สาวโอตาคุกู้วิกฤตพิชิตโลก

7.7

เขียนโดย Yaksa

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 01.14 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  16.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 02.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) วิถีชีวิตอันแสนสงบสุข(ได้ไม่นาน)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     หลังจากมาถึงเมืองนี้ผมก็ใช้ชีวิตในโลกใบนี้มาได้เกือบอาทิตย์แล้ว ช่างเป็นความสงบสุขที่ใฝ่หามานาน ปัจจุบันผมก็ยังอาศัยอยู่กับเดเน่และมีงานทำเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่งในเมือง อันที่จริงก็อยากจะเปิดร้านอาหารเองเสียมากกว่าแต่ติดที่ว่าไม่มีทุนและยังไม่รู้ที่ทางดีนัก

     “เจร่า...วันนี้กลับก่อนก็ได้นะ อ๋อ...พรุ่งนี้หยุดนะเพราะร้านปิดน่ะ”

     เจ้าของร้านบอกระหว่างที่ผมกำลังเดินนำจากไปล้างในครัว เธอเป็นผู้หญิงอายุราวสามสิบแต่ก็ยังคงดูสาวอยู่

     “ค่ะ...งั้นอีกซักพักขอกลับก่อนนะคะ”

     “จ๊ะ ส่วนค่าแรงวันนี้...”

     เธอเดินมาตรงหน้าผมและหยิบเหรียญ C และ L มาวางไว้บนฝ่ามือ ปกติค่าแรงของผมคือเหรียญ C เพียงเหรียญเดียวซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 100 เหรียญ แต่ในวันนี้กลับได้เหรียญ L เพิ่มมา ทำให้ผมมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย

     “ค่าอะไรเหรอคะ”

     “อ๋อนี่นะเพิ่มให้เป็นพิเศษน่ะ ยังเด็กอยู่แต่ก็พยายามตั้งใจทำงานดีนะ”

     “อ่า..ค่ะ...”

     “เห็นแล้วฉันก็อยากมีลูกแบบเธอจังน้า...”

     เดเน่เองก็พูดคล้ายๆแบบนี้เลย... เราเนี่ย...น่าเอ็ดดูขนานนั้นเลยเหรอ ควรดีใจไหมนะ?

     “ขอบคุณนะคะ ถ้าจัดการจานพวกนี้เสร็จแล้วขอกลับเลยแล้วกันนะคะ”

     ว่าแล้วผมก็นำค่าแรงในวันนี้ใส่ลงถุงหนังและเก็บเข้ากระเป๋าข้างเอวก่อนจะนำจานไปล้างที่ห้องครัว เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วผมก็ถอดผ้ากันเปื้อนวางไว้

     ตอนนี้ชุดที่ผมสวมอยู่ก็เป็นชุดกระโปรงยาวและสวมเสื้อหนังแขนสั้นทับไว้ช่วงเอวก็มีเข็มขัดสานรัดไว้ แน่นอนว่าทั้งหมดไม่ได้ซื้อมาแต่เป็นของเดเน่ มีเพียงรองเท้าบูทคู่เดิมเท่านั้นที่เป็นของผม

     เนื่องจากว่าผมมีชุดเดียวเธอจึงไปค้นชุดเก่าๆที่เธอเคยสวมมาให้ผมได้ใส่ถึงจะเป็นชุดที่เธอเคยสวมในช่วงรุ่นราวคราวเดียวกับผมแต่ผมสวมแล้วมันรู้สึกหลวมพอสมควรเลย

     ส่วนผ้าคลุมไหล่สีแดงของเอลเซ่ผมไม่นำมาคลุมไหล่ เพราะในช่วงที่สวมมักจะถูกคนมองแบบเคารพแปลกๆ ผมไม่ค่อยชินกับสายตาแบบนั้นเท่าไหร่จึงเก็บมันไว้ในกระเป๋าข้างเอวตลอดเวลาแทน

     ผมกล่าวลาเจ้าของร้านก่อนจะเดินออกมาสู่ถนนยามราตรีเพื่อตรงกลับบ้าน

     สำหรับเรื่องการรวบรวมข้อมูล พอลองไปอ่านหนังสือจากหอสมุดหลายๆแห่งก็พบว่ามีบางเล่มซ้ำกันบ้าง แต่ก็ช่วยประหยัดเวลาและทำให้ผมอ่านหนังสือจากทุกหอสมุดเกือบครบทั้งหมดแล้ว

     จึงพอจะทราบถึงอะไรหลายๆเรื่องมากขึ้น และได้เป็นคนในโลกนี้เต็มตัวเสียที...คิดว่าอย่างนั้นนะ

     ระหว่างที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยผมก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว กุญแจถูกหยิบขึ้นมาไขประตูเหมือทุกวันแต่บางครั้งมันก็ไม่ได้ล็อกเหมือนอย่างวันนี้

     “กลับมาแล้วค่ะ...”

     “อ่า...ยินดีต้อนรับกลับ ทานอะไรมาหรือยัง?”

     เดเน่ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่หันมาเอ่ยทัก เธออยู่ในชุดลำลองเพราะกลับมาถึงบ้านก่อน

     “ยังเลยค่ะ...วันนี้ไม่มีสอนเหรอคะ?”

     ผมถอดรองเท้าเดินเข้าไปวางกระเป๋าที่โต๊ะกลางห้องรับแขก

     “อื้ม...วันนี้มีแค่งานบรรณารักษ์น่ะ”

     “เหนื่อยหน่อยนะคะ”

     “เช่นกันจ๊ะ งั้นเดี๋ยวจะทำอาหารให้นะ”

     ว่าแล้วเธอก็วางหนังสือลุกขึ้นเดินไปที่ห้องครัว ส่วนผมก็เดินไปเปลี่ยนชุดที่ห้องนอนจากนั้นจึงหยิบตะกร้าผ้าที่จะซักเดินลงมา ผมนำมันไปวางไว้หลังบ้านก่อนจะกลับมาล้างมือและช่วยเดเน่ทำอาหาร

     “จะว่าไป...วันพรุ่งนี้ไม่มีงานน่ะค่ะ”

     “อื้ม...พูดถึงเรื่องงานไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”

     “ค่ะ ก็ปกติดี...”

     “คงไม่โดนลูกค้าลวนลามสินะ”

     เธอถามพร้อมกับออกแรงสับผักจนกระทบกับเขียงเกิดเสียงดัง

     “อ่า...ไม่เจอนะคะ...”

     จะว่าไปมีคนแบบนั้นด้วยเหรอ... นึกภาพผู้หญิงทำก็... อืม...

     “ถ้ามีปัญหาอะไรบอกพี่สาวได้เลยนะ”

     แล้วเธอก็กลับไปทำอาหารต่อ ช่างเป็นคำพูดที่ฟังดูแล้วเหมือนจะเอาจริง

     ถึงร้านที่ทำงานอยู่จะเป็นบาร์กลางคืนแต่ผมก็ไม่ได้เข้ากะดึกเสียหน่อย ไม่ทางเกิดปัญหาอะไรแน่นอน อีกเรื่องก็คือไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองคนเดียวหรือเปล่า ในช่วงแรกเดเน่ให้อารมณ์ความเป็นพี่สาวแต่เดเน่ในตอนนี้เหมือนคนเป็นแม่ที่ห่วงลูกสาวมากกว่า

     “หืม...มีอะไรเหรอ”

     “ไม่มีอะไรค่ะ...คุณแม่”

     “อื๋อ...พูดว่าอะไรรึเปล่า?”

     “เปล่านี่คะ...”

 

     ในยามเช้าวันถัดมาผมก็ตื่นขึ้นมาเหมือนปกติ อาบน้ำทานอาหารเช้าแล้วจึงเรียนหนังสือกับเดเน่ในยามว่างเหมือนทุกที พอแต่ทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วเดเน่ก็ขอตัวออกไปทำธุระทำให้เหลือแต่เพียงผมนอนเล่นอยู่ที่บ้าน

     ด้วยความเบื่อหน่ายจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเดินเล่นนอกบ้านบ้างเช่นกัน ระหว่างเดินเล่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง

     “เจร่า...”

     เมื่อหันหลังกลับไปก็พบกับรูปร่างอันคุ้นตาและผ้าคลุมอันคุ้นเคย อีกฝ่ายวิ่งเหยาะๆเข้ามาจับมือพร้อมกับส่งสายตาเป็นประกายผ่านใต้ฮู๊ดที่สวมอยู่มาให้ผม

     “สวัสดีจ๊ะ...ลิซ่า”

     ผมส่งยิ้มอ่อนๆให้อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มกลับมาให้เช่นกัน

     “เจร่ากำลังจะไปไหนเหรอ...”

     “ก็ออกมาเดินเล่นน่ะ...ยังไม่มีจุดหมายหรอก”

     “งั้นฉันก็ไปด้วยคนนะ”

     ลิซ่าพูดพร้อมกับจับมือขวาของผมและออกเดิน ถ้านับครั้งนี้ผมก็พบเธอโดยบังเอิญเป็นครั้งที่สามแล้ว

     “คุ้นเคยกับเมืองบ้างแล้วสินะ”

     “อ่า...สงบสุขดีมากเลยล่ะ”

     พวกเราเดินคุยเล่นกันไปจนถึงถนนเส้นหลัก ผู้คนจำนวนมากเดินสัญจรกันไปมาอีกทั้งยังมีทั้งรถลากเคลื่อนผ่านไป ลิซ่าหยุดเดินมองไปรอบๆก่อนจะจดจ้องไปยังประตูเมืองบานใหญ่

     “จะว่าไป...ฉันอยากออกไปเดินเล่นนอกเมืองจังนะ...”

     ผมมองไปยังปลายสายตาทิศทางเดียวกับลิซ่า

     “งั้นก็ไปกันเถอะ...”

     กล่าวจบผมก็ดึงมืออีกฝ่ายพาเดินไปยังประตูเมือง แต่เหมือนเธอไม่ค่อยอยากจะเดินผ่านตรงนั้นเสียเท่าไหร่ เพราะเธอพยายามสู้แรงผมโดยการพยายามหยุดเดิน

     “เดี๋ยวก่อนๆ ฉันยังไม่อยากผ่าน...ตรงนั้น”

     “ไม่เป็นไรหรอกน่า...ไม่มีอะไรน่ากังวลเสียหน่อย”

     “ตะ...แต่”

     “อยากจะไปเดินเล่นข้างนอกไม่ใช่เหรอ ฉันเองก็อยากจะไปเหมือนกันแหละ”

     ผมพยายามเกลี้ยกล่อมพลางดึงแขนพาลิซ่าเดินไปยังประตูจนในที่สุดก็ยอมชักเท้าออกเดินตามผมมาแต่โดยดี

     ที่ด่านประตูเมืองมีกองทหารบางส่วนประจำการอยู่ พวกเราเดินตรงเข้าไปเพื่อจะผ่านทางและออกจากเมืองไปยังด้านนอก หนึ่งในกองทหารมองมายังผมเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

     “เธอ...”

     เมื่อเธอเอ่ยทักออกมาพวกเราจึงหยุดเดิน ลิซ่าได้แต่จับมือผมนิ่งเงียบอยู่ด้านหลัง ผมมองไปยังผู้ที่เอ่ยเรียก เธอมีใบหน้าคุ้นๆเหมือนผมเคยพบมาก่อน

     “เธอ...แม่ครัวที่หัวหน้าพามาด้วยสินะ”

     จำได้แล้ว...ทหารสาวที่ผมพบครั้งแรกตอนเข้าเมืองมาพร้อมกับพวกเอลเซ่…

     “ค่ะ...มีอะไรเหรอคะ...”

     “เปล่าหรอก จะไปข้างนอกเหรอ?”

     “พอดี...อยากออกไปเดินดูวัตถุดิบที่วางขายด้านนอกน่ะค่ะ”

     เป็นคำโกหกและความจริงรวมอยู่อย่างล่ะครึ่ง...ในสายตาเธอคงมองเราเป็นแม่ครัวจริงๆสินะ...

     “หืม...แล้วที่มาด้วยนั้นเพื่อน?”

     “เอ่อ...เธอค่อนข้างขี้อายน่ะค่ะ...”

     พอมองไปยังลิซ่าที่อยู่ด้านหลังเธอก็กำลังก้มหน้าภายใต้ฮู๊ดและบีบมือผมแน่น

     “เอ่อ...งั้นขอตัวก่อนนะคะ...”

     ผมรีบตัดบทพร้อมกับจูงมือลิซ่าเดินออกมา แม้จะมีสายตาสงสัยจากทหารยามส่งมายังพวกเราบ้างแต่พวกเธอก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ทั้งผมกับลิซ่าจึงเดินออกมานอกเขตเมืองได้อย่างที่หวังไว้

     “เอ่อ...ลิซ่าผ่านด่านตรวจมาแล้วนะ”

     “ระ...เหรอ?”

     เสียงของผมทำให้เธอหยุดเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมาอย่างโล่งใจ

     “เป็นอะไรไปน่ะ...ก็แค่ผ่านด่านตรวจเท่านั้นเองไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย...หรือว่า...”

     “ไม่ๆฉันไม่เคยทำอะไรผิดเลยนะ ...ก็แค่มันจะเป็นเรื่องยุ่งยากน่ะ...”

     “ล้อเล่นน่า...ลิซ่าไม่มีทางทำเรื่องอะไรแบบนั้นหรอกเนอะ…”

     ผมคว้ามือเธอมาก่อนจะพากันออกเดินไปรอบๆ

     พวกเราเดินดูร้านค้าต่างๆที่ตั้งขายของแปลกๆ ผมมองสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนภายนอกแม้จะดูลำบากไปบ้างแต่ก็เป็นชีวิตที่มีความสุขกันดี เศรษฐกิจหลังของเมืองดูเหมือนจะเป็นการค้าขายแลกเปลี่ยนและการทำปศุสัตว์ พอเดินไปไกลๆก็จะมีการทำการเกษตรบ้างบางแห่ง

     ตั้งแต่เดินในพื้นที่ภายนอกเมืองมาลิซ่าก็ถอดฮู๊ดมองดูทุกสิ่งอย่างสนใจ ก็สมกับเป็นขุนนางอย่างเธอดี ที่ไม่เคยออกมาเห็นความเป็นอยู่ของผู้คนภายนอกก็ไม่แปลกเท่าไหร่

     พวกเราหยุดมองเด็กๆเล็กกันในพื้นที่โล้งอยู่พักหนึ่ง แต่พอพวกเธอสังเกตเห็นลิซ่าก็เข้ามาชวนเธอไปร่วมเล่นด้วย เธอก็ตอบตกลงยิ้มแป้นแล้วคว้ามือผมไปเล่นกับเด็กกลุ่มนั้น

     ลิซ่าวิ่งเล่นกับเด็กพวกนั้นอย่างสนุกสนาน ส่วนผมก็หาที่นั่งเล่นกับเด็กๆแทนเพราะไม่มีพลังกายมากพอจะวิ่งไหว เพราะไม่รู้จะเล่นอะไรดีผมจึงหานิทานมาเล่าให้พวกเธอฟังแทนซึ่งก็ได้ผลดีพอสมควรเลย

     ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจำนวนของเด็กสาวกลับมากขึ้นอาจเพราะว่าพวกเราสามารถดึงเด็กๆเข้าหาได้ง่ายล่ะมั้ง จนดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงเรืองรองลิซ่าเดินหอบมาหาผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใส

     “เป็นไงบ้าง...”

     “สนุกมากเลยล่ะ...”

     “อื้ม! ดีแล้วล่ะ...นี้ก็สามโมงกว่าแล้วพวกเรากลับกันเลยไหม”

     “นั้นสินะ...เด็กๆจ๊ะวันนี้พี่สาวกลับก่อนนะ”

     เด็กสาวบางคนก็มีสีหน้าเสียใจบ้างที่พวกเรากำลังจะกลับกัน ลิซ่าจึงย่อตัวลงและลูบตัวเด็กคนนั้น

     “เอาไว้ถ้าพี่สาวว่างเมื่อไหร่จะกลับมาเล่นด้วยนะ”

     แล้วเธอก็ส่งยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นโบกมือลาเหล่าเด็กสาวกลุ่มนั้นผมเองก็เช่นกัน หลังจากออกเดินมาก็กลับสู่ย่านการค้าอีกครั้ง พอมองไปรอบๆก็เห็นพวกวัตถุดิบวางขายอยู่ซึ่งพอดีเลยกับการเลือกซื้อวัตถุดิบไปทำมื้อเย็น

     ผมชวนลิเซ่เข้าไปเลือกซื้อวัตถุดิบเหล่านั้น เธอดูตื่นตากับสิ่งที่เรียงรายอยู่บนแผงลอย สายตาของผมมองไปเห็นผลไม้สีแดงที่วางขายอยู่จึงหยิบมาดู เผื่อจะคิดอาหารที่เหมาะแก่การใช้สิ่งนี้ทำ

     “คุณป้าคะ...ผลเท่าไหร่คะเนี่ย…”

     จะว่าไปไม่มีป้ายบอกราคาเขียนไว้ที่ไหนเลยแฮะ...

     “ผลล่ะ2เหรียญจ๊ะ”

     ถุงหนังถูกหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าข้างเอว ผมเปิดมันเพื่อจะควานหาเหรียญมาจ่าย เหรียญสลักตัว I สองเหรียญถูกวางลงบนฝ่ามือของหญิงสูงวัย

     ผมอ้าปากกัดผลไม้สีแดงในมือ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ

     เหมาะนำไปทำแกงกระหรี่นะเนี่ย...แต่ต้องทำพวกโยเกิร์ตด้วยสินะ...

     “เป็นไงบ้าง?”

     ลิซ่าเอ่ยถามผมด้วยความสนใจผมจึงยืนแอปเปิ้ลให้เธอ อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็อ้าปากกัดจากมือผมทั้งอย่างนั้น

     “อืมๆ... หวานดีนะ...”

     “นั้นสินะ...ถ้าทำแกงกระหรี่เนี่ยคงจะเข้ากันดีทีเดียวเลยล่ะ”

     “จะว่าไปทหารที่ด่านประตูเมืองก็เรียกเจร่าว่าแม่ครัวใช่ม้า...เจาร่าทำอาหารอร่อยไหม?”

     “อืม...ถ้าถามว่าอร่อยไหม ก็คงตอบว่าอร่อยนะแต่ไม่รู้จะถูกปากรึเปล่าน่ะ”

     ผมกล่าวพร้อมกับกัดแอปเปิ้ลในมือ

     “วันหลังทำให้ฉันทานบ้างสิ…”

     “อื้ม...ได้สิ”

 

     หลังจากเลือกซื้อวัตถุดิบมาพอสมควรแล้วผมก็ประคองถุงกระดาษเดินตรงกลับไปภายในเมืองทันที ลิซ่าดึงฮู๊ดขึ้นมาคลุมศีรษะอีกครั้งเมื่อใกล้จะถึงประตูเมือง

     เราเดินผ่านไปอย่างไม่คิดอะไรแต่ก็มีเสียงเรียกผมดังขึ้นมานักรบในชุดเกราะ

     “เจร่า?”

     “ค่ะ?”

     ผมหันไปมองผู้เรียกอย่างสงสัย อีกฝ่ายเห็นสีหน้าของผมก็ถอดหมวกเหล็กออกให้เห็นใบหน้าภายใต้นั้น

     “อ่ะ...คุณเอลเซ่...”

     ทันทีที่เห็นผมสีเงินเป็นประกายและใบหน้าอันคุ้นเคยนั้นผมก็ตรงเข้าไปหาเธอ

     “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เป็นยังไงบ้างล่ะ...”

     “ก็ดีค่ะ...สบายดี...คุณเอลเซ่ล่ะคะ”

     “ก็เรื่อยล่ะนะ เดินตรวจตรา คุมกองทหาร แล้วก็ยังมีฝึกซ้อมอีก...”

     “ลำบากแย่เลย...เหนื่อยหน่อยนะคะ…”

     ผมก้มหัวให้เธออย่างเคารพ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเอลเซ่เองก็สงสัยผู้ที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังผม

     “อะ...อ๋อ นี่เพื่อนของฉันเองค่ะ เธอเป็นคนขี้อายน่ะค่ะ”

     “...สวัสดีค่ะ...”

     ลิซ่ากล่าวทักทายพร้อมทั้งก้มหัวให้แต่เพราะเธอสวมฮู๊ดอยู่เอลเซ่จึงมองไม่เป็นใบหน้าของเธอ

     “สวัสดีเช่นกันจ๊ะ...”

     ในตอนแรกผมก็คิดว่าจะอยู่คุยกับเอลเซ่ต่ออีกซักเล็กน้อยแต่ว่าลิซ่าพยายามดึงเสื้อผมเป็นการบอกว่า ‘อยากรีบไปจากตรงนี้แล้ว’

     “ยังไงก็ขอตัวก่อนนะคะ...”

     “อืม...รักษาตัวด้วยล่ะ”

     ผมจึงใช้มือว่างอยู่คว้ามือขอลิซ่าออกเดิน แต่ยังไม่ทันจะพ้นประตูเมืองก็มีเสียงดังเอะอะมาจากด้านหลัง พอมองกลับไปก็พบว่ามีนักรบควบม้าวิ่งมารายงานอะไรบางอย่างให้เอลเซ่ทราบ

     ท่าทางดูจะเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ผมจึงบอกให้ลิซ่ากลับไปก่อนแล้วจึงเดินกัลบไปหาเอลเซ่

     “มีอะไรกันเหรอคะ...”

     “หน่วยตรวจตราพบว่า...กองทัพออร์คกำลังตรงมายังเมืองนี้นะ”

     “ว่ายังไงนะคะ!... แล้วจะทำยังไงคะเนี่ย...”

     ถ้าผมไม่ศึกษาข้อมูลในโลกนี้ไว้บ้างคงไม่ตกใจอะไร แต่ตอนนี้เป็นเรื่องใหญ่จริงๆแล้ว

     “คงต้องอพยพชาวบ้านเข้ามาหลบหลังกำแพงก่อนล่ะนะ”

     กล่าวจบเอลเซ่ก็สั่งการให้ทหารไปช่วยอพยพชาวบ้านเข้ามาในเมืองและติดต่อเรียกกองกำลังทหารที่อยู่ในค่ายให้มาสนับสนุน ทุกๆอย่างเริ่มวุ่นวายไปหมด

     “มีอะไรกันเหรอ?”

     ลิเซ่เอ่ยถามจากด้านหลัง

     ว่าแต่เธอยังไม่กลับไปอีกเหรอเนี่ย...

     “เอ่อ...กองทัพออร์คกำลังตรงมาที่เมืองน่ะ”

     “แย่แล้วสิ เอลเซ่สั่งการอะไรไปบ้างแล้วล่ะ...”

     “อ่ะเอ่อ...ก็อพยพชาวบ้านแล้วก็เรียกกำลังเสริม”

     อื๋อ...เมื่อครู่เหมือนจะมีอะไรแปลกๆในบทสนทนานะ...

     “แล้ว...กองทัพออร์คพวกนั้นเดินทางมาถึงตรงไหนแล้วล่ะ”

     “ฉันก็ไม่รู้เหมือมกัน...”

     คำตอบนั้นของผมทำให้ลิซ่าเดินตรงผ่านผมไปเหมือนเธอกำลังตรงไปยังคนส่งข่าวที่อยู่หลังม้า ผมรีบวางถุงกระดาษที่ใส่วัตถุดิบไว้ที่ม้านั่งของพวกทหารยาม ก่อนจะเดินตามลิซ่าไป

     “กองทัพออร์คอยู่ห่างเราแค่ไหน?”

     ลิเซ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้เอลเซ่ที่กำลังคุยกันอยู่กับคนส่งข่าวทำสีหน้าแปลกใจขึ้นมา

     “นี่เธอ...เรื่องนี้มันอันตรายนะ เด็กน่ะควรกลับบ้านดีกว่านะ”

     คนส่งข่าวเห็นลิเซ่ก็พูดออกมาแบบนั้น เอลเซ่เองก็เห็นด้วย

     “นั้นสิ...เรากลับเข้าไปในเมืองกันก่อนดีกว่านะ...”

     แน่นอนว่าผมเห็นด้วย ระหว่างที่ผมกำลังดึงแขนของลิซ่าเพื่อให้เธอเดินตามผมมาแต่เธอไม่ขยับไปไหนยังคงเอ่ยซ้ำในคำถามเดิม ซึ่งทำให้นักรบเกราะบนหลังม้าลงมาเพราะหมดความอดทน

     “นี่เด็กน้อย...ถ้าคิดว่านี้เป็นเรื่องเล่นๆล่ะก็...กลับบ้านไปดีกว่านะ”

     “นั้นสินะกลับเข้าไปในเมืองกันเถอะ...”

     ระหว่างที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกันอยู่กำลังเสริมก็มาถึง เอลเซ่สั่งการทั้งหมดนั้นในทันที แต่ก็มีบางคนที่เดินตรงเข้ามาหาพวกเราที่ยืนอยู่อีกทั้งยังเป็นเกราะที่ดูคุ้นตาหนึ่งในนักรบสาวเดินเข้ามาพูดคุยกับเอลเซ่แต่เมื่อสังเกตเห็นผมก็เอยทักขึ้นมา

     “เจร่าไม่ใช่เหรอ? ไม่เจอกันนานนะ”

     เพราะผ้าคลุมไหล่ที่อีกฝ่ายสวมอยู่ผมจึงรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

     “คุณโลเรนเหรอคะ?”

     “อืม...ใช่ อีกสามคนก็มานะ”

     เธอผายมือไปยังอีกสามคนด้านหลัง เผยให้เห็นร่างนักรบในชุดเกราะเหล็กที่ผมเคยร่วมเดินทางด้วย

     “เรื่องทักทายเอาไว้ก่อนนะ เจร่าพาเพื่อนกลับเข้าเมืองไปก่อนเถอะ...”

     เอลเซ่รีบรวบบทสนทนาให้สั้น

     “คะ...ค่ะ...ลิซ่าไปกันเถอะ”

     ผมกำลังจะออกแรงดึงข้อมือของลิซ่าให้เดินตามแต่ทุกคนในที่ต่างส่งเสียงแปลกๆออกมา ประมาณว่า ‘เอ๊ะ!?’ แล้วยืนนิ่งไป

     “เป็นอะไรไปเหรอคะทุกคน…?”

     “...เอ่อ...เธอคนนี้ชื่ออะไรนะ?”

     “ลิซ่าน่ะค่ะ...? ทำไมเหรอ?”

     ทุกคนได้ยินดังนั้นต่างรีบถอดหมวกเหล็กออกและคุกเข่าก้มหน้าลงกับพื้น พร้อมกับวางวางอาวุธไว้ข้างกาย

     “ขออภัยที่เสียมารยาทค่ะ...ท่านลิซ่า!”

     เอลเซ่เอ่ยออกมาทั้งๆที่ยังคงคุกเข่าอยู่ ผมที่กำลังมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้าอยู่นั้นก็ได้แต่เงอะๆงะๆไม่รู้ว่าควรจะทำตามพวกเอลเซ่ดีไหม

     “ยืนขึ้น...”

     ลิซ่ากล่าวพร้อมกับถอดฮู๊ดที่สวมอยู่ออกและสะบัดเส้นผมออกมา ทุกคนต่างยืนขึ้นมาและมองมายังผู้ออกคำสั่ง

     “ข้า... ลิซ่า อาร์ แดฟโฟดิล องค์หญิงลำดับที่ 7 จะขอรับช่วงต่อในการสั่งการทั้งหมดเอง”

     “ค่ะ!!!!!”

     ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ตะโกนตอบรับอย่างสุดเสียง ลิซ่าหันมาจับมือผมพลางยิ้มออกมา

     “ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก...”

     “มะ...ไม่เป็นไรค่ะ...”

     อ๊า~ ขาเหมือนกำลังหมดแรงเลยแฮะ... ชักจะยืนไม่อยู่แล้วสิ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา