The Witches : Red Witch
9.0
เขียนโดย Kyoso12
วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.55 น.
11 ตอน
19 วิจารณ์
14.30K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 11.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) คำสาบานรัก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(กลับมาที่ฝั่งของ เมลิซ่า)
“วันนี้คุณจะเดินอีกนานมั้ย”
“อีกไม่นานหรอก จริงสิฉันรู้จักสถานที่ดีดีที่เธออาจจะชอบ”
“ที่ไหนหรอ”
“ป่าแห่งภูติพราย ที่นี่ถูกปกครองโดยมิราน่า นางเป็นพรายไม้ที่สวยมากร่างกายของนางเป็นไม้ไปทั้งตัว อีกทั้งนางยังมีเหล่าภูติตัวน้อยๆที่คอยช่วยเหลือนาง และสิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ก็คือเมื่อถึงเวลากลางคืนนั้น ต้นไม้ทุกต้นในเขตของนางจะเปล่งแสงออก เปรียบเสมือนดวงไฟยามค่ำคืนซึ่งมัน เป็นอะไรที่งดงามมาก”
“แต่ไม่ว่าอะไรคุณก็สวยที่สุดในสายตาของผมนะ”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ” ฉันผลักหัวคนข้าง
“แหม ก็มันเรื่องจริงนี่นา”
“เอาละ เกือบจะถึงแล้วเดินบนหินพวกนี้ตามฉันมาสิ” ฉันชี้ไปที่โขดหินที่เรียงกันเป็นทางเดินมุ่งไปสู่เขตของป่าภูติพราย เมื่อเห็นอาเธอร์ทำท่าเก้ๆกังๆ ฉันจึงคว้ามือของเค้าและจูงมือให้เค้าเดินตามฉันมา เมื่อตะวันเริ่มลับฟ้าเสียงของต้นไม้เหล่านี้จึงเริ่มปรากฎขึ้น รวมทั้งหิ่งห้อยมากมายที่พากันส่องแสงระยิบระยับ ก่อให้เกิดภาพที่งดงามที่สุด
ฉันหันกลับไปมองอาเธอร์ที่กำลังเพลิดเพลินกับสิ่งอัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้า เค้าหันมาและยิ้มให้ฉันอย่างมีความสุข ฉันจึงยิ้มตอบเค้าและพาเค้าเดินเข้าไปเรื่อยๆ เหล่าภูติตัวน้อยที่แอบอยู่ต่างก็พากันออกมาต้อนรับฉันและอาเธอร์ พวกภูติน้อยเหล่านี้ทำมงกุฏดอกไม้ให้ฉัน เล่นเอาอาเธอร์ยิ้มไม่หยุดเลยและทันใดนั้นเองมิราน่าก็ปรากฎตัวออกมา
“สวัสดีผู้มาเยือน” มิราน่ากล่าวต้อนรับพวกเราและยิ้มอย่างอบอุ่น
“สวัสดีมิราน่า” ฉันยิ้มตอบนาง
“ที่ป่าของข้าขอยินดีคู่รักหนุ่มสาวทุกคู่เพื่อมาสาบานรักกันที่นี่”
“เดี๋ยวมิราน่าข้าไม่ใช่.....” ยังไม่ทันจะพูดอาเธอร์ก็ลุดหัวเราะออกมาทำให้ฉันต้องหันไปมองค้อน
“เมลิซ่าเดินตามข้ามาทางนี้สิ” มิราน่าเรียกฉันให้ไปคุยกับนางตามลำพัง ปล่อยให้อาเธอร์เล่นอยู่กับภูติตัวน้อยๆอยู่ตรงนั้นสักพัก
“มิราน่าเธอจะพูดอะไรกับฉันกันแน่”
“ข้าดูสายตาที่เค้าและเจ้ามองกันออกนะรู้มั้ย”
“แต่ข้า...”
“เจ้าไม่ควรจะพูดโกหกเมื่ออยู่ในเขตของข้าที่รัก อีกอย่างเจ้าลองมองไปที่เค้าสิเมลิซ่า” มิราน่าจับที่ไหล่ของฉันให้หันไปมองที่อาเธอร์
“มิราน่า...”
“เจ้าลองมองเค้าสิเมลิซ่าเค้ามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่กับเจ้า”
“แต่ว่าฉันไม่อยากจะเค้าต้องเจ็บปวดทรมานฉันอยากให้เค้าได้รับในสิ่งที่ดีสุดและกลับไปหาคู่หมั้นที่เหมาะสมของเค้า”
“แต่เจ้ากลับต้องมาทรมานคนเดียวอย่างนั้นหรือข้าว่านั่นเป็นการไม่สมควร”
“แต่ว่า...”
“ฟังข้านะที่รัก ความรักของพวกเจ้าทั้งสองเป็นความรักแท้ที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมาแทนในที่ตรงนี้ได้ ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้หมดแล้วตั้งแต่ทั้งเค้าและเจ้าเกิดมา รวมถึงการที่เจ้าได้มาอยู่ที่นี่อีกด้วย และอีกอย่างที่ข้าอยากจะบอกเจ้าไม่ต้องตัวเอง บังคับตัวเองไม่ให้รักเค้าไม่ได้หรอกนะ และอีกอย่างถ้าพวกเจ้าสาบานรักกันที่นี่แล้วไม่ว่าอะไรก็ตามก็ไม่สามารถแยกพวกเจ้าออกจากกันได้ พวกเจ้าจะเป็นคู่รักกันตลอดไป”
“แต่ฉันทำไม่ได้”
“เจ้าต้องทำได้เมลิซ่า แค่ปล่อยหัวใจของเจ้าไปและทำตามที่หัวใจของเจ้าปราถนา ไปซะเดี๋ยวข้าจะให้เหล่าภูติตัวน้อยของข้าจัดเตรียมสถานที่ไว้ให้และพวกเจ้าทั้งสองสามารถอยู่ที่นั่นได้จนถึงรุ่งเช้า” มิราน่าผลักหลังฉันให้เดินไปหาอาเธอร์
“ว่าไงเมื่อกี้คุยอะไรกัน”
“ก็นิดๆหน่อยๆตามประสาผู้หญิงแหละ”
“นั่น!! เราไปทางนั้นกันมั้ย” อาเธอร์ชี้ไปทางข้างหลังฉัน ซึ่งเหล่าภูติน้อยได้เตรียมทางไว้ให้นำไปสู่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่กลางป่าแห่งนี้ ฉันพยักหน้าตอบอาเธอร์ อาเธอร์จึงจูงมือฉันและพาเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เหล่าภูติตัวน้อยได้เตรียมไว้ ไม่รู้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้มันจะถูกรึเปล่า แต่ฉันเคยได้ยินมาว่าเวทย์มนต์ของมิราน่ามีอำนาจมากแค่เพียงกระซิบก็สามารถเปลี่ยนความคิดได้
และฉันคิดว่านางอาจจะเวทย์มนต์นี้กับฉันก็ได้เพื่อให้ฉันยอมรับความรู้สึกที่มีต่ออาเธอร์ และตอนนี้ฉันก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างๆฉันคือคนที่ฉันอยากจะฝากชีวิตไว้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆเพราะถ้าเราค้นหาดอกไม้นั่นเจอแล้วทุกอย่างก็จะจบลง
ตลอดเส้นทางที่เราเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่นั้น เสียงเพลงก็ค่อยๆบรรเลงขึ้นก่อเกิดเป็นเสียงเพลงที่ไพเราะชวนหลงไหล ที่มาพร้อมกับแสงไฟที่ระยิบระยับไปตามรายทางไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ที่ส่องประกายแสงสีชมพูอ่อน ที่ทำให้รู้สึกอ่อนหวานขึ้นไปอีก
“สวยจังเลยนะที่นี่น่ะ” อาเธอร์กุมมือของฉันแน่นขึ้น
“อื้ม ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เราหันมาสบตาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่กันต่อ เมื่อเมื่อเรามาถึงมิราน่าก็ใช้เวทยืมนต์ของเธอเสกให้เถาวัลย์ของต้นไม้ใหญ่ลงมาปกคลุมพวกเราจนมิด ทำให้ภายในต้นไม้ใหญ่แห่งนี้มีเพียงฉันกับอาเธอร์เท่านั้น เราทั้งคู่หันมาสบตากันอีกทั้งอาเธอร์ยังดึงมือของฉันมากุมไว้ทั้งสองข้าง
“เมลิซ่า ก่อนอื่นเลยผมต้องขอโทษในสิ่งที่ผมเคยทำเอาไว้กับคุณเมื่อวันก่อนและจนกระทั่งเมื่อเช้านี้ก็เช่นเดียวกันผมขอโทษจากใจจริงที่ผมทำไปก็เพราะผมโกรธคุณที่คุณไม่ยอมพูดความรู้สึกจริงๆของคุณออกมา”
“อันที่จริงฉันเองก็ผิดเหมือนกันที่เอาแต่ปิดกั้นเธอตลอด แต่ว่าที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะฉันอยากให้เธอได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด”
“แต่มันไม่ใช่เลยเมลิซ่า เพราะคุณคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผม บอกตามตรงตอนนี้คุณสวยมากเลย” อาเธอร์ค่อยๆคุกเข่าข้างหนึ่งลงต่อหน้าฉัน
“ขอบคุณนะ”
“และผมขอสัญญาไว้ตรงนี้ ผมจะรักคุณตลอดไปเมลิซ่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามผมก็จะรักคุณ ปกป้องคุณ และดูแลคุณตลอดไป” อาเธอร์หยิบสร้อยคอที่อยู่ในถุงผ้าใบเล็กๆของเค้าออกมา นำมันมาวางบนฝ่ามือของฉันและจุมพิศที่หลังมือของฉันอย่างอ่อนโยน จากนั้นเค้าจึงค่อยๆลุกขึ้น
“อาเธอร์ แต่ว่าสร้อยเส้นนี้มัน......”
“สร้อยเส้นนี้เดิมทีมันเป็นของท่านพ่อ ท่านพ่อให้ท่านแม่ตอนที่เจอกันครั้งแรกและตอนนี้ผมก็ส่งต่อมันมาให้คุณเพราะคุณคือรักแรกและรักเดียวของผมจากนี้และตลอดไปเมลิซ่า แล้วคุณละเมลิซ่าคุณรักผมมั้ย”
“รักสิ แต่เพราะฉันรักเธอฉันถึงไม่อยากให้เธอต้องมาเจ็บปวดหลังจากที่เราต้องแยกจากกัน ฉันอยากให้เธอได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด แต่ในเมื่อยืนยันว่าฉันคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอฉันก็ยินดีที่จะรับมันไว้” ฉันหันหลังให้อาเธอร์เพื่อให้เค้าสวมสร้อยคอเส้นนี้ให้กับฉันและหันหน้ามาทางเค้าอีกที
“ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย” อาเธอร์ค่อยๆปัดเศษผมที่แก้มของฉันออกก่อนจะที่เลื่อนมือมาเชยที่คางของฉันและใช้มืออีกข้างหนึ่งโอบเอวของฉันเอาไว้ จากนั้นเค้าจึงมอบจูบอันแสนอ่อนหวานให้กับฉันหัวใจที่เต้นรัวของเราสองคนประสานกันเป็นหนึ่งเดียวกัน
ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าการจูบกับอาเธอร์มันเป็นยังไงแต่ก็ไม่เคยมีจูบไหนที่ทำให้ฉันรู้สึกดีเท่านี้มาก่อน ฉันอยากจะหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้ให้นานตราบนานเท่านาน แต่ยังไงเวลาที่แสนสุขนี้ก็ต้องจบลง ฉันจึงค่อยผละหน้าอกของอาเธอร์ออกช้าๆ เพื่อทำให้เค้าหลุดออกจากภวังค์
“พอได้แล้วละ”
“ทำไมละ เขินผมหรอ”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมละ”
“ถ้าใช่ผมก็จะทำให้คุณเขินผมมากเดิมยังไงละ” อาเธอร์ใช้มือช้อนตัวฉันขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อจะอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิง
“เดี๋ยว!!!” ฉันพยายามดิ้นไปมาจนทำให้อาเธอร์ประคองฉันไม่อยู่และทำให้เราทั้งคู่ล้มลงไปกับพื้น
“โอ๊ยยยยย!! ดิ้นทำไมเนี่ย”
“จู่ๆก็มาอุ้มแบบนี้ฉันก็ตกใจหมดสิ”
“ว่าแต่เราจะต้องอยู่ในนี้อีกนานเท่าไหร่เนี่ย”
“มิราน่าบอกว่าสามารถอยู่ได้จนรุ่งเช้า”
“แบบนั้นก็ดีสิ”
“ทำไมละ” ฉันหันไปสบตาคนข้างๆ
“ชายหนุ่มกับหญิงสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสองในที่ลับตาแบบนี้ ควรจะทำอะไรละ” อาเธอร์ทำสายตายั่วยวนแลเค้าอยากจะโดนฉันทุบมากเลยสินะ
“หึ มันใช่เรื่องหรออาเธอร์”
“ใช่สิ..” ไม่ทันไรอาเธอร์ก็จับกดฉันลงกับพื้นและล็อคข้อมือของฉันเอาไว้
“อาเธอร์ เดี๋ยวสิ!! ฉันไม่..”
“เฮ้อ ต้องให้ผมอดทนไปถึงเมื่อไหร่กันเมลิซ่า รู้มั้ยว่าแค่ผมอยู่ใกล้ตัวคุณแบบนี้ผมก็แทบจะคลั่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นท่าทางของคุณหรือกลิ่นตัวของคุณที่ยั่วยวนให้สติของผมคลั่ง และอีกอย่างผมหึงหวงคุณมากเวลาที่คุณไปคุยหรือไปใกล้ผู้ชายคนอื่น ดังนั้นผมจึงอยากจะให้คุณเป็นของผมซะ เป็นแค่ของผมคนเดียวไม่ว่าใครหน้าไหนก็จะไม่มีสิทธิ์มาแตะคุณทั้งนั้น”
“เฮ้อ เด็กน้อยเอ้ยฉันจะยอมให้เธอสักครั้งละกัน”
“ขอบคุณ แต่เอาจริงๆแล้วที่ผมให้สร้อยคุณไปผมขอคุณแต่งงานนะ”
“บ้า!!”
“จริงๆ ถึงเจเนวีฟจะเป็นคู่หมั้นแต่ก็ยังไม่เป็นทางการเพราะว่าท่านพ่อใช้เงินทางสู่ขอมาให้แต่ไม่เคยได้ใช้วัตถุทางใจสู่ขอเลย มีแต่คุณนั่นแหละที่ผมกล้าใช้สร้อยเส้นนี้สู่ขอคุณเป็นเครื่องยืนยันทางใจว่าผมจะรักคุณและดูแลคุณในฐานะว่าที่ราชินีของผมยังไงละ”
“ช่างลึกซึ้งเสียจริงนะ อันที่จริงฉันเองก็ไม่เคยคิดหรอกว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้เพราะในชีวิตของฉันไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่คิดจะจริงจังกับฉันเพราะผู้ชายเคยผ่านเข้ามาเค้าหวังเพียงรูปร่างหน้าตาของฉันหาใช่ที่จิตใจ ก็มีเธออาเธอร์ขอบคุณที่เธอหนักแน่นในความรักที่มีต่อฉันมาตลอด 14 ปี”
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่คุณพร้อมรึยัง”
“...” ฉันพยักหน้าอาเธอร์จึงโน้มตัวลงทำให้ใบหน้าของเค้าและฉันอยู่ใกล้กันมากจนทำให้รู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน หัวใจของเราที่เริ่มเต้นรัวจนไม่เป็นจังหวะ จากนั้นอาเธอร์จึงเริ่มด้วยการจูบที่ริมฝีปากของฉันอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเลื่อนลงมาประทับรอยจูบที่บริเวณต้นคอ เลื่อนลงมาเรื่อยจนมาถึงเนินอกของฉัน อาเธอร์ค่อยๆใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่ต้นขาฉันอย่างช้าๆ ฉันจึงค่อยๆหลับลงและดื่มด่ำไปกับค่ำคืนอันแสนหวานของเราสองคน...
“วันนี้คุณจะเดินอีกนานมั้ย”
“อีกไม่นานหรอก จริงสิฉันรู้จักสถานที่ดีดีที่เธออาจจะชอบ”
“ที่ไหนหรอ”
“ป่าแห่งภูติพราย ที่นี่ถูกปกครองโดยมิราน่า นางเป็นพรายไม้ที่สวยมากร่างกายของนางเป็นไม้ไปทั้งตัว อีกทั้งนางยังมีเหล่าภูติตัวน้อยๆที่คอยช่วยเหลือนาง และสิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ก็คือเมื่อถึงเวลากลางคืนนั้น ต้นไม้ทุกต้นในเขตของนางจะเปล่งแสงออก เปรียบเสมือนดวงไฟยามค่ำคืนซึ่งมัน เป็นอะไรที่งดงามมาก”
“แต่ไม่ว่าอะไรคุณก็สวยที่สุดในสายตาของผมนะ”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ” ฉันผลักหัวคนข้าง
“แหม ก็มันเรื่องจริงนี่นา”
“เอาละ เกือบจะถึงแล้วเดินบนหินพวกนี้ตามฉันมาสิ” ฉันชี้ไปที่โขดหินที่เรียงกันเป็นทางเดินมุ่งไปสู่เขตของป่าภูติพราย เมื่อเห็นอาเธอร์ทำท่าเก้ๆกังๆ ฉันจึงคว้ามือของเค้าและจูงมือให้เค้าเดินตามฉันมา เมื่อตะวันเริ่มลับฟ้าเสียงของต้นไม้เหล่านี้จึงเริ่มปรากฎขึ้น รวมทั้งหิ่งห้อยมากมายที่พากันส่องแสงระยิบระยับ ก่อให้เกิดภาพที่งดงามที่สุด
ฉันหันกลับไปมองอาเธอร์ที่กำลังเพลิดเพลินกับสิ่งอัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้า เค้าหันมาและยิ้มให้ฉันอย่างมีความสุข ฉันจึงยิ้มตอบเค้าและพาเค้าเดินเข้าไปเรื่อยๆ เหล่าภูติตัวน้อยที่แอบอยู่ต่างก็พากันออกมาต้อนรับฉันและอาเธอร์ พวกภูติน้อยเหล่านี้ทำมงกุฏดอกไม้ให้ฉัน เล่นเอาอาเธอร์ยิ้มไม่หยุดเลยและทันใดนั้นเองมิราน่าก็ปรากฎตัวออกมา
“สวัสดีผู้มาเยือน” มิราน่ากล่าวต้อนรับพวกเราและยิ้มอย่างอบอุ่น
“สวัสดีมิราน่า” ฉันยิ้มตอบนาง
“ที่ป่าของข้าขอยินดีคู่รักหนุ่มสาวทุกคู่เพื่อมาสาบานรักกันที่นี่”
“เดี๋ยวมิราน่าข้าไม่ใช่.....” ยังไม่ทันจะพูดอาเธอร์ก็ลุดหัวเราะออกมาทำให้ฉันต้องหันไปมองค้อน
“เมลิซ่าเดินตามข้ามาทางนี้สิ” มิราน่าเรียกฉันให้ไปคุยกับนางตามลำพัง ปล่อยให้อาเธอร์เล่นอยู่กับภูติตัวน้อยๆอยู่ตรงนั้นสักพัก
“มิราน่าเธอจะพูดอะไรกับฉันกันแน่”
“ข้าดูสายตาที่เค้าและเจ้ามองกันออกนะรู้มั้ย”
“แต่ข้า...”
“เจ้าไม่ควรจะพูดโกหกเมื่ออยู่ในเขตของข้าที่รัก อีกอย่างเจ้าลองมองไปที่เค้าสิเมลิซ่า” มิราน่าจับที่ไหล่ของฉันให้หันไปมองที่อาเธอร์
“มิราน่า...”
“เจ้าลองมองเค้าสิเมลิซ่าเค้ามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่กับเจ้า”
“แต่ว่าฉันไม่อยากจะเค้าต้องเจ็บปวดทรมานฉันอยากให้เค้าได้รับในสิ่งที่ดีสุดและกลับไปหาคู่หมั้นที่เหมาะสมของเค้า”
“แต่เจ้ากลับต้องมาทรมานคนเดียวอย่างนั้นหรือข้าว่านั่นเป็นการไม่สมควร”
“แต่ว่า...”
“ฟังข้านะที่รัก ความรักของพวกเจ้าทั้งสองเป็นความรักแท้ที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมาแทนในที่ตรงนี้ได้ ทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้หมดแล้วตั้งแต่ทั้งเค้าและเจ้าเกิดมา รวมถึงการที่เจ้าได้มาอยู่ที่นี่อีกด้วย และอีกอย่างที่ข้าอยากจะบอกเจ้าไม่ต้องตัวเอง บังคับตัวเองไม่ให้รักเค้าไม่ได้หรอกนะ และอีกอย่างถ้าพวกเจ้าสาบานรักกันที่นี่แล้วไม่ว่าอะไรก็ตามก็ไม่สามารถแยกพวกเจ้าออกจากกันได้ พวกเจ้าจะเป็นคู่รักกันตลอดไป”
“แต่ฉันทำไม่ได้”
“เจ้าต้องทำได้เมลิซ่า แค่ปล่อยหัวใจของเจ้าไปและทำตามที่หัวใจของเจ้าปราถนา ไปซะเดี๋ยวข้าจะให้เหล่าภูติตัวน้อยของข้าจัดเตรียมสถานที่ไว้ให้และพวกเจ้าทั้งสองสามารถอยู่ที่นั่นได้จนถึงรุ่งเช้า” มิราน่าผลักหลังฉันให้เดินไปหาอาเธอร์
“ว่าไงเมื่อกี้คุยอะไรกัน”
“ก็นิดๆหน่อยๆตามประสาผู้หญิงแหละ”
“นั่น!! เราไปทางนั้นกันมั้ย” อาเธอร์ชี้ไปทางข้างหลังฉัน ซึ่งเหล่าภูติน้อยได้เตรียมทางไว้ให้นำไปสู่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่กลางป่าแห่งนี้ ฉันพยักหน้าตอบอาเธอร์ อาเธอร์จึงจูงมือฉันและพาเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เหล่าภูติตัวน้อยได้เตรียมไว้ ไม่รู้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้มันจะถูกรึเปล่า แต่ฉันเคยได้ยินมาว่าเวทย์มนต์ของมิราน่ามีอำนาจมากแค่เพียงกระซิบก็สามารถเปลี่ยนความคิดได้
และฉันคิดว่านางอาจจะเวทย์มนต์นี้กับฉันก็ได้เพื่อให้ฉันยอมรับความรู้สึกที่มีต่ออาเธอร์ และตอนนี้ฉันก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างๆฉันคือคนที่ฉันอยากจะฝากชีวิตไว้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆเพราะถ้าเราค้นหาดอกไม้นั่นเจอแล้วทุกอย่างก็จะจบลง
ตลอดเส้นทางที่เราเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่นั้น เสียงเพลงก็ค่อยๆบรรเลงขึ้นก่อเกิดเป็นเสียงเพลงที่ไพเราะชวนหลงไหล ที่มาพร้อมกับแสงไฟที่ระยิบระยับไปตามรายทางไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ที่ส่องประกายแสงสีชมพูอ่อน ที่ทำให้รู้สึกอ่อนหวานขึ้นไปอีก
“สวยจังเลยนะที่นี่น่ะ” อาเธอร์กุมมือของฉันแน่นขึ้น
“อื้ม ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เราหันมาสบตาเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่กันต่อ เมื่อเมื่อเรามาถึงมิราน่าก็ใช้เวทยืมนต์ของเธอเสกให้เถาวัลย์ของต้นไม้ใหญ่ลงมาปกคลุมพวกเราจนมิด ทำให้ภายในต้นไม้ใหญ่แห่งนี้มีเพียงฉันกับอาเธอร์เท่านั้น เราทั้งคู่หันมาสบตากันอีกทั้งอาเธอร์ยังดึงมือของฉันมากุมไว้ทั้งสองข้าง
“เมลิซ่า ก่อนอื่นเลยผมต้องขอโทษในสิ่งที่ผมเคยทำเอาไว้กับคุณเมื่อวันก่อนและจนกระทั่งเมื่อเช้านี้ก็เช่นเดียวกันผมขอโทษจากใจจริงที่ผมทำไปก็เพราะผมโกรธคุณที่คุณไม่ยอมพูดความรู้สึกจริงๆของคุณออกมา”
“อันที่จริงฉันเองก็ผิดเหมือนกันที่เอาแต่ปิดกั้นเธอตลอด แต่ว่าที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะฉันอยากให้เธอได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด”
“แต่มันไม่ใช่เลยเมลิซ่า เพราะคุณคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผม บอกตามตรงตอนนี้คุณสวยมากเลย” อาเธอร์ค่อยๆคุกเข่าข้างหนึ่งลงต่อหน้าฉัน
“ขอบคุณนะ”
“และผมขอสัญญาไว้ตรงนี้ ผมจะรักคุณตลอดไปเมลิซ่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามผมก็จะรักคุณ ปกป้องคุณ และดูแลคุณตลอดไป” อาเธอร์หยิบสร้อยคอที่อยู่ในถุงผ้าใบเล็กๆของเค้าออกมา นำมันมาวางบนฝ่ามือของฉันและจุมพิศที่หลังมือของฉันอย่างอ่อนโยน จากนั้นเค้าจึงค่อยๆลุกขึ้น
“อาเธอร์ แต่ว่าสร้อยเส้นนี้มัน......”
“สร้อยเส้นนี้เดิมทีมันเป็นของท่านพ่อ ท่านพ่อให้ท่านแม่ตอนที่เจอกันครั้งแรกและตอนนี้ผมก็ส่งต่อมันมาให้คุณเพราะคุณคือรักแรกและรักเดียวของผมจากนี้และตลอดไปเมลิซ่า แล้วคุณละเมลิซ่าคุณรักผมมั้ย”
“รักสิ แต่เพราะฉันรักเธอฉันถึงไม่อยากให้เธอต้องมาเจ็บปวดหลังจากที่เราต้องแยกจากกัน ฉันอยากให้เธอได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด แต่ในเมื่อยืนยันว่าฉันคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอฉันก็ยินดีที่จะรับมันไว้” ฉันหันหลังให้อาเธอร์เพื่อให้เค้าสวมสร้อยคอเส้นนี้ให้กับฉันและหันหน้ามาทางเค้าอีกที
“ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย” อาเธอร์ค่อยๆปัดเศษผมที่แก้มของฉันออกก่อนจะที่เลื่อนมือมาเชยที่คางของฉันและใช้มืออีกข้างหนึ่งโอบเอวของฉันเอาไว้ จากนั้นเค้าจึงมอบจูบอันแสนอ่อนหวานให้กับฉันหัวใจที่เต้นรัวของเราสองคนประสานกันเป็นหนึ่งเดียวกัน
ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าการจูบกับอาเธอร์มันเป็นยังไงแต่ก็ไม่เคยมีจูบไหนที่ทำให้ฉันรู้สึกดีเท่านี้มาก่อน ฉันอยากจะหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้ให้นานตราบนานเท่านาน แต่ยังไงเวลาที่แสนสุขนี้ก็ต้องจบลง ฉันจึงค่อยผละหน้าอกของอาเธอร์ออกช้าๆ เพื่อทำให้เค้าหลุดออกจากภวังค์
“พอได้แล้วละ”
“ทำไมละ เขินผมหรอ”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมละ”
“ถ้าใช่ผมก็จะทำให้คุณเขินผมมากเดิมยังไงละ” อาเธอร์ใช้มือช้อนตัวฉันขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อจะอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิง
“เดี๋ยว!!!” ฉันพยายามดิ้นไปมาจนทำให้อาเธอร์ประคองฉันไม่อยู่และทำให้เราทั้งคู่ล้มลงไปกับพื้น
“โอ๊ยยยยย!! ดิ้นทำไมเนี่ย”
“จู่ๆก็มาอุ้มแบบนี้ฉันก็ตกใจหมดสิ”
“ว่าแต่เราจะต้องอยู่ในนี้อีกนานเท่าไหร่เนี่ย”
“มิราน่าบอกว่าสามารถอยู่ได้จนรุ่งเช้า”
“แบบนั้นก็ดีสิ”
“ทำไมละ” ฉันหันไปสบตาคนข้างๆ
“ชายหนุ่มกับหญิงสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสองในที่ลับตาแบบนี้ ควรจะทำอะไรละ” อาเธอร์ทำสายตายั่วยวนแลเค้าอยากจะโดนฉันทุบมากเลยสินะ
“หึ มันใช่เรื่องหรออาเธอร์”
“ใช่สิ..” ไม่ทันไรอาเธอร์ก็จับกดฉันลงกับพื้นและล็อคข้อมือของฉันเอาไว้
“อาเธอร์ เดี๋ยวสิ!! ฉันไม่..”
“เฮ้อ ต้องให้ผมอดทนไปถึงเมื่อไหร่กันเมลิซ่า รู้มั้ยว่าแค่ผมอยู่ใกล้ตัวคุณแบบนี้ผมก็แทบจะคลั่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นท่าทางของคุณหรือกลิ่นตัวของคุณที่ยั่วยวนให้สติของผมคลั่ง และอีกอย่างผมหึงหวงคุณมากเวลาที่คุณไปคุยหรือไปใกล้ผู้ชายคนอื่น ดังนั้นผมจึงอยากจะให้คุณเป็นของผมซะ เป็นแค่ของผมคนเดียวไม่ว่าใครหน้าไหนก็จะไม่มีสิทธิ์มาแตะคุณทั้งนั้น”
“เฮ้อ เด็กน้อยเอ้ยฉันจะยอมให้เธอสักครั้งละกัน”
“ขอบคุณ แต่เอาจริงๆแล้วที่ผมให้สร้อยคุณไปผมขอคุณแต่งงานนะ”
“บ้า!!”
“จริงๆ ถึงเจเนวีฟจะเป็นคู่หมั้นแต่ก็ยังไม่เป็นทางการเพราะว่าท่านพ่อใช้เงินทางสู่ขอมาให้แต่ไม่เคยได้ใช้วัตถุทางใจสู่ขอเลย มีแต่คุณนั่นแหละที่ผมกล้าใช้สร้อยเส้นนี้สู่ขอคุณเป็นเครื่องยืนยันทางใจว่าผมจะรักคุณและดูแลคุณในฐานะว่าที่ราชินีของผมยังไงละ”
“ช่างลึกซึ้งเสียจริงนะ อันที่จริงฉันเองก็ไม่เคยคิดหรอกว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้เพราะในชีวิตของฉันไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่คิดจะจริงจังกับฉันเพราะผู้ชายเคยผ่านเข้ามาเค้าหวังเพียงรูปร่างหน้าตาของฉันหาใช่ที่จิตใจ ก็มีเธออาเธอร์ขอบคุณที่เธอหนักแน่นในความรักที่มีต่อฉันมาตลอด 14 ปี”
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่คุณพร้อมรึยัง”
“...” ฉันพยักหน้าอาเธอร์จึงโน้มตัวลงทำให้ใบหน้าของเค้าและฉันอยู่ใกล้กันมากจนทำให้รู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน หัวใจของเราที่เริ่มเต้นรัวจนไม่เป็นจังหวะ จากนั้นอาเธอร์จึงเริ่มด้วยการจูบที่ริมฝีปากของฉันอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเลื่อนลงมาประทับรอยจูบที่บริเวณต้นคอ เลื่อนลงมาเรื่อยจนมาถึงเนินอกของฉัน อาเธอร์ค่อยๆใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่ต้นขาฉันอย่างช้าๆ ฉันจึงค่อยๆหลับลงและดื่มด่ำไปกับค่ำคืนอันแสนหวานของเราสองคน...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ