The Witches II : Dark Heart
เขียนโดย Kyoso12
วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 20.58 น.
แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 18.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) เจ้าชายรูปงาม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ( 10 ปีต่อมา)
“ข้าแต่ฝ่าพระบาท ข้าพระองค์เป็นตัวแทนจากเมืองแพนีเซีย กษัตริย์ของข้าพระองค์มีความประสงค์อย่างยิ่งว่าจำนำของกำนัลอันมีข้าเหล่านี้มาถวายแด่ เจ้าชายมอร์เดร็ดแห่งอาณาจักรคาเมรอท เพราะกษัตริย์ของข้าพระองค์นั้นได้ยินคำร่ำลือที่ว่าเจ้าชายมอร์เดร็ดทรงมีพระรูปโฉมงดงามยิ่งนัก....”
ฑูตจากเมืองแพนีเซียกล่าวขึ้นในขณะที่อาเธอร์ที่กำลังนั่งฟังอยู่นั้นรู้สึกง่วงหงาวหาวนอนเอามากๆเพราะในวันนี้เหล่าฑูตจากเมืองต่างๆ ต่างส่งของกำนัลมาให้กับมอร์เดร็ดซึ่งแน่นอนก่อนจะถึงมอร์เดร็ดก็ต้องให้อาเธอร์เป็นกษัตริย์และฉันผู้ซึ่งเป็นราชินีของเค้าคอยต้อนรับเหล่าฑูตที่มาจากเมืองต่างๆและต้องอยู่ขอบคุณพวกเค้าเมื่อกล่าวเสร็จอีกด้วย
“ข้าต้องขอบคุณท่านฑูตจากเมืองแพนีเซียเอามากๆเพราะของกำนัลที่กษัตริย์ของท่านประทานมาให้นั้นมีค่ามาก นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ฉันยิ้มให้กับฑูตคนนี้ทำให้ฑูตคนนี้ถึงกับทำสีหน้าอ่อนไหวอย่างเห็นได้ชัดคงจะหลงเสน่ห์ฉันอีกคนแล้วสินะ เฮ้อ แต่ก็เอาเถอะไม่ว่าใครก็ตามที่มาที่นี่ต่างก็หลงเสน่ห์ของฉันกันทั้งนั้นช่วงแรกๆอาเธอร์อาจจะหึงหวงฉันอยู่บ้างแต่ดูเค้าตอนนี้สิ....
“ท่านแม่เพคะ!! ลอว์ร่าแกล้งลูก!!!”
“ไม่จริงสักหน่อย!! มอร์แกนต่างหาก!! ที่ทำให้ลูกโกรธก่อน!!!” ลูกสาวคนเล็กทั้งสองของฉันวิ่งมาหาฉันในขณะที่ฉันกำลังต้อนรับเหล่าฑูตทั้งหลาย จริงสิ ลูกสาวคนเล็กของฉันทั้ง 2 คนอายุได้ 6 ขวบกว่าแล้วใช่พวกนางเป็นฝาแฝดกันลอว์ร่าจะเป็นเด็กอารมณ์ร้อน ส่วนมอร์แกนจะเป็นเด็กแก่นชอบแกล้งคนู้นนั้นนี้ไปทั่ว
และตอนนี้ฉันมีลูกกับอาเธอร์ทั้งหมด 4 คนซึ่งรวมมอร์เดร็ดด้วยซึ่งเป็นคนแรก คนรองลงมาจากมอร์เดร็ดมีชื่อว่าเอสเธอร์เธอเป็นเด็กไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร และเธอจะไปฝึกวิชาการต่อสู้กับมอร์เดร็ดอยู่เป็นประจำถึงว่าเธอจะอายุแค่ 9 ขวบก็เถอะแต่ฝีมือของเธอนั้นไม่ธรรมดาเลยแถมยังสนใจในเวทย์มนต์เหมือนกับฉันอีกด้วย
“เอาละๆ ทั้งสองคนตอนนี้แม่กำลังยุ่งอยู่นะ พวกเจ้าไปหาพวกพี่ๆเถอะ”
“ไม่เป็นหรอกที่รักให้พวกนางมานั่งกับเราสิ”
“อื้ม ก็ได้” เมื่อฉันพูดจบเหล่าลูกสาวของฉันก็พากันไปนั้งบนตักของอาเธอร์ซึ่งมันทำให้ลูกสาวของฉันทั้งสองคนสงบสติอารมณ์ลงได้
“โอ้ นั่นคงจะเป็นพระธิดาองค์เล็กทั้งสองแบบที่เค้าร่ำลือกันใช่หรือไม่” ฑูตจากแพนีเซียกล่าวขึ้น
“ใช่แล้วละ นี่คือเจ้าหญิงลอว์ร่า และเจ้าหญิงมอร์แกน ธิดาองค์เล็กของข้าเองแหละ” อาเธอร์กล่าวขึ้น
“ช่างรูปโฉมงดงามเหมือนกับพระราชินียิ่งนัก”
“ขอบคุณคะ” ลูกสาวทั้งสองของฉันตอบพร้อมกันทำให้เหล่าฑูตคนอื่นๆที่ยืนรออยู่นั้นอารมณ์ผ่อนคลายมาก
“ถ้างั้นข้าเชิญท่านฑูตคนต่อไปเลยละ ข้าคงต้องขอขอบคุณท่านฑูตมากเลย” ฉันกล่าวขอบคุณฑูตจากแพนีเซีย
“โอ้ ไม่เป็นไรหรอกท่านราชินีเรื่องนี้แค่เล็กน้อยเอามากๆ ว่าแต่เจ้าชายมอร์เดร็ดตอนนี้เค้ากำลังทำอะไรหรือพะยะค่ะ”
“พอดีว่าวันนี้มีฝึกวิชาดาบอยู่จ๊ะ” ฉันยิ้มขึ้น
(มาที่ทางด้านของมอร์เดร็ด)
ในขณะนี้เจ้าชายมอร์เดร็ดกำลังฝึกฝนการใช้ดาบอย่างเอาจริงเอาจังเพราะว่าอีกไม่นานก็จะมีการแข่งประลองดาบกับเหล่านักรบจากเมืองต่างๆ ทำให้ช่วงนี้เค้าจึงต้องฝึกฝนเป็นพิเศษ ในตอนนี้ทั้งมอร์เดร็ดกำลังซ้อมวิชาดาบอยู่ที่ลานฝึกทหารของปราสาท
“ท่านพี่ข้าว่าพักสักหน่อยจะดีมั้ย” เอสเธอร์กล่าวขึ้นพร้อมกับนั่งลงกับพื้น
“ไม่ ข้ายังซ้อมได้อีก”
“เฮ้อ ท่านพี่เป็นผู้ชายนี่จะฝึกซ้อมนานแค่ไหนก็ได้แต่ข้าเป็นผู้หญิงนะ”
“งั้นเจ้าก็พักไปเถอะเพราะพี่จะซ้อมต่อ”
“จ้าๆ ซ้อมไปเถอะแต่ช่วยใส่เสื้อหน่อยจะได้มั้ย” เอสเธอร์สังเกตพี่ชายของเธอที่ถอดเสื้อโชว์ในการซ้อมดาบมาสักพักใหญ่แล้ว
“ทำไมละก็สบายดีนี่”
“แต่ข้าไม่สบายด้วย นี่ตกลงท่านพี่ถอดเสื้อโชว์สาวๆอยู่ใช่มั้ย”
“ก็ใช่อยู่ ทำไมละหลงหุ่นของข้าละสิ” มอร์เดร็ดเบ่งกล้ามของเค้าเพื่อโชว์ให้น้องสาวของตนดู
“แหวะ จะอ้วก” เอสเธอร์หันหน้าไปอีกทางเพื่อเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“ไม่เอาสิ เอสเธอร์ทำตัวให้มีชีวิตชีวาสมกับเป็นเจ้าหญิงหน่อยสิ” มอร์เดร็ดเข้าไปขยี้หัวน้องสาวของตน
“ไม่เอา ข้าแค่ 9 ขวบเองนะท่านพี่และอีกอย่างช่วยออกไปห่างข้าหน่อยได้มั้ย”
“ทำไมละ”
“เหม็น...”
“ก็ได้ๆ” มอร์เดร็ดยอมออกห่างจากน้องสาวของเค้าและหันกลับไปฝึกซ้อมต่อ
“เอ่อ ท่านพี่ข้ามีเรื่องอยากจะถามหน่อย”
“หืม ว่ามาสิ”
“คือข้ารู้สึกไม่ค่อยชอบกรินีเวียร์เลย” เอสเธอร์กำลังพูดถึงกรินีเวียร์เธอเป็นเชื้อราชวงศ์คนหนึ่งอาจณาจักรที่อยู่ใกล้ๆกับคาเมรอทที่ซึ่งอายุเธอเองก็ไล่เลี่ยกับมอร์เดร็ด และในช่วง2ถึง3เดือนมานี้นางได้เดินทางมาที่นี่บ่อยๆและในตอนนี้เธอก็มาพักอยู่ใกล้ๆที่นี่ด้วย ส่วนเอสเธอร์เองก็ไม่ค่อยพอใจในนิสัยของกรินีเวียร์สักเท่าไหร่ทำให้รู้สึกกังวลไปบ้าง
“กรินีเวียร์นางก็ดูน่ารักดีนี่ทำไมเจ้าถึงรู้สึกแบบนั้นละ”
“ข้าไม่รู้!!!!! ข้าก็แค่รู้สึกไม่ค่อยชอบนางเฉยๆ”
“เฮ้อ มีพี่ชายหล่อก็อย่างนี้แหละ หวงข้าละสิ” มอร์เดร็ดหันไปทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่เอสเธอร์ ทำให้เธอเกิดอาการฉุนและเดินตรงเข้าไปเตะที่เป้าของมอร์เดร็ด ทำให้มอร์เดร็ดถึงกับจุกและลงไปกองกับพื้น
“โอ๊ยยยยยย!!!”
“คิดว่าข้าตลกกับท่านพี่นักหรอ!!! โถ่ โดนแค่นี้ทำเป็นร้องโอดครวญ”
“เจ้า...ไม่ใช่ผู้ชาย..แบบข้าจะไปรู้ได้ยังไง”
“ก็เหมือนท่านพี่นั่นแหละ!! ไม่ได้เป็นผู้หญิงก็อย่าทำเป็นรู้ไปหน่อยเลย!!” ว่าแล้วเมื่อเอสเธอร์พูดจบก็เดินหนีออกไปจากลานฝึก ทิ้งให้มอร์เดร็ดนอนเจ็บอยู่ตรงนั้น
“อ้าว เอสเธอร์ฝึกเสร็จแล้วหรอ” กรินีเวียร์ที่กำลังจะเดินสวนกับเอสเธอร์ทักขึ้น กรินีเวียร์เป็นเด็กสาวที่หน้าตาสวยมาก ดวงตาสีม่วงของเธอเข้ากันได้ดีกับสีผมสีทองสว่างและผิวขาวราวกับหิมะก็ไม่ปราณ เธออายุได้ 19 ปีแล้วและตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะเดินไปมอร์เดร็ด ส่วนเอสเธอร์ที่กำลังโมโหอยู่นั้นยิ่งเห็นหน้าของกรินีเวียร์ก็ยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม เธอจึงรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากบริเวณนั้นไปทันที ส่วนกรินีเวียร์ก็เดินตรงไปหามอร์เดร็ดที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ในลานฝึก
“เฮ้อ ขยันจังเลยนะ” กรินีเวียร์ยิ้มให้กับมอร์เดร็ดเล็กน้อย
“หึ ถึงข้าจะขยันฝึกซ้อมมากแค่ไหนก็คงออกไปเดินเล่นกับเจ้าไม่ได้หรอก” มอร์เดร็ดหันมาฉีกยิ้มให้หญิงสาว
“ทำไมละ”
“เพราะท่านแม่อยากให้ข้าจริงจังกับการแข่งมากกว่าที่จะยุ่งกับเรื่องอย่างอื่น”
“เช่นเรื่องอะไร..” กรินีเวียร์เดินเข้ามาใกล้มอร์เดร็ดเรื่อยๆจนกระทั่งอยู่ในระยะประชิดและทำน้ำเสียงยั่วยวน เธอสบตาไปที่มอร์เดร็ดอย่างแน่นิ่ง
“เรื่องเจ้า...” ตอนนี้มอร์เดร็ดตกอยู่ในอาการประหม่าเล็กน้อย
“ทำไมละ..” กรินีเวียร์ลูบไล้ไปตามแก้มของมอร์เดร็ด
“เจ้ากำลังทำลายสมาธิของข้านะกรินีเวียร์และอีกอย่างข้าขอร้องละ รอให้ข้าฝึกเสร็จก่อนได้มั้ยข้าสัญญาว่าจะไปเดินเที่ยวกับเจ้า”
“ทำไมละมอร์เดร็ดเจ้าไม่รักข้าแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นกรินีเวียร์คือตอนนี้..ข้า....คือข้า...ข้ามีหลายเรื่องที่จะต้องทำกรินีเวียร์ในฐานะของเจ้าชายแห่งอาณาจักรนี้และในฐานะผู้สืบทอดบัลลังก์ดังนั้นข้าจึงอยากจะทำทุกอย่างให้พร้อมที่สุดเพื่อนท่านแม่ของข้า ท่านแม่ลำบากมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้และข้าอยากจะทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด ข้าขออภัยจริงๆกรินีเวียร์” มอร์เดร็ดก้าวถอยหลังออกไปเพื่อจะใส่เสื้อและเก็บอุปกรณ์การฝึก
“แล้วทำไมไม่ทำเพื่อข้าบ้างละ!!!” เมื่อมอร์เดร็ดได้ยินดังนั้นจึงรีบตรงเข้าไปกอดกรินีเวียร์เอาไว้
“ไม่ ไม่กรินีเวียร์ข้ากำลังทำเพื่ออนาคตของพวกเราอยู่ไง ได้โปรดรอข้าหน่อยกรินีเวียร์”
“..”
“กรินีเวียร์ยอดรักอดทนหน่อยนะ” มอร์เดร็ดลูบหัวของกรินีเวียร์อย่างอ่อนโยน
“ก็ได้ข้าจะรอ” กรินีเวียร์เงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบตากับมอร์เดร็ด
“เอาเป็นว่าคืนนี้ข้าจะไปหาเจ้าที่ห้องเพื่อเป็นการไถ่โทษ ตกลงมั้ย”
“ได้..แล้วข้าจะรอ” หลังจากที่กรินีเวียร์พูดจบนางก็เอื้อมตัวขึ้นไปเพื่อจูบมอร์เดร็ด มอร์เดร็ดรู้สึกรักนางมากและจูบนี้ทำให้มอร์เดร็ดรักนางมากยิ่งขึ้นราวกับต้องมนต์สะกด หลังจากนั้นมอร์เดร็ดจึงค่อยๆละริมฝีปากออกจากกรินีเวียร์
“เอาละข้าว่า ข้าควรจะไปทำอย่างอื่นต่อได้แล้วละ”
“อื้ม” กรินีเวียร์พยักหน้าให้กับมอร์เดร็ดก่อนที่ มอร์เดร็ดจะวิ่งออกไปจากบริเวณนั้น ส่วนกรินีเวียร์เองก็ต้องเดินออกจากที่แห่งเช่นกันและหลังจากคลาดสายตาจากมอร์เดร็ดแล้วนางจึงรีบวิ่งกลับไปยังที่พักของนาง
ที่อยู่ชั้นบนสุดของคฤหาสน์นางเข้าห้องนอนไป และจัดการทำความสะอาดห้องนอนของนางให้ดูสะอาดเรียบร้อยก่อนที่นางจะเดินไปที่กระจกและเปิดผ้าที่คลุมกระจกบานนี้เอาไว้ออกมา
“ท่านน้า..ท่านได้ยินข้ามั้ย..” นางพูดกับกระจกของนาง
“ข้าได้ยินเจ้าอยู่แล้วหลานรัก ว่าแต่เจ้ามีเรื่องอะไรจะบอกข้าละกรินีเวียร์” กระจกตอบโต้กับนางใช่กระจกบานนี้เป็นกระจกวิเศษกรินีเวียร์ใช้มันเพื่อพูดคุยกับญาติของนาง
“ข้าชวนมอร์เดร็ดมาที่นี่ได้แล้ว”
“จริงหรอ...แบบนั้นก็ดีสิว่าแต่เค้าจะมาเมื่อไหร่”
“คืนนี้ จริงนี้น้าเจเนวีฟแล้วข้าควรจะทำยังไงต่อ”
“ใช่ร่างกายของเจ้าล่อลวงเค้าสิกรินีเวียร์บางทีเจ้าก็น่าจะเข้าใจในความหมายของข้านะ”
“ให้ข้าเสียพรหมจรรย์....”
“ใช่! หลานรัก...”
“ไม่…ไม่!! ข้าไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด ยังไงข้าจะไม่ยอมเสียพรหมจรรย์เด็ดขาด!!!”
“แล้วเจ้าจะทำยังไงละ กรินีเวียร์ปล่อยให้เค้าหลุดมือไปอย่างนั้นหรือ!!!”
“ไม่....”
“หรือเจ้าจะยอมให้แม่ของเค้าพรากพวกเจ้าสองคนออกจากกันละ..”
“ไม่มีทาง”
“งั้นเจ้าก็จงทำตามที่ข้าบอกซะ!!!” เมื่อกรินีเวียร์ได้ยินดังนั้นจึงทำให้นางถึงกับทรุดตัวลงและน้ำตาที่เอ่อล้นจนไหลอาบไปทั่วแก้มของนาง เมื่อเจเนวีฟเห็นดังนั้นจึงยื่นมือของนางออกมาจากกระจกและใช้มือของนางปาดน้ำตาของหลานสาว
“ข้าไม่ทำแบบนั้นจะได้มั้ยท่านน้าเจเนวีฟ” กรินีเวียร์พูดตอบกลับน้าของเธอทั้งที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด
“ชู่..เงียบซะเด็กน้อยเจ้ายังไม่รู้อะไรอีกมากหลานรัก เจ้าอยากเป็นเหมือนดังแม่ของเจ้างั้นหรือกรินีเวียร์” กรินีเวียร์ส่ายหน้าเบาๆเมื่อเจเนวีฟพูดจบ จากนั้นนางจึงใช้มือข้างหนึ่งขึ้นมากุมมือของน้าของเธอเอาไว้
“แสดงว่าเจ้ายังคงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับแม่ของเจ้าได้ดี โถ่เอ้ย เด็กน้อยผู้น่าสงสารเอาเป็นว่างานที่ข้าให้เจ้าทำในครั้งนี้ถือเป็นการใช้หนี้บุญคุณของข้าก็แล้วกัน”
“ก็ได้ท่านน้า” หลังจากที่กรินีเวียร์พูดจบประโยคเจเนวีฟจึงค่อยดึงมือกลับเข้าไปในกระจกอีกครั้ง
“ดีมากเด็กน้อย ทำมันให้สำเร็จละ..” กรินีเวียร์พยักหน้าตอบรับคำสั่งจากน้าของเธอ ก่อนที่น้าของเธอจะหายไป ทิ้งเอาไว้เพียงความว่างเปล่าส่วนกรินีเวียร์เองก็พยายามตั้งสติและพยายามก้มลงไปหยิบของบางอย่างที่อยู่ใต้เตียงนอนของเธอ…
(ณ ปราสาทแห่งคาเมรอท)
ในค่ำของวันนี้ฉันกับอาเธอร์และพวกลูกๆกำลังจะรับประทานอาหารที่เหล่าแม่ครัวทั้งหลายต่างตั้งใจทำกันอย่างสุดฝีมือเพื่อพวกเรา ฉันหันไปเห็นเอสเธอร์ลูกสาวคนรองของฉันกำลังใช้ส้อมเขี่ยอาหารที่อยู่บนจานของเธอพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดทำให้ฉันรู้สึกเอะใจเพราะปกติเธอก็จะอยู่เฉยๆของเธอและกินอาหารได้อย่างปกติ แต่มาวันนี้กลับไม่ยอมทานอาหารเอาแต่นั่งเขี่ยไปเขี่ยมา
“ลูกทนไม่ไหวแล้วนะ!!!” เอสเธอร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้และทุบไปที่โต๊ะทานอาหารอย่างเต็มแรงจนทำให้ทุกคนถึงกับสดุ้ง
“เกิดอะไรขึ้นเอสเธอร์” ฉันถามลูกสาวของฉัน
“ก็พี่มอร์เดร็ดนั่นแหละ!!!” เอสเธอร์ชี้ไปที่มอร์เดร็ด
“เอ้า!! นี่ข้าทำอะไรให้เจ้า!!!” มอร์เดร็ดหันมาจ้องหน้าน้องสาวของตน
“ก็ข้าบอกพี่ไปแล้วว่าไม่ค่อยไว้ใจกรินีเวียร์แต่พี่ก็ยังนัดไปที่ห้องของนาง!!!”
“นี่เจ้า!!!” เมื่อมอร์เดร็ดได้ยินดังนั้นจึงถึงกับลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและแสดงอาการโมโหอย่างเห็นได้ชัด
“นัดอะไรกันมอร์เดร็ด” ฉันทำหน้าดุพร้อมกับหันไปมองมอร์เดร็ดราวกับจะเอาความจากเค้าให้ได้
“คือผม......”
“บอกท่านแม่ไปสิ!” เอสเธอร์นั่งลงกระแทกกับเก้าอี้ด้วยอาการหงุดหงิดทำให้ฉันต้องหันไปมองเอสเธอร์ด้วยสีหน้าที่นิ่งเรียบ
“ใจเย็นก่อนเอสเธอร์เดี๋ยวแม่จัดการเอง ทานอาหารไปเอสเธอร์”
“คะ”
“ส่วนลูกมอร์เดร็ดตกลงเรื่องมันเป็นยังไง”
“ก็ใช่...แต่ว่าท่านแม่ข้าไม่มีเวลาให้กรินีเวียร์ข้าก็เลยต้องไปหานางบ้างสิ”
“แต่นั่นมันไม่สมควร!!!! และอีกอย่างแม่ก็ไม่ไว้ใจนางเหมือนกัน”
“แต่ท่านแม่!!! กรินีเวียร์นางเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แถมยังมีนิสัยอ่อนหวานในแบบผู้หญิงทั่วๆไป...”
“ผู้หญิงที่ดีเค้าไม่ยอมให้ผู้ชายเข้าหาในยามวิกาลหรอกนะ” คำพูดของฉันทำให้มอร์เดร็ดถึงกับหยุดชะงัก
“เอาเป็นว่าคืนนี้แม่จะปล่อยลูก แม่อยากให้ลูกเอาคำที่แม่พูดกลับไปคิดนะมอร์เดร็ด”
“ครับ..ท่านแม่” เมื่อมอร์เดร็ดได้ยินดังนั้นจึงนั่งลงบนเก้าอี้และทานอาหารต่อเหมือนเดิม
“ส่วนเจ้าเอสเธอร์เก็บอารมณ์หน่อย ลูกเป็นเจ้าหญิงนะ”
“คะท่านแม่”
“ส่วนลอว์ร่ากับมอร์แกนทานเสร็จแล้วให้รีบขึ้นไปอาบน้ำนอนได้แล้วนะ”
“ได้คะท่านแม่” ลูกสาวทั้งสองคนของฉันพูดพร้อมกันและหันมายิ้มให้กับฉัน
“และคุณอาเธอร์เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ได้จ๊ะที่รัก” อาเธอร์หันมายิ้มให้กับฉันก่อนที่จะก้มลงไปทานอาหารเย็นต่อ เฮ้อ การมีครอบครัวแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกปวดหัวจริงๆเลย โดยเฉพาะเด็กที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเนี่ยทำเอาฉันตามแทบไม่ทันเลยและหลังจากที่พวกเราทานกันเสร็จเรียบร้อยแล้วมอร์เดร็ดก็ขอแยกตัวออกไป
ส่วนฉันก็รีบพาลูกสาวคนเล็กทั้งสามคนรวมทั้งเอสเธอร์ด้วยไปส่งเข้าห้องนอน ก่อนที่ตัวฉันและอาเธอร์จะแยกจากพวกลูกๆเพื่อเข้าห้องนอน ฉันเดินที่โต๊ะเครื่องแป้งและถอดเครื่องประดับต่างๆออก
“เฮ้อ วันนี้คุณคงเหนื่อยมากเลยสินะที่รัก” อาเธอร์เข้ามาสวมกอดฉันจากด้านหลัง
“ไม่หรอกอาเธอร์เด็กๆก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้วละ คุณเองก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกันไม่ใช่รึ”
“ก็จริงอยู่แต่ผมไม่เคยมีพี่น้องเยอะแบบนี้สักหน่อย”
“เฮ้อ บางทีฉันก็คิดนะว่าฉันห่วงลูกมากเกินไปรึเปล่า”
“ไม่หรอกคุณทำหน้าที่แม่ได้ดีแล้วที่รัก ว่าแต่อยากจะมีเพิ่มอีกสักมั้ยที่รัก”
“แค่นี้ก็เยอะพอแล้ว!” ฉันตีมือของอาเธอร์เบาๆ
“ไม่หรอกถ้าเราอยากมีเยอะกว่านี้เราก็มีได้น่าที่รัก” อาเธอร์หอมแก้มฉันเข้าไปฟอดใหญ่ก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างช้อนตัวฉันเพื่ออุ้มฉันในท่าเจ้าหญิง
“บ้า พอแล้วน่าอาเธอร์” ฉันตีไหล่ของอาเธอร์เบาๆ
“แหม ก็ภรรยาของผมสวยขนาดนี้อดใจอยู่ได้ยังไง มาเรามามีลูกเพิ่มกันเถอะ”
“พอแล้วน่า!!! อาเธอร์หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ” อาเธอร์ไม่ยอมหยุดตามที่ฉันบอกและเดินไปที่เตียงลูกเดียวเลย
“กรี้ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” จู่ๆเราก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเอสเธอร์ซึ่งดังมาจากห้องนอนของเธอ ทำให้อาเธอร์ต้องค่อยๆปล่อยให้ฉันลงยืนกับพื้นและออกไปจากห้องนอนเพื่อตรงไปยังห้องนอนของเอสเธอร์ อาเธอร์รีบคว้าลูกบิดประตูและวิ่งเข้าไปในห้องนอนของเอสเธอร์ภาพที่อยู่ตรงหน้าคือเอสเธอร์กำลังนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงนอน ฉันจึงรีบเข้าไปหาเอสเธอร์และกอดเธอเอาไว้
“ท่านแม่...ข้ากลัวเหลือเกิน” เอสเธอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
“ไม่เป็นไรแล้วนะลูกรักว่าแต่เกิดอะไรขึ้น”
“ข้าฝันเห็นภาพอนาคตอีกแล้ว”
“ลูกฝันว่าอะไร”
“ท่านพ่อจะโดนท่านพี่ฆ่าตายในสนามรบ..และ...และก็”
“และอะไรลูก” เมื่อฉันถามจบเอสเธอร์จึงชี้ไปทางเตียงนอนของน้องสาวเธอทั้งสองคน ภาพที่อยู่ตรงหน้าคือลูกสาวคนเล็กของฉันกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ทำให้อาเธอร์ต้องรีบไปดูทั้งสองคน
“มีเงาดำอะไรบางอย่างมาที่เตียงของน้อง แต่ลูกทำอะไรไม่ได้เลยท่านแม่....” เอาเธอร์กล่าวด้วยเสียงสะอึกสะอื้น ฉันจึงผละมือจากเอสเธอร์และวิ่งเข้าไปดูลูกสาวคนเล็กทั้งสองคนของฉัน
ฉันค่อยใช้มือแตะไปที่ตัวของมอร์แกน ตอนนี้ตัวของเธอเย็นเฉียบฉันจึงใช้หูแนบกับอกของมอร์แกนเพื่อให้ฉันแน่ใจแต่ก็ไม่เป็นอย่างที่ฉันต้องการ ลูกสาวคนเล็กทั้งสองของฉันได้จากไปแล้ว... ฉันจึงโอบอุ้มร่างไร้วิญญาณของมอร์แกนมาไว้แนบอกของฉัน และร้องไห้ออกมา
“ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!” ฉันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างยิ่ง ตอนนี้ฉันเหมือนกับคนบ้าไร้สติลูกสาวฝาแฝดของฉัน ลูกสาวที่ฉันอุตส่าเลี้ยงดูฟูมฟักอย่างกับไข่ในหินได้จากฉันไปโดยที่ไม่มีวันได้กลับมาอีกแล้วทำให้อาเธอร์ที่อยู่ใกล้ๆต้องเข้ามาโอบกอดฉันจากข้างหลังและร้องไห้ไปพร้อมกับฉัน
“แล้วมอร์เดร็ด...อยู่ไหน” อาเธอร์หันไปถามเอสเธอร์
“ลูกไม่รู้เลยท่านพ่อ” หลังจากที่เอสเธอร์ตอบคำถามของอาเธอร์เสร็จมันทำให้ฉันนึกขึ้นได้ ใช่ มอร์เดร็ดต้องไปหากรินีเวียร์แน่นอน
“เอาเป็นว่าเราจะรอจนกว่ามอร์เดร็ดจะกลับมาและพูดคุยเรื่องนี้กัน...”
(ทางด้านของมอร์เดร็ด)
มอร์เดร็ดในตอนนี้กำลังรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปพบกับกรินีเวียร์ที่ห้องนอนของเธอมอร์เดร็ดค่อยๆปีนขึ้นไปบนห้องนอนของกรินีเวียร์เพื่อจะเข้าทางหน้าต่าง เมื่อเค้าเข้าไปถึงก็เห็นกรินีเวียร์รอรับเค้าอยู่ในชุดนอนสีขาวที่บางจนทำให้เห็นเรือนร่างของกรินีเวียร์
“ท่านมาหาข้าแล้ว” กรินีเวียร์โผล่เข้ากอดมอร์เดร็ดเอาไว้
“ใช่ ข้ามาหาเจ้าแล้ว” มอร์เดร็ดลูบหัวกรินีเวียร์
“ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน” ในขณะที่กรินีเวียร์กำลังจะยื่นเข้ามาจูบมอร์เดร็ด มอร์เดร็ดก็ใช้นิ้วชี้ของเค้าดันปากของกรินีเวียร์เอาไว้
“หึ น้ำหอมปลุกอารมณ์งั้นหรอกรินีเวียร์” เมื่อมอร์เดร็ดพูดจบเค้าจึงค่อยผละกรินีเวียร์ให้ออกห่างจะตัวเค้า
“ท่าน...ท่านรู้ได้ยังไง”
“เผอิญว่าท่านพ่อสอนข้ามาดีไง เจ้าต้องการอะไรกันแน่กรินีเวียร์” มอร์เดร็ดจ้องหน้าของกรินีเวียร์ราวกับว่าจะเอาความผิดจากเธอให้ได้
“คือข้า.....” กรินีเวียร์ค่อยๆก้าวเท้าถอยหลัง
“และกระจกบานนี้อีกทำไมต้องเอาผ้าคลุมเอาไว้ด้วย!!”
“ระ...เรื่องนั้นข้าบอกไม่ได้จริงๆมอร์เดร็ด แต่ว่าข้าทำไปทั้งหมดก็เพราะรักท่านนะ”
“รักข้างั้นหรอ..หึ..กับวิธีแบบนี้ข้ารับไม่ได้หรอกนะ” ทันทีที่มอร์เดร็ดหันหลังให้กรินีเวียร์เพื่อจะออกไปทางหน้าต่าง กรินีเวียร์ก็เค้ามากอดมอร์เดร็ดจากทางด้านหลังเอาไว้
“ไม่!! อย่าไปเลยนะ”
“เจ้าห้ามข้าไม่ได้หรอกกรินีเวียร์” มอร์เดร็ดพยายามแกะมือของกรินีเวียร์ออก
“ได้โปรดเถิดมอร์เดร็ดคืนนี้อยู่กับข้านะ”
“สายไปแล้วกรินีเวียร์ ข้ากับเจ้าเราขาดกัน” หลังจากนั้นมอร์เดร็ดจึงกระโดดลงจากหน้าต่างไปและวิ่งกลับไปยังปราสาทของเค้า ส่วนกรินีเวียร์เองจึงรีบหาเสื้อคลุมมาใส่ไว้และเปิดผ้าคลุมที่คลุมกระจกบานนี้อยู่
“ท่านน้า..” เมื่อกรินีเวียร์พูดขึ้นก็ไม่มีเสียงตอบรับจากกระจกเลยสักนิด มันทำให้เธอรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปจนร้องไห้ออกมาแต่ทันใดนั้นเองก็มีเวทย์มนต์อะไรบางอย่างออกมาจากกระจกทำให้น้ำตาของกรินีเวียร์นั้นหยุดไหลและเปลี่ยนอารมณ์ที่กำลังเศร้าเป็นความโกรธ จิตใจที่อ่อนแอของกรินีเวียร์ทำให้เธอถูกเวทย์มนต์ครอบงำได้ง่ายมาก
“ท่านน้า...” กรินีเวียร์เรียกกระจกอีกครั้ง
“ว่าอย่างไรหลานน้า สำเร็จมั้ย”
“ข้าพลาดและตอนนี้มอร์เดร็ดเกลียดข้าไปแล้ว”
“แบบนี้ก็แสดงว่าเราประเมินเจ้าชายนั่นต่ำไป ไม่เป็นไรกรินีเวียร์เจ้าจะได้โอกาสอีกครั้งแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“แล้วต้องให้ข้าอดทนไปจนถึงเมื่อไหร่กัน!!!!” ความโกรธทั้งหมดของกรินีเวียร์ได้ระเบิดออกมา จากหญิงสาวที่แสนอ่อนโยนและซื่อสัตย์ได้เปลี่ยนเป็นผู้หญิงอีกคนไปแล้ว นั่นก็เพราะเธอได้ถูกมนต์สะกดจากกระจกครอบงำเอาไว้
“ใจเย็นๆก่อนหลานรัก เจ้าต้องรอให้ถึงเวลาเสียก่อนถ้าขืนเจ้าไปตอนนี้เจ้าอาจจะไม่มีทางแก้ตัวได้นะ เอาเป็นว่าในระหว่างนี้เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมดีกว่ากรินีเวียร์”
(กลับมาที่ทางด้านของเมลิซ่า)
ตอนนี้ฉันร่ายคาถาไว้ที่ร่างของลูกสาวของคนเล็กของฉันทั้งสองคนเอาไว้เพื่อจะให้ศพนั้นอยู่ในสภาพดีจนถึงเช้า และตอนนี้ฉันกำลังนั่งเฝ้ามองร่างของลูกๆฉันทั้งสองคนราวกับคนบ้า ใช่ ฉันเริ่มบ้าไปแล้วเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นโดยที่ฉันไม่ทันจะได้ตั้งตัว ฉันวาดฝันเอาไว้ว่าจะได้เห็นทั้งสองคนโตขึ้นและได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก ตอนนี้อาเธอร์เองก็คงยืนรอมอร์เดร็ดอยู่ข้างนอกห้องสินะ
“ท่านแม่คะ..” เอสเธอร์กล่าวขึ้นทำให้ฉันหยุดคิดเรื่องต่างๆไปได้ เอสเธอร์เข้ามาสวมกอดฉันเอาไว้
“ว่าไงจ๊ะลูก”
“ลูกขอโทษท่านแม่จริงๆที่ลูกทำอะไรไม่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ มันไม่ใช่ความผิดของลูกเลยสักนิดเอสเธอร์ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันจะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่ๆ อีกอย่างวันนี้ลูกทำดีที่สุดแล้วเอสเธอร์” ฉันลูบหัวของเอสเธอร์เบาๆ
“กว่าจะมา!!!!” เสียงของอาเธอร์ตะโกนดังอยู่ข้างนอกห้องสงสัยมอร์เดร็ดคงจะกลับมาแล้วสินะ ฉันลูบหัวของเอสเธอร์ไปเรื่อยๆทั้งที่สายตาของฉันยังจดจ่ออยู่กับร่างไร้วิญญาณของลูกสาวคนเล็กทั้งสอง ส่วนมอร์เดร็ดที่รีบวิ่งเข้ามาในห้องด้วยอาการกระหืดกระหอบก็ต้องหันมามองฉันที่ไม่คิดจะหันไปมองเค้าเลย
“ท่านแม่เกิดอะไร!!!” มอร์เดร็ดตรงเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าฉัน ฉันจึงค่อยหันไปมองเค้าอย่างช้าๆและใช้มือลูบไปที่แก้มของมอร์เดร็ดอย่างแผ่วเบา
“กว่าจะมาได้นะมอร์เดร็ด..ถ้าเจ้ายังอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกน้องของเจ้าอาจจะรอดก็ได้!!!” อารมณ์โทษะเกิดระเบิดออกมาทำให้ฉันตบไปที่หน้าของมอร์เดร็ดอย่างเต็มแรง
“ท่านแม่มันไม่ใช่ความผิดของข้า!!!!”
“ท่านแม่!!!! หยุดเถอะ!!!!” เอสเธอร์ห้ามฉันเมื่อเห็นว่าฉันกำลังยกมือขึ้นอีกครั้งพร้อมกับรั้งแขนของฉันเอาไว้
“แม่เตือนลูกไปแล้วนะมอร์เดร็ดว่าอย่าไปเป็นยังไงบ้างละ.....หึ.....ทั้งที่เจ้าน่าจะรู้ถึงความลำบากของเรามากที่สุด..”
“ข้าขออภัยจริงๆท่านแม่ ใช่ เป็นแบบที่ท่านพูดท่านแม่กรินีเวียร์เป็นผู้หญิงที่ข้าไม่ควรจะไปยุ่งเลย”
“เมื่อเข้าใจก็ดีแล้วมอร์เดร็ด ลูกไปนอนพักผ่อนสักเถอะละก็อย่าลืมพาเอสเธอร์ไปนอนที่ห้องของเจ้าด้วย”
“ครับ..ท่านแม่แต่ว่าท่านแม่เองก็พักผ่อนเถอะ ท่านเหนื่อยมามากแล้วอีกอย่างถ้าท่านเศร้าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก อย่างน้อยท่านแม่ของยังมีข้าและก็เอสเธอร์อยู่นะ รวมถึงท่านพ่อด้วย” เมื่อได้ยินดังนั้นฉันที่เหมือนจะขาดสติไปก็ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยอาจจะยังไม่หายเศร้าแต่คำพูดของมอร์เดร็ดก็เตือนใจของฉันได้ดี
ใช่ ฉันมีลูกที่ต้องดูแลเหลืออีกสองคนและถึงฉันจะไม่มีลอว์ร่ากับมอร์แกนอยู่ ฉันก็ยังมีมอร์เดร็ดและเอสเธอร์ รวมทั้งสามีที่ฉันรักคอยอยู่ข้างๆ เอาเป็นว่าคืนนี้ฉันคงต้องพักผ่อนสินะ อาเธอร์เดินเข้ามาในห้องและค่อยๆประคองฉันให้กลับไปยังห้องนอน
“ไม่เป็นไรนะที่รัก” อาเธอร์กล่าวขึ้น
“อื้ม ฉันดีขึ้นหน่อยแล้วละ”
“เอาเป็นว่าคืนนี้พักผ่อนให้สบายเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะจัดการทุกอย่างให้เองคุณอยู่เฉยๆของคุณก็พอ”
“ขอบคุณนะ และก็ฉันขอโทษที่ตบหน้าลูกไป”
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจดีว่าคุณกำลังเศร้าและก็ออกจะเครียดจากเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย”
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฉันจะพยายามละกัน”
“เก่งมากจ๊ะที่รัก”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ