ภรรยาสายแข็ง
เขียนโดย tidadin
วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.53 น.
แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559 18.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 1 คู่หมั้นคู่หมาย ให้ผมตายดีกว่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 1 คู่หมั้นคู่หมาย ให้ผมตายดีกว่า
คุณนายรุ้งแก้วอมยิ้ม แอบภูมิใจนิดๆถึงความโด่งดังของหลานชายที่คนทั้งประเทศต่างรู้จักในนามดาราซุปเปอร์สตาร์เบอร์ต้นๆของเมืองไทย
“ใช่แล้วจ้ะหนูเอิ้น นี่แหละปรัตถกรพระเอกละคร นี่หนูก็เป็นแฟนคลับของตากรเหมือนกันใช่ไหม”
“ค่ะ เป็นพระเอกคนโปรดเลยล่ะ ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีอีกนะคะ” ปากตอบคำถามหญิงชรา หากสายตากลับจับจ้องปรัตถกรราวกลับจะกลืนกินเขาทั้งตัว
คุณนายรุ้งแก้วปรบมือเปาะที่เอิ้นขวัญปลื้มหลานชายอยู่ก่อนแล้ว คราวนี้ก็เหลือเพียงพ่อดาราซุปเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งว่าจะปลื้มเอิ้นขวัญเหมือนกันไหม
“งั้นย่าขอแนะนำอย่างเป็นทางการเลยแล้วกันนะ หนูเอิ้นนี่ตากรหลานชายคนโตของย่า…ตากรนี่น้าอุไร ส่วนนั่นหนูเอิ้นหลานสาวเพื่อนของย่า และเป็นว่าที่เจ้าสาวของเรา”
“อะไรนะครับ!”
ปรัตถกรแทบลมจับ ทั้งมือทั้งขาอ่อนยวบลงเมื่อสิ่งที่เขาหวั่นกลัวมันกลายเป็นจริง ผู้หญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้าคนนี้คือว่าที่เจ้าสาวที่คนเป็นย่ายกใส่พานมาถวายจริงๆ ให้ตายเถอะ! คุณนายรุ้งแก้วเสียสติหรือผีสางนางไม้เข้าสิงกันแน่ ถึงคิดจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่หาความสวยไม่ได้อย่างเธอคนนี้
“ฟังชัดๆนะตากร นี่หนูเอิ้นผู้หญิงที่ย่าจะให้แกแต่งงานด้วย”
“คุณแม่ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ” บดินทร์เองก็คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่มารดาเลือกให้เป็นเจ้าสาวหลานชายจะหาความสวยไม่เจอเลยสักนิด
“ใช่ ฉันไม่ได้ล้อเล่น หนูเอิ้นคือว่าที่หลานสะใภ้คนโตของฉัน”
ปรัตถกรยกมือขึ้นกุมขมับ เวลานี้เขาอยากจะเอาหัวโขกเสาบ้านตายให้รู้แล้วรู้รอด “คุณย่าครับ ผมขอคุยเป็นการส่วนตัวด้วยครับ”
คุณนายรุ้งแก้วหันมองหลานชายก่อนยกยิ้มมุมปาก “ได้เสมอหลานชาย”
“ผมขอไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น!”
“ไม่ได้ แกต้องแต่ง” ทั้งย่าทั้งหลานยืนจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมลดราวาศอก “หนูเอิ้นคือผู้หญิงที่ฉันดูแล้วว่าเหมาะสมกับแกทุกประการตากร”
“เหมาะสม” หลานชายหัวเราะในลำคอเบาๆ “หน้าตา เอ่อ…แผลเป็นบนหน้าใหญ่กว่าจานดาวเทียมขนาดนั้น แถมชาติตระกูลก็ไม่ใช่ผู้รากมากดีมาจากไหน ตรงไหนเหรอครับที่เหมาะสมกับผมช่วยบอกผมที”
“จิตใจไงล่ะตากร แกอย่าตัดสินคนอื่นแค่เปลือกนอก หนูเอิ้นอาจจะไม่ใช่คนสวยเพราะมีแผลเป็นที่ใบหน้า แต่ย่ากล้ารับรองเอาหัวเป็นประกันเลยก็ได้ว่าหนูเอิ้นเป็นคนจิตใจดี เอาการเอางาน แล้วย่าก็มั่นใจว่าหนูเอิ้นจะป็นศรีภรรยาที่แสนดีของแกแน่ๆ”
“แต่ผมเป็นดารานะครับ คนอื่นจะมองยังไงถ้ารู้ว่าเจ้าสาวของผมหน้าตาเป็นแบบนั้น”
“ใครจะมองยังไงก็ช่างหัวมันสิ มันหาข้าวให้แกกินหรือไง” คุณนายรุ้งแก้วตวาดกลับ เริ่มไม่พอใจหลานชายที่ตัดสินคนแค่เปลือกนอก นี่เป็นสิ่งที่นางไม่ชอบที่สุด
“ไม่รู้แหละ ยังไงผมก็ไม่มีวันแต่งงานกับแม่เอิ้นขงเอิ้นขวัญอะไรนั่นเด็ดขาด”
“แม้ว่าฉันจะตัดชื่อแกออกจากกองมรดก แกก็จะไม่สนใช่ไหม”
ปรัตถกรหันไปสบตากับหญิงชราอย่างท้าทาย “เชิญเลยครับคุณย่า อาชีพของผมวันๆหนึ่งหาเงินได้เฉียดล้าน แค่ไม่ได้มรดกของคุณย่าผมคงไม่อดตาย”
หญิงชราแสยะยิ้มมุมปาก “แต่แกลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นใคร ผู้บริหารช่องที่แกสังกัดอยู่ก็เป็นลูกของเพื่อนฉัน ผู้จัดละครทั้งหลายฉันก็รู้จักแทบทุกคน การจะทำให้แกกลายเป็นดาราตกกระป๋อง มันง่ายแค่ปลายนิ้ว ฉันแค่กดเบอร์ต่อสายไปที่ช่อง รับรองได้เลยว่าดาราที่ชื่อปรัตถกรจะต้องถูกถอดชื่อออกจากละครทุกเรื่องที่ถูกวางตัวไว้ ลองไหมล่ะพ่อหลานชายคนเก่ง”
ปรัตถกรอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าย่าจะเอาจริงเอาจังถึงขนาดจะตัดอนาคตหลานชายที่กำลังไปได้สวย เขามั่นใจว่าคนอย่างคุณนายรุ้งแก้วอดีตผู้จัดละครมือทองสามารถทำได้อย่างที่พูดจริงๆ เพราะนางรู้จักคนในแวดวงบันเทิงอย่างกว้างขวางด้วยครั้งหนึ่งก็เคยไปคลุกคลีอยู่กับวงการนี้ จนผันตัวออกมาดูแลไร่องุ่นเมื่อสามีสิ้นใจ แต่ก็ยังติดต่ออยู่กับผู้จัดของช่องต่างๆอยู่เรื่อยๆ
ที่เขาได้ก้าวเข้าสู้วงการกลายเป็นพระเอกซุปเปอร์สตาร์ได้จนถึงทุกวันนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะย่าของเขาเป็นคนฝากฝังและสนับสนุน อีกทั้งยังช่วยสอนการแสดง การวางตัว จนเขากลายเป็นดาราเจ้าบทบาทและเป็นขวัญใจของมหาชนได้ในระยะเวลาที่เข้าวงการมาไม่นานนัก
“โธ่ คุณย่า ได้โปรดสงสารผมเถอะ” เมื่อเห็นคุณย่ามาเฟียเอาจริง ผู้เป็นหลานชายจึงยอมอ่อนลงเปลี่ยนเกมสู้รบเป็นการออดอ้อนขอความเมตตา
“เชื่อสายตาย่าสิกร หนูเอิ้นถึงตัวจะเป็นกาแต่จิตใจเป็นหงส์ หลานจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้”
เอิ้นขวัญออกมาเดินรับลมเล่นที่หน้าบ้านหลังจากพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ อาจจะเป็นเพราะแปลกที่แปลกทาง ส่วนอุไรผู้เป็นแม่นั้นหลับตั้งแต่ทิ้งหัวลงหมอนคงจะเพลียกับการเดินทาง วันนี้ทั้งเธอและแม่ค้างที่ไร่รุ้งแก้ว ด้วยพรุ่งนี้มีภารกิจสำคัญคือการไปขอฤกษ์แต่งงานกับพระอาจารย์ชื่อดังที่คุณนายรุ้งแก้วนับถือ
ท้องฟ้าวันนี้สว่างจ้าเพราะเป็นคืนเดือนเพ็ญ หญิงสาวทอดสายตามองหมู่ดาวระยิบระยับที่อยู่เคียงข้างพระจันทร์ดวงใหญ่ สายลมเย็นๆพัดผ่านมาต้องกายทำให้สาววัยกำดัดยกมือขึ้นกอดตัวเองเพิ่มไออุ่น แม้นี่จะยังไม่ใช่ฤดูหนาวแต่ด้วยอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จึงทำให้อากาศเย็นกว่าที่บ้านของเธอมาก
“นอนไม่หลับเหรอ”
เอิ้นขวัญสะดุ้ง เมื่อมีเสียงของใครบางคนดังขึ้นทำลายความเงียบ หญิงสาวหันกลับไปหาต้นเสียงแล้วหัวใจก็สั่นไม่เป็นจังหวะเมื่อพบดาราคนโปรดพ่วงตำแหน่งว่าที่สามีของเธอกำลังเดินตรงเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“ค่ะ ยังไม่ง่วงก็เลยออกมาเดินรับลมสักหน่อย ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยนะคะ”
“ดูคุณจะไม่เดือดร้อนอะไรเลยนะ”
เอิ้นขวัญเลิกคิ้วสูง หันมองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจในความหมายที่เขาเอ่ย “ไม่เดือดร้อนอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่เราถูกผู้ใหญ่จับคลุมถุงชนให้แต่งงานกันโดยไม่ได้รักกัน ไม่รู้จักกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ถามจริงๆเถอะ คุณไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยเหรอ”
“ตอนแรกก็มีคิดมากค่ะ แต่พอมารู้ว่าเจ้าบ่าวคือคุณปรัตถกร ดาราคนโปรดของเอิ้น ความกังวลทั้งหลายแหล่ก็หายไป เหลือไว้แต่ความยินดีปรีดา” เอิ้นขวัญยิ้มร่า
ปรัตถกรเป็นดาราคนโปรดที่เธอหลงเสน่ห์และติดตามผลงานของเขามาตั้งแต่เล่นละครเรื่องแรก เรียกว่าเป็นผู้ชายในอุดมคติที่เธออยากได้มาเป็นสามีเลยก็ว่าได้ เธอแอบวาดฝันว่าถ้าได้ผู้ชายแบบนี้มาเป็นพ่อพันธุ์รับประกันได้เลยว่าลูกที่เกิดมาจะต้องน่ารักน่าชังมากๆ
และวันนี้ความฝันของเธอมันกำลังจะกลายเป็นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ
งานเข้าอย่างจังล่ะสิ ความตั้งใจของปรัตถกรคือการมาหว่านล้อมให้เอิ้นขวัญปฏิเสธการแต่งงาน แต่ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้เมื่อเธอนั้นออกตัวว่าปลื้มเขามาก่อนจะรู้จักกันอย่างเป็นทางการเสียอีก
“ผมพูดตรงๆนะว่าผมไม่ได้ชอบคุณ”
“มันก็ไม่แปลกค่ะเพราะเราพึ่งรู้จักกัน”
“ต่อให้เรารู้จักกันนานมากกว่านี้ ผมก็มั่นใจว่าผมก็ไม่มีวันรักคุณ” ปรัตถกรปฏิเสธแบบตัดเยื่อขาดใยไม่ให้ฝ่ายนั้นหวังลมๆแล้งๆ แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด เพราะเธอยังยิ้มร่าแถมตอบกลับมาอย่างฉะฉาน
“คุณกรเคยดูละครจักรๆวงศ์ๆเรื่องแก้วหน้าม้าไหมคะ พระปิ่นทองก็เคยปฏิเสธความรักของนางแก้วหน้าม้าแบบนี้แหละ แต่สุดท้ายพระปิ่นก็รักนางแก้วหน้าม้าหัวปักหัวปำ” เอิ้นขวัญทำตาแพรวพราว ก่อนจะร่ายบทกลอนไม่ให้เสียชื่อคณะครุศาสตร์ เอกภาษาไทยที่พึ่งเรียนจบมาหมาดๆ
“ถึงนางแก้วหน้าม้าจะขี้เหล่
ไม่สวยเท่ห์เหมือนใครๆอย่าหัวเสีย
แม้นพี่ปิ่นได้น้องแก้วไปเป็นเมีย
น้องก็ทำให้พี่เพลียได้เหมือนกัน
อย่าพึ่งตัดสินกันที่หน้าตา
แม้นไม่สวยเหมือนนางฟ้าอย่าหุนหัน
สวยแต่รูปจูบไม่หอมเขาว่ากัน
ส่วนน้องนั้นยืนยันพร้อมหอมทุกตรง”
กระโถนอยู่ไหนครับ เอามาด่วนๆ ปรัตถกรแอบเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ไม่ต้องรอให้ได้เธอไปเมียหรอก เพราะลำพังแค่รู้ว่าจะได้เธอเป็นเจ้าสาวเขาก็เพลียจนแทบเอาเท้าก่ายหน้าผากแล้ว
“โอ้น้องแก้วหน้าหมา เฮ๊ย! หน้าม้า น้องช่างกล้าพูดมาได้ไม่อายผม
แค่เห็นหน้าแทบแดดิ้นสิ้นเป็นลม
ถ้าให้หอมคงขื่นขมล้มทั้งยืน
บอกทำให้พี่เพลียได้ไม่อายปาก
หน้าเหมือนทากเมาสุราแล้วไม่ฟื้น
แม้นพี่เมาแสนเมาจนโครตหื่น
เห็นหน้าน้องพี่คงตื่นรีบสร่างเมา”
แทนที่เอิ้นขวัญจะโกรธหรือไม่พอใจที่เขาแต่งกลอนด่าว่าเธอขนาดนั้น แต่ก็เหมือนโรคจิตยิ่งเขาด่าเธอก็ยิ้มคลี่ยิ้มอย่างสุขใจ ไม่ใช่มีความสุขที่เขาด่าว่าเธอเหมือนทากเมาสุรา แต่ที่ยิ้มแป้นเพราะไม่คาดคิดว่าคนสมัยใหม่อย่างปรัตถกรจะแต่งกลอนเป็นด้วย
“อุ๊ย! พรหมลิขิตชัดๆ”
ปรัตถกรเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความงุนงง “พรหมลิขิตอะไร”
“ก็เอิ้นแต่งกลอนได้ คุณกรก็แต่งกลอนได้ แบบนี้เขาเรียกว่าพรหมลิขิตชัดๆเลย คุณกรแต่งกลอนเป็นได้ไงคะ”
“เป็นธรรมดาของคนหล่อและเก่งมาก”
ไม่กระดากปากสักนิดที่ชมตัวเอง แต่ไม่ได้บอกความจริงไปว่าที่เขาแต่งกลอนเป็นก็เพราะตอนเป็นเด็กคุณนายรุ้งแก้วผู้เรียนจบอักษรศาสตร์และเก่งกาจในเรื่องบทกวีมักแต่งกลอนกรอกหูเขากับชญานนท์เช้า กลางวัน เย็น สามเวลาหลังอาหาร จึงไม่แปลกที่เขากับน้องชายจะซึมซับจนสามารถแต่งกลอนได้จนถึงขั้นที่เรียกว่ามีฝีมือเลยทีเดียว
จำได้ว่าตอนที่เรียนมัธยมเวลามีการประกวดแต่งกลอนที่ไหนเขากับน้องชายก็ล้วนแล้วแต่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนและได้รางวัลมาทุกเวที พึ่งจะห่างหายจากการการฝึกฝนตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยนี่เอง
“นอกจากหล่อแล้วยังหลงตัวเองอีกนะคะ เป็นคนมั่นใจในตัวเอง แบบนี้สเปคเอิ้นเลย คุณกรคะเอิ้นขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ”
“ไม่ได้ถือมา คุณจะเอาไปทำอะไร”
“จะเอามาโทรบอกแม่ว่าเอิ้นเจอเนื้อคู่แล้ว”
ปรัตถกรเกือบยิ้มออกไปแล้ว แต่นึกขึ้นได้จึงรีบตีหน้าขรึมเช่นเดิม เธอล่ะยอมใจผู้หญิงคนนี้จริงๆ หยอดนิดหยอดหน่อยเหมือนแม่ค้าขนมครก
“สรุปว่าคุณกรเคยดูเรื่องแก้วหน้าม้าหรือเปล่าคะ”
“เคยดูสิ รู้ด้วยว่านางแก้วหน้าม้าซ่อนรูปงามเอาไว้ข้างใน แต่คุณล่ะถอดคราบเป็นแก้วมณีได้หรือเปล่า ถ้าถอดได้ลองถอดให้ดูหน่อยสิ”
ปรัตถกรยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางเดินเข้าไปหาตวัดเอาร่างบางเข้ามาสวมกอด พยายามแสดงความหื่นให้เธอเห็น เป็นสุภาพบุรุษให้น้อยที่สุด เธอจะได้กลัวจนไม่กล้าแต่งงานกับเขา
“ถ้าถอดคราบไม่ได้ ก็ลองถอดเสื้อผ้าหน่อยเป็นไร มันอาจจะทำให้คุณน่ามองขึ้นมาบ้าง”
เอิ้นขวัญสั่นไปทั้งเนื้อทั้งตัว เมื่อถูกชายหนุ่มจู่โจมอย่างถึงเนื้อถึงตัว แต่เธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นี้ไม่ใช่เพราะพิศวาสอะไรเธอหรอก แค่มองตาที่เขาพยายามแสดงมันออกมาเธอก็เดาได้ว่าเขาต้องการกลั่นแกล้งให้เธอเกรงกลัวและปฏิเสธการแต่งงานเท่านั้น จึงฝืนยิ้มและข่มใจให้เป็นปกติที่สุด
“ถ้าจะให้เอิ้นถอดเสื้อถอดผ้า ก็ปล่อยก่อนสิคะ กอดเอิ้นอยู่แบบนี้จะถอดได้ไง”
เพล้ง! ไม่ใช่เสียงแก้วที่ไหนแตกหรอกครับ เสียงหน้าของผมเองแหละ นึกว่าเธอจะขยาดแต่ที่ไหนได้ยังยินยอมพร้อมใจอีก ปรัตกรโอดครวญในใจ
รอยยิ้มอย่างผู้ชนะหายไปจากใบหน้าของหนุ่มหล่อฉับพลัน เมื่อหญิงสาวไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวอย่างที่เขาคาดหวัง แถมยังบ้ายอจะทำตามที่บอกอีกต่างหาก ปรัตถกรจึงรีบคลายอ้อมแขนออกทันที
เอิ้นขวัญลอบยิ้มเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าบึ้ง “ตกลงจะให้เอิ้นถอดไหมคะ ถ้าให้ถอดคงต้องเข้าห้องก่อน เพราะตรงนี้มันโล่งเกินไป เอิ้นเขิน”
“ไม่ต้อง!” ปรัตถกรรีบห้ามแทบไม่ทัน เพราะกลัวว่าเธอจะถอดจริงๆ ผู้หญิงคนนี้อันตรายกว่าที่เขาคิด “ผมว่าเรามาตกลงกันดีกว่า ผมมีข้อเสนอให้คุณ”
“ว่ามาเลยค่ะ”
“ผมจะให้เงินคุณห้าแสน แต่คุณต้องปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้”
“แล้วทำไมคุณไม่ปฏิเสธเองละคะ ถ้าคุณไม่อยากแต่งก็แค่บอกคุณย่าของคุณไป มันก็จบ คุณก็ไม่ต้องเสียเงินห้าแสนมาจ้างเอิ้นแบบนี้”
“ผมปฏิเสธไปแล้ว แต่คุณย่าไม่ยอม ผมขัดท่านไม่ได้”
“เอิ้นเองก็ขัดแม่เอิ้นไม่ได้เหมือนกัน”
“คุณไม่อยากขัดความต้องการของแม่หรือคุณอยากแต่งงานกับผมกันแน่”
“หลงตัวเองอีกแล้ว แต่ก็ใช่แหละ เอิ้นขัดแม่เอิ้นไม่ได้และก็ไม่อยากขัดใจตัวเองด้วย” เธอบอกก่อนจะฮัมเพลงขึ้น
“ไม่อยากจะขัดใจตัวเอง ที่มันชอบเธอไม่ให้ชอบเธอ ก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะใจมันคิดไปไกล ยากที่จะดึงกลับแล้วจำเป็นต้องขัดใจตัวเอง ข่มตาลงแล้วหันหลังกลับปลอบใจว่าไม่เป็นไร คิดว่าเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ไป”
**เพลงขัดใจ ศิลปิน คัลเลอร์พิทช์
“คุณไม่อายบ้างเหรอที่บอกรักผู้ชายก่อนเต็มปากเต็มคำ”
“ความรักไม่ใช่เรื่องน่าอายนี่คะก็แค่บอกรักไม่ได้แก้ผ้าอ้าขาให้ผู้ชายซะหน่อย” เธอส่งยิ้มหวานให้เขาหากฝ่ายนั้นตีหน้าบึ้งส่งกลับคืน “อย่าเครียดเลยค่ะคุณกรถ้าเราเป็นเนื้อคู่กันแล้วต่อให้คุณหนียังไงมันก็ไม่พ้นหรอก แต่ถ้ามันไม่ใช่แม้คุณไม่ได้ทำอะไรเลย มันก็จะมีเหตุให้เราต้องพลัดพรากกันอยู่ดี เอิ้นง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ว่าที่สามี”
บอกเสร็จก็ส่งจูบไปให้เขาหนึ่งครั้งก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านด้วยรอยยิ้ม อยากจะแกล้งให้เธอกลัวดีนักเจอเธอสวนคืนบ้างเป็นไง เงิบเลยไหมพ่อพระเอกหน้าหล่อ รู้จักคนอย่างเอิ้นขวัญน้อยไปแล้ว
“ผู้หญิงอะไรหน้ามึนชะมัด” เขาสบถอย่างหัวเสีย
“ผู้ชายอะไรน่ารักจริงๆ” เอิ้นขวัญหันกลับมาตอบเมื่อได้ยินที่เขาเอ่ยเมื่อครู่ ก่อนจะส่งยิ้มหวานทำตาแพรวพราวก่อนเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ปรัตถกรยืนหัวเสียอยู่เพียงลำพัง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ