เกมวิวาห์เจ้าสาวมาเฟีย
8.0
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.33 น.
15 ตอน
1 วิจารณ์
17.44K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559 11.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) เกมวิวาห์เจ้าสาวมาเฟีย ตอนที่ 3 50%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความข้อความที่ได้รับจากพี่สาวในตอนบ่ายจัดของวันเดียวกันนั้น ทำให้พราวพุธโล่งอกและออกจากอพาร์ตเมนต์เดินชมเมืองด้วยความสบายใจ แตกต่างกับความรู้สึกของใครอีกหลายคนในมุมหนึ่งของมหานครแห่งนี้เพราะดอนเวนโตล่าทั้งสองรุ่นกำลังประหลาดใจกับคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“อย่างที่ทางเราได้แจ้งให้คุณทราบนะครับและขอย้ำว่าเป็นความจริงทุกประการ” เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ำ
“แล้วมันจะหายไปได้ยังไง” ดิโน่ถามพร้อมกับผายมือทั้งสองข้างออกมองเจ้าหน้าที่ตำรวจสลับกับลูกชายที่ผายมือทั้งสองข้างออกไม่ต่างจากท่าทีของผู้เป็นพ่อ แต่เพิ่มเติมคือการยกหัวไหล่ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับสีหน้ายียวน
“ถ้าคุณและคนของคุณยืนยันว่าเมื่อคืนนี้มีคนตายในลิตเติ้ลอิตาลีทั้งหมดห้าคน มีสี่คนนอนอยู่ที่เดิม ส่วนอีกคนคุณคิดว่าเขากลายเป็นศพแล้วหวังดีเอาตัวมาส่งไว้หน้าสถานีแล้วล่ะก็... มันไม่ใช่แบบนั้น” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสามคนอธิบายต่อ “จากเวลาที่คุณอ้างถึงกับตอนที่เราได้รับแจ้งเหตุว่าเกิดการยิงกันในลิตเติ้ลอิตาลีห่างกันไม่ถึงสองนาที ทีมของผมออกมาจากสถานีตำรวจโดยไม่พบร่องรอยผิดปกติอะไรสักอย่าง ไม่พบผู้ชายที่คุณอ้างถึง พบแค่ผู้ชายสี่คนตามที่พลเมืองดีแจ้งเท่านั้น”
“ความจริงแล้วการเคลื่อนย้ายศพถือเป็นความผิด คุณไม่ควร...” เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนกล่าวยังไม่จบประโยคด้วยซ้ำ เสียงห้าวของมาเฟียหนุ่มก็ดังขึ้น
“คุณพูดเองว่าเขายังไม่ตาย คนยังไม่ตายก็ไม่ถือว่าเป็นศพเพราะฉะนั้นข้อหานี้ตกไป”
“ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าที่นี่คือนิวยอร์ก ไม่ใช่ซิซิลี กรุณาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย”
สิ้นเสียงเตือนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดิโน่ก็ส่งสัญญาณให้เลโอเดินเข้ามารับคำสั่งใกล้ๆ รู้ดีว่าทนายความจำเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ ขณะที่คอนเนลิโอกำลังนั่งนิ่ง คิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพบว่าเขาพลาดไปสองเรื่อง นั่นคือน่าจะบีบแตรเรียกให้ใครสักคนในสถานีตำรวจออกมาเสียก่อน อีกเรื่องคือประมาทเกินไปที่คิดว่ามันตายแล้ว
...เลือดที่ไหลออกจากร่างนั้นแสดงว่ามันถูกยิงเข้าส่วนใดส่วนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ใช่จุดสำคัญ จากแรกที่คิดจะยืมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบประวัติพวกมันทั้งห้าคน แต่ตอนนี้การที่เขาพามันออกมาจากลิตเติ้ลอิตาลีกลับเป็นการเปิดทางให้มันเอาตัวรอดจากผู้บงการที่แท้จริง
“ระหว่างที่เรากำลังชันสูตรศพและตรวจสอบประวัติของชายทั้งสี่คน เชิญมิสเตอร์เวนโตล่าไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วย” บอกพร้อมกับโชว์หมายเรียกที่เตรียมการมาให้มาเฟียหนุ่มได้เห็นอย่างชัดเจน
“รอสักครู่ ทนายความของลูกชายผมกำลังเดินทางมาที่นี่” ดิโน่เป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นเสียเอง
“แหม... ตั้งใจจะเป็นพลเมืองดี ไหงตอนนี้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปซะอย่างนั้น” คอนเนลิโอตั้งใจยั่วโมโหของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่คิดจะตั้งข้อหาเคลื่อนย้ายศพให้แต่ไม่สำเร็จ “ว่าแต่พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าคนแจ้งความเป็นพลเมืองดี”
“เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นแล้วบังเอิญเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี”
“ถึงจะเป็นผู้หญิงก็น่าสงสัยไม่น้อยไปกว่าผมหรอก พลเมืองดีมีอยู่สองประเภท ประเภทแรกพูดเกินความจริง กับอีกประเภทคือพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว”
ถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามเริ่มประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วว่าเพราะเหตุใดกลุ่มเวนโตล่า มาเฟียแห่งเกาะซิซิลีนั้นถึงได้มีอิทธิพลนัก ตรงหน้านี้คือผู้นำที่ยังไม่ได้เห็นแววความตื่นตระหนกใดๆ เลย ตรงกันข้ามกลับมีวิสัยทัศน์ลึกล้ำ ละเอียดลออแม้จุดเล็กน้อยก็ไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ
แม้คำเตือนเมื่อครู่นี้เป็นความจริงอย่างที่สุด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของผู้ต้องสงสัยที่ควรเข้ามาก้าวก่าย “นั่นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไงเสียเราก็ต้องสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดอยู่แล้ว”
คอนเนลิโอพยักหน้ารับแล้วหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มียศสูงที่สุด “ระหว่างที่รอทนาย ผมขอคุยกับพ่อเป็นการส่วนตัว”
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวผายมือเป็นเชิงไม่ขัดข้อง คอนเนลิโอจึงเดินนำหน้าผู้เป็นพ่อไปยังอีกส่วนหนึ่งของห้อง ซึ่งมีจอร์โจ้เลื่อนปิดประตูไม้บานใหญ่ให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้านาย ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถมองเห็นอากัปกิริยาของพ่อลูกเวนโตล่าได้จากกระจกใสที่ติดไว้ครึ่งบนของประตู
“พ่อต้องกลับซิซิลีตอนนี้เลย” คอนเนลิโอบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันเป็นพ่อแก ถามหน่อยเถอะว่ามีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่ตอนที่ผมขึ้นเป็นดอนเวนโตล่า อย่าลืมว่าพ่อเป็น Consigliere นั่นก็หมายความว่าอยู่ภายใต้การปกครองของผมเหมือนกัน”
“ไอ้...” จะด่ายังด่าไม่ออก
คอนเนลิโอรีบฉวยโอกาสนั้นไว้ทันที “พ่อรู้พอๆ กับผมว่าไอ้คนที่มันรอดไป ตอนนี้กำลังเข้าตาจนเพราะต้องหนีตำรวจ หนีทั้งเราแล้วก็หนีทั้งแบ็กอัพที่เคยช่วยแต่สุดท้ายกลับแว้งมาฆ่าปิดปากมันเสียเอง”
บางทีคนจนตรอกที่สู้ยิบตาก็มีพิษสงร้ายกว่าคนมีอำนาจ เพราะคนสองประเภทที่ว่ามานี้ต่างกันตรงที่อีกคนกลัวตาย อีกคนสู้แค่ตาย
“ฉันรู้ แต่ฉันยังทำธุระของตัวเองไม่เสร็จ” ดิโน่คิดหาเหตุผลยื้อเวลาอยู่ในนิวยอร์กให้นานที่สุด
“งั้นบอกมา เดี๋ยวผมจะจัดการให้”
เหตุผลที่ไม่สามารถบอกใครได้นอกเสียจากคนที่ส่งออกไปสืบสาวราวเรื่องเพียงแค่สองคนนั้น ยิ่งลูกชายที่ยืนมองหน้าด้วยแววตาคาดคั้นนี้ยิ่งให้รู้เรื่องไม่ได้โดยเด็ดขาด
ท่าทางนิ่งเงียบของผู้เป็นพ่อทำให้คอนเนลิโอหัวเราะพรืดออกมาแล้วถามอีกครั้ง “นี่พ่อมีความลับกับผมงั้นเหรอ”
“ความลับอะไรเล่า ฉันก็แค่... อยากจะเจอฟอร์จูน่าอีกสักครั้ง ยังไม่ได้เลี้ยงอาหารสักมื้อเป็นการขอบคุณที่ช่วยฉันไว้เลย” จู่ๆ เหตุผลดังกล่าวก็ผุดขึ้นมาในสมอง
“แน่ใจ?” ย้ำถามเสียงสูง
“ฉันเป็นเพื่อนเล่นแกหรือไง” คนเป็นพ่อได้โอกาสตีสีหน้าเครียดกลบเกลื่อนพิรุธ “รู้เหตุผลแล้ว ก็เลิกสั่งฉันให้กลับซิซิลีเสียที”
“พ่อ... นี่มันใช่เวลาจะมาจีบสาวไหม” คอนเนลิโอลากเสียงยาว บอกด้วยน้ำเสียงติดรำคาญใจ มีหรือที่คนอย่างดอนดิโน่จะไม่รู้ว่าอันตรายอยู่รายรอบตัว แต่ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดครั้งนี้พ่อถึงไม่ยอมกลับไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยเช่นทุกครั้ง “ถ้าแค่เรื่องเทพีนำโชคล่ะก็ เดี๋ยวจะจัดการให้เอง อยากซื้ออะไรให้เธอก็สั่งจอร์โจ้ไว้ จะส่งให้ถึงมือเลย”
มันคงเป็นเหตุผลที่เบาโหวงและจัดการง่ายเกินไปสินะ ดิโน่อดคิดค่อนขอดตัวเองไม่ได้ เมื่อเห็นลูกชายหงายฝ่ามือขึ้นแล้วกระดิกนิ้วมือเข้าหาตัว เรียกคนสนิทให้เดินเข้ามาในห้อง
จอร์โจ้รีบเลื่อนประตูห้องแล้วเดินเข้ามารับคำสั่งเจ้านาย “ครับดอน”
“สั่งออกไปว่าดอนดิโน่จะบินกลับซิซิลีให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องเตรียมการให้พร้อม” คอนเนลิโอสั่งเพียงเท่านั้น คนสนิทก็รับคำอย่างขันแข็งแล้วก้าวออกไปจากห้อง แต่จนแล้วจนรอดปัญหาก็ยังไม่จบเมื่อร่างของผู้เป็นพ่อหันมาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ฉันดูแลตัวเองได้นะนีล บอดี้การ์ดออกเยอะแยะ แค่คนคนเดียวมันจะมาทำอะไรฉันได้” ดิโน่ยังมีเหตุผลสำคัญบางอย่างซึ่งไม่อาจเปิดเผยให้ใครรู้ และเขาต้องรอออกไปสักระยะหนึ่งจึงจะได้รับความคืบหน้า นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ต้องอยู่ในนิวยอร์กแต่กลับปริปากบอกเรื่องนี้ให้ลูกชายรู้ไม่ได้
ไม่บ่อยครั้งนักที่คุณพ่อวัยเจ็ดสิบห้าปีจะทำตัวไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจราวกับเด็กอายุสิบขวบซึ่งตอนนี้กำลังสร้างความประหลาดใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก คอนเนลิโอคิดในใจพร้อมยกมือข้างหนึ่งกอดอกอีกข้างลูบปลายคางของตนอย่างครุ่นคิด
“ไม่ใช่แค่ฟอร์จูน่าแล้วล่ะมั้ง พ่อต้องมีลับลมคมในอะไรอีกแน่ๆ” ถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้นทั้งยังหรี่ตาแคบมองอย่างไม่ไว้ใจ
มีลูกฉลาดเนี่ยมันน่าเบื่อหน่ายตรงที่รู้ทันความคิดไปเสียทุกเรื่อง ดิโน่คิดอย่างเข่นเขี้ยวใจ “ก็แค่เธอนั่นแหละ ที่ฉันต้องไปพบเธอเองก็เพราะรู้ว่าปากอย่างแกจะทำให้เธอโมโหมากกว่าดีใจที่ได้รับของขวัญจากฉันน่ะสิ”
พูดจบก็เดินดุ่มๆ ออกไปจากห้อง ใบหน้าของดิโน่นั้นบึ้งตึงเสียจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องหันไปสบสายตากันแม้ไม่เข้าใจในภาษาที่พ่อลูกใช้สื่อสารกันแต่ท่าทางที่ดิโน่แสดงออกมานั้นดูหงุดหงิดใจยิ่งนัก กระทั่งทนายความรวมไปถึงคู่แฝดคนสนิทของคอนเนลิโอยังมองตามร่างของผู้สูงวัยเป็นสายตาเดียวกัน
“ถ้าทำให้เธอไม่พอใจสักน้อยนิดล่ะก็ ฉันอัดแกอ่วมแน่ ดอนเวนโตล่า” คำขู่นั้นสิ้นสุดลงพร้อมๆ กับเสียงปิดประตูห้องส่วนตัว
เกิดความเงียบงันอยู่ชั่วอึดใจ สายตาทุกคู่ละจากประตูห้องนอนบานใหญ่แล้วหันมาจ้องมองที่มาเฟียหนุ่มแทน เขาจึงกระแอมแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเสียเอง ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามนายจะเข้าใจในคำขู่ของผู้เป็นพ่อ มาเฟียหนุ่มก็ไม่ใส่ใจเพราะมันเป็นเรื่องปกติที่พ่อลูกจะมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน
“เอาล่ะ ผมพร้อมแล้ว” คอนเนลิโอบอกแล้วเป็นฝ่ายเดินนำหน้าทุกคนลงไปยังชั้นล่างของแมนชั่น
การเดินทางไปให้ปากคำยังสถานีตำรวจนั้น ทนายความได้ทำความเข้าใจกับคอนเนลิโอถึงการตอบคำถาม ซึ่งในแต่ละคำถามนั้น หากทนายความเห็นว่าไม่เป็นผลดีต่อตัวของลูกความจะเข้าแทรกแซงในทันที นี่เป็นสิทธิอันชอบธรรมของทุกคนในดินแดนแห่งเสรีภาพนี้
“อย่างที่ทางเราได้แจ้งให้คุณทราบนะครับและขอย้ำว่าเป็นความจริงทุกประการ” เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ำ
“แล้วมันจะหายไปได้ยังไง” ดิโน่ถามพร้อมกับผายมือทั้งสองข้างออกมองเจ้าหน้าที่ตำรวจสลับกับลูกชายที่ผายมือทั้งสองข้างออกไม่ต่างจากท่าทีของผู้เป็นพ่อ แต่เพิ่มเติมคือการยกหัวไหล่ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับสีหน้ายียวน
“ถ้าคุณและคนของคุณยืนยันว่าเมื่อคืนนี้มีคนตายในลิตเติ้ลอิตาลีทั้งหมดห้าคน มีสี่คนนอนอยู่ที่เดิม ส่วนอีกคนคุณคิดว่าเขากลายเป็นศพแล้วหวังดีเอาตัวมาส่งไว้หน้าสถานีแล้วล่ะก็... มันไม่ใช่แบบนั้น” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสามคนอธิบายต่อ “จากเวลาที่คุณอ้างถึงกับตอนที่เราได้รับแจ้งเหตุว่าเกิดการยิงกันในลิตเติ้ลอิตาลีห่างกันไม่ถึงสองนาที ทีมของผมออกมาจากสถานีตำรวจโดยไม่พบร่องรอยผิดปกติอะไรสักอย่าง ไม่พบผู้ชายที่คุณอ้างถึง พบแค่ผู้ชายสี่คนตามที่พลเมืองดีแจ้งเท่านั้น”
“ความจริงแล้วการเคลื่อนย้ายศพถือเป็นความผิด คุณไม่ควร...” เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกคนกล่าวยังไม่จบประโยคด้วยซ้ำ เสียงห้าวของมาเฟียหนุ่มก็ดังขึ้น
“คุณพูดเองว่าเขายังไม่ตาย คนยังไม่ตายก็ไม่ถือว่าเป็นศพเพราะฉะนั้นข้อหานี้ตกไป”
“ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าที่นี่คือนิวยอร์ก ไม่ใช่ซิซิลี กรุณาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย”
สิ้นเสียงเตือนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดิโน่ก็ส่งสัญญาณให้เลโอเดินเข้ามารับคำสั่งใกล้ๆ รู้ดีว่าทนายความจำเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ ขณะที่คอนเนลิโอกำลังนั่งนิ่ง คิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพบว่าเขาพลาดไปสองเรื่อง นั่นคือน่าจะบีบแตรเรียกให้ใครสักคนในสถานีตำรวจออกมาเสียก่อน อีกเรื่องคือประมาทเกินไปที่คิดว่ามันตายแล้ว
...เลือดที่ไหลออกจากร่างนั้นแสดงว่ามันถูกยิงเข้าส่วนใดส่วนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ใช่จุดสำคัญ จากแรกที่คิดจะยืมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบประวัติพวกมันทั้งห้าคน แต่ตอนนี้การที่เขาพามันออกมาจากลิตเติ้ลอิตาลีกลับเป็นการเปิดทางให้มันเอาตัวรอดจากผู้บงการที่แท้จริง
“ระหว่างที่เรากำลังชันสูตรศพและตรวจสอบประวัติของชายทั้งสี่คน เชิญมิสเตอร์เวนโตล่าไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วย” บอกพร้อมกับโชว์หมายเรียกที่เตรียมการมาให้มาเฟียหนุ่มได้เห็นอย่างชัดเจน
“รอสักครู่ ทนายความของลูกชายผมกำลังเดินทางมาที่นี่” ดิโน่เป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นเสียเอง
“แหม... ตั้งใจจะเป็นพลเมืองดี ไหงตอนนี้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปซะอย่างนั้น” คอนเนลิโอตั้งใจยั่วโมโหของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่คิดจะตั้งข้อหาเคลื่อนย้ายศพให้แต่ไม่สำเร็จ “ว่าแต่พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าคนแจ้งความเป็นพลเมืองดี”
“เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นแล้วบังเอิญเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี”
“ถึงจะเป็นผู้หญิงก็น่าสงสัยไม่น้อยไปกว่าผมหรอก พลเมืองดีมีอยู่สองประเภท ประเภทแรกพูดเกินความจริง กับอีกประเภทคือพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว”
ถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามเริ่มประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วว่าเพราะเหตุใดกลุ่มเวนโตล่า มาเฟียแห่งเกาะซิซิลีนั้นถึงได้มีอิทธิพลนัก ตรงหน้านี้คือผู้นำที่ยังไม่ได้เห็นแววความตื่นตระหนกใดๆ เลย ตรงกันข้ามกลับมีวิสัยทัศน์ลึกล้ำ ละเอียดลออแม้จุดเล็กน้อยก็ไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ
แม้คำเตือนเมื่อครู่นี้เป็นความจริงอย่างที่สุด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของผู้ต้องสงสัยที่ควรเข้ามาก้าวก่าย “นั่นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไงเสียเราก็ต้องสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดอยู่แล้ว”
คอนเนลิโอพยักหน้ารับแล้วหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มียศสูงที่สุด “ระหว่างที่รอทนาย ผมขอคุยกับพ่อเป็นการส่วนตัว”
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวผายมือเป็นเชิงไม่ขัดข้อง คอนเนลิโอจึงเดินนำหน้าผู้เป็นพ่อไปยังอีกส่วนหนึ่งของห้อง ซึ่งมีจอร์โจ้เลื่อนปิดประตูไม้บานใหญ่ให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้านาย ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถมองเห็นอากัปกิริยาของพ่อลูกเวนโตล่าได้จากกระจกใสที่ติดไว้ครึ่งบนของประตู
“พ่อต้องกลับซิซิลีตอนนี้เลย” คอนเนลิโอบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันเป็นพ่อแก ถามหน่อยเถอะว่ามีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่ตอนที่ผมขึ้นเป็นดอนเวนโตล่า อย่าลืมว่าพ่อเป็น Consigliere นั่นก็หมายความว่าอยู่ภายใต้การปกครองของผมเหมือนกัน”
“ไอ้...” จะด่ายังด่าไม่ออก
คอนเนลิโอรีบฉวยโอกาสนั้นไว้ทันที “พ่อรู้พอๆ กับผมว่าไอ้คนที่มันรอดไป ตอนนี้กำลังเข้าตาจนเพราะต้องหนีตำรวจ หนีทั้งเราแล้วก็หนีทั้งแบ็กอัพที่เคยช่วยแต่สุดท้ายกลับแว้งมาฆ่าปิดปากมันเสียเอง”
บางทีคนจนตรอกที่สู้ยิบตาก็มีพิษสงร้ายกว่าคนมีอำนาจ เพราะคนสองประเภทที่ว่ามานี้ต่างกันตรงที่อีกคนกลัวตาย อีกคนสู้แค่ตาย
“ฉันรู้ แต่ฉันยังทำธุระของตัวเองไม่เสร็จ” ดิโน่คิดหาเหตุผลยื้อเวลาอยู่ในนิวยอร์กให้นานที่สุด
“งั้นบอกมา เดี๋ยวผมจะจัดการให้”
เหตุผลที่ไม่สามารถบอกใครได้นอกเสียจากคนที่ส่งออกไปสืบสาวราวเรื่องเพียงแค่สองคนนั้น ยิ่งลูกชายที่ยืนมองหน้าด้วยแววตาคาดคั้นนี้ยิ่งให้รู้เรื่องไม่ได้โดยเด็ดขาด
ท่าทางนิ่งเงียบของผู้เป็นพ่อทำให้คอนเนลิโอหัวเราะพรืดออกมาแล้วถามอีกครั้ง “นี่พ่อมีความลับกับผมงั้นเหรอ”
“ความลับอะไรเล่า ฉันก็แค่... อยากจะเจอฟอร์จูน่าอีกสักครั้ง ยังไม่ได้เลี้ยงอาหารสักมื้อเป็นการขอบคุณที่ช่วยฉันไว้เลย” จู่ๆ เหตุผลดังกล่าวก็ผุดขึ้นมาในสมอง
“แน่ใจ?” ย้ำถามเสียงสูง
“ฉันเป็นเพื่อนเล่นแกหรือไง” คนเป็นพ่อได้โอกาสตีสีหน้าเครียดกลบเกลื่อนพิรุธ “รู้เหตุผลแล้ว ก็เลิกสั่งฉันให้กลับซิซิลีเสียที”
“พ่อ... นี่มันใช่เวลาจะมาจีบสาวไหม” คอนเนลิโอลากเสียงยาว บอกด้วยน้ำเสียงติดรำคาญใจ มีหรือที่คนอย่างดอนดิโน่จะไม่รู้ว่าอันตรายอยู่รายรอบตัว แต่ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดครั้งนี้พ่อถึงไม่ยอมกลับไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยเช่นทุกครั้ง “ถ้าแค่เรื่องเทพีนำโชคล่ะก็ เดี๋ยวจะจัดการให้เอง อยากซื้ออะไรให้เธอก็สั่งจอร์โจ้ไว้ จะส่งให้ถึงมือเลย”
มันคงเป็นเหตุผลที่เบาโหวงและจัดการง่ายเกินไปสินะ ดิโน่อดคิดค่อนขอดตัวเองไม่ได้ เมื่อเห็นลูกชายหงายฝ่ามือขึ้นแล้วกระดิกนิ้วมือเข้าหาตัว เรียกคนสนิทให้เดินเข้ามาในห้อง
จอร์โจ้รีบเลื่อนประตูห้องแล้วเดินเข้ามารับคำสั่งเจ้านาย “ครับดอน”
“สั่งออกไปว่าดอนดิโน่จะบินกลับซิซิลีให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องเตรียมการให้พร้อม” คอนเนลิโอสั่งเพียงเท่านั้น คนสนิทก็รับคำอย่างขันแข็งแล้วก้าวออกไปจากห้อง แต่จนแล้วจนรอดปัญหาก็ยังไม่จบเมื่อร่างของผู้เป็นพ่อหันมาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ฉันดูแลตัวเองได้นะนีล บอดี้การ์ดออกเยอะแยะ แค่คนคนเดียวมันจะมาทำอะไรฉันได้” ดิโน่ยังมีเหตุผลสำคัญบางอย่างซึ่งไม่อาจเปิดเผยให้ใครรู้ และเขาต้องรอออกไปสักระยะหนึ่งจึงจะได้รับความคืบหน้า นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ต้องอยู่ในนิวยอร์กแต่กลับปริปากบอกเรื่องนี้ให้ลูกชายรู้ไม่ได้
ไม่บ่อยครั้งนักที่คุณพ่อวัยเจ็ดสิบห้าปีจะทำตัวไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจราวกับเด็กอายุสิบขวบซึ่งตอนนี้กำลังสร้างความประหลาดใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก คอนเนลิโอคิดในใจพร้อมยกมือข้างหนึ่งกอดอกอีกข้างลูบปลายคางของตนอย่างครุ่นคิด
“ไม่ใช่แค่ฟอร์จูน่าแล้วล่ะมั้ง พ่อต้องมีลับลมคมในอะไรอีกแน่ๆ” ถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้นทั้งยังหรี่ตาแคบมองอย่างไม่ไว้ใจ
มีลูกฉลาดเนี่ยมันน่าเบื่อหน่ายตรงที่รู้ทันความคิดไปเสียทุกเรื่อง ดิโน่คิดอย่างเข่นเขี้ยวใจ “ก็แค่เธอนั่นแหละ ที่ฉันต้องไปพบเธอเองก็เพราะรู้ว่าปากอย่างแกจะทำให้เธอโมโหมากกว่าดีใจที่ได้รับของขวัญจากฉันน่ะสิ”
พูดจบก็เดินดุ่มๆ ออกไปจากห้อง ใบหน้าของดิโน่นั้นบึ้งตึงเสียจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องหันไปสบสายตากันแม้ไม่เข้าใจในภาษาที่พ่อลูกใช้สื่อสารกันแต่ท่าทางที่ดิโน่แสดงออกมานั้นดูหงุดหงิดใจยิ่งนัก กระทั่งทนายความรวมไปถึงคู่แฝดคนสนิทของคอนเนลิโอยังมองตามร่างของผู้สูงวัยเป็นสายตาเดียวกัน
“ถ้าทำให้เธอไม่พอใจสักน้อยนิดล่ะก็ ฉันอัดแกอ่วมแน่ ดอนเวนโตล่า” คำขู่นั้นสิ้นสุดลงพร้อมๆ กับเสียงปิดประตูห้องส่วนตัว
เกิดความเงียบงันอยู่ชั่วอึดใจ สายตาทุกคู่ละจากประตูห้องนอนบานใหญ่แล้วหันมาจ้องมองที่มาเฟียหนุ่มแทน เขาจึงกระแอมแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเสียเอง ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามนายจะเข้าใจในคำขู่ของผู้เป็นพ่อ มาเฟียหนุ่มก็ไม่ใส่ใจเพราะมันเป็นเรื่องปกติที่พ่อลูกจะมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน
“เอาล่ะ ผมพร้อมแล้ว” คอนเนลิโอบอกแล้วเป็นฝ่ายเดินนำหน้าทุกคนลงไปยังชั้นล่างของแมนชั่น
การเดินทางไปให้ปากคำยังสถานีตำรวจนั้น ทนายความได้ทำความเข้าใจกับคอนเนลิโอถึงการตอบคำถาม ซึ่งในแต่ละคำถามนั้น หากทนายความเห็นว่าไม่เป็นผลดีต่อตัวของลูกความจะเข้าแทรกแซงในทันที นี่เป็นสิทธิอันชอบธรรมของทุกคนในดินแดนแห่งเสรีภาพนี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ