Chocolate & Despair
เขียนโดย [NNS]
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.30 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 17.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) Secrets
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ในวันนั้นผมตื่นแต่เช้ารีบแต่งตัวเพื่อไปหาเรย์ผมขึ้นจากสถานีมาที่ลานกว้างเพื่อมาหาเรย์ตามนัดพบ
“10.57”ผมอ่านตัวเลขที่ได้จากนาฬิกาข้อมือผมมาถึงก่อนเวลานัดสามนาทีผมกวาดตามองหาเขาแต่ก็ไม่เจอผมยืนรออยู่ตรงนั้น
ผ่านไปประมาณแค่10นาทีผมก็มองเห็นเด็กผู้ชายผมสีดำกำลังมองผ่านตู้โชว์กระจกไปในร้านแห่งหนึ่ง มันเป็นร้านขายสัตว์เลี้ยง ผมคิดว่าเขาคือเรย์เลยหรอกเดินไปทัก
“เรย์”
เขาหันกลับมาเป็นเรย์จริงๆแฮะแล้วมายืนทำอะไรตรงนี้
“นายมาช้า”เรย์หันมาแล้วพูดอย่างนั้น
“หา???ช้าอะไรละคนที่ช้ามันนายต่างหาก”
“ชั้นมาตังแต่10.40แล้วแล้วก็ยืนอยู่ตรงนี้ตลอด”
“ชั้นมาตอน10.57...แต่นายเล่นหันหน้าจ้องในร้านอย่างนั้นใครจะเห็นละ”
“ช่างมันเถอะ ชั้นหิวแล้วไปหาอะไรกินก่อนเถอะ”เขาพูดแบบนั้นแล้วเดินไปตามทางทันที
“เดี๋ยวสิรอก่อน”ผมรีบตามเขาไปทันที
“นายกินอะไรไม่ได้บ้าง”เขาถามผมมา
“ชั้นไม่ได้เลือกกินอะไรหรอกกินได้หมดแหละ”
“เหรอ”เขาเดินเข้าไปในร้านอาหารครอบครัวร้านหนึ่ง
“...”ผมเดินตามเขาเข้าไป
เราสองคนนั่งลงบนโต๊ะริมกระจกเขานั่งดูดน้ำส้มไม่พูดอะไรระหว่างรออาหาร
“เพลงนั้นนะ”ผมจึงเริ่ใชวนคุยก่อน
“เพลงอะไร”เขามองออกไปนอกร้านไม่ได้หันมาหาผมเลย
“เพลงที่นายร้องบนดาดฟ้าไง”
“...”เขาทำสีหน้าตกใจและหันมามองผมทันทีเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าอื่นของเขานอกจากหน้านิ่งเรียบและหน้าอาฆาต
“ได้ยิน...ด้วยเหรอ”เสียงของเขาแผ่วลงทันที
“อืม The lost one’s weeping สินะเพลงของ Vocaloid”
“ใช่แต่ชั้นไม่รู้หรอกว่าของใครแค่ไปเจอเข้าแล้วจำเนื้อได้แค่นั้น”
ในตอนนั้นอาหารก็โดนยกมาเสริฟพอดีผมสั่งแพนเค้กส่วนเขาสั่งสปาเก็ตตี้
เราเริ่มกินโดยไม่พูดจาอะไรกันแต่แล้วเขาก็พูดออกมาคำหนึ่งซึ่งทำให้ผมทำส้อมในมือหล่นทันทีเลย
“จะไปไหนต่อดีละ”เขามองผมแล้วถามผมออกมา
“หา!!!”
“ชั้นไม่รู้จะไปไหนดีแล้ว”
“นายเรียกชั้นออกมาโดยไม่มีแผนอะไรเลยเนี่ยนะ”
“ชั้นไม่ค่อยมาเดินในเมืองนี่”
“ว่าไปอากาศเริ่มร้อนแล้วชุดแบบนั้นนายไม่ร้อนเหรอ”
ใช่เสื้อของเขาเป็นเสื้อยืดสีดำทับด้วยแจ๊คเก็ตมีฮู้ดสีน้ำเงินตัดลายสีฟ้ากางเกงยีนส์สีดำรองเท้าสีดำตัดลายสีน้ำเงินเป็นการแต่งตัวเรียบแต่อากาศแบบนี้ไม่ค่อยมีคนใส่แจ๊คเก็ตแขนยาวแล้ว
“ช่างเถอะเดี๋ยวชั้นพสเดินเองแล้วกันกินเสร็จแล้วไปคาราโอเกะกัน”
“ก็ไม่ได้รังเกียจ”
พอเราทั้งคู่กินเสร็จก็จ่ายเงินแล้วเดินไปที่ร้านคาราโอเกะ
“ชั้นเลี่ยงเองละกันนะ”ผมเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ส่วนเรย์ก็ยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ตรงนั้น
“เพิ่งเคยมาครั้งแรกเหรอ”ผมที่จ่ายเงินรับไมค์และน้ำดื่มมาแล้วเดินมาถามเขา
“อืม”
“....”ไม่รู้จะพูดอะไรดีเลยยังไงก็พาเขาไปที่ห้องก่อนละกัน
ผมบอกเขาวิธีเลือเพลงการใช้งานอะไรต่างๆเขาฟังอย่างเงียบๆไล่ชื่อเพลงที่รู้จักเพลงที่เขาร้องมีแค่สองเพลงคือ Rolling Girl กับ The lost one’s weeping
จากนั้นเขาก็บอกว่าเจ็บคอผมเลยออกมากันก่อนเวลาหมด
“ไปไหนต่อดี”ผมถามเขาแต่ผมก็ได้คำตอบที่คาดไม่ถึง
“นายอยากไปไหนละ”ใช่เขาให้ผมพาเขาไปในที่ๆผมอยากไปอาจเป็นแค่เรื่องปกติหรือเรื่องเล็กๆสำหรับคนอื่นแต่กับเด็กหนุ่มที่เหมือนน้ำแข็งคนนี้แล้วเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก
“งะ งั้นไปเกมเซ็นเตอร์ไหมละ”
“เกมเซนเตอร์...ก็ได้นะ...แต่ชั้นไม่เคยไปมาก่อนเลย”
“งั้นเหรองั้นไปหาอะไรเล่นกันให้สนุกเลย”
ผมพูดยังงั้นแต่
70 นาทีต่อมา
เราโดนทางร้านขอให้เลิกเล่นเนื่องจากเรย์ไปเล่นคีบตุ๊กตาของทางร้านเกือบทุกตู้แล้วหยิบตุ๊กตาในตู้มาได้หมดทุกครั้งรวมๆแล้วก็น่าจะอยู่ที่20-30ตัวเลยด้วยซ้ำทางร้านเลยขอให้เราเลิกเล่น
“ไปที่ไปรษณีย์กันเถอะ”เรย์พูดขึ้นมากำผมที่ซึมเพราะมัวแต่ดูเรย์เล่นเลยไม่ได้เล่นอะไรสักอย่างเลย
“ไปทำไมเหรอให้เขาเอาของไปส่งไงเยอะขนาดนี้ถือเดินไปด้วยไม่ได้หรอก”เรย์หันมาพูดโดยที่มีตุ๊กแมววางอยู่บนหัว
“....”ผมต้องกลืนน้ำลายทันทีเรย์ที่กอดตุ๊กตาหลายตัวแล้วมีตุ๊กคาแมวบนหัวมันช่างน่ารักมากจนผมทนแทบไม่ไหวเลย
“อะ อืม ปะ ไป สิ”ผมเผลอพูดเสียงสั่น
“???”เขาเอียงคอสงสัยทำให้เขาดูน่ารักกว่าเดิมอีก
เราให้เขาส่งของไปที่บ้านของเรย์ให้จากนั้นเราก็เดินไปกันต่อแต่ผมไม่มีที่ๆพิจะพาเขาไปได้แล้วแต่ในตอนนั้น
“ไปสวสวนสาธารณะกัน”
“หืม”เขาชวนผม
“อะ อืมไปสิ”
เราสองคนได้เดินเล่นกันในสวนสาธารณะ
“นายนั่งรออยู่นี่ก่อน”เขาพูดแบบนั้นแล้ววิ่งหายไปประมาณ5นาทีเขาก็กลับมาแล้วยื่นของในมือของผม
“เครป???”
“ซื้อมาให้นะ”
“ขอบคุณ”
“มิกส์เบอร์รี่กอนได้ไหม”
“อ่า อืม กินได้”
“ว่าไป”ผมมีเรื่องคาใจเรื่อหนึ่งอยู่และต้องถามเขาให้ได้
“อะไร???”เขากินเครปมองออกไปยังกลุ่มคนที่เดินอยู่โดยไม่หันมามองผม
“ทำไมนายเรียกชั้นออกมาเหรอ???”
“....”เขานิ่งเงียบหยุดกินเครปแล้วไม่ตอบอะไรกลับมาเลย
“ถ้าเป็นเรื่องที่ชั้นชอบนายนะ...นาย”
“ไม่ได้รังเกียจหรอก”เขาพูดก่อนผมจะพูดต่อ
“หา!!!”
“ไม่ได้รังเกียจนายหรอก...แต่”
“แต่”
“มีเรื่องจะบอกนะ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ขอชั้นเตรียมใจก่อน”
“...เข้าใจแล้ว”
เราเดินเล่นไปเรื่อยๆโดยไม่ได้แวะที่ไหนจนเริ่มมืดคนเดินเริ่มหายไปจู่ๆเรย์ก็หยุดเดิน
“เรย์???”
“ชั้นนะจริงๆแล้ว”
ในตอนนั้นเองฝนก็เริ่มตกลงมาเราสองคนวิ่งไปใต้ชายคาร้านค้าเพื่อหลบฝน
บ้าจริงตกอะไรตอนนี้เนี่ย
“ฝนไล่ช้างละมั้ง”
“คะ คงงั้น”เมื่อกี๊เขาจะบอกผมแล้วสินะสิ่งที่เขาอยากบอก
“ไปมั้ย”เขาชี้นิ้วไปที่ตึกสูงๆฝั่งตรงข้าม
“ไปไหม”ใจผมเต้นเล็กน้อย
“บ้านชั้นอยู่ในนั้น”
“!!!”
นั้นเป็นคอนโดที่ใหญ่และดีที่สุดในเมืองนี้ตั้งใจกลางเมืองพอดีและเป็นจุดศูนย์กลางถนนและรถไฟทำเลดีมากแน่นอนว่าราคาต้องแพงลิ่วแน่นอน
“ไปมั้ย”เขาถามซ้ำ
“อะ อืม ตะ แต่พ่อแม่นายไม่ว่าเหรอ”
“ชั้นอยู่คนเดียว”
คนเดียว!!!ในคอนโดหรูแบบนี้เนี่ยนะ
“ตามมา”เขาไม่พูดอะไรแล้วเดินออกไปกลางฝน
“ระ รอก่อนสิ”ผมเดินตามเขาไปทันที
ไม่นานเราก็มาถึงห้องของเขาห้องเขาอยู่ที่ชั้น5เขาใช้กุญแจเพื่อไขเข้าไปในห้องทันที
“โห”ไม่แปลกที่ผมจะตกตะลึงห้องเป็นแบบสองชั้นมีห้องครัวโซฟาทีวีชั้นบนมีห้องถึง4-5ห้องข้างในตกแต่งอย่างสวยงามเลยทีเดียว
“นะ นายเช่าอยู่คนเดียวเหรอ”
“ปล่าวซื้อเรียบร้อยแล้วนะ”
ซื้อ!!!!!!!!!!!!!!
“ทะ เท่าไหร่เหรอ”
“ก็ @!#??/”?!@/”
เป็นตัวเลขที่เยอะมากจนผมฟังไม่อกเลยทีเดียว บ้านนายทำงานอะไรกันเหรอครับถึงได้รวยขนาดนั้น
“พะ พ่อแม่นายทำงานอะไรเนี่ย”
“ทนายนะทั้งคู่เลย”
“ท่าทางจะเก่งนะถึงได้มีเงินเยอะขนาดนั้น”
“ครอบครัวพวกเขารวยล้นฟ้าแต่แรกแล้วละเงินซื้อห้องนี้แค่เดือนเดียวก็ได้เกินพอแล้ว”
เดือนเดียว!!!!
“ห้องน้ำอยู่ทางนี้นายจะอาบก่อนไหม”
“ไม่เป็นไร...นายก่อนเลย”ผมต้องปรับอารมณ์ให้หายชิอกก่อน
“เหรอ นี่ผ้าขนหนูเช็ดตัวซะ”เขายืนผ้าขนหนูให้ผมแล้วเขาก็เขาไปอาบน้ำ
ผ่านไปสักพักเขาก็อาบน้ำเสร็จแต่
“เหวอ ทำไมนายถึงนุ่งผ้าขนหนู่ออกมาละ”
“ไม่ได้หยิบเสื้อเข้าไปนะสิ”
เขาเดินขึ้นไปชั้นสอง
“เสื้อผ้าใส่เครื่องแล้วกดซักได้เลยนะเดี๋ยวชั้นหาเสื้อผ้ามาให้”
“อ่า”
เขาเดินหายไปที่ชั้นสองผมเลยเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำห้องอาบน้ำของเขากว้างพอสมควรมีอ่างอาบน้ำกับฝักบัวอยู่เรียบร้อยในห้องขาวสะอาดทุกจุดมีดอกไม่วางประดับอยู่ตรงมุมเล็กๆเป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายดีผมเริ่มอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
“เสื้อผ้าชั้นวางไว้ให้แล้วนะ”
“อ่าอืม”
พอผมอาบน้ำเสร็จแล้วออกมาแต่ก็เจอปัญหาจนได้
“เอ่อ เรย์”ผมเรียกเขา
“มีอะไร”มีเสียงตอบกลับทันที
“คือเสื้อผ้านายมันเล็กไปนะชั้นใส่ไม่ได้หรอก”
“อืมปกตินายใส่ไซส์อะไรละ”
“L”
“เดี๋ยวไปซื้อให้”
“เดี๋ยวๆไม่ต้องก็ได้”
“ผมนุ่งผ้าขนหนู้เปิดประตูออกไปเพื่อห้ามเขาแต่เขาใส่รองเท้าเรียบร้อยอยู่หน้าประตูแล้ว
“ชั้นจะไปซื้อของพอดีไม่เป็นไรรอหน่อยละกัน”
“อ่า อืม ก็ได้แต่...นายใส่แว่นด้วยเหรอ”ใช่เขาใส่แว่นอยู่แว่นกรอบหนาทำให้มองไม่เห็นตาของเขาเลย
“...”เขาไม่ตอบแล้วออกไปทันที
ผมจึงไปนั่งรอเขาที่โซฟาผ่านไปสัก20นาทีเขาจึงกลับมา
“นี่เสื้อ”
“ขะ ขอบใจ”ผมรับไว้แล้วเดินไปเปลี่ยนทันทีส่วนเรย์ก็เดินเข้าไปในครัวพอผมใส่เสื้อผ้าเสร้จจึงออกมาแล้วก็
“ว้าว”มีอาหารอยู่บนโต๊ะดูน่ากินมากเลย
“ชั้นทำเองไม่รับประกันรสชาตินะ
“ดูน่าอร่อยดีออก”
“ขอบใจ”เขาเบือนหน้าหนีสงสัยคงเขินละมั้ง
อร่อย!!!อาหารฝีมือเขาอร่อยไม่แพ้หน้าตาที่ดูน่ากินจริงๆ
เรากินกันโดยไม่พูดอะไรเมื่อเขาเก็บจานล้างเสร็จแล้วจึงมานั่งที่โต๊ะตามเดิม
“ค้างที่นี่ไหม”
“หืม”
“จะค้างไหม”
“ไม่เป็นไรหร...”
“มีห้องว่างเยอะไม่ต้องเกรงใจ”
“งะงั้นรบกวนหน่อยละ”
“อืม...ไม่โทรไปบอกที่บ้านก่อนละ”
“ชั้นย้ายมาคนเดียวนะ”
“เหรอ”เรย์นิ่งไปสักพักจากนั้น
เขาลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วเปิดม่านออกกว้างเปิดประตูจกจนลมพัดเข้ามาในห้องอย่างแรงเขาถอดแว่นแล้วโยนออกไปหันกลับมาทำให้ผมเห็นสิ่งนั้นสิ่งนั้นที่เป็นประกายสีฟ้าน้ำเงินสวยงามผมดูมันเปมือนเปล่งได้ในท่ามกลางความมืดของห้อง
“ตะ ตานาย”
“สีแปลกใช่ไหมละ”
ใช่ตาของเขาไม่ใช่สีแบบทั่วไปไม่ใช่สีฟ้าแบบพวกคนตะวันตกแต่มันเป็นสีน้ำเงินปนฟ้าเหมือนสีของแซฟไฟร์มันกลมโตสวยงามพอมองในความมือดมันเหมือนเปล่งแสงได้ราวกับอัญมณีล้ำค่าอย่างหนึ่ง
“เพราะตาคู่นี้”
“ทำให้ชั้นเป็นแบบนี้”เขาเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง
“ชั้นเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกท้งไว้ที่หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำร้าตอนยังเป็นทารกชั้นโตขึ้นมีแต่เด็กบอกว่าสีตานี้ของชั้นดูน่ากลัวแม้แต่คนดูแลก็ไม่เข้ามาใกล้พวกที่มาหาเด็กรับเลี้ยงพอเจอชั้นก็นำเรื่องของชั้นไปเผยแพร่จนวันนึงก็มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งมารับฉันไป”
“นั้นคือพ่อกับแม่ของฉันในตอนนี้แต่สาเหตุที่รับฉันไปเลี้ยงเพราะพวกเขาไม่สามารถมีลูกเองได้และถ้ารับชั้นไปจะได้รับชื่อเสียงทางสังคมพอชั้นมาอยู่ก็ส่งชั้นเรียนทั้งเรียนเสริมอะไรต่างๆมากมายแล้วพอฉันจบมัธยมต้นวันนั้นก็มาถึง”
“วันนั้น???”
“วันที่ชั้นจะได้แยกกับพวกเขา”
“พวกเขาสองคนมีปัญหาร้าวฉานกันอยู่แล้วตกลงจะหย่ากันส่วนฉันก็จะได้รับเงินจำนวนหนึ่งจากพวกเขาแล้วแยกกันอยู่”
“แต่ก็เกิดเรื่องขึ้น”
“....”ผมไม่สามารถพูดอะไรได้ พูดไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“รถของพวกเราประสบอุบัติเหตุกับรถบรรทุกเข้า”
“!!!”
“ชั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไรแต่พ่อกับแม่เสียชีวิตทั้งคู่”
“มีคนมาจะอุปการะชั้นไปเลี้ยงแต่ชุ้นปฎิเสธชั้นได้รับมรดกต่อจากพ่อแม่เป็นเงินที่ดินจำนวนหนึ่ง”
“เรื่องบ้านกับที่ดินชั้นให้พวกญาติของเขาจัดการกันเองไปแล้วนำเงินมาซื้อคอนโดนี่และใช้จ่ายต่างๆแต่ท่านปู่เหมือนจะรักชั้นมากพอท่านตายก็ยกมรดกให้ชั้นอีก”
“แน่นอนชั้นรับมาแค่เงินส่วนที่ดินก็ให้พวกเขาแบ่งกันเองที่นั้นทางนั้นกับชั้นก็ตัดขาดกันไปชั้นไปเปลี่ยนนามสกุลซะที่นี้ชั้นก็อยู่คนเดียวเงินที่เขาให้มาก็เพียงพอที่ชั้นจะใช่เรียนจบได้เลยเลยไม่ต้องดิ้นรนหางานพิเศษทำ”
“ส่วนสาเหตุของเรื่องทั้งหมดก็แค่มาจากตาคู่นี้ของชั้น”
ผมลุกขึ้นเดินไปสัมผัสที่ใบหน้าของเขาลูบมันไปมาลูบเส้นผมของเขา
“นายนะเป็นคนแรกเลยนะ”
“เป็นคนแรกที่มาอ่อนโยนกับชั้นไม่ได้มาหาชั้นเพราะตาคู่นี้”
ผมดึงเขาเข้ามากอดกอดเขาและจะคอยอยู่กับเขาไม่ให้เขาต้องเจอเรื่องเลวร้ายอีกในครั้งนี้เขาไม่ได้อยู่นิ่งๆเหมือนเดิมมือเล็กๆของเขากอดผมมือที่เ,กแต่ต้องรับภาระอะไรมากมายกำลังโอบกอดผมอยู่เป็นครั้งแรกที่เขายอมเข้าหาผมผมได้แต่หวังว่าความรู้สึกของเราจะเป็นยังงี้ต่อไปไม่มีวันเปลี่ยน
“ตาของนายนะ”
“ปกติใส่คอนแทคเลนส์สีดำนะ”
“ไม่ต้องใส่ดีกว่านะ”
“...จะลองดูละกัน”
วันรุ่งขึ้นเขามาส่งผมที่หน้าแมนชั่นแล้วกลับไปข้างในพรุ่งนี้ก็เริ่มเรียนแล้วจะทักเขายังไงดีนะ
วันถัดมา
“ไม่มา”
ใช่เรย์ยังไม่มาเวลานี้ปกติเขาต้องมาถึงแล้วแน่นอนผมเองทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่นั่งรอเขา
อีกสักพักก็โหมรูมแล้ว
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกผมยิ้มอย่างดีใจแต่
“โทษทีๆวันนี้โฮมรูมเร็วหน่อยนะ”
อาจารย์ทานากะยิ้มหน้าบานทักทายคนในห้อง
โฮมรูมใกล้จะจบแล้วเรย์คงไม่มาละมั้งเรียนเสร็จไปเยี่ยมหน่อยดี...
“ขอโทษที่มาช้าครับ”
เรย์เขามาแล้ว แต่ในตอนนั้นเสียงซุบซิบใน้องก็ดังขึ้นมาทันทีใช่เขาใส่แว่นแว่นกรอบบางที่ไม่สามารถปิดตาสีแซฟไฟร์ของเขาได้
“เรย์คุงเธอ”อาจารย์เองก็ตกใจกับสีตาอันนั้นเหมือนกัน
เรย์ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้อาจารย์อาจารย์อ่านแล้วมองหน้าเรย์สลับไปมา
“สีตามธรรมชาติเหรอเข้าใจแล้วไปนั่งที่เถอะ”
เรย์เดินมาที่นั่งของตัวเองท่ามกลางเสียงพูดคุยผมเองก็ฟังไม่ค่อยชัดแต่มีคำที่ว่า
สีตามธรรมชาติเหรอโกหกน่า
ใส่คอนแทคสีหรือเปล่า
ปลอมเอกสารมาแหงเลย
คำพูดพวกนั้นทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันทีแต่ก่อนที่อารมณ์ของผมจะเกินทน
“ฉันทำตามที่นายบอกแล้วนะ”
“อะ อ่า”
“พวกนั้นไม่ต้องใส่ใจหรอก”เรย์หันข้างเหลือบตามองคนในห้องแล้วหรี่ตาเล็กน้อย
คนในห้องทุกคนเงียบแล้วก้มหน้าที่โต๊ะตัวเองอย่างลุกลี้ลุกลนทันที
“กลางวันนี้ไปเจอกันที่เดิมนะ”เขาพูดจบแล้วเดินไปนั่งที่ทันที
ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มลืมความหงุดหงิดต่อคนในห้องไปทั้งหมดเลยผมชอบหมอนี่จริงๆ
*แซฟไฟร์=ไพลิน
Chapter 4 End (ยังไม่จบนะ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ