เสน่ห์รักเจ้าเมืองเหนือ

6.2

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.44 น.

  44 ตอน
  0 วิจารณ์
  44.40K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

36) ความทรมาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ภาพตรงหน้าดูจะเลือนรางและค่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆหลังจากกระพริบถี่ขึ้นดวงตาคู่เสน่ห์เหม่อมองสิ่งว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้าที่มีเพียงเพดานและแสงไฟหันมองไปรอบๆตัวก็ทำให้รู้ว่าเธอกลับมาอยู่ที่ห้องนอนของตัวเองแล้ว.....ร่างบางผวาลุกขึ้นนั่งหายใจแรงมือนิ่มข้างหนึ่งของผู้เป็นแม่แตะสัมผัสเพื่อเรียกสติของลูกสาวเธอเบาๆ ใบหน้าเรียวหันมองเจอกับเพ็ญพิศุทธิ์และพิมพรรณน้าสาวที่ยืนอยู่เคียงข้าง...

 


“ คุณเพาล่ะคะ... ” เสียงเล็กถามหาอย่างมีความหวัง

“ กันต์..ตั้งสตินะลูก ” เพ็ญพิศุทธิ์ลุกขึ้นนำร่างของลูกสาวมาไว้ในอ้อมอก

“ กันต์จะหาคุณเพา... ”

“ คุณเพาเค้าไม่อยู่แล้วลูก ”

“ ไม่ ไม่จริง..ไม่จริงใช่มั้ยคะคุณแม่ ” กันต์ร้องไห้กอดมารดาด้วยความเสียใจเมื่อตื่นมาเจอกับความสูญเสียที่ยากจะทำใจ.....พิมพรรณน้ำตาซึมแอบยิ้มนิดๆกับน้ำตาของหลานสาวเธอที่ไหลออกมาเพราะความรัก

 

เช้าวันใหม่..... ความเงียบเหงาที่ไม่มีคนอยู่เคียงข้างไร้ความสุขที่ขาดคนรักอย่างเพาภิรมย์ น้ำตาเอ่อคลอแทบจะไม่มีเหลือให้ไหลรดรินดวงตาบวมฉ่ำจิตใจไม่คิดที่จะทำอะไรอีกต่อไปอยากนั่งอยู่เงียบๆกอดหมอนและผ้าห่มที่ยังมีกลิ่นกายของเธอและเพาภิรมย์ผสมผสานอยู่ร่วมกัน
ร่างบางในชุดนอนที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างดวงตาไร้จุดหมายค่ำคืนที่ผ่านมายังไม่ได้หลับตาลงแม้แต่น้อยรู้สึกเคว้งคว้างเดียวดายเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก

 

“ ไหนคุณเพาบอกว่า...จะไม่ทิ้งกันต์ไง... ” เสียงเล็กพูดกับตัวเองเบาๆด้วยความน้อยใจและความคิดถึงที่ขาดเพาภิรมย์

 

ภายในห้องโถงกลางคุ้มหลวง..... เจ้าหลวงรังสิมันต์กำลังนั่งพูดคุยปรึกษาหารืออยู่กับเพ็ญพิศุทธิ์และพิมพรรณ

 

“ ใกล้ถึงแล้วใช่มั้ย ” เจ้าหลวงรังสิมันต์ถามขึ้น

“ ค่ะ จะถึงที่นี่ในอีกสองนาที ” เพ็ญพิศุทธิ์ตอบชัดถ้อยชัดคำ

 

 

“ กันต์!! ”

 

พิมพรรณร้องเรียกเมื่อเห็นหลานสาวของเธอเดินเร่งรีบลงมาจากชั้นบนมุ่งหน้าจะออกไปด้านนอกใบหน้าเรียวหันมองตามเสียง.....กันต์กวาดสายตามองไปหาทุกคนที่เธอไม่ได้สนใจไม่ได้เห็นด้วยซ้ำว่านั่งอยู่นั่นก็คือพ่อและแม่ของเธอ

 


“ กันต์จะไปไหน ” น้าสาวรีบเข้ามาขวางหน้าไว้ก่อน ดูจะร้อนรนแปลกๆแต่กันต์ก็ไม่ได้สงสัยอะไรแม้ทุกคนในที่นี้จะดูไม่สะเทือนใจกับการจากไปของคนรักเธอ

 


“ ไป... ” ใบหน้าเศร้าสร้อยพร้อมกับดวงตาที่บวมเปล่งจากการร้องไห้ไม่รู้จะตอบยังไงว่าเธอจะไปหาเพาภิรมย์ที่ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนี้คนรักของตัวเองอยู่ในสถานที่ไหน

 

 

 

 

“ ลูกจะไปหาเพาภิรมย์ใช่มั้ยจ๊ะ ” เพ็ญพิศุทธิ์ลูบแผ่นหลังของลูกสาวเป็นการปลอบโปลมใจ


“ คุณเพาเค้าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วล่ะกันต์ ” น้าสาวเอ่ยบอกบางเบา

“ น้าพรรณหมายความว่ายังไง!! ” ร่างบางร้อนรน


“ ครอบครัวของเค้าพากลับกรุงเทพไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วจ้ะ ”


เพ็ญพิศุทธิ์เป็นผู้ตอบคำถามเนื่องจากน้องสาวของเธอมัวแต่อ้ำๆอึ้งๆ.....ร่างของกันต์แทบทรุดเมื่อฟังเช่นนั้นหยดน้ำตาของความว่างเปล่าไหลนองบนใบหน้า

 

แต่ระหว่างนั้นเองหญิงรับใช้คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามารายงาน

 

“ มีคนมาขอพบค่ะ ”

 

เจ้าหลวงรังสิมันต์พยักหน้ารับเบาๆเป็นสัญญาณบอกถึงว่าอนุญาตให้บุคคลที่มาเยือนนั้นเข้ามาได้

 

หญิงทรงความสง่าแต่งกายดีดูภูมิฐานและมีรสนิยมไม่น้อยย่างกายเดินเข้ามาในคุ้มหลวงสีหน้าเรียบนิ่งบุคลิกของเธอดูมาดมั่นแต่ทรงกิริยามารยาทได้อย่างน่าชื่นชม.....กันต์จ้องมองไปยังใบหน้าที่เรี่ยมเชี่ยมยังคงเคล้าความดูดีไว้ได้มากเลยทีเดียวชะลอยว่าหญิงนี้คงจะสวยไม่เบาเมื่อสมัยสาวๆแต่ดูจากลักษณะแล้วอายุคงจะมากกว่ามารดาของเธอ...

 

 

“ คุณอาวิ... ” พิมพรรณเอ่ยพูดขึ้นเมื่อหันไปเจอกับบุคคลที่เธอรู้จักก่อนจะแสดงความเคารพตามมารยาทของไทย

 


“ เอ่อ..นี่ อาวิจิตตรา คุณแม่ของเพาภิรมย์ค่ะ ” พิมพรรณรีบแนะนำ กันต์จึงยกมือไหว้ทำความเคารพต่อวิจิตตราด้วยกิริยาที่นอบน้อมและได้รอยยิ้มบางๆพร้อมกับการรับไหว้ตอบกลับมา.....กันต์เคยได้รับรู้จากคนรักมาบ้างว่าเพาภิรมย์มีมารดาที่ย้ายไปทำธุรกิจอยู่ที่เมืองนอกหลายปีแล้ว...

 


“ เชิญนั่งก่อนค่ะ ” เพ็ญพิศุทธิ์ยิ้มบอกหลังจากที่ทั้งสองได้ทำความรู้จักกันแล้วเป็นที่เรียบร้อย

 

“ นี่..เจ้าหลวงรังสิมันต์ค่ะ ”


เพ็ญพิศุทธิ์แนะนำให้วิจิตตราทำความรู้จักกับเจ้าของสถานที่ ในขณะเดียวกันพิมพรรณก็เดินประคองร่างของหลานสาวมานั่งลงบนโซฟาใกล้ๆ

 

วิจิตตราหันมองใบหน้าเรียวที่นั่งก้มหน้านิดๆเพราะอยู่ในช่วงโศกเศร้าเธอแอบยิ้มเอ็นดูเบาๆ

 


“ เอาล่ะค่ะ ที่ฉันมาที่นี่ก็ไม่ได้มีธุระอะไรมากมาย เพียงแต่จะมาบอกถึงความต้องการอะไรบางอย่าง ” วิจิตตราเริ่มพูดขึ้น


“ มีเรื่องอะไร เชิญแจ้งมาเถอะ ” เจ้าหลวงรังสิมันต์ที่ไม่ใช่คนถือยศถืออย่างกล่าวบอกเรียบๆ


“ ฉันไม่ต้องการให้ทุกคนที่นี่ ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของเราอีก ”

 

ใบหน้าเรียวหันมองขวับ

 

“ คุณหมายถึงอะไรคะ? ” เพ็ญพิศุทธิ์ถามเรียบๆ


“ ลูกสาวของฉันมาขลุกตัวอยู่ที่นี่..จนต้องเป็นคนรับเคราะห์แทนคนที่นี่ ฉันไม่พอใจเป็นอย่างมากค่ะ ”

 


กันต์น้ำตาล่วงเพาะ เมื่อเธอคือต้นเหตุที่ทำให้เพาภิรมย์จากไป.....แต่อาจลืมคิดไปว่าเหตุใดผู้เป็นแม่ไม่ยักจะมีหยดน้ำตาแถมใบหน้าก็ไม่ได้เศร้าสร้อยที่ลูกสาวอย่างเพาภิรมย์เสียชีวิต

 

“ คุณจะให้เรารับผิดชอบยังไงก็ว่ามา ” เจ้าหลวงรังสิมันต์เอ่ยถาม


“ ฉันไม่ต้องการให้คุณมารับชอบอะไรหรอกค่ะ ”

“ ฉันขอเพียงแค่ว่าพวกคุณทุกคนอย่ามายุ่งกับเพาภิรมย์อีกก็พอ ” วิจิตตราพูดออกมาเรียบๆ

 

 

“ ทำไมล่ะคะ! ” กันต์ถามขึ้นทันที

 

“ ยังจะถามอีกเหรอว่าทำไม คุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกสาวฉันต้องบาดเจ็บ!! ”

“ ลูกของฉันต้องมาเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องคุณ! คุณนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ คุณคือความรักที่ทำลายชีวิตคนๆนึง!!! 

 

ใบหน้าเรียวอึ้งน้ำตาไหลท่วมใบหน้าปล่อยโฮออกมาทันทีเพราะคำพูดของวิจิตตรามันช่างบั่นทอนจิตใจของเธอสิ้นดี พิมพรรณพยายามปลอบโยนหลานสาวที่สะอึกสะอื้นจนแทบจะหมดแรง

“ หวังว่าพวกคุณคงจะทำตามอย่างที่ฉันต้องการนะคะ หน้าที่ในตอนนี้ของฉันหมดลงแล้ว..ขอตัวก่อน... ” วิจิตตราบอกเสร็จก็ให้หลังเดินออกไปทันที

“ เราจะทำตามอย่างที่วิจิตตราต้องการ จะไม่มีใครเดินทางไปที่กรุงเทพเป็นอันขาด! ” เจ้าหลวงรังสิมันต์ยืนขึ้นออกคำสั่งและกำลังจะก้าวขาออกไปจากตรงนั้น…..กันต์รีบลุกขึ้นไปจับแขนของผู้เป็นพ่อไว้


“ ท่านพ่อคะแต่กันต์ต้องไป... ”

“ คุณเพาคือคนที่กันต์รัก กันต์จะไปหาเค้าอยู่กับเค้าจนวินาทีสุดท้าย.. ” เสียงสะอื้นบอกกล่าวกับบิดาของเธอ

 

“ พ่อบอกว่าไม่ก็คือไม่ ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยบอกไม่หันมองใบหน้าของลูกสาวที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาพลางจะเดินต่อ

 

“ แต่กันต์จะไป ยังไงกันต์ก็จะไป! ”

 

“ ถ้าลูกจะขัดคำสั่งของพ่อ.....ก็ไม่ต้องมาเรียกพ่อว่าพ่ออีก!! ” เสียงตวาดดังขึ้นสร้างความเงียบไปทั่วคุ้มหลวงมีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นกับร่างที่อิดโรยอ่อนแรงทรุดลงของกันต์ที่พบเจอกับความเสียใจมากที่สุดในชีวิต

 

ร่างบางพยุงตัวเข้าไปกอดขาของผู้เป็นพ่อ เพ็ญพิศุทธิ์และพิมพรรณจ้องมองร่างน้อยด้วยน้ำตาเอ่อคลอที่ตอนนี้ไม่เหลือความเข้มแข็งเลยแม้แต่น้อย

 

 

“ ท่านพ่อ...ให้กันต์ไปเถอะนะคะ กันต์อยากไปเจอคุณเพาอีกครั้ง ” กันต์อ้อนวอนขอร้อง

 

“ ไม่ได้ยินหรือไงว่าเค้าโยนความผิดทุกอย่างมาให้กับลูก! พ่อจะไม่ยอมให้ลูกไปที่นั่นและไปถูกพวกเค้าว่าร้ายเอาอีก ”

 

“ กันต์ยอมค่ะ ใครจะบอกว่ากันต์คือต้นเหตุกันต์ก็ยอม กันต์ยอมทุกอย่างขอให้ได้อยู่ใกล้ๆคุณเพาก็พอ ”

 

“ แต่พ่อยอมไม่ได้...กันต์! ลูกเป็นถึงทายาทของเชียงรัฐลูกจะนิ่งนอนใจให้คนอื่นกล่าวหาเราได้ตามใจชอบไม่ได้พวกเค้ามีตำแหน่งและศักดิ์ศรีน้อยกว่าเรา ”

 

“ กันต์รู้ตัวดีกว่ากันต์คือใครเป็นอะไรกับเชียงรัฐ ”

“ ศักดิ์ศรีของกันต์มอบให้กับเชียงรัฐเท่านั้นค่ะ ”

“ กันต์ไม่เคยคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น กันต์คือคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตเหมือนกับคนอื่นทั่วไป ”

“ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับศักดิ์ศรีเลย สิ่งที่เกี่ยวคือความรักของกันต์เท่านั้น ”

 

ทุกคนในที่นั้นต่างพึงพอใจอยู่ลึกๆในคำพูดที่ออกมาจากปากของทายาทแห่งเชียงรัฐ ศักดิ์ศรีและหน้าที่ทุกอย่างมอบให้แก่ที่นี่เหลือแต่ความรักของเธอและเพาภิรมย์เท่านั้นที่ต้องการให้กับตัวเอง

 

“ ถึงยังไงลูกก็ต้องอยู่ที่นี่ จำไว้ว่าพ่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกเท่านั้น ” ผู้เป็นพ่อบอกเสร็จก็เดินออกไปทันทีเหลือเพียงร่างสะอื้นของกันต์ที่ฟุบร้องไห้จมกับความทรมารอยู่กับพื้นเช่นนั้น.....


เวลาผ่านไป..... 2 อาทิตย์

 

ค่ำคืนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆดำของพายุฝนที่กำลังจะตกโปรยปรายลงมาในอีกไม่ช้า.....ร่างบางนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงกว้างไร้เรี่ยวแรงที่จะกระดิกตัวทำอะไรมองไปตรงไหนก็คิดถึงแต่เพาภิรมย์เท่านั้น พิมพรรณเปิดประตูห้องเข้ามาเบาๆยิ้มบางๆเมื่อเห็นหลานสาวนั่งอยู่ที่เดิมเหมือนดั่งเช่นทุกๆวันที่ผ่านมา กันต์กลายเป็นคนพูดน้อยถามก็ตอบเป็นบางคำเท่านั้นทำให้น้าสาวอดเป็นห่วงไม่ได้

 

“ กันต์...ทานยาหน่อยนะจ๊ะ จะได้พักผ่อน ” พิมพรรณนำยาและน้ำเปล่ามาให้เนื่องจากหลายวันมานี้หลานสาวของเธอล้มป่วยลงจึงต้องรับประทานยาตามที่คุณหมอสั่งโดยมีเจ้าหน้าจากโรงพยาบาลมาตรวจอาการที่นี่

ใบหน้าเรียวหันมองก็ทำให้นึกไปถึงเรื่องราวเก่าๆที่เธอกับเพาภิรมย์เคยถกเถียงกันริมฝีปากอมยิ้มบางๆมีน้ำตาเอ่อคลอเล็กน้อยก่อนจะหยิบยามานำเข้าปากและตามด้วยน้ำเปล่าอย่างว่าง่าย

 

“ กันต์เป็นยังไงบ้าง ” เพ็ญพิศุทธิ์ที่ยืนรออยู่หน้าห้องสักพักถามขึ้นหลังจากที่พิมพรรณออกมาแล้ว


“ ทานยาแล้วก็นอนเลยค่ะ ” น้องสาวยิ้มบอก

“ อืม..แล้วหมอนข้างคืนนี้ล่ะ ”

“ รออยู่ในห้องของพรรณแล้วค่ะ เดี๋ยวให้ยาออกฤทธิ์สักครู่ก็เข้าไปทำหน้าที่ได้แล้ว ”


พิมพรรณเอ่ยบอกเพ็ญพิศุทธิ์พยักหน้ารับรู้.....

 


สิบนาทีต่อมา หยาดฝนเริ่มโปรยปรายกระหน่ำลงมาเป็นสายเสียงอึกกระทึกของท้องฟ้าดังขึ้นคำรามเป็นระยะๆประตูห้องของกันต์ถูกเปิดออกเบาๆสายฟ้าแลบส่องสว่างให้เห็นบุคคลในเงามืดค่อยๆก้าวขาเข้ามาแววตาจับจ้องมองไปยังร่างบางที่หลับใหลอยู่ในห่วงนิทราก่อนจะย่างกายเดินเข้าไปใกล้ช้าๆร่างในความมืดพยุงตัวเองขึ้นไปหาเรียวปากยิ้มมือลูบไล้เส้นผมอย่างอ่อนโยน

 

ท่ามกลางความมืดเสียงฟ้าร้องคึกโครมดังสนั่นร่างบางมีอาการสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเงาร่างสูงค่อยๆจับประคองสาวน้อยให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่น กันต์ซุกใบหน้าลงในอ้อมอกมือยื่นเข้าไปกอดเรือนร่างของใครบางคนอย่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากของผู้แสดงตนว่าเป็นหมอนข้างในค่ำคืนนี้อมยิ้มก้มจุมพิตลงบนหน้าผากมนแสนคิดถึงและห่วงใย

 

“ คุณ..เพา ตัวเล็ก..คิดถึงคุณเพา กันต์จะ..หาคุณเพา... ” เสียงดังพึมพำอยู่ในอ้อมอกรอยยิ้มของคนในความมืดจึงมีขึ้นพลางกระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นมอบความอบอุ่นดูแลสาวน้อยตลอดค่ำคืน.........

 



 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา