เสน่ห์รักเจ้าเมืองเหนือ
6.2
เขียนโดย กรุงสยาม
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.44 น.
44 ตอน
0 วิจารณ์
44.42K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.38 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) น้ำตาของเราสามคน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เพาภิรมย์จับใบหน้าเรียวหันกลับมาและก้มลงกระแทกริมฝีปากบางรุนแรงอย่างตั้งใจไม่มีความอ่อนโยนทั้งสิ้น ร่างเล็กเจ็บมากจนต้องปล่อยปากที่เม้มไว้แน่นเผยออกเป็นโอกาสที่ลิ้นร้อนจะได้เข้าไปสำรวจภายในดูดรัดกลืนกินกลิ่นเลือดที่ไหลออกมาจนหมดประดุจแวมไพรส์ร้ายที่หิวกระหาย ตวัดลิ้นไปทั่วโพรงปากหอมกอดเกี่ยวรัดตรึงบังคับให้ลิ้นเล็กด้านในพลิกตามอย่างเอาแต่ใจจนสาวน้อยที่ถูกกระทำขนลุกซู่ด้วยความรู้สึกเจ็บแป๊บๆ
ใบหน้าสวยก้มลงซุกไซร้ยังซอกคอขาวคลอเคลียขบเม้มเนินอกจนเกิดรอยฟันแดงๆเต็มไปหมดหมายจะทำลายกลิ่นน้ำหอมของศัตรูออกไปจนหมดสิ้น กันต์หลับตาหันใบหน้าซุกกับต้นแขนของตัวเองไม่อยากเห็นภาพร้ายๆพวกนั้น
แต่แล้วการกระทำของคนใจร้อนก็ต้องหยุดลงเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนสะอึกสะอื้นของร่างบาง เพาภิรมย์ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวที่ตอนนี้ดวงตาแดงกร่ำหยาดน้ำใสๆไหลพรากไปทั่วใบหน้าขาว ความใจร้อนความแข็งกร้าวหายลงทันทีเมื่อแววตาของสาวน้อยนั้นช่างน่าสงสารจับหัวใจ
“ คุณเพาไม่อยากฟังคำอธิบายจากกันต์บ้างเหรอ ” เสียงสะอึกสะอื้นมาพร้อมกับคราบน้ำตาที่ไหลรินลงมาเพราะไม่อาจจะอดกลั้นยับยั้งได้อีกแล้ว
“ กันต์ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ให้สาสมใจก่อนใช่มั้ย คุณเพาถึงจะยอมฟังกันต์ได้ ”
“ กันต์มีประโยชน์แค่นี้เหรอ ”
“ คุณเพา...ไม่สงสารกันต์บ้างเลยเหรอ ” เสียงสะอึกสะอื้นพร่ำบอกต่อดวงหน้าที่มองลงมา
“ คุณเพา......ตัวเล็กเจ็บ...ฮือฮือฮือ..ฮื่อฮือฮือฮือฮือ...ฮือฮือ....” น้ำตาท่วมไหลอาบหน้าของกันต์ เพาภิรมย์มองอึ้งกับทุกอย่างทั้งการกระทำของตัวเองและร่างบางที่พึ่งเคยร้องไห้ให้เห็นเป็นครั้งแรก สองมือเรียวรีบเอื้อมไปปลดเชือกบ้าๆนั่นและโยนทิ้งไปให้พ้นตา
กันต์รีบลุกขึ้นและถอยหลังพิงกับหัวเตียงก้มมองข้อมือของตัวเองที่มีผิวถลอกและแดงเป็นจ้ำๆ เพาภิรมย์นิ่งกับตัวเองสักพักก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยที่นั่งมองสองมือของตัวเองพร้อมกับมีเสียงสะอื้นเล็กน้อย เพาภิรมย์ค่อยๆขยับเข้าไปหา กันต์เงยหน้าขึ้นมองและรีบวิ่งลงจากเตียง
ร่างสูงวิ่งเข้ามาขวางสีหน้าเศร้ารู้สึกผิดที่สุดเพราะตอนนี้อารมณ์ของตัวเองได้เย็นลงแล้วเพียงแค่ได้เห็นน้ำตาจากคนรัก
“ กันต์พี่....”
“ อย่าเข้ามานะ! ” กันต์ก้าวถอยหลังเมื่อเพาภิรมย์เดินเข้ามาหา ร่างสูงยังคงขยับเข้าไปเรื่อยๆ
“ บอกว่าอย่าเข้ามาไง ” ร่างบางร้องบอกอีกครั้งก่อนที่จะรีบเบี่ยงตัวหนีเพื่อจะออกนอกห้อง เพาภิรมย์รีบคว้าตัวเล็กของเธอเข้ามากอดเอาไว้
“ ปล่อยนะ!!! ออกไป!!! ออกไป!!! อย่ามากอด!!!! ไม่ให้กอดแล้ว ไม่ให้กอดแล้วอ่ะ!!!!....ฮือฮือ...ฮื่อฮือฮือ..ออกไป....” ร่างบางร้องบอกเสียงดังพร้อมกับดิ้นอยู่ในอ้อมกอดจนเสียงเริ่มอ่อยในตอนสุดท้าย
“ พี่ขอโทษ ” ริมฝีปากสวยพูดออกมาเบาๆ
“ ขอโทษเหรอ! กี่ครั้งแล้วที่กันต์ต้องเจ็บต้องเสียใจก่อนแล้วคุณเพาก็มาขอโทษ คุณเพาตัดสินจากภาพที่เห็นเท่านั้น!! ไม่เคยรอฟังคำอธิบายจากกันต์!! ” ร่างเล็กสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดก่อนที่จะพูดออกไปด้วยความโมโห
“ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่รักกันต์ รักมากเหลือเกิน พี่กลัวจะเสียกันต์ไปให้กับเค้า พี่กลัวกันต์จะไปรักเค้า พี่กลัวว่ากันต์จะทิ้งพี่ไป ” เพาภิรมย์พร่ำบอก
“ ความรักของคุณเพามีจริงหรือป่าว ทำไมกันต์ถึงไม่เห็น ” เพาภิรมย์สะอึกกับคำพูดของสาวน้อย
“ สิ่งที่คุณเพาแสดงออกกับกันต์ในตอนนี้ มันไม่ใช่ความรัก คุณเพาทำให้กันต์รู้ว่า กันต์ไม่เคยมีประโยชน์อะไรเลยนอกจากเรื่องบนเตียง ”
“ แล้วเรื่องวันนี้ กันต์ก็ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรอีก เพราะคุณเพาได้ตัดสินไปแล้วว่ากันต์เป็นคนผิด ขอให้รู้ไว้เพียงว่า กันต์ไม่ได้เต็มใจที่จะไปนอนอยู่ใต้ร่างเค้า ”
“ กันต์ไม่ได้โยนโทษเพื่อให้คุณเพาไปเอาเรื่องกับเค้า แต่กันต์แค่จะบอกว่าตั้งแต่กันต์ออกมาจากบริษัท เค้าก็กลายเป็นแค่ความโกรธของคุณเพาและคนที่จะต้องมารองรับอารมณ์ของคุณเพา...ก็คือกันต์.... ”
ใบหน้าเรียวพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบปนกับน้ำตาคลอที่เอ่อล้นและหยดออกมารินรดบนใบหน้าเนียน ก่อนที่จะก้าวขาเดินออกนอกห้องไปเงียบๆ เพาภิรมย์ยืนฟังอย่างสะเทือนหัวใจที่ความใจร้อนของตัวเองความไม่มีเหตุผลของตัวเองจะทำให้เจ็บปวดใจได้มากถึงเพียงนี้ หยาดน้ำใสๆค่อยๆไหลรินลงบนใบหน้าสวย ทิ้งร่างนั่งลงกับพื้นและร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
สองวันต่อมาเพาภิรมย์ได้รู้ซึ้งถึงความเสียใจเป็นที่สุดเมื่อสาวน้อยของเธอทำอย่างที่เคยบอกไว้ หากใจร้ายเมื่อไหร่อยากจะหนีไปไกลๆทันทีเวลานั้นมาถึงเพราะกันต์ได้หายหน้าไปสองวันแล้วนับตั้งแต่คืนนั้นที่ทะเลาะกับเธอ เมื่อถามจากพิมพรรณเพื่อนสาวเองก็ไม่แน่ใจว่าหลานของเธอหายไปไหนเพาภิรมย์เองก็มีงานที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศจึงต้องกลับวันนั้น เธอไม่สบายใจเป็นที่สุดที่ไม่ได้เห็นหน้ากันต์
ร่างบางกำลังก้าวขาช้าๆเดินลงบันไดมาวันนี้แต่งตัวทะมัดทะแมงใส่กางเกงเดรฟเอวต่ำกับเสื้อเชิ้ตพับแขนสียีนส์พอดีตัวที่ชายเสื้อถูกปล่อยให้เป็นอิสระดูเท่ไม่ได้ยัดไว้ในกางเกงให้ดูเรียบร้อยจนเกินไป กันต์ไม่ได้ไปไหนไกลแต่มาพักอยู่ที่เรือนเจ้าย่าบัวเงิน ใบหน้าเรียวหมองเศร้าซึมไม่ค่อยมีความสุขนัก ย่างกายเดินไปขึ้นรถที่นพเป็นผู้เปิดประตูให้
ออฟฟิศโรงงานผ้าไหม.......
“ เฮ้อ...” กันต์ทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาเบาๆหัวพิงกับด้านหลังถอนหายใจลากยาวเมื่อการเซนต์เอกสารผ่านพ้นไปเยอะแยะมากมายดวงตาเริ่มเคลิ้มปิดลงเพราะสองค่ำคืนที่ผ่านมาร่างกายพักผ่อนไม่ค่อยเต็มที่นักหรือเรียกง่ายๆว่านอนไม่หลับนั่นเอง
ประตูออฟฟิศของห้องทำงานถูกเปิดออกเบาๆ ร่างสูงในชุดเดรสสีครีมก้าวขาเดินเข้ามาช้าๆหยุดอยู่ตรงร่างเล็กที่กำลังเคลิ้มหลับวางกระเป๋าลงข้างๆก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวลูบไล้บางเบาปัดเส้นผมที่ปิดบังหน้าตาของคนบนโซฟาช้าๆ กันต์เริ่มขยับเมื่อมีสิ่งก่อกวนลืมตาปรือๆเพ่งมอง
“ พี่พลอย....!! ” กันต์ตกใจที่เห็นพลอยขวัญรีบลุกขึ้นจากโซฟาเพราะยังจำเรื่องต่างๆนาๆของวันก่อนได้ดี ใบหน้าหวานฉีกยิ้มก่อนที่จะยื่นมือไปคว้าร่างบางจนถลากลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“ จะหนีไปไหน..อย่ากลัวกันซิคะ ” พลอยขวัญกอดแผ่นหลังของกันต์เอาไว้แน่นได้กลิ่นน้ำหอมที่ชอบนักหนาจนอดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกดอมดม
“ ........อะ..โอ๊ย...” กันต์นิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะส่งเสียงร้องเล็กๆออกมาเบาๆเพราะร่างกายของตัวไปชนกับทรวงอกของพลอยขวัญซะเต็มที่จนรอยช้ำที่เกิดจากการต่อสู้กับเพาภิรมย์ในตอนนั้นจึงประทุขึ้นมา
พลอยขวัญได้ยินเสียงร้องเหลือบมองผ่านแผ่นหลังที่กอดรัดไว้อย่างสงสัยแทนที่ร่างเล็กจะดิ้นหนีเพื่อออกจากกายแต่กับฟุบหัวลงซบไหล่คล้ายกับเจ็บจี๊ดอะไรบางอย่าง พลอยขวัญค่อยๆจับร่างบางออกห่างและประคองให้นั่งข้างๆ
“ พี่ดึงแรงจนทำให้กันต์เจ็บเลยเหรอ ” พลอยขวัญถามสีหน้าเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าของอีกคนนิ่วหน้าบิดเบี้ยวคล้ายกับเจ็บมาก กันต์เงียบไม่ตอบอะไรเพียงแต่จับๆตามจุดที่รู้สึกเจ็บ
พลอยขวัญสงสัยจึงเอื้อมมือเข้าไปปลดกระดุมเสื้อของสาวน้อย กันต์รีบคว้ามือของอีกคนแต่พลอยขวัญกับยื้อยุดจนกระดุมหลุดออกมาสองเม็ด ใบหน้าหวานอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยจ้ำแดงๆที่เริ่มเขียวช้ำอยู่ใกล้เนินอกหลายจุด กันต์มองหน้าพลอยขวัญเพียงนิดก่อนจะเบี่ยงไปทางอื่น
หัวใจของพลอยขวัญแทบหยุดเต้นรู้สึกถึงความเจ็บแป๊บที่อกด้านซ้ายในใจคิดทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องรู้สึกเหมือนเสียใจ มันก็แค่รอยรักรอยสวาทที่เจ้าของเค้าตีตราจองทิ้งไว้ก็เท่านั้น เคยเห็นจากหญิงคนอื่นก็ตั้งมากมายแต่ทำไม ทำไมกับกันต์ถึงรู้สึกเจ็บยังกับคนอกหักแบบนี้ ดวงตากลมโตเหลือบดูที่ข้อมือของร่างบางแอบเห็นรอยแดงจึงหยิบมือคู่น้อยนั้นขึ้นมาดู
“ กันต์ทะเลาะกับคุณเพาแรงเลยใช่มั้ย ” พลอยขวัญเงยหน้าขึ้นถาม กันต์พยักหน้าและยิ้มบางๆ
“ พี่ขอโทษนะ ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้กันต์กับคุณเพาต้องผิดใจกัน ”
“ ช่างเถอะค่ะ มันผ่านไปแล้วล่ะ ” เสียงเล็กตอบออกมาบางเบา พลอยขวัญแอบดีใจนิดๆที่รู้ว่าทั้งสองทะเลาะกันตามประสาผู้ที่จ้องจะเป็นมือที่สาม
“ เดี๋ยวพี่ทายาให้นะ... ” พลอยขวัญบอกเสร็จก็ปล่อยมือที่จับอยู่และเอื้อมไปค้นหายาที่ว่าในกระเป๋าออกมา
“ พี่พลอยพกยาพวกนี้ไว้ด้วยเหรอคะ ” กันต์มองไปที่หลอดเล็กๆสีขาวในมือคู่สวยของพลอยขวัญอย่างสงสัยแต่กับไม่รู้เลยว่าเจ้าของยานั้นกำลังมองมาที่เธออย่างชอบนัก
“ พกติดตัวไว้ มันก็ยังได้ใช้ไม่ใช่เหรอ ” พลอยขวัญเอ่ยบอกและบีบยาลงบนนิ้วเล็กๆของเธอจับมือเรียวของกันต์มาวางไว้ที่ตักเตรียมจะทาให้
“ เอ่อ...เดี๋ยวกันต์ทาเองก็ได้ค่ะ ” กันต์รั้งมือตัวเองเล็กน้อยและพูดออกไปพร้อมกับหยิบหลอดยาบีบลงที่นิ้วและทาเบาๆ
พลอยขวัญมองใบหน้าขาวเนียนที่กำลังก้มทายาอยู่กับข้อมือของตัวเองจึงค่อยโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กดจมูกโด่งลงกับพวงแก้มนวลเบาๆและถอยออกมาอย่างอ้อยอิ่งมองใบหน้าเรียวที่ก้มอยู่เช่นเดิมไม่ยิ้มไม่บึ้ง
“ ทำไมนั่งนิ่ง ไม่ห้ามแล้วเหรอ....” พลอยขวัญถามเบาๆ
“ ถ้าห้าม...พี่พลอยจะหยุดหรือป่าวคะ ” กันต์ตอบเสียงเรียบพร้อมกับติดกระดุมเสื้อที่หลุดลุ้ยก่อนที่จะไปโผล่ยั่วอารมณ์ให้กับใคร
“ กันต์รู้หรือป่าวว่าตัวเองเป็นคนมีเสน่ห์ เสน่ห์ที่ไม่ต้องพูดอะไร เสน่ห์ที่ทำให้คนรอบกายอยากเข้าใกล้ ” ริมฝีปากอิ่มเอ่ยพูดพร้อมกับมือเรียวข้างหนึ่งที่กำลังจับแก้มของกันต์ด้วยความชื่นชอบ
“ ครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย ที่พี่พลอยจะทำแบบนี้กับกันต์ได้หรือป่าว ” ร่างบางพูดเสียงราบเรียบมองเข้าไปที่ดวงตาของพลอยขวัญจากที่ใบหน้ามีรอยยิ้มก็เริ่มเรือนจางหายไปที่ละนิด
น้ำตาใสๆไหลรินลงบนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว ไม่ใช่คำต่อว่า ไม่ใช่คำขับไล่ แต่กับเป็นคำขอร้องอย่างอ่อนโยนอย่างที่เธอไม่เคยได้พบเจอ เมื่อกันต์เห็นน้ำตาของพลอยขวัญก็ก้มหน้าลงช้าๆ เธอไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่พลอยขวัญมีให้มันมากแค่ไหนมันไปไกลแล้วหรือยังแต่เธอคงรับเอาไว้ไม่ได้ เพราะเธอมีคนที่รักและรักเธออยู่แล้ว
ร่างเล็กไม่รู้จะทำยังไงต่อไปจึงลุกขึ้นยืนและเตรียมจะเดินออกห่าง พลอยขวัญอาจจะอยากอยู่คนเดียวก็ได้ ทันทีที่ร่างบางยืนเต็มความสูง พลอยขวัญก็โผเข้ากอดจากด้านหลังปล่อยหยาดน้ำตาออกมายากสุดที่จะกลั้น
“ ทำไมนะ...ทำไมพี่ไม่เจอกันต์ให้เร็วกว่านี้ ” น้ำเสียงสะอึกสะอื้นเปล่งโอดครวญออกมาจากปากของพลอยขวัญเบาๆ
“ แต่เราก็เจอกันแล้วนี่คะ ” กันต์เบี่ยงหน้าหันมาหาพลอยขวัญเพียงนิดและพูดออกไป
“ ใช่...เราได้เจอกันแล้ว แต่พี่ก็มาช้าไป ” พลอยขวัญกอดร่างเล็กไว้แน่นร้องไห้ไม่หยุด กันต์ค่อยๆหันตัวมาประชันใบหน้าหวานที่ตอนนี้เลอะไปด้วยคราบน้ำตา ยกมือขึ้นไล่นิ้วเช็ดหยาดน้ำใสๆให้กับหญิงตรงหน้าช้าๆส่งยิ้มอบอุ่นให้เป็นการปลอบโยน พลอยขวัญมองการกระทำของกันต์เช่นนี้จะไม่ให้เธอหลงรักได้อย่างไร พลางจับมือที่กำลังเช็ดคราบน้ำตาให้กับเธอวางไว้ที่ข้างแก้ม
“ กันต์รู้มั้ย...ตลอดเวลา 6 เดือนที่พี่กลับมาเมืองไทย คุณแม่ชวนพี่มาคุ้มหลวง ทุกครั้งที่ที่นี่มีงานหรือแม้กระทั่งมาเยี่ยมเจ้าย่ากับคุณอาเพ็ญ แต่พี่ก็ปฏิเสธทุกครั้ง พี่ไม่อยากมาที่นี่เลยไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้ พี่อยากมาที่นี่ทุกวัน อยากเห็นหน้ากันต์ทุกวัน.....แต่พี่ก็ทำไม่ได้ ” พลอยขวัญพูดเสียงสั่นเครือมองใบหน้าเรียวรู้สึกว่าตัวเองทรมารใจอย่างไรบอกไม่ถูก
“ พี่รักกันต์นะคะ.... ” พลอยขวัญบอกความในใจที่แท้จริงของตัวเองออกไปเพื่อให้คนตรงหน้าได้รับรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร กันต์ยืนนิ่งในใจอึ้งวิตกไม่น้อยที่พลอยขวัญบอกกับเธอแบบนี้ ร่างบางดึงมือที่แนบแก้มของพลอยขวัญออกเบาๆแล้วหันหลังให้กับคนตรงหน้า พลอยขวัญจึงเดินไปด้านหน้าของกันต์
“ กันต์ได้ยินมั้ย....ว่าพี่รักกันต์ พี่อยากเป็นคนที่ได้กอดกันต์ ได้อยู่กับกันต์...อยากให้คนที่ได้หัวใจของกันต์ เป็นพี่ ” พลอยขวัญยังคงปล่อยน้ำตาออกมาไม่หยุด พูดเสียงสะอื้นสั่นไหวต่อคนตรงหน้าที่ส่งสายตามองมาเรียบๆ
“ ได้มั้ยคะ ได้มั้ย... ” ร่างเพรียวยื่นมือเข้าไปจับมือเรียวนุ่มที่แสนจะอบอุ่นทุกครั้งที่ได้แตะต้องเปล่งว่าขอร้องน้ำตานองใบหน้าที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร คนอย่างพลอยขวัญ เวศธีรนันท์ ไม่เคยขอร้องใคร ไม่เคยต้องยอมใคร ไม่เคยต้องไปแย่งของของใครเพราะมีแต่คนอื่นที่พร้อมจะเดินเข้ามาหาเธอเอง แต่ตอนนี้เธอกับทิ้งความหยิ่งเลือกได้ของเธอให้กับเจ้ากันต์ฎรัศมิ์ รัฎศักดิ์ เพียงเพราะความอ่อนโยนที่กันต์มีให้เธอเสมอมา
“ ขอให้พี่ได้ครอบครองหัวใจของกันต์ได้มั้ย ” พลอยขวัญร้องไห้จนตาบวมไปหมดเอ่ยบอกอย่างอ้อนวอนและเดินเข้าไปกอดร่างเล็กเอาไว้แน่น กันต์ยืนนิ่งแววตากังวลปนสงสารพลอยขวัญจับใจ
“ ได้มั้ยคะ........ได้มั้ยกันต์...ได้มั้ย... ” ร่างเพรียวสะอึกสะอื้นร้องไห้กอดร่างบางที่ยืนนิ่งพร่ำบอกอย่างโอดครวญ
“ กันต์ขอโทษนะคะ.....กันต์รักคุณเพา ”
ริมฝีปากบางเอ่ยบอกเรียบๆพลอยขวัญนิ่งยังคงสะอื้นอยู่นิดๆค่อยๆคลายอ้อมกอดออกจากร่างเล็กมองใบเรียวที่ส่งเสียงบอกออกมาอย่างนิ่งเรียบเมื่อครู่ที่ดูอบอุ่นในสายตาเธอ น้ำตาของพลอยเริ่มไหลหยดบนดวงหน้าอีกครั้งปล่อยโฮออกมาท่วมใบหน้าหวานไม่อยากจะเชื่อกับหูของตัวเองที่ถูกปฏิเสธเป็นครั้งแรกในชีวิตหยาดน้ำใสๆไหลนองเต็มใบหน้า กันต์มองพลอยขวัญอย่างเป็นห่วงว่าเธอจะร้องไห้หนักเกินไปจนแทบจะหายใจไม่ทัน ใบหน้าหวานหันหน้าหนีและวิ่งออกไปจากห้องมายังรถคันหรูของเธอที่จอดอยู่ก้าวขาขึ้นรถสองมือจับพวงมาลัยฟุบหน้าลงร้องไห้คล้ายกับเสียของรักไปอย่างไรบอกไม่ถูก
“ มีอะไรหรือป่าวครับเจ้า ” นพเห็นพลอยขวัญร้องไห้ออกไปรีบเข้ามาหาเจ้านายของตัวเองทันที กันต์ที่กำลังมองผ่านกระจกเห็นรถของพลอยขวัญแล่นออกไปด้วยความเร็วค่อยๆหันกลับมา
“ ไม่มีอะไร ฉันจะไปที่น้ำตก ” เจ้านายเอ่ยบอกเสียงเรียบ นพสีหน้าเป็นห่วงเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้ารับเบาๆ
“ เอากระเป๋าของคุณพลอยขวัญไปส่งให้เธอที่บ้านด้วย ” เสียงเรียบเอ่ยบอกอีกครั้งหลังจากนิ่งเงียบตั้งแต่ขึ้นรถจนมาถึงน้ำตกก่อนจะหยิบแว่นตาขึ้นมาใส่และก้าวขาลงจากรถ
“ เอ่อ...เจ้าครับ เจ้าจะให้ผมมารับกี่โมงครับ ” นพที่ลงจากรถหมายจะมาเปิดประตูให้กับเจ้านายตามหน้าที่แต่ประตูกับเปิดเองด้วยมือของกันต์ที่ไม่อยากรอ
“ เดี๋ยวฉันกลับเอง ” เสียงเรียบๆพูดขึ้นและกำลังจะเดินไป
“ เจ้าครับ....ผมขออนุญาตถาม ” นพเอ่ยขึ้นเจ้านายสาวหยุดรอฟังคำถามแต่ไม่ได้หันหน้ามา
“ กิริยาที่เจ้าแสดงกับคุณพลอยขวัญ เจ้าไตร่ตรองดีแล้วเหรอครับ ผมเกรงว่าคุณพลอยขวัญจะคิดไปเองว่าเจ้าอาจจะมีใจให้กับเธอและให้ความหวังเธอก็ได้ ” นพรวบรวมความกล้าทั้งหมดและถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเจ้านายและเหมือนแนะนำให้กันต์ไม่ต้องรักษาน้ำใจพลอยขวัญจะดีกว่าจะได้ตัดขาดไปเลย
“ ทุกคนมีสิทธิ์ชอบ มีสิทธิ์รัก มีสิทธิ์คิดด้วยกันทั้งนั้น ฉันคงจะไปห้ามความคิดใครไม่ได้ ถ้าคุณพลอยขวัญจะคิดแบบนั้น ฉันรู้อย่างเดียวว่าใจฉันไม่ได้ให้ความหวังใคร....ก็พอแล้ว ” กันต์เอ่ยบอกเสียงเรียบก่อนที่จะเดินออกไป เหลือแต่บอดี้การ์ดหนุ่มที่ได้แต่มองตามหลังเจ้านายอย่างเป็นห่วง........
ทางด้านเพาภิรมย์ที่ตอนนี้กำลังนั่งรถออกมาจากคุ้มหลวงเพียงนิดเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างคิดถึงตัวเล็กของเธอจับหัวใจจะโทรไปก็ไม่กล้ากลัวว่าเจ้าของหมายเลขจะตัดสายทิ้ง เวลานั้นคงมาถึงอย่างเต็มที่แล้วซินะ เวลาที่ใครเคยบอกว่า ไม่อยากเห็นเวลาเธอดุและอยากจะหนีไปไกลๆ เพาภิรมย์ก้มหน้าหลับตาลงถอนหายใจแสนจะเบื่อหน่ายกับนิสัยของตัวเองที่ไม่เคยควบคุมให้ใจเย็นได้ซักทีจนตอนนี้ต้องมาจมอยู่กับความเศร้าเพราะไม่ได้เห็นสาวน้อยของเธอไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
สายธารของน้ำตกใสสะอาดปลาตัวน้อยแวกว่ายเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ร่างเล็กที่นั่งพิงกับต้นไม้ใหญ่กอดเข่ามองไปรอบๆไร้จุดหมาย ในหัวมีเรื่องให้คิดมากมายจนแทบอยากจะนอนอยู่ที่นี่ไม่อยากกลับไปเจอใครทั้งสิ้นก่อนที่จะตัดสินใจกลับกันต์เลือกที่จะเดินกลับจากน้ำตกเพื่อที่จะยืดเวลาออกไปนานๆเพราะวันนี้ตั้งใจจะกลับคุ้มหลวงแล้ว ร่างบางเดินเพลินๆสองมือล้วงกระเป๋าถอนหายใจออกมาเป็นระยะๆ นึกถึงหน้าคนใจร้ายที่เธอรักร่างกายก็อ่อนล้าเต็มที
รถที่เพาภิรมย์นั่งขับเคลื่อนออกจากประตูใหญ่ทางเข้าออกของคุ้มหลวงเชียงรัฐสายตาคู่สวยก็เหลือบไปเห็นสาวน้อยของเธอเดินอยู่พอดี
“ กันต์.....” เพาภิรมย์หันซ้ายหันขวาพลางจะบอกคนขับรถให้จอดก่อน แต่ก็เปลี่ยนใจกลัวว่าถ้าเธอลงไปหาตอนนี้กันต์ต้องวิ่งหนีเธอแน่ รถแล่นออกมาไกลพอสมควรใบหน้าสวยนั่งคิดสักครู่ก็ยิ้มออกมานิดๆก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของเธอขึ้นมากดโทรออก
“ ฮัลโหล....ชมรวี พูดค่ะ ”
“ รวี พี่เพาพูดนะ พี่มีเรื่องจะให้เธอช่วยหน่อย ”
“ อ้าวพี่เพา....มีเรื่องอะไรเหรอคะ ”
“ รวีไปประชุมที่นิวยอร์กแทนพี่หน่อยซิ ”
“ อ๋อ ได้ซิคะ ไม่มีปัญหาค่ะ ”
“ โอเค ขอบใจจ้ะ เดี๋ยวพี่จะโทรบอกคุณประวิทย์อีกที ” เพาภิรมย์ตัดสินใจโทรบอกน้องสาวคนเดียวของเธอเพื่อให้เดินทางไปต่างประเทศแทนก่อนที่จะเอ่ยบอกกับคนขับรถสีหน้ายิ้มแย้ม
“ เดี๋ยวค่ะ กลับเชียงรัฐเถอะ........ฉันไม่ไปแอร์พอร์ทแล้ว...... ”
ใบหน้าสวยก้มลงซุกไซร้ยังซอกคอขาวคลอเคลียขบเม้มเนินอกจนเกิดรอยฟันแดงๆเต็มไปหมดหมายจะทำลายกลิ่นน้ำหอมของศัตรูออกไปจนหมดสิ้น กันต์หลับตาหันใบหน้าซุกกับต้นแขนของตัวเองไม่อยากเห็นภาพร้ายๆพวกนั้น
แต่แล้วการกระทำของคนใจร้อนก็ต้องหยุดลงเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนสะอึกสะอื้นของร่างบาง เพาภิรมย์ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวที่ตอนนี้ดวงตาแดงกร่ำหยาดน้ำใสๆไหลพรากไปทั่วใบหน้าขาว ความใจร้อนความแข็งกร้าวหายลงทันทีเมื่อแววตาของสาวน้อยนั้นช่างน่าสงสารจับหัวใจ
“ คุณเพาไม่อยากฟังคำอธิบายจากกันต์บ้างเหรอ ” เสียงสะอึกสะอื้นมาพร้อมกับคราบน้ำตาที่ไหลรินลงมาเพราะไม่อาจจะอดกลั้นยับยั้งได้อีกแล้ว
“ กันต์ต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ให้สาสมใจก่อนใช่มั้ย คุณเพาถึงจะยอมฟังกันต์ได้ ”
“ กันต์มีประโยชน์แค่นี้เหรอ ”
“ คุณเพา...ไม่สงสารกันต์บ้างเลยเหรอ ” เสียงสะอึกสะอื้นพร่ำบอกต่อดวงหน้าที่มองลงมา
“ คุณเพา......ตัวเล็กเจ็บ...ฮือฮือฮือ..ฮื่อฮือฮือฮือฮือ...ฮือฮือ....” น้ำตาท่วมไหลอาบหน้าของกันต์ เพาภิรมย์มองอึ้งกับทุกอย่างทั้งการกระทำของตัวเองและร่างบางที่พึ่งเคยร้องไห้ให้เห็นเป็นครั้งแรก สองมือเรียวรีบเอื้อมไปปลดเชือกบ้าๆนั่นและโยนทิ้งไปให้พ้นตา
กันต์รีบลุกขึ้นและถอยหลังพิงกับหัวเตียงก้มมองข้อมือของตัวเองที่มีผิวถลอกและแดงเป็นจ้ำๆ เพาภิรมย์นิ่งกับตัวเองสักพักก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยที่นั่งมองสองมือของตัวเองพร้อมกับมีเสียงสะอื้นเล็กน้อย เพาภิรมย์ค่อยๆขยับเข้าไปหา กันต์เงยหน้าขึ้นมองและรีบวิ่งลงจากเตียง
ร่างสูงวิ่งเข้ามาขวางสีหน้าเศร้ารู้สึกผิดที่สุดเพราะตอนนี้อารมณ์ของตัวเองได้เย็นลงแล้วเพียงแค่ได้เห็นน้ำตาจากคนรัก
“ กันต์พี่....”
“ อย่าเข้ามานะ! ” กันต์ก้าวถอยหลังเมื่อเพาภิรมย์เดินเข้ามาหา ร่างสูงยังคงขยับเข้าไปเรื่อยๆ
“ บอกว่าอย่าเข้ามาไง ” ร่างบางร้องบอกอีกครั้งก่อนที่จะรีบเบี่ยงตัวหนีเพื่อจะออกนอกห้อง เพาภิรมย์รีบคว้าตัวเล็กของเธอเข้ามากอดเอาไว้
“ ปล่อยนะ!!! ออกไป!!! ออกไป!!! อย่ามากอด!!!! ไม่ให้กอดแล้ว ไม่ให้กอดแล้วอ่ะ!!!!....ฮือฮือ...ฮื่อฮือฮือ..ออกไป....” ร่างบางร้องบอกเสียงดังพร้อมกับดิ้นอยู่ในอ้อมกอดจนเสียงเริ่มอ่อยในตอนสุดท้าย
“ พี่ขอโทษ ” ริมฝีปากสวยพูดออกมาเบาๆ
“ ขอโทษเหรอ! กี่ครั้งแล้วที่กันต์ต้องเจ็บต้องเสียใจก่อนแล้วคุณเพาก็มาขอโทษ คุณเพาตัดสินจากภาพที่เห็นเท่านั้น!! ไม่เคยรอฟังคำอธิบายจากกันต์!! ” ร่างเล็กสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดก่อนที่จะพูดออกไปด้วยความโมโห
“ พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่รักกันต์ รักมากเหลือเกิน พี่กลัวจะเสียกันต์ไปให้กับเค้า พี่กลัวกันต์จะไปรักเค้า พี่กลัวว่ากันต์จะทิ้งพี่ไป ” เพาภิรมย์พร่ำบอก
“ ความรักของคุณเพามีจริงหรือป่าว ทำไมกันต์ถึงไม่เห็น ” เพาภิรมย์สะอึกกับคำพูดของสาวน้อย
“ สิ่งที่คุณเพาแสดงออกกับกันต์ในตอนนี้ มันไม่ใช่ความรัก คุณเพาทำให้กันต์รู้ว่า กันต์ไม่เคยมีประโยชน์อะไรเลยนอกจากเรื่องบนเตียง ”
“ แล้วเรื่องวันนี้ กันต์ก็ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายอะไรอีก เพราะคุณเพาได้ตัดสินไปแล้วว่ากันต์เป็นคนผิด ขอให้รู้ไว้เพียงว่า กันต์ไม่ได้เต็มใจที่จะไปนอนอยู่ใต้ร่างเค้า ”
“ กันต์ไม่ได้โยนโทษเพื่อให้คุณเพาไปเอาเรื่องกับเค้า แต่กันต์แค่จะบอกว่าตั้งแต่กันต์ออกมาจากบริษัท เค้าก็กลายเป็นแค่ความโกรธของคุณเพาและคนที่จะต้องมารองรับอารมณ์ของคุณเพา...ก็คือกันต์.... ”
ใบหน้าเรียวพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบปนกับน้ำตาคลอที่เอ่อล้นและหยดออกมารินรดบนใบหน้าเนียน ก่อนที่จะก้าวขาเดินออกนอกห้องไปเงียบๆ เพาภิรมย์ยืนฟังอย่างสะเทือนหัวใจที่ความใจร้อนของตัวเองความไม่มีเหตุผลของตัวเองจะทำให้เจ็บปวดใจได้มากถึงเพียงนี้ หยาดน้ำใสๆค่อยๆไหลรินลงบนใบหน้าสวย ทิ้งร่างนั่งลงกับพื้นและร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
สองวันต่อมาเพาภิรมย์ได้รู้ซึ้งถึงความเสียใจเป็นที่สุดเมื่อสาวน้อยของเธอทำอย่างที่เคยบอกไว้ หากใจร้ายเมื่อไหร่อยากจะหนีไปไกลๆทันทีเวลานั้นมาถึงเพราะกันต์ได้หายหน้าไปสองวันแล้วนับตั้งแต่คืนนั้นที่ทะเลาะกับเธอ เมื่อถามจากพิมพรรณเพื่อนสาวเองก็ไม่แน่ใจว่าหลานของเธอหายไปไหนเพาภิรมย์เองก็มีงานที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศจึงต้องกลับวันนั้น เธอไม่สบายใจเป็นที่สุดที่ไม่ได้เห็นหน้ากันต์
ร่างบางกำลังก้าวขาช้าๆเดินลงบันไดมาวันนี้แต่งตัวทะมัดทะแมงใส่กางเกงเดรฟเอวต่ำกับเสื้อเชิ้ตพับแขนสียีนส์พอดีตัวที่ชายเสื้อถูกปล่อยให้เป็นอิสระดูเท่ไม่ได้ยัดไว้ในกางเกงให้ดูเรียบร้อยจนเกินไป กันต์ไม่ได้ไปไหนไกลแต่มาพักอยู่ที่เรือนเจ้าย่าบัวเงิน ใบหน้าเรียวหมองเศร้าซึมไม่ค่อยมีความสุขนัก ย่างกายเดินไปขึ้นรถที่นพเป็นผู้เปิดประตูให้
ออฟฟิศโรงงานผ้าไหม.......
“ เฮ้อ...” กันต์ทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาเบาๆหัวพิงกับด้านหลังถอนหายใจลากยาวเมื่อการเซนต์เอกสารผ่านพ้นไปเยอะแยะมากมายดวงตาเริ่มเคลิ้มปิดลงเพราะสองค่ำคืนที่ผ่านมาร่างกายพักผ่อนไม่ค่อยเต็มที่นักหรือเรียกง่ายๆว่านอนไม่หลับนั่นเอง
ประตูออฟฟิศของห้องทำงานถูกเปิดออกเบาๆ ร่างสูงในชุดเดรสสีครีมก้าวขาเดินเข้ามาช้าๆหยุดอยู่ตรงร่างเล็กที่กำลังเคลิ้มหลับวางกระเป๋าลงข้างๆก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวลูบไล้บางเบาปัดเส้นผมที่ปิดบังหน้าตาของคนบนโซฟาช้าๆ กันต์เริ่มขยับเมื่อมีสิ่งก่อกวนลืมตาปรือๆเพ่งมอง
“ พี่พลอย....!! ” กันต์ตกใจที่เห็นพลอยขวัญรีบลุกขึ้นจากโซฟาเพราะยังจำเรื่องต่างๆนาๆของวันก่อนได้ดี ใบหน้าหวานฉีกยิ้มก่อนที่จะยื่นมือไปคว้าร่างบางจนถลากลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“ จะหนีไปไหน..อย่ากลัวกันซิคะ ” พลอยขวัญกอดแผ่นหลังของกันต์เอาไว้แน่นได้กลิ่นน้ำหอมที่ชอบนักหนาจนอดใจไม่ไหวที่จะกดจมูกดอมดม
“ ........อะ..โอ๊ย...” กันต์นิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะส่งเสียงร้องเล็กๆออกมาเบาๆเพราะร่างกายของตัวไปชนกับทรวงอกของพลอยขวัญซะเต็มที่จนรอยช้ำที่เกิดจากการต่อสู้กับเพาภิรมย์ในตอนนั้นจึงประทุขึ้นมา
พลอยขวัญได้ยินเสียงร้องเหลือบมองผ่านแผ่นหลังที่กอดรัดไว้อย่างสงสัยแทนที่ร่างเล็กจะดิ้นหนีเพื่อออกจากกายแต่กับฟุบหัวลงซบไหล่คล้ายกับเจ็บจี๊ดอะไรบางอย่าง พลอยขวัญค่อยๆจับร่างบางออกห่างและประคองให้นั่งข้างๆ
“ พี่ดึงแรงจนทำให้กันต์เจ็บเลยเหรอ ” พลอยขวัญถามสีหน้าเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าของอีกคนนิ่วหน้าบิดเบี้ยวคล้ายกับเจ็บมาก กันต์เงียบไม่ตอบอะไรเพียงแต่จับๆตามจุดที่รู้สึกเจ็บ
พลอยขวัญสงสัยจึงเอื้อมมือเข้าไปปลดกระดุมเสื้อของสาวน้อย กันต์รีบคว้ามือของอีกคนแต่พลอยขวัญกับยื้อยุดจนกระดุมหลุดออกมาสองเม็ด ใบหน้าหวานอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยจ้ำแดงๆที่เริ่มเขียวช้ำอยู่ใกล้เนินอกหลายจุด กันต์มองหน้าพลอยขวัญเพียงนิดก่อนจะเบี่ยงไปทางอื่น
หัวใจของพลอยขวัญแทบหยุดเต้นรู้สึกถึงความเจ็บแป๊บที่อกด้านซ้ายในใจคิดทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมต้องรู้สึกเหมือนเสียใจ มันก็แค่รอยรักรอยสวาทที่เจ้าของเค้าตีตราจองทิ้งไว้ก็เท่านั้น เคยเห็นจากหญิงคนอื่นก็ตั้งมากมายแต่ทำไม ทำไมกับกันต์ถึงรู้สึกเจ็บยังกับคนอกหักแบบนี้ ดวงตากลมโตเหลือบดูที่ข้อมือของร่างบางแอบเห็นรอยแดงจึงหยิบมือคู่น้อยนั้นขึ้นมาดู
“ กันต์ทะเลาะกับคุณเพาแรงเลยใช่มั้ย ” พลอยขวัญเงยหน้าขึ้นถาม กันต์พยักหน้าและยิ้มบางๆ
“ พี่ขอโทษนะ ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้กันต์กับคุณเพาต้องผิดใจกัน ”
“ ช่างเถอะค่ะ มันผ่านไปแล้วล่ะ ” เสียงเล็กตอบออกมาบางเบา พลอยขวัญแอบดีใจนิดๆที่รู้ว่าทั้งสองทะเลาะกันตามประสาผู้ที่จ้องจะเป็นมือที่สาม
“ เดี๋ยวพี่ทายาให้นะ... ” พลอยขวัญบอกเสร็จก็ปล่อยมือที่จับอยู่และเอื้อมไปค้นหายาที่ว่าในกระเป๋าออกมา
“ พี่พลอยพกยาพวกนี้ไว้ด้วยเหรอคะ ” กันต์มองไปที่หลอดเล็กๆสีขาวในมือคู่สวยของพลอยขวัญอย่างสงสัยแต่กับไม่รู้เลยว่าเจ้าของยานั้นกำลังมองมาที่เธออย่างชอบนัก
“ พกติดตัวไว้ มันก็ยังได้ใช้ไม่ใช่เหรอ ” พลอยขวัญเอ่ยบอกและบีบยาลงบนนิ้วเล็กๆของเธอจับมือเรียวของกันต์มาวางไว้ที่ตักเตรียมจะทาให้
“ เอ่อ...เดี๋ยวกันต์ทาเองก็ได้ค่ะ ” กันต์รั้งมือตัวเองเล็กน้อยและพูดออกไปพร้อมกับหยิบหลอดยาบีบลงที่นิ้วและทาเบาๆ
พลอยขวัญมองใบหน้าขาวเนียนที่กำลังก้มทายาอยู่กับข้อมือของตัวเองจึงค่อยโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กดจมูกโด่งลงกับพวงแก้มนวลเบาๆและถอยออกมาอย่างอ้อยอิ่งมองใบหน้าเรียวที่ก้มอยู่เช่นเดิมไม่ยิ้มไม่บึ้ง
“ ทำไมนั่งนิ่ง ไม่ห้ามแล้วเหรอ....” พลอยขวัญถามเบาๆ
“ ถ้าห้าม...พี่พลอยจะหยุดหรือป่าวคะ ” กันต์ตอบเสียงเรียบพร้อมกับติดกระดุมเสื้อที่หลุดลุ้ยก่อนที่จะไปโผล่ยั่วอารมณ์ให้กับใคร
“ กันต์รู้หรือป่าวว่าตัวเองเป็นคนมีเสน่ห์ เสน่ห์ที่ไม่ต้องพูดอะไร เสน่ห์ที่ทำให้คนรอบกายอยากเข้าใกล้ ” ริมฝีปากอิ่มเอ่ยพูดพร้อมกับมือเรียวข้างหนึ่งที่กำลังจับแก้มของกันต์ด้วยความชื่นชอบ
“ ครั้งนี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย ที่พี่พลอยจะทำแบบนี้กับกันต์ได้หรือป่าว ” ร่างบางพูดเสียงราบเรียบมองเข้าไปที่ดวงตาของพลอยขวัญจากที่ใบหน้ามีรอยยิ้มก็เริ่มเรือนจางหายไปที่ละนิด
น้ำตาใสๆไหลรินลงบนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว ไม่ใช่คำต่อว่า ไม่ใช่คำขับไล่ แต่กับเป็นคำขอร้องอย่างอ่อนโยนอย่างที่เธอไม่เคยได้พบเจอ เมื่อกันต์เห็นน้ำตาของพลอยขวัญก็ก้มหน้าลงช้าๆ เธอไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่พลอยขวัญมีให้มันมากแค่ไหนมันไปไกลแล้วหรือยังแต่เธอคงรับเอาไว้ไม่ได้ เพราะเธอมีคนที่รักและรักเธออยู่แล้ว
ร่างเล็กไม่รู้จะทำยังไงต่อไปจึงลุกขึ้นยืนและเตรียมจะเดินออกห่าง พลอยขวัญอาจจะอยากอยู่คนเดียวก็ได้ ทันทีที่ร่างบางยืนเต็มความสูง พลอยขวัญก็โผเข้ากอดจากด้านหลังปล่อยหยาดน้ำตาออกมายากสุดที่จะกลั้น
“ ทำไมนะ...ทำไมพี่ไม่เจอกันต์ให้เร็วกว่านี้ ” น้ำเสียงสะอึกสะอื้นเปล่งโอดครวญออกมาจากปากของพลอยขวัญเบาๆ
“ แต่เราก็เจอกันแล้วนี่คะ ” กันต์เบี่ยงหน้าหันมาหาพลอยขวัญเพียงนิดและพูดออกไป
“ ใช่...เราได้เจอกันแล้ว แต่พี่ก็มาช้าไป ” พลอยขวัญกอดร่างเล็กไว้แน่นร้องไห้ไม่หยุด กันต์ค่อยๆหันตัวมาประชันใบหน้าหวานที่ตอนนี้เลอะไปด้วยคราบน้ำตา ยกมือขึ้นไล่นิ้วเช็ดหยาดน้ำใสๆให้กับหญิงตรงหน้าช้าๆส่งยิ้มอบอุ่นให้เป็นการปลอบโยน พลอยขวัญมองการกระทำของกันต์เช่นนี้จะไม่ให้เธอหลงรักได้อย่างไร พลางจับมือที่กำลังเช็ดคราบน้ำตาให้กับเธอวางไว้ที่ข้างแก้ม
“ กันต์รู้มั้ย...ตลอดเวลา 6 เดือนที่พี่กลับมาเมืองไทย คุณแม่ชวนพี่มาคุ้มหลวง ทุกครั้งที่ที่นี่มีงานหรือแม้กระทั่งมาเยี่ยมเจ้าย่ากับคุณอาเพ็ญ แต่พี่ก็ปฏิเสธทุกครั้ง พี่ไม่อยากมาที่นี่เลยไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้ พี่อยากมาที่นี่ทุกวัน อยากเห็นหน้ากันต์ทุกวัน.....แต่พี่ก็ทำไม่ได้ ” พลอยขวัญพูดเสียงสั่นเครือมองใบหน้าเรียวรู้สึกว่าตัวเองทรมารใจอย่างไรบอกไม่ถูก
“ พี่รักกันต์นะคะ.... ” พลอยขวัญบอกความในใจที่แท้จริงของตัวเองออกไปเพื่อให้คนตรงหน้าได้รับรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร กันต์ยืนนิ่งในใจอึ้งวิตกไม่น้อยที่พลอยขวัญบอกกับเธอแบบนี้ ร่างบางดึงมือที่แนบแก้มของพลอยขวัญออกเบาๆแล้วหันหลังให้กับคนตรงหน้า พลอยขวัญจึงเดินไปด้านหน้าของกันต์
“ กันต์ได้ยินมั้ย....ว่าพี่รักกันต์ พี่อยากเป็นคนที่ได้กอดกันต์ ได้อยู่กับกันต์...อยากให้คนที่ได้หัวใจของกันต์ เป็นพี่ ” พลอยขวัญยังคงปล่อยน้ำตาออกมาไม่หยุด พูดเสียงสะอื้นสั่นไหวต่อคนตรงหน้าที่ส่งสายตามองมาเรียบๆ
“ ได้มั้ยคะ ได้มั้ย... ” ร่างเพรียวยื่นมือเข้าไปจับมือเรียวนุ่มที่แสนจะอบอุ่นทุกครั้งที่ได้แตะต้องเปล่งว่าขอร้องน้ำตานองใบหน้าที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร คนอย่างพลอยขวัญ เวศธีรนันท์ ไม่เคยขอร้องใคร ไม่เคยต้องยอมใคร ไม่เคยต้องไปแย่งของของใครเพราะมีแต่คนอื่นที่พร้อมจะเดินเข้ามาหาเธอเอง แต่ตอนนี้เธอกับทิ้งความหยิ่งเลือกได้ของเธอให้กับเจ้ากันต์ฎรัศมิ์ รัฎศักดิ์ เพียงเพราะความอ่อนโยนที่กันต์มีให้เธอเสมอมา
“ ขอให้พี่ได้ครอบครองหัวใจของกันต์ได้มั้ย ” พลอยขวัญร้องไห้จนตาบวมไปหมดเอ่ยบอกอย่างอ้อนวอนและเดินเข้าไปกอดร่างเล็กเอาไว้แน่น กันต์ยืนนิ่งแววตากังวลปนสงสารพลอยขวัญจับใจ
“ ได้มั้ยคะ........ได้มั้ยกันต์...ได้มั้ย... ” ร่างเพรียวสะอึกสะอื้นร้องไห้กอดร่างบางที่ยืนนิ่งพร่ำบอกอย่างโอดครวญ
“ กันต์ขอโทษนะคะ.....กันต์รักคุณเพา ”
ริมฝีปากบางเอ่ยบอกเรียบๆพลอยขวัญนิ่งยังคงสะอื้นอยู่นิดๆค่อยๆคลายอ้อมกอดออกจากร่างเล็กมองใบเรียวที่ส่งเสียงบอกออกมาอย่างนิ่งเรียบเมื่อครู่ที่ดูอบอุ่นในสายตาเธอ น้ำตาของพลอยเริ่มไหลหยดบนดวงหน้าอีกครั้งปล่อยโฮออกมาท่วมใบหน้าหวานไม่อยากจะเชื่อกับหูของตัวเองที่ถูกปฏิเสธเป็นครั้งแรกในชีวิตหยาดน้ำใสๆไหลนองเต็มใบหน้า กันต์มองพลอยขวัญอย่างเป็นห่วงว่าเธอจะร้องไห้หนักเกินไปจนแทบจะหายใจไม่ทัน ใบหน้าหวานหันหน้าหนีและวิ่งออกไปจากห้องมายังรถคันหรูของเธอที่จอดอยู่ก้าวขาขึ้นรถสองมือจับพวงมาลัยฟุบหน้าลงร้องไห้คล้ายกับเสียของรักไปอย่างไรบอกไม่ถูก
“ มีอะไรหรือป่าวครับเจ้า ” นพเห็นพลอยขวัญร้องไห้ออกไปรีบเข้ามาหาเจ้านายของตัวเองทันที กันต์ที่กำลังมองผ่านกระจกเห็นรถของพลอยขวัญแล่นออกไปด้วยความเร็วค่อยๆหันกลับมา
“ ไม่มีอะไร ฉันจะไปที่น้ำตก ” เจ้านายเอ่ยบอกเสียงเรียบ นพสีหน้าเป็นห่วงเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้ารับเบาๆ
“ เอากระเป๋าของคุณพลอยขวัญไปส่งให้เธอที่บ้านด้วย ” เสียงเรียบเอ่ยบอกอีกครั้งหลังจากนิ่งเงียบตั้งแต่ขึ้นรถจนมาถึงน้ำตกก่อนจะหยิบแว่นตาขึ้นมาใส่และก้าวขาลงจากรถ
“ เอ่อ...เจ้าครับ เจ้าจะให้ผมมารับกี่โมงครับ ” นพที่ลงจากรถหมายจะมาเปิดประตูให้กับเจ้านายตามหน้าที่แต่ประตูกับเปิดเองด้วยมือของกันต์ที่ไม่อยากรอ
“ เดี๋ยวฉันกลับเอง ” เสียงเรียบๆพูดขึ้นและกำลังจะเดินไป
“ เจ้าครับ....ผมขออนุญาตถาม ” นพเอ่ยขึ้นเจ้านายสาวหยุดรอฟังคำถามแต่ไม่ได้หันหน้ามา
“ กิริยาที่เจ้าแสดงกับคุณพลอยขวัญ เจ้าไตร่ตรองดีแล้วเหรอครับ ผมเกรงว่าคุณพลอยขวัญจะคิดไปเองว่าเจ้าอาจจะมีใจให้กับเธอและให้ความหวังเธอก็ได้ ” นพรวบรวมความกล้าทั้งหมดและถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเจ้านายและเหมือนแนะนำให้กันต์ไม่ต้องรักษาน้ำใจพลอยขวัญจะดีกว่าจะได้ตัดขาดไปเลย
“ ทุกคนมีสิทธิ์ชอบ มีสิทธิ์รัก มีสิทธิ์คิดด้วยกันทั้งนั้น ฉันคงจะไปห้ามความคิดใครไม่ได้ ถ้าคุณพลอยขวัญจะคิดแบบนั้น ฉันรู้อย่างเดียวว่าใจฉันไม่ได้ให้ความหวังใคร....ก็พอแล้ว ” กันต์เอ่ยบอกเสียงเรียบก่อนที่จะเดินออกไป เหลือแต่บอดี้การ์ดหนุ่มที่ได้แต่มองตามหลังเจ้านายอย่างเป็นห่วง........
ทางด้านเพาภิรมย์ที่ตอนนี้กำลังนั่งรถออกมาจากคุ้มหลวงเพียงนิดเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างคิดถึงตัวเล็กของเธอจับหัวใจจะโทรไปก็ไม่กล้ากลัวว่าเจ้าของหมายเลขจะตัดสายทิ้ง เวลานั้นคงมาถึงอย่างเต็มที่แล้วซินะ เวลาที่ใครเคยบอกว่า ไม่อยากเห็นเวลาเธอดุและอยากจะหนีไปไกลๆ เพาภิรมย์ก้มหน้าหลับตาลงถอนหายใจแสนจะเบื่อหน่ายกับนิสัยของตัวเองที่ไม่เคยควบคุมให้ใจเย็นได้ซักทีจนตอนนี้ต้องมาจมอยู่กับความเศร้าเพราะไม่ได้เห็นสาวน้อยของเธอไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
สายธารของน้ำตกใสสะอาดปลาตัวน้อยแวกว่ายเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ร่างเล็กที่นั่งพิงกับต้นไม้ใหญ่กอดเข่ามองไปรอบๆไร้จุดหมาย ในหัวมีเรื่องให้คิดมากมายจนแทบอยากจะนอนอยู่ที่นี่ไม่อยากกลับไปเจอใครทั้งสิ้นก่อนที่จะตัดสินใจกลับกันต์เลือกที่จะเดินกลับจากน้ำตกเพื่อที่จะยืดเวลาออกไปนานๆเพราะวันนี้ตั้งใจจะกลับคุ้มหลวงแล้ว ร่างบางเดินเพลินๆสองมือล้วงกระเป๋าถอนหายใจออกมาเป็นระยะๆ นึกถึงหน้าคนใจร้ายที่เธอรักร่างกายก็อ่อนล้าเต็มที
รถที่เพาภิรมย์นั่งขับเคลื่อนออกจากประตูใหญ่ทางเข้าออกของคุ้มหลวงเชียงรัฐสายตาคู่สวยก็เหลือบไปเห็นสาวน้อยของเธอเดินอยู่พอดี
“ กันต์.....” เพาภิรมย์หันซ้ายหันขวาพลางจะบอกคนขับรถให้จอดก่อน แต่ก็เปลี่ยนใจกลัวว่าถ้าเธอลงไปหาตอนนี้กันต์ต้องวิ่งหนีเธอแน่ รถแล่นออกมาไกลพอสมควรใบหน้าสวยนั่งคิดสักครู่ก็ยิ้มออกมานิดๆก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของเธอขึ้นมากดโทรออก
“ ฮัลโหล....ชมรวี พูดค่ะ ”
“ รวี พี่เพาพูดนะ พี่มีเรื่องจะให้เธอช่วยหน่อย ”
“ อ้าวพี่เพา....มีเรื่องอะไรเหรอคะ ”
“ รวีไปประชุมที่นิวยอร์กแทนพี่หน่อยซิ ”
“ อ๋อ ได้ซิคะ ไม่มีปัญหาค่ะ ”
“ โอเค ขอบใจจ้ะ เดี๋ยวพี่จะโทรบอกคุณประวิทย์อีกที ” เพาภิรมย์ตัดสินใจโทรบอกน้องสาวคนเดียวของเธอเพื่อให้เดินทางไปต่างประเทศแทนก่อนที่จะเอ่ยบอกกับคนขับรถสีหน้ายิ้มแย้ม
“ เดี๋ยวค่ะ กลับเชียงรัฐเถอะ........ฉันไม่ไปแอร์พอร์ทแล้ว...... ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ