เสน่ห์รักเจ้าเมืองเหนือ

6.2

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.44 น.

  44 ตอน
  0 วิจารณ์
  43.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

37) ขาดเธอไม่ได้จริงๆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                    ร่างบางยืนเหม่อกอดอกออกไปนอกหน้าต่างภายในห้องทำงานของตัวเองเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ 1 เดือนเต็มแล้วที่เพาภิรมย์จากไป.....กันต์มีหยดน้ำตาไหลนองใบหน้าก่อนนอนทุกวันให้กับเพาภิรมย์ที่ไม่เคยลบเลือนจางหายไปจากหัวใจของเธอ

 

พิมพรรณถือเอกสารบางอย่างเข้ามาหายิ้มมองหลานรักที่เอาแต่เหม่อลอยอยู่ทุกวี่วัน

 

“ กันต์... ” น้าสาวใช้มือวางลงบนไหล่บางเบาเพื่อเรียกสติ ใบหน้าเรียวสะดุ้งหันมอง


“ คะ..!? ”

“ น้าเอาเอกสารมาให้เซ็นใหม่น่ะจ้ะ คือเมื่อกี๊นี้ กันต์เซ็นผิด ” พิมพรรณยิ้มบอก กันต์รีบหยิบเอกสารที่ว่านั่นมาดูเพราะเธอไม่เคยเซ็นพลาดแต่คราวนี้พลาดจริงๆ

 

“ เอ่อ..ขอโทษนะคะ.. ” ร่างบางถอนหายใจเบาๆก่อนจะรีบลงลายเซ็นอนุมัติให้ใหม่ทันที

 

 

 

“ เอิ่ม...เรื่องของเมธาวีที่กันต์สั่งให้นพไปดูมาได้เรื่องแล้วนะจ๊ะ ”

“ ว่ายังไงบ้างคะ ” กันต์รีบถาม


“ เมธาวีปลอดภัยจ้ะ แต่ถูกกระสุนที่สันหลังหนึ่งนัด..เค้าจึงพิการครึ่งตัวเดิน ไม่ได้อีกต่อไป ”

 

ร่างบางแอบตกใจไม่น้อยมันคงเป็นผลกรรมที่จะต้องชดใช้กันไปไม่จบไม่สิ้นอย่างนั้นหรือ

 


“ เป็นเพราะกันต์... ”

“ มันถูกกำหนดไว้แล้วล่ะกันต์ อย่าโทษตัวเองเลย ” น้าสาวยิ้มให้กำลังใจ


“ แจ้งทางโรงพยาบาลนะคะ ว่ากันต์จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเอง ”

“ อย่างน้อย.....มันก็น่าจะชดใช้กรรมได้บ้างที่กันต์เป็นคนทำให้เค้าต้องเป็นแบบนี้ ”

“ กันต์เป็นคนหยุดเค้าต่างหากจ้ะ ในเมื่อเค้ากลายเป็นแบบนี้ไปแล้วตัวเค้าก็จะได้หยุดสร้างปัญหาให้กับคนอื่นเสียที ”

 


“ แล้วคุณกานดาก็ถูกควบคุมตัวเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ หลังจากที่หนีอยู่นาน ส่วนพลอยขวัญ... ”


กันต์เบือนหน้าหนีรู้สึกเบื่อหน่ายกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น.....

 

เวลาต่อมา.....


“ ลูกเป็นยังไงบ้าง ” เจ้าหลวงรังสิมันต์ถามต่อเพ็ญพิศุทธิ์ในขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ ณ เรือนของเจ้าย่าบัวเงิน


“ เป็นไปอย่างที่เราต้องการค่ะ กันต์ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น นอกจากคิดถึงเพาภิรมย์ ”

“ อืม..ดึงความสนใจได้ดีเยี่ยม เราเลือกไม่ผิดคนเลยจริงๆ ”


“ กันต์คงจะเสียใจมากและอาจจะน้อยใจพ่อของเค้าไม่น้อยเลยล่ะค่ะ ถามคำตอบคำไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่ ”

“ อืม..คุณก็คอยดูไว้ด้วยผมไม่อยากให้ลูกจมอยู่กับความทุกข์มากจนเกินไป ”

 

“ เรื่องของพลอยขวัญไปถึงไหนแล้ว แม่เป็นห่วงหลานไม่อยากให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ ” เจ้าย่าบัวเงินที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยถาม

 

“ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับท่านแม่ ตอนนี้ทางตำรวจรู้แล้วว่าพลอยขวัญอยู่ที่ไหน ”

“ ส่วนอีกเรื่องผมก็อนุญาตไปแล้วนะครับ ”

เจ้าหลวงรังสิมันต์ทำสีหน้าเจ้าเล่ห์??

 

“ หมายความว่า...? ” เจ้าย่าบัวเงินยิ้มถามตื่นเต้นเมื่อความสุขของหลานสาวกำลังจะกลับมา

 

“ อยู่ที่เค้าสองคนแล้วล่ะค่ะ ว่าวันเวลาจะวนมาพบเจอกันอีกครั้ง...เมื่อไหร่.. ” เพ็ญพิศุทธิ์ยิ้มบอกอย่างมีความสุขแซงหน้าลูกสาวของเธอไปแล้ว

 

ร่างบางเดินเลื่อนลอยมาจนถึงริมน้ำตกสถานที่ที่เธอและเพาภิรมย์เคยมีความสุขด้วยกันและทำความรู้จักกันอย่างสนิทสนม กันต์ถอนหายใจออกมาเบาๆใบหน้าเศร้าสร้อยไร้รอยยิ้มจนแทบจะลืมไปแล้วว่ารอยยิ้มและความสุขนั้นคืออะไรมองดูสายน้ำที่ไหลไปช้าๆตามกระแสของลมอย่างไร้จุดหมายพลางเงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่กว้างใหญ่.....ในที่แห่งนั้นจะมีความสุขหรือไม่ในที่แห่งนั้นจะมีความรักเหมือนความรักที่เพาภิรมย์มีให้กับเธอหรือเปล่า…


กันต์หันมองอะไรไปเรื่อยๆอย่างเศร้าหมองแต่ขณะนั้นทางด้านทิศเหนือดวงตาคู่เสน่ห์กับมองเห็นใบหน้าของใครบางคนอยู่ไกลๆเพียงพริบตาก็ทำให้จำได้อย่างไม่ต้องเพ่งเล็ง

 

“ คุณเพา...!! ” เสียงเล็กพูดออกมาพร้อมกับรีบวิ่งไปหาสิ่งที่เธอเห็นทันที

 

ร่างบางวิ่งมาหยุดอยู่ตรงบริเวณกว้างใบหน้าหันซ้ายหันขวามองรอบตัวสอดส่องสายตาจับจ้องมองทุกพื้นที่เพื่อหาเพาภิรมย์.................แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่าและเงียบสงัด

 

“ ..คุณเพา... ” กันต์ทรุดตัวลงกับพื้นร้องไห้คร่ำครวญออกมาด้วยความเสียใจ

“ ทำไมถึงทิ้งกันต์..ทำไมคุณเพาต้องทิ้งกันต์ไป ”

“ กันต์เกลียดคุณเพา กันต์เกลียดคุณเพาที่สุด!!! ”

 

ร่างของกันต์สะอึกสะอื้นร่ำไห้จนหน้าแดงกร่ำไปหมดจิตใจของเธออ่อนแอลงอย่างเชียบพลัน!

 

 

เวลาหมุนเลยผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝันเมื่อผ่านไปอีกสองวันเจ้าหลวงรังสิมันต์และเพ็ญพิศุทธิ์ก็กำลังยุ่งๆวุ่นอยู่กับงานชิ้นสำคัญในการติดตามให้การกับทางตำรวจถึงเรื่องการลักลอบตัดไม้และรวมทั้งเรื่องราวที่มาก่อเรื่องวุ่นวายกับพิมพรรณและเพาภิรมย์อีกด้วย

 

 

ในค่ำคืนนั้นกันต์ได้มาเยือนเวียงฎรัศมิ์อีกครั้งโดยมีพิมพรรณมาส่ง ร่างบางเดินเข้ามาหันมองไปรอบๆยังสถานที่ที่เธอเคยมีความสุขและได้รับความทุกข์ปะปนกันไปริมฝีปากบางอมยิ้มบางเบาเมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่าๆที่เคยเข้ามาในชีวิต

 

“ กันต์แน่ใจเหรอว่าคืนนี้จะนอนที่นี่ ” น้าสาวถามขึ้นเพราะเธอนั้นจะต้องไปทำธุระไม่ได้อยู่ด้วย


“ ค่ะ กันต์อยากนอนที่นี่ ”

“ อืม..งั้นน้าไปก่อนนะ ”

ใบหน้าเรียวพยักหน้ารับเบาๆ พิมพรรณจึงเดินออกไป

 

กลางดึกคืนนั้นที่เวียงฎรัศมิ์ทุกอย่างเงียบสงัดล้อมรอบไปด้วยความมืดมีเพียงแสงสว่างจากบ้านสีขาวหลังเล็กที่ยังเปิดอยู่.....ร่างบางนั่งอยู่กับพื้นสองขาเหยียดตรงหันหลังพิงเตียงมือคู่น้อยกำลังกอบกุมเทียนสีสวยจ้องมองแสงเหลืองทองที่มีความหมายอีกเช่นเคย ใบหน้าเรียวมีน้ำตาไหลหยดแตะแต้มแก้มนวลเป็นระยะๆ แต่ในขณะที่กันต์กำลังนั่งจมอยู่กับความเศร้าแสงสว่างของที่นี่กับดับลงราวกับมีคนปิดสวิตช์

ร่างเล็กลุกขึ้นยืนหันมองรอบๆตัวอย่างหวั่นเกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

“ ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก! ”


ใบหน้าเรียวหันมองขวับเมื่อมีเสียงเคาะประตู แต่ก็ยังตัดสินใจยืนนิ่งๆไม่ส่งเสียงอะไรออกไป

 


“ ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก… ” เสียงจากหน้าประตูดังขึ้นอีกครั้ง

 

คราวนี้กันต์ตัดสินใจเดินไปหาต้นเสียงด้วยความอยากรู้.....เป็นไงเป็นกัน!

 


ประตูถูกเปิดออกเบาๆให้พบเจอกับร่างสูงที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้เคาะประตูเมื่อสักครู่ ร่างในความมืดไม่รอช้าก้าวขาเดินเข้ามาจนสาวน้อยต้องรีบถอยหลังมือเรียวอ่อนระทวยปล่อยเทียนที่ถืออยู่ล่วงหล่นลงพื้นจนคนตรงหน้ายกเท้าหนีน้ำตาเทียนที่กระเด็นมาหาแทบไม่ทัน

 

“ คุณเป็นใคร..?! ” เสียงเล็กเอ่ยถามแอบสั่นเบาๆ.....ไม่รู้ว่าคนหรือผีกันแน่ไม่พูดไม่จา

 

************************


ลบเนื้อหาบางส่วน

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา