บันทึกป่วน วิญญาณนิสัยแย่

8.0

เขียนโดย Broskev

วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.31 น.

  20 ตอน
  0 วิจารณ์
  21.85K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) ศิษย์เตรียม..เอาเถอะ ข้าจะละเว้นเด็กน้อยคนนี้สักคน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เราไปถึงสำนักฝึกยุทธสายไปจากกำหนดการเพียงไม่นาน

เจียงเย่กระโดดออกมาจากรถก่อนแล้วจึงหันมาประคองข้าลงอย่างเบามือ ด้วยสีหน้าสำรวม

เราอายุเท่ากันแท้ๆ แต่เด็กคนนี้ทำตัวราวกับตัวเองเป็นพี่ใหญ่ที่มีหน้าที่ต้องโอบอุ้มน้องตัวน้อยเอาไว้ราวสมบัติล้ำค่า

 

ช่างแตกต่างจากเมื่อครู่ราวคนละคนแหงนหน้าขึ้นไปยังแผ่นป้ายชื่อสำนักด้านข้าง เขียนด้วยหมึกดำลายมือหนักแน่นทรงพลัง

 “สำนักฝึกยุทธ อาจารย์ไป๋”

 

 

อืม เป็นชื่อที่ธรรมดามาก ความประทับใจแรก ด้านความคิดสร้างสรรค์ติดลบ 50 คะแนน

แหงนหน้ามองขึ้นไป มองขึ้นไปอีก และขึ้นอีกนิด เหลือกซ้าย จรดขวา

 มองรูปแบบของประตูใหญ่ และข้างของสำนัก เคร่งขรึม ใหญ่โตแผ่ซ่านข่มขวัญผู้คน

ประตูนี้ใหญ่มากขนาดรถม้าสามคันเข้าออกพร้อมกันสบาย

โวะ บ้านเบิ้ม ล่ำซำใช่น้อย กิจการสำนักยุทธนี่ก็ค้าขายไม่เลว

ได้ยินมาว่าเป็นสำนักฝึกยุทธที่โด่งดังที่สุดแถบนี้ 

สำนักอื่นใหญ่น้อยล้วนเกรงขาม เพราะมีแต่พวกคน(ตัว)ใหญ่(นักเลง)โต 

ชอบกร่างหาเรื่องเค้าไปทั่ว ขู่กรรโชกเด็ก เตะหมา ขืนใจคนชราล้วนเป็นความภาคภูมิใจ

 ใครๆล้วนขยาด ไม่อยากคบค้าสมาคม

 

 

ออ อันนั้นเค้าลือกัน ข้าก็ไม่รู้สินะ

 

 

ค่าเล่าเรียนก็ไม่แพงมาก คนจน คนรวยสามารถเรียนได้หมด

 ด้วยวิสัยทัศน์ของเจ้าสำนักมองการณ์ไกลออกแบบการทดสอบสุดหิน

 หลายคนเรียนหลายสิบปีก็ยังไม่จบ สำนักก็เลยหากินไปได้นาน

 

ออ อันนี้ก็ข้าไม่รู้ ข้ามั่ว

 

 

ด้วยแม่ใหญ่ได้แจ้งเรื่องกับทางสำนักยุทธมาตั้งแต่แรก ทุกอย่างจึงราบรื่น

เราทั้งคู่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากอาจารย์ฝ่ายธุรการพาพวกเราชมสถานที่

 

ที่นี่ประกอบไปด้วยห้าส่วนเป็นส่วนกลางสำหรับกิจกรรมต่างๆส่วนศึกษาธนู

ดาบ-กระบี่ทวน และมือเปล่า โดยเรียนตามความถนัดของผู้เรียน

ซึ่งคนที่จะตัดสินได้ว่าผู้เรียนถนัดอะไรก็ขึ้นกับทั้งความชอบและอาจารย์ที่ปรึกษาจะแนะนำให้

การศึกษาอาวุธอื่นๆ นอกจากนี้ขึ้นกับว่าจะได้อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นใคร

พื้นที่แต่ละส่วนกว้างใหญ่ โอ่โถง สามารถให้ศิษย์เข้าฝึกพร้อมกันครั้งละ 500 คนได้อย่างสบาย

ศิษย์แต่ละส่วนจะสวมใส่เสื้อผ้ารัดกุม ทบซ้ายขวาเรียบๆกับกางเกงขายาวและรองเท้าหุ้มข้อรูปแบบเดียวที่แตกต่างกันไปเพียงสีเท่านั้น

ส่วนในเรื่องการฝึกขี่ม้าศิษย์ที่ต้องการเรียนต้องไปหาม้าเอาเองและให้รุ่นพี่กลุ่มที่โตที่สุดสอน

โดยสำนักยุทธได้จัดเตรียมคอกม้าขนาดใหญ่เอาไว้ให้ และต้องดูแลม้าของตัวเองด้วยตัวเอง

 ในคราแรกเรายังไม่ได้รับการบรรจุเรียนแต่จะเป็นการทดสอบความสามารถของเราว่าเหมาะจะเรียนที่นี่หรือไม่และเรียนอะไรเรียกว่า ศิษย์เตรียมซึ่งก่อนจะเข้ารับการทดสอบ ทางสำนักจะการฝึกร่างกายพื้นฐานก่อนห้าเดือนระหว่างนี้เราจะได้ลองจับอาวุธทุกอย่างเพื่อหาแบบที่เหมาะกับเราที่สุดในสองเดือนหลังเดินไปฟังอาจารย์ธุรการไป มองรอบกายไป ที่นี่กว้างใหญ่มากจริงๆเราสามคนเดินผ่านระเบียงแล้วทางคดเล่า จากงงทางจนเลิกจำทาง

 

อาเย่มองสำนักยุทธอย่างกระตือรือร้น สนอกสนใจ แม้แต่ข้าเองก็กวาดตามองอย่างถ้วนถี่

ที่นี่ใหญ่โตคดเคี้ยว ยังมีส่วนหน้าที่เป็นส่วนศึกษาและหอพัดที่ศิษย์เข้าถึงได้และส่วนหลังที่เป็นส่วนของอาจารย์ซึ่งห้ามเข้าหากไม่ได้รับอนุญาต

 

กลุ่มศิษย์เตรียมรวมตัวกันอยู่ตรงที่โล่งกว้างส่วนตะวันออกเฉียงใต้ กำลังศึกษาวิชาแรกของวันคือฝึกกำลังทุกคนรวมตัวเรียงแถวหน้ากระดานกันอยู่ในชุดฝึกซ้อมสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของพวกเตรียมยามนี้กำลังวิ่งไปรอบๆสนามหญ้าขนาดใหญ่โดยอาจารย์ท่าทางเข้มงวดคนหนึ่งยืนเฝ้าอย่างแข็งขันข้าและอาเย่ได้ใส่ชุดศิษย์เตรียมมาตั้งแต่แรกดังนั้นเราจึงถูกส่งออกไปวิ่งกับกลุ่มทันที

 

 

จนถึงยามบ่ายข้าก็แทบเป็นลมไปหลายรอบ จากการสำรวจประชากร

 ข้านั้นจัดเป็นเด็กที่อายุน้อยและตัวเล็กบอบบางที่สุดในกลุ่ม

ทั้งท่านแม่ก็ไม่ยอมให้ข้าต้องทำงานหนักมาก่อน ข้าเองเกิดมาก็ขี้เกียจ

 นั่งกินนอนกิน ร่างกายที่เกิดใหม่ร่างนี้จึงอ่อนแอ แขนขาเล็ก

 เพียงนิดหน่อยก็หอบ วิ่งไปนานหน่อยก็สะดุดละอองฝุ่น

 

 

อายุเท่าๆกัน อาเย่กลับ ตัวโต แข็งแรงกว่าข้ามากอาจเป็นเพราะมันไม่ใช่คุณชายที่มีความสำคัญในตระกูล

งานหลายอย่างต้องจัดการทำด้วยตัวเอง

 

ครานี้จึงได้เห็นน้ำใจของเด็กน้อย ที่คอยหันกลับมารอข้าเสมอบ้างช่วยประคอง บ้างช่วยพยุง

อีกทั้งช่วยยกถังน้ำที่ทุกคนได้รับมอบหมายให้ตักเติมตุ่มให้กับทุกสำนักรุ่นพี่ หอพักศิษย์และส่วนของที่พักอาจารย์

รอบกาย ต่างคนต่างทำงาน ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครพูดคุยกัน

มาคิดๆดูแล้วพวกเตรียมก็เปรียบได้กับเด็กเบ้ดีๆนี่เอง 

ทั้งงานปัดกวาด ทั้งทำความสะอาด ล้างห้องน้ำ เอาน้ำใส่ตุ่ม

 

 งานอะไรที่เป็นการใช้แรงงานล้วนเป็นหน้าที่ของเด็กเตรียมทั้งสิ้น

เฮอะ เจ้าสำนักเจ้าเล่ห์ ได้เงินจากค่าเรียนแล้วยังได้แรงงานอีกด้วย

 

มองมือ มองร่างกายตัวเอง

ข้าในตอนนี้ไม่ต่างกับขอทานเมื่อเช้าเลยแม้แต่น้อยมอมแมม เลอะ และยุ่งเหยิงไปทั้งตัว

  เท้าบอบบางเจ็บจนน่าจะพอง มือขาถลอด นิ้วก็พองและสั่นระริกด้วยความล้า

แต่ก็ไม่ใช่ข้าคนเดียวหรอกที่อาการสาหัส แม้อาเย่จะแข็งแรงกว่าข้า

 แต่กลับแบกรับงานหลายอย่างไปจากข้า

 สภาพของเด็กคนนี่จึงไม่ได้ดีกว่าข้าเลย เราทั้งสองทั้งเหนื่อยสาหัสและหิวตาลาย

 

 

เมื่อย้ายสถานที่ทำงานไปยังจุดต่อไปก็ได้แต่จับจูงมือประคองกันไปอย่างทุลักทุเล

ดีที่ข้าและอาเย่ลงเรียนครึ่งวันเช้าอย่างเดียว

 

 เราเร่งทำงานที่ได้รับมอบหมายชิ้นสุดท้ายให้จบให้ไวที่สุดเพื่อจะได้กลับบ้านเสียที

สุดท้าย ด้วยความพยายามอย่างหักโหม ร่างกายของข้าก็ทนไม่ไหวหน้ามืดไปอาเย่จึงต้องทำส่วนของข้าอีกครั้งและยังต้องแบกข้าขึ้นหลังกลับไปที่รถม้าของเราเพื่อกลับบ้าน

ทั้งที่เย่เย่โดนข้ารังแกมาตลอด กลับยังได้เห็นน้ำใจของเด็กน้อยคนนี้

เอาเถอะ ข้าจะละเว้นเด็กน้อยคนนี้สักคนล่ะกัน   เราทั้งคู่นั่งอิงกันและกันหลับไปบนรถม้าด้วยความอ่อนเพลียจนกระทั้งถึงบ้าน

 

 

 

...........................

 

 

 

ตุบ แกร๊ก

น้ำใสกระเซนออกมาเป็นประกายต้องแสงอาทิตย์ร้อนจ้าแสบตา ก่อนจะทำให้พื้นดินแถบนั้นขึ้นสีเข้มเป็นหย่อมใหญ่

จากมือ สู่ มือ  ร่วมกันแข็งขัน บ้างคอยเปลี่ยนน้ำ บ้างคอยเช็ดถู บ้างคอยปัดกวาด

 

 

ศิษย์เตรียมแต่ละคนได้รับการจัดสรรให้รับผิดชอบงานในหน้าที่ของตนอย่างเป็นระบบ 

ภายใต้การกำกับดูแลของรุ่นพี่ จากรุ่นสู่รุ่น ที่จะคอยผลัด คอยเปลี่ยนกันมาควบคุมดูแลรุ่นน้อง

 

วิธีการนี้นอกจากทำให้พี่น้องในสำนักเดียวกันได้ทำความคุ้นเคยกัน 

ยังถือเป็นการดูตัวรุ่นน้องก่อนพิธีคัดเลือกศิษย์อีกด้วย

 

เรื่องการรับศิษย์นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ข้าชอบแนวคิดเกียจคร้านอย่างมีประสิทธิภาพนี่นะ

 

จะแนะนำให้เจ้ารู้จัก

 

ตามระบบสำนัก เพื่อแสดงความสามารถของผู้สำเร็จการศึกษา

ศิษย์นอกจากจะต้องสามารถผ่านการทดสอบของอาจารย์ ที่สำคัญกว่านั้น

 

ยังต้องสามารถถ่ายทอดได้ดีอีกด้วย

เจ้าเริ่มเข้าใจอะไรตงิดๆหรือยัง?

 

 ประเพณี รับศิษย์น้องจึงเกิดขึ้น เพื่อให้ศิษย์พี่ได้ลงมือสั่งสอนวิชาความรู้ที่ได้เรียนมาทั้งหมดแก่รุ่นน้อง

 

เฮอะ ใช่แล้ว คำเหล่านี้ล้วนเป็นคำพูดสวยหรู 

 

ก็แค่ตาเฒ่าเหล่านั้นหวังนอนตีพุงสบายใจเฉิบ

ด้วยแนวคิดให้ทดสอบศิษย์พี่ผ่านศิษย์น้อง

ทั้งเพื่อชื่อเสียง และเพื่อความสำเร็จ รุ่นพี่ทั้งหลายจะไม่ลงแรงแข็งขัน ขุดความสามารถทั้งหมด ยัดใส่รุ่นน้องได้อย่างไร

 

นอกจากได้ขี้เกียจแล้ว ยังได้ศิษย์เก่ง สร้างชื่อให้สำนักได้อีกเป็นทวีคูณ

 

เพราะเพื่อป้องกันเหตุผิดพลาดของตัวเอง ศิษย์พี่ก็มักจะหาน้องเข้าสังกัดสัก สองคน

 หากคนใดคนหนึ่งพลาดไป เป็นตายร้ายดีก่อนรุ่นพี่จบ ก็ยังมีสำรองอีกคนให้อุ่นใจ

 

ดังนั้น ช่วงคัดคนใหม่สักคนจึงพิถีพิถันมากเพราะรับแล้วเปลี่ยนไม่ได้

 

ทั้งรุ่นพี่ก็ไม่จำเป็นต้องรับให้ได้ในรอบนั้นๆ ถ้าไม่พอใจจะรอไปรอบหน้าก็ได้ เพียงจบช้าไปสักหน่อยเท่านั้น 

ส่วนศิษย์เตรียมที่เข้าใหม่ กลับร้อนใจกว่า 

 

ถ้าไม่ได้รับการคัดเลือกจากรุ่นพี่ ก็จะถือว่าไม่มีความสามารถมากเพียงพอจะเข้าสำนัก 

พอหมดสิ้นห้าเดือนก็จะถูกขับไล่ให้จากไป

ตั้งแต่แรกเข้า ยันจบงาน ผู้เฒ่าบนหอคอยงาช้างแทบไม่ต้องออกหน้า

 

งานเบาเงินดีเยี่ยงนี้ นึกๆก็ไปให้ยอมรับทั้งนับถือ เลื่อมใส

เลื่อมใสก็ส่วนเลื่อมใส มือก็ทำงานของตนไป

 

ภายใต้สายตาประเมินสินค้าของศิษย์พี่ที่ยืนรายรอบ เร้าร้อนจนเล่นเอาคนถูกมองก้มหน้า 

ทำงานกันงุดๆ หลายคนพยายามทำตัวให้ดูขยันขันแข็ง บ้างดูว่านอนสอนง่าย บ้างทำตัวเป็นคนแข็งแรงบึกบึน

 

ข้าเหลียวซ้าย ชำเลืองขวา  ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นจริงหรือแสร้งดัด

ตอนนี้ยังไม่ถึงรอบของข้าทำตัวโดดเด่น

 

ประเมินรุ่นพี่ที่มาเลียบๆเคียงๆดูเด็กวันนี้แล้ว แต่ละคนยังไม่เข้าตาข้าเท่าไหร่

ว่ากันตามตรง การคัดเลือกนี้ก็เป็นการตัดสินใจของทั้งสองฝ่าย 

 

หลังจากนี้ยังต้องพึ่งพาอาศัยกัน ทั้งในสำนักและอนาคต รุ่นพี่ที่ดีก็จะให้เส้นสายที่ดี คอยอุปถัมภ์ค้ำชูกัน

ในเมื่อข้าเป็นบุตรพ่อค้า ย่อมต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่ มั่นคง เชื่อถือได้ ทั้งให้กำไรดีที่สุด

 

อีกอย่างคนที่ข้าหมายหัวไว้ข้าต้องไปหาคนผู้นั้นเอง

สำหรับวันนี้ ข้าเพียงหวังให้การทำงานเสร็จไปด้วยดีเท่านั้น

 

 

เจ้าอาจจะสงสัย อะไรทำให้ข้าว่าง่ายยอมทำงานไม่ล่อลวงใครมาแทน

ซึ่งใครคนนั้นจะเป็นใคร เจ้าก็น่าจะเดาได้ หนะนะ

 

ความจริงข้าอยากนะ ด้วยทุกอย่างที่มี ข้าแลกได้กับการได้ไปนอนเล่น 

กระดิกเท้า ขณะที่คนอื่นทำงาน “ของข้า” แต่น่าเสียดายที่ข้ารักตัวเองกว่านั้น

 

หากงอมืองอเท้า สุดท้าย เมื่อไหร่ร่างกายนี้ของข้าจะโตและแข็งแรง หลุดพ้นกรรมพันธุ์แคระแกร็นนี้ได้

เพราะว่าข้าตัวเล็กมาก รุ่นพี่ผู้ดูแลจึง เปลี่ยนให้มาทำงานอย่างการ ปัดกวาด เช็ดถู

 

ด้วยกลัวว่าข้าจะมุดเข้าไปในถังสักใบแทนที่จะหิ้วมันและทำงานให้เสร็จ

ปาดเหงื่ออีกรอบ   มองพื้นที่เป็นเงาวาวด้วยฝีมือตัวเอง

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าทำงานระดับล่าง ข้าคุ้นชินกับมันมากจนสลักในเลือด

ในทุกสังคม ในทุกภพ ทุกโลก คนระดับล่างเป็นประชากรส่วนมากเสมอมา

 

ดังนั้น สัดส่วนการเกิดเจ็ดในสิบของข้า จึงไม่ไกล เป็นจับกัง เป็นกุลี คนรับใช้

แม้แต่ ขันที นางกำนัล ข้าล้วนไม่พลาด

 

แต่ถึงข้าจะเป็นคนรับใช้ ข้าก็เป็นคนรับใช้ที่ดี ไม่แพ้ขันทีทรราชจ้าวเกาของจิ๋นซีฮ่องเต้เชี่ยวหละ หึหึ

อะไร!! เจ้าไม่รู้จักจ้าวเกา??

ไม่เป็นไรๆ รู้เพียงว่าคนผู้นี้ก็แค่ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้ที่มีอำนาจ และเลวมากคนหนึ่งเท่านั้นก็พอ

 

เป็นไร เริ่มนับถือเลื่อมใสข้าเป็นพิเศษแล้วสิ

 

คนยากจนก็มีวิธีการดิ้นรนของคนยากจน เพียงน้ำยาทำความสะอาดอย่างง่ายๆที่ปรุงเอง 

งานของข้า งดงามเรียบร้อย รวดเร็ว เสร็จงานตรงนี้ เริ่มงานตรงนั้น ขัดๆถูๆ ขยับร่างกาย

 

รอเพียงให้ร่างกาย ปรับตัว รอให้มันค่อยๆแข็งแรง ให้ตัวสูงขึ้น เพียงพื้นฐานร่างกายยืดหยุ่นกว่านี้อีกนิด

เมื่อรวมกับภูมิปัญญาความรู้ที่มี การปรับลมหายใจ เดินลมปราณทำสมาธิ กับขยับร่างกาย และ เคลื่อนไหวที่ถูกวิธี

เพียงทุกอย่างกลับมาอย่างที่มันควรจะเป็น ถึงตอนนั้น

 

จะไม่มีสิ่งใดทำให้ข้าล้มได้อีก

ผ่านไป เพียงอาทิตย์เดียวข้าก็ แทบไม่ต้องพึ่งพิงอาเย่อีก ทำงานได้ไม่ต่างจากคนอื่น

แต่ข้าก็เพียงถึกขึ้นเท่านั้น แขน ขา ตัว ยังลีบเล็กเหมือนเดิม

 

จากที่ไกลตาส่งมา คือดวงตาสีดำเหลือบเขียวที่ฉายแววหลากหลาย

สื่อสารด้วยตา เด็กคนนี้เป็นอย่างนี้เสมอ มีดวงตาที่งดงาม และสื่อความในใจได้

 

อา หนึ่งนั้นคือความประหลาดใจ 

ออ และคลายใจ คืออีกอย่างที่ตามมา

 

เจียงเย่ยามนี้ เหลือเพียงด้อมๆมองๆ รอข้าผิดพลาด 

ขอเพียงเล็กน้อย ก็จะโดดเข้ามา  ด้วยความตื่นเต้นดีใจ

 

ตกลงว่าเด็กน้อยต้องการให้ข้าพลาดสินะ จัดเป็นผู้ติดตามนิสัยแย่จริงๆ

 

นานไปนานไป  ข้าไม่พลาด ทั้งไม่ต้องการความช่วยเหลือ

ที่น่าตลกคือ สายตาเด็กน้อยครานี้ กลับตัดพ้อต่อว่า หางตกหูลู่ ลอบปาดน้ำตา

 

ข้าไปลอบเชือดคอมารดามันหรือกระไร

  ข้าอดไม่ได้ต้องถามถึง

 

"อาฮัว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาข้า ข้าที่ไม่มีประโยชน์ให้ใช้สอย ได้แต่ยินยอม ถูกทอดทิ้ง"

ว่าไปนั่น 

 

เด็กน้อยไม่ต้องเสียใจไป เจ้าไม่ได้พึ่งอยู่ในแผนกำจัดภาระของข้าหรอก และต่อให้เจ้ามีประโยชน์มากกว่านี้

 

ข้าก็ไม่คิดหิ้วเจ้าไป สักวันข้าจะจากไป หาความสุขในโลกเล็กๆของข้า

ได้แต่คิดไม่ได้กล่าว เห็นแก่ที่มันเป็นเด็กดี ข้าตัดสินใจละเว้นเด็กนี่ไปแล้ว

 

กลืนคำพูดชั่วร้ายลงคอ

 

อย่างลำบากยากเย็นจึงนึกหาคำอื่นออกมาได้

"แข็งแกร่งขึ้น  มีแต่คนอ่อนแอที่ได้แต่ยอมรับการถูกทอดทิ้ง"

 

ทิ้งเด็กน้อยไว้เบื้องหลัง ส่ายก้นอาดๆ กลับมากวาดลานต่อ

ไม้กวาดลากผ่านพื้นเป็นจังหวะ  ลึกๆหวนนึก 

 

กลับแว่วเสียงล้อรถม้าบดถนนของวันแรกที่กลับบ้านในสภาพย่ำแย่

กุกับ กุกับ ล้อรถม้าบดลานบ้านและจอดลงแผ่วเบา

 

อย่างลางเลือน ใครสักคนอุ้มข้าเข้าไปในอก

 คร้านจะสนใจ

สาวใช้จะช่วยล้างช่วยเช็ดอย่างไร

คร้านจะลืมตา

 นอนระลึกถึงความอวดดีของตัว

 

พื้นฐานไม่ดีก็อย่างนี้ อ่อนใจกับความขี้เกียจก่อนหน้านี้ของตัวเอง

 

ฮุ้ย!! เจ็บนะนั่น ความเจ็บจี๋ดลามมาจากการเจาะน้ำแผลที่พอง

กระชากมือกลับ เหลือบมองคน

 

ออ เป็นคนดีของข้า เสี่ยวลี่ หัวหน้าสาวใช้เรือนตะวันตก

นางเป็นคนสนิทของข้าอีกคน

สาวใช้ในบ้านตระกูลใหญ่ก็มีลำดับของสาวใช้ เสี่ยวลี่คนนี้ก็ไม่ต่าง 

ด้วยความเป็นคนใกล้ชิดของข้า ดูแลข้ามาแต่น้อย นางจึงถึงเป็นตัวเก็งหัวหน้าแม่บ้านของตระกูลรุ่นถัดมา 

เหมือนกับเสียนจื่อที่เป็นอนาคตพ่อบ้านใหญ่ของตระกูล

 

นางแก้แค้นที่ข้าเคยรังแกนางมาก่อนหรือเปล่า

ออ ไม่หรอก นางฉลาดกว่านั้น

ต่อให้นางมีความแค้นกับข้า นางก็ควรคำนวลเวลา สถานที่

คิดไม่ทันจบ

ไม่รอให้ข้าเอ่ยปากเอาความ เพียงข้านิ่วหน้า ทั้งแม่จริงแม่เลี้ยง

 

ที่เฝ้าตามมาด้วยความเป็นห่วง ทั้งเดินซ้ายที ขวาทีไปมาราวแมลงวันไร้หัว ตั้งแต่แรก

ก็แทบจะวาปมาถึงข้างกายเสี่ยวลี่ ด้วยความเร็วแสง

 ตีไหล่ทุบนางกันไปคนละทีสองทีดัง อักๆ

 

ปากก็เหวด่าทอ เปลี่ยนให้สาวใช้ของแม่ใหญ่ ผู้โชคร้ายอีกคนมาทำแทน

อ่อนใจกับท่านแม่

พวกท่านไม่เคยยอมให้ข้าลงแรง

 

เพียงหกล้ม ก็หน้าซีด ปากสั่น น้ำตาคลอ

มองพวกนางที่คอยปลอบข้าด้วยอาการเช่นนั้น

 คิดในใจ

 

 นั่นน่าจะเป็นบทของข้า อาการพวกนั้น ข้าเป็นคนเจ็บไม่ใช่หรือ

 พวกท่านแย่งบทไปเช่นนี้จะให้ข้าเล่นบทอะไร

 

ได้แต่ทำหน้านิ่ง. ตายด้านเหมือนเดิม ไร้คำจะเอ่ย

ดังนั้น

 สภาพ แผลเต็มตัว มือเท้าพองนี้จึงไม่ต่างกับมีคนบอกว่าข้าถูกแทงไส้ทะลัก

 

เดี๋ยวร่ำ ไห้ซับน้ำตา ดราม่าน่าสงสาร เดี๋ยวชักสีหน้า

กระชากเสียงด่าทอ สักพัก ก็หันกลับไปพึมพัม งึมงัมราวสวดมนต์

 

ข้านึกถึงแม่ไก่สติแตก ตาวาว กระพือปีก  พร้อมจิก ผู้คนอย่างป่าเถื่อนซ้อนขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

กระต๊าก!!!

 

ได้ยินเสียงไก่ที่ไหนร้องมา แว่วดังถึงนี่ รู้จักช่วยข้าทำมาหากินรู้งานดีจริงๆ

เพื่อสนองคุณงามความดีของเจ้า วันนี้ข้าจะไม่กินไก่วันหนึ่ง

ออ ข้าเท่านั้นแหละ คนอื่นข้าไม่รู้

เหลือบมอง ท่านแม่ ที่ปรกติไม่มีปากเสียงกับใคร ยอมผู้คนไปทุกสิ่ง แต่เมื่อเป็นเรื่องของบุตรชาย

 

ใครหายใจผิดจังหวะก็อาจโดนสายตาร้อนแรงนั้นเผา เปรี้ยง ระเบิดหายไปได้เลย

ตูม บึ้ม!!! 

 

(ข้าใส่เเอฟเฟคให้เจ้าเพื่อความสมจริง ดูเถอะ พลานุภาพน่าเกรงขามถึงเพียงไหน )

"อาเย่ เรียกเย่เย่ให้ข้า" 

เพียงข้าพูด ห้องที่กำลังวุ่นวาย ก็ดูจะเงียบไปทันตา ท่านแม่ ท่านแม่ใหญ่วางเหยื่อที่กำลังจิก กระพือปีกมาข้างเตียงทันที

"อะ อะไรนะเจ้าคะ" สาวใช้แม่ใหญ่รับเรื่องไม่ทัน

 

"เรียกอาเย่มา" เป็นแม่ใหญ่ว่องไวหันไปตะโกนเรียกคน

เสียงบอกต่อๆกันดังแว่วมาจนน่าตลก

 

"ฮัวฮัว เจ้าได้สติแล้ว เจ็บตรงไหนอีกหรือไม่ แม่ให้คนเตรียมยาแล้ว

 เจ้าพอจะลุกขึ้นมาทานได้หรือไม่" 

 

แม่ใหญ่ดันสาวใช้นางนั้นออกจนคนแทบกลิ้งไป ตัวเองขึ้นมานั่งข้างข้าบนเตียง มือก็เช็ดหน้าปัดผมให้ข้า

ท่านแม่แท้ๆของข้ายกข้าให้กับผู้อื่นแล้ว แม้จะเป็นพี่สาวของนางเอง

 

ยามนี้ นางถึงอยากเข้ามากอดข้า ห่วงใยข้า สุดท้ายได้แต่เก็บอาการ ยืนส่งสายตาหมื่นล้านความห่วงใยที่ข้างเตียงเท่านั้น

ส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นไร พยายามดันตัวให้ลุกขึ้นโดยแม่ใหญ่ช่วยประคอง

 

สำรวจความรู้สึกทั่วร่าง

ปรากฏ ว่าไม่มีส่วนไหนน่าห่วง.

ยารสขมกลิ่นเหม็นเขียวเคลื่อนมาจ่อถึงข้างปาก

กำลังตัดสินใจบอกว่าจะแสร้งป่วยหนักจนทานยาไม่ไหวดีหรือไม่

ก็พอดีเหลือบเห็นเย่เย่ที่ถูกคนพาเข้ามาปล่อยไว้ที่ทางเข้าพอดี

ฮะ ฮ้า

สำรวจเด็กน้อย ดูเหมือนเด็กคนนี้จะถูกผู้คนลืมเลือน 

ไม่ได้รับการสนใจล้างหน้าล้างตา บำรุงบาดแผล เสื้อผ้ายับเยิน สกปรกมอมแมม

 มือเล็กถลอก ทั้งมีรอยเลือดบางเบาจางๆให้เห็น

มันเดินเข้ามาอย่างเรียบๆร้อยๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา