เกมวิวาห์เจ้าสาวมาเฟีย

8.0

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.33 น.

  15 ตอน
  1 วิจารณ์
  17.44K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559 11.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) เกมวิวาห์เจ้าสาวมาเฟีย ตอนที่ 2 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เสียงนาฬิกาปลุกจากอุปกรณ์สื่อสารของแต่ละคนดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ร่างของนักศึกษาฝึกงานสามคนซึ่งเช่าอพาร์ตเมนต์ในแมนฮัตตันยังพลิกตัวไปมาอยู่ใต้ผ้าห่ม มีเพียงกาบี้ที่ขุดตัวเองให้ลุกจากที่นอนก่อนเพื่อนๆ เช่นเคย ขนาดของห้องซึ่งไม่ได้กว้างขวางมากนัก ตั้งเตียงสองชั้นติดผนังไว้ ชายหนุ่มจึงต้องเสียสละให้เพื่อนทั้งสองคนนอนบนเตียง ส่วนตนนั้นปูฟูกนอนบนพื้น

          ‘ผู้หญิงอะไร ปากน่าจูบชะมัด’ แม้จะคิดในใจแต่รอยยิ้มที่เกิดขึ้นกลับเป็นสิ่งที่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว หนุ่มอิตาเลียนลอบมองเพื่อนนักศึกษาสาวชาวไทยซึ่งนอนหลับอยู่ไม่ไกล ในขณะที่สองมือพับฟูกแล้วสอดเข้าไปเก็บไว้ใต้เตียง

          จากแรกตั้งใจว่าจะเพ่งพิศใบหน้างดงามนั้นเช่นทุกวัน แต่ความรู้สึกที่มีให้พราวพุธนั้น เกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนไปมากนัก ทั้งในช่วงนี้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวมากขึ้น ไปทำงานพร้อมกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ที่สำคัญยังได้เห็นหน้าเธอทั้งก่อนนอนและตอนตื่นเช้า กาบี้จึงคิดว่าในเร็ววันนี้ตนคงต้องสารภาพความในใจออกไปให้พราวพุธได้รับรู้

          ใบหน้างดงามพลิกไปมาอยู่บนหมอนใบนุ่ม ถ้าลองได้จ้องลึกเข้าไปในดวงตาดำขลับนั้นใครบ้างจะไม่หลงวนเข้าไปในแววตาน่าค้นหาคู่นี้ นั่นยังไม่นับรวมริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อที่เหมือนเคลือบสีเอาไว้ตลอดเวลา

          ด้วยนิสัยใจคอที่ไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ ประกอบกับลูกล่อลูกชนในคำพูด ความคิดที่ทำให้กาบี้รู้สึกเหมือนต้องวิ่งตามตลอดเวลานั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าพราวพุธไม่ใช่ผู้หญิงสวยหวาน ไม่ได้อ่อนแอ ไร้กระดูกสันหลังแบบที่ผู้หญิงส่วนมากชอบใช้มารยาเหล่านี้กับผู้ชาย

          “ทำอะไรน่ะกาบี้” เสียงของโคโน่ที่ดังขึ้นอยู่เหนือศีรษะ ทำให้ฝ่ามือของกาบี้ชะงักค้างกลางอากาศ

          ดวงตาดำขลับของพราวพุธเปิดขึ้นมองตนราวกับสับสวิตช์ แน่นอนว่าแววตานั้นทำให้ต้องนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแหงนหน้ามองโคโน่ซึ่งชะโงกหน้าลงมาจ้องตาไม่กะพริบ สลับกับสีหน้าตั้งคำถามของพราวพุธ

          “ปะ...เปล่า ก็ฉะ...ฉันเห็นว่า” ตอบกระอึกกระอักแล้วต้องแหงนหน้าขึ้นสบสายตาโคโน่ รีบอธิบายการกระทำของตนก่อนที่เพื่อนสาวชาวญี่ปุ่นจะซักไซ้ไปมากกว่านี้ “พราวไม่สบาย เลยจะแตะหน้าผากดูว่ามีไข้ไหม เท่านั้นเอง”

          โคโน่เบ้ปาก ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อในคำพูดพลางขยับตัวลงบันไดปลายเตียง ในขณะที่พราวพุธชันตัวลุกขึ้นแล้วดึงเอาหมอนอีกใบมาซ้อนด้านหลังตนไว้

          “ไม่มีไข้แล้วล่ะ วันนี้คิดว่าจะไปทำงานแล้วด้วย” พราวพุธบอกและไม่ทันได้อธิบายอะไรต่อ เสียงของเพื่อนทั้งสองคนก็ค้านขึ้นเกือบจะพร้อมๆ กัน

          “ไม่ได้ เพิ่งไปหาหมอมาเมื่อวานเอง อะไรจะหายเร็วขนาดนั้น” โคโน่บอก

          “ห้ามไปทำงานเด็ดขาด ยังไงวันนี้เธอก็ควรพักผ่อนนะพราว” กาบี้เสริม

          “แต่ว่า...”

          “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ถ้าเธอยืนยันว่าจะไปทำงานล่ะก็ วันนี้ได้มีเรื่องกับฉันแน่ๆ” กาบี้ขู่ด้วยน้ำเสียงเอาจริง

          สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยนั้นยิ่งทำให้โคโน่ต้องปั้นหน้าเมื่อย แต่ยังเลือกที่จะไม่ใส่ใจแล้วหันไปคุยกับพราวพุธอีกครั้ง “พักสักวันเถอะ เมื่อวานนี้หัวหน้าก็ฝากมาบอกว่าให้เธอพักจนกว่าจะหายดี ถ้าไปทำงานก็อาจจะไปแพร่เชื้อให้คนอื่นเปล่าๆ แค่อย่าลืมส่งอีเมล์ใบลาไปให้เป็นเรื่องเป็นราวก็พอ”

          เหตุผลนั้นทำให้พราวพุธต้องพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ หากสายตากลับเหลือบไปเห็นเวลาจึงชี้นิ้วไปยังนาฬิกาที่ติดไว้บนผนังห้อง “ถึงหัวหน้าจะไม่ว่าที่ฉันลางานแต่พวกเธอไม่รอดแน่ๆ ถ้าไปทำงานสาย”

          จบคำพูดโคโน่และกาบี้ก็หันไปมองนาฬิกาที่ติดไว้บนผนังห้อง กาบี้จึงชันตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ท่าทางเช่นนั้นทำให้สองสาวหัวเราะร่วน เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำปิดลง พราวพุธจึงเอื้อมมือไปแตะบนท่อนแขนของเพื่อนในทันที

          “โคโน่ คืนนี้เจอกันที่คลับเลยนะ แล้วก็ไม่ต้องบอกกาบี้ให้รู้ด้วย ฉันขี้เกียจจะอธิบาย” พราวพุธมองเพื่อนด้วยแววตาขอร้อง

          “ความจริงพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวฉันคุยกับมิกิให้ ก็เธอไม่สบายจริงๆ” โคโน่กล่าวถึงมิกิ ซึ่งเป็นน้าของตน เดินทางจากเกียวโตมาตั้งรกรากอยู่ในนิวยอร์กหลายปีจนได้ทำงานในโรเซ่ วาเคชั่นคลับ

          มิกิสาวใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ เป็นเอ็กซ์คลูซีฟเมเนเจอร์ของโรเซ่ วาเคชั่นคลับ จึงมีอำนาจรับโคโน่และพราวพุธเข้าทำงานพาร์ทไทม์ในช่วงที่สองสาวอาศัยอยู่ในนิวยอร์ก

          พราวพุธส่ายหน้าทั้งยังเป็นฝ่ายจับฝ่ามือของโคโน่มาอังหน้าผากของตนเสียเอง “ตัวไม่ร้อน ไม่เจ็บคอ ไม่ปวดหัวตั้งแต่ฉีดยาไปเข็มหนึ่งแล้วละ”

          “ยาวิเศษหรือไงยะ ถึงได้หายเร็วขนาดนี้” แม้รู้สึกได้ตามที่เจ้าตัวบอก แต่โคโน่ก็อดที่จะถามอย่างประชดไม่ได้

          “ถ้าไปหาหมอตั้งแต่สองวันก่อนก็คงต้องลาพักแหละ แต่นี่ไปหาตอนเชื้อไวรัสในตัวฉันมันอ่อนแรงเต็มที เจอยาเข้าไปหนึ่งเข็มเชื้อมันเลยตายเรียบ” ปกติแล้วเธอก็เป็นไข้หวัดราวสองสามวัน ยิ่งได้ฉีดยารักษาด้วยแล้วยิ่งหายไวกว่าเดิม พราวพุธคิดในใจพร้อมเขย่าแขนเพื่อนให้เข้าใจตน “นะ... เธอก็รู้ว่าพนักงานเสิร์ฟที่คลับกำลังขาด ถ้าฉันหายไปอีกคนคงยุ่งแน่ๆ อีกอย่างเกรงใจมิกิด้วย”

          สีหน้าท่าทางสดใสขนาดนี้ใครบ้างจะไม่เชื่อว่าพราวพุธหายดีแล้ว เป็นเช่นนี้โคโน่ก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องเซ้าซี้อะไรอีก “เอาล่ะๆ ฉันไม่ใช่กาบี้นะถึงจะต้องยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้าง แค่บอกความจริงมาว่าเสียดายทิปก็จบแล้ว”

          พราวพุธมองค้อนเพื่อนที่รู้ทันความคิด แต่ก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อนั่นเป็นความจริงทุกประการ “หรือเธอไม่เสียดาย ทิปมากกว่าค่าจ้างในแต่ละวันด้วยซ้ำ”

          บทสนทนาของสองสาวต้องหยุดชะงักเมื่อประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของกาบี้ หนุ่มอิตาเลียนที่อยู่ในชุดพร้อมทำงาน

          “รีบๆ ไปแต่งตัวสิโคโน่” กาบี้บอกพลางส่องกระจกเงาที่ติดไว้ตรงกันข้ามกับประตูห้องน้ำพลางส่ายหน้าให้กับเพื่อนสาวชาวญี่ปุ่นซึ่งลุกจากข้างเตียงแล้วเดินลงส้นเท้าหนักๆ มายังห้องน้ำ ถึงอย่างนั้นยังไม่วายตะโกนไล่หลังเร่งให้เธอทำเวลา “ให้สิบนาทีนะ ถ้าช้ากว่านี้ฉันไปก่อนแน่ๆ”

          พราวพุธอมยิ้มพลางลดตัวลงนอนอีกครั้งหนึ่ง “รอโคโน่หน่อยน่า... ปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียว เดี๋ยวได้หลงทางหรอก”

          เรื่องจริงที่ทุกคนต้องใส่ใจ เมื่อสาวญี่ปุ่นคนนี้ดูแผนที่ไม่เป็นและหลงทิศตลอดเวลา แม้จะเป็นสาวโซเชียลมีเดีย ในโทรศัพท์มือถือมีทุกแอปพลิเคชันที่กำลังได้รับความนิยมก็ตามที ถ้าไม่อยากเสียเวลาย้อนกลับไปรับโคโน่ตามสถานที่ต่างๆ ก็ควรจะหนีบเธอไว้ข้างกายตลอดเวลา เห็นจะเป็นเรื่องดีที่สุด

          “ขู่ไปงั้นแหละ ถ้าไม่พูดอย่างนี้สิจะอ้อยอิ่งไม่เสร็จสักที เออ... แล้วนี่พราวจะกินมื้อเช้าเลยไหม เดี๋ยวจะเอาซุปครีมในตู้เย็นมาอุ่นให้” กาบี้ถามด้วยความเป็นห่วง

          “ว่าจะงีบต่ออีกสักชั่วโมง ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวฉันจัดการเอง” พราวพุธบอกพร้อมทั้งโบกมือห้าม ทว่ากลับมีอีกเรื่องหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองและปากก็ถามออกไปในทันที “กาบี้... ภาษาอิตาเลียนนี่ยากไหม”

          “ก็ไม่ยากนะ รากศัพท์ก็คล้ายๆ ภาษาสเปน โปรตุเกสอะไรเทือกๆ นั้น ถ้าเรียนจริงจังก็น่าจะใช้เวลาไม่ต่างจากที่เราเรียนภาษาสเปนหรอก” อธิบายพร้อมทั้งเลิกคิ้วมองคนถามด้วยความแปลกใจ “ถามทำไม อยากเรียนเหรอ”

          ทั้งสามคนเป็นนักศึกษาทุนมูลนิธิเด มาร์คอส เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาทุกรุ่นที่ในยามว่างนักศึกษาสามารถเข้าเรียนภาษาสเปน เพราะดีเอ็ม เทเลลิ้งก์นั้นมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงบัวโนส ไอเรสประเทศอาร์เจนตินา องค์กรนี้จึงใช้ภาษาสเปนและอังกฤษเป็นหลัก

          “อื้อ... มีความรู้สึกว่าอยากจะเรียน” ตอบสั้นๆ แต่เหตุผลในใจนั้นกลับยืดยาวจนไม่รู้ว่าความรู้สึกที่อยากสื่อสาร อยากเข้าใจในภาษาอิตาเลียนนั้นเกิดขึ้นได้เช่นไร ที่ร้ายไปกว่านั้นความโรแมนติกในสำเนียงพูดของผู้ชายคนนั้นยังส่งผลต่อความรู้สึกของเธออย่างคาดไม่ถึงและไร้ซึ่งเหตุผล แม้จะได้ยินเขาพูดเพียงประโยคสั้นๆ

          ทว่าคนฟังกลับยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นสีหน้าและรอยยิ้มของพราวพุธ จนคิดไปไกลว่าหญิงสาวอาจจะมีใจให้ตนบ้างกระมังถึงได้อยากเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับชนชาติของตนบ้าง

          “เอาสิ พราวอยากเรียนเมื่อไหร่บอกได้เลยนะ จะสอนให้สุดความสามารถเลย” กาบี้บอกพร้อมกับแสดงสีหน้าดีใจสุดชีวิต

          “สอนอะไรกันยะ” เสียงแหลมของโคโน่แทรกขึ้น ทำให้ทั้งสองหันไปยังต้นกำเนิดเสียงจึงได้เห็นสาวญี่ปุ่นกำลังยืนเท้าสะเอว มองกาบี้อย่างเอาเรื่อง “อ้าว! เร่งฉันยิกๆ เนี่ย ก็นึกว่าเรียบร้อยทุกอย่างแล้วทำไมยังไม่ใส่ถุงเท้ารองเท้าอีก”

          กาบี้ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแล้วเดินไปสวมถุงเท้ารองเท้าด้วยความรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจต่อมาก็เปิดประตูห้องออก ก่อนจะเดินออกไปยังไม่วายจะต่อล้อต่อเถียงกับโคโน่ซึ่งกำลังสวมรองเท้า “ยังไงฉันก็เสร็จก่อนเธอล่ะน่า...”

          “ชิ!” โต้กลับได้เพียงเท่านั้นแล้วหันมาล่ำลาเพื่อนซึ่งนอนหัวเราะอยู่บนเตียง “ไปแล้วนะพราว เจอกันคืนนี้”

          พราวพุธพยักหน้ารับพร้อมหย่อนสองเท้าลงจากเตียง เดินมาล็อกประตูอีกครั้งแม้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยของอพาร์ตเมนต์นี้จะต้องกดรหัสเป็นเลขห้าหลักทุกครั้งในการเปิดประตูห้อง แต่หญิงสาวก็ยังล็อกประตูในทุกแบบที่สามารถจะทำได้เพื่อความปลอดภัยของตน

          หลังจากล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว พราวพุธก็หาอาหารแบบง่ายๆ ให้ตัวเองด้วยการอุ่นซุปครีมสำเร็จรูปรับประทานคู่กับขนมปังสองชิ้นเป็นอันเสร็จสิ้นสำหรับมื้อเช้า จากนั้นจึงเปิดทีวีเพื่อรับฟังข่าวสารความเป็นไปในมหานครใหญ่แห่งนี้ในขณะที่จัดการทำความสะอาดห้องพักไปด้วย

          พราวพุธ สิริสกุล นักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เดินทางมาฝึกงานในบริษัท ดีเอ็ม เทเลลิ้งก์ สาขานิวยอร์ก ยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมของทวีปอเมริกาใต้และอีกหลายรัฐในสหรัฐอเมริกา

          ประธานที่ปรึกษาของบริษัทที่เธอฝึกงานอยู่นี้เป็นผู้ก่อตั้งและเจ้าของมูลนิธิ เด มาร์คอส ที่มอบทุนการศึกษาให้เธอและผู้เป็นพี่สาวได้เล่าเรียนจนจบในชั้นปริญญาตรี ซึ่งนักศึกษาของมูลนิธิฯ นั้น จะต้องเข้าทำงานในสาขาใดสาขาหนึ่งของดีเอ็ม เทเลลิ้งก์เช่นเดียวกับพอฤทัย ผู้เป็นพี่สาวซึ่งได้เดินทางไปยังกรุงบัวโนส ไอเรส ตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญา

          พราวพุธใช้เวลาราวสองชั่วโมงในการทำความสะอาดทั้งห้อง จากนั้นจึงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งให้ผู้เป็นพี่สาว

          Pround                  คุณพรีมมม เป็นไงบ้าง ถึงบัวโนส ไอเรสแล้วใช่ไหม ที่พักโอเครึเปล่า ดูปลอดภัยใช่ไหม ว่างๆ คุณพรีมถ่ายรูปมาให้พราวดูหน่อยนะว่าอยู่กินยังไง พราวเป็นห่วง

 

          พราวพุธกดส่งข้อความออกไปและรออยู่ชั่วอึดใจก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าพอฤทัยจะตอบกลับ จึงกดพิมพ์ข้อความอีกครั้ง

 

          Pround                 ส่วนพราวโอเคทุกอย่างทั้งที่พัก ที่ฝึกงาน แถมโคโน่ยังหางานพาร์ทไทม์ให้ทำได้แล้วด้วย ทิปดีมากมาย พราวจะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำก็คราวนี้ ถ้าว่างคุณพรีมตอบกลับด้วยนะ

 

          กดส่งข้อความอีกครั้งแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ ก่อนจะเดินหายเข้าไปทำภารกิจส่วนตัวในห้องน้ำ อดคิดไม่ได้ว่าพี่สาวจะเกิดเหตุติดขัดอะไรบางอย่างหรือไม่ เพราะปกติแล้วพอฤทัยจะเป็นฝ่ายส่งข้อความมาหาหรือโทรศัพท์ไถ่ถามหากกลับอพาร์ตเมนต์ผิดเวลา

          พราวพุธได้แต่หวังว่าพี่สาวจะยุ่งอยู่กับงานใหม่ ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ถึงได้ไม่มีเวลาเข้าเช็กข้อความ

          วันที่เธอเดินทางมาถึงนิวยอร์กยังได้รับข่าวร้ายจากทางบ้านว่าผู้เป็นพ่อนั้นล้มป่วยกะทันหัน เรื่องดังกล่าวทำให้พราวพุธร้อนใจยิ่งนัก หยิบจับทำอะไรไม่ถูก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หากหลายชั่วโมงต่อมาจึงได้รับข่าวดีว่าอาการพ่อนั้นปลอดภัยแล้ว จิตใจที่ถูกบีบคั้นมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงนั้นจึงเหมือนถูกปลดล็อก ทำให้เธอสามารถปฏิบัติภารกิจในชีวิตประจำวันของตนเองต่อไปได้

          ทว่านั่นเป็นเพียงความจริงในส่วนหนึ่งที่คนในครอบครัวตัดสินใจจะบอกกล่าวให้พราวพุธรับรู้เพียงเท่านี้ พิลาสินีและพอฤทัย พี่สาวคนโตและคนรองยังได้ตัดสินใจกระทำการบางอย่างเพื่อรักษาครอบครัวสิริสกุลเอาไว้ การเสียสละดังกล่าวไม่มีใครปริปากบ่นหรือบอกเล่าสิ่งที่ตนกระทำให้พี่น้องคนหนึ่งคนใดได้รับรู้ ต่างคนต่างยินดีแบกรับเอาภาระทุกอย่างไว้เสียเอง

          ยิ่งกับพราวพุธที่มีนิสัยดื้อรั้น วู่วามกว่าใครทุกคนในบ้านมีแต่จะคัดค้านหัวชนฝาหากรู้ว่าพิลาสินีและพอฤทัยได้ตัดสินใจกระทำการบางอย่างลงไป

         

************

เกมวิวาห์เจ้าสาวมาเฟียวางแผงแล้วนะคะ ใครไปงานหนังสือเสาร์-อาทิตย์ที่ 15-16 ตุลาคมนี้ อย่าลืมแวะทักทายศิริพาราที่บูธโรแมนติคนะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา