บันทึกป่วน วิญญาณนิสัยแย่
เขียนโดย Broskev
วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.31 น.
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) สองด้านทำนายทัก วิบัติรุ่งเรื่อง ล่มจมเฟื่องฟู อยู
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ9 ปี ก่อน
ดึกดื่นค่ำคืน พายุกระหน่ำโหม
ลั่นดาล ลงกลอน มุดหาไออุ่น
ทุกบ้านเป็นเช่นนี้ ทุกตรอกซอยล้วนเป็นเช่นนี้
หากยามนี้ ณ จวนตระกูลเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในปราการหงค์เพลิง
ผู้คนหลายสิบวิ่งวุ่นวาย บ้างวิ่งเข้า...บ้างวิ่งออก
คนนั้นชนนั้น คนนี้ชนนี่ ทั้งยังชนกันเองจนวุ่นวายหัวหมุน ข้าวของหล่นกระจาย
หากเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจากหญิงสาวภายในห้อง
ยิ่งกลายเป็นเร่งให้คนอกสั่น ขวัญแขวน สับมือเร่งเท้าพัลวัน
ไม่มีใครสนใจเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ดังลั่นหู ทั้งไม่มีใครกล้าสนใจ
บ่าวชายหญิงทุกผู้ เพียงสนใจเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
นายหญิงน้อยของพวกมันกำลังจะให้กำเนิดบุตรคนแรกแก่เจ้าบ้าน
บุตรคนแรกที่ได้คลอดออกมาใต้หลังคาจวนแห่งนี้
ความตื่นเต้นตึงเครียดอย่างที่สุดนี้ทำเอา
หัวหงอก หัวดำทุกผู้ ล้วนมือไม้อยู่ไม่สุข
บ้านฝั่งตะวันออกโกลาหลออกปานนั้น
หากโถงรับแขกกลับตึงเครียดในอีกความหมาย
ด้วยแขกผู้ไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งแจ้งเรื่องเข้าพบเจ้าบ้านในเวลาเช่นนี้
ทั้งคนกลุ่มนี้ยังประกอบด้วย
ราชครู ปราชญ์ ปรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดหลวง และ นักพรตวัดใหญ่
ทุกผู้ล้วนเป็นที่นับหน้าถือตา ทั้งเคารพนบนอบจากทั้งสูงต่ำในอณาจักร
คนทั้งห้าล้วนเย่อหยิ่งถือดีในวิถีของตัว ยึดมั่นอย่างไม่ไว้หน้า สายตาสูงเลยหัว
ไม่มีผู้ใดกล้านึกฝันว่าคนเหล่านี้จะมารวมตัวกัน ทั้งยังคิดเห็นตรงกัน
ทั้งอย่างยากเย็นจึงจะมารวมตัวกันได้สักครั้ง
ครั้งนี้ กลับเป็นครั้งที่ยากเย็นนั้น
ทั้งยังมีความคิดเห็นตรงกันอย่างที่เจ้าตัวเองยังไม่อาจทำใจเชื่อ
และที่ไม่น่าเชื่อมากกว่านั้น คือ
บุคคลผู้ทรงเกียรยติทุกผู้กลับมารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ในวัน เวลา และสถานที่เดียวกันนี้
เพียงเป็นบ้านเศรษฐีผู้หนึ่งเท่านั้น!!
นอกจากสร้างความแตกตื่นจนอยากจะร่ำไห้แก่เจ้าบ้านแล้ว
พวกมันยังแตกตื่นกันเองจนตาเป็นประกายราวคนหนุ่มอีกครั้ง!!
เจ้าบ้านวัยกลางคนพยายามปั้นหน้าให้ราบเรียบสงบนิ่ง
แต่หน้าผากหลั่งเหงื่อเป็นเม็ด ทั้ง กังวล สับสน ทั้งตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ใจกังวลถึงบุตรคนแรกที่กำลังจะคลอด
เสียงร้องของอนุคนล่าสุดดังแววมาให้พะว้าพะวง
พร้อมกับเสียงคำรามของพายุที่ผสานมา
สายตาจับไปที่เบื้องหน้า สับสนที่บุคคลสำคัญเหล่านี้ฝ่าสายฝนรุนแรงมาเยือนอย่างฉุกละหุกถึงที่
คนแก่เหล่านี้แต่ไรมาสนใจแต่เรื่องใหญ่ ทั้งยังเป็นเรื่องใหญ่ประเภทบรรลัย บัดซบทั้งสิ้น
เรื่องดี คนพวกนี้ไม่ชอบทำนาย แต่จะกระชุ่มกระชวยกับเรื่องความฉิ บหายเป็นพิเศษ
คนโรคจิตเหล่านี้มาเยื่อนถึงบ้าน ใยเลยจะเป็นเรื่องดี ทั้งใยเลยจะเป็นเรื่องเล็ก
พวกมันคงไม่ได้คิดจะมาเพียงอวยพรวันเกิดบุตรเราเป็นแน่
ดังโบราณว่า เจตนาดีไม่มา คนมาไม่มีเจตนาดี
กวาดมองสีหน้าท่าทาง (ที่ดูเหมือน) กลัดกลุ่มกังวลไม่อาจตัดสินใจบางสิ่งได้ของผู้ชราทั้งหมด
ฟันธงได้ถึงการคาดการณ์ของตัวเอง .....ไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
มันรวบมือลุกขึ้นคารวะคนทั้งหมด
"ท่านผู้ทรงภูมิความรู้ทุกท่าน กลางคืนพายุโหม ให้เกียรติมาเยี่ยมเยียน ไม่ทราบต้องการให้
ผู้น้อย ช่วยเหลืออันใด หากผู้น้อยกระทำได้ จะกระทำทันทีอย่างสุดความสามารถ"
หากเป็นไปได้ เราจะยินดีอย่างมากกว่าหากท่านจะส่ายก้นออกไปในบันดล
วาจาเปล่งออกไปไม่อ่อนน้อมไม่เย่อหยิ่ง แม้น้ำเสียงจะออกอาการเร่งรัดกลายๆ แต่ก็เจือจางเบาบางจนทำให้ไม่อาจทราบได้ว่าผู้พูดกำลังคิดอะไร
ผู้เฒ่าชราเหล่านั้นกลับยังรีรอ มองหน้ากันไปมา
ต่างคนต่างใช้ภาษาจิตคุยกัน
เดี๋ยวกลอกตา เดี๋ยวขยิบตา คนนี้เหล่ตา คนนั้นเหลือกตา
แม้จะน่าขบขัน หากแต่น่าเสียดาย เจ้าบ้านกลับไม่อยู่ในอารมณ์รื่นเริง
นับ 1-100 รอคอยคำตอบท่านผู้เฒ่าอย่างอดทน
3 ก้านธูปผ่านไป
ผู้ชราที่สุดในที่นั้น ก็ทำการกระไอเล็กน้อยเป็นพิธี
"ขอกล่าวกับท่านฉีอย่างตรงไปตรงมา เราท่านทั้งหลายล้วนทราบดีว่า
แต่ละคนล้วนมีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับจากประชา”
ผู้เฒ่าทุกคนก็ผงกศีรษะสนับสนุน มองทั้งหมดรอบหนึ่ง ผู้ชรานั้นก็เอ่ยต่อ
“วันนี้พวกเราทั้ง 5 แม้อยู่คนละทิศ กลับประจวบพบกัน ณ ที่แห่งนี้
เพียงเพราะคำทำนายดวงดาว ตรงกันอย่างนั้นอัศจรรย์"
"ท่านราชครู โปรดชี้แจง เป็นคำทำนายสูงส่งใด"
ฉีหยางจินสงสัยใคร่รู้ บุคคลเหล่านี้เล็กๆไม่ ใหญ่ๆทำ
หมกมุ่นแต่การทำนายกิจการบ้านเมือง วันๆเอาแต่นำคำทำนายพิลึกพิลั่นมาสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าแก่เราท่านตาดำๆ
กลับเป็นนักพรตหัวล้านผู้ชราอีกฟากที่ตอบคำถามของมัน
"เป็นคำทำนายถึงอนาคตบ้านเมือง ในอีก 15-20 ปีข้างหน้า
ชะตาเมืองจะไปสู่จุดอับ ราชวงศ์ปัจจุบันจะล้มสลาย มหันตภัยกลืนกินประชา
ไฟสงครามในนอก ลุกลามจนถึงสิ้นชาติ"
ผู้เฒ่าทุกท่านต่างพยักหน้าเสริมด้วยความกลัดกลุ้ม ท่านปรมาจารย์ที่นั่งอยู่ท้ายสุดจึงกล่าวเสริม
"เหตุที่เกี่ยวข้องกับท่านฉี คือคำทำนายช่วงต่อมา ตระกูลฉีของท่านจะให้กำเนิด
จักรพรรดิทรราชผู้หนึ่ง จอมทัพผู้โหดเหี้ยมผู้หนึ่ง และขุนนางใหญ่กังฉินผู้หนึ่ง"
เปรี้ยงงง
ดังฟ้าผ่าดังจากเบื้องนอกราวลงกลางกระหม่อม
คำกล่าวหานั้น ออกจะหนักหนาสาหัสเกินไปแล้ว!!
เพียงข้ออ้างนี้ และเพราะเพียงคำพูดไม่กี่คำของบุคคลใกล้ตายจิตไม่ปรกติเหล่านี้
ก็ทำให้ตระกูลฉีถูกล้างทั้งตระกูลได้แล้ว
มารดามันเถอะ
เจ้าบ้านตระกูลฉีคนปัจจุบัน ฉีหยางจิน ถึงกับหน้าซีดเผือดแข็งขาอ่อนแรง
ดีที่กลับไปนั่งเก้าอี้แล้วจึงยังคงสามารถรักษาหน้าหัวหน้าตระกูลเศรษฐีใหญ่ได้
ประหวั่นคิดไปถึงนอกจวน...ใช่มีทหารราชสำนักรอคอยเข้าล้างตระกูลอยู่ภายนอกหรือไม่
ใช่พวกมันผู้เฒ่าวิกลจริตพวกนี้ วิกาลดึกดื่น ฝนตก
ฟ้าผ่านอนไม่หลับจึงหาเรื่องสนุกสนานทำหรือไม่
ตาเฒ่าเหล่านี้ใช่รู้สำนึกหรือไม่ แม้ตัวมันแก่ชรา กลับมีวาจากำหนดเป็นตายของผู้คน เ
พียงคนหนึ่งคนใดถวายรายงานคำทำนายนี้แก่จักรพรรดิ ผู้แซ่ฉีทั้งหมด ก็ไร้ที่กลบฝังแล้ว!!
อย่าว่าแต่วันนี้มาถึง 5 คน...
เปรี้ยงงงงง
เห็นสีหน้าแววตาตื่นตระหนกของเจ้าบ้าน จิตทั้ง 7 ล้วนออกจากร่าง
เจ้าอาวาสเฒ่ารีบปรามด้วยกลัวว่าเจ้าบ้านฉีจะเป็นลมไปเสียก่อน
"ประสกอย่าพึ่งแตกตื่นไป คำทำนายยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
หากเป็นเยี่ยงนั้นกลับทำให้ตัดสินใจล้างตระกูลท่านได้โดยง่าย
หากแต่คำทำนายนั้นมี 2 ด้าน อีกด้านหนึ่งนั้นกลับตรงกันข้ามอย่างที่สุด
ตระกูลฉีท่านจะให้กำเนิด มหาจักรพรรดิผู้ปรีชาผู้หนึ่ง จอมทัพผู้กอบกู้ผู้หนึ่ง
และขุนนางแห่งประชาราชผู้หนึ่ง อันว่าลิขิตฟ้า มนุษย์ไม่อาจรู้แจ้ง
ในวันเวลาแห่งความเป็นตายในอีก 15-20 ปีข้างหน้า
เราไม่อาจทราบได้เลยว่า 3 บุคคลตระกูลฉีนี้ จะตัวหายนะ หรือผู้กอบกู้
ดังนั้น พวกอาตมาจึงมาที่นี่ เพื่อปรึกษาท่าน ในฐานะเจ้าบ้านตระกูลฉี
ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้ว่าอย่างไร?"
คำถามเมื่อยิงออก ฉีหยางจินพลันได้สติ
คำตอบของมันจะเป็นตัวกำหนดความเป็นตายของทั้งตระกูลในวันนี้
หากผู้เฒ่าทั้งหมดไม่พอใจในคำตอบ ไม่แน่....อาจตัดสินเป็นหายนะ
หากตอบดีเป็นที่พอใจ ก็ไม่ยังแน่ว่าจะดี เนื่องด้วยผู้กอบกู้นั้น
คนหนึ่งจะได้เป็นจักรพรรดิ อย่างไรยังคงนับเป็นภัยต่อราชวงศ์ปัจจุบัน
ในเมื่อใคร่ครวญอย่างไร ก็ล้วนเป็นภัย คนเหล่านี้มาปรึกษามันเช่นนี้ใช่ต้องการใช้เป็นข้ออ้าง
ว่าตระกูลฉีมีความคิดเป็นจักรพรรดิหรือไม่
เจ้าบ้านสูดลงหายใจลึกหลายครา ใคร่ครวญสิ่งที่คิดว่าต้องกล่าวออกไป
จากนั้นยืนขึ้นต่อหน้าทั้งหมด
"ท่านทั้งหลาย ไม่ว่าอดีตกาล ปัจจุบัน หรือแม้แต่อนาคต
ไม่มีจักรพรรดิใด ขุนพลใด หรือขุนนางใด ได้ชื่อว่าสะอาดบริสุทธิ์แม้สักคน
ผู้ที่ทำการใหญ่ได้ ผู้น้อยเห็นว่าไม่มีใครที่ยังคงเป็นผ้าขาวได้
อันว่าปรีชาหรือไม่ กอบกู้หรือไม่ รักประชาหรือไม่ เป็นคำพูดที่มาจากมุมมองของผู้ที่ได้ประโยชน์ทั้งสิ้น แม้แต่ทรราช หรือกังฉิน ก็เป็นคำกล่าวของผู้เสียผลประโยชน์เช่นกัน
ที่สำคัญคือ เจตจำนงของคนผู้นั้น และจำนวนผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากคนผู้นั้น
หากท่านทั้งหลายทำนายว่า ในอีก 15-20 ปีข้างหน้า อาณาจักรนี้จะแตกดับ
อย่างนั้น....พวกท่านลองพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาได้หรือไม่
สถานะของราชวงศ์ในยามนี้ ต่อให้ล้มล้างตระกูลฉีไปจริง จะสามารถช่วยต่ออายุแก่บ้านเมืองได้จริงหรือ ? จากสายตาผู้เฝ้ามอง ยามนี้บ้านเมืองสงบร่มเย็น ไร้ศึกสงคราม หากแต่มองให้ลึกซึ่ง
ทั้งที่บ้านเมืองร่มเย็น ชาวบ้านกลับอพยพหนีอุทกภัยทางใต้ขึ้นมามากมายจนนครหลวงไม่อาจรองรับไหว ราคาข้าว เกลือ ล้วนขึ้นราคา
ขณะที่ราชสำนักประกาศเพิ่มภาษี ออกนโยบายสร้างสวนสวรรค์ราชอุทยาน
เกณฑ์แรงงาน ช่างฝีมือมหาศาล ยิ่งทำให้ขาดแรงงานท้องถิ่นมาทำไรนา
ชาวบ้านยิ่งไม่มีผลผลิตมาจ่ายภาษี หากเป็นเยี่ยงนี้ต่อไป ต่อให้ไร้คนสกลุฉีในแผ่นดินนี้จริง
ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำทำนายของท่านทั้งหลายได้ ในความเห็นของผู้น้อย ไม่แน่ว่าตระกูลฉีจะเป็นหายนะ และไม่แน่ว่าจะได้ขึ้นเป็นบุคคลสำคัญดังคำทำนาย
ท่านทั้งหลายล้วนทราบดีว่าพ่อค้าไม่อาจรับราชกาลได้ จะเป็นบุคคลเหล่านั้นได้อย่างไร
และหากคำทำนายเป็นจริง เกิดหายนะแก่บ้านเมืองจริง
แต่กลับปราศจากตระกูลฉีไปตามคำทำนาย ใช่จะไร้ ผู้กอบกู้บ้านเมืองหรือไม่
ใช่ว่าเราสมควรตระเตรียมการเพื่ออนาคตดีกว่าหรือไม่??"
ณ วันนี้ สายฟ้านับสิบสาย ได้ผ่าลงมายังลานห้องโถงอย่างอัศจรรย์
พร้อมกันนั้น แว่วเสียงร้องจ้าของเด็กน้อยแรกเกิด
อนาคตของตระกูลฉี คงฝากไว้ที่เด็กคนนี้แล้ว
----------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ