บัลลังก์ฉิมพลี
เขียนโดย กรุงสยาม
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.26 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) แค้นที่เริ่มเปลี่ยน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความท้องฟ้าครึ้มลมพัดโบกเย็นสบายร่วมด้วยสายฝนโปรยปรายเม็ดบางๆ
ทำให้สภาพอากาศในตอนนี้ดูชุ่มชื้นและเย็นฉ่ำอีกตามเคย...
เวลาบ่ายโมงตรงของวันใหม่..ร่างกายที่ยังคงเปลือยเปล่าอยู่ภายใต้การปกปิด
ด้วยผ้าห่มผืนหนาเริ่มขยับตัวบิดกายด้วยความเมื่อยล้าเล็กน้อย
สายตาคมกริบค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆด้วยความงัวเงีย ตรีทิพย์เบิกตากว้างในเวลาต่อมา
เมื่ออ้อมกอดของเธอตอนนี้ว่างเปล่าร่างสูงโผลุกขึ้นมือข้างหนึ่งจับผ้าไว้แนบอก
พร้อมกับหันมองอีกฝั่งอย่างรนรานผมสวยสะบัดตามมากระทบใบหน้าใสอย่างรวดเร็ว
“ คุณพราวอยู่ที่ห้องข้างล่างค่ะ ไม่ได้หนีไปไหน.. ”
นางแบบสาวเหลือบมองตามเสียงที่ดังขึ้นทันทีเมื่อเธอหันมา..ใบตองพูดขึ้นเรียบๆ
พร้อมก้มหยิบเสื้อผ้ากระจัดกระจายของตรีทิพย์ที่อยู่กับพื้น
นำมาใส่ตะกร้าในมือและเดินออกจากห้องไป
ใบหน้าสวยนิ่งคิดสักครู่ถึงคำประชดจากเด็กสาวรู้สึกเป็นห่วงเพชรเกล้าขึ้นมาทันที
เช่นนั้นเธอจึงรีบลุกลงจากเตียงมุ่งตรงไปยังห้องน้ำเพื่อจัดการทำธุระส่วนตัวอย่างเร่งรีบ
สายตาเหม่อมองไปยังแผ่นกระจกที่มีหยดน้ำฝนตกกระทบลงมาเป็นสาย
ช่างไม่แพ้กับคราบน้ำตาบนใบหน้าของสาวน้อยในตอนนี้..
เพชรเกล้านั่งพับเพียบอยู่กับพื้นบริเวณริมหน้าต่างที่ยังคงปิดสนิท
เอนศีรษะพิงกับหัวเตียงนิดหน่อยไร้จุดมุ่งหมายและว่างเปล่า
อยากอยู่เงียบๆคนเดียวแบบนี้ตลอดไป
ในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความเคว้งคว้างอ่อนแอไปทุกสิ่งอย่าง
ประตูบานย่อมค่อยๆแง้มเปิดเข้ามาแผ่วเบา ตรีทิพย์กวาดสายตามองไปรอบๆ
จนมาหยุดยังแผ่นหลังที่นั่งอยู่บริเวณริมเตียง ร่างสูงจึงก้าวขาเข้าห้องเบาๆ
และยืนตั้งหลักอยู่สักครู่สร้างความแปลกใจให้กับตัวเองที่อยู่ดีๆ
เธอก็ตื่นเต้นขึ้นมาเสียอย่างนั้นริมฝีปากสวยผ่อนลมหายใจออกเล็กน้อย
ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้.....ใบหน้าก้มมองเรือนร่างบาง
ที่ดูแล้วช่างเงียบเหงาเศร้าซึมเป็นที่สุด ตรีทิพย์กลิ้งสายตานึกคิด
เริ่มขัดแย้งและสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง..อยากถาม อยากชวนคุย
แต่ไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรดีจึงจะไม่เสียฟอร์มและทำให้อีกคนล่วงรู้ได้
ว่าเธอกำลังเป็นห่วงมากขนาดไหน
“ ใครอนุญาตให้ลงมา..! ”
ร่างสูงทำทีเสียงแข็งเพื่อจะบังคับจิตใจตัวเองว่าเธอปกติ
ความโกรธความเกลียดของเธอยังคงมีอยู่เต็มร้อยไม่ได้ลดลงเลยสักนิด
และไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นที่เห็นเพชรเกล้าเป็นแบบนี้
สายเหล่ไปถึงปลายเสียงนิดหน่อยร่างบางจึงถอนหายใจออกมาเบาๆเธอรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มที
ตรีทิพย์ใจแป้วเมื่อไม่มีเสียงใดตอบกลับมา เพชรเกล้าเป็นแบบนี้เสมอ
ที่มักจะนิ่งเงียบเรียบเฉยจนทำให้เธอวิตกกังวลใจก็หลายครั้ง
แต่ในครั้งนี้เธอกับรู้สึกกลัว..กลัวว่าสาวน้อยจะเฉยชาแบบนี้กับเธอตลอดไป..
“ ลุกขึ้น! ลืมไปแล้วหรือไงว่าเธอมีหน้าที่ทำอาหารให้กับฉัน! ”
ใบหน้าเรียวเซื่องซึมเช่นเดิมค่อยๆขยับร่างและดันตัวเองลุกขึ้นเบาๆ
“ อย่าทำสำออย!! ”
ร่างสูงเห็นท่วงท่าอันเชื่องช้าแล้วทำให้รู้สึกขัดๆ
เธอจึงเอื้อมดึงแขนข้างหนึ่งของสาวน้อยจนร่างบางถลาตามแรงมาอย่างรวดเร็ว
“ โอ๊ะ..!~ ”
เสียงนิ่มหลุดออกมาจากริมฝีปากบางเบาๆมือที่แปะพลาสเตอร์ไว้
คว้าจับเรียวแขนของตรีทิพย์กดจิกเนื้อผิวลงแน่นหนึบ
เมื่อร่างของเธอเคลื่อนไหวเร็วเกินไปจึงทำให้รอยจ้ำช้ำตามร่างกายมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที
เพชรเกล้ากัดฟันยับยั้งอาการเจ็บแปลบบริเวณจุดอันบอบบางเบื้องล่าง
หน้านิ่วคิ้วขมวดเหยเกไปหมด ร่างสูงตกใจเป็นอย่างมาก
เธอรีบประคองสาวน้อยไว้ก้มมองด้วยความเป็นห่วง
“ เจ็บเหรอคะ ”
ตรีทิพย์ก้มมองเอ่ยถามจึงเห็นดวงตาคู่น้อยเอ่อคลอแดงกร่ำ..น้ำตา...โอ๊ยไม่ไหวแล้ว!!!
พยายามที่จะร้ายโต้ตอบเหมือนที่เคยทำมาแต่ตอนนี้จิตใจของเธอ
ไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับอาการนุ่มนิ่มอันบอบบางของเพชรเกล้าได้
ร่างบางรู้สึกละอายใจเสียจริงเอือมระอากับร่างกายของตัวเองเต็มที
ยิ่งพอได้ฟังคำถามจากตรีทิพย์แล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจอย่างไรบอกไม่ถูก
สาวน้อยพลางขยับก้าวขาเพื่อจะเดินแต่สองเท้ากับสั่นๆขึ้นมาเสียดื้อๆ
นางแบบสาวเห็นอากัปกิริยาแล้วดูเพชรเกล้าจะอิดโรยและอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก
เธอจึงช้อนร่างบางขึ้นอุ้มและพาไปลงนอนบนเตียงอย่างเบามือ
เพชรเกล้าตกใจนิดหน่อยแต่เธอไม่มีแรงที่จะขัดขืน
จึงปล่อยเลยตามเลยและเมื่อเนื้อตัวแตะลงกับพื้นฟูกหนา
ร่างบางจึงพลิกตัวเองหันหลังให้กับตรีทิพย์ทันที..ซุปเปอร์โมเดลที่ตอนนี้เศร้าลง
เพราะแม้แต่หน้าสาวน้อยก็ไม่มีทีท่าว่าจะหันมองพูดด้วยสักคำก็ยังไม่ได้ยิน
ตรีทิพย์ตัดสินใจเดินออกมาจากห้อง…
หัวใจของเธอเต้นระรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ..ทำไมต้องรู้สึกผิดด้วยนะ?!
ระหว่างนั้นเองสายตาของนางแบบสาวก็ได้เหลือบไปเห็น
มาลัยแม่บ้านที่กำลังยืนจับไม้กวาดทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้นเธอจึงเอ่ยเรียกเสียงเรียบ
“ มาลัย ”
แม่บ้านวัยกลางคนหันมองพร้อมกับรีบปรี่เข้ามา
“ ขา..คุณเต้ ”
“ เข้าไปในเมืองนะและซื้อเสื้อผ้ามาให้สักห้าหกชุด ”
ตรีทิพย์เอ่ยบอกพร้อมส่งธนบัตรใบเทาให้กับมาลัย
“ เอาเป็นกางเกงขายาวนะเรียบๆ ”
“ ค่ะ เอ่อ..แล้วคุณเต้อยากทานอะไรมั้ยคะ มาลัยจะได้เตรียมให้ก่อน ”
“ ไม่ล่ะ.. ”
“ ค่ะๆ ”
แม่บ้านมาลัยจึงได้แยกตัวออกไปทำตามคำสั่งอย่างว่องไว
อีกทั้งยังดีใจที่เห็นเจ้านายอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
ตรีทิพย์ตรงเข้ามานั่งลงยังโซฟาตัวหนึ่งนึกคิดไปถึงเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมา
ความแค้นมีอิทธิพลต่อเธอเสมอไม่ว่าเธอจะตัดสินใจทำอะไรที่ตามใจตัวเอง
สิ่งที่มืดดำเหล่านี้ก็มักจะวิ่งเข้ามาขัดขวางอยู่ร่ำไป
เธอไม่อยากโทษว่านี่เป็นเพราะปริฉัตรพี่สาวที่คอยย้ำเตือนอยู่ตลอดเวลา
ถึงเรื่องราวในอดีตของครอบครัวเพราะเธอเองก็มีความโกรธและเสียใจเช่นกัน
ที่แม่ของตัวเองต้องจากไป..แล้ว...ความแค้นล่ะ? เธอมีความแค้นอยู่ในใจบ้างหรือเปล่า??
ปิ่นรักล่ะ? เธอเกลียดผู้หญิงคนนี้จริงๆหรือไม่แล้วทำไมในบางครั้ง
เธอถึงได้รู้สึกอิ่มใจเมื่อได้อยู่ใกล้เพราะคล้ายไออุ่นของมารดา..
หรือเป็นเพราะเพชรเกล้าที่ทำให้เธอมองในสิ่งที่ข้ามความแค้นไป...
ริมฝีปากสวยถอนหายใจออกมาเบาๆหันมองไปยังห้องเดิมที่ได้เดินออกมา
เธอเริ่มคิดถึงสาวน้อยที่อยู่ภายในห้องนั้นอีกแล้ว แต่ก็ถอดใจไม่เข้าไปกวน
เพราะอยากให้เพชรเกล้าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่…..
เสียงอ๊อดๆแอ๊ดๆดังแล่นเข้าหูพร้อมกับแสงสว่างจากด้านนอก
ส่องกระทบกับดวงตาที่กำลังหลับไหล..เพชรเกล้าค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ
มองเห็นบานหน้าต่างที่เคยใส่กรแน่นหนาถูกเปิดออกจนลมชื้นๆจากด้านนอก
โลดแล่นเข้ามาสัมผัสผิว ร่างบางพยุงตัวเองลุกขึ้นเบาๆ
หยีตาเล็กน้อยเนื่องจาเกร็งเนื้อตัวไม่อยากให้เจ็บแปลบๆ
“ คุณพราวตื่นแล้วเหรอคะ ”
ใบหน้าใสปลายจมูกแดงนิดๆหันมองตามเสียงไปพบกับใบตองเด็กสาว
ที่กำลังถือถาดบรรจุถ้วยข้าวต้มหอมฟุ้งเข้ามาวางกับโต๊ะตัวหนึ่ง
“ ทานข้าวดีกว่านะคะ ”
“ ขอบใจนะ ” เพชรเกล้าเอ่ยบอกท่ามกลางรูปหน้าที่ยังคงเซื่องซึม
“ มาค่ะเดี๋ยวหนูช่วยนะคะ ”
เด็กสาวเดินเข้ามาจับเรียวแขนพร้อมกับช่วยประคองเพชรเกล้ามานั่งบริเวณริมเตียง
สาวน้อยฝืนตักข้าวเข้าปากอย่างเรียบเฉยทั้งที่แทบจะกลืนไม่ลง
แต่เธอจำเป็นที่จะต้องกินเข้าไปเพราะร่างกายเริ่มอ่อนแรงเต็มที
เหลือบมองไปยังแก้วใบจิ๋วที่บรรจุเม็ดยาถูกวางอยู่ใกล้ๆก็ยิ่งทำให้เศร้าหัวใจ
นานแค่ไหนเธอจำไม่ได้เช่นกันว่าครั้งสุดท้ายที่ต้องพึ่งยานั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่
เพราะตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตมาแม่ของเธอดูแลเป็นอย่างดีไม่เคยยอมให้พิษไข้
ที่เกิดขึ้นจากสิ่งใดก็ตามเข้ามาพัวพันอยู่ในร่างกายของเธอเด็ดขาด
แม้กระทั่งอาศัยยังฝรั่งเศสป่วยหนักสักครั้งก็ยังไม่มี
เพราะถูกย้ำเตือนอยู่ตลอดเวลาจากความห่วงใย
เพชรเกล้าน้ำตาเอ่อคลอยิ่งคิดก็รู้สึกทรมานจิตใจเหลือเกิน..
ใบตองยืนมองก็อดเศร้าตามไม่ได้อีกทั้งยังผิดหวังอย่างแรง
ที่ไม่สามารถช่วยเหลือเพชรเกล้าได้สำเร็จแต่เธอก็ไม่อยากถามอะไรทั้งนั้น
เพราะคิดว่าเจ้าตัวคงจะไม่อยากพูดถึง
และเมื่อเพชรเกล้าทานยาจนเสร็จเรียบร้อยเธอก็อยากที่จะพักผ่อนต่อ
แต่ระหว่างนั้นมาลัยแม่บ้านได้เดินเข้ามาแจ้งจุดประสงค์ของเจ้านายคนสวยของเธอเสียก่อน
“ ห้องพร้อมแล้วค่ะคุณพราวเชิญข้างบนเลยค่ะ ” มาลัยยิ้มบอก
เพชรเกล้าหันมองด้วยความสงสัย
“ คุณเต้สั่งให้จัดห้องใหม่ให้กับคุณพราวน่ะค่ะ ”
ร่างบางจึงเข้าใจ..งั้นสินะห้องนี้ถึงได้เปิดสว่างโล่งโจ้ง
เป็นเพราะเจ้าของบ้านจะย้ายให้เธอไปอยู่ในอีกที่นี่เอง
สาวน้อยถอนหายใจออกมาเพราะเธอไม่อยากได้ยินชื่อนี้เอาเสียเลย...
3 วันผ่านไป..
บรรยากาศดีในเวลาเที่ยงวันห้องนอนเรี่ยมเชี่ยม
ความสว่างเปล่งประกายจากแสงไฟอ่อนๆสาดส่องไปทั่วทุกด้าน
เนื่องจากท้องฟ้าค่อนข้างมืดครึ้มอีกตามเคย..
เพชรเกล้าในชุดกางเกงขายาวและเสื้อยืดแขนยาวเช่นกัน
เดินเชื่องช้าออกมาจากมุมส่วนตัวของห้องน้ำ มือข้างหนึ่งถือหลอดยาแก้ฟกช้ำ
ที่เด็กสาวใบตองได้นำมาให้หลังจากที่ทำการแต้มทาตามจุดต่างๆ
ของร่างกายที่ค่อยๆทุเลาลงตามเวลาจนเสร็จเรียบร้อย
ร่างบางนำพาตัวเองมาลงนั่งยังเก้าอี้ตัวยาวขนาดเล็กน่ารัก
หันมองไปรอบๆของห้องขนาดกลางที่ดูอบอุ่นและสดชื่นกว่าที่เดิมที่เธอเคยอยู่
" ขลุก!..ขลุก!! "
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก
ใบหน้าเรียวจึงหันมองด้วยความสงสัย..ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกไปดู
มือเรียวเอื้อมบิดวัตถุปลดล็อคและเปิดประตูออกเบาๆ
เพชรเกล้าชะโงกหน้าออกไปด้านนอกเพียงนิดหันซ้ายมองขวา
จนไปพบกับร่างคุ้นตานั่งเอนไปเอนมาอยู่บริเวณหัวบันได
ดูเหมือนจะสะดุดล้มพับอยู่ตรงนั้น
ตรีทิพย์ที่ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เพชรเกล้าเลยแม้แต่น้อย
นับจากที่ให้เจ้าหล่อนย้ายขึ้นมาอยู่ด้านบน เพราะอีกคนนั้นคอยแต่หลบหน้าหลบตา
ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้อธิบายอะไรเลย จึงทำให้นางแบบสาวกระสับกระส่าย
และรนรานจนแทบบ้าที่ไม่ได้พบปะพูดคุยกับเจ้าหญิงร่างน้อย
ความคิดถึงนั้นมีก็มากเธอจึงต้องพึ่งแอลกอฮอล์
เพื่อช่วยบรรเทาอาการฟุ้งซ่านที่มีอยู่ในใจให้เบาบางลงบ้าง
แต่ก็ไม่อาจได้ผลในเมื่อจิตใจของเธอจดจ่ออยู่ที่สาวน้อยเท่านั้น
จึงไม่สามารถมีเครื่องช่วยชีวิตสิ่งไหนจะหล่อเลี้ยงร่างกายของเธอให้หายร้อนรนได้
เพชรเกล้ายืนคิดสักครู่หากปล่อยไว้อย่างนี้ตรีทิพย์อาจตกลงบันไดไปก็เป็นได้
ร่างบางจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาช้าๆแอบวิตกเล็กๆเพราะกลัวอีกคนนั้นจะรู้เรื่องเสียก่อน
ร่างบางก้มมองอย่างกล้าๆเกร็งๆเห็นใบหน้าสวยหลับตาลง
ดูจะมึนเมานิดหน่อย..นี่ยังกลางวันอยู่แท้ๆแต่ตรีทิพย์กับดื่มเหล้าเสียแล้ว
สาวน้อยถอนหายใจเบาๆพลางหันมองไปรอบๆ
เพื่อจะหามาลัยหรือใบตองก็ได้ให้มาช่วยประคองร่างเจ้านายของเขาเข้าห้อง
“ พราว... ”
ใบหน้าเรียวหันมองเมื่อได้ยินเสียงจึงเห็นว่าตรีทิพย์รู้สึกตัวแล้ว
เช่นนั้นสาวน้อยจึงหันเดินหนีทันที
“ พราว!! พราวเดี๋ยวก่อน!!! ”
ร่างสูงรีบลุกขึ้นวิ่งตามอย่างรวดเร็วเอื้อมจับเรียวแขนนิ่ม
มืออีกข้างคว้าเนื้อตัวพร้อมกับประคองให้อีกคนหันมาหา
ตรีทิพย์ดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นหน้าเพชรเกล้าเธอดึงสาวน้อยเข้ามากอดทันที
ใบหน้าสวยหลับตาลงซึมซับไออุ่นที่แสนโหยหา
ความหอมอ่อนๆจากเรือนกายช่างทำให้เธอสร่างเมาได้จนน่าแปลกใจ
“ พราวเป็นห่วงพี่ใช่มั้ย ” เสียงหวานพึมพำออกมาเบาๆ
ใบหน้าเรียวน้ำตาซึมพร้อมทั้งบิดเรือนร่างของเธอภายใต้วงแขนที่กระชับหนักแน่น
“ พี่ขอโทษ.. ”
เมื่อสัมผัสได้ถึงการขืนตัวจากสาวน้อยตรีทิพย์จึงรีบพูดความรู้สึกในตอนนี้ของเธอออกไป
เพชรเกล้าเม้มริมฝีปากเก็บกดความรู้สึกเธอเจ็บลึกเข้ามาที่หัวใจ
ไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งสิ้นจากปากของคนใจร้ายอย่างตรีทิพย์
“ พี่ขอโทษนะคะ.. ”
ซุปตาร์สาวหัวใจหดหู่เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆจากร่างในอ้อมกอด
เธอรู้ดีว่าเพชรเกล้าเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
แบบนี้แล้วก็ช่างทำให้เธอรู้สึกผิดมากมายจริงๆ
“ พี่ขอโทษที่พี่ทำแบบนั้น.. ”
“ ปล่อยค่ะ... ”
เสียงเล็กท้วงขึ้นเบาๆด้วยวาจาตามบุคลิกของเธอพร้อมดีดดิ้นเรือนร่างทันที
ไม่ต้องการได้ยินคำพูดที่ทำให้จิตใจต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้
ร่างสูงปล่อยอ้อมกอดย้ายมาจับสองต้นแขนของสาวน้อย
จ้องมองเรียวหน้าที่แสนคิดถึงด้วยความร้อนรนใจ
“ มองพี่สิพราว..แล้วฟังพี่ ”
สายตาอ้อนวอนพร่ำบอกเสียงสั่นต่อสาวน้อยที่ก้มหน้าผลักร่างเธอให้ออกห่าง
“ พี่...คือว่า.. ”
“ ปล่อยนะออกไป!!! ”
นางแบบสาวรำคาญจิตใจกล้าๆกลัวๆของเธอเสียจริง
อยากพูดความรู้สึกเป็นประโยคครั้งสำคัญที่สุดแต่ริมฝีปากกับแข็งกระด้าง
เอื้อนเอ่ยออกไปไม่ได้เสียทีก่อนจะถูกเสียงของสาวน้อยเอ่ยขึ้น
เป็นการห้ามปรามในสิ่งที่เธอกำลังจะพูดพร้อมสะบัดเนื้อตัวจนหลุดออกจากการจับกุม
“ อย่ามายุ่งกับฉัน! ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ!! ” ร่างบางเอ่ยบอกเสียงแข็งพร้อมหันจะเดินหนี
“ พราว! ” ตรีทิพย์รีบดึงมือไว้
“ อย่ามาโดนตัวฉัน!! ฉันเกลียดคุณ! เกลียดทุกอย่างที่เป็นคุณ!
เกลียดทุกอย่างที่คุณแสดงออกมา..ฉัน..!! ” เสียงนิ่มต่อว่าจนแหบแห้ง
“ ไม่..พราว พราวอย่าพูดแบบนี้ ”
เพชรเกล้าน้ำตาไหลพรากเอ่ยบอกด้วยความอัดอั้นที่มีอยู่ในใจ
ก่อนจะถูกตรีทิพย์ดึงตัวเข้ามากอดอีกครั้งโดยนางแบบสาวที่ในตอนนี้นั้น
อ่อนแอลงอย่างฉับพลันสวมกอดเพชรเกล้าด้วยกลัวว่าจะหนีห่างหาย
ดวงตาเอ่อคลอเพราะหยาดน้ำใส..เศร้าสลดกับคำพูดที่ได้รับฟัง
“ พราวแค่โกรธพี่ไม่ได้เกลียดพี่ ”
“ พี่เสียใจ..พี่ขอโทษ ” ใบหน้าสวยซุกลงกับหัวไหล่มนพร่ำบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ ปล่อย ออกไป..ออกไป!!! ”
เพชรเกล้าถูกบีบรัดด้วยอ้อมกอดของตรีทิพย์เสียจนแนบแน่น
พยายามดันตัวเองออกห่างแต่ไม่เป็นผลสำเร็จกลิ่นกายความใกล้ชิด
เช่นคืนวันนั้นวนกลับมาให้ได้รับรู้จึงทำให้สาวน้อยหวนคิดไปถึง
ความรู้สึกละอายใจกับสภาพร่ายกายของตัวเองอีกครั้ง
เนื้อตัวต้องทนรองรับกับความใกล้ชิดจนร่างแทบจะสลาย
ยิ่งคิดก็แสนจะอับอายเหลือทน
“ ให้โอกาสพี่นะคะ พี่สัญญาว่าจะไม่ใจร้ายกับพราวอีกแล้ว ” ตรีทิพย์อ้อนวอนเสียงสั่นเครือ
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันยับยั้งไม่ให้สะอื้นไปมากกว่านี้
สองมือผลักดันร่างสูงออกห่างอีกครั้งแต่อีกคนนั้นไม่ยอมปล่อยเธอ
ร่างบางจึงทุบตีแผ่นหลังนางแบบหุ่นดีเต็มแรงด้วยความโกรธในทุกๆสิ่งที่สะสมมา
เสียงดังอึกอักสร้างความเจ็บให้กับตรีทิพย์อยู่มากพอสมควร
แต่เธอเลือกที่จะอดทนและกอดสาวน้อยเอาไว้แบบนี้
ปิดเปลือกตาสงบนิ่งปล่อยให้เพชรเกล้าได้ระบายความอดกลั้นทั้งหมด
ลงกับตัวเธออย่างไม่ท้วงติงใดๆ
ร่างบางทุบตีจนกำมือของเธอเริ่มเจ็บเอาเสียเอง
บวกกับแรงที่ลดลงไปมากสองแขนจึงหยุดทุกอย่างลงด้วยความเหนื่อยล้า
“ พราวจะไม่พูดกับพี่เต้อีกถ้าพี่ไม่ยอมปล่อยตัวพราว... ”
ตรีทิพย์ลืมตาขึ้นช้าๆ
.
.
.
.
ก่อนจะค่อยๆถอยออกมาจากร่างของสาวน้อย
เมื่อเพชรเกล้าพูดแบบนี้เธอจึงจำใจที่จะต้องทำตามความต้องการ
ตรีทิพย์หน้าเศร้าดวงตาอ้อนวอนต่อเรียวหน้าแดงกร่ำ
ที่เกิดจากการเสียน้ำตามิหนำซ้ำเจ้าหญิงแสนสวยยังไม่คิดที่จะ
สบตามองเธอเลยแม้แต่น้อย..ร่างบางหันเดินออกไปทันที
“ พราว.. ”
“ พราว... ”
ตรีทิพย์รีบเดินตามไปไม่ห่างเอ่ยเรียกอ้อนวอนต่างๆนาๆ
แต่อีกคนไม่มีทีท่าว่าจะให้อภัย..เพชรเกล้าเปิดประตูห้องพร้อมก้าวขาเดินเข้าไปด้านในทันที
และเมื่อบานประตูกำลังจะถูกปิดลงตามแรงดึงสองมือของนางแบบสาว
จึงเอื้อมเข้ามาผลักดันเอาไว้เสียก่อน..ตรีทิพย์ยังไม่ทันหายคิดถึง
แต่ตอนนี้เพชรเกล้ากำลังจะหนีเธอไปอีกแล้ว..
“ พราวอย่าหลบหน้าพี่อีกเลยนะ ”
ร่างบางดันประตูเพื่อจะปิด
“ พี่ขอร้องนะคะ.. ” ตรีทิพย์เอ่ยบอกหน้าเศร้าเสียงสลด
เพชรเกล้าหันหน้าหนีดันบานประตูเพื่อจะปิดไม่สบตาคนใจร้ายเช่นเดิม
“ นะ..นะคะเจ้าหญิง.. ”
เพชรเกล้าไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นเธอออกแรงดันประตูจนมือของนางแบบร่างสูง
รั้งเอาไว้ไม่อยู่เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวจึงสามารถปิดลงได้สำเร็จ
“ พราว!! ”
ตรีทิพย์ร้องเรียกผ่านประตูที่พึ่งปิดลงไปก้มหน้าแสนเศร้า
ค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้นเอนศีรษะพิงกับบานประตูไม้เงาด้วยความเหงาที่ไม่มีสาวน้อยอยู่ชิดใกล้
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวัน.....
ตรีทิพย์ในชุดลำลองเสื้อยืดแขนสั้นพอดีตัวและกางเกงผ้านิ่มขายาว
ร่วมด้วยรองเท้าแตะธรรมดาๆคู่เรี่ยมเชี่ยมสองมือล้วงกระเป๋า
เดินวนไปวนมาอย่างเหม่อลอยอยู่เพียงบริเวณสวนหย่อมรอบบ้าน
ใบหน้าแหงนเงยขึ้นมองสู่ด้านบนเป็นระยะๆ
ที่จะเห็นกับหน้าต่างห้องนอนที่เพชรเกล้าอาศัยอยู่
ด้วยความหวังที่อาจจะได้เห็นหน้าสาวน้อยบ้าง
“ แหม..เสียงอ่อนเสียงหวานเหลือเกินนะพอพูดถึงเขาน่ะ ”
“ อย่างว่าล่ะนะหัวใจกำลังเป็นสีชมพู... ”
ใบหน้าสวยหันมองถึงต้นเสียงที่ได้ยินเธอจึงเดินเลยไปอีกนิด
จึงพบกับใบตองมองเห็นเด็กสาวยืนคุยโทรศัพท์เสียงดังแจ้วๆ
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องรักๆสดใสๆของวัยมัธยมช่างแก่แดดเสียจริงเด็กน้อย
“ แม่เรียกหรือว่ามีสายเข้ากันแน่ มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนเลยนะ
ไว้เจอกันที่โรงเรียนแล้วกันงอนแร้ว..ชึ่ย! ”
ใบตองที่กำลังยืนสนทนาผ่านเครื่องมือสื่อสารของเธอ
กับเพื่อนร่วมชั้นเรียนตัดบทก่อนจะกดวางสายอย่างอารมณ์เสียในมุมเด็กๆ
ทำให้ตรีทิพย์ที่ยืนมองอยู่แอบยิ้มเล็กๆ
“ รักจังๆๆ..หลงเขาก็บอกมาเถอะ!! ”
ริมฝีปากสวยค่อยๆหุบยิ้มลงหยุดคิดนิ่งสงัด
อยู่ดีๆใบหน้าของเธอก็ร้อนฉ่าขึ้นมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ใบตองเอ่ยขึ้นในประโยคหลัง
นางแบบสาวค่อยๆยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมที่อกซ้าย
สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นระรัวคล้ายกำลังตื่นตนกอย่างหนักหน่วง
ตรีทิพย์สูดลมเข้าปอดลึกๆพยายามตั้งสติให้สงบไว้
“ หลงเหรอ..? ”
“ อ้าว คุณเต้ ”
เด็กสาวหันมาเจอกับเจ้านายของเธอ ร่างสูงรีบนำมือลงตั้งท่าไม่ส่อแววในอาการเมื่อครู่
“ เชอะ! ”
ใบตองนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่พอใจตรีทิพย์อยู่เกี่ยวกับเรื่องของเพชรเกล้า
เธอจึงสะบัดหน้าหันทำงอนใส่ไปตามประสาพร้อมกับเดินสวนทางออกไป
“ เดี๋ยว ” ตรีทิพย์พูดขึ้น
เด็กน้อยหยุดเดินหันมาทำหน้ามุ่ย
“ เมื่อกี๊เธอพูดโทรศัพท์กับใคร ”
“ นี่คุณเต้แอบฟังเหรอคะ ” เด็กน้อยเลิกคิ้วสงสัย
“ ฉันก็แค่ได้ยินโดยบังเอิญ ” ร่างสูงชักสีหน้านิ่งในมาดเจ้านายพร้อมยืนกอดอก
“ กับเพื่อนค่ะ ”
“ คุยกันเรื่องอะไร ”
" เพื่อนหนูกำลังมีความรัก.. ” ใบตองลอยหน้าลอยตานิดๆ
“ ไม่ได้อกหักช้ำรักจากคนไม่มีหัวใจ
จากคนนิสัยแย่ปากร้ายเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจไม่น่าคบไม่... "
" นี่พอๆ "
ตรีทิพย์ยิ่งฟังก็คล้ายโดนต่อว่าเสียเองเธอจึงรีบขัดขึ้น
และไม่อยากถือสาอะไรมากนักกับเด็กใบคนนี้
" ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องพวกนี้ "
" แล้วคุณเต้อยากรู้อะไรล่ะคะ " ใบตองเอียงคอถาม
" เธอบอกว่าเพื่อนเธอ...หลงแฟน "
“ ใช่ค่ะ หนูมองว่าเป็นแบบนั้น ” เด็กน้อยตอบกลับรวดเร็ว
“ เพื่อนเธอเขาเป็นยังไงทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ ” ตรีทิพย์ถามต่อสีหน้าสงสัย
“ ก็ประมาณว่า อะไรๆก็คนๆนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไร
ก็เห็นดีชื่นชอบคอยชมไปเสียทุกอย่าง ขนาดแฟนยิ้มมันยังมองตาเยิ้ม
แฟนเดินมันก็เก็บไปฝัน เข้าขั้นพร่ำเพ้อยังไงก็ไม่รู้..
หนูก็เลยคิดว่าเพื่อนหนูมันต้องหลงแฟนมันแน่ๆ ”
ใบตองจับปลายคางพลางนึกคิดไปด้วยในขณะที่กำลังพูด
“ ว่าแต่ คุณเต้ถามทำไมเหรอคะ? ”
ตรีทิพย์ยืนนิ่งเมื่อได้ฟังดูแล้วพฤติกรรมแบบนี้มันคล้ายกับเธอหรือเปล่านะ?
“ คุณเต้ไปหลงใครมาเหรอ ”
ใบตองจ้องถาม ร่างสูงค่อยๆหันหน้ามามีอาการเหม่อลอย
“ หรือว่าหลงคุณพราว!! ”
เด็กน้อยทำหน้าตาตื่นพูดขึ้นเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วคาดคั้นยิ้มกว้างจนสุดปาก
นางแบบสาวสะดุ้งเล็กๆสายตาลอกแลกพยายามปิดบังความรนราน
และรีบเดินออกไปจากตรงนี้ทันที!!!
“ เด็กบ้า! พูดจาเกินวัย..คนอย่างตรีทิพย์น่ะเหรอจะหลวมตัวไปหลงใคร..โอ๊ะ!!!!...?? ”
ร่างสูงเดินเร็วๆออกมาจากเด็กน้อยใบตองพึมพำอยู่กับตัวเองเบาๆ
จนมาถึงประตูทางเข้าของบ้านหลังใหญ่ ริมฝีปากจึงหลุดอุทานออกมาเล็กๆ
เมื่อเนื้อตัวของเธอได้ชนเข้ากับเรือนร่างนุ่มนิ่มของใครบางคน
กลิ่นหอมจากแป้งฝุ่นที่ลอยมาตามลมวิ่งสัมผัสเข้ากับปลายจมูก
จนเธอต้องรีบคว้าตัวคนตรงหน้าเอาไว้เพื่อไม่ให้เจ้าหล่อนนั้นเซไปชนกับอะไรอีกที
“ พราว.. ”
ตรีทิพย์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่ร่างในอ้อมแขนนั้นเป็นเพชรเกล้า
สาวน้อยจ้องมองคนตรงหน้าเพียงครู่ก่อนจะรีบบิดร่างออกจากอ้อมกอดทันที
“ เอ่อ! พราวจะไปไหนเหรอคะ ”
เมื่อเห็นเพชรเกล้าจะเดินเลี่ยงไปร่างสูงจึงรีบขวางทางเอาไว้เสียก่อน
สายตาส่งมองเรียวหน้าใสไม่ว่างเว้นด้วยความคิดถึงที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน
“ อยากเดินเล่นค่ะ ”
ร่างบางพูดออกมาเบาๆโดยไม่หันไปสบตาคนจ้องมอง
พร้อมกับเดินต่อแต่ตรีทิพย์กับขวางทางเช่นเดิม
“ ให้พี่เดินเป็นเพื่อนนะ ”
“ พราวอยากเดินคนเดียว ” เพชรเกล้าเดินเลี่ยงออกไปทันที
ตรีทิพย์หันตามเอื้อมจับมือนิ่มไว้
“ พี่ต้องทำยังไงคะพราวถึงจะหายโกรธ ”
“ อยู่ห่างๆพราวค่ะ ไม่มาให้เห็นได้เลยก็จะดีมาก ”
ร่างบางก้าวขาจะเดินต่อเอ่ยบอกเรียบนิ่ง
“ แล้วพี่จะทำแบบนั้นได้ยังไง ”
“ พราวคิดอยู่แล้วล่ะค่ะว่าพี่เต้ไม่มีทางทำได้
เพราะพี่ไม่เคยปฏิบัติตามความต้องการของใครอยู่แล้ว ”
“ พี่คิดถึงพราว มันคือเหตุผลที่พี่ทำไม่ได้ ”
ตรีทิพย์สายตาอ้อนวอนมองแผ่นหลังร่างน้อยด้วยความคิดถึง
เพชรเกล้าใจเต้นแรงไม่คิดว่าตรีทิพย์จะพูดแบบนี้กับเธอ..สาวน้อยควบคุมสติ
ไม่ให้หลงไปกับคารมของอีกคนดึงมือของตัวเองออกจากการจับต้อง
สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะค่อยๆหันกลับมา
" พี่ไม่มีสิทธิ์มาคิดถึงพราว "
ร่างบางไม่เคยสบตาหรือมองหน้าตรีทิพย์เลยสักครั้ง
เหมือนเช่นตอนนี้เอ่ยบอกเรียบเฉยและจะเดินตรงเข้าไปยังด้านใน
ตรีทิพย์ดวงตาคลอหยาดน้ำใสเล็กๆเม้มริมฝีปากนิดหน่อยด้วยความอัดอั้น
ที่อยู่ๆก็ปวดร้าวขึ้นมากลางใจขยับขวางทางสาวน้อย
พร้อมเข้าสวมกอดเรือนร่างบอบบางก่อนจะหันมองเรียวหน้าใสในระยะประชิด
คำพูดแบบนี้เธอไม่เคยได้รับ ความห่างเหินจากใครคนหนึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาก่อน
เพชรเกล้ากำลังทำให้โซนประสาทของเธอร้อนรนขึ้นทุกทีๆ
" ทำไมพี่จะไม่มีสิทธิ์ในเมื่อพราวเป็นของพี่ พี่มีสิทธิ์ที่จะคิดถึงมากเท่าไหร่ก็ได้ "
สายตาคมกริบจ้องมองแสดงความเป็นเจ้าของด้วยความหวงแหน
" ไม่! ฉันไม่ใช่ของคุณหยุดพูดเดี๋ยวนี้!! "
เพชรเกล้าดีดดิ้นเนื้อตัวทันทีเพราะเธอไม่อยากหวนคิดถึงเรื่องราวในครั้งนั้นอีก
" พราวเป็นของพี่คนเดียว..ยกโทษให้พี่เถอะนะคะ "
เสียงหวานพร่ำบอกไม่ลดละอย่างใจเย็นเพื่อย้ำเตือนในสิทธิของเธอ
" พราวเกลียดพี่เต้! เกลียดคำพูดเกลียดร่างกายของพี่ที่สุด!!! "
เพชรเกล้าผลักดันตรีทิพย์จ้าละหวั่นด้วยความโมโห
" แต่ร่างกายของพี่ก็ทำให้พราวมีความสุขที่สุด...อย่าลืมสิ.. " เสียงหวานพูดออกมาเบาๆ
" อย่าพูดแบบนี้นะหยุดพูด!..หยุดพูด!! "
เพชรเกล้าน้ำตาหยดนิดหน่อยสองแขนทุบตีไปที่หัวไหล่ของตรีทิพย์
เอ่ยบอกเสียงนิ่มด้วยกิริยาที่อยากจะเอาชนะคล้ายเด็กเล็กๆ
ใบหน้าร้อนฉ่าใจของเธอเต้นตุบๆรู้สึกเขินและอายอย่างไรบอกไม่ถูก
ดีดดิ้นเรือนร่างหมายจะออกจากการรัดกุมของอ้อมแขน
ที่เต็มไปด้วยไออุ่นดั่งเช่นในคืนวันนั้น..จนกระทั่งสามารถนำพาตัวเองหลุดพ้นออกมาได้
" ไม่พูดแล้วค่ะ ไม่พูดแล้ว..ไม่พูดก็ได้นะ "
ตรีทิพย์เอื้อมมือกอบกุมสองผิวแก้มรีบบอกอย่างใจเย็น
เธออยากเอาใจสาวน้อยให้มากที่สุด
สายตาของเพชรเกล้ายังคงแข็งขันเส้นผมหนายุ่งเหยิง
ปัดเข้ามาปิดดวงหน้าจนเล็กจิ้มลิ้มน่ารักไปในตัว
ตรีทิพย์เห็นแล้วเธอจึงยิ่งเสน่หาสาวน้อยมากขึ้นทุกที
นางแบบสาวค่อยๆดันตัวร่างน้อยเข้ามากอดอีกครั้งอย่างแนบแน่น
โดยที่เจ้าตัวยังคงขัดขืนเช่นเดิม
" พี่ขอโทษนะคะ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำนิสัยแย่ๆเหมือนที่ผ่านมาอีก "
เสียงหวานพร่ำบอกอู้อี้ด้วยความโหยหา
" ปล่อยนะปล่อย.. "
ร่างนุ่มนิ่มขยับยุ๊กยิ๊กอยู่ภายในอ้อมแขนร้องบอก
พร้อมกับหันหลีกหลบปลายจมูกที่แอบเข้ามาสูดกลิ่นแก้มขาวของเธอนิดๆ
ตรีทิพย์เอื้อมจับมือนิ่มที่เวียนเข้ามาทุบตีหัวไหล่ของเธอ
มองเห็นพลาสเตอร์แผ่นเก่ายังคงติดอยู่ที่เดิม..
“ ล้างแผลบ้างหรือเปล่าคะ..ยังไม่หายดีเหรอ ”
เสียงหวานเอ่ยถามบางเบาด้วยความเป็นห่วง
“ ไม่! ปล่อยนะอย่ามายุ่ง! ”
เพชรเกล้ากำลังผลักดันคนตรงหน้าออกแต่ยังคงถูกมือข้างหนึ่งกอดรอบเอวอยู่
“ เดี๋ยวพี่เต้เปลี่ยนพลาสเตอร์ให้ใหม่นะคะ ”
“ ไม่! ”
เพชรเกล้าตอบเสียงแข็งดึงมือตัวเองออกอย่างไม่สนใจ
พร้อมดีดดิ้นเรือนร่างด้วยความอึดอัด จนตรีทิพย์ต้องยอมปล่อยสาวน้อยในอ้อมกอด
ออกก่อนที่เจ้าหล่อนนั้นจะอารมณ์เสียในแบบน่ารักๆไปมากกว่านี้..เห็นเช่นนี้แล้ว
ซุปตาร์สาวก็ยิ่งอยากให้เพชรเกล้ายกโทษให้เธอในเร็ววัน
เธอจะได้กอดรัดฟัดหอมเสียให้หายคิดถึง..
ร่างบางวิ่งกลับเข้าไปในบ้านทันทีที่ร่างสูงปล่อยตัวเธอ
ตรีทิพย์ได้แต่ยืนมองตามตาละห้อยเมื่อไหร่กัน
ที่สาวน้อยจะยอมให้อภัยในความตั้งใจของเธอในครั้งนั้น
ระหว่างนั้นเองวันลพ..ก็ได้เดินออกมาจากประตูทางเข้าออกภายในบ้าน
ใบหน้าชายหนุ่มยังหันมองตามแผ่นหลังเพชรเกล้าที่วิ่งผ่านเขาไปเมื่อสักครู่
“ คงต้องใช้ความพยายามหน่อยนะคุณนางแบบ
ท่าทางคุณพราวจะโกรธยากหายยาก ”
วันลพหันกลับมากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตรีทิพย์ถอนหายใจพลางหันมองไปรอบๆใบหน้าเต็มไปด้วยความหนักใจ
“ คุณพราวดูไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ เมื่อกี๊ตอนคุยกันยังอารมณ์ดีอยู่เลย ”
“ พราวรู้จักลพแล้วเหรอ? ”
ซุปเปอร์โมเดลสาวหันมองวันลพเพื่อนชายชักสีหน้าสงสัย
“ อ๋อ พอดีลพแวะมาเอาเอกสารที่ห้องทำงานคุณอรน่ะ
บังเอิญมาเจอกับคุณพราวตรงบันไดลพก็เลยแนะนำตัวไป ”
ชายหนุ่มยิ้มแย้มเอ่ยบอก ตรีทิพย์พยักหน้าเบาๆ
“ ลพมีวิธีง้อสาวนำเสนอบ้างมั้ย ”
“ ฮ่าฮ่า ลพจะไปแนะนำอะไรได้ แฟนสักคนก็ยังไม่มี ”
ตรีทิพย์ทำหน้านิ่งพร้อมเบือนหนีเพื่อนชายโบราณของเธอ..จึงไปพบกับ!
นายเชิดคนงานคนเดิมกำลังยืนส่งสายตามาทางนี้อย่างเอาจริงเอาจังในการเพ่งมอง
นางแบบสาวจ้องมองกลับไปด้วยความสงสัยในมาดเคร่งขรึมของเธอ
เนื่องจากชายคนดังกล่าวช่างมีท่าทางที่ไม่เข้าตาเธอเอาเสียเลย
วันลพเห็นตรีทิพย์กำลังสนใจอยู่กับบางสิ่งบางอย่างเขาจึงหันมองตาม
ฝ่ายนายเชิดหนุ่มร่างสูงใหญ่เมื่อเห็นทั้งคู่ที่ยืนอยู่ในบริเวณบ้านหลังโต
จ้องมาทางเขา ใบหน้าหนวดเคราจึงตัดสินใจก้มลงพร้อมกับก้าวขาเดินต่อ
ไปยังเป้าหมายของเขาที่คราแรกได้ผ่านมาจึงหยุดมองอยู่เงียบๆ
“ เต้ไม่ไว้ใจนายคนนี้นะ... ”
นางแบบสาวเอ่ยขึ้นขณะยังคงมองตามแผ่นหลังกำยำ
“ ลพก็เหมือนกัน หากคุณอรไม่รับเอาไว้พิจารณา
คงไม่ได้มาเดินคอยสอดรู้สอดเห็นอยู่แบบนี้หรอก! ”
วันลพกล่าวเสียงแข็งจึงทำให้นางแบบสาวต้องหันมอง
ไปเจอกับสายตาของวันลพที่ดูจะไม่ปลื้มนายคนนี้เช่นเดียวกับเธอ
“ คอยดูไว้ด้วยนะลพ ”
ชายหนุ่มละสายตากลับมาที่เพื่อนสาวก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ
“ อยู่ห่างๆมันนะเต้ พยายามอย่าไปพูดคุยอะไรกับมัน...ลพเป็นห่วง ”
ตรีทิพย์พยักหน้ายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป
ที่เธอเป็นเดือดเป็นร้อน นั่นก็เพราะไม่ต้องการให้คนแปลกหน้า
มาเข้าใกล้สาวน้อยของเธออีกก็เท่านั้น..เหลือเพียงวันลพที่ยังคงหันมองตามอยู่ที่เดิม.........
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ