The Witches : Red Witch
9.0
เขียนโดย Kyoso12
วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.55 น.
11 ตอน
19 วิจารณ์
14.30K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 11.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) การเปลี่ยนแปลงของหัวใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ในเช้าวันรุ่งขึ้นเราออกเดินทางกันต่อโดยในวันนี้เราจำเป็นจะต้องข้ามแม่น้ำที่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่านางเงือกทำเอาทหารแต่ละคนตื่นเต้นกันยกใหญ่พวกเค้าจะหารู้มั้ยว่านางเงือกไม่ได้มีแค่นางเงือกแสนดีแบบที่เรารู้จักกันหรอกนะ เพราะถ้าเป็นนางเงือกที่อยู่ทางทะเลใหญ่เพื่อจะข้ามไปยังถ้ำบาซิลิสนั้นเป็นนางเงือกดุร้าย
“ว่าแต่ลูอิสทำไมเราต้องไปทางแม่น้ำที่นางเงือกอาศัยอยู่ด้วย”
“เพราะว่ามันเป็นเส้นทางเดียวที่ทำให้เราไปยังถ้ำบาซิลิสได้เร็วที่สุด”
“ก็จริงนะ แต่ว่าพวกทหารพวกนี้อาจจะตายใจเพราะนางเงือกที่นี่ก็เป็นได้”
“นั่นสินะ แต่เอาเป็นว่าพอเราไปถึงยังแม่น้ำก็พักสักครู่หนึ่งให้เราได้วางแผนกันอีกครั้งก่อนที่พวกเราจะออกเดินทางกัน ข้าว่าท่านเมลิซ่าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก” ลูอิสตบไหล่ของเพื่อเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ว่าแต่พวกเอลฟ์ละ”
“ไม่ต้องห่วงข้าส่งจดหมายไปขอความร่วมมือเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพวกเค้าจะตามมาสมทบทีหลัง”
“ขอบใจมากลูอิส”
“ไม่เป็นหรอก สำหรับท่านเมลิซ่าข้ายินดีช่วยท่านเสมอ ว่าแต่ท่านอาเธอร์ละ แลเค้าจะสนใจท่านมากเลยนะ”
“เค้าก็แค่เด็กที่ยังอยู่ในความฝันก็เท่านั้นแหละลูอิส”
“ระวังท่านเองจะโดนเด็กกินเอานะ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิลูอิส”
“ช่างเหอะ ท่านเมลิซ่าเอาเป็นว่าเราพักกันสักครู่ที่นี่ดีกว่า” ลูอิสชี้ไปยังแม่น้ำซึ่งตอนนี้เหล่านางเงือกก็กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นเองก็มีนางเงือกคนหนึ่งหันมาทางเราและตะโกนขึ้น
“ท่านเมลิซ่า!!! ท่านลูอิส!!” นางเงือกนางนี้ เธอชื่อคาร่าเธอเป็นนางเงือกสาวที่มีนิสัยขี้เล่นน่ารัก เป็นน้องเล็กสุดในบรรดาพี่น้องสามคนของเธอ คาเรน แครร์รี่ คาร่า
“พวกนายดูสิ!! นางเงือกละ!!” พวกทหารต่างพากันดีใจกันยกใหญ่พร้อมกับวางสัมภาระและวิ่งกรูกันเข้าไปเพื่อไปพูดคุยกับเหล่านางเงือก ส่วนเมอร์ลินก็เหมือนจะรู้สึกเอือมระอาพอๆเซอร์เบดิเวียร์ที่ต่างพากันกุมหัวกับอาการของเหล่าทหารที่พามาด้วย ส่วนลูอิสก็เดินเข้าไปทักทายกับเหล่านางเงือกเช่นกัน
ส่วนฉันก็ขอแยกตัวไปหามุมเงียบๆสงบๆคนเดียวเพราะว่าถ้าพักแถวๆนี้คงได้หนวกหูตายแน่ ฉันเดินแยกออกมาเข้าไปทางต้นไม้เพื่อจะหาเงาของต้นไม้ จะได้นั่งพักได้อย่างสบายใจ เมื่อได้ที่แล้วฉันจึงค่อยๆนั่งลงและพยายามหลับตาลงเพื่อทำใจให้สงบ
“แอบหนีมานั่งคนเดียวแบบนี้ ไม่กลัวโดนฉุดรึไง” จู่ๆอาเธอร์ก็มาอยู่ตรงหน้าฉันพูดขึ้นให้ตายสิจะหนีจากเค้าไม่ได้เลยรึไง
“ฉันอยากจะนั่งพักคนเดียวไม่ได้รึไง”
“ไม่ได้ ตราบใดที่ไม่มีผมอยู่ด้วย” อาเธอร์ยิ้มระรื่นพร้อมกับนั่งลงข้างหน้าฉัน
“เฮ้อ จะเอาอะไรจากฉันอีก”
“ก็เล่นเกมของคุณไง” ไม่รอช้าอาเธอร์ก็รีบใช้มือทั้งสองข้างกุมข้อมือของฉันไว้
“เดี๋ยวสิ!!”
“ทำไมละไม่ชอบแบบนี้หรอหรือว่าชอบแบบนี้ละ” อาเธอร์ขึ้นมาค่อมบนขาของฉันและจัดการไซร้ไปที่ต้นคออย่างดุเดือด
“อาเธอร์ ฉันบอกว่าไม่ไง!!!”
“ทำไมละ เห็นเมื่อคืนคุณก็ดูชอบนี่”
“ฉันไม่ได้ชอบ!!”
“ถ้างั้นผมก็คงต้องรุกต่อสินะ ผมจะทำแบบนี้จนกว่าคุณจะชอบ”
“ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ชอบหรอกนะอาเธอร์ อีกอย่างฉันไม่ได้ต้องการคนที่คอยบังคับฉันให้ทำนู่นทำนี่หรอกนะ ฉันต้องการคนที่เข้าใจว่าฉันต้องการอะไร ถ้าขืนทำแบบนี้ฉันจะยิ่งเกลียดเธอรู้มั้ย”
“ขอโทษ” อาเธอร์ค่อยปล่อยข้อมือของฉันและถอยห่างออกมานั่งข้างๆฉัน
“...” ฉันเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ส่วนอาเธอร์เองก็ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ละความพยายาม เค้าเอนตัวลงเพื่อนอนบนตักของฉัน
“นอนแบบนี้สบายดีเหมือนกันนะ”
“งั้นหรอ..”
“โอ๊ย!!!” ฉันแกล้งลุกขึ้นทำให้หัวของอาเธอร์กระแทกกับพื้น ฉันจึงเดินหนีออกไปจากบริเวณนั้น ปล่อยให้อาเธอร์ร้องโอยครวญด้วยความเจ็บอยู่ตรงนั้น ช่วยไม่ได้เค้าเป็นคนเริ่มก่อนเอง และเมื่อฉันออกมาถึงจุดพักของพวกลูอิส ก็ต้องตกตะลึงเพราะทุกคนกำลังวุ่นวายกับการปรากฎตัวของยักษ์ไซครอป ส่วนพวกนางเงือกก็พากันหนีลงน้ำไป พวกทหารเองก็เตรียมพร้อมตั้งท่าจะสู้แต่ดูเหมือนยักษ์ไซครอปจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะจัดการด้วยง่ายอีกอย่าง ทหารพวกนี้ไม่เคยเจอยักษ์ไซครอปมาก่อน!!
“ทุกคนอย่าเข้าไปใกล้มัน!!!” ลูอิสตะโกนขึ้น ทำให้อาเธอร์ที่วิ่งตามออกมา ชักดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ของเค้าออกมาและยืนด้านหน้าของฉันเอาไว้ ราวกับว่าพยายามจะปกป้องฉันให้ได้ แต่ขอโทษด้วยนะพอดีว่าพลังเวทย์มนต์ของฉันมันมีมากพอที่จะปราบไซครอปได้อย่างสบาย ฉันจึงแตะไปที่ไหล่ของอาเธอร์และก้าวออกไปข้างเตรียมที่จะร่ายเวทย์มนต์
“ท่านเมลิซ่า ท่านอาเธอร์ระวัง!!!!” เมอร์ลินตะโกนขึ้น จากนั้นฉันก็รู้สึกได้ถึงแรงกระชากฉันให้ลอยเหนือพื้น ใช่ ทั้งฉันและอาเธอร์พวกโดนตัวอะไรบางฉุดขึ้น และเราบินออกไปจากที่ตรงนั้น
“กริฟฟอนงั้นรึ” ลูอิสกล่าว
“ไม่ต้องห่วงลูอิส!! ฉันจะหาทางกลับมาพบกับพวกเจ้าให้ได้!!!” ฉันตะโกนบอกลูอิสในขณะที่อาเธอร์พยายามใช้ดาบแกว่งไปแกว่งมาเพื่อจะจัดการกริฟฟอนให้แต่ก็ไม่เป็นผล
“อย่าทำแบบนั้นเลยอาเธอร์ เปล่าประโยชน์!!!”
“แล้วจะทำยังไงกันเล่า!!! ตอนนี้พวกเราถูกแยกจากพวกนั้นมาไกลมากแล้วนะ!!!”
“แต่นี่มันสูงเกินไป ถ้าเราล่วงลงไปเราก็ต้องตายทั้งคู่!!!!”
“แล้วจะทำยังไงละ!!!”
“ให้ฉันคิดก่อนได้มั้ย!!!” ฉันตะโกนบอกไปเพื่อให้อาเธอร์หยุดถามสักที ฉันต้องใช้สมาธิอย่างมากเลยข้อแรกกริฟฟอนเป็นสัตว์ที่เป็นมิตรไม่เคยทำร้ายใคร และสองกริฟฟอนตัวนี้น่าจะถูกควบคุมอยู่ ฉันจึงพยายามมองไปที่คอหรือลูกตาของกริฟฟอนตัวนี้ กริฟฟอนตัวนี้สีดำ
และนั่นไง!! ใช่!! ที่คอของกริฟฟอนมีสร้อยคออยู่และสร้อยเส้นนี้เป็นคริสตัลวิเศษที่สามารถใส่เวทย์มนต์เข้าไปได้ฉันขอเดาว่าลูเซียสต้องใช้คริสตัลควบคุมซึ่งถ้าฉันได้สร้อยนี่มาฉันอาจจะใช้ประโยชน์จากมันได้ ฉันจึงพยายามเอื้อมมือไปที่คอของกริฟฟอนตัวนี้แต่ก็ไม่ถึง
เมื่ออาเธอร์เห็นว่าฉันพยายามเอื้อมมือไปที่คอของกริฟฟอนเค้าจึงใช้ดาบของเค้าตัดสร้อยคอของกริฟฟอนออก!!! ทำให้กริฟฟอนตัวนี้ได้สติกลับคืนมาและดูเหมือนว่ามันจะตกใจมากทำให้เผลอปล่อยพวกเราให้ล่วงลงมา อาเธอร์จึงพยายามคว้าตัวฉันเข้ามากอดไว้
“ถ้าเราถึงพื้นเธอจะต้องรอดเมลิซ่า!!!”
“ไม่!!! เราจะต้องรอดทั้งคู่!!!” ฉันร่ายเวทย์มนต์ไปที่คริสตัลเพื่อสร้างโล่ป้องกันให้พวกเรา และดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเราคริสตัลสร้างโล่ป้องกันออกมาห่อหุ่มพวกเราสองคนเอาไว้ แต่ก็ไม่นานเพราะแรงเสียดทานที่มีมากเกินไป ทำให้คริสตัลแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างของเราทั้งคู่กระแทกลงกับพื้นข้างล่าง ตัวฉันเองไม่เป็นอะไรมากส่วนอาเธอร์อาการแย่มากเพราะเค้าใช้ตัวเองรองรับฉันเอาไว้ ฉันตั้งสติและรีบเข้าไปดูอาการของเค้า
“อาเธอร์!!! ให้ตายสิทำไมต้องทำแบบนี้!!!” ฉันเข้าไปพยุงตัวเข้าเพื่อให้เค้าได้นั่งอิงกับต้นไม้
“ก็เพราะผมอยากให้คุณปลอดภัยไง”
“ใช่เรื่องมั้ยแบบนี้!! ฉันจะตายยังไงก็ได้!! แต่เธอเป็นกษัตริย์นะอาเธอร์ถ้าเธอตายขึ้นมาใครจะดูแลอาณาจักรของเธอละ อาเธอร์!!!”
“ไม่ว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่าคุณหรอกเมลิซ่า” เมื่ออาเธอร์พูดจบฉันจึงพยายามก้มหน้าเพื่อหลบตาของเค้าและใช้เวทย์มนต์ของฉันในการรักษาเค้า
“เมลิซ่า...”
“...”
“พูดกับผมหน่อย เมลิซ่า”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดและอีกอย่างช่วยเงียบระหว่างที่ฉันกำลังรักษาด้วย” ตอนนี้ฉันพยายามจะไม่พูดอะไรโต้ตอบอาเธอร์ เพราะฉันรู้ตัวเองดีว่าถ้าโต้ตอบออกไปเค้าจะอาจจะรู้ว่าในใจของฉันตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงเค้าเหลือเกิน ฉันห่วงเค้าเพราะว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้นฉันจะต้องให้เค้ารอดกลับไปเพราะไปช่วยเหลือน้องสาวของเค้า ปกครองอาณาจักรต่อไป และกลับไปอยู่กับหญิงที่คู่ควรกับเค้าอย่างเจเนวีฟ
“ผมรู้นะว่าตัวคุณเอง ก็เริ่มชอบผมแล้ว ผมอยากให้คุณเปิดใจยอมรับผมและปล่อยความรู้สึกของคุณออกมาเมลิซ่า แค่ตอนอยู่ที่นี่ก็ได้เมลิซ่า”
“ฉันไม่...” ยังไม่ทันจะได้พูดจบอาเธอร์ก็ใช้มือทั้งสองข้างกดหัวของฉันลงมาเพื่อจุมพิศอย่างอ่อนโยน ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันร้อนแรงของเค้าและเสียงของหัวใจที่เต้นรัว มันจูบที่ทำให้ฉันอ่อนไหวได้โดยง่าย และหัวใจของฉันตอนนี้ก็เริ่มเต้นแรงเช่นกัน อาเธอร์ใช้มือทั้งสองข้างเลื่อนลงมาเพื่อกอดรัดฉันให้เข้าใกล้เค้ามากขึ้น และกอดรัดฉันเอาไว้ราวกับว่าฉันจะหายไปจากเค้า
จากจูบที่อ่อนโยนเริ่มเปลี่ยนกลายเป้นจูบที่ร้อนแรงมากขึ้น มันทำให้สติของฉันเริ่มเลื่อนลอยไม่อาจจะต้านทานความรู้สึกนี้ได้ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเค้าจะเป็นคนที่ทำให้ฉันได้ลิ้มรสความรู้สึกอันหอมหวานนี้ได้ ความรักในแบบที่ฉันไม่เคยสัมผัส ไม่เคยคิดที่จะรับรู้เพราะฉันต่อต้านมันมาตลอดฉันรู้ว่ามันอาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เราจะอยู่ด้วยกัน และฉันคิดว่าเพียงเท่านี้สำหรับแม่มดอย่างฉันก็เพียงพอแล้ว ฉันใช้มือทั้งสองข้างผละหน้าอกของเค้าออกเพื่อบอกให้คนที่ตรงหน้าพอได้แล้ว
“ขอต่ออีกนิดนึงได้มั้ย” อาเธอร์จ้องหน้าฉันด้วยสายตายั่วยวน
“ไม่ละ ฉันพอใจแล้วและก็อีกอย่างหนึ่งฉันต้องรักษาเธอให้หายก่อนนะ”
“ได้สิ” อาเธอร์นั่งมองฉันไปยิ้มไป และไม่พูดอะไรจนฉันรักษาเค้าจนเสร็จ ฉันยอมรับว่าตอนนี้ฉันเริ่มหลงรักเค้าแล้ว ไม่ใช่เพราะรูปร่างหรือหน้าตาแต่เป็นสิ่งที่เค้าทำให้กับฉันไม่ว่าจะเป็นการช่วยชีวิตฉันบนเรือหรือแม้กระทั่งพยายามปกป้องฉันจากกริฟฟอน และความอ่อนแอที่เค้าแสดงให้ฉันได้เห็น
“ว่าแต่เมลิซ่า”
“ว่า”
“คุณรักผมมั้ย”
“ไม่”
“ไม่สักนิดเลยหรอ”
“ไม่”
“ปากแข็ง”
“หึ” ฉันเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่ดูเหมือนว่าอาเธอร์จะไม่ยอมอาเธอร์จับกดฉันให้นอนราบกับพื้นหญ้าและใช้มือทั้งสองข้างกดข้อมือของฉันเอาไว้
“ถ้าเป็นแบบนี้คุณจะยังกล้าปฎิเสธผมอยู่รึเปล่า” เมื่ออาเธอร์พูดจบ อาเธอร์จึงเริ่มไซร้ที่ต้นคอของฉัน
“อาเธอร์หยุด!!!” ฉันสั่งคนที่อยู่ตรงหน้าแต่ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ยอมหยุดเอาง่ายๆ เค้าเริ่มไซร้คออย่างรุนแรงจนฉันรู้สึกเจ็บที่ต้นคอไปหมด และยังไม่พอเค้ารวบมือทั้งสองข้างของฉันมารวมกันไว้และใช้มืออีกข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่ต้นขาของฉัน
“อาเธอร์หยุด!!! ฉันบอกว่าให้ยุดไง!!!” ฉันถีบไปกลางอกของอาเธอร์จึงทำให้เค้ากระเด็นออกไปจากตัวฉัน
“มันเจ็บนะ!!!”
“แล้วเธอคิดว่าฉันจะไม่เจ็บบ้างรึไง!!”
“ขอโทษ.....ผมเผลอตัวไปหน่อย”
“ไม่มีครั้งที่สองแล้วอาเธอร์ ถ้าเธอยังทำแบบนี้อีกเธอจะไม่เห็นฉันอีกเลย” ฉันรีบลุกขึ้นและเดินต่อไปทันที ส่วนอาเธอร์ก็รีบลุกตามมาติดๆ
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ” อาเธอร์เดินมาประกบข้างๆฉัน
“ก็ไปตามทางเรื่อยๆกว่าจะได้เจอกับกลุ่มก็คงถึงถ้ำบาซิลิสก่อนนั่นแหละ เพราะระยะทางที่เราจะกลับไปหากลุ่มกับทางที่ไปถ้ำบาซิลิสมันก็พอๆกันเลย”
“อื้ม แล้วเรื่องเมื่อสักครู่ผมขอโทษนะ”
“ไม่ ฉันไม่รับคำขอโทษ”
“ทำไมละเมลิซ่า อันที่จริงคุณเองถ้าบอกว่าชอบผมตั้งแต่แรกก็ไม่โดนแล้ว” ทันที่อาเธอร์พูดจบประโยคฉันก็ตบไปที่หน้าของเค้าอย่างจัง
“โอ๊ยยยยยยยยย!!! เจ็บนะทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย!!”
“ช่วยไม่ได้นี่”
“โธ่ เมลิซ่าเลิกปากแข็งเถอะนะ เราอยู่กันแค่สองคนตรงนี้ไม่จำเป็นอายใครหรอกน่า”
“เกมของเราพึ่งเริ่มได้ไม่นานเองอาเธอร์ เพราะฉะนั้นเลิกพูดและเดินตามมาซะ”
“ก็ได้...” อาเธอร์ทำหน้าไม่พอใจและเดินตามฉันมาแต่โดยดี
(ณ คฤหาสน์ลูเซียส)
ในขณะนั้นลูเซียสกำลังครุ่นคิดบางอย่างเกี่ยวเมลิซ่าที่รอดจากแผนการของเขาไป มันทำให้เขาโมโหมาก จนแทบควบคุมสติไม่อยู่แต่ก็ต้องเล่าถึงประวัติของตัวลูเซียสเองเสียก่อน ลูเซียส เกิดในตระกูลของผู้ใช้เวทย์มนต์ดำ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสามรถใช้เวทย์มนต์ดำได้อย่างชำนาญไม่นับรวมเวทย์มนต์ที่มีมากมายมหาศาลหลังจากที่เขาได้ทำสัญญากับปีศาจ โดยตัวลูเซียสเองนั้นก็มีพี่น้องทั้งหมดหนึ่งคนซึ่งเป็นน้องชายของเขา ชื่อของเขาก็คือ เฮดิส ซึ่งตัวนิสัยของเฮดิสเองก็แตกต่างจากพี่ชายของเขาอย่างสิ้นเชิง
ลูเซียสมีนิสัยที่โหดร้ายและเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงเขาต้องการสิ่งใดเขาก็ต้องได้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะใช้ไม่ได้ผลกับเมลิซ่าซึ่งมันทำให้เขาโมโหเอามากๆ ส่วนเฮดิสเป็นคนฉลาด สุขุม ไม่หัวร้อนเหมือนกับลูเซียส ดังนั้นเฮดิสจึงเปรียบเสมือนคนให้คำปรึกษาแก่ลูเซียส
โครม!!!!!!!!
เสียงข้าวของที่กระจัดกระจายไปทั่วห้องเพราะความโมโหของลูเซียส ส่วนเฮดิสเองก็รู้สึกเอือมระอาในนิสัยของพี่ชายของตน
“พี่ข้า ข้าว่าท่านใจเย็นก่อนจะดีมั้ย”
“จะให้ข้าใจเย็นได้ยังไง!!! ก็นังแม่มดนั่น!!! มันหลุดมือข้าไป!!”
“ข้าว่าท่านประเมินนความฉลาดของนางต่ำไป อีกทั้งพลังของนางเองก็ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ”
“แล้วจะให้ข้าจัดการอย่างไรเฮดิส!!!”
“ทำไมท่านถึงไม่หลอกล่อให้นางตายใจ แล้วก็ลักพาตัวนางมาที่นี่ละท่านพี่”
“หื่ม ทีแรกข้าก็คิดแบบนั้นแต่ดูเหมือนว่านางยังคงไม่ปักใจรักเจ้ามนุษย์นั่นเท่าไหร่” ลูเซียสเดินไปกระจกวิเษที่ใช้ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเมลิซ่า
“แต่ว่าท่านพี่เส้นทางที่นางกำลังจะไปนี่มัน.....”
“ใช่แล้วน้องข้า เส้นทางที่นางกำลังไป มันจะนำทางไปที่ป่าแห่งภูติพรายซึ่งที่นั่นมันจะทำให้แผนของเราง่ายขึ้นเข้าไปอีก......”
“อย่าบอกนะว่าท่านจะ....”
“ก็อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละน้องพี่ ป่าแห่งภูติพรายแห่งนี้มันคือปฎิญาณรักของเหล่าหนุ่มสาวที่ต้องการจะครองคู่ไปจนตลอดนิรันดร์แม้ตายความตายก็ไม่อาจจะแยกพวกออกจากกันได้ แต่พวกเค้าอาจจะคิดผิดเพราะข้าสามารถเปลี่ยนชะตากรรมนี้ได้” ลูเซียสเหยียดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกพึงพอใจกับแผนการของเขามาก ส่วนเฮดิสเองก็ไม่อาจจะห้ามปรามอะไรพี่ชายได้ เพราะถ้าเกิดเขาขัดขืนพี่ชายของเขาตัวเขาเองอาจจะต้องมีอันตรายถึงชีวิต
“ว่าแต่ลูอิสทำไมเราต้องไปทางแม่น้ำที่นางเงือกอาศัยอยู่ด้วย”
“เพราะว่ามันเป็นเส้นทางเดียวที่ทำให้เราไปยังถ้ำบาซิลิสได้เร็วที่สุด”
“ก็จริงนะ แต่ว่าพวกทหารพวกนี้อาจจะตายใจเพราะนางเงือกที่นี่ก็เป็นได้”
“นั่นสินะ แต่เอาเป็นว่าพอเราไปถึงยังแม่น้ำก็พักสักครู่หนึ่งให้เราได้วางแผนกันอีกครั้งก่อนที่พวกเราจะออกเดินทางกัน ข้าว่าท่านเมลิซ่าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก” ลูอิสตบไหล่ของเพื่อเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ว่าแต่พวกเอลฟ์ละ”
“ไม่ต้องห่วงข้าส่งจดหมายไปขอความร่วมมือเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพวกเค้าจะตามมาสมทบทีหลัง”
“ขอบใจมากลูอิส”
“ไม่เป็นหรอก สำหรับท่านเมลิซ่าข้ายินดีช่วยท่านเสมอ ว่าแต่ท่านอาเธอร์ละ แลเค้าจะสนใจท่านมากเลยนะ”
“เค้าก็แค่เด็กที่ยังอยู่ในความฝันก็เท่านั้นแหละลูอิส”
“ระวังท่านเองจะโดนเด็กกินเอานะ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิลูอิส”
“ช่างเหอะ ท่านเมลิซ่าเอาเป็นว่าเราพักกันสักครู่ที่นี่ดีกว่า” ลูอิสชี้ไปยังแม่น้ำซึ่งตอนนี้เหล่านางเงือกก็กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นเองก็มีนางเงือกคนหนึ่งหันมาทางเราและตะโกนขึ้น
“ท่านเมลิซ่า!!! ท่านลูอิส!!” นางเงือกนางนี้ เธอชื่อคาร่าเธอเป็นนางเงือกสาวที่มีนิสัยขี้เล่นน่ารัก เป็นน้องเล็กสุดในบรรดาพี่น้องสามคนของเธอ คาเรน แครร์รี่ คาร่า
“พวกนายดูสิ!! นางเงือกละ!!” พวกทหารต่างพากันดีใจกันยกใหญ่พร้อมกับวางสัมภาระและวิ่งกรูกันเข้าไปเพื่อไปพูดคุยกับเหล่านางเงือก ส่วนเมอร์ลินก็เหมือนจะรู้สึกเอือมระอาพอๆเซอร์เบดิเวียร์ที่ต่างพากันกุมหัวกับอาการของเหล่าทหารที่พามาด้วย ส่วนลูอิสก็เดินเข้าไปทักทายกับเหล่านางเงือกเช่นกัน
ส่วนฉันก็ขอแยกตัวไปหามุมเงียบๆสงบๆคนเดียวเพราะว่าถ้าพักแถวๆนี้คงได้หนวกหูตายแน่ ฉันเดินแยกออกมาเข้าไปทางต้นไม้เพื่อจะหาเงาของต้นไม้ จะได้นั่งพักได้อย่างสบายใจ เมื่อได้ที่แล้วฉันจึงค่อยๆนั่งลงและพยายามหลับตาลงเพื่อทำใจให้สงบ
“แอบหนีมานั่งคนเดียวแบบนี้ ไม่กลัวโดนฉุดรึไง” จู่ๆอาเธอร์ก็มาอยู่ตรงหน้าฉันพูดขึ้นให้ตายสิจะหนีจากเค้าไม่ได้เลยรึไง
“ฉันอยากจะนั่งพักคนเดียวไม่ได้รึไง”
“ไม่ได้ ตราบใดที่ไม่มีผมอยู่ด้วย” อาเธอร์ยิ้มระรื่นพร้อมกับนั่งลงข้างหน้าฉัน
“เฮ้อ จะเอาอะไรจากฉันอีก”
“ก็เล่นเกมของคุณไง” ไม่รอช้าอาเธอร์ก็รีบใช้มือทั้งสองข้างกุมข้อมือของฉันไว้
“เดี๋ยวสิ!!”
“ทำไมละไม่ชอบแบบนี้หรอหรือว่าชอบแบบนี้ละ” อาเธอร์ขึ้นมาค่อมบนขาของฉันและจัดการไซร้ไปที่ต้นคออย่างดุเดือด
“อาเธอร์ ฉันบอกว่าไม่ไง!!!”
“ทำไมละ เห็นเมื่อคืนคุณก็ดูชอบนี่”
“ฉันไม่ได้ชอบ!!”
“ถ้างั้นผมก็คงต้องรุกต่อสินะ ผมจะทำแบบนี้จนกว่าคุณจะชอบ”
“ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ชอบหรอกนะอาเธอร์ อีกอย่างฉันไม่ได้ต้องการคนที่คอยบังคับฉันให้ทำนู่นทำนี่หรอกนะ ฉันต้องการคนที่เข้าใจว่าฉันต้องการอะไร ถ้าขืนทำแบบนี้ฉันจะยิ่งเกลียดเธอรู้มั้ย”
“ขอโทษ” อาเธอร์ค่อยปล่อยข้อมือของฉันและถอยห่างออกมานั่งข้างๆฉัน
“...” ฉันเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ส่วนอาเธอร์เองก็ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ละความพยายาม เค้าเอนตัวลงเพื่อนอนบนตักของฉัน
“นอนแบบนี้สบายดีเหมือนกันนะ”
“งั้นหรอ..”
“โอ๊ย!!!” ฉันแกล้งลุกขึ้นทำให้หัวของอาเธอร์กระแทกกับพื้น ฉันจึงเดินหนีออกไปจากบริเวณนั้น ปล่อยให้อาเธอร์ร้องโอยครวญด้วยความเจ็บอยู่ตรงนั้น ช่วยไม่ได้เค้าเป็นคนเริ่มก่อนเอง และเมื่อฉันออกมาถึงจุดพักของพวกลูอิส ก็ต้องตกตะลึงเพราะทุกคนกำลังวุ่นวายกับการปรากฎตัวของยักษ์ไซครอป ส่วนพวกนางเงือกก็พากันหนีลงน้ำไป พวกทหารเองก็เตรียมพร้อมตั้งท่าจะสู้แต่ดูเหมือนยักษ์ไซครอปจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะจัดการด้วยง่ายอีกอย่าง ทหารพวกนี้ไม่เคยเจอยักษ์ไซครอปมาก่อน!!
“ทุกคนอย่าเข้าไปใกล้มัน!!!” ลูอิสตะโกนขึ้น ทำให้อาเธอร์ที่วิ่งตามออกมา ชักดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ของเค้าออกมาและยืนด้านหน้าของฉันเอาไว้ ราวกับว่าพยายามจะปกป้องฉันให้ได้ แต่ขอโทษด้วยนะพอดีว่าพลังเวทย์มนต์ของฉันมันมีมากพอที่จะปราบไซครอปได้อย่างสบาย ฉันจึงแตะไปที่ไหล่ของอาเธอร์และก้าวออกไปข้างเตรียมที่จะร่ายเวทย์มนต์
“ท่านเมลิซ่า ท่านอาเธอร์ระวัง!!!!” เมอร์ลินตะโกนขึ้น จากนั้นฉันก็รู้สึกได้ถึงแรงกระชากฉันให้ลอยเหนือพื้น ใช่ ทั้งฉันและอาเธอร์พวกโดนตัวอะไรบางฉุดขึ้น และเราบินออกไปจากที่ตรงนั้น
“กริฟฟอนงั้นรึ” ลูอิสกล่าว
“ไม่ต้องห่วงลูอิส!! ฉันจะหาทางกลับมาพบกับพวกเจ้าให้ได้!!!” ฉันตะโกนบอกลูอิสในขณะที่อาเธอร์พยายามใช้ดาบแกว่งไปแกว่งมาเพื่อจะจัดการกริฟฟอนให้แต่ก็ไม่เป็นผล
“อย่าทำแบบนั้นเลยอาเธอร์ เปล่าประโยชน์!!!”
“แล้วจะทำยังไงกันเล่า!!! ตอนนี้พวกเราถูกแยกจากพวกนั้นมาไกลมากแล้วนะ!!!”
“แต่นี่มันสูงเกินไป ถ้าเราล่วงลงไปเราก็ต้องตายทั้งคู่!!!!”
“แล้วจะทำยังไงละ!!!”
“ให้ฉันคิดก่อนได้มั้ย!!!” ฉันตะโกนบอกไปเพื่อให้อาเธอร์หยุดถามสักที ฉันต้องใช้สมาธิอย่างมากเลยข้อแรกกริฟฟอนเป็นสัตว์ที่เป็นมิตรไม่เคยทำร้ายใคร และสองกริฟฟอนตัวนี้น่าจะถูกควบคุมอยู่ ฉันจึงพยายามมองไปที่คอหรือลูกตาของกริฟฟอนตัวนี้ กริฟฟอนตัวนี้สีดำ
และนั่นไง!! ใช่!! ที่คอของกริฟฟอนมีสร้อยคออยู่และสร้อยเส้นนี้เป็นคริสตัลวิเศษที่สามารถใส่เวทย์มนต์เข้าไปได้ฉันขอเดาว่าลูเซียสต้องใช้คริสตัลควบคุมซึ่งถ้าฉันได้สร้อยนี่มาฉันอาจจะใช้ประโยชน์จากมันได้ ฉันจึงพยายามเอื้อมมือไปที่คอของกริฟฟอนตัวนี้แต่ก็ไม่ถึง
เมื่ออาเธอร์เห็นว่าฉันพยายามเอื้อมมือไปที่คอของกริฟฟอนเค้าจึงใช้ดาบของเค้าตัดสร้อยคอของกริฟฟอนออก!!! ทำให้กริฟฟอนตัวนี้ได้สติกลับคืนมาและดูเหมือนว่ามันจะตกใจมากทำให้เผลอปล่อยพวกเราให้ล่วงลงมา อาเธอร์จึงพยายามคว้าตัวฉันเข้ามากอดไว้
“ถ้าเราถึงพื้นเธอจะต้องรอดเมลิซ่า!!!”
“ไม่!!! เราจะต้องรอดทั้งคู่!!!” ฉันร่ายเวทย์มนต์ไปที่คริสตัลเพื่อสร้างโล่ป้องกันให้พวกเรา และดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเราคริสตัลสร้างโล่ป้องกันออกมาห่อหุ่มพวกเราสองคนเอาไว้ แต่ก็ไม่นานเพราะแรงเสียดทานที่มีมากเกินไป ทำให้คริสตัลแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างของเราทั้งคู่กระแทกลงกับพื้นข้างล่าง ตัวฉันเองไม่เป็นอะไรมากส่วนอาเธอร์อาการแย่มากเพราะเค้าใช้ตัวเองรองรับฉันเอาไว้ ฉันตั้งสติและรีบเข้าไปดูอาการของเค้า
“อาเธอร์!!! ให้ตายสิทำไมต้องทำแบบนี้!!!” ฉันเข้าไปพยุงตัวเข้าเพื่อให้เค้าได้นั่งอิงกับต้นไม้
“ก็เพราะผมอยากให้คุณปลอดภัยไง”
“ใช่เรื่องมั้ยแบบนี้!! ฉันจะตายยังไงก็ได้!! แต่เธอเป็นกษัตริย์นะอาเธอร์ถ้าเธอตายขึ้นมาใครจะดูแลอาณาจักรของเธอละ อาเธอร์!!!”
“ไม่ว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่าคุณหรอกเมลิซ่า” เมื่ออาเธอร์พูดจบฉันจึงพยายามก้มหน้าเพื่อหลบตาของเค้าและใช้เวทย์มนต์ของฉันในการรักษาเค้า
“เมลิซ่า...”
“...”
“พูดกับผมหน่อย เมลิซ่า”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดและอีกอย่างช่วยเงียบระหว่างที่ฉันกำลังรักษาด้วย” ตอนนี้ฉันพยายามจะไม่พูดอะไรโต้ตอบอาเธอร์ เพราะฉันรู้ตัวเองดีว่าถ้าโต้ตอบออกไปเค้าจะอาจจะรู้ว่าในใจของฉันตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงเค้าเหลือเกิน ฉันห่วงเค้าเพราะว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้นฉันจะต้องให้เค้ารอดกลับไปเพราะไปช่วยเหลือน้องสาวของเค้า ปกครองอาณาจักรต่อไป และกลับไปอยู่กับหญิงที่คู่ควรกับเค้าอย่างเจเนวีฟ
“ผมรู้นะว่าตัวคุณเอง ก็เริ่มชอบผมแล้ว ผมอยากให้คุณเปิดใจยอมรับผมและปล่อยความรู้สึกของคุณออกมาเมลิซ่า แค่ตอนอยู่ที่นี่ก็ได้เมลิซ่า”
“ฉันไม่...” ยังไม่ทันจะได้พูดจบอาเธอร์ก็ใช้มือทั้งสองข้างกดหัวของฉันลงมาเพื่อจุมพิศอย่างอ่อนโยน ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันร้อนแรงของเค้าและเสียงของหัวใจที่เต้นรัว มันจูบที่ทำให้ฉันอ่อนไหวได้โดยง่าย และหัวใจของฉันตอนนี้ก็เริ่มเต้นแรงเช่นกัน อาเธอร์ใช้มือทั้งสองข้างเลื่อนลงมาเพื่อกอดรัดฉันให้เข้าใกล้เค้ามากขึ้น และกอดรัดฉันเอาไว้ราวกับว่าฉันจะหายไปจากเค้า
จากจูบที่อ่อนโยนเริ่มเปลี่ยนกลายเป้นจูบที่ร้อนแรงมากขึ้น มันทำให้สติของฉันเริ่มเลื่อนลอยไม่อาจจะต้านทานความรู้สึกนี้ได้ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเค้าจะเป็นคนที่ทำให้ฉันได้ลิ้มรสความรู้สึกอันหอมหวานนี้ได้ ความรักในแบบที่ฉันไม่เคยสัมผัส ไม่เคยคิดที่จะรับรู้เพราะฉันต่อต้านมันมาตลอดฉันรู้ว่ามันอาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เราจะอยู่ด้วยกัน และฉันคิดว่าเพียงเท่านี้สำหรับแม่มดอย่างฉันก็เพียงพอแล้ว ฉันใช้มือทั้งสองข้างผละหน้าอกของเค้าออกเพื่อบอกให้คนที่ตรงหน้าพอได้แล้ว
“ขอต่ออีกนิดนึงได้มั้ย” อาเธอร์จ้องหน้าฉันด้วยสายตายั่วยวน
“ไม่ละ ฉันพอใจแล้วและก็อีกอย่างหนึ่งฉันต้องรักษาเธอให้หายก่อนนะ”
“ได้สิ” อาเธอร์นั่งมองฉันไปยิ้มไป และไม่พูดอะไรจนฉันรักษาเค้าจนเสร็จ ฉันยอมรับว่าตอนนี้ฉันเริ่มหลงรักเค้าแล้ว ไม่ใช่เพราะรูปร่างหรือหน้าตาแต่เป็นสิ่งที่เค้าทำให้กับฉันไม่ว่าจะเป็นการช่วยชีวิตฉันบนเรือหรือแม้กระทั่งพยายามปกป้องฉันจากกริฟฟอน และความอ่อนแอที่เค้าแสดงให้ฉันได้เห็น
“ว่าแต่เมลิซ่า”
“ว่า”
“คุณรักผมมั้ย”
“ไม่”
“ไม่สักนิดเลยหรอ”
“ไม่”
“ปากแข็ง”
“หึ” ฉันเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่ดูเหมือนว่าอาเธอร์จะไม่ยอมอาเธอร์จับกดฉันให้นอนราบกับพื้นหญ้าและใช้มือทั้งสองข้างกดข้อมือของฉันเอาไว้
“ถ้าเป็นแบบนี้คุณจะยังกล้าปฎิเสธผมอยู่รึเปล่า” เมื่ออาเธอร์พูดจบ อาเธอร์จึงเริ่มไซร้ที่ต้นคอของฉัน
“อาเธอร์หยุด!!!” ฉันสั่งคนที่อยู่ตรงหน้าแต่ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ยอมหยุดเอาง่ายๆ เค้าเริ่มไซร้คออย่างรุนแรงจนฉันรู้สึกเจ็บที่ต้นคอไปหมด และยังไม่พอเค้ารวบมือทั้งสองข้างของฉันมารวมกันไว้และใช้มืออีกข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่ต้นขาของฉัน
“อาเธอร์หยุด!!! ฉันบอกว่าให้ยุดไง!!!” ฉันถีบไปกลางอกของอาเธอร์จึงทำให้เค้ากระเด็นออกไปจากตัวฉัน
“มันเจ็บนะ!!!”
“แล้วเธอคิดว่าฉันจะไม่เจ็บบ้างรึไง!!”
“ขอโทษ.....ผมเผลอตัวไปหน่อย”
“ไม่มีครั้งที่สองแล้วอาเธอร์ ถ้าเธอยังทำแบบนี้อีกเธอจะไม่เห็นฉันอีกเลย” ฉันรีบลุกขึ้นและเดินต่อไปทันที ส่วนอาเธอร์ก็รีบลุกตามมาติดๆ
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ” อาเธอร์เดินมาประกบข้างๆฉัน
“ก็ไปตามทางเรื่อยๆกว่าจะได้เจอกับกลุ่มก็คงถึงถ้ำบาซิลิสก่อนนั่นแหละ เพราะระยะทางที่เราจะกลับไปหากลุ่มกับทางที่ไปถ้ำบาซิลิสมันก็พอๆกันเลย”
“อื้ม แล้วเรื่องเมื่อสักครู่ผมขอโทษนะ”
“ไม่ ฉันไม่รับคำขอโทษ”
“ทำไมละเมลิซ่า อันที่จริงคุณเองถ้าบอกว่าชอบผมตั้งแต่แรกก็ไม่โดนแล้ว” ทันที่อาเธอร์พูดจบประโยคฉันก็ตบไปที่หน้าของเค้าอย่างจัง
“โอ๊ยยยยยยยยย!!! เจ็บนะทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย!!”
“ช่วยไม่ได้นี่”
“โธ่ เมลิซ่าเลิกปากแข็งเถอะนะ เราอยู่กันแค่สองคนตรงนี้ไม่จำเป็นอายใครหรอกน่า”
“เกมของเราพึ่งเริ่มได้ไม่นานเองอาเธอร์ เพราะฉะนั้นเลิกพูดและเดินตามมาซะ”
“ก็ได้...” อาเธอร์ทำหน้าไม่พอใจและเดินตามฉันมาแต่โดยดี
(ณ คฤหาสน์ลูเซียส)
ในขณะนั้นลูเซียสกำลังครุ่นคิดบางอย่างเกี่ยวเมลิซ่าที่รอดจากแผนการของเขาไป มันทำให้เขาโมโหมาก จนแทบควบคุมสติไม่อยู่แต่ก็ต้องเล่าถึงประวัติของตัวลูเซียสเองเสียก่อน ลูเซียส เกิดในตระกูลของผู้ใช้เวทย์มนต์ดำ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสามรถใช้เวทย์มนต์ดำได้อย่างชำนาญไม่นับรวมเวทย์มนต์ที่มีมากมายมหาศาลหลังจากที่เขาได้ทำสัญญากับปีศาจ โดยตัวลูเซียสเองนั้นก็มีพี่น้องทั้งหมดหนึ่งคนซึ่งเป็นน้องชายของเขา ชื่อของเขาก็คือ เฮดิส ซึ่งตัวนิสัยของเฮดิสเองก็แตกต่างจากพี่ชายของเขาอย่างสิ้นเชิง
ลูเซียสมีนิสัยที่โหดร้ายและเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงเขาต้องการสิ่งใดเขาก็ต้องได้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะใช้ไม่ได้ผลกับเมลิซ่าซึ่งมันทำให้เขาโมโหเอามากๆ ส่วนเฮดิสเป็นคนฉลาด สุขุม ไม่หัวร้อนเหมือนกับลูเซียส ดังนั้นเฮดิสจึงเปรียบเสมือนคนให้คำปรึกษาแก่ลูเซียส
โครม!!!!!!!!
เสียงข้าวของที่กระจัดกระจายไปทั่วห้องเพราะความโมโหของลูเซียส ส่วนเฮดิสเองก็รู้สึกเอือมระอาในนิสัยของพี่ชายของตน
“พี่ข้า ข้าว่าท่านใจเย็นก่อนจะดีมั้ย”
“จะให้ข้าใจเย็นได้ยังไง!!! ก็นังแม่มดนั่น!!! มันหลุดมือข้าไป!!”
“ข้าว่าท่านประเมินนความฉลาดของนางต่ำไป อีกทั้งพลังของนางเองก็ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ”
“แล้วจะให้ข้าจัดการอย่างไรเฮดิส!!!”
“ทำไมท่านถึงไม่หลอกล่อให้นางตายใจ แล้วก็ลักพาตัวนางมาที่นี่ละท่านพี่”
“หื่ม ทีแรกข้าก็คิดแบบนั้นแต่ดูเหมือนว่านางยังคงไม่ปักใจรักเจ้ามนุษย์นั่นเท่าไหร่” ลูเซียสเดินไปกระจกวิเษที่ใช้ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเมลิซ่า
“แต่ว่าท่านพี่เส้นทางที่นางกำลังจะไปนี่มัน.....”
“ใช่แล้วน้องข้า เส้นทางที่นางกำลังไป มันจะนำทางไปที่ป่าแห่งภูติพรายซึ่งที่นั่นมันจะทำให้แผนของเราง่ายขึ้นเข้าไปอีก......”
“อย่าบอกนะว่าท่านจะ....”
“ก็อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละน้องพี่ ป่าแห่งภูติพรายแห่งนี้มันคือปฎิญาณรักของเหล่าหนุ่มสาวที่ต้องการจะครองคู่ไปจนตลอดนิรันดร์แม้ตายความตายก็ไม่อาจจะแยกพวกออกจากกันได้ แต่พวกเค้าอาจจะคิดผิดเพราะข้าสามารถเปลี่ยนชะตากรรมนี้ได้” ลูเซียสเหยียดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกพึงพอใจกับแผนการของเขามาก ส่วนเฮดิสเองก็ไม่อาจจะห้ามปรามอะไรพี่ชายได้ เพราะถ้าเกิดเขาขัดขืนพี่ชายของเขาตัวเขาเองอาจจะต้องมีอันตรายถึงชีวิต
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ