เจ้าหัวใจมาเฟีย (ฉบับรีไรต์)

8.7

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.52 น.

  15 ตอน
  2 วิจารณ์
  17.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 13.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) เจ้าหัวใจมาเฟีย (ฉบับรีไรต์) ตอนที่ 4 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงซึ่งขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ สิ่งที่บุพการีพร่ำสอนมาตั้งแต่เล็กจนโตยิ่งตอกย้ำให้เธอได้คิดถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทุกอย่างคงไม่ย่ำแย่และรู้สึกผิดมากเช่นนี้หากไม่ปล่อยตัวปล่อยใจ หลงเพริดไปกับมนตราเสน่หาที่เขาหยิบยื่นให้
            ร่องรอยที่เกิดขึ้นบนเนื้อตัวซึ่งมองเห็นผ่านกระจกเงา ยิ่งทำให้เธอได้คิดและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะต่อต้านขัดขืนสุดแรงเกิดแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ช่วงแรก ภาพอันเริงร้อนระหว่างกันยิ่งสร้างความละอายใจให้แก่เธอ ทว่าน้ำตาที่อยู่ในหัวใจนี้กลับทำให้เธอรู้สึกแย่กว่าการร้องไห้เมื่อครู่เสียด้วยซ้ำ
            ‘แล้วถ้าเกิดท้องจะทำยังไง’
          แพรวาส่ายหน้าให้กับตัวเองเมื่อคำถามนั้นดังก้องอยู่ในใจและเธอก็รู้ดีว่าเพราะเหตุใด มาเฟียร้ายกาจถึงได้กล้าใช้คำถามนี้
            ไร้ซึ่งความยับยั้งชั่งใจและการป้องกัน!
            เธอต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ ความรอบคอบและสติปัญญาเท่านั้นที่จะพาเธอข้ามผ่านอุปสรรคอันใหญ่หลวงที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เห็นได้ชัดว่าความอาดูรในสิ่งที่สูญเสียไปรังแต่จะทำให้จมจ่อมอยู่กับความเศร้าหมอง เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ และนั่นทำให้ความเสี่ยงมีมากขึ้นทุกวินาที
            ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจึงเป็นสิ่งที่เธอควรจะใช้เพื่อป้องกัน เมื่อยังไม่มีความพร้อมรับผิดชอบต่อชีวิตอันบริสุทธิ์
 
            สองสัปดาห์ผ่านมาแล้วที่อาเชอร์ยังได้รับรู้ว่าเธอใช้ชีวิตตามปกติ เข้าเรียน ทำงาน กลับอพาร์ตเมนต์หรือใช้เวลาขลุกอยู่ในร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งตลอดวันหยุด แม้ภาพที่เห็นจะดูผ่ายผอมลงมากแต่ใบหน้างดงามนั้นยังสดใส แช่มชื่น ตราตรึงใจไม่เสื่อมคลาย
            เขาพยายามไม่เข้าใกล้เธอมากจนเกินความจำเป็น แม้ว่าต้องทรมานอยู่กับความรู้สึกที่หัวใจเรียกร้องก็ตามแต่จะให้คนอย่างดอนอาเชอร์ ลดทิฐิ คอยตามตื๊อขอความเมตตาปรานีจากผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งได้อย่างไร
            ทว่าอาการกระสับกระส่าย นอนไม่หลับนับจากวันที่เธอเดินจากไปนั้นทำให้คนที่นอนหลับยากและรู้สึกตัวตื่นเร็วอย่างเขาทรมานสิ้นดี คำสั่งในการค้นหาประวัติส่วนตัวโดยละเอียดเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อแพรวาจึงหลุดออกจากปากเมื่อสองวันที่ผ่านมา
            ก๊อก... ก๊อก...
            ไมค์ เดินเข้ามาในห้องเมื่อได้ยินเสียงเจ้านายเอ่ยอนุญาต บอดีการ์ดหนุ่มวางซองเอกสารสีน้ำตาลลงบนโต๊ะแล้วถอยหลังมายืนข้างๆ คู่หู “ประวัติส่วนตัวและรูปถ่ายในช่วงเวลาสัปดาห์ที่ผ่านมาของคุณแพรวาครับ”
            สาบานได้ว่าเอกสารที่อยู่ในแฟ้มนั้นมีมูลค่ามหาศาล เมื่อเทียบกับประวัติส่วนตัวอันไร้ซึ่งความสำคัญของแพรวา แต่แฟ้มเอกสารนั้นกลับถูกปิดลงอย่างรวดเร็วจนคนสนิททั้งสองต้องสบสายตากัน แล้วหันกลับไปสังเกตการณ์ท่าทีของเจ้านายอยู่เงียบๆ
            รูปถ่ายในอิริยาบถต่างๆ ยังทำให้อาเชอร์ยิ้มออกมาอย่างพึงใจโดยไม่รู้ตัว แม้จะเกิดความไม่พอใจเท่าใดนักเมื่อรู้สึกได้ว่าเธอผอมลงกว่ารูปถ่ายในสัปดาห์ที่แล้ว
            หากเธอเกิดความสบายใจแล้วทำไมถึงได้น้ำหนักลดลงจนรูปร่างบอบบางเช่นนี้ แล้วถ้าไม่สบายใจทำไมถึงได้มีรอยยิ้มที่สดใสดึงดูดสายตาเขาได้มากถึงเพียงนี้
            เรื่องเล็กน้อยแต่กลับกวนใจเขาเหลือเกินเมื่อไม่อาจคาดเดาความรู้สึกนึกคิดของเธอได้ เหนือสิ่งอื่นใดยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับความทรมานที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้อย่างไร
            ...สาวบริสุทธิ์ ควรต้องหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย ออดอ้อนออเซาะให้เขาเห็นใจ รักใคร่เอ็นดูเธอไปนานๆ
            แต่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้อาเชอร์อดทนได้ถึงเพียงนี้ นอกเหนือจากเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมคลาสเรียน ชีวิตประจำวันของเธอที่ไม่มีผู้ชายเข้ามาข้องแวะต่างหากที่ทำให้เขาวางใจจับตาเฝ้ามองเธอต่อไปเช่นนี้
            “ดอนจะให้ตามเธอต่อไหมครับ” ไมค์ถามเมื่อเห็นเจ้านายนั่งเงียบอยู่นาน
            “เมียทั้งคน ไม่ตามได้ไงวะ” ตวาดกลับเสียงดุกร้าวโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย ทว่าสีหน้าของคนสนิทที่แสดงออกก็ทำให้เขาเริ่มรู้ตัวว่าหลุดคำพูดใดออกมา
            ‘เมีย’ มีทั้งความตกใจ ประหลาดใจ แม้จะได้ยินกับหูยังไม่อยากเชื่อว่าดอนอาเชอร์จะยกตำแหน่งนั้นให้เธอโดยไม่อิดออด
            “แล้วถ้าปล่อยให้เธอเป็นอะไรแม้แต่ปลายก้อย เตรียมตัวตาย” อาเชอร์ตะคอกกลบเกลื่อนพิรุธที่หลุดออกไปเมื่อครู่ “ไปไกลๆ ทั้งคู่เลย”
            หึง หวง ห่วง โหดของแท้... คำจำกัดความที่บิลและไมค์สรุปหลังจากรีบเผ่นเอาตัวรอดออกมาจากห้องทำงานใหญ่
           
          หนึ่งเดือนต่อมา...
          คืนอัปยศที่เกิดขึ้นกับแพรวานั้นได้ผ่านมาเป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้ว หญิงสาวพยายามตัดความเศร้า ความเสียใจออกไปจากใจ เมื่อคิดได้ว่าในโลกนี้มีคนที่โชคร้ายกว่าตนอีกมากมายนัก
            การโหมทำงานอย่างหนัก ท่องหนังสือจนดึกดื่นค่อนคืนทำให้น้ำหนักตัวลดไปถึงสามกิโลกรัม ด้วยความเสียใจที่ยังซ่อนไว้ในส่วนลึกทำให้นอนไม่หลับ ความเครียด ความกังวลที่เกิดขึ้นยังทำให้ประจำเดือนเลื่อนออกไปถึงสองสัปดาห์!
            หากทุกอย่างเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เมื่อแพรวาตัดสินใจไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียด คำยืนยันของคุณหมอทำให้เธอมั่นใจว่าประจำเดือนที่คลาดเคลื่อนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการตั้งครรภ์ แต่เป็นเพราะความเครียด วิตกกังวลใจของเธอเอง
            กิจกรรมยามว่างจึงเกิดขึ้นมากมายและทำให้เธอคลายความกังวลลงได้มากโข นอนหลับได้นานขึ้นแม้ในใจส่วนลึกแล้วจะโหยหาอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาก็ตาม เธอยังคงเข้าเรียน ทำงานและไปมาหาสู่กับวรนุชอยู่เป็นปกติโดยที่ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า นับตั้งแต่วันที่ก้าวออกมาจากเพนต์เฮาส์ของอาเชอร์ เฟร์นานโด เธอยังอยู่ในระยะสายตาของเขามาตลอด
 
            ภายในส่วนของห้องนักกายภาพบำบัด สโมสรฟุตบอลแห่งหนึ่งในกรุงมาดริด
          เอมิเลียประหลาดใจไม่น้อยเพราะจำได้ว่าวันนี้แพรวาไม่มีชื่ออยู่ในตารางการทำงาน แต่ทำไมถึงได้เห็นเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ยืนอยู่หน้าล็อกเกอร์ทั้งยังอยู่ในชุดเตรียมพร้อมที่จะทำงาน
            “อ้าว วันนี้หยุดไม่ใช่เหรอคะ พี่แพร” เอมิเลียเพิ่งเปลี่ยนชุดเรียบร้อยถามในขณะที่เปิดล็อกเกอร์ส่วนตัวเพื่อเก็บเสื้อผ้า
            “หัวหน้าเรียกพี่เข้ามาถามว่าจะให้ทำงานทุกวันได้ไหม เพราะอาทิตย์หน้าทีมจะลงแข่งถี่ขึ้น นัดกลางสัปดาห์แข่งยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก2 เสาร์-อาทิตย์ยังเตะภายในลีก” แพรวาตอบ
            “แบบนี้จะไหวเหรอคะ ทั้งเรียนทั้งทำงาน ตอนนี้ก็ผอมบางร่างน้อยอยู่ด้วย” จบคำพูดก็กวาดสายตามองรูปร่างของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ด้วยความเป็นห่วง
            “โธ่... พี่แข็งแรงยังกับกระทิงสาว อย่าห่วงเลยจ้ะ” ไม่พูดเปล่าแต่ยังเบ่งกล้ามแขนประกอบคำพูดจนเกิดเสียงหัวเราะครื้นเครง แต่ชั่วอึดใจต่อมาแพรวาก็ต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจกับท่าทางของเอมิเลียซึ่งหุบยิ้มและยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกา
            “ตายจริง! เราต้องรีบแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวนักเตะบันลือโลกซ้อมเสร็จแล้วไม่เห็นเอมี่มานั่งรอ จะเหวี่ยงวีนอีก”
            “ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง เหลือเวลาอีกเกือบสิบนาที ไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้” แพรวาบอกพร้อมเร่งฝีเท้าจนแทบจะกลายเป็นวิ่งเหยาะๆ
            “น้อยไปสิคะ” เอมิเลียตอบแล้วจึงเริ่มขอความคิดเห็น “พี่แพรว่า... ถ้าเอมี่ขอเปลี่ยนไปนวดอลองโซ่แล้วพี่แพรไปนวดให้เบนซ์ หัวหน้าจะว่าอะไรไหมคะ”
            “ทำไมล่ะ”
            เอมิเลียถอนหายใจจนหัวไหล่ห่อเข้าหากัน เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกมา “เมื่อสองวันก่อน เอมี่ก็กำลังนวดต้นขาด้านหลังให้เบนซ์ แล้วเขาก็กำลังคุยโทรศัพท์กับแฟน พอเอมี่ออกแรงกดเบนซ์ก็ร้องออกมาว่า ‘เบาๆ หน่อยสิแม่คุณ’ เท่านั้นล่ะค่ะ”
            สีหน้าเซ็งจิตของเอมิเลียทำให้แพรวาพอจะเดาได้ว่าเกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้น “อ้าว แล้วเบนซ์ไม่ได้อธิบายเหรอ”
            “อธิบายค่ะ เอมี่ก็ได้ยินเขาง้อแฟนผ่านสายโทรศัพท์ตอนนั้นเลย แต่ไม่รู้ว่ามีเรื่องผิดใจอะไรกันมาก่อนหน้านี้รึเปล่า คุยๆ เถียงๆ กันอยู่แป๊บเดียว ฝ่ายนั้นก็วางสาย แต่เอมี่ก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเพราะอยู่กันตั้งหลายคน แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้นน่ะสิคะ” ปั้นหน้าง้ำแต่ก็ยอมเล่าต่อ เมื่อเห็นอีกฝ่ายรอฟังอย่างตั้งใจ “ตอนเอมี่กำลังจะออกจากสโมสร เบนซ์มาบอกว่าช่วยยืนยันให้แฟนเขาเข้าใจหน่อย ว่าเอมี่เป็นนักกายภาพบำบัดจริงๆ”
            “แล้วไง... ต่อสิจ๊ะ” แพรวาถามและขยับเข้าไปใกล้ๆ เมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาอยู่ในห้องนวดซึ่งก่อนและหลังการฝึกซ้อม นักเตะจะเข้ามานวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
            “ก็ยายนางแบบนั่นหาว่าเอมี่เป็นผู้หญิงอย่างว่า ฝากเอมี่บริการเขาให้ถึงใจเพราะเขามีพลังเหลือเฟือ แล้วพออธิบายว่าเข้าใจผิดแล้ว เอมี่เป็นแค่นักกายภาพบำบัดของสโมสร... หล่อนยังมาหาว่าเอมี่แผนสูง หวังจะจับเบนซ์เพราะอยากรวยทางลัด ไม่ได้เปิดโอกาสให้พูดแต่เอาจริงๆ แล้วหล่อนไม่ยอมฟังในสิ่งที่ชี้แจงเลย สุดท้ายยังตัดสายไปดื้อๆ” สาวน้อยเล่าด้วยความคับแค้นใจ
            “จริงเหรอ!” แพรวาถามอย่างไม่อยากเชื่อ
            “จริงสิคะ” เอมิเลียย้ำในทันที “แล้วที่ร้ายไปกว่านั้น เบนซ์เป็นอะไรก็ไม่รู้ เมื่อวานนี้พอเอมี่นวดให้อีก เขาก็หาว่าแรงไม่ถึง ยังรู้สึกตึงๆ กล้ามเนื้อ ทั้งที่ความจริงก็นวดแบบนี้ทุกวัน ออกแรงเท่าเดิมทุกครั้ง”
            “น่าจะเข้าใจผิดกันมากกว่า ว่างๆ ก็หาเวลาเคลียร์กับเขา พี่คิดว่าเบนซ์ไม่น่าจะเข้าใจอะไรยาก ความจริงแล้วเขาเป็นคนมีเหตุผล” แพรวาบอกพลางลูบแผ่นหลังบางอย่างให้กำลังใจ บทสนทนาของทั้งคู่สิ้นสุดลงเมื่อนักเตะหนุ่มเริ่มทยอยเดินเข้ามาในห้อง
            “อ้าว... วันนี้คุณทำงานด้วยเหรอครับ” กัปตันทีมชาวสเปนถามเพราะตารางการทำงานของแพรวานั้นจะตรงกับเขาอยู่บ่อยครั้ง จนทั้งคู่เริ่มพูดคุยกันอย่างถูกคอ
            “ถ้าเบื่อหน้าก็ต้องทนนะคะ พวกคุณลงแข่งกันถี่ขึ้น ก็เลยต้องเห็นหน้าฉันบ่อยขึ้น”
            จบคำพูดบรรยากาศในห้องจึงเป็นไปด้วยความครื้นเครง เว้นเสียแต่คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงลึกสุด ซึ่งเพื่อนร่วมทีมนั้นรู้ดีว่า เบนเซม่าอยู่ในอารมณ์ที่ไม่เป็นปกตินักเพราะกำลังมีปัญหาอย่างหนักกับแฟนสาว
            “เบนซ์ วันนี้พวกเราตกลงจะไปต่อกันที่คอนโด ของนาย” กัปตันทีมซึ่งมีอาวุโสสุดกล่าวขึ้น เมื่อพลิกตัวนอนคว่ำแล้วเหลือบไปเห็นท่าทางของนักเตะรุ่นน้อง ซึ่งมีสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
            เบนเซม่าถอนหายใจพรืดใหญ่ “อย่าเลย ฉันอยากอยู่คนเดียวจริงๆ ขอโทษนะ”
            “เฮ้ย... ไม่เอาน่าพวก นายจะเศร้าไปทำไมวะ!” เพลย์เมกเกอร์ชาวเยอรมันซึ่งย้ายเข้ามาสังกัดในสโมสรเป็นรายล่าสุดปลอบใจ เพราะตนและเบนเซม่าไม่เพียงแค่เล่นเข้าขากันชนิดที่ไม่ต้องเสียเวลาปรับตัวให้เนิ่นนาน เมื่ออยู่นอกสนามยังพูดคุย เล่นหัวกันอย่างสนิทสนม
            “นั่นสิ... หล่อๆ อย่างนายมีสาวๆ เรียงหน้ามาให้เลือกอีกเพียบ ดูอย่างฉันสิ อกหักไม่รู้กี่ครั้งกว่าจะแต่งงานมีเมียเป็นตัวเป็นตน” กัปตันทีมยกเอาเรื่องส่วนตัวขึ้นมาบอกกล่าว
            “ไง... โอเคมะ” โอซิลย้ำถาม
            “อืม... ว่าไงว่าตามกัน” เบนเซม่าตอบแล้วพลิกตัวนอนหงายอย่างรู้หน้าที่ แต่ด้วยความที่เขายังค้างคาใจในปัญหาที่เกิดขึ้นกับนางแบบสาวจึงถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่งและหลับตาลงเอาเสียดื้อๆ
            ท่าทางไม่สบอารมณ์เอามากๆ นั้นทำให้เอมิเลียชะงักฝ่ามือและหันไปสบสายตาแพรวาในทันที หากไม่นานก็ต้องรีบกดฝ่ามือลงเช่นเดิมเพราะกลัวว่าจะทำให้เขาหงุดหงิดใจมากขึ้นไปอีก ทั้งยังอดคิดในใจไม่ได้ว่า... เรื่องนี้ร้ายแรงจนต้องทำให้เขาและแฟนสาวเลิกรากันเชียวหรือ
            ท่าทางรำคาญใจที่เขาแสดงออกมานั้นคงไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นตัวต้นเหตุของความบาดหมางในครั้งนี้หรอกนะ ยิ่งคิดเอมิเลียยิ่งอยากจะบ้าตาย สรุปในใจเอาไว้ว่าหลังจากนี้คงต้องหาเวลาพูดคุยไถ่ถามเขาให้เข้าใจ
 
          เอมิเลียเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้องแต่งตัวของนักกีฬาอยู่ครู่หนึ่งแล้ว หากไม่พูดคุยกับเขาให้เข้าใจกระจ่างชัด เธอคงไม่มีสมาธิในการทำสิ่งอื่นใด เพราะไม่อยากต้องเป็นต้นเหตุให้คู่รักต้องเลิกรากัน ที่สำคัญไปกว่านั้นมันคือเรื่องเข้าใจผิดทั้งเพ
            เบนเซม่าเดินออกมาจากห้องแต่งตัวนักกีฬาและชะงักการก้าวเดินเมื่อเห็นร่างระหงของนักกายภาพบำบัดสาวยืนหันหลังอยู่ไม่ไกล แม้ลึกๆ ในใจแล้วนึกเคืองอยู่ไม่น้อยที่พูดจาเช่นนั้นกับแฟนสาวจนเกิดเรื่องระหองระแหงเช่นนี้
            เอมิเลียตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองจนมารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อได้เห็นแผ่นหลังกว้างของศูนย์หน้าตัวเป้าซึ่งเดินผ่านหน้าเธอไปไม่กี่ก้าว “เดี๋ยวๆ เบนซ์...”
            เบนเซม่ายืนนิ่งเมื่อสาวน้อยเอมิเลียวิ่งมาดักหน้า แสดงท่าทีว่าจะมีเรื่องพูดคุยกับเขาแต่จนแล้วจนรอดก็เอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ
            “เอ่อ... คือฉัน” ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ยิ่งเห็นเขายืนกางขา กอดอกใช้สายตามองเธออย่างประมาณการณ์
            “อะไรล่ะ...” น้ำเสียงติดรำคาญใจดังขึ้น
            “คะ...คือฉันได้ยินว่าคุณเลิกกับแฟน จริงรึเปล่า” 
            “ก็สำเร็จตามที่คิดไว้แล้วนี่”
            “อะไรนะ” สาบานได้ว่าไม่เคยถามด้วยเสียงในโทนสูงเช่นนี้มาก่อน ทั้งคำตอบและท่าทางของนักเตะหนุ่มยังทำให้เธอโกรธขึ้นมาเป็นริ้วๆ “วันนั้นฉันพยายามอธิบายให้แฟนคุณฟังแล้ว แต่เธอ...”
            “อธิบายว่ากำลังโยกกันมันๆ แล้วนาช่าดันโทรเข้ามาขัดจังหวะอย่างนั้นเรอะ?” ปลายประโยคห้วนจัดจนเกือบเป็นเสียงตะคอก ในขณะที่ยกมือดันต้นแขนเรียวให้หลีกทาง “ถ้ามีแค่นี้ก็หลีกทาง ผมรีบ”
            หากคนถูกใส่ร้ายป้ายสีกลับยอมปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้ สาวน้อยเดินเข้าไปขวางหน้าเขาไว้อีกครั้งทั้งยังกางมือทั้งสองข้างออก เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
            “แฟนคุณใส่ความฉัน ใครจะบ้าไปพูดอะไรอย่างนั้น ฉันไม่ได้...” เอมิเลียต้องชะงักคำพูด เมื่อเขายื่นมือทั้งสองข้างมากุมหัวไหล่เอาไว้ แล้วใช้น้ำเสียงราวกับว่ากำลังทำความเข้าใจกับเด็กที่พูดไม่รู้ฟัง
            “นี่... ผมยอมรับนะว่าคุณเป็นคนสวย สวยมาก... แล้วก็เข้าใจอีกว่าความใกล้ชิด อยู่ใกล้ผู้ชายที่สาวๆ ส่วนมากเครซี่ มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถ้าคุณจะคิดไม่ต่างกับคนอื่น” เบนเซม่าเข้าใจว่าการที่เธออ้าปากค้างมองเขาแน่นิ่งนั้นเป็นเพราะคำพูดจี้ใจดำ แต่ความจริงแล้วเธอกำลังตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าจะมีใครพูดจาโอ่ตัวเองได้เช่นนี้ “แต่จะย้ำให้เข้าใจว่าผมไม่ชอบเด็ก ผมชอบสาวสะพรั่งเต็มตัว เข้าใจความสัมพันธ์ในแบบที่ผมต้องการอย่างง่ายดาย ไม่ต้องมาคอยงอนง้อหรืออธิบายให้ยุ่งยากลำบากใจ เอาไว้ให้คุณโตกว่านี้ก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันนะ สาวน้อยเอมิเลีย”
            ก่อนเดินจากไปเขายังตบที่แก้มเธอเบาๆ แล้วฉีกยิ้มให้อย่างเอ็นดูสาวน้อยคนหนึ่ง แต่... ในความรู้สึกนึกคิดของผู้ถูกกระทำ กลับรู้สึกว่านั่นคือการหยามเกียรติอย่างที่สุดแล้ว
            นั่นเหมือนเป็นการเตือนสติให้เธอรู้ตำแหน่งแห่งหนของตัวเอง!
            เวลาผ่านไปเนิ่นนานสักเพียงใดไม่อาจรู้ได้ แต่ตอนนี้สาวน้อยกำลังก้มมองฝ่ามือของตัวเองที่มีสีเข้มขึ้นอยู่หลายระดับ เพราะเจ็บใจในคำพูดนั้นจนต้องจิกเล็บลงกลางฝ่ามือตัวเองเช่นนี้
           
            ตลอดระยะทางจากสโมสรถึงอพาร์ตเมนต์คำพูดของเบนเซม่า ยังกึกก้องอยู่ในหู แม้เธอจะเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตขึ้นในสถานสงเคราะห์ แต่ความทรงจำเกี่ยวกับแม่และพ่อยังชัดเจนทุกภาพเหตุการณ์ แม้ต้องแบกรับความสูญเสียอันใหญ่หลวงเพราะผู้เป็นแม่ด่วนจากไปตั้งแต่อายุสิบสองปี ส่วนพ่อก็หนีหายไม่เคยได้ข่าวคราวตั้งแต่ตอนนั้น เธอคุ้นชินกับสายตาเหยียดหยันบางประเภทที่มองและเหมารวมว่าเด็กกำพร้าคือเด็กด้อยคุณภาพทั้งยังต้องกลายเป็นปัญหาของสังคม
            ทว่าเอมิเลียกลับดิ้นรน ทำทุกอย่างเพื่อให้หลุดพ้นจากค่านิยมคร่ำครึเหล่านั้น โดยมีแรงใจจากคุณแม่มาเรีย ผู้อำนวยการสถานสงเคราะห์ซึ่งดูแลเธอมาตลอด ให้การศึกษา ให้ประสบการณ์ในการดำเนินชีวิต รู้จักอดออม เก็บหอมรอมริบจนสามารถร่ำเรียนจบมหาวิทยาลัย มีการงานที่มั่นคงซึ่งถือว่ามีคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับกลางซึ่งเป็นส่วนมากของคนในสังคม
            แต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้เธอยังต้องมาแบกรับเอาความคิดย่ำแย่และคำพูดร้ายกาจของผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้ แล้วต้องมานั่งคับแค้นใจเพราะไม่มีโอกาสแก้ต่างให้ตัวเองได้เลยสักนิด
            เสียงปิดประตูห้องและเสียงโทรศัพท์ที่กรีดดังขึ้นแทบจะพร้อมๆ กันนั้นทำให้เอมิเลียรีบควานหาอุปกรณ์สื่อสารออกมาจากกระเป๋าสะพาย รีบเลื่อนหน้าจอรับสายเมื่อเห็นว่าคนที่ติดต่อเข้ามาคือคนที่กำลังนึกถึง
            “หวัดดีค่ะพี่แพร... ใจตรงกันเลยนะคะ กำลังจะโทรหาอยู่พอดี” สาวน้อยบอกด้วยความสัตย์จริง
            “ถึงห้องแล้วใช่ไหม” แพรวาไถ่ถามและเข้าประเด็นในทันที เมื่อปลายสายตอบรับ “เป็นยังไงบ้าง คุยกับเบนซ์แล้วใช่ไหม”
            “คุยแล้วค่ะแต่ไม่คุยยังดีซะกว่า” ตอบพลางทิ้งตัวลงบนโซฟาเบดตัวย่อม เริ่มถ่ายทอดบทสนทนาของตนและเบนเซม่าอย่างไม่ตกหล่นสักคำ
            ...สิ้นเสียงหวานของสาวน้อยปลายสายที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาด้วยความคับแค้นใจ แพรวาต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายเช่นนี้
            “ตายจริง! เข้าใจผิดกันไปใหญ่โตแล้ว” แพรวาเองก็ตกใจไม่น้อยจึงคิดหาหนทางไกล่เกลี่ยเรื่องเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น “เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ลองคุยกับเบนซ์ดู”
            “จะดีเหรอคะ”
            “ไม่ลองก็ไม่รู้ไง ดีกว่าปล่อยให้เขาเข้าใจผิดๆ แบบนี้”
            เอมิเลียทอดถอนหายใจ “เขาเชื่ออย่างนั้นไปแล้วนี่คะ ไม่มีใครรู้ว่าเอมี่ไม่ได้พูดอย่างนั้นนอกเสียจากนาตาช่า แต่ถ้าหล่อนบอกเบนซ์อย่างที่คุยกับเอมี่จริงๆ เบนซ์คงไม่กล้าพูดแบบนี้”
            “เอาอย่างนั้นเหรอ” แพรวาย้ำถามอีกครั้ง
            “ค่ะ” รับคำอย่างหนักแน่น “อีกอย่างเอมี่ไม่อยากให้เกิดเรื่องในที่ทำงาน เพราะคนที่เสียเปรียบคือเอมี่ พี่แพรน่าจะเข้าใจว่าเขาคือซูเปอร์สตาร์ของทีม”
            ใช่... มันก็เหมือนกับการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงนั่นล่ะ หากคิดจะมีปัญหากับซูเปอร์สตาร์คนดังซึ่งฤดูกาลที่ผ่านมาสามารถยิงประตูได้สูงที่สุด
            “โอเค... เลิกแล้วต่อกันคงจะเป็นการดีที่สุด แต่ถ้าเอมี่เปลี่ยนใจ พี่ก็ยินดีและเต็มใจเสมอ” แพรวายังย้ำในเจตนาอันดี จากนั้นจึงพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะวางสายเมื่อเอมิเลียยังต้องทำมื้อเย็นสำหรับตัวเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา