Sacred Light ภัยแห่งลัทธิแสงศักดิ์สิทธิ์

-

เขียนโดย สิงหาศัพท์

วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.27 น.

  9 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 12.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) สาวน้อยจากเมืองหลวง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     วันเริ่มปีการศึกษาใหม่เริ่มต้นจากคำพูดประโยคนี้

     “เอ้าๆ รีบกลับไปนั่งที่ได้แล้ว ใครช้าจะให้วิ่งรอบสนามเพิ่มห้ารอบในคาบพละ ไม่ได้พูดเล่นนะ”

     ไม่มีการทักทายช่วงเช้า ไม่มีอรุณสวัสดิ์ใดๆ ทั้งนั้น ทันทีที่เสียงกริ่งแรกของภาคเรียนใหม่ดังขึ้น ประตูหน้าห้องถูกเปิดอย่างรุนแรง แล้วเสียงรองเท้าผ้าใบย่ำบนพื้นกระเบื้องก็ดังขึ้นถัดจากนั้น เมื่อเห็นใบหน้าอันบึ้งตึงของอาจารย์ประจำชั้น… หรือน่าจะเป็นอาจารย์ประจำชั้น นักเรียนที่พูดคุยแลกเปลี่ยนความทรงจำในช่วงวันหยุดก็รีบกลับไปนั่งที่โต๊ะเรียนของตัวเอง แล้วนักเรียนทั้งสามสิบคนก็กล่าวสวัสดีอาจารย์อย่างพร้อมเพรียงกัน

     “เหยาะแหยะมาก หยุดเรียนไปนานร่างกายเลยฝ่อหมดแล้วเหรอ หรือเอาแต่เล่นสนุกจนนอนดึกเลยไม่มีแรง เวลาพูดก็หัดพูดให้ดังกว่านี้หน่อย” เสียงอันเด็ดขาดของอาจารย์ประจำชั้นดังขึ้น แต่ไม่มีนักเรียนคนใดทำตาม กลับมีคนแอบหัวเราะด้วยซ้ำ เพราะพวกเขารู้ว่าจะเกิดอะไรต่อ สังเกตจากสายตาที่ลำบากใจของอาจารย์

     “…ก็อะไรประมาณนี้มั้ง ไม่ได้เจอกันตั้งสามเดือนคงมีคิดถึงกันบ้างสินะ ถ้าใครคิดถึงอาจารย์ก็ขอให้ยกมือขึ้น…… ไม่มีเลยเหรอ น่าเศร้าเหลือเกินนะ ถ้าอย่างนั้นก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เราไม่ได้เจอกันตั้งสามเดือน ใครเป็นใครก็จำไม่ค่อยได้แล้ว ฉันอยากให้พวกเธอออกมาแนะนำตัวให้ฟังเสียงดังฟังชัดทีละคน แล้วก็บอกด้วยว่าปิดภาคเรียนไปทำอะไรกันมาบ้าง เริ่มจากเธอก่อนเลย เครเซล”

     มีเสียงหัวเราะดังขึ้นเล็กๆ เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังเมื่อไม่มีใครยกมือตามที่ถูกเรียก แต่แล้วเสียงนั้นก็กลายเป็นการกลั้นหายใจเฮือกใหญ่ของนักเรียนทั้งห้อง นักเรียนหญิงที่ถูกเรียกชื่อทำสีหน้าไม่เข้าใจ ก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเองกับเพื่อนร่วมห้องที่รู้จักกันดีตั้งแต่ปีก่อน เรียงตามลำดับไปทีละคน

     “ไม่อยากเปิดเทอมเลย เลื่อนไปอีกสักปีได้ไหม ขอให้ร่างกายกับจิตใจได้พักสักหน่อยเถอะ…”

     นักเรียนชายที่นั่งอยู่เกือบท้ายห้องบ่นกับตัวเองระหว่างที่เพื่อนกำลังแนะนำตัวอยู่ ก่อนจะปล่อยหาวออกมาหนึ่งครั้ง แต่เดิมก็ไม่ชอบวันเปิดภาคเรียนอยู่แล้ว ยิ่งต้องแบกสังขารมาเรียนหลังจากที่เพิ่งช่วยเก็บกวาดครั้งใหญ่หลังงานเทศกาลจบลงเมื่อห้าชั่วโมงก่อน เมื่อกี้ก็เพิ่งหลับกลางอากาศระหว่างพิธีปฐมนิเทศ

     มันไม่เข้าท่าสักนิดที่เด็กม.5 ยังต้องเข้าร่วมพิธีด้วย แต่เมื่อนึกถึงนักเรียนหญิงม.6 ที่เข้านอนหลังจากเขา แต่ก็ยังตื่นมาปลุกเขาที่ยังนอนเซาอยู่บนที่นอน มันทำให้เขาไม่กล้าคิดอะไรอีกเลย

     จนกระทั่งผ่านมาถึงคิวของเขา

     “…แนะนำตัวได้ดี ต่อไปก็เป็นเอเดรียนสินะ รีบลุกมาได้แล้ว ถ้ายังง่วงนอนก็ค่อยมาเรียนพรุ่งนี้ดีไหม”

     อาจารย์เรียกชื่อของเอเดรียนที่กำลังเหม่อลอย เสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมห้องปลุกเขาขึ้นมาจากความคิด เอเดรียนจึงรีบเดินไปหน้าห้องแล้วเริ่มแนะนำตัว แต่เสียงแรกที่ออกมากลับเป็นการหาวที่ยาวนานจนเรียกเสียงหัวเราะได้มากกว่าเดิม หลังจากที่พูดชื่อกับสิ่งที่ได้ทำในช่วงปิดภาคเรียนจนจบ เขาก็โค้งศีรษะพอเป็นมารยาทแล้วรีบเดินกลับไปที่โต๊ะเรียน โดยครั้งนี้ตั้งใจว่าจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ แล้วจะไม่เงยขึ้นมาอีกจนกว่าชั่วโมงโฮมรูมก่อนเริ่มเรียนจะจบลง

     ผ่านไปหลายนาที นักเรียนคนสุดท้ายก็แนะนำตัวเสร็จ แล้วก็ไม่มีใครเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่พวกเขาต้องลุกขึ้นไปพูดเลยสักคนเดียว

     “เป็นการแนะนำตัวที่ดี ทำได้ดีมาก คราวนี้พวกเธอคงอยากรู้สินะว่าทำไมฉันถึงให้พวกเธอแนะนำตัวกัน พวกเธอก็รู้จักกันมาตั้งหนึ่งปีแล้วใช่ไหม ความจริงฉันก็จำพวกเธอได้ครบทุกคนนั่นแหละ โดยเฉพาะเธอ… ปีนี้ผลการเรียนของเธอจะทำประวัติศาสตร์ใหม่อีกไหม” อาจารย์พูดได้ตรงประเด็นมาก นั่นเป็นคำถามในใจของนักเรียนทุกคนในตอนนี้ แต่คำพูดหลังจากนั้นที่มุ่งเป้ามายังเอเดรียนทำให้เขาอายม้วน อาจารย์ประจำชั้นเดินออกไปที่ประตูหน้าห้อง เขากวักมือสองครั้งก่อนจะเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้เขาเดินกลับไปยืนประจำที่โดยมีอีกคนหนึ่งเดินตามมาด้วย

     “เหตุผลทั้งหมดก็เพราะ เด็กคนนี้ยังไงเล่า”

     เอเดรียนที่ได้ยินคำพูดนั้นเงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่ห้วงความคิดจะถูกสะกดพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆ

     คนที่ยืนอยู่กับอาจารย์ประจำชั้นร่างกำยำก็คือ เด็กสาวที่มีใบหน้างดงาม เป็นสิ่งที่ไม่มีทางพบได้เลยในเมืองแห่งนี้ แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นของเธอยิ่งกว่านั้นก็คือ เส้นผมที่ทอประกายเป็นสีเงินเรียบสวย ดวงตาสีฟ้า และตัวหนีบผมรูปกางเขนสีทองที่เข้ากับเธอได้อย่างน่าอัศจรรย์

     สิ่งที่เห็นทำให้เพื่อนผู้ชายส่งเสียงร้อง “โอ้!” แล้วเพื่อนผู้หญิงก็เปล่งเสียง “โห!” ตามมาทีหลัง นั่นคือชุดที่ดูมีระดับ ชายกระโปรงยาวคลุมเข่าแหวกด้านข้างจากเอว สวมทับกางเกงจักรยานสีดำ เป็นเครื่องแต่งกายที่หรูหราต่างจากพวกเขาที่สวมเสื้อผ้าสามัญชนโดยสิ้นเชิง

     “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เด็กคนนี้จะเข้ามาเรียนกับพวกเธอ หวังว่าพวกเธอจะเป็นเพื่อนที่ดีกับนักเรียนใหม่คนนี้ได้ ไหนเธอลองแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ของเธอหน่อยสิ” อยากเอาเสียงทุ้มๆ ของอาจารย์ออกไปให้เหลือแต่นักเรียนคนนั้นเหลือเกิน นั่นไม่ใช่ความคิด มีนักเรียนคนหนึ่งพูดอย่างนั้นจริงๆ เด็กสาวผมเงินยิ้มรับอย่างสดใส เป็นรอยยิ้มที่เปล่งประกายจนหลอมสีหน้าไม่ชอบใจของอาจารย์ประจำชั้นให้กลายเป็นเครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่งของเธอไปเลย แล้วเธอก็กล่าวทักทายกับเพื่อนทุกคนว่า

     “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อลูน่า ลูเทอร์ร่า เพิ่งย้ายมาจากเมืองหลวงเมื่อวานนี้เองค่ะ ฉันได้ฟังทุกคนแนะนำตัวเมื่อครู่นี้แล้วค่ะ ทุกคนใช้ช่วงเวลาปิดภาคเรียนได้น่าสนุกจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่รังเกียจในตัวฉันที่ย้ายมาจากเมืองหลวง ช่วยแนะนำเมืองที่น่าสนุกนี้ให้ฉันได้รู้จักด้วยนะคะ หลังจากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัว โปรดรับฉันเป็นหนึ่งในเพื่อนของทุกคนด้วยนะคะ” แล้วเธอก็โค้งคำนับ

     ลูน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ประกอบกับการวางตัวอันสง่างามแต่ไม่ลืมที่จะเหลือช่องว่างให้ผู้อื่นเข้าแทรกได้ เพิ่มเสน่ห์ให้เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ หลงใหลในตัวเธอได้อย่างไม่อยากเย็น ยกเว้นเอเดรียนที่ยังคงมองเธออย่างเหม่อลอย ไม่ใช่ว่าเขาหลงในใบหน้าอันงดงามของเธอ แต่ว่าเป็นเส้นผมที่เปล่งประกายเป็นสีเงิน เขาจำได้ว่าเคยเห็นมันมาก่อน โทนสีใกล้เคียงกันเลย แต่กลับจำไม่ได้แล้วว่าเคยเห็นที่ไหน เขาเหม่อไปไกลจนไม่ได้ยินเสียงปรบมือให้กับเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่

     นั่นเป็นการแนะนำตัวที่ไม่มีที่ติ เพียงแค่นั้นก็ดึงดูดทุกความสนใจมาที่เธอได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าลูน่ายังมีสิ่งที่ต้องการพูดอยู่อีก ใบหน้ายิ้มแย้มจบลงตรงนั้น เมื่อเธอสูดหายใจเข้าไปใหม่ เสน่ห์ของเด็กสาวจากเมืองหลวงก็หายไปแทบทั้งหมด

     “ถึงอย่างนั้น มีอยู่พวกหนึ่งที่ฉันจะไม่เป็นเพื่อนด้วยเด็ดขาดค่ะ” น้ำเสียงของลูน่าแข็งขึ้น “ทุกคนคงกำลังสงสัยว่าฉันย้ายมาเรียนที่นี่ทำไมใช่ไหมคะ เหตุผลก็เพราะฉันได้ยินมาว่ากำลังจะมีแม่มดเข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้ในปีนี้ ฉันยังไม่รู้ว่าแม่มดคนนั้นเรียนอยู่ห้องไหน หรือแม้แต่จะเข้าศึกษาที่โรงเรียนนี้จริงหรือเปล่า ถ้าใครทราบเบาะแสของแม่มด หรือคนที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นแม่มดก็ช่วยบอกฉันด้วย หลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ในส่วนของฉันเอง แค่นี้ล่ะค่ะ”

     คำพูดหยาบกระด้าง หางเสียงแทบไม่มีเลย กระทั่งสีหน้าและการวางตัวก็ต่างจากเมื่อครู่นี้เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที บรรยากาศที่เริ่มไม่เข้าท่าทำให้เสียงของเพื่อนร่วมห้องค่อยๆ เบาลง จนสุดท้ายก็เงียบสนิท

     “อาจารย์คะ ไม่ทราบว่าโต๊ะเรียนของฉันอยู่ตรงไหนเหรอคะ” ลูน่าเอ่ยถามอย่างสุภาพดังเดิม แต่ก็ช้าเกินไปแล้ว

     “อ่ะ… เอ่อ ข้างหลังเอเดรียนตรงนั้นมีโต๊ะเรียนว่างอยู่ เธอไปนั่งตรงนั้นก็แล้วกันนะ” อาจารย์ชี้ไปยังโต๊ะเรียนที่เจ้าของเก่าลาออกไปแล้ว ลูน่าคลายท่าทางที่ทำให้บรรยากาศตึงเครียดลง แล้วกล่าวขอบคุณอย่างน่ารัก ก่อนจะเดินไปนั่งตรงโต๊ะเรียนข้างหลังเอเดรียนด้วยท่าทางสุขุม โดยไม่สนใจเลยว่าสายตาที่ทุกคนมองเธอเปลี่ยนไปจากตอนแรกแล้ว

     “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น วันนี้ก็คงหมดแค่นี้แหละ ถ้าพวกเธอจะกลับบ้านทันทีก็ไม่ว่าอะไร หรือถ้าจะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ก็อย่าให้รบกวนรุ่นพี่ที่กำลังเรียนอยู่ล่ะ ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องตั้งแต่ที่เปิดภาคเรียนวันแรกนะ”

แล้วอาจารย์ก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งความเงียบให้นักเรียนรับผิดชอบกันเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา