บันทึกป่วน วิญญาณนิสัยแย่

8.0

เขียนโดย Broskev

วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.31 น.

  20 ตอน
  0 วิจารณ์
  22.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) คนธรรมดา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ปล่อยใจละล่องไปตามจังหวะกีบม้าและเสียงร้องของมัน

เพิกเฉยความวุ่นวายที่คอยหลอกหลอนผู้คนให้เศร้าสร้อยละห้อยหดหู่

แสงแดดเสียดแทงจ้าปาดคมตัดแยกภายในรถให้กลายเป็นโลกอีกใบ

 

 ภายนอก ชำรุด ทรุดโทรม โหวกเหวก วุ่นวาย  อดอยาก ยากจน

ภายในหรูหรา ฟุ้งเฟ้อ สงบ นิ่งเงียบ  ขนมและผลไม้ราคาแพง ถูกจัดวางบนโต๊ะอย่างประณีตบรรจง

ร่ำร้องรอคอยผู้คนเหลือบแล

 

เย่เย่ นั่งเรียบๆร้อยๆไม่ต่างจากสะใภ้ใหม่ที่พึ่งเข้าบ้าน

มองสิ่งมีชีวิตเดียวที่อยู่ตรงข้ามมันหวั่นหวาด

เป็นพัก  เป็นพัก

มันผู้นั้นจะเป็น ใครได้อีก

ไม่พ้น   เป็นข้า

เราทั้งคู่เหนื่อยอ่อน เพียงคนหนึ่งเอนพิงเบาะและหมอนอิงเอนผ่อนคลาย ไม่สนใจสิ่งใด

เป็นอีกวันที่ร่างกายปวดล้า ความง่วงงุนราวหมอกบางเบา แต่หนักอึ้งกดให้ความคิดเชื่องช้าถดถอย

คิดๆไป หาได้ยากยิ่งในยุคสมัยนี้ที่ผู้มีอันจะกินจะกระตือรือร้นฝึกร่างกาย ทั้งเสียสติปัญญาศึกษาเรื่องบ้านเมือง

 โดยเฉพาะลูกหลานตระกูลต่ำศักย์ที่ร่ำรวย

 

 

แม้ข้าจะเกิดในครอบครัวมีหน้ามีตา มั่งมีเงินทอง สุดท้ายก็ยังเป็นคนชั้นล่างด้วยคำว่า พ่อค้า อยู่ดี

พ่อค้า ในสายตาคนทั่วไป ก็คือพวกเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น

ผู้อื่นทำงานหนัก สรรสร้างผลผลิต พ่อค้ากลับทำกำไร ร่ำรวยจากแรงงานผู้อื่น จับแพะชนแกะ

แม้ร่ำรวยแล้วอย่างไร

 สุดท้ายยังเป็นชนชั้นล่าง ไร้ซึ่งศักย์ฐานะ

สุดท้ายยังต้องถูกเหยียดหยามดูแคลนจากผู้มีศักย์ฐานะ

ต่อให้เป็นตระกูลยากไร้ เพียงมีศักย์ฐานะ ยังชูคอสูงไปอีกหลายองศา

 

เมื่อเป็นพ่อค้า จะไม่อาจรับราชกาลได้ ได้แต่ต้องทนสำลักสายธารแห่งสายเลือดชั้นต่ำ

 ไม่อาจลืมตาอ้าปากได้ ยิ่งกว่าชาวนาที่ยังมีสิทธ์สอบรับราชกาลได้เสียอีก 

เมื่อไม่มีความหวังรับราชกาล ก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องเรียนรู้บ้านเมือง เพื่อสอบจองหงวน

 และไม่ฝืนสังขาร ทรมานตัวเองเรียนยุทธอะไร เพื่อฝันเป็นแม่ทัพนายกอง

 

เพียงมีความสามารถรักษาเครือข่ายของบรรพบุรุษ สานต่อประกอบการค้าของบรรพบุรุษได้

 จึงเป็นสิ่งที่ลูกหลานพ่อค้าควรกระทำ

ข้าเพียงต่างออกไป

ที่เป็นบุตรสายตรงของตระกูลหลักเพียงคนเดียว ใครเห็นเป็นต้องเอาอกเอาใจสามส่วน 

เคารพยำเกรงอีกสองส่วน ที่เหลือคิดหวังผลประโยชน์อีกห้าส่วน

 

ออกมาวิ่งเต้นนอกบ้านอย่างนี้ได้ นับเป็นสิทธิพิเศษ

การต้องมานอนเลียแผล หายใจหอบจากการทำงานหนักเช่นนี้ 

เรื่องนี้เพียงคิดได้ ฝันไม่ได้ ห่างไกลสำหรับความคำนึงของลูกหลานพ่อค้าผู้อื่นมากมายนัก

 

นอนไป มองไป คิดไป

ไม่ว่านานเท่าไหร่ ข้ายังอัศจรรย์ต่อการเจริญเติบโตของเด็กไม่ลดน้อยลง

ร่างกายของเด็กเล็กๆ นี้ดีจริง สวรรค์ชั่งสรรค์สร้าง เทพทั้งหลายประทานพร

เพียงอาทิตย์เดียว

ก็สร้างกล้ามเนื้อให้เย่เย่ดูเป็นผู้เป็นคนได้

หน้าตา คิ้วคางและผิวขาวซีดที่เคยหมดจด เด็กน้อยคนงามใต้ชายคาที่บอบบาง อ่อนแอ

ตอนนี้กลับดูสุขภาพดี ผิวขาวอมชมพู มีเลือดมีเนื้อ มีสายตาที่เข้มแข็ง

ความเปลี่ยนแปลงแม้จะเล็กน้อย แต่ก็ถือเป็นแนวโน้มที่ดี สำหรับวันเวลาที่ข้าจากไป

 

 

ยกมองแขนที่ยังคงเล็กลีบของตน

ใช่กรรมพันธุ์หรือไม่ ทอดทอนจนใจ

แม้กำลังจะมากขึ้นบ้าง แต่การฝึกออกกำลัง ทั้งขยับร่างกายอย่างถูกต้อง

แม้ในเวลาสั่นๆเพียงนี้ เทียบชาติอื่นๆของข้า ก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากกว่า

 

ข้าไม่ได้อยาก “สวย” หรอกนะ ความงดงามก็ถือว่าเป็นวาสนาของสัตว์โลก โดยเฉพาะการเกิดเป็นมนุษย์

แต่ยังไร ชาตินี้ก็เป็น 'เพศชาย' หน้าตาเหมือนฝ่ายรับมากไป มีแต่จะกวักเรียกเภทภัยใส่ตัว

อย่างเช่น เภทภัยตรงหน้านี้

 

 

สำรวจเด็กน้อยจากเท้าจรดศีรษะ

พิจารณาจากทรวดทรงองเอว เค้าหน้าและประสบการณ์กว่าหมื่นปีของข้า

 หากเย่เย่ยังไม่เลิกนิสัยลักเพศ ยามเติบใหญ่ขึ้นล่ะก็

และหากข้าไม่โตไปกว่านี้ หรือ เค้าหน้าไม่เปลี่ยนเป็น ผู้ชายมากกว่านี้ล่ะก็....

 

คำนึงถึงความปลอดภัยในเอกราช ก็คิดได้ประการหนึ่ง

หมายมาดการณ์ไกล จากนี้ไปคงต้องกดขี่มันให้มากไว้เสียแล้ว 

เพื่อปกป้องตัวเองขั้นพื้นฐาน

เหมือนตอนที่เราเลี้ยงลูกเสือ ลูกหมาใน

แม้โตขึ้นมันจะตัวสูงขึ้น แข็งแรงขึ้น มีความสามารถฆ่าเรา กัดกินเราให้ตาย

ก็จะติดที่ถูกปลูกฝังมาแต่เล็กแต่น้อย หลงลืมสัญชาติญาณเหล่านั้น

กลายเป็นเพียงลูกหมา ลูกแมวที่เชื่องเชื่อเท่านั้น

 

ฮึฮึฮึ

 

------------------------------------

 

ขุมความเย็นไม่ทราบที่มาเสียดแทงจนขนลุกเกรียว เย่เย่สบสายตาแปลกประหลาดแสนงามของคนตรงหน้า

มันเริ่มเรียนรู้ว่าประกายแบบนี้หมายถึง หายนะ

แต่ที่ติดขัดยากยอมรับที่สุดกลับเป็นตัวเอง

มันไม่เข้าใจตัวเอง

 

ต่อให้เป็นหายนะแล้วอย่างไร ความรู้สึกยากบรรยายนี้ใช่ ลุ่มหลงงมงาย หรือไม่

ขอเพียงเป็นสิ่งที่หยิบยื่นจากคนตรงหน้า

มันก็คิดแต่จะหมอบยอมรับการบังคับจัดการอย่างเต็มใจ

มันโปรดปรานความเจ็บปวดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 

 

(ปล. เรื่องนี้ไม่ใช่BL ผู้อ่านที่กำลังคิดโปรดระงับสติ)

-----------------------------------------

 

 

ต่างคนต่างคิด คนหนึ่งวางแผน จัดการคน คนหนึ่งยินดียอมรับทุกการจัดการ

"หยูดดด" ฮี้!!!

 ยังไม่ทันแปลกใจ กับรถที่ชะลอหยุด

ก็แววเสียงเรียบเย็นของเสียนจื่อที่เดิมนั่งข้างคนขับเคาะประตูรถ

"นายน้อย ‘คนธรรมดา’ ที่ท่านส่งไปหาศิษย์พี่ของท่าน ตอนนี้รออยู่ข้างนอก ท่านต้องการฟังความเลยหรือไม่"

 

"อืม ให้เข้ามา จอดรถแถวๆนี้ก่อน"

ประตูรถเปิดออก บ่าวชายหน้าตาธรรมดา ทรงผมรวบแบบธรรมดา

 ในชุดชาวบ้านธรรมดา ให้บรรยากาศธรรมดา 

เป็นชายที่รวมเอาองค์ประกอบของคำว่า “ธรรมดา” มาไว้ใน คนๆเดียว ปรากฏ ที่หน้าประตู

 เสียนจื่อดันคนผู้นั้นไปข้างหน้า ให้เจ้านายเห็นตัวคนมากขึ้น

 

"นายน้อย" มันค่อมตัวทำความเคารพ แม้แต่เสียงของมันก็ยังคงความธรรมดา

 

 

พิจารณาความธรรมดาของคนผู้นี้ตั้งแต่บังเอิญเห็นครั้งแรกภายใต้แสงสีส้มแดงของอาทิตย์อัสดง

 

 

--------------------------------------------------------------

 

 

 

มันคือผู้ที่ถูกโลกทอดทิ้ง

ใช่แล้ว ถูกทอดทิ้งมาตลอด  ทุกคนหลงลืมมัน มันไร้ความสลักสำคัญต่อผู้ใด

แม้แต่ต่อตัวเอง

มันเกลียดชะตาชีวิตของตัวเอง

 

วันนั้น มันต้องย้ายของจากห้องนอนของตัวเอง ที่พ่อบ้านเข้าใจว่าไม่มีคนใช้อีกแล้ว

 ยกห้องของมันให้คนรับใช้ที่เข้ามาใหม่

แม้เป็นความเข้าใจผิด ทุกอย่างก็ราบรื่น คราแรกพบมันกับคนใหม่เข้ากันได้ 

เรียกพี่ เรียกน้อง แบ่งห้องกันนอน

 

แต่หลังจากนั้น เพียงไม่กี่ชั่วยาม ไปทำงานกลับมา คนใหม่ผู้นั้นก็ลืมมัน

 เห็นในห้องมีของที่ไม่ใช่ของตัวเองก็เอาออกไปโยนทิ้ง

มันกลับมา ยังถามว่ามันเป็นใคร 

 

มันได้แต่ถอนใจ ทุกผู้คนล้วนปฏิบัติต่อมันเยี่ยงนี้

รวบรวมข้าวของออกมากองข้างทางเดินลานตึกที่อยู่ของบ่าวรับใช้

ความรู้สึกเอ่อล้น น้ำตาหลั่งไหล ร่ำไห้ด้วยความรันทดหดหู่

 

มันเข้าใจมาตลอดว่าสิ่งที่กำลังเกิดกับมันนั้นคือคำสาป

 ตลอดมาไม่เคยมีใครใส่ใจกับมัน ทั้งเรื่องดี เรื่องร้ายล้วนไม่คำนึงถึงมัน

 หลายครั้งที่มันต้องอดข้าวเพราะคนครัวจัดอาหารให้พอดีคน และลืมมัน

 

 เดิมมันก็เกิดมาในครอบครัวยากไร้ มีน้าสาวเพียงคนเดียวเลี้ยงดูมันมา 

จดจำบิดามารดาไม่ได้ แม้น้าสาวจะเลี้ยงอย่างทิ้งๆ ขว้างๆอยู่บ้าง 

จำมันได้บ้างไม่ได้บ้าง มันยังสำนึกบุญคุณชุบเลี้ยง เมื่อน้าสาวแก่ชราไม่อาจหาเงินทองเข้าบ้านได้อีก

ทั้งยังเจ็บป่วยบ่อยเข้า 

 

มันที่ไม่มีความรู้และยังเด็กจึงขายตัวมาเป็นบ่าวรับใช้ตระกูลใหญ่ 

หวังส่งเงินแม้เล็กน้อยให้น้าสาวใช้จ่ายทุกเดือน แต่เงินเดือนก็ยังได้บ้างไม่ได้บ้าง

 เนื่องจากพ่อบ้านฟางอวี้ก็จำการคงอยู่ของมันไม่ได้เช่นกัน

 

การเป็นที่เพิกเฉยของทุกผู้คนอย่างสิ้นเชิง เป็นความเคี่ยวกรำอย่างมาก 

หลายครั้งมันคิดฆ่าตัวให้ตกตาย ในเมื่อไม่มีคนคิดถึงมัน ไม่รับรู้ถึงมัน ไยมันต้องทนอยู่ต่อไป

 รอชาติหน้าเกิดใหม่ ต่อให้เป็นคนยากจนอีกครั้ง หรือสัตว์เดรัจฉาน ก็ยังดีกว่าทนทุกข์เช่นนี้

 

 

เพียงแต่น้าสาวของมันชรามากแล้ว ไม่มีใครเลี้ยงดูนาง หากไม่มีมัน 

น้าสาวจะอยู่อย่างไร เพียงคิดมันก็ไม่อาจตัดใจตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปได้

 

มันที่ได้แต่ร่ำไห้กับชะตาชีวิตของตัวเองนั้น จู่ๆ หางตาก็เห็นเงาดำเงาหนึ่งทอดยาวลงมาต้องตัวมัน

 ดวงตาคลอน้ำเห็นเพียงเค้าร่างของคนตัวเล็กผู้หนึ่ง

อาทิตย์อัสดงสีส้มแดงแยงตา เสียดแทงให้ต้องหรี่ปรือ ยกแขนป้องบังแดด

 แต่น้ำตาที่ชุ่มโชกทำให้ภาพตรงหน้ายิ่งมายิ่งพร่าเลือน 

มันรีบยกแขนเสื้อเช็ดหูตาที่เปรอะทั้งน้ำมูกน้ำลาย และน้ำตามั่วไปหมด

 

ด้วยความละอาย หน้าตา หู คอ จึงแดงก่ำราวผลสือหลิวสุก(ทับทิม)

 มันอายุไม่น้อยแล้ว มาร้องไห้แสดงความอ่อนแอต่อหน้าเด็กคนหนึ่งได้อย่างไร

ไฉนสวรรค์จึงบันดาลให้มันอาภัพเพียงนี้ ผู้อื่นข่มเหงรังแกมัน 

ยังส่งเด็กที่ไหนไม่รู้มาซ้ำเติมความน่าสมเพศเป็นโชคสองชั้น

 

  มีเด็กน้อยหน้าตางดงามมายืนอยู่ตรงหน้ามันผู้หนึ่ง

จะร้องต่อก็ไม่ออก

จะไปไหน ตอนนี้หัวตื้อตึง ก็คิดไม่ออก

จะออกปากไล่คนก็ไม่มีแรง

มันจึงนั่งเศร้าซึมอยู่อย่างนั้น หวังให้เด็กน้อยนั้น เห็นมันไม่สนใจ จนเบื่อจากไปเอง

 

เพียงนานไป นานไป

คนที่ภาวนาให้ไปกลับไม่ไป เอาแต่ยืนต่อหน้ามันอย่างนั้น

เหลือบมองเด็กน้อยที่เบื้องหน้า ต้องขยับกายด้วยความอึดอัดลำบากใจ

เมื่อปราศจากน้ำตา มองผ่านเปลือกตาที่ปูดบวมจากการร้องไห้

ตอนนี้มันเห็นคนตรงหน้าชัดตาแล้ว ดวงตากลมโตสีฟ้ากระจ่างสวย แพขนตายาวดกหนา

 

กำลังจ้องเอา จ้องเอา

ประเมินมัน ตรวจตรามัน ให้ร้อนๆหนาวๆ

ยังเดินวนรอบมันอีกหลายรอบ ประกายตาแปลกประหลาดขึ้นทุกขณะ

อย่างที่มันไม่เคยพบเห็นจากที่ใด ทั้งไม่ทราบคิดอันใด

มันราวเป็นเพียงสินค้าที่เปล่าเปลือย คิดเห็นอะไรอย่างไร ล้วนกระจ่างชัดเจนภายใต้ดวงตาคู่นี้

ชั่ววูบนั้นเหมือนมันตาฝาดไป กลับเห็นมุมปากสีชมพูบางนั้นยกยิ้มน้อยๆอย่างชั่วร้ายออกมาแล้วจางหาย

 

 

 

ขนทั่วทั้งร่างมันลุกชันขึ้น หวาดผวาอยู่ไม่สุข เตือนภัยมันอย่างหนัก

นึกไปถึงคุณชายน้อยอัจฉริยะ จอมเจ้าเล่ห์ และมีอารมณ์ขันอันร้ายกาจคนนั้น

ที่เหล่าบ่าวรับใช้เล่าลือกันอย่างเงียบๆไปทั้งจวน

แม้มันจะยังไม่เคยพบ แต่ต้องใช่อย่างแน่นอน

 

 

หน้าตาท่าทางสง่าราศี เปล่งรัศมีสูงส่งเหนือคนอย่างผิดประหลาด

 มันหนีเสือปะจระเข้ คุณชายน้อยฉี ฮัวเหลียน เสียแล้ว ในใจได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาอีกระรอก

ใครๆล้วนกล่าวกันว่านายน้อยมีรอยยิ้มที่หาได้ยากกว่าการตามหาให้พบสาวงามล้มเมืองสักคนเสียอีก 

วันนี้มันเพียงเผชิญหน้า ไม่ถึงครึ่งชั่วยามกลับมีบุญ?ได้เห็น !!

ในเมื่อชาตินี้จำไม่ได้ คาดว่าชาติที่แล้ว...หรือที่แล้ว...แล้ว ไปอีก

 

มันคงทำกรรมไว้ไม่น้อย โฉดชั่วเลวทราม ข่มเหงผู้คน

หลับตายอมรับชะตา จิตใจเปล่งรัศมีสงบสันติ 

ชั่วขณะนั้นมันปล่อยวางความอาลัยในโลกนี้ของมันได้แล้ว

ใจล่ำลาท่านน้าชราที่น่าสงสาร

 

เพียงแต่ หลังจากนั้นมันกลับต้องแปลกใจอย่างที่สุด

คุณชายน้องที่เล่าลือกัน ดูจะไม่ได้เป็นอย่างคำว่า

หรืออย่างน้อย

มันก้มหน้ายอมรับกับตัวเอง

ถึงจะเป็นอย่างคำว่าจริง ทั้งยังอาจจะน้อยกว่าความจริงไปสักหน่อย

 ก็เป็นเพียงข่มเหงผู้อื่นอย่างโหดร้ายไปเท่านั้น

แต่มันกลับถูกละเว้นจนน่ากลัวยิ่งกว่า ราวกับกวางน้อยอาศัยร่วมชายคาพยัคฆ์

 

 

 

พยัคฆ์ เดินส่าย ไปๆมาๆ .......มาๆ ไปๆ

จะรับประทานก็ไม่ทำ ลูบหัว เขี่ยหาง แยกเขี้ยวยิ้มแย้มใจดีที่สยองขวัญสั่นประสาท ทั้งนัยตาวาววับสะกดร่าง

มองดูเหยื่ออื่นโดนรับประทานไปตัวแล้วตัวเล่า มันยิ่งได้นอนอุ่น อยู่ดีกินดี

กล่าวไปเรียกได้ว่าเป็นความสะท้านขวัญทุกย่างก้าวอย่างแท้จริง

 

 

มันทราบว่าคนสนิทคุณชายอย่างเสียนจื่อยังไม่ได้รับการละเว้น

 เพียงอาจโดนน้อยกว่าบ้าง ทั้งยังไม่ใช่นายน้อยเมตตา แต่เป็นเจ้าตัวรู้เอาตัวรอด 

แม้อายุยังน้อยเสียนจื่อฉลาดเป็นกรดคนนั้น รู้หลบเป็นหลีก ทั้งไหลตามน้ำ 

มันเองยังนับถือเลื่อมใส ทั้งหวาดหวั่นต่อเสียนจื่อ

 

 ในการคัดโยนผู้อื่นที่น่าสนใจกว่าให้นายน้อยหยอกล้อ สร้างหนทางรอดแต่พอตัว

 มันเองยังตัดใจอำมหิตได้ไม่เท่าคนผู้นี้ ยังกลัวสักวันสายตาสีดำสนิทคู่นั้นจะรับรู้การคงอยู่ของมัน 

คัดโยนมันให้นายน้อยเพื่อเอาตัวเองรอด

ในจวนตระกูลฉีถ้าไม่นับนายท่าน ฮูหยินใหญ่ และนายน้อย ยังไม่มีใครกล้าหายใจแรกต่อหน้าเสียนจื่อสักราย

มองคุณชายน้อยด้วยจิตหวั่นหวาด

 

มันไหนเลยกล้าคาดหวังความเมตตา

 

หลังฟังความเป็นมาจากปากคำมัน คุณชายฉีกลับสั่งจัดที่หลับนอนให้มันอย่างดี ย้ายตัวมันมาทำงานในเรือนตะวันตก

 ใช้งานมัน ฝึกฝนเรื่องต่างๆ แปลกๆแก่มัน พยายามจดจำมัน ทุ่มเทสติปัญญากับมัน

 ให้ความสำคัญกับมันอย่างที่มันไม่เคยได้รับจากผู้ใดมาก่อน

 

แม้ยังเยาว์ ก็ไม่ใช่คนโง่ ใครจึงยื่นขนมให้ใครเฉยๆ แต่มันก็ยังไม่ได้มีความคิดอ่านมากมาย

 ได้รับการยอมรับ ให้ความสำคัญ มันไหนเลยไม่ทุ่มเทใจกายให้คนผู้นั้นอย่างสำนึกตื้นตัน

 เมื่อไม่เคยได้ วันใดได้รับต่อให้ตีมันจนตาย มันจึงไม่คิดปล่อย 

เพื่อให้แน่ใจว่า เจ้านายจะยังคงเห็นมันอยู่ในสายตา ไม่หลงลืมมันไป

 

 

มันจึงได้แต่ต้องฉลาดมากขึ้น ระมัดระวังมากขึ้น เพื่อให้ไม่ถูกทอดทิ้งอีกต่อไป

บุกทะเลเพลิง ภูเขาดาบ ล้วนไม่คำนึง

 

นายน้อยสอนมันแตกต่างจากที่สั่งสอนเสียนจื่อ เป็นความรู้ที่มันไม่เคยคิดฝันว่ามีอยู่จริงมาก่อน

นอกจากวิชาความรู้พื้นฐาน เขียน อ่าน

 

 ยังการปลอมแปลงโฉม การแสดง การสะกดรอย การเคลื่อนที่ดุจเงา

 และการสะเดาะกลอนประตู เล่นกลมายาประหลาดที่นายน้องเรียกมันว่า มายากล

 

 

โดยเฉพาะการรู้สังเกตสิ่งนี้สำคัญมาก นายน้อยว่าอย่างนั้น  ทั้งคน บ้านเรือน ไม่อนุญาตให้สิ่งใด ลอดพ้นสายตามัน

นายน้องสร้างสัญชาติญาณแห่งความเฉลียวให้แก่มัน นอกจากความฉลาด และเอาตัวรอด 

ไม่เพียงฝึกตัวต่อตัว

 

เพื่อให้มั่นใจ หลายครั้งนายน้อยสั่งให้มันไปขโมยของและข้อมูลทั้งในจวน นอกจวน

ทั้งที่ทำการราชการ

ทั้งเคยสั่งคนติดตามล่ามัน ให้มันรู้จักการหนีหัวซุกหัวซุน เพื่อเอาชีวิตรอด ครั้งแล้วครั้งเล่า

สุนัขล่าเหยื่อที่ปล่อยมายังไม่พ้นคนในจวนที่กำลังโมโห ชาวบ้านที่โกรธแค้น และเจ้าหน้าที่ทางการที่โดนเหยียบตาปลา

แม้บอกกล่าวล่วงหน้าให้มันวางแผนเตรียมตัว

 

แต่ส่วนมาก

 

ด้วยนิสัยใจคอขี้เล่นของนายน้อยจะเป็นสร้างความประหลาดใจต่อมันเสียมากกว่ามาก

หลายครั้งนายน้อยคาดเดาควานหาที่หลบซ่อนของมันจนเจอ

 ส่งการคาดเดาที่แม่นยำนี้ผ่านเสียนจื่อที่กระตือรือร้นอย่างไม่เต็มใจในความยากลำบากของผู้อื่นไปให้เจ้าหน้าที่ทางการ

. ยังบอกเหตุผลว่าเพียงต้องการฝึกมันให้แข็งแกร่งต่อการถูกทรยศหักหลัง

 

ต้องซ่อนตัวที่ใหม่ไปเรื่อย ทั้งพยายามคิดหนีให้ไม่ถูกเดาทางได้ หลายครั้งใช้เวลาหลายวัน ร่างกายหิวโหยทรุดโทรม

เพียงมันสามารถกลับมายืนต่อหน้านายน้อยได้ รอบนั้นจึงถือว่าผ่านแล้ว

 

 

จากการฝึกฝนอย่างหนักและโหดร้ายเสี่ยงเป็นตาย

ชาวบ้านร้านถิ่น และเจ้าหน้าที่ทางการ จึงให้ฉายาโจรอย่างมันว่า

“จอมโจรไร้ตะเข็บ” อย่างออกจะเคารพยกย่องสามส่วน ประชดเสียดสีอีกแปดส่วน

คำนี้มีที่มาจาก คำภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ เนื่องจากมันไม่เคยทิ้งร่องรอยให้ติดตาม 

ไม่เคยมีใครจับมันได้ แม้มันจะออกอาละวาดทั่วทั้งเมืองมาหลายปี

 

 

แต่มันไม่ใคร่ยอมรับฉายา “จอมโจร” นัก

 มันไม่เคยขโมยอะไรจริงๆสักครั้ง พอเรื่องซาลง มันก็จะนำของไปโยนคืนให้ที่หน้าประตูอยู่ดี

ฉายาที่ออกมาในทางร้ายนี้ คิดว่าไม่เป็นธรรมต่อมันอยู่บ้าง

 

หวนนึกไปว่า ทุกอย่างของมันเป็นนายน้อยอบรมสั่งสอน มันเองยังไม่กล้าอวดดีเทียบรอยเท้าอาจารย์

อย่างนั้นแล้ว

นายน้อยสมควรมีฉายาอะไร ???

 

อยู่ไป อยู่ไป

ในครั้งหนึ่งมันฉุดคิดอันใด

ความจริงแล้วเป็นมันเข้าข้างตัวเองมากเกินไป ลึกๆแล้วมันเคยคิดว่าทั้งหมดที่มันได้มาเป็นนายน้อยให้ความเมตตาแก่มัน

นึกเอ็นดูมัน แม้ตีก็เพราะหวังดีให้มันได้ดี นึกสงสารชะตากรรมของผู้ถูกทอดทิ้งของมัน

เหล่านั้นเพียงเป็นเฟ้อฝันไร้เดียงสาของมันผู้เดียว

 

นายน้อยไม่ได้ละเว้นที่จะข่มเหงมัน เพียงฝึกฝนมันให้สามารถเป็นของเล่นที่น่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น

ความยากลำบากในการหลบซ่อนตัว การหนี และบาดเจ็บ

โดดเล้าไก่ ลอดทางสุนัข ดำน้ำท่อระบาย ทั้งการหลบซ่อนตัวที่หิวโหยเจียนคลั่ง

 

เหล่านี้เป็นเพียงปฐมบทของอารมณ์ขันอันร้ายกาจของนายน้อยเท่านั้น

เป็นเพียงคุณชายผู้หนึ่งที่กินอิ่มไม่มีอะไรทำเท่านั้น

หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

ยักไหล่ ถอนใจ อับจนปัญญา

 

แต่แล้วอย่างไร มันมีวันนี้ได้ไม่ใช่เพราะความว่างงานของนายน้อยหรอกหรือ??

ที่ยังดีทุกครั้งของรางวัลของมันก็จะได้มากขึ้นตามความสามารถและความหมดจดของงาน

เงินและข้าวของที่ส่งไปให้น้าสาวก็มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังมีเงินเหลือเก็บ สามารถใช้จ่ายได้ในระดับที่มีความสุข

สถานะของมันตอนนี้ มันพอใจอย่างยิ่ง

นายน้อยนำคำสาปของมัน มาสร้างตัวมันที่โดดเด่น สร้างความเชื่อมั่นในตัวเองและความภาคภูมิแก่มัน

มันรักตัวเองมากขึ้น รักชีวิตมากขึ้น แม้ลำบากไปบ้าง มันยังมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

ถึงคราแรกนึกอาคาตโกรธแค้นนายน้อย ข่มเหง รังแกมันรุนแรงไปแล้ว

ภายหลังกลับพบความจริงประการหนึ่ง 

ทุกครั้งที่มันกระทำการเสี่ยงอันตราย แทบเอาชีวิตไม่รอดเหล่านั้น 

นายน้อยจะจัดเตรียมการเผื่อสำหรับเหตุการณ์ที่อาจเลวร้ายที่สุดเพื่อช่วยเหลือมันให้รอดไว้อยู่เสมอ

เพียงเพราะมันยังไม่เคยผิดพลาดมาก่อน มันจึงไม่ทราบเรื่องพวกนี้

 มันจึงมาฉลาดมากขึ้นก็เป็นหลังจากนายน้อยใช้เวลาฝึกมันไปหลายปี

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา