ในเรือนเบี้ย

8.0

เขียนโดย ilithyia

วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.43 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.74K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 21.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) เรือนทาส(100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          วาดดาวดื่มน้ำข้าวจนหมดชามเพราะความหิวจัดทำให้เธอรู้สึกว่ามันอร่อยมากทั้งหวานและมีรสเค็มนิดๆ จากเกลือ พอมองอีกชามที่นาบอกว่าเป็นยาเธอก็หยิบมันมาเททิ้งตรงช่องระหว่างพื้น ยังไงไอ้น้ำเหม็นๆ นี่ก็ไม่มีทางเป็นยาไปได้ กินเข้าไปคงจะทำให้ป่วยหนักกว่าเดิม ดีไม่ดีอาจเป็นยาพิษที่คนพวกนั้นมาหลอกให้เธอดื่ม หลังจากกินน้ำข้าววาดดาวก็พอมีแรงขึ้นมาบ้าง เธอค่อยๆ ใช้มือพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นเดิน แม้จะปวดตามเนื้อตามตัวและปวดศีรษะมากจนแทบระเบิด วาดดาวก็ค่อยๆพยุงตัวเองออกมาจากกระท่อมหลังนั้น เธอต้องหนี! หนีจากเรื่องบ้าบออะไรนี่ เธอต้องตามหาพิรัล

          สิ่งรอบตัวที่วาดดาวมองเห็นหลังจากพ้นประตูกระท่อม คือบ้านไม้เรือนไทยหลังใหญ่อยู่ด้านหน้า ห่างจากตัวกระท่อมไปสักยี่สิบก้าว บนเรือนมีควันไฟและกลิ่นอาหารที่น่าจะโชยมาจากเรือนครัว ข้างซ้ายและขวาของเธอเป็นกระท่อมคล้ายๆกันอีกสี่หลัง ขวามือสุดดูดีกว่าหลังอื่นๆเพราะทำจากไม้ วาดดาวหาทางหนี เธอหันหลังออกเดินเข้าไปในสวนหลังแนวกระท่อม

          “อีวาด! นั่นเอ็งจะไปไหน” เสียงดังไล่หลังมาไม่ไกลนัก เธอรู้ว่าเป็นเสียงของนาโดยไม่ต้องหันกลับไปมอง วาดดาวออกวิ่งสุดแรงที่มี

          “ไอ้ยอด ไอ้สัก มาทางนี้เร็วเข้า อีวาดมันจะหนีไปแล้ว” แล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนวิ่งตามไล่หลังมา คนพวกนั้นไม่ปล่อยเธอแน่

          ความกลัวทำให้เธอลืมความเจ็บที่มีไปจนหมด เธอรู้แค่ว่าเธอจะต้องหนีให้พ้นจากที่นี่ เธอวิ่งเร็วที่สุดในชีวิตที่เคยวิ่งมาแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็ถูกผู้ชายสองคนนั้นจับได้อยู่ดี วาดดาวทั้งดิ้น ทั้งพยายามบิดข้อมือที่ถูกชายสองคนนั้นกำไว้คนละข้าง หันไปใช้เท้าถีบคนทางซ้ายทีขวาที แต่ก็ไม่สะเทือนผู้ชายตัวใหญ่นุ่งโจงกระเบนทั้งสองคนนี้เลย ไอ้ยอดไอ้สักจึงแค่ออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยก็พาเธอกลับมาที่กระท่อมได้โดยง่าย

          “เอานี่ ล่ามมันไว้อย่าให้หนีไปได้” นาโยนโซ่ในมือให้ชายสองคนนั้นล่ามเธอไว้กับเสากระท่อม แม้ว่าเธอจะพยายามขัดขืนเท่าใดก็ไม่เป็นผล

          “พวกเธอปล่อยฉันไปเถอะ จับฉันไว้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร บ้านฉันไม่ได้ร่ำรวย ไม่มีเงินให้พวกเธอเรียกค่าไถ่หรอก” วาดดาวพยายามเจรจากับคนพวกนี้อีกครั้ง

          “โอ้ยอีวาด เมื่อใดเอ็งจะได้สติ ข้าจนปัญญากับเอ็งเหลือเกิน” นายกมือขึ้นยีหัวตัวเอง ดูท่าจะจนปัญญาแล้วจริงๆ ส่วนชายอีกสองคนก็มองเธอแล้วส่ายหน้าไม่ยอมพูดจาอะไรด้วย

          “เอะอะโวยวายอีหยังกันเสียงดัง แค่คนบ้าคนเดียวบ่มีปัญญาดูแลน้อ” เสียงคุ้นหูของหญิงมีอายุดังขึ้นมาจากทางเรือนใหญ่ วาดดาวหันไปมองแล้วเห็นแล้วให้ใจชื้น แต่พอมองดูให้ชัดอีกทีเธอกลับยิ่งหวาดกลัวมากกว่าเดิม

          “ยาย ยายนวลของวีใช่ไหมจ๊ะ” วาดดาวถามอย่างมีความหวัง

          “เออ ข้าเองตองนวล ยังพอมีสติจำข้าได้อยู่เนาะอีวาด” เหมือนแผ่นฟ้ากับพื้นดินพลิกกลับสลับด้าน วาดดาวสับสนไปหมดกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร พอเธอตื่นขึ้นมาคนที่เธอได้เจอก็พูดจากับเธอประหลาดๆ การแต่งตัวก็เหมือนหลุดมาจากหนังย้อนยุค คนที่เธอไม่เคยรู้จักเธอยังพอคิดเอาได้ว่าคงมีเรื่องเข้าใจผิดหรือใครสักคนพยายามกลั่นแกล้งเธอ แต่พอเธอได้เจอหญิงสูงอายุที่บอกเธอว่าชื่อตองนวล เธอกลับต้องมาตั้งสติใหม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น คุณยายคนนี้ยังไงก็ใช่คุณยายนวลของเธอแน่ๆ น้ำเสียงท่าทางรูปร่างหน้าตายังไงก็ใช่ แต่ทำไมยายของเธอถึงได้ทำผมมวย นุ่งผ้าซิ่นผ้าแถบแถมยังกินหมากฟันดำอย่างนี้ สำเนียงที่ยายพูดก็เปลี่ยนไปพูดภาษากลางสลับกับภาษาเหนือ มิหนำซ้ำยังเรียกเธอว่าอีวาดตามที่คนอื่นอีก ยายนวลของเธอคงไม่มาหลอกเธอเล่นแน่ คุณยายไม่เคยโกหกเธอ

          “ยายจ๋า แล้วหนูเป็นใคร” วาดดาวกลั้นใจถามอีกครั้ง

          “แม่คนนี้ถามแปลก เอ็งก็คืออีวาด พี่ชายเอ็งเอาเอ็งมาขายเป็นทาสหื้อ แม่นายท่านก็เมตตาฮับไว้” วาดดาวน้ำตาไหลพรากคุณยายนวลคงไม่โกหกเธอ เกิดอะไรขึ้นทำไมทุกคนบอกว่าเธอเป็นทาสชื่ออีวาด ประเทศไทยเลิกทาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แล้วไม่ใช่หรือ เธอหลุดเข้ามาในอดีตหรืออย่างไร

          “ตั้งสติน้ออีวาดเอย ทั้งเอ็งทั้งพ่อเมืองรามก็มีอุปัทวเหตุให้เจ็บหนักจนเสียสติกันไปทั้งคู่ มานี่เถิดยายสิผูกแขนเอิ้นขวัญหื้อ” ยายตองนวลพูดกับเธอด้วยเมตตา ใจของวาดดาวสงบลงมาก เธอยังรู้สึกผูกพันกับหญิงชราตรงหน้ามั่นใจว่าใช่คุณยายของเธอแน่นอน ถึงแม้จะไม่ใช่ยายนวลตัวจริงในตอนนี้ วาดดาวค่อยค่อยขยับเข้าไปใกล้นั่งลงกับพื้นหญ้าแล้วยื่นข้อมือให้หญิงชราผูกด้ายสีขาวที่ข้อมือ

          วาดดาวน้ำตารื้อ เธอก้มลงไหว้หญิงชราขณะรับพรเรียกขวัญ เมื่อยายตองนวลให้พรเธอจบก็กำลังจะเดินกลับไปขึ้นเรือนใหญ่ วาดดาวโผเข้าไปกอดขายายตองนวลไว้แล้วร้องไห้โฮ ความอดกลั้นของเธอหมดลงแล้ว

          “ร้องไห้ทำไมหรือ” น้ำเสียงที่บ่งบอกความเมตตานั้นทำให้วาดดาวสะอื้นหนักกว่าเดิม

          “ยายจ๋า หนูกลัว”

          “ไม่ต้องกลัวอันใดไป เจ้าอยู่ในเรือนคุณพระพรหมเสนา แลแม่นายมิ่งหล้า ท่านทั้งสองมีความเมตตาต่อผู้อื่นนัก อยู่ที่นี่เจ้าไม่เป็นอันตรายอันใดดอก” ยายตองนวลยกมือลูบศีรษะเธอแผ่วเบา ความอบอุ่นนั้นได้ปลอบให้วาดดาวสงบลงได้บ้าง ยายตองนวลจึงให้ไอ้สักแก้โซ่ที่ล่ามเธอไว้ออก

          “รับคำข้าหนออีวาด เจ้าอย่าคิดหนีไปไหนหนา สติเจ้ายังบ่กลับมา หากเจ้าหนีไปนอกจากจะมีภัยแล้วยังจะมีโทษ”

          “ยายจ้า บอกหนูสักนิดเถิด ปีนี้พ.ศ.อะไร แล้วพระองค์ใดเป็นพระเจ้าอยู่หัวจ๊ะ” วาดดาวถามเพื่ออยากจะยืนยันว่าตนเองได้หลุดเข้ามาในยุคอดีตจริงหรือไม่ เธอกลั้นใจฟังคำตอบที่ยายตองนวลนิ่งคิดอยู่นานก่อนจะตอบเธอ

          “พอสอคืออันใดข้าบ่ฮู้ดอก แต่วันนี้เป็นขึ้นหกค่ำ เดือนหก ปีชวด ศักราช ๑๑๓๐ สมเด็จพระบรมราชาที่๔ ขุนหลวงตาก เป็นพระเจ้าอยู่หัว”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา