ภรรยาสายแข็ง
7.7
เขียนโดย tidadin
วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.53 น.
8 ตอน
0 วิจารณ์
10.75K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 18.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ตอนที่ 2 ใต้ซิกแพค
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2 ใต้ซิกแพค
**********************************************************************
เอิ้นขวัญทิ้งตัวลงบนเตียงนอนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ท่าทีเฉยเมยจนบางครั้งเธอมองว่าปรัตถกรแสดงท่าทีรังเกียจเธอด้วยซ้ำมันทำให้เธอแอบเสียใจอยู่ลึกๆ แม้จะชินกับท่าทีแบบนั้นที่ผู้ชายส่วนใหญ่มักมองว่าเธออัปลักษณ์เพราะมีแผลเป็นขนาดใหญ่อยู่ที่แก้มข้างซ้าย แต่เธอก็ไม่เคยใส่ใจหรือเสียใจเท่ากับผู้ชายคนนี้แสดงออกเลย
ที่ผ่านมาแม้จะมีใครด่าทอว่าเธออัปลักษณ์ หน้าเหมือนผีบ้างล่ะ แต่เธอก็ไม่เคยให้ราคากับถ้อยคำเหล่านั้น ไม่เคยเก็บมาใส่ใจด้วยซ้ำ ทุกคนมีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์พูดในสิ่งที่เขามองเห็น ส่วนเธอก็มีสิทธิ์ที่จะเก็บหรือไม่เก็บมาใส่ใจก็ได้ แต่ทำไมเรื่องที่เธอเคยปลงได้มานานแล้ว กลับมามีอิทธิพลในใจเมื่อเธอได้สัมผัสท่าทีรังเกียจจากปรัตถกรว่าที่คู่หมั้น
อาจจะเป็นเพราะปรัตถกรคือผู้ชายที่เธอปลื้มเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหรือเปล่า ถึงทำให้เขามีอิทธิพลกับความรู้สึกไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าเธอจะโกรธเขาที่เขาอาจจะรังเกียจ ด้วยรู้ดีว่าตัวเองไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มคือดาราดังครั้นจะให้มาแต่งงานกับผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์อย่างเธอคงไม่แปลกที่เขาจะอับอายผู้คน
ติ๊ด! ติ๊ด!
เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นทำลายความคิดว้าวุ่นที่เกิดขึ้นในหัวของเธอจนหมดสิ้น เอิ้นขวัญจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังโชว์เบอร์สายโทรเข้า จึงรีบหยิบขึ้นมากดรับเมื่อเห็นเป็นสายของพัชราภาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ
“ว่าไงพัชร โทรมาเสียดึกเชียว”
“พึ่งเลิกงาน เลยโทรมาเช็คสักหน่อยว่าแกเป็นไงบ้าง เห็นหน้าว่าสามีของแกหรือยัง หล่อหรือขี้เหล่วะเอิ้น”
“ถ้าฉันบอกแกไปรับรองว่าแกต้องอึ้ง บอกเลยว่าหล่อมาก แล้วแกก็รู้จักด้วย”
“ฉันรู้จักด้วยเหรอ ใครวะ”
“คุณปรัตถกร พระเอกคนโปรดของฉันไง”
“มโนล้ำเลิศอีกแล้วเพื่อนฉัน ฉันล่ะเพลียกับแกจริงๆ” พัชราภาถอนหายใจผ่านสาย หล่อนรู้ว่าเพื่อนรักคลั่งไคล้ปรัตถกรมาก และชินชาเสียแล้วกับการมโนว่าได้เขาเป็นสามี
“ฉันไม่ได้มโน ฉันพูดจริงๆ คุณปรัตถกรเป็นหลายชายคุณนายรุ้งแก้ว และเป็นว่าที่สามีของฉัน ถ้าแกไม่เชื่อแกก็ลอง เสิร์ตอินเทอร์เน็ตดูสิว่านามสกุลของคุณปรัตถกรกับคุณนายรุ้งแก้วคือนามสกุลเดียวกัน หรือถ้าแกไม่เชื่อเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันให้แกถามแม่ฉันดูก็ได้”
ท่าทางจริงจังของเอิ้นขวัญเริ่มทำให้พัชราภาคล้อยตาม “แกไม่ได้โกหกฉันใช่ไหมเอิ้น เอาจริงๆนะ ถ้าแกล้อเล่นขอให้ชาตินี้แกขึ้นคานตลอดชีพ”
“เออ จริงๆ ผู้ชายที่ฉันต้องแต่งงานด้วยคือคุณปรัตถกร”
“เฮ๊ย! อิจฉาตาร้อน” คราวนี้พัชราภาอุทานอย่างตื่นเต้น เมื่อเชื่อว่าเอิ้นขวัญคงไม่ได้มโนไปเองเหมือนทุกครั้ง “แกทำบุญด้วยอะไรเอิ้น แกจะได้กินดาราเหรอ แถมยังเป็นดาราคนโปรดของแกด้วย อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น”
“เฮ้อ…ไม่รู้ว่าจะได้กินหรือเปล่าน่ะสิพัชร แกอย่าลืมนะว่าคุณกรเขาเป็นดารา แล้วดูฉันสิ” เธอถอนหายใจเมื่อยกมือลูบใบหน้าข้างที่เป็นแผลเป็น
“เขาไม่โอเคกับแกเหรอวะ”
“ผู้ชายที่ไหนเขาจะมาโอเคกับคนหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฉัน”
“ถึงเขาจะไม่โอเค แต่ยังไงก็ต้องแต่งอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”
“แต่งงานได้มาแค่ตัวไม่ได้หัวใจมันจะมีประโยชน์อะไร ความจริงฉันก็เห็นใจเขานะ บางทีฉันอาจต้องทำอะไรสักอย่างก็ได้” เอิ้นขวัญถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อไปสองสามประโยคและกดวางสาย เธอวางโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนโต๊ะตรงที่มันเคยอยู่ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มหากดวงตาทั้งสองข้างยังจ้องมองเพดานไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้
เช้าวันใหม่เอิ้นขวัญตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพราะอาสามาเป็นแม่ครัวทำอาหารเช้าให้สมาชิกในบ้านรับประทาน คุณหญิงมณีกระดี๊กระด๊าดีใจที่จะได้ลิ้มรสชาติอาหารอร่อยๆฝีมือของว่าที่หลานสะใภ้อีกครั้งหลังจากไม่ได้กินมานานหลายปีแล้ว
เอิ้นขวัญทำอาหารหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกผักต้ม ต้มจืด แกงมัสมั่น ต้มยำกุ้ง และผัดผัก โดยมีน้อยสาวใช้ประจำบ้านคอยเป็นลูกมือยื่นโน่นยื่นนี่ให้ ไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็ถูกยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะ ก่อนที่สมาชิกในบ้านจะมารวมกันที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารมื้อเช้า
“แล้วนี่ตากรยังไม่ลงมาอีกเหรอ” คุณนายรุ้งแก้วถามขึ้นหลังจากยังไม่เห็นหน้าหลานชายตั้งแต่เช้า “นอนกินบ้านกินเมืองเหลือเกินหลานชายฉัน… น้อยขึ้นไปตามคุณกรมาทานข้าวหน่อยไป”
“คุณย่าคะ เดี๋ยวเอิ้นขึ้นไปตามให้ก็ได้ค่ะ” เอิ้นขวัญอาสาเป็นการเป็นงาน
“จ้ะ ฝากบอกว่ารีบๆด้วย ทุกคนรอทานข้าวอยู่”
เอิ้นขวัญพยักหน้ารับก่อนเดินขึ้นไปชั้นบน พอไปถึงก็เคาะประตูสองสามครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงลองยื่นมือไปบิดลูกบิดประตูดูปรากฎว่าไม่ได้ล็อกจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปสอดส่ายสายตามองหาเจ้าของห้องแต่ไม่พบ
“ไปไหนของเขา หรือว่าลงไปข้างล่างแล้ว” พึมพำกับตัวเองกำลังจะหันหลังกลับ แต่หูก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้องน้ำเสียก่อน จึงหันกลับไปอีกครั้ง เท่านั้นแหละเอิ้นขวัญก็เบิกตาโพลงกรี๊ดลั่นห้อง
“กรี๊ดดด!”
จะไม่ให้เธอกรี๊ดได้อย่างไรเมื่อคนที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำนั้นท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างมีเพียงกางเกงในตัวเล็กปกปิดอนาคอนด้าตัวใหญ่ที่กำลังแสดงอำนาจล้นชั้นในจนเห็นรูปร่างชัดเจน เอิ้นขวัญอ้าปากค้าง ตาเบิกโพลง สายตาโฟกัสไปที่กางเกงในตัวจิ๋วอัตโนมัติ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ อนาคอนด้าตัวโตกำลังทำให้เธอหัวใจจะวาย!
ยุบหนอ พองหนอ ใหญ่จังหนอ เฮ๊ย! สติสตังของสาวน้อยขาดกระเจิงไปหมดแล้วในเวลานี้
เสียงกรีดร้องที่ดังลั่นก็ทำเอาเจ้าของห้องตกใจไม่น้อย แต่พอเห็นเป็นแม่แก้วหน้าม้าจอมอัปลักษณ์ก็ยกยิ้มมุมปาก อยากจะแกล้งให้เธอเกรงกลัวจะได้ขอยกเลิกงานแต่งไปเสีย จึงเดินดุ่มๆเข้าไปหาร่างบอบบาง เอิ้นขวัญเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีนักก็รีบสาวเท้าวิ่งหมายจะออกจากห้อง แต่เพราะรีบไปหน่อยกระมังถึงไม่ได้ดูว่าประตูมันปิดอยู่!
โครม!
เอิ้นขวัญล้มไปกองที่พื้นเห็นดาวระยิบระยับลอยเกลื่อนท้องฟ้า!
ปรัตถกรหัวเราะเสียงดังขำหนักมากกับภาพที่เห็น “อะไรคุณ กลัวมากจนวิ่งไม่ลืมหูลืมตาเลยหรือไง แล้วเป็นอะไรมากไหมละนั่น…”
แม้จะเจ็บแสนเจ็บ แต่ได้เห็นเขาห่วงใยก็ทำให้เอิ้นขวัญยิ้มได้
“ประตูผมเป็นอะไรมากไหม เสียหายหรือเปล่า”
ดีใจได้ไม่ถึงสิบวินาที พอท้ายประโยคบอกว่าเขาเป็นห่วงประตูกลัวว่าจะเสียหายที่เธอชน ไม่ได้ห่วงเธอเลยสักนิดก็ทำเอาเอิ้นขวัญหงุดหงิดปนน้อยอกน้อยใจ แถมยังมายืนหัวเราะเยาะเธออีกโดยไม่คิดจะมีน้ำใจมาช่วยพยุงเธอขึ้นเลยสักนิด นี่คงคิดจะกลั่นแกล้งเธออยู่แน่ๆ เห็นทีจะต้องเอาคืนบ้าง
พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน หลับตาเรียกสติให้กลับมา ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มบานแฉ่ง หากในใจกลับเต้นตึกๆ เมื่อเห็นหุ่นที่แสนฟิตและเฟิร์มของเขา ซิกแพคเป็นลอนๆ กล้ามมัดโตมีหยดน้ำน้อยๆประพรมอยู่ยิ่งเซ็กซี่เข้าไปใหญ่ แถมใต้สะดือลงมา โอ้แม่เจ้า!
งานดีมาก!!
“ไม่ได้กลัวหรอกค่ะ แค่ตกใจว่าทำไมปิ๊กกะจูของว่าที่สามีถึงได้เล็กจัง” เอิ้นขวัญอมยิ้มมุมปากพลางตีคิ้วเย้ยเยาะ พลางกลั้นใจจิกตามองเป้าของเขา “สงสัยต้องบอกคุณย่าว่าสินสอดนอกจากจะมีแก้วแหวน เงิน ทอง แล้ว คงต้องมีแว่นขยายเพิ่มแล้วมั้งคะ ไม่งั้นคงต้องลำบากช่วยกันหาทั้งคืน ไม่ได้ทำอะไรกันพอดี”
“คุณ!” ปรัตถกรโกรธจนตัวสั่น ให้เธอกระโดดถีบหน้าเขายังไม่เจ็บปวดเท่าเธอกำลังดูถูกว่าอวัยวะบางส่วนใต้สะดือของเขาขนาดเล็ก…แถมยังเล็กมากถึงขนาดต้องใช้แว่นขยายส่องหา ผู้หญิงบ้าอะไรกล้าพูดออกมาแบบนั้น อวัยวะสืบพันธุ์นะไม่ใช่แบคทีเรีย จะได้เล็กขนาดต้องใช้กล้องจุลทรรศน์หรือแว่นขยายส่องหา!
“ คุณย่าให้มาตามลงไปทานข้าวค่ะคุณว่าที่สามี” บอกเสร็จก็รีบหันกลับสาวเท้าออกจากห้องไปทันที ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เกือบหัวใจวายตายแล้วไหมล่ะเอิ้นขวัญ
ปรัตถกรทั้งโกรธทั้งอายก้มมองเป้าตัวเองอย่างโมโห เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนใจกล้าหน้าด้านเท่ากับคนๆนี้มาก่อน แล้วแบบนี้หรือที่คุณย่าจอมเผด็จการยืนยันว่าเธอเหมาะสมกับเขา
**********************************************************************
เอิ้นขวัญทิ้งตัวลงบนเตียงนอนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล ท่าทีเฉยเมยจนบางครั้งเธอมองว่าปรัตถกรแสดงท่าทีรังเกียจเธอด้วยซ้ำมันทำให้เธอแอบเสียใจอยู่ลึกๆ แม้จะชินกับท่าทีแบบนั้นที่ผู้ชายส่วนใหญ่มักมองว่าเธออัปลักษณ์เพราะมีแผลเป็นขนาดใหญ่อยู่ที่แก้มข้างซ้าย แต่เธอก็ไม่เคยใส่ใจหรือเสียใจเท่ากับผู้ชายคนนี้แสดงออกเลย
ที่ผ่านมาแม้จะมีใครด่าทอว่าเธออัปลักษณ์ หน้าเหมือนผีบ้างล่ะ แต่เธอก็ไม่เคยให้ราคากับถ้อยคำเหล่านั้น ไม่เคยเก็บมาใส่ใจด้วยซ้ำ ทุกคนมีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์พูดในสิ่งที่เขามองเห็น ส่วนเธอก็มีสิทธิ์ที่จะเก็บหรือไม่เก็บมาใส่ใจก็ได้ แต่ทำไมเรื่องที่เธอเคยปลงได้มานานแล้ว กลับมามีอิทธิพลในใจเมื่อเธอได้สัมผัสท่าทีรังเกียจจากปรัตถกรว่าที่คู่หมั้น
อาจจะเป็นเพราะปรัตถกรคือผู้ชายที่เธอปลื้มเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหรือเปล่า ถึงทำให้เขามีอิทธิพลกับความรู้สึกไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าเธอจะโกรธเขาที่เขาอาจจะรังเกียจ ด้วยรู้ดีว่าตัวเองไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มคือดาราดังครั้นจะให้มาแต่งงานกับผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์อย่างเธอคงไม่แปลกที่เขาจะอับอายผู้คน
ติ๊ด! ติ๊ด!
เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นทำลายความคิดว้าวุ่นที่เกิดขึ้นในหัวของเธอจนหมดสิ้น เอิ้นขวัญจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังโชว์เบอร์สายโทรเข้า จึงรีบหยิบขึ้นมากดรับเมื่อเห็นเป็นสายของพัชราภาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ
“ว่าไงพัชร โทรมาเสียดึกเชียว”
“พึ่งเลิกงาน เลยโทรมาเช็คสักหน่อยว่าแกเป็นไงบ้าง เห็นหน้าว่าสามีของแกหรือยัง หล่อหรือขี้เหล่วะเอิ้น”
“ถ้าฉันบอกแกไปรับรองว่าแกต้องอึ้ง บอกเลยว่าหล่อมาก แล้วแกก็รู้จักด้วย”
“ฉันรู้จักด้วยเหรอ ใครวะ”
“คุณปรัตถกร พระเอกคนโปรดของฉันไง”
“มโนล้ำเลิศอีกแล้วเพื่อนฉัน ฉันล่ะเพลียกับแกจริงๆ” พัชราภาถอนหายใจผ่านสาย หล่อนรู้ว่าเพื่อนรักคลั่งไคล้ปรัตถกรมาก และชินชาเสียแล้วกับการมโนว่าได้เขาเป็นสามี
“ฉันไม่ได้มโน ฉันพูดจริงๆ คุณปรัตถกรเป็นหลายชายคุณนายรุ้งแก้ว และเป็นว่าที่สามีของฉัน ถ้าแกไม่เชื่อแกก็ลอง เสิร์ตอินเทอร์เน็ตดูสิว่านามสกุลของคุณปรัตถกรกับคุณนายรุ้งแก้วคือนามสกุลเดียวกัน หรือถ้าแกไม่เชื่อเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันให้แกถามแม่ฉันดูก็ได้”
ท่าทางจริงจังของเอิ้นขวัญเริ่มทำให้พัชราภาคล้อยตาม “แกไม่ได้โกหกฉันใช่ไหมเอิ้น เอาจริงๆนะ ถ้าแกล้อเล่นขอให้ชาตินี้แกขึ้นคานตลอดชีพ”
“เออ จริงๆ ผู้ชายที่ฉันต้องแต่งงานด้วยคือคุณปรัตถกร”
“เฮ๊ย! อิจฉาตาร้อน” คราวนี้พัชราภาอุทานอย่างตื่นเต้น เมื่อเชื่อว่าเอิ้นขวัญคงไม่ได้มโนไปเองเหมือนทุกครั้ง “แกทำบุญด้วยอะไรเอิ้น แกจะได้กินดาราเหรอ แถมยังเป็นดาราคนโปรดของแกด้วย อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น”
“เฮ้อ…ไม่รู้ว่าจะได้กินหรือเปล่าน่ะสิพัชร แกอย่าลืมนะว่าคุณกรเขาเป็นดารา แล้วดูฉันสิ” เธอถอนหายใจเมื่อยกมือลูบใบหน้าข้างที่เป็นแผลเป็น
“เขาไม่โอเคกับแกเหรอวะ”
“ผู้ชายที่ไหนเขาจะมาโอเคกับคนหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฉัน”
“ถึงเขาจะไม่โอเค แต่ยังไงก็ต้องแต่งอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”
“แต่งงานได้มาแค่ตัวไม่ได้หัวใจมันจะมีประโยชน์อะไร ความจริงฉันก็เห็นใจเขานะ บางทีฉันอาจต้องทำอะไรสักอย่างก็ได้” เอิ้นขวัญถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อไปสองสามประโยคและกดวางสาย เธอวางโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนโต๊ะตรงที่มันเคยอยู่ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มหากดวงตาทั้งสองข้างยังจ้องมองเพดานไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้
เช้าวันใหม่เอิ้นขวัญตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพราะอาสามาเป็นแม่ครัวทำอาหารเช้าให้สมาชิกในบ้านรับประทาน คุณหญิงมณีกระดี๊กระด๊าดีใจที่จะได้ลิ้มรสชาติอาหารอร่อยๆฝีมือของว่าที่หลานสะใภ้อีกครั้งหลังจากไม่ได้กินมานานหลายปีแล้ว
เอิ้นขวัญทำอาหารหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกผักต้ม ต้มจืด แกงมัสมั่น ต้มยำกุ้ง และผัดผัก โดยมีน้อยสาวใช้ประจำบ้านคอยเป็นลูกมือยื่นโน่นยื่นนี่ให้ ไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็ถูกยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะ ก่อนที่สมาชิกในบ้านจะมารวมกันที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารมื้อเช้า
“แล้วนี่ตากรยังไม่ลงมาอีกเหรอ” คุณนายรุ้งแก้วถามขึ้นหลังจากยังไม่เห็นหน้าหลานชายตั้งแต่เช้า “นอนกินบ้านกินเมืองเหลือเกินหลานชายฉัน… น้อยขึ้นไปตามคุณกรมาทานข้าวหน่อยไป”
“คุณย่าคะ เดี๋ยวเอิ้นขึ้นไปตามให้ก็ได้ค่ะ” เอิ้นขวัญอาสาเป็นการเป็นงาน
“จ้ะ ฝากบอกว่ารีบๆด้วย ทุกคนรอทานข้าวอยู่”
เอิ้นขวัญพยักหน้ารับก่อนเดินขึ้นไปชั้นบน พอไปถึงก็เคาะประตูสองสามครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงลองยื่นมือไปบิดลูกบิดประตูดูปรากฎว่าไม่ได้ล็อกจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปสอดส่ายสายตามองหาเจ้าของห้องแต่ไม่พบ
“ไปไหนของเขา หรือว่าลงไปข้างล่างแล้ว” พึมพำกับตัวเองกำลังจะหันหลังกลับ แต่หูก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้องน้ำเสียก่อน จึงหันกลับไปอีกครั้ง เท่านั้นแหละเอิ้นขวัญก็เบิกตาโพลงกรี๊ดลั่นห้อง
“กรี๊ดดด!”
จะไม่ให้เธอกรี๊ดได้อย่างไรเมื่อคนที่พึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำนั้นท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างมีเพียงกางเกงในตัวเล็กปกปิดอนาคอนด้าตัวใหญ่ที่กำลังแสดงอำนาจล้นชั้นในจนเห็นรูปร่างชัดเจน เอิ้นขวัญอ้าปากค้าง ตาเบิกโพลง สายตาโฟกัสไปที่กางเกงในตัวจิ๋วอัตโนมัติ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ อนาคอนด้าตัวโตกำลังทำให้เธอหัวใจจะวาย!
ยุบหนอ พองหนอ ใหญ่จังหนอ เฮ๊ย! สติสตังของสาวน้อยขาดกระเจิงไปหมดแล้วในเวลานี้
เสียงกรีดร้องที่ดังลั่นก็ทำเอาเจ้าของห้องตกใจไม่น้อย แต่พอเห็นเป็นแม่แก้วหน้าม้าจอมอัปลักษณ์ก็ยกยิ้มมุมปาก อยากจะแกล้งให้เธอเกรงกลัวจะได้ขอยกเลิกงานแต่งไปเสีย จึงเดินดุ่มๆเข้าไปหาร่างบอบบาง เอิ้นขวัญเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีนักก็รีบสาวเท้าวิ่งหมายจะออกจากห้อง แต่เพราะรีบไปหน่อยกระมังถึงไม่ได้ดูว่าประตูมันปิดอยู่!
โครม!
เอิ้นขวัญล้มไปกองที่พื้นเห็นดาวระยิบระยับลอยเกลื่อนท้องฟ้า!
ปรัตถกรหัวเราะเสียงดังขำหนักมากกับภาพที่เห็น “อะไรคุณ กลัวมากจนวิ่งไม่ลืมหูลืมตาเลยหรือไง แล้วเป็นอะไรมากไหมละนั่น…”
แม้จะเจ็บแสนเจ็บ แต่ได้เห็นเขาห่วงใยก็ทำให้เอิ้นขวัญยิ้มได้
“ประตูผมเป็นอะไรมากไหม เสียหายหรือเปล่า”
ดีใจได้ไม่ถึงสิบวินาที พอท้ายประโยคบอกว่าเขาเป็นห่วงประตูกลัวว่าจะเสียหายที่เธอชน ไม่ได้ห่วงเธอเลยสักนิดก็ทำเอาเอิ้นขวัญหงุดหงิดปนน้อยอกน้อยใจ แถมยังมายืนหัวเราะเยาะเธออีกโดยไม่คิดจะมีน้ำใจมาช่วยพยุงเธอขึ้นเลยสักนิด นี่คงคิดจะกลั่นแกล้งเธออยู่แน่ๆ เห็นทีจะต้องเอาคืนบ้าง
พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน หลับตาเรียกสติให้กลับมา ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มบานแฉ่ง หากในใจกลับเต้นตึกๆ เมื่อเห็นหุ่นที่แสนฟิตและเฟิร์มของเขา ซิกแพคเป็นลอนๆ กล้ามมัดโตมีหยดน้ำน้อยๆประพรมอยู่ยิ่งเซ็กซี่เข้าไปใหญ่ แถมใต้สะดือลงมา โอ้แม่เจ้า!
งานดีมาก!!
“ไม่ได้กลัวหรอกค่ะ แค่ตกใจว่าทำไมปิ๊กกะจูของว่าที่สามีถึงได้เล็กจัง” เอิ้นขวัญอมยิ้มมุมปากพลางตีคิ้วเย้ยเยาะ พลางกลั้นใจจิกตามองเป้าของเขา “สงสัยต้องบอกคุณย่าว่าสินสอดนอกจากจะมีแก้วแหวน เงิน ทอง แล้ว คงต้องมีแว่นขยายเพิ่มแล้วมั้งคะ ไม่งั้นคงต้องลำบากช่วยกันหาทั้งคืน ไม่ได้ทำอะไรกันพอดี”
“คุณ!” ปรัตถกรโกรธจนตัวสั่น ให้เธอกระโดดถีบหน้าเขายังไม่เจ็บปวดเท่าเธอกำลังดูถูกว่าอวัยวะบางส่วนใต้สะดือของเขาขนาดเล็ก…แถมยังเล็กมากถึงขนาดต้องใช้แว่นขยายส่องหา ผู้หญิงบ้าอะไรกล้าพูดออกมาแบบนั้น อวัยวะสืบพันธุ์นะไม่ใช่แบคทีเรีย จะได้เล็กขนาดต้องใช้กล้องจุลทรรศน์หรือแว่นขยายส่องหา!
“ คุณย่าให้มาตามลงไปทานข้าวค่ะคุณว่าที่สามี” บอกเสร็จก็รีบหันกลับสาวเท้าออกจากห้องไปทันที ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เกือบหัวใจวายตายแล้วไหมล่ะเอิ้นขวัญ
ปรัตถกรทั้งโกรธทั้งอายก้มมองเป้าตัวเองอย่างโมโห เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนใจกล้าหน้าด้านเท่ากับคนๆนี้มาก่อน แล้วแบบนี้หรือที่คุณย่าจอมเผด็จการยืนยันว่าเธอเหมาะสมกับเขา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ