บันทึกป่วน วิญญาณนิสัยแย่
8.0
เขียนโดย Broskev
วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.31 น.
20 ตอน
0 วิจารณ์
21.82K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) สองด้านทำนายทัก วิบัติรุ่งเรื่อง ล่มจมเฟื่องฟู อยู
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ9 ปี ก่อน
ดึกดื่นค่ำคืน พายุกระหน่ำโหม
ลั่นดาล ลงกลอน มุดหาไออุ่น
ทุกบ้านเป็นเช่นนี้ ทุกตรอกซอยล้วนเป็นเช่นนี้
หากยามนี้ ณ จวนตระกูลเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในปราการหงค์เพลิง
ผู้คนหลายสิบวิ่งวุ่นวาย บ้างวิ่งเข้า...บ้างวิ่งออก
คนนั้นชนนั้น คนนี้ชนนี่ ทั้งยังชนกันเองจนวุ่นวายหัวหมุน ข้าวของหล่นกระจาย
หากเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจากหญิงสาวภายในห้อง
ยิ่งกลายเป็นเร่งให้คนอกสั่น ขวัญแขวน สับมือเร่งเท้าพัลวัน
ไม่มีใครสนใจเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ดังลั่นหู ทั้งไม่มีใครกล้าสนใจ
บ่าวชายหญิงทุกผู้ เพียงสนใจเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
นายหญิงน้อยของพวกมันกำลังจะให้กำเนิดบุตรคนแรกแก่เจ้าบ้าน
บุตรคนแรกที่ได้คลอดออกมาใต้หลังคาจวนแห่งนี้
ความตื่นเต้นตึงเครียดอย่างที่สุดนี้ทำเอา
หัวหงอก หัวดำทุกผู้ ล้วนมือไม้อยู่ไม่สุข
บ้านฝั่งตะวันออกโกลาหลออกปานนั้น
หากโถงรับแขกกลับตึงเครียดในอีกความหมาย
ด้วยแขกผู้ไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งแจ้งเรื่องเข้าพบเจ้าบ้านในเวลาเช่นนี้
ทั้งคนกลุ่มนี้ยังประกอบด้วย
ราชครู ปราชญ์ ปรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดหลวง และ นักพรตวัดใหญ่
ทุกผู้ล้วนเป็นที่นับหน้าถือตา ทั้งเคารพนบนอบจากทั้งสูงต่ำในอณาจักร
คนทั้งห้าล้วนเย่อหยิ่งถือดีในวิถีของตัว ยึดมั่นอย่างไม่ไว้หน้า สายตาสูงเลยหัว
ไม่มีผู้ใดกล้านึกฝันว่าคนเหล่านี้จะมารวมตัวกัน ทั้งยังคิดเห็นตรงกัน
ทั้งอย่างยากเย็นจึงจะมารวมตัวกันได้สักครั้ง
ครั้งนี้ กลับเป็นครั้งที่ยากเย็นนั้น
ทั้งยังมีความคิดเห็นตรงกันอย่างที่เจ้าตัวเองยังไม่อาจทำใจเชื่อ
และที่ไม่น่าเชื่อมากกว่านั้น คือ
บุคคลผู้ทรงเกียรยติทุกผู้กลับมารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ในวัน เวลา และสถานที่เดียวกันนี้
เพียงเป็นบ้านเศรษฐีผู้หนึ่งเท่านั้น!!
นอกจากสร้างความแตกตื่นจนอยากจะร่ำไห้แก่เจ้าบ้านแล้ว
พวกมันยังแตกตื่นกันเองจนตาเป็นประกายราวคนหนุ่มอีกครั้ง!!
เจ้าบ้านวัยกลางคนพยายามปั้นหน้าให้ราบเรียบสงบนิ่ง
แต่หน้าผากหลั่งเหงื่อเป็นเม็ด ทั้ง กังวล สับสน ทั้งตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ใจกังวลถึงบุตรคนแรกที่กำลังจะคลอด
เสียงร้องของอนุคนล่าสุดดังแววมาให้พะว้าพะวง
พร้อมกับเสียงคำรามของพายุที่ผสานมา
สายตาจับไปที่เบื้องหน้า สับสนที่บุคคลสำคัญเหล่านี้ฝ่าสายฝนรุนแรงมาเยือนอย่างฉุกละหุกถึงที่
คนแก่เหล่านี้แต่ไรมาสนใจแต่เรื่องใหญ่ ทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่ประเภทบรรลัย บัดซบทั้งสิ้น
เรื่องดี คนพวกนี้ไม่ชอบทำนาย แต่จะกระชุ่มกระชวยกับเรื่องความฉิ บหายเป็นพิเศษ
คนโรคจิตเหล่านี้มาเยื่อนถึงบ้าน ใยเลยจะเป็นเรื่องดี ทั้งใยเลยจะเป็นเรื่องเล็ก
พวกมันคงไม่ได้คิดจะมาเพียงอวยพรวันเกิดบุตรเราเป็นแน่
ดังโบราณว่า เจตนาดีไม่มา คนมาไม่มีเจตนาดี
กวาดมองสีหน้าท่าทาง (ที่ดูเหมือน) กลัดกลุ่มกังวลไม่อาจตัดสินใจบางสิ่งได้ของผู้ชราทั้งหมด
ฟันธงได้ถึงการคาดการณ์ของตัวเอง .....ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
มันรวบมือลุกขึ้นคารวะคนทั้งหมด
"ท่านผู้ทรงภูมิความรู้ทุกท่าน กลางคืนพายุโหม ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียน ไม่ทราบต้องการให้
ผู้น้อย ช่วยเหลืออันใด หากผู้น้อยกระทำได้ จะกระทำทันทีอย่างสุดความสามารถ"
หากเป็นไปได้ เราจะยินดีอย่างมากกว่าหากท่านจะส่ายก้นออกไปในบันดล
วาจาเปล่งออกไปไม่อ่อนน้อมไม่เย่อหยิ่ง แม้น้ำเสียงจะออกอาการเร่งรัดกลายๆ แต่ก็เจือจางเบาบางจนทำให้ไม่อาจทราบได้ว่าผู้พูดกำลังคิดอะไร
ผู้เฒ่าชราเหล่านั้นกลับยังรีรอ มองหน้ากันไปมา
ต่างคนต่างใช้ภาษาจิตคุยกัน
เดี๋ยวกลอกตา เดี๋ยวขยิบตา คนนี้เหล่ตา คนนั้นเหลือกตา
แม้จะน่าขบขัน หากแต่น่าเสียดาย เจ้าบ้านกลับไม่อยู่ในอารมณ์รื่นเริง
นับ 1-100 รอคอยคำตอบท่านผู้เฒ่าอย่างอดทน
3 ก้านธูปผ่านไป
ผู้ชราที่สุดในที่นั้น ก็ทำการกระไอเล็กน้อยเป็นพิธี
"ขอกล่าวกับท่านฉีอย่างตรงไปตรงมา เราท่านทั้งหลายล้วนทราบดีว่า
แต่ละคนล้วนมีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับจากประชา”
ผู้เฒ่าทุกคนก็ผงกศีรษะสนับสนุน มองทั้งหมดรอบหนึ่ง ผู้ชรานั้นก็เอ่ยต่อ
“วันนี้พวกเราทั้ง 5 แม้อยู่คนละทิศ กลับประจวบพบกัน ณ ที่แห่งนี้
เพียงเพราะคำทำนายดวงดาว ตรงกันอย่างนั้นอัศจรรย์"
"ท่านราชครู โปรดชี้แจง เป็นคำทำนายสูงส่งใด"
ฉีหยางจินสงสัยใคร่รู้ บุคคลเหล่านี้เล็กๆไม่ ใหญ่ๆทำ
หมกมุ่นแต่การทำนายกิจการบ้านเมือง วันๆเอาแต่นำคำทำนายพิลึกพิลั่นมาสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าแก่เราท่านตาดำๆ
กลับเป็นนักพรตหัวล้านผู้ชราอีกฟากที่ตอบคำถามของมัน
"เป็นคำทำนายถึงอนาคตบ้านเมือง ในอีก 15-20 ปีข้างหน้า
ชะตาเมืองจะไปสู่จุดอับ ราชวงศ์ปัจจุบันจะล้มสลาย มหันตภัยกลืนกินประชา
ไฟสงครามในนอก ลุกลามจนถึงสิ้นชาติ"
ผู้เฒ่าทุกท่านต่างพยักหน้าเสริมด้วยความกลัดกลุ้ม ท่านปรมาจารย์ที่นั่งอยู่ท้ายสุดจึงกล่าวเสริม
"เหตุที่เกี่ยวข้องกับท่านฉี คือคำทำนายช่วงต่อมา ตระกูลฉีของท่านจะให้กำเนิด
จักรพรรดิทรราชผู้หนึ่ง จอมทัพผู้โหดเหี้ยมผู้หนึ่ง และขุนนางใหญ่กังฉินผู้หนึ่ง"
เปรี้ยงงง
ดังฟ้าผ่าดังจากเบื้องนอกราวลงกลางกระหม่อม
คำกล่าวหานั้น ออกจะหนักหนาสาหัสเกินไปแล้ว!!
เพียงข้ออ้างนี้ และเพราะเพียงคำพูดไม่กี่คำของบุคคลใกล้ตายจิตไม่ปรกติเหล่านี้
ก็ทำให้ตระกูลฉีถูกล้างทั้งตระกูลได้แล้ว
มารดามันเถอะ
เจ้าบ้านตระกูลฉีคนปัจจุบัน ฉีหยางจิน ถึงกับหน้าซีดเผือดแข็งขาอ่อนแรง
ดีที่กลับไปนั่งเก้าอี้แล้วจึงยังคงสามารถรักษาหน้าหัวหน้าตระกูลเศรษฐีใหญ่ได้
ประหวั่นคิดไปถึงนอกจวน...ใช่มีทหารราชสำนักรอคอยเข้าล้างตระกูลอยู่ภายนอกหรือไม่
ใช่พวกมันผู้เฒ่าวิกลจริตพวกนี้ วิกาลดึกดื่น ฝนตก
ฟ้าผ่านอนไม่หลับจึงหาเรื่องสนุกสนานทำหรือไม่
ตาเฒ่าเหล่านี้ใช่รู้สำนึกหรือไม่ แม้ตัวมันแก่ชรา กลับมีวาจากำหนดเป็นตายของผู้คน เ
พียงคนหนึ่งคนใดถวายรายงานคำทำนายนี้แก่จักรพรรดิ ผู้แซ่ฉีทั้งหมด ก็ไร้ที่กลบฝังแล้ว!!
อย่าว่าแต่วันนี้มาถึง 5 คน...
เปรี้ยงงงงง
เห็นสีหน้าแววตาตื่นตระหนกของเจ้าบ้าน จิตทั้ง 7 ล้วนออกจากร่าง
เจ้าอาวาสเฒ่ารีบปรามด้วยกลัวว่าเจ้าบ้านฉีจะเป็นลมไปเสียก่อน
"ประสกอย่าพึ่งแตกตื่นไป คำทำนายยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
หากเป็นเยี่ยงนั้นกลับทำให้ตัดสินใจล้างตระกูลท่านได้โดยง่าย
หากแต่คำทำนายนั้นมี 2 ด้าน อีกด้านหนึ่งนั้นกลับตรงกันข้ามอย่างที่สุด
ตระกูลฉีท่านจะให้กำเนิด มหาจักรพรรดิผู้ปรีชาผู้หนึ่ง จอมทัพผู้กอบกู้ผู้หนึ่ง
และขุนนางแห่งประชาราชผู้หนึ่ง อันว่าลิขิตฟ้า มนุษย์ไม่อาจรู้แจ้ง
ในวันเวลาแห่งความเป็นตายในอีก 15-20 ปีข้างหน้า
เราไม่อาจทราบได้เลยว่า 3 บุคคลตระกูลฉีนี้ จะตัวหายนะ หรือผู้กอบกู้
ดังนั้น พวกอาตมาจึงมาที่นี่ เพื่อปรึกษาท่าน ในฐานะเจ้าบ้านตระกูลฉี
ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้ว่าอย่างไร?"
คำถามเมื่อยิงออก ฉีหยางจินพลันได้สติ
คำตอบของมันจะเป็นตัวกำหนดความเป็นตายของทั้งตระกูลในวันนี้
หากผู้เฒ่าทั้งหมดไม่พอใจในคำตอบ ไม่แน่....อาจตัดสินเป็นหายนะ
หากตอบดีเป็นที่พอใจ ก็ไม่ยังแน่ว่าจะดี เนื่องด้วยผู้กอบกู้นั้น
คนหนึ่งจะได้เป็นจักรพรรดิ อย่างไรยังคงนับเป็นภัยต่อราชวงศ์ปัจจุบัน
ในเมื่อใคร่ครวญอย่างไร ก็ล้วนเป็นภัย คนเหล่านี้มาปรึกษามันเช่นนี้ใช่ต้องการใช้เป็นข้ออ้าง
ว่าตระกูลฉีมีความคิดเป็นจักรพรรดิหรือไม่
เจ้าบ้านสูดลงหายใจลึกหลายครา ใคร่ครวญสิ่งที่คิดว่าต้องกล่าวออกไป
จากนั้นยืนขึ้นต่อหน้าทั้งหมด
"ท่านทั้งหลาย ไม่ว่าอดีตกาล ปัจจุบัน หรือแม้แต่อนาคต
ไม่มีจักรพรรดิใด ขุนพลใด หรือขุนนางใด ได้ชื่อว่าสะอาดบริสุทธิ์แม้สักคน
ผู้ที่ทำการใหญ่ได้ ผู้น้อยเห็นว่าไม่มีใครที่ยังคงเป็นผ้าขาวได้
อันว่าปรีชาหรือไม่ กอบกู้หรือไม่ รักประชาหรือไม่ เป็นคำพูดที่มาจากมุมมองของผู้ที่ได้ประโยชน์ทั้งสิ้น แม้แต่ทรราช หรือกังฉิน ก็เป็นคำกล่าวของผู้เสียผลประโยชน์เช่นกัน
ที่สำคัญคือ เจตจำนงของคนผู้นั้น และจำนวนผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากคนผู้นั้น
หากท่านทั้งหลายทำนายว่า ในอีก 15-20 ปีข้างหน้า อาณาจักรนี้จะแตกดับ
อย่างนั้น....พวกท่านลองพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาได้หรือไม่
สถานะของราชวงศ์ในยามนี้ ต่อให้ล้มล้างตระกูลฉีไปจริง จะสามารถช่วยต่ออายุแก่บ้านเมืองได้จริงหรือ ? จากสายตาผู้เฝ้ามอง ยามนี้บ้านเมืองสงบร่มเย็น ไร้ศึกสงคราม หากแต่มองให้ลึกซึ่ง
ทั้งที่บ้านเมืองร่มเย็น ชาวบ้านกลับอพยพหนีอุทกภัยทางใต้ขึ้นมามากมายจนนครหลวงไม่อาจรองรับไหว ราคาข้าว เกลือ ล้วนขึ้นราคา
ขณะที่ราชสำนักประกาศเพิ่มภาษี ออกนโยบายสร้างสวนสวรรค์ราชอุทยาน
เกณฑ์แรงงาน ช่างฝีมือมหาศาล ยิ่งทำให้ขาดแรงงานท้องถิ่นมาทำไรนา
ชาวบ้านยิ่งไม่มีผลผลิตมาจ่ายภาษี หากเป็นเยี่ยงนี้ต่อไป ต่อให้ไร้คนสกลุฉีในแผ่นดินนี้จริง
ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำทำนายของท่านทั้งหลายได้ ในความเห็นของผู้น้อย ไม่แน่ว่าตระกูลฉีจะเป็นหายนะ และไม่แน่ว่าจะได้ขึ้นเป็นบุคคลสำคัญดังคำทำนาย
ท่านทั้งหลายล้วนทราบดีว่าพ่อค้าไม่อาจรับราชกาลได้ จะเป็นบุคคลเหล่านั้นได้อย่างไร
และหากคำทำนายเป็นจริง เกิดหายนะแก่บ้านเมืองจริง
แต่กลับปราศจากตระกูลฉีไปตามคำทำนาย ใช่จะไร้ ผู้กอบกู้บ้านเมืองหรือไม่
ใช่ว่าเราสมควรตระเตรียมการเพื่ออนาคตดีกว่าหรือไม่??"
ณ วันนี้ สายฟ้านับสิบสาย ได้ผ่าลงมายังลานห้องโถงอย่างอัศจรรย์
พร้อมกันนั้น แว่วเสียงร้องจ้าของเด็กน้อยแรกเกิด
อนาคตของตระกูลฉี คงฝากไว้ที่เด็กคนนี้แล้ว
----------------------
ดึกดื่นค่ำคืน พายุกระหน่ำโหม
ลั่นดาล ลงกลอน มุดหาไออุ่น
ทุกบ้านเป็นเช่นนี้ ทุกตรอกซอยล้วนเป็นเช่นนี้
หากยามนี้ ณ จวนตระกูลเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในปราการหงค์เพลิง
ผู้คนหลายสิบวิ่งวุ่นวาย บ้างวิ่งเข้า...บ้างวิ่งออก
คนนั้นชนนั้น คนนี้ชนนี่ ทั้งยังชนกันเองจนวุ่นวายหัวหมุน ข้าวของหล่นกระจาย
หากเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจากหญิงสาวภายในห้อง
ยิ่งกลายเป็นเร่งให้คนอกสั่น ขวัญแขวน สับมือเร่งเท้าพัลวัน
ไม่มีใครสนใจเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ดังลั่นหู ทั้งไม่มีใครกล้าสนใจ
บ่าวชายหญิงทุกผู้ เพียงสนใจเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
นายหญิงน้อยของพวกมันกำลังจะให้กำเนิดบุตรคนแรกแก่เจ้าบ้าน
บุตรคนแรกที่ได้คลอดออกมาใต้หลังคาจวนแห่งนี้
ความตื่นเต้นตึงเครียดอย่างที่สุดนี้ทำเอา
หัวหงอก หัวดำทุกผู้ ล้วนมือไม้อยู่ไม่สุข
บ้านฝั่งตะวันออกโกลาหลออกปานนั้น
หากโถงรับแขกกลับตึงเครียดในอีกความหมาย
ด้วยแขกผู้ไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งแจ้งเรื่องเข้าพบเจ้าบ้านในเวลาเช่นนี้
ทั้งคนกลุ่มนี้ยังประกอบด้วย
ราชครู ปราชญ์ ปรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดหลวง และ นักพรตวัดใหญ่
ทุกผู้ล้วนเป็นที่นับหน้าถือตา ทั้งเคารพนบนอบจากทั้งสูงต่ำในอณาจักร
คนทั้งห้าล้วนเย่อหยิ่งถือดีในวิถีของตัว ยึดมั่นอย่างไม่ไว้หน้า สายตาสูงเลยหัว
ไม่มีผู้ใดกล้านึกฝันว่าคนเหล่านี้จะมารวมตัวกัน ทั้งยังคิดเห็นตรงกัน
ทั้งอย่างยากเย็นจึงจะมารวมตัวกันได้สักครั้ง
ครั้งนี้ กลับเป็นครั้งที่ยากเย็นนั้น
ทั้งยังมีความคิดเห็นตรงกันอย่างที่เจ้าตัวเองยังไม่อาจทำใจเชื่อ
และที่ไม่น่าเชื่อมากกว่านั้น คือ
บุคคลผู้ทรงเกียรยติทุกผู้กลับมารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ในวัน เวลา และสถานที่เดียวกันนี้
เพียงเป็นบ้านเศรษฐีผู้หนึ่งเท่านั้น!!
นอกจากสร้างความแตกตื่นจนอยากจะร่ำไห้แก่เจ้าบ้านแล้ว
พวกมันยังแตกตื่นกันเองจนตาเป็นประกายราวคนหนุ่มอีกครั้ง!!
เจ้าบ้านวัยกลางคนพยายามปั้นหน้าให้ราบเรียบสงบนิ่ง
แต่หน้าผากหลั่งเหงื่อเป็นเม็ด ทั้ง กังวล สับสน ทั้งตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ใจกังวลถึงบุตรคนแรกที่กำลังจะคลอด
เสียงร้องของอนุคนล่าสุดดังแววมาให้พะว้าพะวง
พร้อมกับเสียงคำรามของพายุที่ผสานมา
สายตาจับไปที่เบื้องหน้า สับสนที่บุคคลสำคัญเหล่านี้ฝ่าสายฝนรุนแรงมาเยือนอย่างฉุกละหุกถึงที่
คนแก่เหล่านี้แต่ไรมาสนใจแต่เรื่องใหญ่ ทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่ประเภทบรรลัย บัดซบทั้งสิ้น
เรื่องดี คนพวกนี้ไม่ชอบทำนาย แต่จะกระชุ่มกระชวยกับเรื่องความฉิ บหายเป็นพิเศษ
คนโรคจิตเหล่านี้มาเยื่อนถึงบ้าน ใยเลยจะเป็นเรื่องดี ทั้งใยเลยจะเป็นเรื่องเล็ก
พวกมันคงไม่ได้คิดจะมาเพียงอวยพรวันเกิดบุตรเราเป็นแน่
ดังโบราณว่า เจตนาดีไม่มา คนมาไม่มีเจตนาดี
กวาดมองสีหน้าท่าทาง (ที่ดูเหมือน) กลัดกลุ่มกังวลไม่อาจตัดสินใจบางสิ่งได้ของผู้ชราทั้งหมด
ฟันธงได้ถึงการคาดการณ์ของตัวเอง .....ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
มันรวบมือลุกขึ้นคารวะคนทั้งหมด
"ท่านผู้ทรงภูมิความรู้ทุกท่าน กลางคืนพายุโหม ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียน ไม่ทราบต้องการให้
ผู้น้อย ช่วยเหลืออันใด หากผู้น้อยกระทำได้ จะกระทำทันทีอย่างสุดความสามารถ"
หากเป็นไปได้ เราจะยินดีอย่างมากกว่าหากท่านจะส่ายก้นออกไปในบันดล
วาจาเปล่งออกไปไม่อ่อนน้อมไม่เย่อหยิ่ง แม้น้ำเสียงจะออกอาการเร่งรัดกลายๆ แต่ก็เจือจางเบาบางจนทำให้ไม่อาจทราบได้ว่าผู้พูดกำลังคิดอะไร
ผู้เฒ่าชราเหล่านั้นกลับยังรีรอ มองหน้ากันไปมา
ต่างคนต่างใช้ภาษาจิตคุยกัน
เดี๋ยวกลอกตา เดี๋ยวขยิบตา คนนี้เหล่ตา คนนั้นเหลือกตา
แม้จะน่าขบขัน หากแต่น่าเสียดาย เจ้าบ้านกลับไม่อยู่ในอารมณ์รื่นเริง
นับ 1-100 รอคอยคำตอบท่านผู้เฒ่าอย่างอดทน
3 ก้านธูปผ่านไป
ผู้ชราที่สุดในที่นั้น ก็ทำการกระไอเล็กน้อยเป็นพิธี
"ขอกล่าวกับท่านฉีอย่างตรงไปตรงมา เราท่านทั้งหลายล้วนทราบดีว่า
แต่ละคนล้วนมีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับจากประชา”
ผู้เฒ่าทุกคนก็ผงกศีรษะสนับสนุน มองทั้งหมดรอบหนึ่ง ผู้ชรานั้นก็เอ่ยต่อ
“วันนี้พวกเราทั้ง 5 แม้อยู่คนละทิศ กลับประจวบพบกัน ณ ที่แห่งนี้
เพียงเพราะคำทำนายดวงดาว ตรงกันอย่างนั้นอัศจรรย์"
"ท่านราชครู โปรดชี้แจง เป็นคำทำนายสูงส่งใด"
ฉีหยางจินสงสัยใคร่รู้ บุคคลเหล่านี้เล็กๆไม่ ใหญ่ๆทำ
หมกมุ่นแต่การทำนายกิจการบ้านเมือง วันๆเอาแต่นำคำทำนายพิลึกพิลั่นมาสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าแก่เราท่านตาดำๆ
กลับเป็นนักพรตหัวล้านผู้ชราอีกฟากที่ตอบคำถามของมัน
"เป็นคำทำนายถึงอนาคตบ้านเมือง ในอีก 15-20 ปีข้างหน้า
ชะตาเมืองจะไปสู่จุดอับ ราชวงศ์ปัจจุบันจะล้มสลาย มหันตภัยกลืนกินประชา
ไฟสงครามในนอก ลุกลามจนถึงสิ้นชาติ"
ผู้เฒ่าทุกท่านต่างพยักหน้าเสริมด้วยความกลัดกลุ้ม ท่านปรมาจารย์ที่นั่งอยู่ท้ายสุดจึงกล่าวเสริม
"เหตุที่เกี่ยวข้องกับท่านฉี คือคำทำนายช่วงต่อมา ตระกูลฉีของท่านจะให้กำเนิด
จักรพรรดิทรราชผู้หนึ่ง จอมทัพผู้โหดเหี้ยมผู้หนึ่ง และขุนนางใหญ่กังฉินผู้หนึ่ง"
เปรี้ยงงง
ดังฟ้าผ่าดังจากเบื้องนอกราวลงกลางกระหม่อม
คำกล่าวหานั้น ออกจะหนักหนาสาหัสเกินไปแล้ว!!
เพียงข้ออ้างนี้ และเพราะเพียงคำพูดไม่กี่คำของบุคคลใกล้ตายจิตไม่ปรกติเหล่านี้
ก็ทำให้ตระกูลฉีถูกล้างทั้งตระกูลได้แล้ว
มารดามันเถอะ
เจ้าบ้านตระกูลฉีคนปัจจุบัน ฉีหยางจิน ถึงกับหน้าซีดเผือดแข็งขาอ่อนแรง
ดีที่กลับไปนั่งเก้าอี้แล้วจึงยังคงสามารถรักษาหน้าหัวหน้าตระกูลเศรษฐีใหญ่ได้
ประหวั่นคิดไปถึงนอกจวน...ใช่มีทหารราชสำนักรอคอยเข้าล้างตระกูลอยู่ภายนอกหรือไม่
ใช่พวกมันผู้เฒ่าวิกลจริตพวกนี้ วิกาลดึกดื่น ฝนตก
ฟ้าผ่านอนไม่หลับจึงหาเรื่องสนุกสนานทำหรือไม่
ตาเฒ่าเหล่านี้ใช่รู้สำนึกหรือไม่ แม้ตัวมันแก่ชรา กลับมีวาจากำหนดเป็นตายของผู้คน เ
พียงคนหนึ่งคนใดถวายรายงานคำทำนายนี้แก่จักรพรรดิ ผู้แซ่ฉีทั้งหมด ก็ไร้ที่กลบฝังแล้ว!!
อย่าว่าแต่วันนี้มาถึง 5 คน...
เปรี้ยงงงงง
เห็นสีหน้าแววตาตื่นตระหนกของเจ้าบ้าน จิตทั้ง 7 ล้วนออกจากร่าง
เจ้าอาวาสเฒ่ารีบปรามด้วยกลัวว่าเจ้าบ้านฉีจะเป็นลมไปเสียก่อน
"ประสกอย่าพึ่งแตกตื่นไป คำทำนายยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
หากเป็นเยี่ยงนั้นกลับทำให้ตัดสินใจล้างตระกูลท่านได้โดยง่าย
หากแต่คำทำนายนั้นมี 2 ด้าน อีกด้านหนึ่งนั้นกลับตรงกันข้ามอย่างที่สุด
ตระกูลฉีท่านจะให้กำเนิด มหาจักรพรรดิผู้ปรีชาผู้หนึ่ง จอมทัพผู้กอบกู้ผู้หนึ่ง
และขุนนางแห่งประชาราชผู้หนึ่ง อันว่าลิขิตฟ้า มนุษย์ไม่อาจรู้แจ้ง
ในวันเวลาแห่งความเป็นตายในอีก 15-20 ปีข้างหน้า
เราไม่อาจทราบได้เลยว่า 3 บุคคลตระกูลฉีนี้ จะตัวหายนะ หรือผู้กอบกู้
ดังนั้น พวกอาตมาจึงมาที่นี่ เพื่อปรึกษาท่าน ในฐานะเจ้าบ้านตระกูลฉี
ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้ว่าอย่างไร?"
คำถามเมื่อยิงออก ฉีหยางจินพลันได้สติ
คำตอบของมันจะเป็นตัวกำหนดความเป็นตายของทั้งตระกูลในวันนี้
หากผู้เฒ่าทั้งหมดไม่พอใจในคำตอบ ไม่แน่....อาจตัดสินเป็นหายนะ
หากตอบดีเป็นที่พอใจ ก็ไม่ยังแน่ว่าจะดี เนื่องด้วยผู้กอบกู้นั้น
คนหนึ่งจะได้เป็นจักรพรรดิ อย่างไรยังคงนับเป็นภัยต่อราชวงศ์ปัจจุบัน
ในเมื่อใคร่ครวญอย่างไร ก็ล้วนเป็นภัย คนเหล่านี้มาปรึกษามันเช่นนี้ใช่ต้องการใช้เป็นข้ออ้าง
ว่าตระกูลฉีมีความคิดเป็นจักรพรรดิหรือไม่
เจ้าบ้านสูดลงหายใจลึกหลายครา ใคร่ครวญสิ่งที่คิดว่าต้องกล่าวออกไป
จากนั้นยืนขึ้นต่อหน้าทั้งหมด
"ท่านทั้งหลาย ไม่ว่าอดีตกาล ปัจจุบัน หรือแม้แต่อนาคต
ไม่มีจักรพรรดิใด ขุนพลใด หรือขุนนางใด ได้ชื่อว่าสะอาดบริสุทธิ์แม้สักคน
ผู้ที่ทำการใหญ่ได้ ผู้น้อยเห็นว่าไม่มีใครที่ยังคงเป็นผ้าขาวได้
อันว่าปรีชาหรือไม่ กอบกู้หรือไม่ รักประชาหรือไม่ เป็นคำพูดที่มาจากมุมมองของผู้ที่ได้ประโยชน์ทั้งสิ้น แม้แต่ทรราช หรือกังฉิน ก็เป็นคำกล่าวของผู้เสียผลประโยชน์เช่นกัน
ที่สำคัญคือ เจตจำนงของคนผู้นั้น และจำนวนผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากคนผู้นั้น
หากท่านทั้งหลายทำนายว่า ในอีก 15-20 ปีข้างหน้า อาณาจักรนี้จะแตกดับ
อย่างนั้น....พวกท่านลองพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาได้หรือไม่
สถานะของราชวงศ์ในยามนี้ ต่อให้ล้มล้างตระกูลฉีไปจริง จะสามารถช่วยต่ออายุแก่บ้านเมืองได้จริงหรือ ? จากสายตาผู้เฝ้ามอง ยามนี้บ้านเมืองสงบร่มเย็น ไร้ศึกสงคราม หากแต่มองให้ลึกซึ่ง
ทั้งที่บ้านเมืองร่มเย็น ชาวบ้านกลับอพยพหนีอุทกภัยทางใต้ขึ้นมามากมายจนนครหลวงไม่อาจรองรับไหว ราคาข้าว เกลือ ล้วนขึ้นราคา
ขณะที่ราชสำนักประกาศเพิ่มภาษี ออกนโยบายสร้างสวนสวรรค์ราชอุทยาน
เกณฑ์แรงงาน ช่างฝีมือมหาศาล ยิ่งทำให้ขาดแรงงานท้องถิ่นมาทำไรนา
ชาวบ้านยิ่งไม่มีผลผลิตมาจ่ายภาษี หากเป็นเยี่ยงนี้ต่อไป ต่อให้ไร้คนสกลุฉีในแผ่นดินนี้จริง
ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำทำนายของท่านทั้งหลายได้ ในความเห็นของผู้น้อย ไม่แน่ว่าตระกูลฉีจะเป็นหายนะ และไม่แน่ว่าจะได้ขึ้นเป็นบุคคลสำคัญดังคำทำนาย
ท่านทั้งหลายล้วนทราบดีว่าพ่อค้าไม่อาจรับราชกาลได้ จะเป็นบุคคลเหล่านั้นได้อย่างไร
และหากคำทำนายเป็นจริง เกิดหายนะแก่บ้านเมืองจริง
แต่กลับปราศจากตระกูลฉีไปตามคำทำนาย ใช่จะไร้ ผู้กอบกู้บ้านเมืองหรือไม่
ใช่ว่าเราสมควรตระเตรียมการเพื่ออนาคตดีกว่าหรือไม่??"
ณ วันนี้ สายฟ้านับสิบสาย ได้ผ่าลงมายังลานห้องโถงอย่างอัศจรรย์
พร้อมกันนั้น แว่วเสียงร้องจ้าของเด็กน้อยแรกเกิด
อนาคตของตระกูลฉี คงฝากไว้ที่เด็กคนนี้แล้ว
----------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ