บันทึกป่วน วิญญาณนิสัยแย่
8.0
เขียนโดย Broskev
วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.31 น.
20 ตอน
0 วิจารณ์
21.84K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) คุณหนูแห่งสำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตั้งแต่ปราดแรก ข้าก็รู้ความสามารถที่คนผู้นี้สามารถทำได้ทันที
มันคือ สายสืบ และจะเป็นสายที่ยอดเยี่ยมหากทำให้มันฉลาดเฉลียวได้
เพียงอดทนฝึกฝนมันสักหน่อย มันจะกลายเป็นเงาอันประเสริฐ
ต่อให้ทำงานอย่างอื่น ยังไม่อาจใช้ประโยชน์ในคุณสมบัติของมันได้มากเท่าการณ์นี้
ข้าเจอเจ้า “คนธรรมดา” คนนี้ตอนอายุประมาณสี่ปี คนธรรมดาน่าจะอายุ 13
เวลาผ่านไปหลายปีตอนนี้มัน 17 เป็นคนหนุ่มแล้ว
คนๆนี้เป็นคนที่มีชะตาประหลาด เป็นเหมือนคำสาปโหดร้ายติดตัวแต่กำเนิด
ไม่ว่าคนผู้นี้จะชื่ออะไร หน้าตาอย่างไร เคยทำอะไร อยู่ที่ไหน
แม้แต่เคยคุยสนทนากับใคร คู่กรณีนั้นเมื่อผ่านไปสักพัก
ความธรรมดาของมันก็จะทำให้ผู้คนหลงลืมมันไปอย่างรวดเร็ว
ข้าเองยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากจนจดจำชื่อของมันได้
มันมีชื่อว่า เจ่า หรือจะเรียก เสี่ยวเจ่า ก็ได้ แต่ข้าเพียงเรียกมันว่า
“คนธรรมดา”
เรียกเพียงง่ายๆเท่านี้ ไม่ว่ากับบ่าวรับใช้คนได้ เป็นหวนนึกออกทันทีว่าข้ากำลังกล่าวถึงผู้ใด
แม้จะจดจำเค้าหน้าคนผู้นั้นไม่ได้
ก็จะฉุดคิดขึ้นมาได้ว่ายังมีคนผู้นี้อยู่ในจวน
นึกเวทนามันอยู่บ้าง ตัวตน การคงอยู่ของมัน กล่าวอย่างโหดร้ายก็เรียกได้ว่า ไร้ตัวตนจนน่าเศร้า
ทุ่มเทความคิด ไปไม่น้อย ยามนี้ที่เบื้องหน้าข้า กลับคลับคล้ายตัวข้าในชาติภพหนึ่ง
ยามนั้นข้าเกิดมาเป็นเพียงหมากในกระดานของคนผู้หนึ่ง
ถูกซื้อตัวและสรรค์สร้างให้เป็นตัวปลวกของต้นเสา
คอยแทรกซึมไปกับขื่อคาน ชอนไชกัดแทะทำลายเสาไม้ที่ใหญ่โต จนกลวงว่างจากภายใน
ต่อให้รากฐาน ขื่อคานแข็งแรงเพียงใด กลับมีตัวมอดแมงอย่างข้ามุ่งมั่นกัดกิน
สุดท้าย หักโค่นผิดพลาดที่ตำแหน่งใด ยังไม่อาจสำนึกรู้สึกตัว
กล่าวไป กล่าวไป มอดเหล่านั้นยอมคือ หน่วยสายลับ
ข้ายังยัดความรู้เกี่ยวกับการข่าวกรอง และ การเอาตัวรอดแก่มัน
การจะเป็นสายลับเป็นหน้าที่ที่อันตราย ท่านลงสนามสู้รบต่อยตี
ประจันหน้าภาคภูมิ กลางเสียงระเบิด คมหอกดาบ ยังมีโอกาสโชคดีมีชีวิตรอดต่อไป แม้ปราชัยก็ตาม
สายลับกลับต่างออกไป ความปราชัยมีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่
ก่อนตายยังอาจโดนทรมานรีดเค้นข้อมูลอย่างอยู่ไม่สู้ตกตาย
หากศัตรูจับได้แม้เกิดปาฏิหาริย์ได้รับการปล่อยตัวยังไม่พ้นต้องตายด้วยมือพวกเดียวกัน
คนธรรมดายังไม่เคยสำนึกรู้ถึงความเสี่ยงในอาชีพของตัว วันใดมันออกสู่โลกภายนอก
เอาวิชาไป ทำงานหาเลี้ยงตัวเองอย่างจริงจัง
จะเข้าใจว่าความยากลำบากของมันวันนี้เป็นพรอันประเสริฐ เอาหละ ข้ายอมรับก็ได้ เป็นข้าเองที่อยากรังแกมัน ที่ยกอ้างเสียเลิศเลอมาทั้งหมด เพียงผลพลอยได้เล็กน้อยเท่านั้น
--------------------------
คนธรรมดา ก้าวขึ้นมานั่งบนพื้นรถอย่างสำรวม เสี่ยนจื่อดันประตูปิดตามหลัง
สำรวจผู้มาใหม่อย่างสงสัยใคร่รู้ เย่เย่ค้นสมองตัวเอง จำไม่ได้ว่าเคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน
นึกถึงคำอาฉีเรียกว่า “คนธรรมดา” กับคนผู้นี้ ความทรงจำหนึ่งกลับวาบขึ้นมา เหมือนว่ามันจะจำได้ลางๆว่า ในเรือนตะวันตก จะมีห้องคนโปรดที่แขวนชื่อของคนผู้นี้เอาไว้ ห่างจากห้องของมันไปห้องเดียวเท่านั้น แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นเจ้าของห้องมาก่อน
ไม่สิ ถ้าคนผู้นี้อยู่ใกล้มันเพียงนี้ ด้วยนิสัยอย่างมัน เป็นต้องไปทักทาย กราบพบผู้อยู่มาก่อนอย่างแน่นอน มันจะพลาดคนข้างห้องนี้ไปได้อย่างไร
หากเจียงเย่ไม่ทราบเลยว่าความจริงมันทักทาย คนธรรมดาข้างห้องนี้ราวกับพบเจอกันครั้งแรกในตอนเช้าทุกวัน
ความจริงห้องคนโปรดนี้ปรกติมีได้หนึ่งห้อง เรียกเป็นห้องบ่าวคนสนิท เป็นห้องหน้าห้องหนึ่งก่อนถึงห้องเจ้านาย
กล่าวตามตรงหนึ่งห้องนั้นสมควรเป็นห้องของเสียนจื่อ
แต่ด้วยนายน้อยไม่ชอบความเงียบเหงา
อีกทั้งเนื่องจากเรือนตะวันตกประกอบด้วยตึกย่อยสามตึก
ทั้งสามในสี่เป็นห้องที่ไม่ได้ใช้งาน อาฉีจึงยกตึกย่อยเล็กตึกหนึ่ง
อย่างผิดธรรมเนียม ให้เป็นที่อยู่ของ “เหล่าคนสนิท” ซึ่งคำนี้ประกอบด้วยคนสนิทหลายคน
ว่ากันว่า เรื่อง นี้สร้างความไม่พอใจแก่พวกผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก
แม้ตึกที่ยกให้คนโปรดจะเป็นตึกเล็กแต่ก็เป็นตึกเจ้านาย
ตึกตะวันออกและตกสร้างออกมา ด้วยรูปแบบราวพิมพ์เดียวกัน
ดังนั้น ห้องเล็กนี้จึงมีศักดิ์ไม่ต่ำต้อยกว่าห้องของอนุเจ้าบ้านเลยทีเดียว
ฮัวเหลียนยกบ่าวไพร่ขึ้นมาเทียบเคียงเจ้านายอย่างตน เรื่องนี้ทำเอาเหล่าอนุเรือนตะวันออกปั่นป่วนวุ่นวาย
ร่ำร้องคุณชายน้อยข่มเหงผู้คน ร้อนถึงแม่ใหญ่ ทั้งนายท่านหยางจิน
ต้องออกหน้าตักเตือนบุตรที่กระทำการณ์ด้วยเยาว์วัย
สุดท้าย หลังจากการทุ่มเถียงอย่างไม่ลดราวาศอก ฮัวเหลียนย่อมเป็นฝ่ายกำชัย
ไม่อย่างนั้นทุกวันนี้มันคงไม่มีตึกอย่างที่เห็น แต่นายน้อยพูดคุยอย่างไร บ่าวไพร่ที่เล่าให้มันฟังล้วนไม่รู้
พวกที่รู้ก็เป็นพวกปากหนัก เพียงคาดเดาเอาว่าเป็นการแลกเปลี่ยนทางการค้ารายการหนึ่ง
เจียงเย่เองก็ถูกจัดให้อยู่ตึกหลังนี้
ที่หน้าห้องที่ถูกจับจองจะมีอยู่ห้องหนึ่งหน้าห้องนั้น แขวนป้ายเป็นห้องของ “คนธรรมดา”
และหวนนึกไปยังห้องครัวก็จะมีป้ายเขียนที่นั่งบ่าวคนโปรดที่หนึ่งติดป้าย “คนธรรมดา” อยู่เช่นกัน
เพื่อให้แน่ใจว่าพ่อครัวจะจัดอาหารไว้ให้ ไม่ผิดพลาด
เย่เย่ปรกติรับประทานอาหารกับอาฉี จึงยังไม่เคยเห็นตอนบ่าวคนอื่นทานอาหารที่ห้องครัวเต็มโต๊ะมาก่อน
เพียงเคยเข้าห้องครัวไปถามหาอะไรทานเป็นบางครั้งจึงสังเกตเห็นเท่านั้น
แม้จะสงสัยก็เพียงคิดไม่กล่าวอะไร อย่างไรก็ยังไม่ถึงรอบของมันกล่าววาจา
ผู้มาใหม่ไม่เหลือบมองรอบกายวุ่นวาย มันหลุบตาลงต่ำรายงานข้อมูลด้วยเสียงที่ยังคงธรรมดา
“คนผู้นั้นเป็นบุตรสาวของสำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา ลูกพี่ใหญ่เหล่ามิจฉาชีพทั่วทั้งปราการหงค์เพลิง
มีนามว่า หลิวซือซือ อายุ 18 ปี นิสัยดุร้าย เจ้าอารมณ์ เชี่ยวชาญขี่ม้า ยิงธนูชั้นยอด
เป็นศิษย์น้องของตงฟางโจว ยอดฝีมือธนูและดาบของสำนักยุทธอาจารย์ไป๋ในยุคหนึ่ง
ตอนนี้คนผู้นี้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารพิทักษ์เมือง
นางแม้จัดเป็นคนรักพวกพ้อง ลูกน้องให้ความเคารพยำเกรง แต่ยังไม่เคยมีศิษย์น้องมาก่อน
เพราะผิวพรรณหน้าตาน่าเกลียด ตัวอ้วนใหญ่และนิสัยไร้ระเบียบ สกปรก จึงไม่มีใครอยากเป็นศิษย์น้องของนาง
ยิ่งถ้าขัดใจนาง ถือว่าได้เหยียบหัวแม่เท้าพวกอันธพาลเจ้าถิ่นทั่วเมือง
ทั้งยังถือว่าหยามท่านรองผู้บัญชาการตงฟางโจว แต่ละวันนอกจากฝึกยุทธ ขี่ม้า ยิงธนู
และนำลูกน้องเก็บค่าคุ้มครองชาวบ้านแล้ว นางจะอยู่เพียงไม่กี่ที่ คือ บ้านของนางที่จะนอนและกิน
โรงเตี้ยมพินเพลิงรับประทานเหล้ากับกับแกล้ม และ มีเรื่องวิวาทกับสำนักแพรธาราที่เป็นคู่อริ
สำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา เป็นที่อยู่ของนาง อยู่ไม่ไกลจากจุดนี้ ถ้านายน้อยต้องการ ข้าน้อยจะนำทางไปชมดู”
หืออ ท่าทางเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าเข้าใกล้เลยจริงๆนั่นแหละนะ
แต่ตอนนี้ในเมื่อกำลังหาเส้นสาย ไม่เข้าถ้ำเสือไยได้ลูกเสือ?
คิดๆไปก็ล้วงหยิบเงินออกมาพวกหนึ่งส่งให้คนหาข่าว ที่คำนับขอบคุณแล้วรับไปเงียบๆ
เพียงทนจีบนางเป็นศิษย์พี่สักหน่อย ก็ได้ผู้ปกปักอันเข้มแข็ง ยุคที่ข้ามาเกิดนี้ เจ็ดในสิบคุยกันด้วยมือเท้า
ข้า จะทำการค้า หากคบหาคนใช้มือเท้ามาเป็นผู้ช่วย ถือว่าก้าวใกล้ความสำเร็จอีกก้าว
ส่วนเรื่องหาเส้นสายทางเอกสารราชการ คงต้องรอต่อไป
“ข้าอยากเห็นนางสักหน่อย ออ ส่งคนบอกที่บ้านว่าข้าจะไปเดินเล่นตลาด”
บ่าวรับใช้ และคนธรรมดาคำนับครั้งหนึ่ง ถอยออกจากรถ รถม้าเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าสู่สำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา
สำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆาความจริงไม่ได้เป็นสำนักของผู้ฝึกยุทธ์ อันประเสริฐอันใด
เป็นเพียงสถานที่ประกอบการค้าต้นทุนต่ำ บ่อนการพนัน ปล่อยเงินกู้และหอนางโลม
ฉากหน้าก็ว่าแย่แล้ว ยังมีฉากหลังแย่ๆอย่างพวกอันธพานร้านถิ่นที่จะมาคอยเก็บค่าคุ้มครอง
สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้คนโดยทั่ว
แม้จะมีกฎหมายบ้านเมือง มีเจ้าหน้าที่ทำงาน แต่อิธิพลของสำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆาก็ไม่ได้สะเทือนเสียเท่าไหร่
เงินขาวๆที่มันเก็บจากชาวบ้าน ก็ประคองมอบต่อเจ้าหน้าที่ผู้ทำงานแข็งขันเหล่านั้น
ผลักดันให้สำนักหยั่งรากฝังลึกด้วยผลประโยชน์ที่พันเกี่ยวมหาศาล
คิดจะเป็นศิษย์น้องของผู้หญิงเถื่อน คงต้องสนิทสนมกับความเถื่อนให้มากไว้
หลายวันนี้ก่อนที่ข้าจะกลับจวน จึงต้องแวะไปดูหลิวซือซือคนนั้น
เพื่อเรียนรู้นาง เพื่อเข้าใจนาง
อีกอย่าง การรอฟังข่าวที่บ้านก็น่าเบื่อเกินไป
เหตุหนึ่งเพราะ ท่านพ่อก็ยังไม่แข็งแรง ช่วงนี้ทำได้เพียงหยอดน้ำข้าวต้ม ไหนเลยทำกิจกรรมเข้าจังหวะได้
แผนการต่อแขนต่อขา สร้างน้องออกมาสักคนคงต้องเก็บพักไปชั่วคราว
เพียงข้าพึ่งกระจ่างแจ้ง ถึงมโนธรรมอย่างหนึ่งที่ บุรุษคนหนึ่งทำการกล่าวถึงหญิงสาว
เป็นธรรมดาที่บุรุษทุกผู้คนต้องมีความเป็นปัญญาชนอยู่ในตัว ไม่กล่าววาจาถึงหญิงใดก็ตามลับหลัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องในทางร้ายของนาง
หากพบว่าไม่มีคำศัพท์ใด ในพจนานุกรมที่เหมาะสมจะมาใช้บรรยายคนผู้อื่นในทางดีได้แล้วล่ะก็
ก็สมควรฝากลิ้นไว้กับแมว หุบปากนิ่งเสีย
“คนธรรมดา” นับเป็นบุรุษที่มีจิตสำนึกปัญญาชนอย่างร้ายกาจ ผู้หนึ่งเช่นกัน
ยามต้องกล่าวถึงเพศตรงข้าม แม้เป็นงานที่ได้รับมอบหมาย ยังเคารพให้เกียรติเสียสี่ส่วน
ปล่อยให้ข้าต้องมาประสบพบความจริงก็ตอนได้มาเป็น FC นางเต็มตัว
บอกตัวเองให้เตือน ”คนธรรมดา”
คราหน้าทำงานต้องรู้จักแยกสำนึกมโนธรรม เปิดเผยข้อมูลตามเนื้อผ้า ดีเลวชัดเจน
อาจารย์ของมันในเมื่อสอนวิชาหากินแก่มันได้
ไหนเลยจะสอนเรื่องไร้มโนธรรมแก่มันไม่ได้ อายุยังน้องหัดเป็นคนมีจิตสำนึกเสียแล้ว
อย่างนี้จะทำงานสายลับได้อย่างไร
จากบนหลังคา นอนเรียงกับเสี่ยวเย่เย่ และคนธรรมดา สามคน
เสี่ยนจื่อกับคนคุ้มกันทำหน้าที่ดูต้นทาง รถม้าที่นั่งมานำไปซ่อนในที่ลับตา มีคนขับรถเฝ้าดูแล
สายตาสอดส่อง สำรวจซุ่มดูเข้าไปในเรือนปีกหลังใหญ่ของสำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา
มองไป มองไป
แววตาจิตใจเลื่อนลอย เหม่อมองสาวงาม นามหลิวซือซือ
บิดามารดารู้จักคิดตั้งชื่อ จำได้ว่าในการเกิดครั้งหนึ่งของข้า
ก็มีสาวงามนามหลิวซือซือเช่นกัน ผิวใสขาวดุจหยก เอวบางคอดกิ่ว ดวงตากลมโต
เพียงนางแย้มยิ้มดวงตาของนางจะหยีเป็นรูปจันทร์เสี้ยว พาให้โลกทั้งใบสว่างสดใส
ดอกไม้เอียงอาย นกน้อยขับขาน ทุกผู้คนต่อให้กำลังเศร้าทุกข์ใจเป็นต้องอดยิ้มไปกับนางไม่ได้
แม้อายุยังน้อยกลับได้เป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงอย่างมากของประเทศหนึ่ง
ครานั้นข้ายังโปรดปราน ติดตามละครทุกเรื่องที่นางแสดง แม้ตำแหน่งเล็ก
หรือบทใหญ่ เป็นต้องซื้อหาเรื่องเหล่านั้นเอาไว้เป็นคอเล็คชั่น
นางที่อยู่ต่อหน้านี้ ในโลกนี้ ก็นามหลิวซือซือเช่นกัน แต่กลับเป็นสาวอ้วนตัวใหญ่
สิวหนองเต็มหน้า ผิวคล้ำกระดำกระด่าง ทั้งยังสกปรกไม่อาบน้ำ หัวไม่หวี เรอเหม็นเปรี้ยว และผายลมไม่อายฟ้า
นั่นยังไม่พอ นางยังยกมือที่เกาก้น กับขึ้นมาดมเสียด้วย
ข้าไม่เข้าใจเลยว่า ทั้งๆที่ชื่อหลิวซือซือเช่นกัน ไยจึงแตกต่างราวพญาหงส์
คางคกบึง ภาพของหลิวซือซือเมื่อหลายพันชาติภพก่อนกำลังแตกร้าว ร่วงหล่น เกรียวกราว กระเด้งกระดอนไปต่อหน้า
ราวกับกระจกที่ถูกขว้างด้วยไหปลาร้า กลิ่นรุนแรงเสียดแทงคละคลุ้ง ต้องแอบเสียดายปลาที่เสียไป
หลิวซือซือคนงาม ท่านใช่กำลังเย้ยหยันในความฟุ้งซ่านของข้าหรือไม่
ทั้งยังนับถือเลื่อมใส่ท่านรองผู้บัญชาการตงฟางโจวที่เคยได้ยินเพียงชื่อเสียงดีงาม
ท่านผู้ประเสริฐนั้นรับนางเป็นศิษย์น้องคิดเห็นต่อนางอย่างไร รู้ได้อย่างไรว่ายัยคางคกตัวเมียนี้
จะสามารถเป็นมือธนูอันดับหนึ่งของเมืองปราการหงค์เพลิงอย่างไร้ผู้ต่อต้าน
ส่งเสริมให้ศิษย์พี่ตงฟางโจว สามารถจบการศึกษาจากสำนักได้ด้วยอันดับที่โดดเด่นดังดวงตะวันยามเที่ยง
และกลายเป็นท่านรองในตอนนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เพชรในกองขี้ควายตัวนี้ เพียงคิดจะเขี่ย ข้ายังหลั่งน้ำตาสงสารไม้ในมือ
เหล่านี้ยังไม่นับว่านางเป็นพวกทุบก่อนคุยทีหลัง ชอบเอาชนะระรานคน
ยังดีที่ดูเหมือนนางจะยังมีความสามารถด้านอาหารอยู่บ้าง
แม้ว่าจะไม่สามารถรับรองด้านสุขอนามัยได้ ด้วยดีกรีชื่อเสียงแม่ครัวอันดับหนึ่งในสำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา
ไม่เช่นนั้น ข้าคงไม่อาจเอื้อมนับนางเป็นสิ่งมีชีวิตประเภท ผู้หญิงแล้ว
ข้ารู้ การนับนางเป็น ผู้หญิง ก็เป็นการผิดต่อเพศหญิงอยู่
ข้าก็เคยเกิดเป็นผู้หญิงมาก่อน ย้อมเข้าใจความรู้สึก ข้าละอายใจยิ่ง
ทั้งยังแอบสงสัยใจอีกด้วยว่าชื่อเสียงแม่ครัวอันดับหนึ่งนี้
ได้มาเพราะคณะคนครัวทั้งหมดเป็นเพศชายใช่หรือไม่
“อาฉี อาฉี เรามาเฝ้าหลบดูนางทุกวันทำไมหรอ” เสียวเย่เย่ ที่ถูกลากให้ต้องมาเฝ้าคนกับข้าทุกวันในที่สุดก็ทนความอยากรู้ไม่ไหว
มันมองคนที่กำลังนอนกรนอยู่บนแคร่ในลานบ้านแล้วให้เบือนหน้าหนี
คงไม่ใช่ว่านายน้อยผู้งดงามจะมีรสนิยมพิเศษหรอกนะ
มันยังนับว่าหน้าตาดีกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นไหนๆ ต่อให้มันเป็นผู้ชาย
และเหลือหญิงคนนั้นเป็นคนสุดท้ายของโลก นายน้อยย่อมต้องเลือกมันแทน
การคงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงเรียกว่ามีสามัญสำนึก
“ข้าต้องการให้นางมาเป็นศิษย์พี่ของข้า ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องดึงนางมาให้ได้”
คำพูดพอกล่าว เย่เย่ ก็ไล้ตากวาดมองคนที่กำลังกรนดังสนั่นบนแคร่อีกครั้ง
เด็กน้องสะดุ้งเฮือก เมื่อสาวทำท่าเหมือนจะฟาดอะไรสักอย่างในความฝัน
สุดท้ายเกาก้นแล้วเอามือไปดม หลับต่อ
เย่เย่ทำหน้าราวทานยาขม เปลี่ยนสีหน้าประเดี๋ยวซีด ประเดี๋ยวเขียว
คิดไปว่าถ้านายน้อยเลือกเป็นศิษย์น้องของคนผู้นี้ มันก็คงไม่พ้นกัน
ข้าคิดมาตลอด ว่าผู้หญิงทุกคนในโลกไม่มีใครไม่สวย ทุกคนมีความงดงามของตัวเอง
มีเสน่ห์เป็นเอกที่ไม่มีใครเหมือนของตัวเอง
แต่การเป็นตัวของตัวเองของหลิวซือซือ ผู้นี้ ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตา
บางที คำพูดบางคำ แม้จะเป็นกลางมากแล้วก็ยังมีข้อยกเว้นสินะ
เอาเถอะ อย่างไรนางแสดงอาการเปิดเผยจริงใจเพียงนี้ สมควรข้าต้องเปิดเผยจริงใจบ้างเช่นกัน
แม้ข้าจะไม่คิดว่าการเกาก้นแล้วมาดมจะเป็นความจริงใจที่รับได้เท่าไหร่
ตัดสินใจได้ ก็สะกิดคนทั้งคู่ เลื่อนตัวลงจากหลังคาจะกลับจวน
เสี้ยววินาทีนั้น สายตาเหลือบเห็นอะไรไวๆ ก็หลบมุด ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับสถานการณ์ได้
ร่างของเย่เย่ ก็หล่นหายเข้าลานบ้านของหลิวซือซือไปแล้ว
ตุบ!! แอ็ค!!! โอยยยย
เสียงดี ทุ้มหนัก สะเทือนดิน สั่นต้นหญ้า
ร่างเล็กๆนั่นสามารถสร้างซาวนด์เอฟเฟค (sound effect ) ได้น่าทึ่งจริงๆ สมควรเป็นความชอบของพ่อครัวที่บ้านแล้ว
ไม่ต้องคิดเลย สาวงามที่กำลังหลับใหลบนแคร่ยาวใต้ร่มไม้ ยามนี้สะดุ้งลุกขึ้นนั่ง
สายตา.....เกรี้ยวกราด
มันคือ สายสืบ และจะเป็นสายที่ยอดเยี่ยมหากทำให้มันฉลาดเฉลียวได้
เพียงอดทนฝึกฝนมันสักหน่อย มันจะกลายเป็นเงาอันประเสริฐ
ต่อให้ทำงานอย่างอื่น ยังไม่อาจใช้ประโยชน์ในคุณสมบัติของมันได้มากเท่าการณ์นี้
ข้าเจอเจ้า “คนธรรมดา” คนนี้ตอนอายุประมาณสี่ปี คนธรรมดาน่าจะอายุ 13
เวลาผ่านไปหลายปีตอนนี้มัน 17 เป็นคนหนุ่มแล้ว
คนๆนี้เป็นคนที่มีชะตาประหลาด เป็นเหมือนคำสาปโหดร้ายติดตัวแต่กำเนิด
ไม่ว่าคนผู้นี้จะชื่ออะไร หน้าตาอย่างไร เคยทำอะไร อยู่ที่ไหน
แม้แต่เคยคุยสนทนากับใคร คู่กรณีนั้นเมื่อผ่านไปสักพัก
ความธรรมดาของมันก็จะทำให้ผู้คนหลงลืมมันไปอย่างรวดเร็ว
ข้าเองยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากจนจดจำชื่อของมันได้
มันมีชื่อว่า เจ่า หรือจะเรียก เสี่ยวเจ่า ก็ได้ แต่ข้าเพียงเรียกมันว่า
“คนธรรมดา”
เรียกเพียงง่ายๆเท่านี้ ไม่ว่ากับบ่าวรับใช้คนได้ เป็นหวนนึกออกทันทีว่าข้ากำลังกล่าวถึงผู้ใด
แม้จะจดจำเค้าหน้าคนผู้นั้นไม่ได้
ก็จะฉุดคิดขึ้นมาได้ว่ายังมีคนผู้นี้อยู่ในจวน
นึกเวทนามันอยู่บ้าง ตัวตน การคงอยู่ของมัน กล่าวอย่างโหดร้ายก็เรียกได้ว่า ไร้ตัวตนจนน่าเศร้า
ทุ่มเทความคิด ไปไม่น้อย ยามนี้ที่เบื้องหน้าข้า กลับคลับคล้ายตัวข้าในชาติภพหนึ่ง
ยามนั้นข้าเกิดมาเป็นเพียงหมากในกระดานของคนผู้หนึ่ง
ถูกซื้อตัวและสรรค์สร้างให้เป็นตัวปลวกของต้นเสา
คอยแทรกซึมไปกับขื่อคาน ชอนไชกัดแทะทำลายเสาไม้ที่ใหญ่โต จนกลวงว่างจากภายใน
ต่อให้รากฐาน ขื่อคานแข็งแรงเพียงใด กลับมีตัวมอดแมงอย่างข้ามุ่งมั่นกัดกิน
สุดท้าย หักโค่นผิดพลาดที่ตำแหน่งใด ยังไม่อาจสำนึกรู้สึกตัว
กล่าวไป กล่าวไป มอดเหล่านั้นยอมคือ หน่วยสายลับ
ข้ายังยัดความรู้เกี่ยวกับการข่าวกรอง และ การเอาตัวรอดแก่มัน
การจะเป็นสายลับเป็นหน้าที่ที่อันตราย ท่านลงสนามสู้รบต่อยตี
ประจันหน้าภาคภูมิ กลางเสียงระเบิด คมหอกดาบ ยังมีโอกาสโชคดีมีชีวิตรอดต่อไป แม้ปราชัยก็ตาม
สายลับกลับต่างออกไป ความปราชัยมีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่
ก่อนตายยังอาจโดนทรมานรีดเค้นข้อมูลอย่างอยู่ไม่สู้ตกตาย
หากศัตรูจับได้แม้เกิดปาฏิหาริย์ได้รับการปล่อยตัวยังไม่พ้นต้องตายด้วยมือพวกเดียวกัน
คนธรรมดายังไม่เคยสำนึกรู้ถึงความเสี่ยงในอาชีพของตัว วันใดมันออกสู่โลกภายนอก
เอาวิชาไป ทำงานหาเลี้ยงตัวเองอย่างจริงจัง
จะเข้าใจว่าความยากลำบากของมันวันนี้เป็นพรอันประเสริฐ เอาหละ ข้ายอมรับก็ได้ เป็นข้าเองที่อยากรังแกมัน ที่ยกอ้างเสียเลิศเลอมาทั้งหมด เพียงผลพลอยได้เล็กน้อยเท่านั้น
--------------------------
คนธรรมดา ก้าวขึ้นมานั่งบนพื้นรถอย่างสำรวม เสี่ยนจื่อดันประตูปิดตามหลัง
สำรวจผู้มาใหม่อย่างสงสัยใคร่รู้ เย่เย่ค้นสมองตัวเอง จำไม่ได้ว่าเคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน
นึกถึงคำอาฉีเรียกว่า “คนธรรมดา” กับคนผู้นี้ ความทรงจำหนึ่งกลับวาบขึ้นมา เหมือนว่ามันจะจำได้ลางๆว่า ในเรือนตะวันตก จะมีห้องคนโปรดที่แขวนชื่อของคนผู้นี้เอาไว้ ห่างจากห้องของมันไปห้องเดียวเท่านั้น แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นเจ้าของห้องมาก่อน
ไม่สิ ถ้าคนผู้นี้อยู่ใกล้มันเพียงนี้ ด้วยนิสัยอย่างมัน เป็นต้องไปทักทาย กราบพบผู้อยู่มาก่อนอย่างแน่นอน มันจะพลาดคนข้างห้องนี้ไปได้อย่างไร
หากเจียงเย่ไม่ทราบเลยว่าความจริงมันทักทาย คนธรรมดาข้างห้องนี้ราวกับพบเจอกันครั้งแรกในตอนเช้าทุกวัน
ความจริงห้องคนโปรดนี้ปรกติมีได้หนึ่งห้อง เรียกเป็นห้องบ่าวคนสนิท เป็นห้องหน้าห้องหนึ่งก่อนถึงห้องเจ้านาย
กล่าวตามตรงหนึ่งห้องนั้นสมควรเป็นห้องของเสียนจื่อ
แต่ด้วยนายน้อยไม่ชอบความเงียบเหงา
อีกทั้งเนื่องจากเรือนตะวันตกประกอบด้วยตึกย่อยสามตึก
ทั้งสามในสี่เป็นห้องที่ไม่ได้ใช้งาน อาฉีจึงยกตึกย่อยเล็กตึกหนึ่ง
อย่างผิดธรรมเนียม ให้เป็นที่อยู่ของ “เหล่าคนสนิท” ซึ่งคำนี้ประกอบด้วยคนสนิทหลายคน
ว่ากันว่า เรื่อง นี้สร้างความไม่พอใจแก่พวกผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก
แม้ตึกที่ยกให้คนโปรดจะเป็นตึกเล็กแต่ก็เป็นตึกเจ้านาย
ตึกตะวันออกและตกสร้างออกมา ด้วยรูปแบบราวพิมพ์เดียวกัน
ดังนั้น ห้องเล็กนี้จึงมีศักดิ์ไม่ต่ำต้อยกว่าห้องของอนุเจ้าบ้านเลยทีเดียว
ฮัวเหลียนยกบ่าวไพร่ขึ้นมาเทียบเคียงเจ้านายอย่างตน เรื่องนี้ทำเอาเหล่าอนุเรือนตะวันออกปั่นป่วนวุ่นวาย
ร่ำร้องคุณชายน้อยข่มเหงผู้คน ร้อนถึงแม่ใหญ่ ทั้งนายท่านหยางจิน
ต้องออกหน้าตักเตือนบุตรที่กระทำการณ์ด้วยเยาว์วัย
สุดท้าย หลังจากการทุ่มเถียงอย่างไม่ลดราวาศอก ฮัวเหลียนย่อมเป็นฝ่ายกำชัย
ไม่อย่างนั้นทุกวันนี้มันคงไม่มีตึกอย่างที่เห็น แต่นายน้อยพูดคุยอย่างไร บ่าวไพร่ที่เล่าให้มันฟังล้วนไม่รู้
พวกที่รู้ก็เป็นพวกปากหนัก เพียงคาดเดาเอาว่าเป็นการแลกเปลี่ยนทางการค้ารายการหนึ่ง
เจียงเย่เองก็ถูกจัดให้อยู่ตึกหลังนี้
ที่หน้าห้องที่ถูกจับจองจะมีอยู่ห้องหนึ่งหน้าห้องนั้น แขวนป้ายเป็นห้องของ “คนธรรมดา”
และหวนนึกไปยังห้องครัวก็จะมีป้ายเขียนที่นั่งบ่าวคนโปรดที่หนึ่งติดป้าย “คนธรรมดา” อยู่เช่นกัน
เพื่อให้แน่ใจว่าพ่อครัวจะจัดอาหารไว้ให้ ไม่ผิดพลาด
เย่เย่ปรกติรับประทานอาหารกับอาฉี จึงยังไม่เคยเห็นตอนบ่าวคนอื่นทานอาหารที่ห้องครัวเต็มโต๊ะมาก่อน
เพียงเคยเข้าห้องครัวไปถามหาอะไรทานเป็นบางครั้งจึงสังเกตเห็นเท่านั้น
แม้จะสงสัยก็เพียงคิดไม่กล่าวอะไร อย่างไรก็ยังไม่ถึงรอบของมันกล่าววาจา
ผู้มาใหม่ไม่เหลือบมองรอบกายวุ่นวาย มันหลุบตาลงต่ำรายงานข้อมูลด้วยเสียงที่ยังคงธรรมดา
“คนผู้นั้นเป็นบุตรสาวของสำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา ลูกพี่ใหญ่เหล่ามิจฉาชีพทั่วทั้งปราการหงค์เพลิง
มีนามว่า หลิวซือซือ อายุ 18 ปี นิสัยดุร้าย เจ้าอารมณ์ เชี่ยวชาญขี่ม้า ยิงธนูชั้นยอด
เป็นศิษย์น้องของตงฟางโจว ยอดฝีมือธนูและดาบของสำนักยุทธอาจารย์ไป๋ในยุคหนึ่ง
ตอนนี้คนผู้นี้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารพิทักษ์เมือง
นางแม้จัดเป็นคนรักพวกพ้อง ลูกน้องให้ความเคารพยำเกรง แต่ยังไม่เคยมีศิษย์น้องมาก่อน
เพราะผิวพรรณหน้าตาน่าเกลียด ตัวอ้วนใหญ่และนิสัยไร้ระเบียบ สกปรก จึงไม่มีใครอยากเป็นศิษย์น้องของนาง
ยิ่งถ้าขัดใจนาง ถือว่าได้เหยียบหัวแม่เท้าพวกอันธพาลเจ้าถิ่นทั่วเมือง
ทั้งยังถือว่าหยามท่านรองผู้บัญชาการตงฟางโจว แต่ละวันนอกจากฝึกยุทธ ขี่ม้า ยิงธนู
และนำลูกน้องเก็บค่าคุ้มครองชาวบ้านแล้ว นางจะอยู่เพียงไม่กี่ที่ คือ บ้านของนางที่จะนอนและกิน
โรงเตี้ยมพินเพลิงรับประทานเหล้ากับกับแกล้ม และ มีเรื่องวิวาทกับสำนักแพรธาราที่เป็นคู่อริ
สำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา เป็นที่อยู่ของนาง อยู่ไม่ไกลจากจุดนี้ ถ้านายน้อยต้องการ ข้าน้อยจะนำทางไปชมดู”
หืออ ท่าทางเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าเข้าใกล้เลยจริงๆนั่นแหละนะ
แต่ตอนนี้ในเมื่อกำลังหาเส้นสาย ไม่เข้าถ้ำเสือไยได้ลูกเสือ?
คิดๆไปก็ล้วงหยิบเงินออกมาพวกหนึ่งส่งให้คนหาข่าว ที่คำนับขอบคุณแล้วรับไปเงียบๆ
เพียงทนจีบนางเป็นศิษย์พี่สักหน่อย ก็ได้ผู้ปกปักอันเข้มแข็ง ยุคที่ข้ามาเกิดนี้ เจ็ดในสิบคุยกันด้วยมือเท้า
ข้า จะทำการค้า หากคบหาคนใช้มือเท้ามาเป็นผู้ช่วย ถือว่าก้าวใกล้ความสำเร็จอีกก้าว
ส่วนเรื่องหาเส้นสายทางเอกสารราชการ คงต้องรอต่อไป
“ข้าอยากเห็นนางสักหน่อย ออ ส่งคนบอกที่บ้านว่าข้าจะไปเดินเล่นตลาด”
บ่าวรับใช้ และคนธรรมดาคำนับครั้งหนึ่ง ถอยออกจากรถ รถม้าเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าสู่สำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา
สำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆาความจริงไม่ได้เป็นสำนักของผู้ฝึกยุทธ์ อันประเสริฐอันใด
เป็นเพียงสถานที่ประกอบการค้าต้นทุนต่ำ บ่อนการพนัน ปล่อยเงินกู้และหอนางโลม
ฉากหน้าก็ว่าแย่แล้ว ยังมีฉากหลังแย่ๆอย่างพวกอันธพานร้านถิ่นที่จะมาคอยเก็บค่าคุ้มครอง
สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้คนโดยทั่ว
แม้จะมีกฎหมายบ้านเมือง มีเจ้าหน้าที่ทำงาน แต่อิธิพลของสำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆาก็ไม่ได้สะเทือนเสียเท่าไหร่
เงินขาวๆที่มันเก็บจากชาวบ้าน ก็ประคองมอบต่อเจ้าหน้าที่ผู้ทำงานแข็งขันเหล่านั้น
ผลักดันให้สำนักหยั่งรากฝังลึกด้วยผลประโยชน์ที่พันเกี่ยวมหาศาล
คิดจะเป็นศิษย์น้องของผู้หญิงเถื่อน คงต้องสนิทสนมกับความเถื่อนให้มากไว้
หลายวันนี้ก่อนที่ข้าจะกลับจวน จึงต้องแวะไปดูหลิวซือซือคนนั้น
เพื่อเรียนรู้นาง เพื่อเข้าใจนาง
อีกอย่าง การรอฟังข่าวที่บ้านก็น่าเบื่อเกินไป
เหตุหนึ่งเพราะ ท่านพ่อก็ยังไม่แข็งแรง ช่วงนี้ทำได้เพียงหยอดน้ำข้าวต้ม ไหนเลยทำกิจกรรมเข้าจังหวะได้
แผนการต่อแขนต่อขา สร้างน้องออกมาสักคนคงต้องเก็บพักไปชั่วคราว
เพียงข้าพึ่งกระจ่างแจ้ง ถึงมโนธรรมอย่างหนึ่งที่ บุรุษคนหนึ่งทำการกล่าวถึงหญิงสาว
เป็นธรรมดาที่บุรุษทุกผู้คนต้องมีความเป็นปัญญาชนอยู่ในตัว ไม่กล่าววาจาถึงหญิงใดก็ตามลับหลัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องในทางร้ายของนาง
หากพบว่าไม่มีคำศัพท์ใด ในพจนานุกรมที่เหมาะสมจะมาใช้บรรยายคนผู้อื่นในทางดีได้แล้วล่ะก็
ก็สมควรฝากลิ้นไว้กับแมว หุบปากนิ่งเสีย
“คนธรรมดา” นับเป็นบุรุษที่มีจิตสำนึกปัญญาชนอย่างร้ายกาจ ผู้หนึ่งเช่นกัน
ยามต้องกล่าวถึงเพศตรงข้าม แม้เป็นงานที่ได้รับมอบหมาย ยังเคารพให้เกียรติเสียสี่ส่วน
ปล่อยให้ข้าต้องมาประสบพบความจริงก็ตอนได้มาเป็น FC นางเต็มตัว
บอกตัวเองให้เตือน ”คนธรรมดา”
คราหน้าทำงานต้องรู้จักแยกสำนึกมโนธรรม เปิดเผยข้อมูลตามเนื้อผ้า ดีเลวชัดเจน
อาจารย์ของมันในเมื่อสอนวิชาหากินแก่มันได้
ไหนเลยจะสอนเรื่องไร้มโนธรรมแก่มันไม่ได้ อายุยังน้องหัดเป็นคนมีจิตสำนึกเสียแล้ว
อย่างนี้จะทำงานสายลับได้อย่างไร
จากบนหลังคา นอนเรียงกับเสี่ยวเย่เย่ และคนธรรมดา สามคน
เสี่ยนจื่อกับคนคุ้มกันทำหน้าที่ดูต้นทาง รถม้าที่นั่งมานำไปซ่อนในที่ลับตา มีคนขับรถเฝ้าดูแล
สายตาสอดส่อง สำรวจซุ่มดูเข้าไปในเรือนปีกหลังใหญ่ของสำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา
มองไป มองไป
แววตาจิตใจเลื่อนลอย เหม่อมองสาวงาม นามหลิวซือซือ
บิดามารดารู้จักคิดตั้งชื่อ จำได้ว่าในการเกิดครั้งหนึ่งของข้า
ก็มีสาวงามนามหลิวซือซือเช่นกัน ผิวใสขาวดุจหยก เอวบางคอดกิ่ว ดวงตากลมโต
เพียงนางแย้มยิ้มดวงตาของนางจะหยีเป็นรูปจันทร์เสี้ยว พาให้โลกทั้งใบสว่างสดใส
ดอกไม้เอียงอาย นกน้อยขับขาน ทุกผู้คนต่อให้กำลังเศร้าทุกข์ใจเป็นต้องอดยิ้มไปกับนางไม่ได้
แม้อายุยังน้อยกลับได้เป็นดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงอย่างมากของประเทศหนึ่ง
ครานั้นข้ายังโปรดปราน ติดตามละครทุกเรื่องที่นางแสดง แม้ตำแหน่งเล็ก
หรือบทใหญ่ เป็นต้องซื้อหาเรื่องเหล่านั้นเอาไว้เป็นคอเล็คชั่น
นางที่อยู่ต่อหน้านี้ ในโลกนี้ ก็นามหลิวซือซือเช่นกัน แต่กลับเป็นสาวอ้วนตัวใหญ่
สิวหนองเต็มหน้า ผิวคล้ำกระดำกระด่าง ทั้งยังสกปรกไม่อาบน้ำ หัวไม่หวี เรอเหม็นเปรี้ยว และผายลมไม่อายฟ้า
นั่นยังไม่พอ นางยังยกมือที่เกาก้น กับขึ้นมาดมเสียด้วย
ข้าไม่เข้าใจเลยว่า ทั้งๆที่ชื่อหลิวซือซือเช่นกัน ไยจึงแตกต่างราวพญาหงส์
คางคกบึง ภาพของหลิวซือซือเมื่อหลายพันชาติภพก่อนกำลังแตกร้าว ร่วงหล่น เกรียวกราว กระเด้งกระดอนไปต่อหน้า
ราวกับกระจกที่ถูกขว้างด้วยไหปลาร้า กลิ่นรุนแรงเสียดแทงคละคลุ้ง ต้องแอบเสียดายปลาที่เสียไป
หลิวซือซือคนงาม ท่านใช่กำลังเย้ยหยันในความฟุ้งซ่านของข้าหรือไม่
ทั้งยังนับถือเลื่อมใส่ท่านรองผู้บัญชาการตงฟางโจวที่เคยได้ยินเพียงชื่อเสียงดีงาม
ท่านผู้ประเสริฐนั้นรับนางเป็นศิษย์น้องคิดเห็นต่อนางอย่างไร รู้ได้อย่างไรว่ายัยคางคกตัวเมียนี้
จะสามารถเป็นมือธนูอันดับหนึ่งของเมืองปราการหงค์เพลิงอย่างไร้ผู้ต่อต้าน
ส่งเสริมให้ศิษย์พี่ตงฟางโจว สามารถจบการศึกษาจากสำนักได้ด้วยอันดับที่โดดเด่นดังดวงตะวันยามเที่ยง
และกลายเป็นท่านรองในตอนนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
เพชรในกองขี้ควายตัวนี้ เพียงคิดจะเขี่ย ข้ายังหลั่งน้ำตาสงสารไม้ในมือ
เหล่านี้ยังไม่นับว่านางเป็นพวกทุบก่อนคุยทีหลัง ชอบเอาชนะระรานคน
ยังดีที่ดูเหมือนนางจะยังมีความสามารถด้านอาหารอยู่บ้าง
แม้ว่าจะไม่สามารถรับรองด้านสุขอนามัยได้ ด้วยดีกรีชื่อเสียงแม่ครัวอันดับหนึ่งในสำนักพยัคฆ์เหยียบเมฆา
ไม่เช่นนั้น ข้าคงไม่อาจเอื้อมนับนางเป็นสิ่งมีชีวิตประเภท ผู้หญิงแล้ว
ข้ารู้ การนับนางเป็น ผู้หญิง ก็เป็นการผิดต่อเพศหญิงอยู่
ข้าก็เคยเกิดเป็นผู้หญิงมาก่อน ย้อมเข้าใจความรู้สึก ข้าละอายใจยิ่ง
ทั้งยังแอบสงสัยใจอีกด้วยว่าชื่อเสียงแม่ครัวอันดับหนึ่งนี้
ได้มาเพราะคณะคนครัวทั้งหมดเป็นเพศชายใช่หรือไม่
“อาฉี อาฉี เรามาเฝ้าหลบดูนางทุกวันทำไมหรอ” เสียวเย่เย่ ที่ถูกลากให้ต้องมาเฝ้าคนกับข้าทุกวันในที่สุดก็ทนความอยากรู้ไม่ไหว
มันมองคนที่กำลังนอนกรนอยู่บนแคร่ในลานบ้านแล้วให้เบือนหน้าหนี
คงไม่ใช่ว่านายน้อยผู้งดงามจะมีรสนิยมพิเศษหรอกนะ
มันยังนับว่าหน้าตาดีกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นไหนๆ ต่อให้มันเป็นผู้ชาย
และเหลือหญิงคนนั้นเป็นคนสุดท้ายของโลก นายน้อยย่อมต้องเลือกมันแทน
การคงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงเรียกว่ามีสามัญสำนึก
“ข้าต้องการให้นางมาเป็นศิษย์พี่ของข้า ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องดึงนางมาให้ได้”
คำพูดพอกล่าว เย่เย่ ก็ไล้ตากวาดมองคนที่กำลังกรนดังสนั่นบนแคร่อีกครั้ง
เด็กน้องสะดุ้งเฮือก เมื่อสาวทำท่าเหมือนจะฟาดอะไรสักอย่างในความฝัน
สุดท้ายเกาก้นแล้วเอามือไปดม หลับต่อ
เย่เย่ทำหน้าราวทานยาขม เปลี่ยนสีหน้าประเดี๋ยวซีด ประเดี๋ยวเขียว
คิดไปว่าถ้านายน้อยเลือกเป็นศิษย์น้องของคนผู้นี้ มันก็คงไม่พ้นกัน
ข้าคิดมาตลอด ว่าผู้หญิงทุกคนในโลกไม่มีใครไม่สวย ทุกคนมีความงดงามของตัวเอง
มีเสน่ห์เป็นเอกที่ไม่มีใครเหมือนของตัวเอง
แต่การเป็นตัวของตัวเองของหลิวซือซือ ผู้นี้ ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตา
บางที คำพูดบางคำ แม้จะเป็นกลางมากแล้วก็ยังมีข้อยกเว้นสินะ
เอาเถอะ อย่างไรนางแสดงอาการเปิดเผยจริงใจเพียงนี้ สมควรข้าต้องเปิดเผยจริงใจบ้างเช่นกัน
แม้ข้าจะไม่คิดว่าการเกาก้นแล้วมาดมจะเป็นความจริงใจที่รับได้เท่าไหร่
ตัดสินใจได้ ก็สะกิดคนทั้งคู่ เลื่อนตัวลงจากหลังคาจะกลับจวน
เสี้ยววินาทีนั้น สายตาเหลือบเห็นอะไรไวๆ ก็หลบมุด ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับสถานการณ์ได้
ร่างของเย่เย่ ก็หล่นหายเข้าลานบ้านของหลิวซือซือไปแล้ว
ตุบ!! แอ็ค!!! โอยยยย
เสียงดี ทุ้มหนัก สะเทือนดิน สั่นต้นหญ้า
ร่างเล็กๆนั่นสามารถสร้างซาวนด์เอฟเฟค (sound effect ) ได้น่าทึ่งจริงๆ สมควรเป็นความชอบของพ่อครัวที่บ้านแล้ว
ไม่ต้องคิดเลย สาวงามที่กำลังหลับใหลบนแคร่ยาวใต้ร่มไม้ ยามนี้สะดุ้งลุกขึ้นนั่ง
สายตา.....เกรี้ยวกราด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ