ในเรือนเบี้ย
8.0
เขียนโดย ilithyia
วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.43 น.
10 ตอน
0 วิจารณ์
11.97K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 21.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เรือนทาส(50%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เจ็บ! เธอเจ็บระบมไปทั้งตัว หนาว! อากาศที่นี่เย็นชื้นแต่เธอก็รู้สึกว่ามีลมโชยผ่าน ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน แล้วก็ไม่น่าใช่โรงพยาบาล เธอเริ่มได้ยินเสียงต่างๆรอบกาย แต่ตาของเธอหนักเหลือเกิน เธอยังไม่สามารถลืมตาขึ้นมองได้ เธอยังมีชีวิตอยู่ไหม หรือว่าตายไปแล้ว แล้วพิรัลล่ะ พิรัลปลอดภัยไหม
วาดดาวพยายามตั้งสติฟังเสียงสิ่งรอบข้าง เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจของตัวเอง เธอคงยังไม่ตายแน่ๆ แต่มีเสียงใครคนหนึ่งแว่วอยู่ข้างหู คนๆนั้นพยายามเขย่าตัวเธอให้ตื่น แรงปลุกนั้นยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดมากขึ้น
“อย่า ฉับเจ็บ” วาดดาวพยายามออกแรงปัดมือนั้นให้พ้นจากตัวเธอ
“วาด ตื่นสิอีวาด” มือนั้นยังไม่ยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ แถมยังออกแรงมากขึ้นจนเธอเจ็บน้ำตาแทบไหล
ในที่สุดวาดดาวก็ฝืนลืมตาขึ้นมาได้ เธอนอนอยู่ในกระท่อมไม้ไผ่หลังเล็กหลังคามุงหญ้า แต่ที่น่าตกใจกว่าคือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเธอ ผู้หญิงผิวคล้ำผมสั้นหน้าตาผิวพรรณเหมือนคนผ่านงานหนัก แต่อายุน่าจะไปเกินยี่สิบปี เธอแต่งตัวเหมือนตัวประกอบละครพีเรียดสักเรื่องคือนุ่งโจงกระเบนและใส่ผ้าแถบ ปากแดงเหมือนคนกินหมาก
“โอ้ยอีวาด ถ้าเอ็งหมดสติไปนานกว่านี้ข้าคงนึกว่าเอ็งตายแล้วแน่” ดูท่าทางที่ผู้หญิงคนนั้นดีอกดีใจและพูดกับเธอเหมือนสนิทสนมกับเธอมานาน
“เธอเป็นใคร แล้วฉันอยู่ที่ไหน” วาดดาวถามพลางพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่เธอไม่มีแรงที่จะพยุงตัวขึ้นจากพื้น
วาดดาวหันกลับมามองสำรวจตัวเอง เธอตกใจที่เธอก็แต่งตัวไม่ต่างจากผู้หญิงตรงหน้าคือนุ่งผ้าแถบสีน้ำตาลเก่าๆ กับโจงกระเบนสีเทาตุ่นๆ ตามเนื้อตัวของเธอมีแต่รอยเขียวช้ำเล็กบ้างใหญ่บ้างและคงเป็นสาเหตุให้เธอปวดตามตัวไปหมด
“อีวาด เอ็งจำข้าไม่ได้หรือ ข้าเองอีนา”
ไม่ เธอไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ ไม่เคยคุ้นหน้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอจำได้ว่าเธอตกน้ำ แต่ทำไมตามตัวเธอถึงมีแต่รอยฟกช้ำ หรือว่าเธอจะโดนทำร้าย เธอคงจะโดนพาตัวมาไว้ที่กระท่อมนี่ โดนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แต่งตัวโบราณๆ แบบนี้แทน คนที่ทำแบบนั้นและผู้หญิงคนนี้ต้องรู้จักเธอมาก่อนแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกเธอว่า “อีวาด” เพราะคงรู้ชื่อจริงของวาดดาว
“ฉันไม่รู้จักเธอ เธอเป็นใคร เธอทำร้ายฉันใช่ไหม เธอมีพักพวกอีกไหม แล้ววินล่ะ วินอยู่ไหน” วาดดาวใช้แรงทั้งหมดที่มีดันตัวลุกขึ้นนั่ง เธอยิงคำถามที่สงสัยทั้งหมดใส่คนตรงหน้าที่ก็ยังคงทำท่าตกอกตกใจ
“อีวาด เอ็งตั้งสติสิ นี่ข้าอีนาเพื่อนเอ็ง เอ็งไม่ได้ถูกใครทำร้าย สามวันก่อนเอ็งถูกเจ้าสีนิลม้าของคุณพระที่กำลังพยศเหยียบเอาจนหมดสติ คุณเมืองรามที่กำลังจับมันเข้าคอกก็พลอยโดนสลัดตกหัวฟาดพื้นสลบไปเหมือนกัน”
“เธอมาสร้างเรื่องหลอกฉันทำไม ได้ประโยชน์อะไร ใครใช้ให้เธอมาทำแบบนี้” วาดดาวไม่เชื่อ
“ข้าสร้างเรื่องหลอกอะไรเอ็ง เอ็งต่างหาก อย่างแกล้งเสียสติไปอีกคนเลย แค่คุณเมืองรามคนเดียวก็วุ่นวายไปทั้งเรือนแล้ว” ผู้หญิงที่บอกว่าตัวเองชื่อนาเหมือนจะสงบสติอารมณ์ได้ก่อนเธอ นาพยายามอธิบายเรื่องที่เธอฟังแล้วก็รู้ว่าเป็นเรื่องโกหกเพ้อเจ้อ
“ฉันไม่ได้แกล้งเสียสติ เธอต่างหากที่เสียสติมาแกล้งฉัน”
“ข้ายอมแพ้เอ็งแล้วอีวาดเอ๋ย ช่างมันเถอะ แค่เอ็งไม่ตายก็ดีแล้ว เสียสติไปคนหนึ่งแล้วจะเป็นเพิ่มอีกคนเรือนคุณพระก็คงไม่วุ่นวายไปกว่านี้ดอก” พูดจบนาก็เดินออกจากห้องไป เพียงสักครู่ก็กลับเข้ามาพร้อมกับชามสองใบในมือ
“อ้าวนี่ กินสะ” นาดันชามใบแรกที่มีน้ำสีขาวขุ่นเหมือนนมใส่มือเธอ
“นี่อะไร” เธอยอมรับมาโดยดี แต่ก็ยังไม่ยอมดื่มตามที่ผู้หญิงคนนี้สั่ง เธอสับสนมึนงงไปหมด เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พิรัลอยู่ที่ไหน ถูกทำร้ายถูกกักตัวเหมือนกันหรือเปล่า
“น้ำข้าวไง เอ็งคงช้ำในนัก แล้วยังนอนไม่ได้สติมาสามวันสามคืนแล้ว ข้าทำได้แต่เพียงเอายาหม้อกรอกปากเอ็ง กินน้ำข้าวนี่เสีย แล้วจะได้กินยา” นาพูดกับเธอแล้วหันไปที่ชามอีกถ้วยที่มีน้ำสีน้ำตาลเข้ม
วาดดาวยอมกินน้ำข้าวที่นาเอามาให้เพราะเธอคอแห้งเหลือเกิน เธอคงจะสลบไปสามวันอย่างที่นาบอกจริงๆเพราะเธอยังหิวมากอีกด้วย แต่วาดดาวตกลงใจแล้วว่าเธอจะไม่กินน้ำสีน้ำตาลเหม็นๆ ถ้วยนั้นที่บอกว่าเป็นยาแน่นอน
“ดีแล้ว เสร็จแล้วเอ็งก็กินยาเสีย เดี๋ยวข้าจะขึ้นไปบนเรือนใหญ่ไปกราบเรียนแม่นายท่านว่าเอ็งฟื้นแล้ว แล้วจะไปช่วยอีดวงเตรียมสำรับด้วย เอ็งอย่าพึ่งลุกไปไหนนะ เดี๋ยวจะเจ็บหนักกว่าเดิม” นาหันมาสั่งเธอเมื่อเห็นว่าเธอยอมกินน้ำข้าวแต่โดยดี
“เดี๋ยว อย่าพึ่งไป บอกฉันหน่อยว่าที่นี่ที่ไหน แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” วาดดาวรีบเรียกนาไว้ก่อนที่นาจะเดินไป เธอพยายามตั้งสติพูดจาดีๆ เผื่อผู้หญิงคนนี้จะใจอ่อนบอกเรื่องจริงอะไรกับเธอบ้าง
“เอ็งตั้งสตินะอีวาด เอ็งชื่อวาด ข้าชื่อนา เราเป็นทาสในเรือนพระพรหมเสนาท่าน ที่ที่เอ็งนอนอยู่นี่ เป็นเรือนทาส”
วาดดาวพยายามตั้งสติฟังเสียงสิ่งรอบข้าง เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจของตัวเอง เธอคงยังไม่ตายแน่ๆ แต่มีเสียงใครคนหนึ่งแว่วอยู่ข้างหู คนๆนั้นพยายามเขย่าตัวเธอให้ตื่น แรงปลุกนั้นยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดมากขึ้น
“อย่า ฉับเจ็บ” วาดดาวพยายามออกแรงปัดมือนั้นให้พ้นจากตัวเธอ
“วาด ตื่นสิอีวาด” มือนั้นยังไม่ยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ แถมยังออกแรงมากขึ้นจนเธอเจ็บน้ำตาแทบไหล
ในที่สุดวาดดาวก็ฝืนลืมตาขึ้นมาได้ เธอนอนอยู่ในกระท่อมไม้ไผ่หลังเล็กหลังคามุงหญ้า แต่ที่น่าตกใจกว่าคือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเธอ ผู้หญิงผิวคล้ำผมสั้นหน้าตาผิวพรรณเหมือนคนผ่านงานหนัก แต่อายุน่าจะไปเกินยี่สิบปี เธอแต่งตัวเหมือนตัวประกอบละครพีเรียดสักเรื่องคือนุ่งโจงกระเบนและใส่ผ้าแถบ ปากแดงเหมือนคนกินหมาก
“โอ้ยอีวาด ถ้าเอ็งหมดสติไปนานกว่านี้ข้าคงนึกว่าเอ็งตายแล้วแน่” ดูท่าทางที่ผู้หญิงคนนั้นดีอกดีใจและพูดกับเธอเหมือนสนิทสนมกับเธอมานาน
“เธอเป็นใคร แล้วฉันอยู่ที่ไหน” วาดดาวถามพลางพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่เธอไม่มีแรงที่จะพยุงตัวขึ้นจากพื้น
วาดดาวหันกลับมามองสำรวจตัวเอง เธอตกใจที่เธอก็แต่งตัวไม่ต่างจากผู้หญิงตรงหน้าคือนุ่งผ้าแถบสีน้ำตาลเก่าๆ กับโจงกระเบนสีเทาตุ่นๆ ตามเนื้อตัวของเธอมีแต่รอยเขียวช้ำเล็กบ้างใหญ่บ้างและคงเป็นสาเหตุให้เธอปวดตามตัวไปหมด
“อีวาด เอ็งจำข้าไม่ได้หรือ ข้าเองอีนา”
ไม่ เธอไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ ไม่เคยคุ้นหน้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอจำได้ว่าเธอตกน้ำ แต่ทำไมตามตัวเธอถึงมีแต่รอยฟกช้ำ หรือว่าเธอจะโดนทำร้าย เธอคงจะโดนพาตัวมาไว้ที่กระท่อมนี่ โดนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แต่งตัวโบราณๆ แบบนี้แทน คนที่ทำแบบนั้นและผู้หญิงคนนี้ต้องรู้จักเธอมาก่อนแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกเธอว่า “อีวาด” เพราะคงรู้ชื่อจริงของวาดดาว
“ฉันไม่รู้จักเธอ เธอเป็นใคร เธอทำร้ายฉันใช่ไหม เธอมีพักพวกอีกไหม แล้ววินล่ะ วินอยู่ไหน” วาดดาวใช้แรงทั้งหมดที่มีดันตัวลุกขึ้นนั่ง เธอยิงคำถามที่สงสัยทั้งหมดใส่คนตรงหน้าที่ก็ยังคงทำท่าตกอกตกใจ
“อีวาด เอ็งตั้งสติสิ นี่ข้าอีนาเพื่อนเอ็ง เอ็งไม่ได้ถูกใครทำร้าย สามวันก่อนเอ็งถูกเจ้าสีนิลม้าของคุณพระที่กำลังพยศเหยียบเอาจนหมดสติ คุณเมืองรามที่กำลังจับมันเข้าคอกก็พลอยโดนสลัดตกหัวฟาดพื้นสลบไปเหมือนกัน”
“เธอมาสร้างเรื่องหลอกฉันทำไม ได้ประโยชน์อะไร ใครใช้ให้เธอมาทำแบบนี้” วาดดาวไม่เชื่อ
“ข้าสร้างเรื่องหลอกอะไรเอ็ง เอ็งต่างหาก อย่างแกล้งเสียสติไปอีกคนเลย แค่คุณเมืองรามคนเดียวก็วุ่นวายไปทั้งเรือนแล้ว” ผู้หญิงที่บอกว่าตัวเองชื่อนาเหมือนจะสงบสติอารมณ์ได้ก่อนเธอ นาพยายามอธิบายเรื่องที่เธอฟังแล้วก็รู้ว่าเป็นเรื่องโกหกเพ้อเจ้อ
“ฉันไม่ได้แกล้งเสียสติ เธอต่างหากที่เสียสติมาแกล้งฉัน”
“ข้ายอมแพ้เอ็งแล้วอีวาดเอ๋ย ช่างมันเถอะ แค่เอ็งไม่ตายก็ดีแล้ว เสียสติไปคนหนึ่งแล้วจะเป็นเพิ่มอีกคนเรือนคุณพระก็คงไม่วุ่นวายไปกว่านี้ดอก” พูดจบนาก็เดินออกจากห้องไป เพียงสักครู่ก็กลับเข้ามาพร้อมกับชามสองใบในมือ
“อ้าวนี่ กินสะ” นาดันชามใบแรกที่มีน้ำสีขาวขุ่นเหมือนนมใส่มือเธอ
“นี่อะไร” เธอยอมรับมาโดยดี แต่ก็ยังไม่ยอมดื่มตามที่ผู้หญิงคนนี้สั่ง เธอสับสนมึนงงไปหมด เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พิรัลอยู่ที่ไหน ถูกทำร้ายถูกกักตัวเหมือนกันหรือเปล่า
“น้ำข้าวไง เอ็งคงช้ำในนัก แล้วยังนอนไม่ได้สติมาสามวันสามคืนแล้ว ข้าทำได้แต่เพียงเอายาหม้อกรอกปากเอ็ง กินน้ำข้าวนี่เสีย แล้วจะได้กินยา” นาพูดกับเธอแล้วหันไปที่ชามอีกถ้วยที่มีน้ำสีน้ำตาลเข้ม
วาดดาวยอมกินน้ำข้าวที่นาเอามาให้เพราะเธอคอแห้งเหลือเกิน เธอคงจะสลบไปสามวันอย่างที่นาบอกจริงๆเพราะเธอยังหิวมากอีกด้วย แต่วาดดาวตกลงใจแล้วว่าเธอจะไม่กินน้ำสีน้ำตาลเหม็นๆ ถ้วยนั้นที่บอกว่าเป็นยาแน่นอน
“ดีแล้ว เสร็จแล้วเอ็งก็กินยาเสีย เดี๋ยวข้าจะขึ้นไปบนเรือนใหญ่ไปกราบเรียนแม่นายท่านว่าเอ็งฟื้นแล้ว แล้วจะไปช่วยอีดวงเตรียมสำรับด้วย เอ็งอย่าพึ่งลุกไปไหนนะ เดี๋ยวจะเจ็บหนักกว่าเดิม” นาหันมาสั่งเธอเมื่อเห็นว่าเธอยอมกินน้ำข้าวแต่โดยดี
“เดี๋ยว อย่าพึ่งไป บอกฉันหน่อยว่าที่นี่ที่ไหน แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” วาดดาวรีบเรียกนาไว้ก่อนที่นาจะเดินไป เธอพยายามตั้งสติพูดจาดีๆ เผื่อผู้หญิงคนนี้จะใจอ่อนบอกเรื่องจริงอะไรกับเธอบ้าง
“เอ็งตั้งสตินะอีวาด เอ็งชื่อวาด ข้าชื่อนา เราเป็นทาสในเรือนพระพรหมเสนาท่าน ที่ที่เอ็งนอนอยู่นี่ เป็นเรือนทาส”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ