The Witches : Red Witch
เขียนโดย Kyoso12
วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.55 น.
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 11.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) คำทำนายและฝันร้ายที่เป็นจริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อถึงรุ่งเช้าฉันรู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่ในอ้อมแขนของอาเธอร์ที่กำลังหลับไหลอยู่ในสภาพเปลือยกายเล่นทำเอาฉันหน้าแดงจนเป็นลูกตำลึง พร้อมกับนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฉันจึงรีบเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเอง แต่แล้วก็ถูกขัดจังหวะ ฉันถูกคนข้างๆขว้าข้อมือของฉันเอาไว้
“จะทำอะไร”
“ก็แค่จะหยิบชุดของฉันมาใส่ก็เท่านั้นเอง”
“ไม่เอา ไม่ให้ใส่” เอาเธอร์รวบตัวฉันไปกอดไว้แน่นและเอาหน้าซุกที่กลางหลังของฉัน
“อาเธอร์ปล่อยเถอะนี่มันเช้าแล้วนะ” ฉันพยายามแกะมือของอาเธอร์ออก
“ก็ผมอยากกอดแบบนี้นานๆไม่ได้รึไง”
“ไม่ได้อาเธอร์เราต้องรีบเดินทางต่อแล้ว” เมื่อฉันพูดจบอาเธอร์จึงยอมปล่อยมือออกพร้อมกับทำสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย เฮ้อ ไม่คืบจะเอาศอกเชียวนะ ดังนั้นฉันจึงไม่รอช้ารีบใส่เสื้อผ้าจนเสร็จส่วนอาเธอร์มี่มัวยืดยาดไม่ยอมใส่เสื้อสักที
เหมือนเค้าพยายามจะอวดหุ่นอันผอมเพรียวที่มีกล้ามหน้าท้องเล็กน้อย ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะชื่นชอบแต่ไม่ใช่สำหรับฉัน เมื่อฉันมองไปรอบๆก็พบเถาวัลย์ของไม้ใหญ่นี้ได้กลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งแตกต่างจากสีชมพูหวานเมื่อคืนนี้มาก ทันทีที่อาเธอร์แต่งตัวเสร็จฉันจึงเดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่และมองไปรอบดูเหมือนว่ามิราน่าคงจะหลับไปแล้ว บรรดาภูติน้อยก็เช่นกัน และนั่นคงถึงเวลาที่ฉันควรจะเดินทางต่อแล้ว
“หิวอะไรมั้ย” อาเธอร์หันมาถามฉันพร้อมกับจูงมือของฉันไว้
“ก็นิดหน่อยนะ”
“งั้น เราไปหาผลไม้แถวนี้ทานกัน”
“อื้ม” ฉันพยักหน้าตอบและเดินจูงมือกับอาเธอร์เพื่อเดินทางกันต่อ ฉันรู้ว่าในตอนนี้มันคือความสุขที่ไม่อาจจะหาที่ไหนแต่ว่า เหตุการณ์หลังจากนี้อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้ ตลอดการเดินทางในช่วงเช้านี้เราได้เล่นหยอกล้อกันบ้างตามประสาคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
และอาเธอร์เองก็พยายามเอาอกเอาใจฉันอย่างเต็มที่ และแสดงความรักให้อก่กันบ้างราวกับว่าบนโลกใบนี้มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้น เราเดินมาเรื่อยๆมาจนถึงธารน้ำเล็กเราหยุดพักที่นี่ และทันใดนั้นเองฉันก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เหมือนมีบางคนพยายามจ้องมองพวกเราอยู่ แต่ฉันก็ไม่เห็นอะไรส่วนตัวอาเธอร์เองก็ดูเหมือนว่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“อาเธอร์ช่วยรอฉันอยู่ตรงนี้สักครู่นะเดี๋ยวฉันกลับมา”
“ได้ครับที่รัก”
ฉันเดินแยกตัวออกมาทางด้านขวาที่ฉันคิดว่าคนที่จ้องมองฉันอยู่อาจจะหลบซ่อนอยู่แถวๆ
“นั่นใคร?” ฉันลองตะโกนถามออกไปทันใดนั้นเองก็มีวิญญาณของหญิงสาวปรากฎขึ้นต่อหน้าฉัน เธอสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ ใหญ่จนสามารถปิดบังใบหน้าของเธอได้
“เธอเป็นใคร”
“ฉันคือเวโรนิก้า ภรรยาเก่าของลูเซียสฉันมาที่นี่เพื่อจะบอกคำทำนายเกี่ยวกับอนาคตของเธอรวมถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเธอ”
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...”
“ตอนนี้ลูเซียสวางแผนจะลักพาตัวเธอฉันอยากให้เธอระวังตัวให้ดี และอีกเรื่องหนึ่งเธอจะตั้งท้องบุตรชายที่เป็นสายเลือดแห่งกษัตริย์ เค้าจะนำความหายนะมาสู่ราชวงศ์แพนดรากอนเด็กคนนี้จะสังหารบิดามารดาของเค้าและอาณาจักรคาเมรอทจะต้องล้มสลาย”
“ฉันจะท้องงั้นหรอ.....”
“แต่เธอจงอย่าลืมว่าอนาคตมีทางเปลี่ยนแปลงได้เสมอ”
“ใช่” ฉันพยักหน้าพรางเอากุมกุมท้องเอาไว้ด้วย
“ฉันมั่นใจว่าเธอจะต้องหาทางแก้ไว้ได้แน่”
“ฉันขอถามอะไรหน่อย”
“ได้สิ”
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
“หลังจากที่ลูเซียสเห็นเธอเมื่อหลายปีก่อน เค้าก็วางแผนที่จะทำให้เธอไปเป็นของเค้าแต่ติดที่ยังมีฉันอยู่เค้าจึงใช้กริชของเค้าแทงไปที่หัวใจของฉันอย่างเลือดเย็น และใช้ให้เฮดิสนำร่างของฉันไปโยนที่หน้าผา ฉันโกรธแค้นมากและสาบานไว้กับตัวเองว่าจะไม่ไปไหนจนกว่าฉันจะได้ล้างแค้นลูเซียสให้สมกับที่เค้าทำไว้กับฉัน”
(ทางด้านของเจเนวีฟ ณ พระราชวังแห่งเพนดรากอน)
ณ ตอนนี้เจ้าหญิงเจเนวีฟพระคู่หมั้นแสนสวยของกษัตริย์อาเธอร์กำลังสวมชุดเจ้าสุดหรูที่ตกแต่งไปด้วยทองคำขาวบริสุทธิ์และเพชรนานาชนิด ทำให้ชุดของเธอเปล่งประกายได้อย่างงดงามและเป็นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับใครที่พบเห็น พร้อมกับมงกุฎเพชรที่ประดิษฐ์ประดอยอย่างละเอียดที่ทำให้เข้ากับชุดเจ้าสาวได้อย่างดีเยี่ยม
“ชุดดีพอดีหรือยังเพคะ” คนใช้คนสนิทของเจเนวีฟกล่าว
“พอดีแล้วละ แต่ฉันว่าเราน่าจะรัดตรงช่วงเอวเข้าอีกหน่อย เพื่อฉันจะได้ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของใครๆว่าเป็นเจ้าสาวที่พุ่งย้วยไม่รูป”
“แต่หม่อมฉันว่ารัดประมานก็เหมาะดีแล้วนี่เพคะ ถ้าเกิดรัดมากไปกว่านี้พระองค์อาจจะหายใจลำบากได้นะเพคะ”
“ก็จริงอยู่นะ ว่าแต่อาเธอร์จะกลับมาเมื่อไหร่เจ้ารู้มั้ย” เจเนวีฟพูดไปพร้อมกับถือกระจกบานขึ้นมาเพื่อชมความงามของตนเอง
“หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ”
“เฮ้อ ไปอยู่ไหนกันนะ พระคู่หมั้นที่รักของฉันปล่อยให้ฉันเหงาอยู่คนเดียวได้ยังไงกัน”
“หม่อมฉันว่าถ้าพระองค์หมั่นอธิษฐาน ท่านอาเธอร์อาจจะกลับมาในเร็ววันก็ได้”
“หึ มันไม่ช่วยอะไรเลย เว้นแต่.........”
“เว้นแต่อะไรหรือเพคะ”
“เว้นแต่เจ้าหญิงมอร์กาน่าน้องสาวสุดที่รักของอาเธอร์สิ้นพระชนย์ละ ไม่สิต้องบอกว่าอาการของเจ้าหญิงมอร์กาน่าแย่ลงมากๆเกรงว่าอีกไม่นานนางคงจะไม่รอด แบบนี้น่าจะดีกว่า” เจเนวีฟเหยียดยิ้มอย่างพอใจในแผนการของนาง จากนั้นนางจึงเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งของนางพร้อมกับหยิบขวดยาบางอย่างที่กลุ่มควันจางๆอยู่ข้างในออกมาจากลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง
“แต่ว่าเจ้าหญิงเพคะ ถ้าให้นางสูดมากกว่านี้นางอาจจะตายได้นะเพคะ”
“ฉันรู้อยู่แล้วละ ข้าแค่อยากจะเอาสิ่งไปซ่อนไว้ให้ไกลจากที่นี่เพราะถ้าหากอาเธอร์กลับมาถึงที่นี่และจับได้ขึ้นมาละก็เราได้จบไม่สวยแน่ เอ้า รับไปจัดการซะ” เจเนวีฟส่งขวดยานี้ให้กับสาวใช้ของนาง สาวใช้รับยานี้มาด้วยความไม่เต็มใจนัก
และรีบเดินออกมาจากห้องของเจเนวีฟ ส่วนเจเนวีฟเองก็มานั่งครุ่นคิดถึงวันที่อาเธอร์เดินทางออกจากเมืองนี้ไป นางจำได้ว่าบนเรือแห่งนี้มีแม่มดสาวคนหนึ่งติดตามไปกับอาเธอร์ด้วย จึงทำให้นางเกิดอาการระแวงกลัวว่าอาเธอร์จะนอกใจนางเพราะแม่มดตนนั้นมีรูปโฉมที่งดงามที่สุดที่เท่าแม่มดตนไหนจะมี ซึ่งมันทำให้นางโกรธแค้นขึ้นไปอีกกลัวว่าอาเธอร์จะหลงสเน่ห์แม่มดตนนี้ เจเนวีฟจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ชั้นหนังสือเพื่อเปิดประตูไปยังห้องลับของนางที่นางแอบสร้างเอาไว้ในช่วงที่อาเธอร์ไปรบ
ภายห้องลับของนางเต็มไปด้วยตำราเวทย์มนต์ดำ หม้อปรุงยา รวมทั้งเครื่องปรุงต่างๆที่ใช้ในการปรุงยา นางเดินเข้าไปและหยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมาซึ่งมันเป็นตำราที่บันทึกสูตรยาเสน่ห์เอาไว้ นางคิดจะใช้มันในการมัดใจอาเธอร์ให้อยู่หมัด และจากนั้นนางก็หยิบตำราขึ้นมาอีกหนึ่งเล่มซึ่งตำราเล่มนี้มีสูตรในการทำยาพิษนางคิดจะใช้ยาตัวนี้เพื่อสังหารแม่มดสาวที่ติดตามไปกับอาเธอร์ เผื่อถ้าอาเธอร์ตกหลุมรักนางเมื่อนางจำเป็นจะต้องใช้วิธีนี้...................
(จบเรื่องราวของ : เจเนวีฟ)
นับตั้งแต่ที่ฉันเจอกับเวโรนิก้านี่ก็ผ่านมาได้หลายชั่วโมงแล้วจวบจนจะได้เวลากลางคืนอีกแล้ว เฮ้อ ช่วงเวลาแห่งการเดินทางใกล้สิ้นสุดเข้ามาแล้ว เวโรนิก้าเธอเล่าให้ฉันฟังต่ออีกว่า ให้เราระวังแม่มดดำเอาไว้ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าคือแม่มดดำคนไหนหรืออย่างไร
“เฮ้อ ที่รักผมเหนื่อยแล้ว”
“เหนื่อยอะไรกัน นี่กลายเป็นคนอ่อนแอไปแล้วงั้นหรอ”
“เปล่าสักหน่อย ผมแค่รู้สึกเพลียเฉยๆเหมือนกับว่าเมื่อคืนนี้พักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอน่ะ”
“อดทนอีกหน่อยนะ อาเธอร์เดินอีกสักพักก็จะได้พักแล้ว” ฉันรีบคว้ามือของคนข้างๆและรีบพาเดินไปต่อ
“เมลิซ่าผมเคยคิดนะ ถ้าเรากลับไปที่อาณาจักรแล้ว ผมจะถอนหมั้นกับเจเนวีฟแล้วมาแต่งงานกับคุณ”
“แบบนั้นคุณก็ทำร้ายเจเนวีฟสิ”
“ถึงมันจะเป็นทางเลือกที่เจ็บปวดแต่ก็ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว และอีกอย่างผมก็จะได้อยู่กับคนที่ผมรัก แต่งงานกันและมีลูกด้วยกันไง” อาเธอร์หันมายิ้มให้กับฉันราวกับว่ามันคือความสุขที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่นั่นไม่ใช่สำหรับฉันเพราะถ้ามันเป็นไปตามคำทำนายจริงๆ ฉันก็ไม่อาจจะใช้ชีวิตคู่กับเค้าได้จริงๆ ฉันจึงหันไปฝืนยิ้มให้เค้าแสร้งทำเป็นว่าฉันเองก็มีความสุขแบบนั้นเช่นกัน
“แล้วครอบครัวของเจเนวีฟละ เธอจะตอบพวกเค้าไปว่ายังไงในเมื่อเธอจะถอนหมั้นกับเจเนวีฟ”
“ก็คงต้องบอกไปตามความเป็นจริงนั่นแหละ แต่ผมก็เคยคุยกับพ่อของเจเนวีฟนะ ว่าผมไม่ได้รักลูกสาวของท่านเลยแต่เราหมั้นเพราะว่ามันเป็นหน้าที่ และเป็นคำสั่งของท่านพ่อที่อยากให้ทั้งสองเมืองรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน”
“อื้ม นั่นสินะ” ฉันกุมมือของอาเธอร์จนแน่นและเดินทางต่อเพราะฉันรู้สึกว่าเวลาของเราสองคนมันใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว และดวงอาทิตย์ของวันนี้ก็ใกล้จะลับฟ้าแล้วเช่นกัน
“ที่รัก แถวนี้มีบ่อน้ำหรือทะเลสาบมั้ย ผมรู้สึกตัวเหนียวไปหมดแล้ว”
“น่าจะมีอยู่นะ ขอฉันลองเดินหาสักหน่อยจะดีกว่าเดี๋ยวเธอเดินไปทางนี้นะ ฉันส่วนฉันจะไปอีกทางแล้วเราจะกลับมาเจอกันที่ตรงนี้” ฉันชี้ทางบอกให้อาเธอร์เสร็จแล้วจึงเดินแยกตัวออกมาเพื่อหาแหล่งน้ำ ฉันรีบมองหาแหล่งน้ำเพราะนี่ก็ใกล้ค่ำแล้วถ้าเราหาช้ากว่านี้อาจจะไม่ได้อาบน้ำและอยู่แบบนี้ต่อไปจนกว่าจะหาแหล่งน้ำพบ
เมื่อพยายามหาจนทั่วบริเวณแต่ก็ไม่พบจนทำให้ฉันตัดใจและเดินกลับมายังจุดนัดพบของฉันกับอาเธอร์ แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ฉันถึงกับช็อคไป ภาพของอาเธอร์ที่กำลังชักดาบออกมาเพื่อจะต่อสู้กับผู้ชายสองคนที่อยู่ตรงหน้า ผู้ชายสองคนนั้นมีผมสีดำ และนัยน์ตาสีเทา สวมชุดสีดำที่ดูสุภาพ และชายทั้งสองก็เล็งความสนใจมาทางฉัน ส่วนอาเธอร์ก็รีบเข้ามายืนทางด้านหน้าของฉันเพื่อจะป้องกันฉันเอาไว้
“นั่นไงละท่านพี่ หญิงสาวที่ท่านต้องการ”
“อื้ม ใช่....จัดการเธอซะ” ทันทีที่สิ้นเสียงของชายคนนั้นอาเธอร์ก็หันมาเล่นงานฉันแทน เดี๋ยวนะนี่มันอะไรกัน อาเธอร์ไม่น่าจะใช่แบบนี้นี่ อาเธอร์ต่อยเข้าไปที่ท้องน้อยของฉันอย่างเต็มแรงจนทำให้ฉันล้มลงไปกับพื้น และภาพสุดท้ายที่ฉันเห็นก็คืออาเธอร์กำลังทำร้ายฉันและทุกอย่างก็มืดสนิท.......
(ณ ป่าภูติพรายในเวลาต่อมา)
มิราน่าที่รู้สึกถึงรางร้ายจึงใช้เวทย์มนต์ของเธอเสกกระจกวิเศษขึ้นมาจากธารน้ำของเธอเพื่อดูว่าเลิซ่าและอาเธอร์เป็นอย่างไร และก็ตามที่เธอรู้สึกเธอเห็นลูเซียสและเฮดิสกำลังลักพาตัวเมลิซ่าไป โดยใช้ตัวปลอมของอาเธอร์ในการทำร้ายเมลิซ่าให้หมดสติไป ดังนั้นมิราน่าจึงรีบหาร่างของอาเธอร์ตัวจริงที่เธอคิดว่าน่าจะอยู่แถวนั้น
เธอพยายามมองหาไปเรื่อยจนกระทั่งได้เห็นร่างของอาเธอร์ที่อยู่ในสภาพปางตายบริเวณชายป่า เมื่อเห็นว่ากลัวจะไม่ทันการ เธอจึงรีบไปยังที่เกิดเหตุทันทีและด้วยพลังของมิราน่าเธอจึงสามารถไปไหนมาไหนได้ผ่านต้นไม้ในป่าแห่งนี้ เมื่อไปถึงยังที่เกิดเหตุอาเธอร์ที่อยู่ในสภาพปางตายจากการโดนกริชของลูเซียสแทงเข้าที่ช่วงท้อง
เธอรีบรอช้าพาอาเธอร์กลับไปยังป่าแห่งภูติพรายทันทีเพื่อทำการรักษา และให้เหล่าภูติตัวน้อยของเธอแจ้งข่าวไปยังลูอิสกับพวกทหารอาเธอร์ให้รีบมาที่นี่
“พวกเจ้าทั้งหลายจงรีบแจ้งข่าวไปยังลูอิสให้พวกเค้าพาพวกของเค้ามายังที่นี่ เพราะข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับพวกเค้า”
“แต่ว่ามันใกล้มากเลยนะ ท่านมิร่าน่าข้าเกรงว่าอาจจะไม่ทันการ” มิราน่าพยักหน้าลงและเสกอะไรบางอย่างขึ้นมา มันเป็นเมล็ดพืชเล็กๆแต่สามารถเรืองแสงได้
“ท่านมิราน่านี่มัน...”
“ใช่ เจ้าจงโยนเมล็ดนี้ลงพื้นและใช้พลังของเจ้าทำให้มันเจริญเติบโตขึ้น มันจะสร้างประตูมิติให้พวกเค้ามายังที่นี่ได้ จงรีบไปเถิด” เมื่อสิ้นสุดประโยคเหล่าภูติน้อยจึงรีบไปหาพรรคพวกของลูอิสเพื่อแจ้งข่าวทันที ส่วนมิราน่าก็ใช้พลังจากต้นไม้ในการรักษาอาเธอร์ นางจะไม่ให้ชายหนุ่มที่พึ่งจะสาบานรักกับคนรักของเค้าจะต้องตายไปโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
มิราน่ามองไปที่กระจกวิเศษของนางเห็นเหล่าภูติน้อยกำลังพูดคุยกับลูอิสอยู่พอดีซึ่งสีหน้าท่าทางของทุกคนดูตกใจกันอย่างมาก แต่ก็ไม่ทันจะได้พูดอะไรมากเพราะภูติน้อยต้องการให้พวกเค้ามาคุยกับตัวมิราน่าเองโดยตรง จากนั้นภูติน้อยจึงทำการปลูกเมล็ดพืชวิเศษและพาพวกเค้ามายังป่าแห่งภูติพรายแห่งนี้ เพื่อจะพูดคุยและวางแผนเกี่ยวกับลูเซียสที่ลักพาตัวเมลิซ่าไป และเมื่อพวกลูอิสมาถึงยังป่าแห่งภูติพราย จึงไม่รีบรอช้ารีบเดินตรงไปหามิราน่าที่กำลังรักษาอาเธอร์อยู่
“ท่านเป็นยังไงบ้างท่านมิราน่า”
“ถ้าข้าไปช้ากว่านี้อาจจะไม่รอด แต่ก็เหมือนฟ้าลิขิตให้ข้าได้เห็นเค้าและพาเค้ามารักษาที่นี่ได้ทันการ”
“ข้าคงต้องขอขอบคุณท่านมาก” เซอร์เบดิเวียร์กล่าวขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก”
“ว่าแต่ใครกันที่ทำร้ายอาเธอร์” เมอร์ลินกล่าว
“ลูเซียส ลูเซียสไปพบเมลิซ่ากับอาเธอร์จัดการกับอาเธอร์ก่อนและสร้างอาเธอร์ตัวปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกเมลิซ่า”
“ลูเซียสต้องการอะไรกันแน่” ลูอิสกล่าวขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าสงสัย
“พวกเจ้าก็น่าจะรู้ในเรื่องความงามของเมลิซ่าดี” เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งลูอิส เซอร์เบดิเวียร์ และเมอร์ลินจึงหันมามองหน้ากันทันที
“แล้วเราควรจะทำกันยังไงดี ถ้าอาเธอร์รู้เรื่องนี้เค้าคงต้องรีบออกตามหาท่านเมลิซ่าแน่นอน” เมอร์ลินกล่าวขึ้น
“เพราะเหตุนี้ข้าจึงจำเป็นต้องให้เจ้าช่วยเมอร์ลิน ใช้เวทย์มนต์ของเจ้าช่วยข้าให้รักษาอาเธอร์ได้เร็วขึ้น”
“ตกลง” เมอร์ลินพยักหน้าพร้อมกับตรงไปที่ร่างของอาเธอร์พร้อมกับมิราน่าและทำการรักษาอาเธอร์ต่อ ส่วนพวกทหาร ลูอิส และเซอร์เบดิเวียร์ก็ได้จัดเตรียมอาวุธให้พร้อมที่จะรับมือกับลูเซียสกันอย่างเต็มที่แม้พวกเค้าอาจจะไม่รู้ว่าพลังของลูเซียสมีมากมายเพียงใด แต่พวกเค้าก็พร้อมที่จะรับมือกับลูเซียส
(ณ คฤหาสน์ลูเซียส)
ราวกับฝันร้ายที่กลายเป็นจริงฉันไม่เคยคิดว่าอาเธอร์จะหันกลับมาทำร้ายฉัน ฉันรู้สึกได้ว่านั่นต้องเป็นอาเธอร์ตัวปลอม เพราะตัวลูเซียสเองจงใจจะให้พวกเราแตกแยกและทำลายความรักของฉันกับอาเธอร์ รวมถึงคำสาบานอันศักดิ์สิทธิ์ที่ป่าแห่งภูติพราย ใช่
เพราะไม่เคยมีคู่รักคนใดที่ทำลายล้างพลังแห่งคำสาบานรักที่ป่าแห่งภูติพรายได้ ดังนั้นลูเซียสจึงต้องการจะทำลายมันโดยใช้ฉัน ฉันรู้สึกเจ็บใจมากแต่ก็คงไม่เท่ากับความแค้นของเวโรนิก้าที่มีต่อลูเซียส และในตอนนี้ฉันตื่นขึ้นมาในห้องนอนของใครบางคน ห้องนอนนี้ถูกจัดแต่งไว้อย่างหรูหราและดูสง่า อีกทั้งทั้งห้องนี้ถูกฉาบไปด้วยสีดำทมิฬ
“ตื่นแล้วรึคนสวยของข้า” ลูเซียสที่ยืนอิงอยู่ที่ประตูพูดกับฉัน
“หึ” ฉันเบือนหน้าหันไปมองทางอื่นเพื่อหลบหน้าลูเซียสทำให้ลูเซียสต้องเดินเข้ามาหาฉันและนั่งลงที่ขอบเตียง
“ไม่เอาน่ายอดรัก ข้าแค่อยากให้เจ้าได้มาอยู่เป็นหวานใจของข้าก็เท่านั้นเอง” ลูเซียสเชยคางฉันเพื่อให้หันมามองหน้าของเขา
“ฉันยอมตายดีกว่าเป็นภรรยาของเจ้าซะอีกลูเซียส” ฉันเหยียดยิ้มเล็กน้อย
“หึ ไม่ต้องห่วงหรอก ยอดรักของข้าเพราะเจ้าจะได้รู้สึกราวกว่ากับว่าตายทั้งเป็นอยู่แล้วยอดรัก” ลูเซียสบีบคางของฉันแน่นพรางเหลือบมองมาที่สร้อยเพชรที่คอของฉันและหยิบมันขึ้นมาดู
“ช่างเป็นสร้อยที่งดงามเสียนี่กระไร แต่ก็คงไม่งามไปกว่าเครื่องประดับอีกมากมายที่ข้าสามารถหามาให้เจ้าได้หรอกยอดรัก”
“ต่อให้มีเพชรที่สวยงามมากมายเพียงใด ก็ไม่มีอะไรที่จะมีค่าเท่ากับสร้อยเส้นนี้หรอก” ฉันปัดมือของลูเซียสออกจากสร้อยของฉัน
“ดูเหมือนว่ากำลังอยากจะลองดีกับข้านะยอดรัก ก็ได้ในเมื่อถ้าเจ้าต้องการข้าก็จะจัดให้” ขณะที่ลูเซียสกำลังจะจับกดฉันลงกับเตียงฉันจึงใช้เท้าทั้งสองข้างถีบไปที่กลางท้องของลูเซียสอย่างเต็มแรงและวิ่งออกไปทางประตู
“หนอย!!!!!! ดื้อด้านนัก!!!!!!” ลูเซียสตะวาดเสียงดังด้วยความโกรธและรีบเดินตามหลังฉันมา ส่วนฉันที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นมากกว่าเดิม ฉันวิ่งหนีไปเรื่อยจนพบเข้ากับห้องนอนอีกห้องของใครบางคนเข้า ฉันพยายามมองหน้าหน้าต่างและคิดจะใช้หน้าต่างของห้องนี้แหละในการหนีออกไป
“คิดจะหนีพี่ข้ามันไม่ง่ายนักหรอก” เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากหลัง
“หึ ถึงยังไงฉันก็จะหนี” เมื่อฉันพูดจบชายคนนี้จึงเหลือบมองไปที่ระเบียงทางเดินก่อนจะปิดประตูอย่างช้า และหันมาหาฉันอีกครั้ง
“เฮ้อ ข้าละเบื่อพี่ข้าจริงๆ เอ่อ ลืมไปข้าขอแนะนำตัวข้าชื่อว่าเฮดิสเป็นน้องชายของลูเซียส”
“อื้ม เรื่องนั้นฉันพอจะรู้....”
“แต่ว่าตอนนี้ข้าว่าเจ้าไปแอบในตู้เสื้อผ้าของข้าดีกว่าเพราะว่าพี่ชายของข้าอาจจะมาตามหาที่ห้องนี้ได้”
“จะให้ฉันเชื่อเธอได้ยังไง”
“เอาเป็นว่าข้าเองก็แค้นลูเซียสเหมือนกัน”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“เฮดิส!!! เปิดประตูให้ข้า!!” เสียงของลูเซียสที่ตะโกนดังมาจากข้างนอกห้องทำให้ฉันต้องวิ่งหนีเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าของเฮดิสซึ่งพอจะมีรูเล็กให้ฉันมองออกไปได้ ก่อนที่เฮดิสจะเปิดประตูห้องให้ลูเซียสเข้ามา
“เจ้าเห็นนางนั่นมั้ยเฮดิส!!!”
“ข้าไม่เห็นนางเลยท่านพี่”
“เจ้าแน่ใจรึ”
“ข้าแน่ใจ อีกอย่างนึงข้าอยู่แต่ในห้องนั่งอ่านตำราของข้าอยู่” เฮดิสชี้ไปที่กองตำราที่อยู่บนโต๊ะของเขา
“แล้วไปข้ามารบกวนแค่นี้แหละ” จากนั้นลูเซียสจึงเดินจากไปส่วนเฮดิสเมื่อเห็นดังนั้นจึงค่อยๆปิดประตูอย่างใจเย็นและล็อคประตูทันที
“เฮ้อ เจ้าออกมาได้แล้ว” เมื่อได้ยินเฮดิสพูดดังนั้นฉันจึงค่อยๆก้าวเท้าออกมาจากตู้เสื้อผ้า
“ทำไมถึงช่วยฉัน”
“เพราะว่าในอนาคตเราจะต้องเจอกันอีก อีกอย่างเธอคงจะเจอกับเวโรนิก้าแล้วใช่มั้ย”
“ใช่ ว่าแต่เวโรนิก้านางเคยเป็นแม่มดขาวมาก่อนใช่มั้ย”
“ใช่ นางเป็นแม่มดขาวที่สามารถมองเห็นอนาคตได้”
“แล้วนางบอกอะไรกับเจ้า”
“ลูกสาวของเจ้า ข้าจะได้พบนาง”
“เดี๋ยวนะ!! ฉันจะมีลูกสาวงั้นหรอ”
“ใช่ เจ้าจะมีลูกสาวคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวที่เกิดจากอาเธอร์ และอีกอย่างหนึ่งที่เวโรนิก้าบอกข้าอีกอย่างคือข้าคือลูกเขยเจ้า”
“เฮ้อ ขำตายละ ว่าแต่เจ้าจะพาข้าหนีออกจากที่นี่ได้มั้ย”
“ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ทางที่ดีข้าจะพาเจ้าไปอยู่ในห้องขังใต้ดินก่อน ส่วนข้าจะคอยหลอกล่อลูเซียสเองเพราะตัวลูเซียสเองฉลาดไม่ทันข้าอยู่แล้ว”
“จะเอาแบบนั้นก็ได้ขอแค่ไม่ต้องมาอยู่เตียงเดียวกับลูเซียสก็พอมันทำให้ฉันรู้สึกคลื่นไส้”
“เอาเถอะ สาวๆหลายคนชอบพี่ข้านะ แต่นิสัยพี่ข้าจะไม่ทำให้สาวๆถูกใจสักเท่าไหร่ก็เอาเถอะ ครั้งนี้ถือว่าเจ้าติดหนี้ข้า ไว้คราวหน้าเจ้าช่วยตอบแทนข้าหน่อยละกัน”
“ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นก็ย่อมได้”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ