บัลลังก์ฉิมพลี
เขียนโดย กรุงสยาม
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.26 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) คนแพ้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเวลาช่วงบ่ายของวัน.....
เพชรเกล้านั่งเบื่อๆอยู่บนเตียงมือข้างหนึ่งดึงผืนผ้าห่มเล่นไปมาอย่างเซ็งๆ
ถอนหายเบาๆเป็นระยะๆเนื่องจากสภาพร่างกายที่เริ่มฟื้นตัว
และขยับเรือนร่างได้คล่องแคล่วเป็นปกติ จึงทำให้เธออยากออกไปเดินเล่น
สูดอากาศสดชื่นด้านนอกบ้าง จิตใจยังคงทรงตัวไม่ได้ดีคงที
แต่ก็ไม่ถึงกับจมปลักอยู่กับความทุกข์มากจนเกินไป หลังจากที่ได้ผ่านในช่วง
ทนระทมมาหลายวันเมื่อจะเริ่มลืมๆเรื่องราวลงไปบ้าง..
คนต้นเหตุผู้ก่อความหมองหม่นของจิตใจก็มักจะมาให้เจออยู่ร่ำไป…
" ก๊อกๆ! "
ระหว่างที่เพชรเกล้ากำลังนั่งเหม่อลอยนิดๆเสียงจากการเคาะประตูก็ดังขึ้น
ใบหน้าเรียวหันมองหยุดคิดสักครู่ไม่แน่ใจว่าใครกันที่เป็นผู้เรียก
ร่างบางจึงค่อยๆก้าวเท้าลงจากเตียงเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูลังเลใจที่จะเปิด
" ใครคะ.. "
เพชรเกล้าถามออกไปเบาๆเพราะหากด้านนอกเงียบ
หรือเสียงที่ตอบกลับมาเป็นตรีทิพย์เธอก็จะไม่เปิดประตูแน่
" หนูเองค่ะคุณคนสวย "
เสียงสดใสร่าเริงตอบกลับมาร่างบางจึงโล่งอก
เมื่อคนด้านนอกนั้นเป็นใบตองเด็กน้อยจอมแก่นนั่นเอง
มือเรียวจึงเอื้อมเปิดประตูออกเบาๆ..ไปเจอกับเด็กสาวยืนยิ้มโชว์ฟันขาวดูอารมณ์ดีเหมือนเคย
" มีอะไรเหรอ " ร่างบางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
" คุณเต้ให้หนูเอาผ้าพันคอมาให้คุณพราวค่ะ "
ใบตองกล่าวเสียงใสพร้อมยื่นผ้าพันคอผืนสวยให้กับเพชรเกล้า
ดวงตาคู่เสน่ห์ลดลงมองสิ่งของในมือเด็กสาวเรียบเฉย
" คุณเต้บอกว่าตัวคุณพราวเย็นเฉียบ อยากให้คลุมผ้าพันคอเอาไว้เดี๋ยวจะไม่สบายนะคะจุ๊บๆ "
เพชรเกล้ายิ้มหวานในคำพูดน่ารักๆของใบตองก่อนจะเอื้อมมือรับผ้าผืนหนามาถือไว้
" ไปเก็บสตรอว์เบอร์รีในไร่กันดีกว่านะคะ "
ใบตองยิ้มกว้างเอ่ยบอกน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองด้วยความสนใจ
" ฉันไปได้ด้วยเหรอ "
" ได้สิคะ คุณเต้บอกว่าถ้าคุณพราวคลุมผ้าพันคอปุ๊บก็ออกไปเดินเล่นได้ปั๊บเลย "
ร่างบางคลี่ยิ้มเล็กน้อยด้วยความที่อยากออกไปจากความอุดอู้
เธอจึงค่อยๆนำผ้าสีน้ำตาลที่ตกแต่งลวดลายประดับขึ้นพันรอบคอ
ความยาวห้อยลงปกคลุมประมาณครึ่งตัวสีสันช่วยขับผิวขาวๆให้ดูมีออร่าขึ้นไปอีกมากมาย
" เหมาะกับคุณพราวที่สุดเลยค่ะ ไปกันเลยนะคะ "
เด็กน้อยเอ่ยบอกก่อนจะเข้ามาคว้าข้อมือของเพชรเกล้าเพื่อชักชวนเดินออกจากห้อง
" เดี๋ยวใบตอง.. "
" คะ? "
ร่างบางรั้งมือตัวเองหยุดเดินส่งเสียงเรียกเบาๆเด็กสาวจึงหันถาม
" แล้ว..เจ้านายเธอเขาอยู่ไหนล่ะ "
เพชรเกล้าไถ่ถามให้แน่ใจเพราะหากลงไปด้านล่างเธออาจถูกดึงตัวจากตรีทิพย์อีกครั้ง
" คุณเต้ไปไหนไม่ทราบค่ะ "
ร่างบางพยักหน้าโล่งอก เธอไม่อยากเจอตรีทิพย์
ไม่อยากให้อีกคนคร่ำครวญอะไรใส่เธอทั้งนั้น..
เพราะในบางครั้งจิตใจของเธอก็เริ่มหวั่นไหว
อ่อนลงกับคำพูดที่พยายามงอนง้อขออภัยไม่หยุดหย่อน
เธอไม่อยากกลายเป็นผู้หญิงใจง่ายอย่างที่นางแบบสาวเคยต่อว่าไว้อีกแล้ว…
" ไปกันดีกว่านะคะ " เด็กสาวเอ่ยเสียงแจ้ว
ใบตองเห็นแววตาของเพชรเกล้าเริ่มเศร้าหมอง
เธอไม่รู้ว่าคุณคนสวยกำลังคิดอะไร แต่เธออยากช่วยบรรเทาอาการเบื่อหน่าย
ของเพชรเกล้าที่ยังคงต้องทนอยู่ที่นี่ต่อไป
ร่างบางยิ้มพยักหน้าเบาๆทั้งคู่จึงเดินออกไปด้วยกันทันที
โดยมีใบตองคอยพูดนั่นพูดนี่เพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับเพชรเกล้าไปเรื่อยๆ…..
เพชรเกล้ากลับเข้ามายังบ้านไม้สักหลังโต
ของเจ้าของไร่สตรอว์เบอร์รีอีกครั้งในช่วงเย็น
พร้อมๆกับใบตอง..ทั้งสองเดินคู่กันมาในมือถือตะกร้าบรรจุผลไม้สีแดงสด
ที่เก็บออกจากต้นมามาดๆ ใบหน้าเรียวอมยิ้ม
ปลายนิ้วแตะสัมผัสต่อลูกผลจิ๋วน่ารับประทานตรงหน้าให้กลิ้งไปมาเล่นๆ
" ชอบใช่มั้ย.. "
เสียงหวานเอ่ยขึ้นทำให้ร่างบางต้องหยุดฝีเท้าก้าวเดิน
เงยหน้าขึ้นไปเจอกับนางแบบซุปตาร์ตรีทิพย์ที่ดักรออยู่
ริมฝีปากบางค่อยๆหุบยิ้มลงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ตรีทิพย์ส่งสัญญาณให้ใบตองออกไปจากตรงนี้
เพื่อที่เธอจะได้สนทนากับสาวน้อยกันสองต่อสอง
โดยที่เด็กใบก็ยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
" พี่ช่วยถือนะคะ "
ร่างสูงนำตะกร้าที่เพชรเกล้าใช้สองมือประคองไว้นั้น
มาถือให้ส่งยิ้มหวานกับร่างน้อยเบาๆ
เพชรเกล้าเบี่ยงหน้าหนีพร้อมเดินสวนทางออกไปทันทีด้วยกิริยาเรียบเฉย
ตรีทิพย์หันมองตามรีบนำตะกร้าใบน้อยวางไว้กับมุมหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
ก่อนจะเดินตามและเอื้อมจับมือสาวน้อยไว้..ความจริงเธอไม่เคยปล่อยให้เพชรเกล้าคาดสายตา
ตอนอยู่ในไร่ก็คอยเดินตามอยู่ห่างๆตลอด
เพียงแต่ระวังไม่ให้เจ้าหล่อนรู้ตัวก็เท่านั้นก็เพราะอยากได้ใกล้ชิดแค่เพียงนิดก็ยังดี
" พราวจะไปไหนล่ะคะ "
" กลับห้องค่ะ " ร่างบางตอบบางเบาพร้อมดึงมือออกเดินต่อไม่สนใจ
" เย็นนี้เราทานข้าวด้วยกันนะ "
นางแบบร่างเพรียวรีบวิ่งมาขวางทางอยากยื้อเวลาที่ได้พบหน้าไว้ให้นานที่สุด
" ไม่ค่ะ "
สาวน้อยตอบเสร็จจึงเดินเลี่ยงออกไปอีกครั้ง
ตรีทิพย์ถอนหายใจเบาๆสองมือยกเคว้งคว้างเล็กน้อย
ด้วยความท้อใจที่พยายามอ้อนวอนงอนง้อเท่าไหร่
แต่อีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะให้อภัยเธอเสียที
" ทำไมพราวไม่ฟังพี่บ้าง ทำไมต้องคอยหลบหน้า
คอยเดินหนี ปฏิเสธทุกอย่างที่พี่ขอร้อง "
ร่างสูงหันถามตามหลัง เพชรเกล้าหยุดเดินนิ่งคิดในคำพูด
มาลัยและใบตองหลานรักแอบชะโงกหน้าออกมาจากมุมหนึ่งเพื่อรอดูสถานการณ์
" พราวไม่เห็นใจพี่บ้างเหรอไม่สงสารพี่เลยหรือไง " ตรีทิพย์ตัดพ้อดวงตาละห้อย
ร่างบางค่อยๆหันมาหาและสบตากับตรีทิพย์โดยตรง
" ตอนที่พราวขอร้อง พี่เต้เคยฟังบ้างหรือเปล่าคะ " เสียงนิ่มพูดขึ้นเรียบๆ
" พี่เคยเห็นใจและสงสารใครบ้างหรือเปล่า พี่ไม่ได้ถูกต่อว่า
ไม่ได้ถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาด้วยซ้ำ แล้วพี่เต้ต้องการความสงสารหรือเห็นใจไปทำไมกัน "
ตรีทิพย์ยืนนิ่งคำพูดของสาวน้อยช่างบางเบาแต่เจ็บลึกไปถึงหัวใจของเธอจริงๆ
" พี่อยากให้พราวอยู่ที่นี่พราวก็อยู่แล้วไงคะ..แล้วพี่ยังจะต้องการอะไรอีก "
ใบหน้าเรียวหันกลับพร้อมจะเดินต่อ
" พี่อยากให้พราวหายโกรธ.. " ตรีทิพย์ดวงตาละห้อยมองแผ่นหลัง
“ หยุดพูดเรื่องพวกนี้ซะทีค่ะ พราวไม่ต้องการได้ยิน ” เพชรเกล้าบอกเสร็จพลางจะเดินต่อ
ร่างสูงรนรานวิ่งเข้ากอดสาวน้อยจากด้านหลังไม่ต้องการให้อีกคนหนีหน้าเธอไปไหน
“ ทำไมต้องปฏิเสธคำขอโทษของพี่ด้วย ”
ใบหน้าเรียวเอนหนีเรียวปากที่ขยับพูดไต่ถาม จนทำให้เสียดสีอยู่กับเนื้อผิวของเธอ
เนื่องจากเจ้าของได้ซุกหน้าเข้ากับซอกคอกอดรัดแน่นเอาการ
“ ปล่อยนะ! ” เพชรเกล้ารีบงัดแงะแกะมือที่กำลังกอดรัดดีดดิ้นหวงเรือนร่าง
“ หายโกรธพี่เต้นะคะ/ฮื่อ!! ”
เสียงหวานกระซิบบอกพร้อมจูบลงเข้าที่เนื้อนิ่มเบาๆ
จึงทำให้สาวน้อยท้วงติงหยิกจิกลำแขนขาวจนแดงกร่ำ
แต่ยังไม่วายที่ตรีทิพย์ยังคงกระทำต่ออยู่เช่นนั้น
“ พี่เต้!! พราวจะโกรธมากกว่านี้ถ้าพี่ยังชอบทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้อยู่!!! ”
นางแบบสาวจับตัวร่างบางให้หันมาหาดวงตาจ้องมองทำสลด
แต่ก็เต็มไปด้วยความพึงใจในความงดงามตรงหน้า
“ พี่คิดถึงพราวมากนะ... ”
ตรีทิพย์ทำสายตาออเซาะโน้มใบหน้าเข้าสัมผัสผิวแก้ม
กลิ่นกายจากเนื้อตัวสาวน้อยช่างทำให้เธอเผลอไผลและลืมตัว
แอบยิ้มเล็กๆยามมือนิ่มออกแรงดันเรือนร่างของเธออย่างนั้นอย่างนี้เพื่อให้ปลดปล่อย
“ เมื่อไหร่จะยกโทษให้พี่ล่ะคะ...~ ”
เสียงหวานคลอเคลียอยู่ข้างใบหูจนเจ้าของร่างเริ่มร้อนๆหนาวๆเสียแล้ว
“ หายโกรธได้มั้ย..~ ”
ตรีทิพย์พร่ำถามต่อเรือนร่างที่ดีดดิ้นอยู่ในอ้อมกอด
แต่ตอนนี้เพชรเกล้าไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น พยายามผลักดันคนตรงหน้า
ที่เริ่มกอดรัดและรุกลามเธอมากขึ้นเรื่อยๆคล้ายกำลังหมันเขี้ยวในอะไรบางอย่าง
“ ปล่อยนะ! อย่าทำแบบนี้!! ”
เสียงนิ่มเอ่ยขึ้นเมื่อนางแบบสาวเริ่มวนเวียนเข้ามาหารูปหน้าของเธอ
“ ฮืม…~ทำไมอ่ะ/อื้อ!!! ”
ตรีทิพย์คล้ายคนเมาที่ไร้สติเมื่อเธอคลอเคลียเนื้อตัวสาวน้อยมาเรื่อยๆ
สายตาเหลือบไปเห็นจุดแห่งความอมชมพูที่เคยลิ้มรส
ร่างสูงจึงทำการจุมพิตลงกับริมฝีปากบางทันที!!
เพราะความโหยหาที่ผสมกับความคิดถึง ปลายลิ้นร้อนลุ่มพุ่งเข้าแทรกแซง
ดูดดุดความนุ่มละมุนจากแผ่นลิ้นเล็กด้านในอย่างรวดเร็ว
ใบตองเบิกตากว้างไปพร้อมๆกับน้าของเธอ
เป็นครั้งที่สองของความตื่นเต้นตื่นตาที่ได้เห็นในระยะประชิดเช่นนี้
เพชรเกล้าทุบตีนางแบบสาวทันควันน้ำตาจากความโมโห
ล่วงหล่นลงท่วมใบหน้าของเธออย่างไม่อาจห้ามได้
พยายามบอกแล้วแต่อีกคนนั้นไม่คิดฟังกัน.....สองมือรวบรวมกำลัง
จนสามารถผลักดันตรีทิพย์ออกห่างได้สำเร็จ!
" เพี๊ยะ!!! " มือเรียวฟาดเข้าไปที่ใบหน้าสวยเต็มแรงด้วยความสุดทน
" ทำไมต้องทำกับพราวแบบนี้ด้วย...!! "
เพชรเกล้าร้องบอกจนเสียงแหบแห้งน้ำตาไหลพรากท่วมท้น
ถอดผ้าคลุมพันคอโยนใส่คนตรงหน้าทันที ใบหน้าเรียวก้มลง
สะอื้นออกมาอย่างไม่กักเก็บอะไรอีกต่อไปทั้งอายทั้งเสียใจ
จนไม่อยากอยู่เห็นหน้าใครอีกต่อไปแล้ว ตรีทิพย์นิ่งสงัดค่อยๆหันหน้ากลับมา
เมื่อเห็นความอ่อนแรงของเจ้าหญิงร่างน้อยแล้วก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดเหลือเกิน
เอื้อมมือเข้าเกลี่ยหยดน้ำข้างแก้มเบาๆจ้องมองดวงหน้าสะอึกสะอื้น
ที่ไม่มีกระจิตกระใจจะห้ามปรามในกิริยาของเธออีกต่อไป
เพชรเกล้าเสียน้ำตาอีกตามเคยความเข้มแข็งของเธอนั้นมี
แต่เรื่องพวกนี้เธอไม่เคยได้พบเจอมาก่อนจึงยากที่จะทำใจจริงๆ
“ คิดไม่มีผิดว่าต้องมาหลบอยู่ที่นี่!! ”
ใบหน้าสวยหันเบี่ยงข้างหยุดคิดเพียงชั่วอึดใจ
ก่อนจะส่งเสียงจิ๊จ๊ะที่ริมฝีปากคล้ายรำคาญใจนิดๆ
เมื่อวาจาคุ้นหูพูดใส่เข้ามาจากด้านหลังจึงทำให้เธอรับรู้ทันที
ว่าได้มีคนตามมาถึงที่นี่เสียแล้ว ร่างสูงค่อยๆเคลื่อนกายหันมาหาชักสีหน้าเซ็งจิต
“ มาได้ยังไง.. ”
ตรีทิพย์ตั้งคำถามทันทีต่อผู้จัดการจอมจุ้นนั่นก็คือทอปัดพี่สาวของเธอนั่นเอง
“ ขับรถมาดิ! ”
“ รู้ได้ยังไงว่าเต้อยู่ที่นี่ ”
“ ถ้าฉันไม่รู้จักเธอดีพอเนี่ย ฉันเป็นพี่สาวและผู้จัดการส่วนตัวของเธอไม่ได้หรอกย่ะ! ”
ทอปัดท้าวสะเอวเอ่ยบอกเสียงแข็ง
ซุปเปอร์โมเดลคนเก่งเบี่ยงหน้าหนีอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่อาจต่อว่าอะไรได้
“ แล้วก็อยากจะรู้ด้วยว่าเธอพาใครมาที่นี่..ไหน! ขอดูหน้าหน่อยสิ!! ”
ทอปัดเดินเข้าไปใกล้น้องสาวของเธอด้วยความร้อนรนใจ
ต้องการพบหน้าหญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของตรีทิพย์
และพร้อมที่จะไล่ออกไปจากที่นี่ทันที..สำคัญขนาดไหนกันเชียวถึงได้พามาอยู่ด้วยที่นี่
ทอปัดดันร่างน้องสาวให้กระเถิบออกไปเล็กน้อย.....ผู้จัดคนเก่งอึ้งตึง
เมื่อบุคคลที่อยู่ตรงหน้านั้นคือคนที่เธอคุ้นตาและรู้จักเป็นอย่างดี
สิ่งที่ทำให้น่าตกใจเป็นอย่างมากนั้นเห็นจะเป็นดวงตาที่กำลังแดงกร่ำ
ด้วยหยาดน้ำใสๆที่กำลังล้นเอ่อจนท่วมใบหน้า
“ น้องพราว.... ”
สาวสวยหน้าตาดีเอ่ยเรียกบางเบาด้วยความใจหายกับเรือนร่างที่ดูอ่อนเปลี้ยเพลียกาย
เพชรเกล้าสะอื้นออกมาจนเต็มที่เมื่อเธอได้เห็นทอปัด
ที่ส่งเสียงเรียกเบาๆพร้อมกับเดินเข้ากอดร่างกายพี่สาวของตรีทิพย์
คล้ายต้องการไออุ่นจากใครคนหนึ่งให้ช่วยปลอบโปลมจิตใจของเธอในตอนนี้
ทอปัดสงสัยมึนงงไปหมดที่จู่ๆเธอก็ได้มาเจอกับเพชรเกล้าที่นี่
สองมือลูบแผ่นหลังผู้อ่อนแอเบาๆ สายตาเหล่มองนางแบบสาวที่ยืนนิ่งเงียบ..
ตรีทิพย์คงจะเป็นตัวการสำคัญแน่เพชรเกล้าถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ภายในห้องขนาดกลางรายล้อมด้วยบรรยากาศรอบด้าน
ที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าอันกว้างใหญ่สดใสไปทั่วสารทิศ
แต่หากจะน่าสนใจสักเพียงใดความสวยงามทั้งหลาย
ก็ไม่สามารถปลอบใจสาวน้อยในตอนนี้ให้หายเศร้าหมองลงได้
ทอปัดไถ่ถามทุกเรื่องที่เธออยากรู้เพราะขณะนี้นั้น
เธอได้อยู่กับเพชรเกล้าในห้องตามลำพังและสนทนากันแบบส่วนตัว..
จนทำให้ผู้จัดการนางแบบซุปตาร์คลายความสงสัยไปเสียหลายข้อ
" พี่สงสัยอยู่แล้วว่าเต้กับพราวดูเหมือนเคยเจอกันมาก่อน "
ทอปัดกล่าวขึ้นเรียบๆมองดูเรียวหน้าแดงกร่ำก็แสนจะเห็นใจ
" พี่เต้เขาเกลียดพราว พราวก็พยายามอดทนแล้ว
กับคำพูดของเขาทนทุกสิ่งทุกอย่างมาตลอด
แต่ตอนนี้มันไหวแล้วค่ะ.. " สาวน้อยเสียงเบาน้ำตาซึม
" ไม่ไหวแล้วจริงๆ..พราวอยากกลับบ้านแต่เขาไม่ให้ไปเคยหนีแต่ก็ไม่รอด…~ "
ทอปัดถอนหายใจนิดหน่อยก่อนจะวางฝ่ามือของเธอ
ลงบนเรียวมือของร่างบางที่อยู่ตรงบริเวณหน้าขา
" นอกจากคำพูดร้ายๆที่พราวได้รับ...เต้ทำอะไรพราวอีกหรือเปล่า "
เพชรเกล้าลดสายตาลงเบาๆแทนคำตอบทุกอย่าง
ที่สามารถสื่อสารให้ทอปัดรับรู้ได้ทั้งหมดว่าตรีทิพย์นั้น
ได้ทำอะไรเกินเลยต่อเพชรเกล้าไปแล้วเป็นแน่ พี่สาวส่ายหัวเบื่อหน่าย
ในความอำเภอใจของตรีทิพย์จนเริ่มสร้างเรื่องมากมายให้กับผู้ที่ต้องทนรองรับอารมณ์
" พี่ไม่เคยเกลียดน้องพราวนะคะ แล้วพี่ก็เคารพอาปิ่นมากด้วย
พี่จะไม่ยอมให้เต้มาพูดจาเสียๆหายๆกับพราวอีก "
" แล้วพี่ก็เชื่อว่าความจริงแล้วเต้เขาไม่ได้เกลียดพราวแล้วก็อาปิ่นเลย
เขาไม่ใช่คนแบบนี้ ใจร้อนก็จริงแต่ก็ไม่เคยใจร้ายกับใคร...
มันอาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่อยู่ในใจของเขา "
ทอปัดอยากจะสื่อให้รู้แต่ก็อ้ำๆอึ้งๆพูดไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก
เพราะคิดว่าตรีทิพย์ต้องเป็นคนอธิบายทุกอย่างด้วยตนเองถึงจะถูก
เพชรเกล้าฟังดูแล้วเธอกับนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ
ถึงสิ่งที่ทอปัดกล่าวและเธอก็ไม่อยากจะสนใจด้วย
" พี่ต้าพาพราวกลับกรุงเทพได้มั้ยคะ "
" แน่นอนค่ะ น้องพราวต้องได้กลับแน่แต่ตอนนี้
พี่ต้องจัดการกับคนสร้างเรื่องก่อน ไปค่ะ!
ไปเคล้นหาความจริงกัน พี่อยากจะรู้นักว่าตรีทิพย์ต้องการอะไรกันแน่!! "
ทอปัดยืนขึ้นพร้อมดึงมือเพชรเกล้าตามมาด้วยแต่สาวน้อยรั้งแขนไว้และยังคงนั่งอยู่เช่นเดิม
" ไม่ค่ะ..ไม่ พราวไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากได้ยินเสียงเขาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น "
เสียงสะอื้นนิดหน่อยเอ่ยบอกส่ายหน้าปฏิเสธ
" ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นน้องพราวพักผ่อนก่อนก็ได้ พี่ขอไปเคลียร์ธุระสักครู่ "
ทอปัดยอมปล่อยมือร่างบางที่กำลังอ่อนแอก่อนจะเดินออกจากห้องไป
เปิดโอกาสให้เพชรเกล้าได้ปรับตัวกับจิตใจที่กำลังทุกข์ระทมในตอนนี้
ถัดมายังห้องนั่งเล่นตรีทิพย์กำลังยืนชะเง้อคอมองไปยังชั้นสองอย่างลุ้นๆในสถานการณ์
บริเวณริมประตู ความจริงเธอก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรพี่สาวคนนี้ของตัวเองนัก
เนื่องจากสนิทสนมชิดเชื้อกันมากอยู่แล้วเพราะต้องพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา
แต่ตอนนี้กับรู้สึกหวั่นใจอย่างไรชอบกลอาจเป็นเพราะตนเองนั้นมีสิ่งให้น่าจับผิดอยู่หลายกรณี
ไม่นานนักดวงตาของนางแบบสาวจึงเหลือบไปเห็นผู้การส่วนตัวของเธอ
กำลังเดินลงมาจากบันไดเช่นนั้นร่างสูงจึงรีบเดินไปนั่งลงกับโซฟาด้านใน
แสร้งท่าทางทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นเพราะมั่นใจว่าทอปัดจะต้องมาหาเธอแน่
เป็นไปตามการคาดเดาหญิงชุดลำลองเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าน้องสาวของเธอ
พร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกมองดูนางแบบขายาวนั่งไขว่ห้างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร
ตรีทิพย์เชยสายตาขึ้นมองเล็กน้อยก่อนจะย้ายไปทางประตูอีกครั้งเผื่อจะได้เห็นใครอีกคน
“ เขาไม่ลงมาหรอกบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าเธอ ”
ทอปัดพูดออกไปตรงๆทำให้ตรีทิพย์ชะงักนิดๆ
ใบหน้าสวยหันหนีไปอีกทางทำทีไม่สนใจ
พลางรวบผมหนานำมาไว้ด้านข้างพร้อมกับใช้มือยีทำสะบัดสะบิ้งนิดหน่อย
“ ทำไมคุณพราวถึงมาอยู่ที่นี่ ” พี่สาวเริ่มถามหน้าตาเคร่งขรึม
“ ก็พามา ”
นางแบบสาวตอบกลับเรียบๆสายตามองอะไรไปเรื่อย
ผ่านกระจกใสที่สามารถเผยให้เห็นบรรยากาศด้านนอก
“ พามาทำไม ”
ตรีทิพย์ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นลุกขึ้นยืนพลางจะออกไปจากห้องนี้
“ อย่าเดินหนีเต้! ”
ร่างสูงถอนหายใจอย่างรำคาญๆหยุดยืนสองมือล้วงกระเป๋า...
“ พี่ถามว่าพาคุณพราวมาที่นี่ทำไม ”
“ แก้แค้นไง!! ” ใบหน้าสวยหันตอบเสียงเข้ม
“ แน่ใจเหรอว่าที่ทำไปทั้งหมดเป็นเพราะว่าความแค้น! ”
“ ก็แน่สิ!! แล้วเต้ก็สะใจมากด้วย! ”
“ สะใจหรือว่ากำลังเสียใจอยู่กันแน่!! ”
“ อย่ามาคิดแทนเต้ได้มั้ยพี่ต้า! เต้บอกสะใจก็คือสะใจ!..พี่ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง!! ”
สองพี่น้องโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ แล้วทำไมเต้ถึงไม่พาคุณพราวไปที่ภูเก็ตไปเจอกับพี่ต้อม!
คนที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างของของผู้หญิงที่ชื่อปิ่นรักจริงๆ
ไปคอยรับคำสั่งจากเขา ว่าเขาจะสั่งให้เต้ทำอะไร!! ทำไมล่ะห่ะ!
ทำไมถึงได้พาคุณพราวมาที่นี่ เป็นห่วงเขาใช่มั้ย
แล้วที่ไปดึงตัวเขามาจากคุณชินกรก็เพราะว่าหวงใช่มั้ยหึงใช่มั้ย!
ทนไม่ได้ใช่มั้ยที่จะปล่อยให้เขาไปแม่ฮ่องสอนด้วยกันสองต่อสอง!!! ”
ทอปัดต่อว่าออกไปด้วยความโมโหในความเอาแต่ใจและปากแข็งของน้องสาวเธอ
ร่างสูงยืนเงียบไปสักพักหายใจคลุมเครือ..
“ พี่เคยเตือนเต้แล้วใช่มั้ยว่าจะทำอะไรให้มีสติ! แล้วตอนนี้เป็นยังไง
ง้อเขามากี่วันแล้วล่ะ! สมใจเธอแล้วใช่มั้ยตรีทิพย์!!! ”
“ เต้ไม่เคยห่วงไม่เคยง้ออะไรทั้งนั้น.. ”
“ ใช่เหรอ ” ทอปัดถามกลับถึงวาจาการหลอกตัวเองของตรีทิพย์
ตรีทิพย์ทิ้งร่างนั่งลงกับโซฟาอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆด้วยความอ่อนใจ
ก้มศีรษะลงสองมือยกขึ้นปิดหน้าตัวเองพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
ด้วยความตึงเครียดและสับสนของจิตใจ ทอปัดเห็นเช่นนี้เธอจึงรู้ทันที
ว่าน้องสาวกำลังว้าวุ่นและโอนอ่อนลงจึงเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ
“ เต้แพ้... ”
เสียงหวานพูดออกมาเบาๆเธอรู้สึกหมดเรี่ยวแรงอย่างไรบอกไม่ถูก
“ ไหนบอกพี่มาสิ ”
พี่สาววางมือลงบนบ่าคลี่ยิ้มบางๆอยากให้ตรีทิพย์ผ่อนคลายจากความอัดอั้นตันใจทั้งหมด
ใบหน้าสวยค่อยๆเงยขึ้นนิ่งตั้งสติสักครู่
" พราวเป็นคนเดียวที่ทำให้เต้อยากอยู่ใกล้และคิดถึงตลอดเวลา
ทำให้..เต้ลืม...ว่าเขาเป็นลูกของคนที่เต้เกลียดที่สุด
รวมทั้งตัวเขาเองด้วยที่เต้ควรจะเกลียด "
" แต่เต้กับไม่มีความรู้สึกแบบนั้น มีแต่อยากเข้าใกล้..อยากกอด
อยากแสดงความรู้สึกที่จริงใจแต่ก็ต้องฝืนใจเพราะหัวข้อที่ท่องมาทั้งชีวิต "
" เต้อึดอัดจนไม่อยากจำมันอีกแล้ว..! "
ริมฝีปากสวยกัดฟันอัดอั้นตันใจพร้อมแสดงสีหน้าที่มาจากความเก็บกด
“ ไม่มีอะไรยากเลยเต้ เราก็แค่โยนมันทิ้งไป
แล้วปล่อยให้ใจตัวเองได้เป็นอิสระ พี่อยากเห็นเต้มีความสุขจริงๆเสียที ”
“ มันไม่มีอะไรผิดต่อครอบครัวของเราใช่มั้ยคะ ”
“ ไม่มีเลยเต้...พี่ได้ยินแบบนี้ก็รู้แล้วว่าความจริง
เต้ไม่เคยเกลียดและแค้นเคืองใคร..เต้ก็แค่รู้สึกโกรธ
ในตอนแรกๆเหมือนพี่ ซึ่งมันก็ไม่แปลก
แต่ความโกรธของเรามันค่อยๆลดลงไปตามเวลา
สิ่งที่เต้พยายามทำมาทั้งหมดมันก็เป็นแค่ความจำเป็น
เพื่อสนองให้กับความความต้องการของใครบางคน ”
ตรีทิพย์หยุดคิดในคำพูดของพี่สาวหันมองเห็นทอปัดชูสองนิ้วและยักคิ้วให้
เป็นการเรียกพลังริมฝีปากสวยฉีกยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
ว่าต่อจากนี้ไปเธอจะไม่ปิดกันความรู้สึกของตัวเองอีกแล้ว..หัวใจเหมือนถูกปลดปล่อย
ทิ้งพันธนาการทั้งหมดลงไว้กับพื้น เพชรเกล้าเท่านั้นคือสิ่งที่เธอคิดถึงมากที่สุดตอนนี้
“ เอาหล่ะ! พูดง่ายๆแบบนี้ก็ดีแล้ว รีบง้อน้องพราวซะอย่าปล่อยไว้นานเข้าใจมั้ย ”
“ เต้ง้อตลอดแต่พราวใจแข็งไม่ยอมหายโกรธเสียที ”
ตรีทิพย์ชักสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้งเพราะนี่คือปัญหาใหญ่มากของเธอ
“ ง้อยังไงไม่ทราบถึงได้ปล่อยให้ร้องไห้เสียอกเสียใจขนาดนั้น ”
“ ก็ตอนนั้นคนมันอยากจูบนิ พราวก็เลยงอนใหญ่เลย ”
“ โอ๊ย! ง้อด้วยจูบ ฉันจะบ้าตาย! ”
ทอปัดส่ายหัวในความไม่ได้เรื่องของน้องสาวเธอ
“ แต่ยังไงเต้ก็ต้องง้อพราวให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม! ”
นางแบบสาวยิ้มมั่นใจทำเอาผู้จัดการส่วนตัวเบ้ปากหมันไส้
ใส่เพราะทีเมื่อสักครู่ยังนั่งหงอยอ่อนเปลี้ยเพลียกายอยู่เลย………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ