เจ้าหัวใจมาเฟีย (ฉบับรีไรต์)

8.7

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.52 น.

  15 ตอน
  2 วิจารณ์
  17.44K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 13.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เจ้าหัวใจมาเฟีย (ฉบับรีไรต์) ตอนที่ 2 50%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

สองสัปดาห์เต็มแล้วที่แพรวาใช้ชีวิตอยู่ในมาดริด มหานครที่หลงรักในศิลปวัฒนธรรม ยิ่งได้มาอยู่และสัมผัสบรรยากาศ วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนมากมายแล้วยิ่งรู้สึกประทับใจ ตอนนี้หญิงสาวได้ย้ายมาอยู่อพาร์ตเมนต์เพียงลำพังได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งใช้บริการรถไฟใต้ดินเพียงแค่สองสถานีก็ถึงมหาวิทยาลัยแล้ว

            หากการเข้าศึกษาต่อนั้นยังได้รับรู้ว่าทางมหาวิทยาลัยมีโครงการร่วมมือกับสโมสรกีฬาอยู่หลายสโมสร แพรวาจึงเกิดความคิดที่จะเข้าทำงานพาร์ทไทม์บ้างแต่คงต้องกลับไปสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจนกว่านี้

            การเข้าทำงานในสโมสรฟุตบอลชื่อดังไม่ได้เป็นเพียงแค่ความคิดอีกต่อไป หลังจากยื่นใบสมัครและใช้เวลาสอบทั้งทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เรียนรู้รายละเอียดเล็กน้อยเฉพาะทางที่ต้องใช้กับนักฟุตบอลโดยเฉพาะ ราวหนึ่งเดือนแพรวาก็ได้รับข่าวดีว่าสามารถเข้าทำงานในสโมสรฟุตบอลชื่อดังของกรุงมาดริด

 

            ในทุกๆ วันหยุดแพรวาจะมาหาวรนุชที่ร้านอาหาร ช่วยหยิบจับ รับออเดอร์ตลอดจนเสิร์ฟอาหารตามกำลังที่สามารถทำได้ ร้านอาหารของคู่สามีภรรยาเป็นร้านเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงมุมตึก ในย่านร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งจะมีทั้งอาหารไทยและสเปน รสชาติและการตกแต่งร้านให้ความรู้สึกไม่ต่างจากนั่งรับประทานอาหารอร่อยๆ จากครัวในบ้าน จึงมีลูกค้าขาประจำแวะเวียนมาอุดหนุนอยู่เสมอ

            “ฉันคิดว่าจะหางานพาร์ทไทม์ทำ เธอว่าดีไหม” แพรวาลองถามทั้งที่ความจริงมีงานที่ว่ารออยู่แล้วต่างหาก

            “มันก็ดีอยู่หรอก... แต่มันจะเร็วไปรึเปล่า รอให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ก่อนไม่ดีกว่าเหรอ” วรนุชออกความคิดเห็น

            “ความจริงเกรงใจป้าน้อมมากกว่านะ สิ้นเดือนที่ผ่านมายังต้องโอนเงินเข้าบัญชีมาจ่ายค่าอพาร์ตเมนต์ ทั้งที่ความจริงฉันควรจะรับผิดชอบตัวเองมากกว่าต้องแบมือขอค่าใช้จ่ายส่วนตัวอยู่แบบนี้” แพรวาบอกในช่วงกลางวันของเวลาปิดร้าน “ส่วนเรื่องปรับตัวฉันว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว อีกอย่างตารางเวลาทำงานก็ไม่ได้หนักหนาอะไร”

            คำตอบนั้นทำให้วรนุชชักสีหน้าประหลาดใจ “พูดเหมือนได้งานแล้วอย่างนั้นล่ะ”

            เพียงแค่อมยิ้มเท่านั้น แพรวาก็ได้ยินเสียงเพื่อนร้องออกมาแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เริ่มซักถามตามความอยากรู้อยากเห็น

            “เล่ามาเดี๋ยวนี้ว่าได้ทำงานที่ไหน แม่คนไฮเปอร์” แม้จะดีใจแต่ก็อดแขวะไม่ได้

            “สโมสรฟุตบอล”

            “แล้วสโมสรอะไร ในมาดริดเนี่ยมีเยอะเลยนะ” ถามด้วยความตื่นเต้น เพราะตั้งแต่เข้ามาอาศัยในประเทศที่คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลแล้วยังได้ซึมซับจากผู้เป็นสามี วรนุชจึงกลายเป็นแฟนคลับคนหนึ่งของสโมสรชื่อดังในกรุงมาดริด

             “สโมสร...”

            กรี๊ด...

            แพรวาต้องยกมือขึ้นปิดสองหูกับเสียงกรีดร้อง ไม่นานนักฟรานเชสซึ่งอยู่ในครัวก็วิ่งหน้าตาตื่นออกมาพร้อมกับมีด กวาดสายตามองรอบๆ ร้านราวกับว่ามีคนร้ายบุกเข้ามาทำอันตรายภรรยา

            “เป็นอะไรที่รัก ใครทำร้ายคุณ” ฟรานเชสถาม

            “ไม่ๆ ฉันแค่ดีใจเท่านั้น ที่รัก...” วรนุชโบกไม้โบกมือปฏิเสธแล้วรีบอธิบาย “แพรวาได้เข้าทำงานในสโมสร...ด้วย ฉันกรี๊ดเพราะดีใจแทนน่ะค่ะ”

            “แล้วไป นึกว่ามีขโมยบุกเข้ามาในร้านเสียอีก ยินดีด้วยนะครับแพรวา” ฟรานเชสบอกแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง

            ลับหลังสามี วรนุชก็กรีดร้องออกมาอีกแต่ครั้งนี้ต้องใช้มือปิดปากเพราะกลัวว่าจะทำให้สามีตกใจอีก “ฉันอิจฉาเธอที่สุดเลยนะเนี่ย โอ๊ย... ทำยังไงถึงจะได้มีโอกาสจับ ลูบไล้กล้ามแน่นๆ ของเหล่าเทพบุตรสุดหล่อ แค่คิดฉันก็...”

            วรนุชเคลื่อนตัวเข้าไปกระซิบกระซาบบางอย่าง หากประโยคนั้นกลับทำให้สาวโสดอ้าปากค้าง อายม้วน ใบหน้าแดงก่ำลามเลียไปถึงใบหู

            “ทะลึ่งใหญ่แล้วนะเรา” แพรวาทำเสียงดุกลบเกลื่อนความเขินอาย

            “จริงๆ นะ ตอนนวดคลายกล้ามเนื้อเนี่ย ถ้าเป็นฉันจะแกล้งทำเป็นพลั้งมือไปโดนตรงนั้น” พูดได้อย่างหน้าไม่อายที่สุด แถมยังยักคิ้วหลิ่วตาจนแพรวาต้องหัวเราะร่วน

            “ฉันเป็นนักกายภาพบำบัดไม่ใช่นักฉวยโอกาสนะยะ” กระแทกเสียงตอบ แต่วรนุชกลับไม่ใส่ใจ ทำหน้าทำตาเจ้าชู้อย่างสาวก๋ากั่น “ถ้ายังไม่เลิกคิดอกุศลนะ ฉันไปฟ้องฟรานเชส”

            “เชิญ... แต่งงานแล้วเธอจะรู้ว่าวิธีง้อสามีง่ายกว่าพลิกฝ่ามือ”

            แพรวากลอกสายตาด้วยความระอาใจ ตัดปัญหาว่าจะไม่ต่อปากต่อคำกับวรนุชอีก ไม่เช่นนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องทะลึ่งตึงตังที่เธอไม่เคยเอาชนะได้เลยสักครั้ง

 

            ความรู้สึกตลอดเดือนเศษในการพบหน้ากันเพียงครั้งเดียวของสาวหน้าหวานและมาเฟียหนุ่มก็คงไม่แตกต่างกันนัก เพราะทุกครั้งที่มีเรื่องใดสะกิดใจ อาเชอร์มักจะหวนคิดถึงใบหน้างดงามอ่อนหวานของเธออีกทั้งยังอมยิ้มโดยไม่รู้ตัว

            แต่จนแล้วจนรอดความอวดดีและดื้อรั้นของเธอก็มักทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกลูบคม ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งกำลังท้าทายอำนาจบางอย่างของผู้ชายเต็มตัววัยสามสิบสี่ปีเต็ม

            ...ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อเขามาก่อน นั่นคือเหตุผลเดียวที่ทำให้อาเชอร์นึกอยากปราบพยศของเธออยู่ทุกครั้งที่ไพล่คิดถึง

            แม้ธุรกิจและชื่อเสียงที่สืบทอดมาจากตระกูลมาเฟียจะเพิ่มความน่าหวาดหวั่นให้กับผู้พบเห็น อาเชอร์จะอยู่ในชุดสูทโก้หรูทุกครั้งที่ปรากฏตัวต่อสายตาผู้คน เส้นผมสีน้ำตาลเข้มจะเรียบเนี้ยบ ดวงตาคู่คมรับจมูกโด่ง ริมฝีปากบางเฉียบ ส่งผลให้คางบุ๋มเป็นลอนดึงดูดสายตาผู้คนให้จดจ้องอยู่กับความสมบูรณ์แบบที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเขา

            มีผู้หญิงคนไหนบ้างไม่อยากมีค่ำคืนอันเริงร้อนกับดอนอาเชอร์ ผู้ชายหล่อเหลาอย่างร้ายกาจอีกทั้งยังมีภาพลักษณ์ที่ดูอันตราย ความน่าเกรงขามควรต้องทำให้ผู้หญิงทุกคนพึงระวังว่าต้องอยู่ให้ห่างจากเขา

            แต่เชื่อเถอะว่าความอันตรายเมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมของอาเชอร์ เฟร์นานโด มันกลับส่งผลให้เขาเป็นกลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มโสดที่ใครต่อใครฝันถึง

            ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์และความหล่อเหลาเท่านั้นแต่หมายรวมถึงคำพูดซึ่งร้ายกาจไม่แพ้ความคิด แน่นอนว่าเขาไม่เคยแยแสหากจะมีบทความวิพากษ์วิจารณ์ต่อทัศนคติที่มีต่อผู้หญิง

            ‘ผมยังไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานเพราะในชีวิตนี้ยังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนเหมาะสมกับพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นั้น’

            คำพูดสั้นๆ แสดงถึงความอวดดีอย่างร้ายกาจจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา เมื่อนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่งตีพิมพ์คำพูดนั้นออกไป ย่อมต้องเกิดกระแสต่อต้านเขาอย่างหนักแต่เพียงแค่ชั่วข้ามคืน สื่อทุกสำนักกลับปิดปากเงียบราวกับว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานั้น ไม่เคยได้ยินได้ฟังคำพูดดังกล่าวของอาเชอร์มาก่อน

            มีเพียงข่าวซุบซิบออกมาจากวงในว่าคุณตาของมาเฟียหนุ่มเป็นคนสั่งการให้ปิดเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ผลของการคล้อยตามนั่นอาจจะหมายถึงเงินสนับสนุนก้อนโต แต่ถ้าหากต่อต้านก็คงไม่ต้องบอกว่าจะพบกับจุดจบเช่นไร เช่นนี้แล้วจึงไม่น่าแปลกใจหากอาเชอร์จะย่างกรายไปที่ไหนสักแห่งแล้วต้องมีบอดีการ์ดตามไปอีกเป็นโขยง

 

            เสียงเคาะประตูห้องทำงานที่ดังขึ้น ไม่ได้ทำให้อาเชอร์ละสายตาจากเอกสารตรงหน้าสักนิด เขาจำได้กระทั่งเสียงฝีเท้าของบอดีการ์ดคนสนิทที่ทำงานข้างกายมาตลอดหลายปี

            “ดอนครับ ประธานสโมสร...ขอเข้าพบครับ” ไมค์รายงานด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

            “เรื่องอะไร?”

            “เชิญดอนไปร่วมงานเลี้ยงฉลองแชมป์ลา ลีกา1ครับ”

            “อืม... ไปบอกเขาว่าฉันจะไป”

            ไมค์รับคำพร้อมกับเดินถอยหลังออกไปจากห้อง แม้จะไม่ได้อนุญาตให้เข้าพบและส่งบัตรเชิญให้ถึงมือ แต่คำตอบรับว่าจะไปร่วมงานเลี้ยงด้วยตัวเองก็เป็นที่น่าพอใจสำหรับประธานสโมสร...แล้ว

            นับเฉพาะสโมสรฟุตบอลทั้งลีกสูงสุดและลีกรองลงมานั้นมีอยู่มากโข การปิดฤดูกาลด้วยแชมป์ลา ลีกา ถือเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของทุกคนในสโมสรเพราะนั่นหมายความถึงผลประโยชน์และเม็ดเงินจำนวนมหาศาล หากนั่นอาจจะยังไม่เพียงพอต่อการปรับปรุงทีมให้มีศักยภาพมากขึ้น

            สปอนเซอร์รายใหญ่จะได้ผลตอบแทนเป็นการโปรโมตธุรกิจ สโมสรฟุตบอลเองก็จะมีเม็ดเงินมากมายเอาไว้ใช้ซื้อตัวนักเตะระดับเวิลด์คลาสในฤดูกาลหน้า

 

            สองสัปดาห์ต่อมา

            งานเลี้ยงฉลองแชมป์ลา ลีกา ของสโมสร...ถูกจัดขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง ครั้งนี้ดูเป็นทางการมากกว่างานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชนและแฟนคลับที่จัดขึ้นแล้วในห้องจัดเลี้ยงของสโมสร... รายชื่อแขกเหรื่อที่มาร่วมงานจึงคับคั่งไปด้วยนักธุรกิจซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสปอนเซอร์รายน้อย-ใหญ่ของสโมสร...ทั้งนั้น

            แพรวาเข้าทำงานในสโมสรฯ มาแล้วเกือบครึ่งเดือนจึงเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานเลี้ยง อีกทั้งหัวหน้างานในส่วนนักกายภาพบำบัดยังกำชับมาว่า ต้องไปร่วมงานในครั้งนี้ให้ได้เพราะถือเป็นการให้เกียรติกับสปอนเซอร์ผู้มีอุปการคุณทุกรายของสโมสร...

            เดรสผ้าไหมแก้ว กระเป๋าประดับคริสตัลระยิบระยับ รองเท้าส้นสูงตลอดจนเครื่องประดับที่ผู้เป็นป้าคะยั้นคะยอให้ติดกระเป๋ามาด้วยนั้น วันนี้มีโอกาสได้หยิบออกมาใช้และดูเหมือนว่าจะไม่ต้องซื้อหาอะไรเพิ่มเติม ทุกอย่างทุกชิ้นเข้าเซ็ตกันอย่างลงตัว

            ไม่บ่อยครั้งนักที่แพรวาจะเรียกใช้บริการแท็กซี่ คงจะดูไม่สะดวกเท่าไหร่นักหากจะแต่งตัวเช่นนี้แล้วใช้บริการรถไฟใต้ดินเช่นเคย ระยะทางจากอพาร์ตเมนต์ถึงโรงแรมแมคคาร์ทนีย์ใช้เวลาเดินทางราวครึ่งชั่วโมง แพรวาหยิบตลับแป้งขึ้นเปิดกระจกสำรวจความเรียบร้อยของตนอีกครั้ง ก่อนจะก้าวลงจากแท็กซี่เข้าไปในโรงแรมสุดหรูซึ่งมีสาขาอยู่ตามมหานครใหญ่ทั่วทุกมุมโลก

            งานเลี้ยงในโรงแรมสุดหรูเช่นนี้ทำให้แพรวาอดประหม่าไม่ได้ เป็นครั้งแรกกระมังที่มีโอกาสได้รู้ว่าสปอนเซอร์ของสโมสร...นั้น มีมากมายถึงเพียงนี้ ความแวววาวของเครื่องเพชรที่กระทบกับแสงไฟทำให้ดวงตาคู่สวยพร่ามัว แต่ก็พยายามหายใจเข้าลึก ก้มลงมองบัตรเชิญซึ่งมีเลขกำกับที่นั่งเอาไว้ จากนั้นจึงเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนได้พบกับนักเตะหนุ่ม ศูนย์หน้าตัวฉกาจของสโมสร...

            “ว้าว... วันนี้คุณสวยยังกับนางฟ้า” นักเตะหนุ่มเอ่ยพร้อมกวาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความชื่นชม

            เป็นเรื่องปกติที่นักกายภาพบำบัดอย่างเธอจะรู้จักกับนักเตะของสโมสรทุกคน เพราะระบบการทำงานนั้นไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องทำงานกับนักเตะคนใดคนหนึ่งไปตลอด แต่หัวหน้าส่วนกายภาพบำบัดจะเป็นคนจัดแจงตารางให้หมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ

            หากนักเตะอีกคนกลับแย้งขึ้นมาเสียก่อน “ผมว่าคุณดูคล้ายตุ๊กตามากกว่า หน้าใสๆ แถมยังถักเปียรอบศีรษะอีกด้วย ใครจะเชื่อว่าคุณอายุมากกว่าผมตั้งสามปี”

            “คุณยอมรับเองนะคะว่าหน้าแก่กว่าฉัน” คำพูดหยอกเย้านั้นทำให้นักเตะที่ยืนคุยกับเธอสองสามคนหัวเราะร่วน “ความจริงแล้วอยู่ในชุดสูทแบบนี้ก็ดูดี หล่อกว่าตอนอยู่ในชุดนักกีฬาอีกนะคะ”

            “งั้นคืนนี้คนสวยก็ต้องคู่กับคนหล่อ เชิญนั่งครับ” ศูนย์หน้าของสโมสร...เริ่มแข่งขันกับเพื่อนนักเตะอีกสองคนด้วยการเลื่อนเก้าอี้เชื้อเชิญให้นักกายภาพบำบัดสาวนั่งร่วมโต๊ะ

            “เห็นทีจะต้องปฏิเสธนะคะเพราะนัดกับเอมี่เอาไว้แล้ว” แพรวาตอบพลางโชว์การ์ดเชิญซึ่งมีหมายเลขโต๊ะนั่งบอกเอาไว้ให้นักเตะทั้งสามได้ดู “อีกอย่าง ที่นั่งฉันอยู่โต๊ะสิบสองค่ะ”

            จบคำปฏิเสธนั้นก็ทำให้กลุ่มนักเตะผิดหวังไปตามๆ กัน แต่ดูเหมือนว่าศูนย์หน้าของทีมยังไม่ละความพยายาม “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพอถึงเวลาเปิดฟลอร์ ผมจะเดินไปหาคุณนะครับ”

            แพรวาได้แต่ยิ้มและขอตัวเดินไปหาเอมิเลีย ซึ่งนั่งอยู่ในโต๊ะที่ถัดจากนี้ไม่ไกลนัก

            “ทางนี้ค่ะ” เอมิเลีย เรียกและชี้นิ้วลงยังเก้าอี้ว่างข้างกาย ให้เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ได้ทรุดตัวนั่ง

            แพรวากวาดสายตามองสาวลูกครึ่งไทย-สเปน ด้วยความชื่นชม “ว้าว... สาวน้อยแรกรุ่นกลายเป็นสาวสุดเปรี้ยวก็คืนนี้แหละนะ”

            “อย่าแซวกันสิคะ เนี่ยยืมชุดเพื่อนมาใส่นะคะ เรียบร้อยที่สุดก็มีแค่ชุดนี้แหละ” เอมิเลียบอก

            แม้จะไม่ได้แต่งหน้าจัดจ้านแต่ด้วยเดรสสั้น แขนกุดสีดำ ทำให้เอมิเลียต้องเลือกเคลือบริมฝีปากด้วยลิปสติกสีแดงกำมะหยี่ เซ็ตผมเป็นคลื่นลอนตามสมัยนิยม และไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของนักเตะหนุ่มที่นั่งอยู่ในระนาบเดียวกัน เพียงแค่ถัดจากเธอไปอีกสักสี่โต๊ะเท่านั้น

            “ก็ไม่ได้โป๊อะไรมากมายนะ พี่แค่ไม่เคยได้เห็นเอมี่แต่งตัวแบบนี้เท่าไหร่ เลยอดทักไม่ได้แต่เชื่อเถอะว่าเซ็กซี่ที่สุดแล้ว” แพรวาบอกด้วยความสัตย์จริง

            ในช่วงก่อนงานเลี้ยงเริ่มสองสาวจึงมีเวลาคุยกันอยู่พักหนึ่ง แม้เอมิเลียนั้นจะอายุน้อยกว่าแพรวาอยู่หลายปีแต่เข้าทำงานในสโมสรฯ ตั้งแต่ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยปีสองจนกระทั่งจบการศึกษาได้เข้าทำงานเป็นนักกายภาพบำบัดประจำสโมสรฯ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา