนอยู่ด้านหน้า..
นี่มีเธอคนเดียวใช่ไหมที่รนราน?! ปิ่นรักหันมองสองสาว
“ เรากลับกันเถอะค่ะคุณแม่ ”
มารดายิ้มอ่อนๆพยักหน้าเบาๆและทำท่าจะลุกขึ้นยืน
“ อย่าพึ่งค่ะ อย่าพึ่งไป ” ร่างสูงร้องห้าม
“ โอยยย จะยังไงกันแน่เนี่ย เอ้าเต้ แล้วนี่ไม่กลับหรือไงกระเป๋าล่ะ? ”
ทอปัดพูดขึ้นและลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาสำรวจภาพรวม
ปิ่นรักมองลูกสาวที่นิ่งเงียบดูเหมือนจะสงบสติอารมณ์
พลางหันมองอินเกษม พ่อซุปตาร์ดังจึงยกไหล่คลี่ยิ้มนิดหน่อย
ไม่ร้อนเนื้อร้อนใจ..ดูชิวๆเหมือนใครกัน
“ เขาไม่กลับหรอกค่ะ ” เพชรเกล้าพูดขึ้น
ตรีทิพย์สีหน้าลำบากใจเพราะเธอแสนจะแคร์สาวน้อยมากกว่าใคร
" เอ๊า? จะไม่กลับได้ไงอ่ะมีงานนะ ลืมเหรอ " ทอปัดถามไถ่
" พราว.. "
ตรีทิพย์ส่งเสียง เพชรเกล้าถอนหายใจเบาๆและหันมาหา
" อย่าโกรธเลยนะคะ...นะ เดี๋ยวถ้าพี่กลับไปแล้วจะรีบไปหาพราวทันทีเลยนะ "
ร่างสูงเอื้อมจับสองมือนิ่ม
“ พราวไม่ได้โกรธถ้าพี่เต้จะอยู่ต่อ แต่พราวโกรธที่พี่ไม่รักษาสัญญา ”
" พราว... "
เสียงหวานเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ตรีทิพย์หน้าซึม
" ไป!! ปล่อยมันไป! ในเมื่อมันอยากจะไปนักก็อย่าไปห้ามมัน!! "
ทุกคนในที่นั้นหันมองไปยังต้นเสียงยกเว้นเพชรเกล้าเท่านั้น
ที่ยังคงปกติเพราะเธอรู้แล้วว่าใครคือเจ้าของน้ำเสียงเถื่อนภาษาแบบนี้
ปิ่นรักหันไปเจอกับหญิงสาวรูปร่างสูงพอตัวใบหน้านี้
เธอจำได้เป็นอย่างดีแม้ว่าบางส่วนจะดูเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ผู้บริหารหญิงค่อยๆลุกขึ้นยืนจ้องมองความเกรี้ยวกราด
ที่เผยแผ่ออกมาจากแววตาช่างเหมือนเดิมไม่มีผิด
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน..ปริฉัตรก็ยังแตกต่างไปจากทุกคนเช่นเดิม
หญิงสาวเสียงดังเดินลงจากบันไดด้วยรอยยิ้มร้ายๆ
และความเกลียดชังที่เต็มอยู่ท่วมใบหน้า อินเกษมถอนหายใจหนึ่งเฮือก
ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองสถานการณ์จากลูกสาวของเขา
เพราะกลัวจะสร้างปัญหาให้ต้องอับอายกัน
ปริฉัตรไม่เคยออกมาสังสรรค์และพบปะใครตลอดเวลา
ที่เพชรเกล้าและปิ่นรักอยู่ที่นี่จนกระทั่งตอนนี้เธอได้ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
" ออกไปจากบ้านฉันได้ล่ะ! พวกเสนียด! "
" ต้อม! " อินเกษมตวาด
ปริฉัตรไม่สนใจเดินเข้ามาเกี่ยวแขนน้องสาวเธอ
พร้อมกับดึงให้ถอยห่างออกมาจากเพชรเกล้า
ตรีทิพย์ส่ายหัวเริ่มไม่ชอบใจนัก
“ ตกลงว่าไม่ได้กลับด้วยกันหรอกเหรอ ”
ปิ่นรักถามเสียงเรียบต่อนางแบบร่างสูง
ปริฉัตรหันขวับไปที่ผู้พูด!
“ ทำไม! หรือคิดจะออกคำสั่งให้น้องฉัน
ทำตามใจลูกสาวเธอ! คิดจะมาใช้อำนาจที่นี่หรือไง! ”
ปิ่นรักเหลือบมองหญิงด้านข้างตรีทิพย์นิ่งๆ
“ มองอะไร! เห็นหน้าฉันเหมือนแม่ใช่มั้ย!! แม่ฉันที่เธอเคย..! ”
“ หยุดพูด!! ” อินเกษมเอ่ยขึ้นตัดบท
“ ปิ่นผม.. ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ ”
ปิ่นรักหันหน้ามาทางด้านข้างเพื่อสื่อสารกับอินเกษมที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ เหอะ!! ทำเป็นแม่พระดูเข้าอกเข้าใจกันเหลือเกินนะ!! ”
ปริฉัตรยังไม่หยุดด้านตรีทิพย์ก็เริ่มดึงๆ
แขนตัวเองเพราะอยากจะออกห่าง
“ พี่ต้อม! ต้าว่าพี่ควรหุบปากนะรู้มั้ยว่าตัวเองน่ะ? น่ารำคาญขนาดไหน! ”
“ อีต้า!!! ”
ตรีทิพย์ดึงแขนของตัวออกเสียตอนนี้เธอเริ่มไม่พอใจเสียแล้ว
“ เต้..เต้..พี่เลิกพูดก็ได้ แต่เต้อย่ากลับนะอยู่กับพี่ก่อน ”
ปริฉัตรเข้าไปเกาะแกะน้องสาวอีกครั้ง
ปิ่นรักจ้องมองกิริยาลูกสาวคนโตของอินเกษม
เพชรเกล้ามองดูทั้งคู่หลังจากที่เธอเงียบอยู่นาน
ร่างบางค่อยๆย่างก้าวเดินเข้าไปหา
ใบหน้าสวยหันสนใจเมื่อเห็นว่าสาวน้อยกำลังตรงมาทางเธอ..
ปริฉัตรหันขวับส่งสายตาจิกกัดอย่างจงเกลียดจงชัง!
“ พราวจะไปรอที่เรือ ”
เพชรเกล้าพูดขึ้นสบตาคนรักไม่สนใจ
ว่าใครจะกำลังเขม็งแข็งกร้าวใส่เธอเพียงใด
“ อีกสิบนาทีถ้าพี่เต้ไม่มาก็อย่าหวังว่าจะได้ง้อพราว ”
สิ้นน้ำเสียงสาวน้อยจึงหันเดินออกไปทันที
และแสดงให้เห็นว่าปริฉัตรไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอแม้แต่นิด
ตรีทิพย์มองตามแผ่นหลังยืนนิ่งไป
“ เออ..เอาสิๆ ” ทอปัดชอบใจจึงพูดออกมา
ปิ่นรักหันเดินตามออกไปพร้อมๆกับอินเกษมที่เคียงคู่กัน
“ อีแย่งผัวชาวบ้าน! ” หญิงโวกเวกตะโกนตามหลัง
“ โอ๊ย! เป็นบ้าอะไรนัก?! ” ทอปัดตะโกนใส่บ้าง
ตรีทิพย์หันมองนาฬิกา..
“ เต้!! ” ปริฉัตรดึงแขน
“ ไหนบอกว่า ”
“ เต้ต้องกลับค่ะ ” ตรีทิพย์แทรกพูดรวดเร็วและจะวิ่งไป
“ แต่เต้รับปากพี่แล้วนะ! ” พี่สาวยื้อตัวไม่เลิก
“ เต้ไม่อยากมีปัญหากับพราว ”
ร่างสูงดึงแขนตัวเองจนหลุดพ้น ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว
ปริฉัตรรีบก้าวขาตาม ทอปัดเห็นเช่นนั้นจึงวิ่งเข้าไปขวางบนบันได
“ หลีกไป!!! ”
พี่สาวรนรานหาทางขึ้นให้ได้ด้านทอปัดจึงเบียดบังหนทางเต็มที่
“ อีนี่!!! ” ปริฉัตรเงื้อมือ
“ หยุดนะ! ถ้าพี่ตบต้าถีบจริงๆด้วย!! ” ทอปัดชี้หน้ากำชับ
“ ฉันเป็นพี่แกนะ!! ”
“ ในทะเบียนบ้านเขามีเขียนไว้ด้วยเหรอว่าเกิดทีหลังและห้ามถีบพี่สาวอ่ะ..ห่ะ!! ”
ปริฉัตรร้องลั่นเมื่อทุกอย่างดันขัดใจเธอไปเสียหมด
ไม่นานนักตรีทิพย์ก็กลับออกมาจากห้องพร้อมกับกระเป๋าเดินทางของเธอ
“ เต้! เต้อย่าไปนะ!! ”
“ โห? ไวมาก?! อย่างนี้มันเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วมั้งเนี่ย ” ทอปัดหันมองผู้ที่เดินเร็วๆลงมา
ก่อนจะรีบดันตัวพี่สาวเธอไว้เพื่อไม่ให้มาขัดขวางตรีทิพย์
ร่างสูงรีบเดินออกไปทันทีปริฉัตรหันมองตามน้องสาว
ที่สวนเธอไปและไม่คิดจะหันมองกันเลยแม้แต่น้อย
ชายฝั่งริมทะเลอันดามันปิ่นรักและเพชรเกล้าลงเรือเรียบร้อยพร้อมจะออกเดินทาง
“ เดินทางปลอดภัยนะปิ่นขอโทษด้วยที่ผมไปส่งถึงฝั่งไม่ได้ ”
อินเกษมย่อตัวนั่งลงอยู่บนสะพานเทียบท่า
“ ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันรู้ว่าคุณมีงาน
เดี๋ยวคุณต้องไปที่ฟาร์มแล้วไม่ใช่เหรอ ”
อินเกษมพยักหน้า
“ ไปเถอะค่ะ ” ปิ่นรักคลี่ยิ้ม
“ เดินทางปลอดภัยนะพราว ”
อินเกษมหันบอกเพชรเกล้าลูกสาวอีกคนในอนาคต
“ ค่ะ สวัสดีค่ะคุณลุง ” เพชรเกล้ายิ้มไหว้
“ งั้นผมขอตัวก่อนนะ ต้องไปดูงานแล้ว โชคดีนะปิ่น ”
“ คุณก็เหมือนกันค่ะ ”
ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันพอประมาณ..อินเกษมจึงเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
เวลานั้นเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายที่โทรเข้ามาพอดีดูยุ่งๆเหมือนเคย
ปิ่นรักก้มมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ...
“ อืม..เหลืออีกหนึ่งนาที แม่ว่าเต้คง... ”
“ มาแล้วค่ะ!! ”
สองแม่ลูกหันมองถึงเสียงที่ดังมาแต่ไกล
เพชรเกล้าทำหันไปทางอื่นไม่สนใจ
นางแบบผิวขาวรีบวิ่งเข้ามาหาเสียงฝีเท้าดังกระทบสะพานลั่นๆ
ด้วยแรงเร่งรีบของเธอ ตรีทิพย์เดินลงเรือที่เทียบท่ารออยู่ทันที
“ ขอโทษนะคะที่ทำให้รอ ”
เสียงหวานเอ่ยบอกหอบๆต่อปิ่นรัก
และเหลือบมองไปยังสาวน้อยที่หันหน้าออกมองทะเล
“ ไปแล้วๆๆ!! ”
เรื่องที่น่าปวดหัวยังไม่จบทั้งหมดหันมองตามเสียงอีกครั้ง.....
ปริฉัตรกำลังตรงมายังจุดนี้ด้วยสีหน้าหาเรื่องเหมือนทุกครั้ง!
ทอปัดตะโกนบอกเพื่อให้สัญญาณว่าเธอกันเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
อีกทั้งกระเป๋าที่แบกมาก็ช่างเป็นอุปสรรคเสียจริง
เพชรเกล้าเดินออกมายืนเยื้องข้างแม่ของเธอ
เมื่อตัวการใจร้อนมาถึงก็ทำท่าจะก้าวขาลงเรือ
แต่ทอปัดรีบวิ่งแซงเข้ามาผลักให้พี่สาวหลีกหลบและโดดลงเรือเสียเอง
“ อี!!! ”
ปริฉัตรหยิบเศษหินบนสะพานเพื่อจะนำมาขว้าง
“ อย่าทำอะไรพราวนะ! ”
ตรีทิพย์นำตัวเข้ามาขวาง
เพชรเกล้าแอบยิ้มมองแผ่นหลังคนปกป้อง
“ นี่แกเห็นมันดีกว่าฉันใช่แมะ!! ”
“ เต้คิดไว้อยู่แล้ว! ว่าพี่จะดีได้สักแค่ไหน! ”
“ ออกเรือเลยค่ะ ”
ใบหน้าสวยหันบอกคนขับที่เป็นลูกน้องพ่อเธอ
ปริฉัตรหน้าตาเลิ่กลั่กเพราะตรีทิพย์กำลังจะไปจากเธออีกแล้ว
และเมื่อเครื่องยนต์ถูกสตาร์ทสปีดโบ๊ทลำกลางจึงแล่นออกไปจากจุดนั้นทันที
ปริฉัตรร้องไห้โฮทั้งเสียใจและเจ็บใจมองตามเรือเร็ว
เห็นน้องสาวเข้าไปเกาะแกะเทคแคร์เพชรเกล้าอย่างเป็นห่วงเป็นใย
หญิงสาวร่ำไห้เหม่อมองภาพนั้นจนสุดสายตา.........
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ