บันทึกปริศนา เรื่องลี้ลับของลิซ่า
เขียนโดย Jabberwocky
วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.29 น.
แก้ไขเมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2559 23.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ผ้าขาวที่แปดเปื้อน (บทกล่องของขวัญสีเลือด)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความถึงผมจะจำอะไรไม่ได้เลยก็เถอะแต่ว่ามันก็มีบางอย่างที่ทำให้ผมต้องประหลาดใจมากมาย คุณลิซ่าบอกว่าทั้งผมและสารวัตรถูกลบความทรงจำ และเธอจะทำให้ผมกลับมาจำได้อีกครั้ง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมเริ่มเวียนหัวไปหมด
ผมยังคงจ้องมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตักของผม กระเป๋าถือของผู้หญิงที่เคยมีหัวของคุณลิซ่าอยู่ข้างใน ถึงแม้ว่าหัวของเธอจะต่อติดกับร่างกายของเธอเรียบร้อยแล้ว แต่ผมก็ละสายตาจากแผลเย็บปราณีตที่คอของเธอไม่ได้เลยจริงๆ
“มีอะไรติดหน้าฉันหรอ อักษร”
“ปะ..เปล่าครับ”ผมรีบส่ายหน้าเมื่อเธอสังเกตเห็นผมจ้องมองเธอ
“ริบบิ้นสีเขียวแก่อันนั้นหายไปแล้วสินะ”
“ริบบิ้นงันหรอครับ”ใช่สิ หลังจากนั้นผมก็ไม่สังเกตเห็นมันอีกเลย
“นั้นเเหละเป็นสิ่งที่ฆ่าพวกเธอ ทั้งบันนี่และศาลิสา”
นำ้เสียงของเธอดูเศร้าผิดปกติทีเดียว ผมไม่เคยเห็นเธอเศร้าขนาดนั้นมาก่อนเลย หรือว่า...เธอเคยร้องไห้ไปแล้วในความทรงจำที่หายไปของผม
“เลี้ยวเข้าซอยนั้นไปเลย”คุณลิซ่าบอกทางสารวัตรที่กำลังขับรถอยู่ และไม่นานนักที่ขับรถตรงไปเรื่อยๆ เราก็มาถึงหน้าหมู่บ้านจัดสรรแห่งนึง
“ติดต่อหาใครครับ”
“บ้าน97/100 นางสกุณา มีชัยค่ะ”
“ครับ ขอแลกบัตรด้วยนะครับ”และสารวัตรก็ให้ใบขับขี่ของตัวเองให้ยามหน้าหมู่บ้านไป หลังจากที่ตรวจตัวรถและกระโปรงรถเสร็จ แล้วจู่ๆคุณลิซ่าก็เกิดสกิดใจอะไรบางอย่างขึ้นมา
“คุณยามคะ ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ”
“ครับ คุณผู้หญิง”เขาชะเง้อมองเธอจากกระจกข้างคนขับ
“ฉันอยากรู้ว่าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตอนช่วงเย็นๆ ใครไปที่บ้านของเธอบ้าง”
“ขอโทษนะครับ มันเป็นข้อมูลลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้”
เห็นแบบนั้นสารวัตรก็ควักตราตำรวจให้เขาดู ทำให้เขายอมกลับไปที่โต๊ะทำงานเพื่อค้นหาเอกสารการเข้าออกของรถบุคคลภายนอก
“นี้ครับ คุณตำรวจ”เขายื่นปึกเอกสารให้กับสารวัตร
“ขอบคุณครับ”
“เรื่องเล็กน้อยครับ”
แล้วเราก็ผ่านป้อมยามไป รถของเราผ่านสวนสาธารณะเล็กๆและบ้านจัดสรรหลายหลัง
“ที่นี่แหละ สารวัตร”
“เธอคิดว่าพวกเขาจะรู้เรื่องลูกสาวตัวเองรึยัง”
“ก็เหมือนกับพวกนายนั้นแหละที่ลืมเธอไปง่ายๆ”คุณลิซ่าพูดเสียดสีก่อนจะเปิดประตูลงจากรถด้วยท่าทางง่วนเงี้ยนเล็กน้อย นั้นคงเป็นเพราะฤทธิ์ของยาชาที่หลงเหลืออยู่นิดหน่อย สารวัตรตรงเข้าไปกดกริ่งหน้ารั้ว
“สารวัตร ปีนข้ามรั่วไปเลยเถอะ”
“เอาอย่างนั้นเหรอ”
“ที่นี่ไม่มีสัญญาณกันขโมย คราวที่แล้วถึงรั่วจะเปิดอยู่แต่นายก็พังประตูบ้านเข้าไปโดยไม่มีสัญญาณดังอะไร”
“งั้นเหรอ”แล้วสารวัตรก็ปีนรั่วเข้าไป ตามด้วยคุณลิซ่าและผม ผมก็รู้สึกหวั่นๆว่าจะมีเพื่อนบ้านแจ้งตำรวจรึเปล่า แต่ที่นี้ก็เงียบเชียบจนน่าขนลุกเลยทีเดียว
“คุณ...อะไรนะ”
“คุณสกุณากับภักดิเรก”
“คุณสกุณากับภักดิเรกครับ อยู่รึเปล่าครับ”สารวัตรเคาะประตูดังปั๊งๆๆๆแต่ก็ไม่มีใครตอบ
“เหมือนครั้งที่แล้ว พังเข้าไปเลย สารวัตร”
“ตามนั้นครับ”
“ดะเดี๋ยวสิ..ครับ”ไม่ทันที่จะห้ามปราม สารวัตรทีบประตูเข้าไปอย่างแรงและบุกเข้าไปข้างใน
“คราวนี้เราจะไม่แยกกัน พวกเราจะเช็คทุกห้องพร้อมๆกัน”
แล้วคุณลิซ่าก็เดินนำไปยังห้องรับแขก ห้องนำ้ ห้องนั่งเล่น และห้องครัว ไม่มีอะไรผิดปกติเลยซักนิดเดียว แต่ดูเหมือนว่าคุณลิซ่าจะเห็นอะไรบางอย่าง
“มีศพของสกุณาอยู่ตรงนี้”
“วะว่าไงนะครับ!?”แต่ตรงหน้าผมก็แค่ห้องครัวที่ทุกอย่างอยู่เป็นระเบียบเรียบร้อยเท่านั้น
“แล้วเราจะเห็นสิ่งที่เธอเห็นได้ยังไง” เธอเดินไปรอบห้อง เหมือนเดินหลบข้าวของล่องหน ผมก็เลยลองเดินสำรวจดูบ้าง แต่ก็เหมือนกับเท้าของผมเดินเหยียบอะไรหลายอย่าง
“โอ้ยยย!”ผมร้องขึ้นมาก่อนที่จะยกเท้าของตัวเองขึ้นมาดู อะไรน่ะผมเลือดออกด้วย
“นายเดินเยียบแก้วที่แตกน่ะ”
“แสดงว่าถึงเราจะมองไม่เห็นภาพจริงเราก็สามารถสัมผัสมันทางกายภาพได้สินะ”
“ถูกต้องแล้วล่ะ สารวัตร ภาพมายาสามารถบดบังประสาทสัมผัสการได้ยิน การมองเห็น และการดมกลิ่นได้ แต่ก็ไม่สามารถบดบังประสาทที่ไวที่สุดอย่างประสาทสัมผัสได้”
ผมเคยเห็นในหนังว่ากล่องสามารถถ่ายติดวิญญาณได้ถึงแม้ทางวิทยาศาสตร์จะอ้างว่าเป็นเพราะแผ่นฟีล์มเสียหรือเป็นการตกแต่งภาพในphotoshopก็ตาม แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าถ้าผมลองถ่ายที่ตรงนี้แล้วจะติดอย่างที่ผมเห็นรึเปล่า
ผมควักมือถือขึ้นมาแล้วเปิดโหมดกล้อง ผมตกตะลึงจนแทบจะหงายหลังไปเลยทีเดียว
“ผะ..ผมเห็นแล้วครับ!!”
“ฮืม?”สารวัตรทำหน้างง ”นายเห็นได้ยังไง อักษร”
“กล้องมันไม่มีทางโกหก...”พูดเสร็จเขาก็หยิบโทรศัพท์มีอถือขึ้นมาดุบ้างและตกตะลึงเหมือนกัน
ภาพที่ผมเห็นผ่านหน้าจอมือถือขนาดเท่าผ่ามือนี้ คือร่องรอยของการทะเลาะตบตีกันอย่างบ้าคลั่ง ข้าวของกระจัดกระจาย รอยรองเท้าและเลือด ผู้หญิงที่ถูกมีดหั่นหมูที่คาไว้บริเวณคอหอยแสดงการเฉีอนจากซ้ายไปขวา เธอนั่งจมกองเลือดสีแดงสด เหมือนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้
“เธอน่าจะตายมาได้สี่ห้าชั่วโมงก่อนหน้านี้”สารวัตรพูดหลังจากที่เดินเข้าไปตรวจศพผ่านมือถือจอเล็กๆนั่น
“อย่างที่ฉันคาดไว้เลย ความสามารถของเทคโนโลยียุคใหม่”คุณลิซ่ายิ้มอย่างซะใจ ”เอาล่ะ เราเริ่มตรวจสอบที่นี่แบบจริงจังซักทีเถอะ”
แล้วผมก็ได้เห็นสภาพที่แท้จริงของบ้านที่ก่อนหน้านี้ดูสงบสุขกลายเป็นสภาพบ้านที่หดหู่เกินคาด ภาพคู่ของสามีภรรยาที่ถูกฉีกเป็นเสียงกลางห้องนั่งเล่น โต๊ะกินข้าวที่พังพินาศ และ...ศพของเด็กหญิงคนนึงที่นอนอยู่บนเตียง
“น่ะนี่น่ะหรอ...น้องบันนี่...”
“ใช่..”เธอพูดพรางปัดแมลงวันที่เริ่มตอมร่างไร้วิญญาณของเด็กคนนี่
“คราวนี้แหละ ฉันก็จะได้ทุกอย่างแล้ว”
คุณลิซ่านั่งยองและค้นกระเป๋านักเรียนของเธอและโต๊ะทำการบ้าน มันมีรูปถ่ายมากมายเลย แต่ก็มีเพียงไม่กี่รูปที่ช่วยเราได้
“ถึงเธอจะถ่ายรูปกับผู้คนมากมายแต่ภาพที่มีเด็กหน้าเดิมๆก็มีอยู่ไม่กี่รูป รูปนี้น่าจะดีที่สุด”
เธอมองดูรูปที่ถ่ายเซลฟี่ด้วยกันหกคน เด็กที่นอนตายบนเตียงด้านหลังผม บันนี่อยู่ตรงกลางและน่าจะเป็นคนถ่ายด้วยตัวเอง และยังมีหน้าของเด็กที่ประสบอุบัติเหตุรถชนคนนั้นด้วย รู้สึกจะชื่อศาลิสา เธอยืนอยู่ถัดจากเธอ
“ฉันจำนังเด็กที่เรียกตัวเองว่านักดาบองค์รักษ์ได้แล้วก็...นังเด็กที่ตามติดยัยเอแคลต้อยๆ แต่ว่าไม่มี..พืมพาอยู่ในรูปแฮะ..”
“หมายคราวว่ายังไงครับ”
“ก็พิมพาเป็นหนึ่งในกลุ่มนี่นา ทำไมถึงไม่มีรูปเธอเลย”
“บางทีเธออาจไม่ชอบถ่ายรูปก็ได้นะครับ”
“ก็อาจจะเป็นไปได้”แล้วเธอก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “อักษร เธอได้ลองตรวจตู้เสื้อผ้าดูรึยัง”
“ยังเลยครับ”
จากนั้นคุณลิซ่าก็รีบตรงไปยังตู้เสื้อผ้าที่ประดับด้วยประตูไม้อ่อน เธอเลื่อนเปิดมัน และเราก็เจอกับเด็กที่หายสาบสูญจนได้
“อืออออออ!!”เธอยังมีชีวิตอยู่แต่เธอถูกมัดเอามือไขว้หลังและขาทั้งสองข้างก็เช่นกัน เราช่วยกันแก้มัดเธอและเอาผ้าสีขาวออกจากปากของเธอ
“เธอเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ช่วยหนูด้วยนะคะ หนู..หนู...”
“ใจเย็นๆก่อนนะ เธอปลอดภัยแล้วนะ”ผมพูดด้วยเสียงอ่อนโยน ผิดกับคุณลิซ่าที่ไม่สนใจใยดีเด็กคนนี้เอาซะเลย
“เธอเป็นใคร ตอบฉันมาสิ!”
“หนูชื่อหมูค่ะ อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ”
“คุณลิซ่าครับ!”ผมพยายามพูดเตือนเธอหยุด
“มีตำแหน่งอะไรในห้อง เธอเป็นอาชีพอะไร”
“คนเลี้ยง..คนเลี้ยงหมูค่ะ”
“คนเลี้ยงหมู?เธอมาทำอะไรที่นี่”
“หนู...ถูกจับตัวมาที่นี่...น่ะ..หนู...ผู้ชายคนนึง...”
“ผู้ชาย เจ้าของบ้านนี้รึเปล่า”
“หนูได้ยินเสียงดังโครมรามในบ้านนี้ ก็เลยเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ล่ะ..แล้วเมียของเขา...เขาฆ่าเมียของเขา...”
“เป็นฝีมือของภักดิเรกเองเหรอเนี้ย คงเพราะปัญหาเรื่องชู้สาวอีกแน่”
“พ่อแม่เธอล่ะ ทำไมถึงไม่แจ้งตำรวจ”
“พวกเขาไม่อยู่บ้าน...พวกเขาไปทำงาน”
“พ่อแม่สมัยนี้นี่มันแย่เกินไปรึเปล่า”
คุณลิซ่าพูดจบก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปข้างนอก ก่อนจะหันกลับมามองที่น้องหมูอีกครั้งด้วยสีหน้าสับสน
“เมื่อวันพฤหัสเธอได้ไปโรงเรียนรึเปล่าน่ะ” คำถามนั่นก็ทำให้ผมเข้าใจสิ่งที่คุณลิซ่าสงสัยในทันที ว่าหมูทำท่าเหมือนไม่เคยเห็นเธอมาก่อน ทั้งที่เธอน่าจะอยู่ที่โรงเรียนและเคยเห็นคุณลิซ่าแล้ว
และคุณลิซ่าเองก็ไม่เคยเห็นเธอมาก่อนด้วย
“มะ..ไม่ได้ไปค่ะ หนูไม่ได้ไปตั้งแต่วันพุธแล้ว หนูไม่สบาย”
“เข้าใจแล้ว ไม่เป็นไร”แล้วเธอก็เปลี่ยนเรื่อง “เธอรู้จักเด็กพวกนี้ใช่มั้ย”
คุณลิซ่ายื่นรูปเซลฟี่ใบนั้นให้กับเธอ เธอทำหน้างงและสับสนเอามากๆ
“หญิง...โมโม่...บันนี่...อิ่ม...แล้วก็แมรี่..”
“เธอจำได้งั้นเหรอ?”
“ค่ะ..หนูจำได้”
“เธอเกิดวันอะไร”
“เอ๋?”
“วันเกิดของเธอตรงกับวันอะไร”
“19 กุมภา...วันจันทร์..”
“เอ๊ะ?”ทั้งผมและคุณลิซ่ามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ พวกเรานึกว่าทุกคนในกลุ่มของเธอ เกิดไล่เลี่ยกันและจะเป็นเป้าหมายเหมือนๆกัน
“เธอ...ไม่ได้กล่องของขวัญที่มีโบอันใหญ่ติดอยู่ใช่มั้ย”
“กล่องของขวัญงั้นเหรอคะ ไม่มีหรอกค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ความคิดของคุณลิซ่าก็...”
“จะเป็นใครก็ได้ในห้องป.4/5...”
“เอ๋?พวกคุณรู้ได้ยังไง ทั้งเรื่องตำแหน่งอาชีพ ห้องของหนู เพื่อนของหนู”
“ไว้จะเล่าให้ฟังนะ มันค่อนข้างจะยาว”
แล้วเราก็พาเด็กออกจากห้องนอนของน้องบันนี่เมื่อเธอมองไปยังเตียง เธอก็กรีดร้องลั่น
“บันนี่!!!!นี้มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ”
“ใจเย็น อย่ามองนะ”
“บันนี่!!!บันนี่!!!โธ่!!”
เธอร้องไห้ดังลั่นจนเราต้องรีบออกมาจากบ้านหลังนี้ เพื่อไม่ให้เธอต้องมาเห็นอะไรแย่ๆอีก แต่ดูเหมือนว่าสารวัตรจะมายืนสูบบุหรี่รอพวกเราข้างนอกนานแล้ว
“ฉันว่าพวกเธอควรไปเช็คที่หลังบ้านดูซักหน่อยนะ”
“หลังบ้านหรอ?”ผมสงสัยในคำพูดของสารวัตร ทำให้ผมกับคุณลิซ่าอ้อมเข้าไปที่บริเวณแคบๆที่ถูกถมด้วยปูนจนหมดและดูเหมือนจะมีที่เก็บอุปกรณ์งานสวนอยู่ข้างซิ้งนำ้ เหมือนตอนแรกมันถูกล็อกกุญแจเอาไว้แต่อาจถูกสารวัตรตีออก คุณลิซ่าค่อยๆเปิดประตูนั้นอย่างช้าๆ
“นี้คงเป็นเด็กที่หายสาบสูญตัวจริงสินะ...”
“อึก!!”
ร่างของเด็กสาวถูกมัดขึงไว้ด้วยเชือกและถูกของแหลมทิ่มแทงทั่วร่างกายของเธอ เป็นภาพที่ทำห้ผมหดหู่ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
“กรี๊ดดดดดดดด!”เสียงแหลมของหมูดังขึ้นด้านหลังของเรา เธอมองเห็นมันเหมือนกับที่ผมมองเห็นโดยไม่ต้องใช้กล้องมือถือถ่ายอีกต่อไป
“พวกเธอต้องไม่เชื่อฉันแน่ ฉันเจอกล่องของขวัญหลายหลากสีถูกซ่อนอยู่ในฮีบเสื้อผ้าในห้องนอนของพวกเขา โบนั่น...ยังไม่ได้ถูกดึงออก"
“ค่ะ..คนร้ายคือ...คุณภักดิเรกหรอ?เรื่องทั้งหมดนี่”
คุณลิซ่าเริ่มเดินไปทั่วและคิด คิด และคิด ถึงความเป็นไปได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“เป็นไปได้รึเปล่า...ที่ชู้ของภักดิเรก..จะเป็นแม่มด”
“ชู้กับแม่มดหรือครับ?!”
“แม่มดน่ะจะทำเสน่ห์ยังไงก็ได้...เหมือนกับเพลงนั้นไงอักษร Double, double, toil and trouble”
“เพลงที่คุณลิซ่าร้องในคาบดนตรีนั้นน่ะหรอครับ”
“นายจำตอนนั้นได้ด้วยหรอ”
“ครับ แต่ว่า...มันก็ไม่ค่อยปะติดปะต่อเท่าไร คือ...เอ่อ...”ผมนึกยังไงก็นึกไม่ออก มันทำให้ผมเริ่มปวดหัวและคลื่นใส้เหมือนกำลังเมารถเมาเรือ
“ไม่เป็นไรอักษร ขัดขืนไปก็มีแต่จะเจ็บตัว ปล่อยให้มันค่อยๆกลับมาน่ะดีกว่า”
“เธอน่าจะถูกฆ่าในวันอังคารนั่นแหละ ซึ่งแสดงว่าไอมนต์บังตาคงอยู่ได้แค่ประมาณสี่ห้าวันเท่านั้น ใช่มัยลิซ่า”
“น่าจะอย่างนั้น แต่ว่าถ้าทำถึงขนาดนี่ได้ก็เป็นขบวนการแล้วล่ะ การร่วมมือของคนหลายคน”
“มนุษย์กับแม่มด..ร่วมมือกัน”
“เอาเป็นว่าเรียกตำรวจให้มาในวันพรุ่งนี้และแจ้งความจับนายภักดิเรกด้วย เรามีเวลาอีกไม่มากแล้ว หรือก็คืออีกแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น”
“แล้วเราจะกลับไปที่โรงเรียนมั้ยครับ”
“แน่นอน ในช่วงหลังเลิกเรียนแบบนี้อาจเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะฆ่าเพื่อนร่วมชั้นของตัวเองก็ได้”
“พะเพื่อนร่วมชั้น อย่าบอกนะครับว่าคุณลิซ่าก็สงสัยเด็กน่ะ”
“อักษร นายรู้จักฆาตกรที่น่ารักที่สุดมั้ย”
“ฆาตกรที่น่ารักที่สุด?”
“นัทสึมิ ซึจิ อายุ 12 ปี ฆ่าเพื่อนหญิงร่วมชั้นเรียนของเธอโดยการปาดคอด้วยมีดคัตเตอร์ และกรีดหลังมือเพื่อนจนเห็นกระดูก”
“น่ะ..นั่นมัน...”
“เพราะงั้นไม่ว่ายังไงจะอายุเท่าไร จะดูเป็นเด็กดีแค่ไหน ก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ในสถานการณ์แบบนี้”
คำพูดที่ทิ้งท้ายให้ผมก่อนเดินจากไปทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้องเลย เด็กที่เปรียบเหมือนผ้าขาวนั่นคิดฆ่าเพื่อน ฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง ผมก็เคยอ่านเจอมาเยอะ แต่ว่ามันก็..ไม่น่าเชื่ออยู่ดี
“แล้วเด็กนี่เป็นใคร”สารวัตรถามเมื่อเห็นหมูที่กำลังอยู่ในอาการช็อกอยู่
“เด็กจะช่วยเราไขคดีนี้ได้ยังไงล่ะ เธอจำได้หมดทุกอย่าง”
“ถ้าอย่างนั้นเด็กนั่นก็รู้ว่าศพนั่นคือใครใช่มั้ย”
“อย่าหาประโยชน์จากเธออย่างเดียวได้มั้ยครับ!!”ทำไมทั้งคุณลิซ่ากับสารวัตร..ถึงได้มองเธอเป็นแค่หลักฐานชิ้นนึงแบบนั้นกัน “เห็นใจเธอบ่างสิครับนั่นเพื่อนของเธอถูกฆ่านะครับ!!”
“แต่ถ้าเราไม่รีบเพื่อนคนต่อๆไปของเธอก็ต้องตาย มันคุ้มแล้วหรอ”
“แต่ว่า...”การเถียงคุณลิซ่าให้ชนะมันไม่เคยง่ายเลย
“เราจะพาเธอไปที่โรงเรียนด้วย เข้าใจรึเปล่าหมู”
น้องหมูยืนตัวเเข็งทำอะไรไม่ถูกแต่ก็พยักหน้าหงึกๆด้วยนำ้ตาที่คลอเบ้า พวกเรารีบกระโดดขึ้นรถเพื่อไปยังโรงเรียนธิดาวิทยา คุณลิซ่าก็ยังคงเค้นคำตอบจากหมูไม่เลิก
“เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเธอได้ไปงานเลี้ยงวันเกิดของบันนี่สินะ”
“ไม่ค่ะ..”
“แต่เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นใช่มั้ย เล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“คือว่า...”เธอถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “เรานัดกันในห้องนำ้ว่าจะไปฉลองกันที่บ้านบันนี่ตอนหกโมง แต่ว่าหนู..มีเรียนพิเศษก็เลยจะไปช้าหน่อย หนูกลับมาถึงบ้านประมาณหนึ่งทุ่ม เพราะเราบ้านติดกันก็เลยจะเปลี่ยนเสื้อแล้วเดินไปทีหลัง จู่ๆหนูก็ได้ยินเสียงกรี๊ดของบันนี่...”
“แล้วมีอะไรที่แปลกๆเกิดขึ้นใช่มั้ย”
“หนูรีบวิ่งลงไปที่หน้าบ้านนั้น แล้วจากนั้นหนูก็ได้ยินเสียงเพลง...เพลงอะไรซักอย่าง หนูกลัวมากก็เลยกลับบ้านแล้วไม่ไปที่นั่น”
“นอกจากเธอแล้วเขาชวนใครไปบ้าง”
“หญิง แมรี่ อิ่ม แล้วก็โมโม่”
“แค่นี้หรอ”
“อืม”เธอพยักหน้าเบาๆ
“งั้นก็ต้องมีคนมาแทนเธอในงานวันเกิดและจากนั้นเรื่อยมา แต่ว่า...กลุ่มเธอไม่ได้มีกัน..เจ็ดคนหรอ”
“ไม่ว่าใครก็อยากเป็นเพื่อนกับบันนี่ทั้งนั้น.. แต่ว่าเรา..สนิทกันแค่หกเท่านั้น”
“งั้นก็หมายความว่า...ไม่อิงก็เป็นพิมพา”
“พิมพาอยู่ห้องเดียวกับหนูก็จริง แต่ว่าอิง..อยู่คนละห้อง”
“งั้นหรอ..”
ก็เป็นไปอย่างที่คุณลิซ่าบอกเธอเป็นตัวช่วยสำคัญมากสำหรับคดีนี้ ถ้าไม่มีเธอเราก็ไม่มีทางรู้เลยว่าจะทำยังไงต่อไปและถ้าช้ากว่านี้คนที่จะต้องตายก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
ไม่นานนักตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้วเราก็มาถึงหน้าโรงเรียน รั่วมันก็ยังคงเปิดอยู่เป็นปกติของอาจารย์ประจำที่ต้องกลับบ้านช้า
“ขอโทษนะครับ”ยามของโรงเรียนเคาะกระจกหน้ารถเรา
“ผมอาจารย์อักษรที่เป็นอาจารย์พิเศษน่ะครับ พอดีลืมของน่ะครับ”ผมชูป้ายบัตรประจำตัวครูให้ยามดู
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”แล้วเขาก็ปล่อยให้เขาเข้าไปจอดรถอย่างง่ายดาย
“ฉันกับหมูจะไปเช็คที่ห้องเรียน นายกับสารวัตรไปค้นโต๊ะทำงานของสังคมและอย่าลืมเอาไอเอกสารรูปถ่ายที่ได้จากตำรวจหญิงผึ้งอะไรนั่นมาด้วยล่ะ”
“เอ๋?ค้นโต๊ะอาจารย์สังคม? เอกสารจากตำรวจหญิง?”
“เอาเป็นว่าก็ค้นโต๊ะตัวเองด้วยนั่นแหละน่า”
หลังจากที่คุณลิซ่าแบ่งกลุ่มอย่างอารมณ์เสีย เราก็ตรงไปที่อาคารแผนกประถม ผมกับสารวัตรเราไปกันที่ห้องพักครูศิลปะที่อยู่ชั้นบนสุดและคุณลิซ่ากับหมูก็ไปกันที่ชั้นสี่
มันมืดมากและมีไฟจากป้ายชี้ทางหนีไฟและแสงโดยรอบจากโครมไฟเท่านั้น ที่ให้ความสว่างในตอนนี้ ผมอยากจะเปิดไฟใจจะขาดแต่ว่าถ้าทำแบบนั้นก็อาจถูกตามตัวเจอได้
“สารวัตรเมธี...รู้จักกับคุณลิซ่าได้ยังไงหรือครับ”ผมเริ่มชวนคยขณะที่กำลังขึ้นบันได
“มันนานเกินกว่าที่ฉันจะจำแล้วล่ะ”
“มะ..หมายความว่ายังไง..คุณ...”
“นายคิดว่าฉันเป็นแบบลิซ่าหรอ เปล่าหรอกก็แค่เจอกันตอนฉันยังอยู่โรงเรียนตำรวจน่ะ”
“โห้ว..นานเหมือนกันนะครับ”
“ยี่สิบกว่าปีได้ล่ะมั้ง”
“แล้วเป็นไงมาไงหรอครับ”
“ยัยนั่นปลอมตัวมา ก็เลยรู้จักกัน”
“จากนั้นมาก็เลยทำงานร่วมกันตลอดเลยสินะครับ”
โดยที่ไม่ได้ตอบอะไร เขาก็หยุดยืนและพิงกำแพงเหมือนกับเห็นใครบางคน ผมชะเง้อมองบ้าง
ปรากฎว่าห้องศิลปะไฟเปิดอยู่ ซึ้งก็เป็นเรื่องที่แปลกเลยเพราะผมจำได้ว่าทุกๆคนออกมาจากห้องพักครูกันหมดแล้วและยังโดนถามให้ไปร้องคาราโอเกะด้วยกันอยู่เลยด้วย
“ไปสิอาจารย์”สารวัตรหันหน้ามามองผม นั่นก็แปลว่าผมต้องไปเคลียร์ทางให้ก่อนตามหน้าที่
ผมหายใจเข้าลึกๆเพื่อดับอาการตื่นเต้นของตัวเองและเดินตรงไปที่นั่น พอผมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นอาจารย์สังคมกำลังนั่งหันหลังอยู่ที่โต๊ะของเขา เขากำลังงุ่นง่านกับอะไรบางอย่างอยู่
“อะ..อาจารย์สังคม”ผมทักเขาก่อน เมื่อเขารู้ตัวเขาก็รีบหยุดการกระทำของเขาทันที
“ครูอักษรนี้เอง..มีอะไรครับ”
“ผมมาเอาของน่ะครับ แล้วคุณล่ะครับ”
“เออ...ก็ไม่มีอะไรหรอก แล้วน้องลิซ่า เธอ...เป็นยังไงบ้าง”
“ก็..ดีครับ...”ผมรู้สึกตะหงิดๆกับเขาขึ้นมาอย่างที่คุณลิซ่าบอกแล้วสิ
แล้วผมก็เดินไปที่โต๊ะของผมที่ดูไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ก็ผิดปกติ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนโต๊ะของผมโดนลื้อและจัดวางให้เป็นระเบียบอีกที ผมรีบค้นดูว่ามีอะไรหายหรือเอกสารที่คุณลิซ่าพูดถึงรึเปล่า
ปั๊งงงงงง!!!
เสียงปืนดังลั่นจนทำให้หูของผมมีเสียงวิ้ง ผมรีบมองเหตุการณ์ตรงหน้า เหมือนว่าสารวัตรจะกระโจนเข้ามาในห้องและรวบตัวของอาจารย์สังคมแทบจะทันที มีดในมือของเขาหล่นลงกับพื้น และในที่สุดหูของผมก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“ปล่อยนะโว้ยยยยย”อาจารย์สังคมร้องลั่นขณะที่ถูกกดลงกับพื้น และสารวัตรก็ใส่กุญแจมือให้อาจารย์อย่างรวดเร็ว เขาพาตัวอาจารย์สังคมนั่งลงกับเก้าอี้
“อะอาจารย์สังคม..คุณจะทำอะไรน่ะครับ”
“ก็ฆ่ามึงไง มึงเห็นกูถือมีดมาไหว้มึงหรอ”
“พะ...เพื่ออะไรกันครับ ทั้งหมดนี่ทั้งเด็ก...ทั้งคุณลิซ่าก็ด้วย..”
“เพื่ออะไรงั้นเหรอ...หิๆๆๆๆๆๆฮะๆๆๆๆๆๆ”
แล้วอาจารย์สังคมก็หัวเราะลั่นอย่างกับคนบ้า ผมไม่คิดเลยว่าเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ฆ่าเด็กๆ คนที่วางแผนร่วมกับแม่มด
“บอกความจริงมาซะ โทษหนักจะได้เป็นเบา”
“โห้ววว..โทษงั้นเหรอ ติดคุกงั้นเหรอ ประหารงั้นเหรอ กูไม่กลัวอะไรแบบนั้นหรอกโว้ย นังแม่หนูนั่นเป็นใครแค่เห็นก็รู้อยู่แล้ว เป็นวัตถุดิบชิ้นดีเลยทีเดียว ที่จะสร้าง”เธอ”ขึ้นมาอีกครั้ง”
“เธอ...เธออะไร”
“อุ๊สส..My lips are sealed ฮะๆๆๆๆๆๆ”
“หนอยแน่ะแก...”สารวัตรดึงคอเสื้อของเขาขึ้นมาและต่อยเข้าที่ท้องอย่างแรง “จะพูดดีๆหรืออยากเจ็บตัวกัน ฮะ!!”
“สะ..สารวัตร!!”
“ตอบมาเดี๋ยวนี้!!”
“ตอบหรอ..หิๆๆๆๆ ตอบไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก เหยื่อสังเวยของวันนี้กำลังจะฆ่าตัวตายแล้ว”
“เหยือของวันนี้หมายความว่า!?”
“Happy Birthday to you….”
ในขณะนั้นผมก็รู้สึกโหวงๆถึงคำพูดอันมั่นอกมั่นใจของเขา ผมรีบเดินออกไปจากห้องพักครูโดยปล่อยให้สารวัตรคุมตัวอาจารย์...ไม่สิเขาไม่ใช่อาจารย์อีกต่อไปแล้ว คุมตัวสังคมไม่ให้หนีได้ ผมมองขึ้นไปตรงชั้นด่านฟ้าที่มีโคมไฟช่วยให้มองเห็นเด็กหญิงคนนึงที่กำลังเปิดกล่องของขวัญอยู่
“หยุดนะ อย่าเปิดมันนะ”ผมตะโกนขึ้นไปหาเธอแต่เธอก็ไม่ได้ยิน ผมเลยตัดสินใจที่จะขึ้นบันไดหนีไฟไปยังด่านฟ้า
“หยุดอยู่ตรงนั้น!!”
“เอ๋?ครูอักษรหรอคะ”
“เธอ...โมโม่ใช่มั้ย” ผมจำเธอได้จากภาพถ่ายเซลฟี่ที่ผมได้เห็น “เธอมาทำอะไรที่โรงเรียนดึกๆแบบนี้”
“ครูสังคมได้รับโทรศัพท์จากพ่อหนู ว่าเขาไม่ค่อยว่าก็เลยฝากครูเขาไปส่งหนูน่ะค่ะ แต่ว่าครูเขายังต้องจัดการงานก่อน หนูก็เลยต้องรอ”
เขาโกหก...แต่โมโม่เชื่อสนิทใจเลย เหมือนที่ผมเคยนับถือเขาเป็นครูที่ดีคนนึง
“โมโม่ฟังครูนะ อย่า...เปิดมัน วางมันลงซะ”
“พ่อฝากครูให้หนูเป็นของขวัญวันเกิดทำไมหนูจะเปิดดูไม่ได้ล่ะคะ”
ผมมองไปยังกล่องของขวัญสีฟ้าในมือของเธอ ผมกลัวว่ามันจะเป็นเหมือนกรณีของน้องบันนี่ที่เจอเครื่องใน ผมนึกไม่ออกเลยว่าข้างในมันจะมีอะไรแต่รู้แค่ต้องแย่มากแน่ๆ
“เธอเชื่อครูสังคมไม่ได้ เขาไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด”
“คะ..ครูพูดอะไรคะ ทำไมครูทำท่าทางแปลกแบบนั้น”
“เชื่อครูเถอะ ครูมาเพื่อช่วยเธอ”
“ครูอักษร...”เธอเริ่มเดินถอยห่างจากผมเรื่อยๆ เป็นธรรมดาที่เธอจะต้องเลือกเชื่ออาจารย์ที่เธอรู้จักมานานมากกว่าอาจารย์ใหม่ที่พึ่งมาแบบผม
“เอาเป็นว่าให้ครูดูก่อนนะ”
“ไม่เอาค่ะ!!”แล้วเธอก็รีบวิ่งชนผมเพื่อหนีไปยังบันไดหนีไฟที่อยู่ด้านหลังของผม
“คุณลิซ่า!!”ผมเรียกชื่อของเธอให้ดังเท่าที่จะดังได้ในขณะที่ตัวของผมเซ
เมื่อผมกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง ผมก็เริ่มออกตัววิ่งตามเธอไป บันไดขั้นต่อขั้น
“คุณลิซ่ามาช่วยทางนี้ที!!”
ตอนนี้ผมไล่เธอจนลงมาที่ชั้นสี่ ด้วยความมืดเเป๊บเดียวผมก็คลาดสายตาจากโมโม่ไปอย่างไม่ตั้งใจ แต่ผมก็รู้ว่าเธอต้องหนีไปได้ไม่ไกลแน่ หรือไม่ก็ไปยังห้องเรียนของเธอ เมื่อผมตัดสินได้แล้วผมก็รีบตรงไปที่ห้องป.4/5และผมได้เจอกับคุณลิซ่าและหมูยังอยู่ที่นั่น
“คุณลิซ่าครับ”ผมพูดหอบเอามือทาบกำแพงด้วยความเหนื่อย
“อักษรหรอ”เธอเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องในมือของเธอมีเอกสารรายชื่อนักเรียนและปากกาเเดง ส่วนหมูก็นั่งบนโต๊ะนักเรียนเปิดไฟฉายเปิดดูหนังสือขนาดใหญ่
“คะ..คือว่าโมโม่..”
“โมโม่หรือคะ” ทันทีที่หมูได้ยินชื่อนี้เธอก็เงยหน้ามองผมทันที “เกิดอะไรขึ้นกับเธอคะ”
“เธอได้ของขวัญแต่ยังไม่เปิดหรือเเกะริบบิ้นออก เธอคือเหยื่อของวันนี้ ทั้งหมดเป็นฝีมือของสังคม...” แล้วคุณลิซ่าก็หยุดชะงักก่อนที่จะเดินฉับมาหาผม
“แล้วทำไมนายถึงไม่ตามเธอไปล่ะ ฮะ!?”ใบหน้าของเธอดูโกรธเอามากๆ
“ขอโทษครับเพราะว่ามันมืดมาก ก็เลย...”
“โธ่เอ้ย!! อะไรกันนักกันหนาเนี้ย”
เธอขยี่ผมของเธอหรือเรียกว่าดึงเลยก็ว่าได้ เธอทุบสวิทไฟเพื่อเปิดไฟโดยไม่สนใจอีกแล้วว่าใครจะสงสัยหรืออะไร เธอเลิกสนใจทุกอย่างเท่าที่จะเลิกได้ แล้วเธอก็หันไปหาหมู
“เด็กแบบเธอเนี้ย เขาชอบไปซ่อนกันที่ไหนน่ะ”
“หะห้องนำ้ล่ะมั้ง..คะ”เธอตอบแบบกล้าๆกลัวๆหลังจากที่เห็นท่าทางหงุดหงิดสุดๆของคุณลิซ่า
“แล้วสารวัตรล่ะ”
“ฝะ..เฝ้าสังคมอยู่ครับ”
“อื่ม..ดีจริงๆ”เธอถอนหายใจ”หมู เก็บของทุกอย่างที่เราหากันใส่กระเป๋าไปด้วย”
“กระเป๋า...”เธอทำหน้างง
“ก็ไอที่แขวนอยู่ตรงเก้าอี้นั่นแหละ เทของของในออกไปให้หมดเลย”
“แต่ว่ามันเป็นของคนอื่น...”
“ช่วยไม่ได้ไม่รักษาของเองนิ”
เธอมองหน้าคุณลิซ่าแบบเหวอ ก่อนจะทำตามที่คุณลิซ่าบอก เสร็จแล้วเธอก็สะพายกระเป๋าใบนั้นและปิดไฟก่อนจะตรงมาหาพวกเราที่อยู่หน้าห้อง
“เอาล่ะค่ะ เสร็จแล้ว แล้วไงต่อ”หมูทำหน้าเซ็ง
“งั้นก็เริ่มกันที่ห้องนำ้เถอะ”
ห้องนำ้ของอาคารนี้อยู่ชั้นล่างสุด น่าจะดีถ้าผมส่งข้อความให้สารวัตรเผื่อไว้ แต่แย่ตรงที่ผมไม่มีเบอร์ของเขานี่แหละ จะถามคุณลิซ่าไปก็คงไม่รู้เพราะเธอไม่ใช้โทรศัพท์ ผมชักรู้สึกเป็นห่วงทางฝั่งสารวัตรเมธีแล้วสิ
และในที่สุดเราก็มาถึงหน้าห้องนำ้ที่อยู่ใต้อาคาร มันดูน่ากลัวใช่ย่อยทีเดียว พวกเราก็มายืนอยู่ข้างหน้าห้องนำ้หญิงที่มืดสนิท
“ผะ..ผมต้องเข้าไปด้วยมั้ยเนี้ย”
“แน่นอนสิ ฉันไม่ปล่อยให้นายเสียความทรงจำอีกรอบนึงหรอก”
“ครับ...”แล้วเธอก็เดินนำเข้าไปก่อนตามด้วยหมูและผม
“โมโม่!เธออยู่นี่ใช่มั้ย นี่ฉันเองนะหมู..”หมูเรียกเพื่อนของเธอ “ฉันรู้เธอกลัวนะแต่ว่าพวกเรามาช่วยเธอ ทั้งคุณลิซ่าแล้วก็คุณอักษรด้วย”
แต่ไม่มีเสียงตอบรับ นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธออยู่ที่นี่หรือไม่อยู่ เธอไปอยู่ที่ไหนกัน ในขณะที่ผมมองไม่เห็นอะไรเลย ผมก็เปิดไฟให้สว่างและมองหาร่องรอยว่ามีใครมาที่นี่บ้าง
และผมก็สังเกตเห็นรองเท้าเล็กสีดำอยู่ที่ขอบประตูของห้องสุดท้าย ผมรีบไปตรงนั้นและพยายามเปิดมัน
“โมโม่ใช่มั้ย โมโม่”ผมพยายามอย่างหนักที่จะเคาะประตูและพยายามพังมันเข้าไป
“โมโม่ นี่หมูนะเปิดประตูหน่อย!!”
“โมโม่!!”
เงียบเกินไป ผมมั่นใจว่าเธออยู่ในนั้นแน่แต่ว่าขอแค่อย่าทำอะไรโง่ๆก็พอ ผมเลยตัดสินใจที่จะถีบประตูเข้าไป แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมคือร่างไร้วิญญาณของเธอที่นั่งกอดหัวของผู้ชายวัยกลางคนไว้แน่น
“โมโม่!!!!”หมูกรีดร้องกับเพื่อนที่จากไปของเธอ ผมรู้ว่ามันทำใจยากเมื่อต้องเห็นเพื่อนสนิทถึงสามคนตายในวันๆเดียว แต่เธอก็เข็มเเข็งมากเช่นกัน
“เธอขาดอากาศหายใจตาย ที่ช่องหลอดลมของเธอมีการอักเสบเรื้อรัง ท่าทางว่าเธอจะเป็นโรคหอบหืด มาเจอของแบบนี้อาการก็เลยกำเริบ” คุณลิซ่ามองดูข้างในปากของเธอและสรุปการตายอย่างง่ายดาย ซึ่งข้างๆก็คือกล่องของขวัญสีฟ้าและฟาที่ถูกเปิดออก ผมหยิบมันพลิกดูด้านบน
“มันไม่ถูกแกะออกแต่เธอ..ก็ตาย..” ผมมองดูริบบิ้นที่ยังติดอยู่กับฝากล่อง สังคมจะต้องชดใช้เรื่องนี้ จะต้องชดใช้ทุกสิ่งที่มันได้ทำ!
คุณลิซ่าขมวดคิ้วเหมือนเธอสัมผัสบางอย่างได้ เธอมองไปที่กระจกและยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“ฉันจะเรียกบัดดี้แมรี่มาคุยด้วยซักหน่อย”
“หา?บลัดดี้แมรี่”ผมตกใจทันทีที่เธอเอ่ยชื่อนั้นออกมา
“อักษรไปหาเทียนและลากทั้งไอแก่สังคมและสารวัตรมาที่นี่ด้วย”
“ส่วนหมู เธออยู่นี่แหละ เช็ครายชื่อรุ่นเธอในหนังสือรุ่นต่อ”
“ค่ะ...”แล้วเธอก็เดินไปเปิดไฟดวงที่อยู่กลางห้องและนั่งลงกับพื้นทำสิ่งที่ต้องทำต่อ ส่วนคุณลิซ่าก็เอามือยันอ่างล้างมืออย่างเหนื่อยหน่าย ผมว่าผมควรจะต้องรีบแล้วล่ะ
คราวนี้ผมเลือกที่จะขึ้นลิฟท์แทนเพราะมันเร็วกว่าและสบายกว่า ผมก็เคยเห็นในหนังบ่อยครั้งเลยว่าคนขึ้นลิฟทืคนเดียวตอนกลางคืนแบบนี้มักจะโดนผีหลอก แต่ว่าความรู้สึกกลัวผีของผมมันก็ไม่เหลือเลยหลังจากที่ต้องเจอกับเรื่องต่างๆมากมายนี่ ไม่ทันที่ผมจะได้พักอะไรผมก็กลับมายังชั้นหกที่มืดมิดนี้อีกครั้ง
ผมรีบเดินกลับไปที่ห้องพักครูศิลปะอีกครั้ง สารวัตรก็ยังคงสอบปากคำแบบใช้กำลังกับสังคมต่อ
“สารวัตร”พอเขาสังเกตเห็นผมเขาก็หยุดต่อยหน้าของสังคมที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ ตอนนี้ผมไม่มีความอาลัยอาวรอะไรกับผู้ชายคนนี้อีกต่อไปแล้ว
“อักษร เป็นไงบ้าง”ผมเดินไปเอาเทียนตามที่คุณลิซ่าบอกก่อนจะพูดด้วยนำ้เสียงที่เหนื่อยล้า
“ไปกันเถอะครับ พาเขาไปด้วยคุณลิซ่าอยู่ที่ห้องนำ้ใต้ตึกนี้แหละครับ”
เมื่อสังคมได้ยินก็เงยหน้ามองผม เบิกตาโตอันแสนแดงก่ำ เขาเหมือนกับกำลังปกป้องอะไรบางอย่าง
“อย่าบอกนะครับว่า...เธอที่คุณว่า หมายถึงบลัดดี้แมรี่”
“ไม่ใช่หล่อน หล่อนมันตัวอันตราย หน่อนมันตัวอันตรายยยยย!!”
ผมไม่เข้าใจเลยว่าเขาหมายความว่ายังไงตัวอันตรายสำหรับตัวเขาเอง หรือพวกเรา หรือ...ทุกคน แต่ไม่รอช้าสารวัตรก็เข็นเก้าอี้ที่สังคมถูกมัดติดไว้ออกจากห้องตรงไปที่ลิฟถ์ แล้วเราก็ลงจากชั้นหกกันโดยไม่ได้พูดอะไรกัน
“ปล่อยกู ปล่อยกู..”เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวของสังคมดังตลอดทางที่มืดมิดจนมาถึงห้องนำ้หญิง พวกเราเข้าไปพร้อมๆกัน ทันทีที่สังคมเห็นหน้าของคุณลิซ่า เขาก็คำราม
“เป็นไปไม่ได้นี้แก...ทำไมแกถึงไม่มีริบบิ้น..ทำไมแก...”
เมื่อหมูเห็นคนที่กระทำทุกๆอย่าง เธอลุกขึ้นร้องไห้โฮแล้วเข้าไปทุบตีอย่างเหลืออด
“เอาเพื่อนๆของฉันคืนมาาาา เอาเพื่อนๆของฉันคืนมานะ ไอฆาตกรรรรร!! เอาเพื่อนๆของฉันคืนมานะ เอาคืนมา เอาคืนมาาาาา” ก่อนที่เธอจะอารวาดไปมากว่านี้ผมอุ้มตัวเธอให้ออกจากผู้ชายคนนั้น ผมพาดเธอกับไหล่ของผมและตบหัวเธอเบาๆเพื่อปลอบเธอ
คุณลิซ่าที่เอาแต่มองกระจกก็ชายตามองมาที่สังคมที่นั่งหน้าซีดทำอะไรไม่ถูก
“ท่าทางว่าจะผิดหวังสินะ ที่ฉันไม่ตายน่ะ”
“ปะ..เป็นไปได้ยังไง..น่ะนี่มัน..”
“ในคาบขับร้องประสานเสียง แกเล่นฉันไว้แสบมากเลยนะ ไม่คิดว่าจะใช้เสียงดนตรีในการสะกดจิตได้เลย สะกดจิตเด็กๆให้ดำเนินชีวิตไปอย่างที่แกต้องการ แล้วดำเนินแผนการอย่างแยบยน แต่กลับมาพลาดท่าเด็กที่ป่วยไปโรงเรียนไม่ได้นี่สิ”เธอยิ้มอย่างผู้ชัยชนะ
“อักษร เอาเทียนมาซิ... “
ผมยื่นเทียนเล่นนึงที่ไปเอามาจากห้องศิลปะให้เธอ ทันทีที่เธอจุดไฟด้วยนิ้วของเธอไฟที่เคยสว่างอยู่บนเพดานก็ดับลงเหมือนตั้งใจ ไม่รู้ทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกเหมือนเซลล์ประสาททุกอย่างในร่างกายของผมมันชาไปหมด ไม่มีความรู้สึกกลัว โกรธหรืองุนงงใดๆอยู่ในตัวผมเลย มีแต่ความรู้สึกที่ว่างเปล่า
จากนั้นเธอก็เริ่มพิธีเรียกบลัดดี้แมรี่ออกมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ