Chocolate & Despair
7.7
เขียนโดย [NNS]
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.30 น.
13 chapter
1 วิจารณ์
15.17K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 17.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Boy And Chocolate
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเด็กหนุ่มผู้ผูกมิตรกับคนรอบข้าง เด็กหนุ่มผู้พยายามช่วยเหลือบุคคลที่ตนรัก
“มานาเสะ เรย์ครับ”
“ครับมานาเสะคุงนี่เอง”
“เหหหหหหหหหหหหหหหหหห”มีเสียงแสดงความตกใจจากคนทั้งห้องแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ดูจากบรรยากาศแล้วเขาคงอยากฆ่าผมแล้วละมั้งแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นคงได้อยู่ด้วยกันบ่อยละนะ
“จริงเหรอครับเนี่ยนานาชิมะคุง”
“จริงครับ”
“งั้นเหรอ”
“ซะที่ไหน”
“เอ๊ะ”
“แน่นอนครับว่าล้อเล่น”
“....”ทั้งห้องไม่มีการตอบรับใดๆผมแค่ยืนยิ้มแล้วนั่งลงเงียบๆแค่นั้น
จากนั้นการแนะนำตัวของคนทั้งห้องก็เสร็จสิ้นลงเริ่มเข้าสู่วิชาแรกประวัติศาสตร์
“ในยุคเซนโกคุ มีบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นสามผู้ยิ่งใหญ่อยู่ สามผู้ยิ่งใหญ่นั้นคือใครเอาละจะถามใครดีน้า”
“ดูจากผลการเรียนประวิติศาสตร์ของพวกเธอแล้วคนที่มีคะแนนสูงสุดละกันนะ”
คงเป็นผมสินะ
“ช่วยตอบหน่อยได้ไหมมานาเสะคุง”
หาาาาาา
ถ้าจำไม่ผิดตอนสอบเข้าประวัติศาสตร์ตอนสอบเข้าผมได้ตั้ง93คะแนนนะ
“โอดะ โนบุนากะ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ โทคุงาวะอิเอยาสึ”
“ถูกต้องสมแล้วที่อันดับ3ของสายชั้นแถมทำคะแนนเต็มในวิชาประวัติศาสตร์ด้วย”
อันดับ3 คะแนนเต็ม หมอนั้นเนี่ยนะ....เอาเถอะเพราะไม่ได้ไปไหนกับใครเลยมีเวลาเรียนเยอะละนะ แต่แบบนั้นไม่ดูเครียดไปหน่อยเหรอ แถมท่าทางพวกนั้นคงไม่มีใครเข้าใกล้แน่เรานึกว่าเขาเพิ่งย้ายมาเหมือนกันเลยคิดว่าเขายังไม่ชินเลยแกล้งไปแต่เหมือนไม่ใช่แฮะ ยังไงก็ปล่อยเขา แบบนี้ไม่ได้หรอกเข้าหาหน่อยดีกว่า
คาบเรียนภาคเช้าจบไปอย่างรวดเร็วเลยแฮะแต่หมอนั้นสุดยอดจริงๆโดนอาจารย์ถามเรื่องยากๆตั้งหลายวิชาแต่ตอบได้หมดเลยเก่งจริงๆชวนไปกินข้าวด้วยดีกว่า
“เอ๊ะ...ไม่อยู่”
“พวกนายมีใครเห็นมานาเสะบ้างหรือเปล่า”
มีหลายคนส่ายหน้าแต่มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดออกมาว่า
“เมื๋อกี๊ตอนไปห้องน้ำเห็นเขาถือขนมปังจากโรงอาหารเดินขึ้นไปด้านบนนะอาจจะเป็นบนดาดฟ้าก็ได้มั้ง”
“ดาดฟ้า!!!”
“อืมแต่ช่วงนี้ไม่มีคนขึ้นไปหรอกแดดมันแรงนี่”
“อ่ายังไงก็ขอบคุณนะ”
ผมเดินออกจากหน้าห้องแล้วตรงไปที่บันไดขึ้นไปบนดาดฟ้าทันทีใช้เวลาประมาณ5-7นาทีผมก็มาถึงดาดฟ้าแต่พอผมมาถึง
“ไม่มีใครเลยแฮะ”บนดาดฟ้าที่แสงแดดส่องไม่มีใครเลย
“ชิ แล้วหมอนั้นอยู่ไหนฟะ”ผมเดาะดิ้นพร้อมสบถแล้วหันหลังเพื่อกลับแต่
“หมอนั่นเนี่ยหมอไหนเหรอ”
เสียงที่คุ้นหู พูดไม่เร็วเอื่อยนิดๆ เสียงไร้น้ำหนักแต่น่าดึงดูด ผมมองหาต้นเสียงแต่กวาดสายตาไปทั่วก็ไม่เห็นมีใครเลย
“หูฝาดแฮะ”ผมพูดพร้อมเดินกลับแต่
“ฮึบ”ผมได้ยินเสียงนั้นพร้อมอะไรบางอย่างลอยมาเต็มหน้าผม
อะไรสักอย่างที่ขนาดเกือบพอดีกับหน้าผมผิวมันเป็นรอยหยักแปลกๆใช่แล้วมันคือ เท้านั่นเองผมโดนท่าที่เหมือนท่าเหยีบใส่เต็มหน้าจากด้านบนแต่ใครมันจะกระโดดสูงขนาดใช้ท่าแบบนั้นกับผมที่สูงตั้ง178เซนฯได้เนี่ยแถมดูจากขนาดเท้าตัวน่าจะเล็กพอสมควรแท้ๆโดนสูงเกินไปแล้ว
“อึก”ผมกลิ้งไปบนพื้นอยู่หนึ่งตลบจับใบหน้าตัวเองทรุดลงกับพื้น
เมื่อความเจ็บเริ่มหายผมเงยหน้าขึ้นมาดูก็พบกับ
“เรย์...อุ๊บ”ผมเรียกชื่อเขาแล้วก็ได้รับประทานฝ่าเท้าเล็กๆของเขาเป็นรอบที่สอง
“หน้านายนี่รับเท้าพอดีเลยนะ”
“นายเล่นบ้านอะไรเนี่ย”ผมปัดเท้าเขาออก
“ก็ใครอนุญาตให้นายเรียกชื่อกันละ”
“อันนั้นเข้าใจแล้วแต่ครั้งแรกนั้นละ”
“ก็ฉันถามแล้วนายไม่ตอบ”
“งั้นเหรอ”
“ว่าแต่มานาเสะนายอยู่ตรงไหนเนี่ยฉันถึงไม่เห็นแล้วนายกระโดดเหยียบหน้าฉันถึงได้ไงเนี่ยตัวเล็กแค่นั้น”
“ว่าใครตัวเล็กหา”
“โทษที”
“ข้างบนนั้นไง”เขาเอียงคอให้ผมเห็นเพดานที่โผล่ขึ้นมาของประตูเข้าดาดฟ้า
“ข้างบนนั้นเป็นพื้นเรียบแถมไม่มีคนเลยขึ้นไปกินข้าวกับนอนบนนั้น”
“เหแต่ก็สูงนะนายขึ้นไปได้ไง”ใช่มันสูงเกินกว่าที่เขาจะปีนได้
“แบบนี้”เขาเดินไปข้างๆมันมีโต๊ะเตี้ยๆวางอยู่
“เหยียบบนนั้นแขนนายก็ถึงพอดีเลยสินะ”ผมลองเอาส่วนสูงเขาจากที่มองมาบวกกับโต๊ะแต่ตอนนั้นเอง
เขาก็วิ่งเหยียบโต๊แล้วกระโดดมือขวาเขาจับที่ขอบแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นมันรวดเร็วมากไม่ถึง2วิด้วยซ้ำเขาก็ขึ้นไปบนนั้นแล้ว
“อะ”ผมมองดูเขาจนลืมอะไรหลายๆอย่างไปแล้วผมก็รีบปีนตามเขาขึ้นไปแต่
ไม่มีที่เหยียบ ใช่ไม่มีที่หยั่งเท้าสักสิดต้องใช้แรงแขนดึงตัวขึ้นเท่านั้นผมยื่นกล่องข้าวไว้ข้างบนแล้วใช้แขนดึงตัวขึ้นมันยากกว่าที่ผมคิดไว้พอสมควรแถมกินแรงมากใช้เวลา1นาทีกว่าๆผมถึงขึ้นมาข้างบนได้แต่
“เฮ้ย”สิ่งที่ผมเห็นคือข้าวกล่องของผมกำลังโดนกลุ่มแมว4-5ตัวสวาปามอย่างเอร็ดอร่อยส่วนเด็กหนุ่มก็นั่งกินขนมปังอยู่หน้ากล่องข้าวของผมที่โดนแมวสวาปามอยู่
“นายเอาข้าวกล่องชั้นมาทำอะไรเนี่ย”ผมตะโกนไปแบบนั้นกลุ่มแมวก็แตกกระจายออกแต่ตัวการยังคงนั่งคาบขนมปังอยู่เช่นเดิม
ทำไมเขาถึงเป็นตัวการงั้นเหรอเพราะแมวแกะผ้าห่อแล้วเปิดกล่องข้าวเองไม่ได้ไงละ
“ก็พวกนี้มันหิวนี่”เขาตอบในขณะที่คาบขนมปังอยู่
“ฉันก็หิวนะเฟ้ย”ผมกระชากคอเสื้อเขาแต่แล้ว
แมวทุกตัวกางเล็บแล้วจ้องมาที่ผมจากนั้นก็
“!?#@??!!!!”กระโจนใส่ผมทั้งกัดทั้งข่วน
“พอได้แล้วน่าฉันไม่เป็นอะไร”มินาเสะที่จัดการขนมปังเสร็จก็หันมาพูดแบบนั้น
“เอ๊ะ”พวกแมวปล่อยผมแล้วเดินไปคลอเคลียมินาเสะกันทั้งปีนขึ้นไปบนไหลบนหัวไปนอนบนตักตอนนั้นไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าเหมือนเขายิ้มหน่อยๆ
“นาย...”ผมเผลอทักไป
“อะไร”เขาทำหน้าตาหงุดหงิดแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา
“หืออ”ตอนนั้นผมเพิ่งสังเกตุเห็นกล่องข้าวบนนั้นมีสองกล่องแน่นอนว่าเป็นของผมแต่แค่กล่องเดียวส่วนอีกกล่องเป็นกล่องที่ใหญ่มากล่องสีดำ
“กล่องนั้นของนายเหรอ???”
“อืมของฉันเอง”เขาตอบกลับในขณะที่มือสองข้างกำลังเล่นกับพวกแมวอยู่
“แล้วนายซื้อขนมปังมาทำไม”
“กินนะสิ”
“มะ มันก็ใช่หรอก แต่นายมีข้าวกล่องแล้วจะซื้อมาอีกทำไม”
“นั้น...”เขาหลบตาผม”ชั้นเอามาให้พวกแมวนะ”
“เอ๊ะ...เอาข้าวตัวเอง...ให้แมว”
“อืม ก็พวกนี้อยู่บนนี้ไม่มีอะไรกินนี่”
“เฮ้อ”ผมทำได้แต่ถอนหายใจ
“ช่างมันเถอะมานาเสะจะเริ่มคาบบ่ายแล้วนะไปกันเถอะ”
“อืม”เขาให้พวกแมวออกไปเก็บกล่องข้าวแล้วกระโดดลงไป
“รอชั้นก่อนเซ่”ผมรวบๆของแล้วรีบตามไป”
“ว่าไปนายนี่เรียนเก่งนะดูจากเมื่อกี๊ล้วร่างกายนายก็แข็งแรงดีนี่”
“เหรอ”
“ตอบกลับแบบผ่านๆตลอดเลยนะ”
“ชั้น...”
“หืม”
“ไม่ได้เก่งไปหมดหรอก”
“เหรอแต่ฉันไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลยนะ”
“เดี๋ยวนายก็เห็น”
คาบบ่ายเริ่มขึ้นมานาเสะก็ตอบคำถามได้ดีเหมือนทุกครั้งกระทั้งคาบเรียนก่อนสุดท้ายภาษาอังกฤษก็เกิดเรื่องขึ้น
“มานาเสะคุงอ่านประโยคนี้หน่อยได้ไหมครับ”
“....”
“มานาเสะคุง”
เป็นครั้งแรกที่เขากระวนกระวายตอนเรียกให้ทำอะไรแถมดูแล้วหน้าแดงหน่อยๆด้วยเ
เป็นหวัดหรือเปล่าน้าแต่กลางวันยังดูดีอยู่เลย
“อะ ไอ คูด ไบท์”
“หืม...”เสียงเขาแปลกไปผมจึงหันหลังไปมองแล้วภาพที่ผมเห็นคือ
เด็กหนุ่มผู้เย็นชาเรียนดีเพอร์เฟคกำลังนั้งคู้ตัวกับพื้นเอามือกุมปากตัวเองไว้
“เฮ้ๆ นายเป็นอะไรป่าวเนี่ย”
“ไฮ้ เฮน ไฮ”
“หืม”เขาพูดดูไม่ค่อยชัดหรือว่าเขา...
“นาย...กัดลิ้นตัวเองเหรอ”
“....”เขาไม่ตอบแต่หันหน้าหนี
“...”ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันจะพูดยังไงดีเด็กหนุ่มผู้เพอร์เฟคแต่อ่านอังกฤษแล้วกัดลิ้นตัวเองเนี่ยนะ
“ยังไงไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ”
“อาจารย์ครับผมพาเขาไปห้องพยาบาลนะครับ”
“โอ้เชิญเลยรบกวนหน่อยนะ
ผมหยิบกระเป๋าของผมกับเขาแล้วเดินออกไปเขาเอามือปิดปากตัวเองแล้วเดินตามมาเงียบๆสักพักเราก็มาถึงห้องพยาบาล
“ขอโทษครับ”
“อ้าวไม่มีใครอยู่แฮะ นายไปนั่งรอกก่อนเดี๋ยวฉันดูให้ก่อนละกัน”
“ไฮ้เฮนไฮ ไฮ้ฮ้องฮอก”0
“พูดชัดๆยังไม่ได้เลยไปนั่งลงซะ”
“ไหนแลบลิ้นสิ”
เขาทำตามโดยดีแต่
“เลือดออกเลยเหรอนายกัดแรงไปมั้ยเนี่ย”
“ก็มันไม่ถนัดนะ”
“พูดชัดแล้วเหรอ”
“ดีขึ้นแล้วแต่ยังเจ็บๆอยู่พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”
“เฮ้อถ้าทำไม่ได้ก็ไม่บอกอาจารย์ไปละ”
“...”เขาไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนีตอนนั้นเอง
ออดเลิกเรียนก็ดัง
“กลับเลยไหม”
“อืม”
ผมเดินไปพร้อมเขาแล้วแยกกันที่หน้าประตูโรงเรียน
ดูดีๆหมอนั่นก็ทำตัวน่ารักดีแฮะพรุ่งนี้เอาข้าวไปเผื่อหมอนนั้นกับพวกแมวดีกว่า
แต่แล้วในวันพรุ้งนี้ของผมทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปแบบสุดๆ
“โย่มานาเสะ”
ผมทักทายเขาทันทีที่มาถึงห้อง
“เมื่อวานหายดียัง”
“แล้ว”
หืม เขาดูแปลกไปจากเมื่อวานนิดหน่อย
“นายเป็นอะไรไปเป็นไข้หรือเปล่า”ผมพูดแล้วยืนมือไปเพื่อจะวัดไข้เขาแต่แล้ว
มือของผมก็รู้สึกแสบร้อนเหมือนโดนไปเผ่าแต่มันรู้สึกเป็นเส้นตรงแนวยาวผมรู้สึกว่าฝ่ามือของผมมีอของเหลวไลเปื้อนอยู่ส่วนมือขวาของมานาเสะก็กางออกไปพร้อมวัตถุบางอย่างในมือที่ทำให้ผมรู้สึกถึงอาการแปลกๆนี้
คัดเตอร์ ฝ่ามือของผมโดนคัตเตอร์กรีดไม่สิฟันจนมีแผลยาวและเลือดไหล ผมรีบเอามือซ้ายกำฝ่ามือขวาที่โดนคัตเตอร์เข้า
“ชั้นบอกนายแล้วนะ”มานาเสะยืนขึ้นพร้อมเก็บคัตเตอร์ใส่กระเป๋า
“ชั้นบอกนายแล้วอย่ามายุ่งกับชั้น”เขาหรี่ตาลงแล้วเหลือบมองลงมาที่ผมซึ่งคู้ตัวใช้มือกำแผลไว้แล้วเขาก็หยิบกระเป๋าแล้ววิ่งออกไปข้างนอกสวนกับกลุ่มผู้หญิงในห้องสองคนที่เพิ่งมาถึง
“นานาชิมะคุงเป็นอะไรนะ”
“มานาเสะใช้คัตเตอร์ฟันใส่นานาชิมะนะสิ”
ไม่กี่วินาทีก็มีคนในห้องมารุมล้อมผมเต็มไปหมด
“ชั้นไม่เป็นไรแต่”
“มีอะไรเหรอนานาชิมะ”
“เดี๋ยวจะไปตามอาจารย์ให้”
“เดี๋ยวก่อนไม่ต้องหรอกแต่ฉันมีอะไรจะขอพวกนายหน่อย”
“อะไรเหรอ”
“รีบขอมาเถอะ”
“สัญญานะว่าจะทำตาม”
“”อืม””
“ชั้น....”
และแล้ววันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของทุกอย่าง
Chapter 2 End
“มานาเสะ เรย์ครับ”
“ครับมานาเสะคุงนี่เอง”
“เหหหหหหหหหหหหหหหหหห”มีเสียงแสดงความตกใจจากคนทั้งห้องแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ดูจากบรรยากาศแล้วเขาคงอยากฆ่าผมแล้วละมั้งแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นคงได้อยู่ด้วยกันบ่อยละนะ
“จริงเหรอครับเนี่ยนานาชิมะคุง”
“จริงครับ”
“งั้นเหรอ”
“ซะที่ไหน”
“เอ๊ะ”
“แน่นอนครับว่าล้อเล่น”
“....”ทั้งห้องไม่มีการตอบรับใดๆผมแค่ยืนยิ้มแล้วนั่งลงเงียบๆแค่นั้น
จากนั้นการแนะนำตัวของคนทั้งห้องก็เสร็จสิ้นลงเริ่มเข้าสู่วิชาแรกประวัติศาสตร์
“ในยุคเซนโกคุ มีบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นสามผู้ยิ่งใหญ่อยู่ สามผู้ยิ่งใหญ่นั้นคือใครเอาละจะถามใครดีน้า”
“ดูจากผลการเรียนประวิติศาสตร์ของพวกเธอแล้วคนที่มีคะแนนสูงสุดละกันนะ”
คงเป็นผมสินะ
“ช่วยตอบหน่อยได้ไหมมานาเสะคุง”
หาาาาาา
ถ้าจำไม่ผิดตอนสอบเข้าประวัติศาสตร์ตอนสอบเข้าผมได้ตั้ง93คะแนนนะ
“โอดะ โนบุนากะ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ โทคุงาวะอิเอยาสึ”
“ถูกต้องสมแล้วที่อันดับ3ของสายชั้นแถมทำคะแนนเต็มในวิชาประวัติศาสตร์ด้วย”
อันดับ3 คะแนนเต็ม หมอนั้นเนี่ยนะ....เอาเถอะเพราะไม่ได้ไปไหนกับใครเลยมีเวลาเรียนเยอะละนะ แต่แบบนั้นไม่ดูเครียดไปหน่อยเหรอ แถมท่าทางพวกนั้นคงไม่มีใครเข้าใกล้แน่เรานึกว่าเขาเพิ่งย้ายมาเหมือนกันเลยคิดว่าเขายังไม่ชินเลยแกล้งไปแต่เหมือนไม่ใช่แฮะ ยังไงก็ปล่อยเขา แบบนี้ไม่ได้หรอกเข้าหาหน่อยดีกว่า
คาบเรียนภาคเช้าจบไปอย่างรวดเร็วเลยแฮะแต่หมอนั้นสุดยอดจริงๆโดนอาจารย์ถามเรื่องยากๆตั้งหลายวิชาแต่ตอบได้หมดเลยเก่งจริงๆชวนไปกินข้าวด้วยดีกว่า
“เอ๊ะ...ไม่อยู่”
“พวกนายมีใครเห็นมานาเสะบ้างหรือเปล่า”
มีหลายคนส่ายหน้าแต่มีผู้หญิงคนหนึ่งพูดออกมาว่า
“เมื๋อกี๊ตอนไปห้องน้ำเห็นเขาถือขนมปังจากโรงอาหารเดินขึ้นไปด้านบนนะอาจจะเป็นบนดาดฟ้าก็ได้มั้ง”
“ดาดฟ้า!!!”
“อืมแต่ช่วงนี้ไม่มีคนขึ้นไปหรอกแดดมันแรงนี่”
“อ่ายังไงก็ขอบคุณนะ”
ผมเดินออกจากหน้าห้องแล้วตรงไปที่บันไดขึ้นไปบนดาดฟ้าทันทีใช้เวลาประมาณ5-7นาทีผมก็มาถึงดาดฟ้าแต่พอผมมาถึง
“ไม่มีใครเลยแฮะ”บนดาดฟ้าที่แสงแดดส่องไม่มีใครเลย
“ชิ แล้วหมอนั้นอยู่ไหนฟะ”ผมเดาะดิ้นพร้อมสบถแล้วหันหลังเพื่อกลับแต่
“หมอนั่นเนี่ยหมอไหนเหรอ”
เสียงที่คุ้นหู พูดไม่เร็วเอื่อยนิดๆ เสียงไร้น้ำหนักแต่น่าดึงดูด ผมมองหาต้นเสียงแต่กวาดสายตาไปทั่วก็ไม่เห็นมีใครเลย
“หูฝาดแฮะ”ผมพูดพร้อมเดินกลับแต่
“ฮึบ”ผมได้ยินเสียงนั้นพร้อมอะไรบางอย่างลอยมาเต็มหน้าผม
อะไรสักอย่างที่ขนาดเกือบพอดีกับหน้าผมผิวมันเป็นรอยหยักแปลกๆใช่แล้วมันคือ เท้านั่นเองผมโดนท่าที่เหมือนท่าเหยีบใส่เต็มหน้าจากด้านบนแต่ใครมันจะกระโดดสูงขนาดใช้ท่าแบบนั้นกับผมที่สูงตั้ง178เซนฯได้เนี่ยแถมดูจากขนาดเท้าตัวน่าจะเล็กพอสมควรแท้ๆโดนสูงเกินไปแล้ว
“อึก”ผมกลิ้งไปบนพื้นอยู่หนึ่งตลบจับใบหน้าตัวเองทรุดลงกับพื้น
เมื่อความเจ็บเริ่มหายผมเงยหน้าขึ้นมาดูก็พบกับ
“เรย์...อุ๊บ”ผมเรียกชื่อเขาแล้วก็ได้รับประทานฝ่าเท้าเล็กๆของเขาเป็นรอบที่สอง
“หน้านายนี่รับเท้าพอดีเลยนะ”
“นายเล่นบ้านอะไรเนี่ย”ผมปัดเท้าเขาออก
“ก็ใครอนุญาตให้นายเรียกชื่อกันละ”
“อันนั้นเข้าใจแล้วแต่ครั้งแรกนั้นละ”
“ก็ฉันถามแล้วนายไม่ตอบ”
“งั้นเหรอ”
“ว่าแต่มานาเสะนายอยู่ตรงไหนเนี่ยฉันถึงไม่เห็นแล้วนายกระโดดเหยียบหน้าฉันถึงได้ไงเนี่ยตัวเล็กแค่นั้น”
“ว่าใครตัวเล็กหา”
“โทษที”
“ข้างบนนั้นไง”เขาเอียงคอให้ผมเห็นเพดานที่โผล่ขึ้นมาของประตูเข้าดาดฟ้า
“ข้างบนนั้นเป็นพื้นเรียบแถมไม่มีคนเลยขึ้นไปกินข้าวกับนอนบนนั้น”
“เหแต่ก็สูงนะนายขึ้นไปได้ไง”ใช่มันสูงเกินกว่าที่เขาจะปีนได้
“แบบนี้”เขาเดินไปข้างๆมันมีโต๊ะเตี้ยๆวางอยู่
“เหยียบบนนั้นแขนนายก็ถึงพอดีเลยสินะ”ผมลองเอาส่วนสูงเขาจากที่มองมาบวกกับโต๊ะแต่ตอนนั้นเอง
เขาก็วิ่งเหยียบโต๊แล้วกระโดดมือขวาเขาจับที่ขอบแล้วเหวี่ยงตัวขึ้นมันรวดเร็วมากไม่ถึง2วิด้วยซ้ำเขาก็ขึ้นไปบนนั้นแล้ว
“อะ”ผมมองดูเขาจนลืมอะไรหลายๆอย่างไปแล้วผมก็รีบปีนตามเขาขึ้นไปแต่
ไม่มีที่เหยียบ ใช่ไม่มีที่หยั่งเท้าสักสิดต้องใช้แรงแขนดึงตัวขึ้นเท่านั้นผมยื่นกล่องข้าวไว้ข้างบนแล้วใช้แขนดึงตัวขึ้นมันยากกว่าที่ผมคิดไว้พอสมควรแถมกินแรงมากใช้เวลา1นาทีกว่าๆผมถึงขึ้นมาข้างบนได้แต่
“เฮ้ย”สิ่งที่ผมเห็นคือข้าวกล่องของผมกำลังโดนกลุ่มแมว4-5ตัวสวาปามอย่างเอร็ดอร่อยส่วนเด็กหนุ่มก็นั่งกินขนมปังอยู่หน้ากล่องข้าวของผมที่โดนแมวสวาปามอยู่
“นายเอาข้าวกล่องชั้นมาทำอะไรเนี่ย”ผมตะโกนไปแบบนั้นกลุ่มแมวก็แตกกระจายออกแต่ตัวการยังคงนั่งคาบขนมปังอยู่เช่นเดิม
ทำไมเขาถึงเป็นตัวการงั้นเหรอเพราะแมวแกะผ้าห่อแล้วเปิดกล่องข้าวเองไม่ได้ไงละ
“ก็พวกนี้มันหิวนี่”เขาตอบในขณะที่คาบขนมปังอยู่
“ฉันก็หิวนะเฟ้ย”ผมกระชากคอเสื้อเขาแต่แล้ว
แมวทุกตัวกางเล็บแล้วจ้องมาที่ผมจากนั้นก็
“!?#@??!!!!”กระโจนใส่ผมทั้งกัดทั้งข่วน
“พอได้แล้วน่าฉันไม่เป็นอะไร”มินาเสะที่จัดการขนมปังเสร็จก็หันมาพูดแบบนั้น
“เอ๊ะ”พวกแมวปล่อยผมแล้วเดินไปคลอเคลียมินาเสะกันทั้งปีนขึ้นไปบนไหลบนหัวไปนอนบนตักตอนนั้นไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าเหมือนเขายิ้มหน่อยๆ
“นาย...”ผมเผลอทักไป
“อะไร”เขาทำหน้าตาหงุดหงิดแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา
“หืออ”ตอนนั้นผมเพิ่งสังเกตุเห็นกล่องข้าวบนนั้นมีสองกล่องแน่นอนว่าเป็นของผมแต่แค่กล่องเดียวส่วนอีกกล่องเป็นกล่องที่ใหญ่มากล่องสีดำ
“กล่องนั้นของนายเหรอ???”
“อืมของฉันเอง”เขาตอบกลับในขณะที่มือสองข้างกำลังเล่นกับพวกแมวอยู่
“แล้วนายซื้อขนมปังมาทำไม”
“กินนะสิ”
“มะ มันก็ใช่หรอก แต่นายมีข้าวกล่องแล้วจะซื้อมาอีกทำไม”
“นั้น...”เขาหลบตาผม”ชั้นเอามาให้พวกแมวนะ”
“เอ๊ะ...เอาข้าวตัวเอง...ให้แมว”
“อืม ก็พวกนี้อยู่บนนี้ไม่มีอะไรกินนี่”
“เฮ้อ”ผมทำได้แต่ถอนหายใจ
“ช่างมันเถอะมานาเสะจะเริ่มคาบบ่ายแล้วนะไปกันเถอะ”
“อืม”เขาให้พวกแมวออกไปเก็บกล่องข้าวแล้วกระโดดลงไป
“รอชั้นก่อนเซ่”ผมรวบๆของแล้วรีบตามไป”
“ว่าไปนายนี่เรียนเก่งนะดูจากเมื่อกี๊ล้วร่างกายนายก็แข็งแรงดีนี่”
“เหรอ”
“ตอบกลับแบบผ่านๆตลอดเลยนะ”
“ชั้น...”
“หืม”
“ไม่ได้เก่งไปหมดหรอก”
“เหรอแต่ฉันไม่เห็นเป็นแบบนั้นเลยนะ”
“เดี๋ยวนายก็เห็น”
คาบบ่ายเริ่มขึ้นมานาเสะก็ตอบคำถามได้ดีเหมือนทุกครั้งกระทั้งคาบเรียนก่อนสุดท้ายภาษาอังกฤษก็เกิดเรื่องขึ้น
“มานาเสะคุงอ่านประโยคนี้หน่อยได้ไหมครับ”
“....”
“มานาเสะคุง”
เป็นครั้งแรกที่เขากระวนกระวายตอนเรียกให้ทำอะไรแถมดูแล้วหน้าแดงหน่อยๆด้วยเ
เป็นหวัดหรือเปล่าน้าแต่กลางวันยังดูดีอยู่เลย
“อะ ไอ คูด ไบท์”
“หืม...”เสียงเขาแปลกไปผมจึงหันหลังไปมองแล้วภาพที่ผมเห็นคือ
เด็กหนุ่มผู้เย็นชาเรียนดีเพอร์เฟคกำลังนั้งคู้ตัวกับพื้นเอามือกุมปากตัวเองไว้
“เฮ้ๆ นายเป็นอะไรป่าวเนี่ย”
“ไฮ้ เฮน ไฮ”
“หืม”เขาพูดดูไม่ค่อยชัดหรือว่าเขา...
“นาย...กัดลิ้นตัวเองเหรอ”
“....”เขาไม่ตอบแต่หันหน้าหนี
“...”ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันจะพูดยังไงดีเด็กหนุ่มผู้เพอร์เฟคแต่อ่านอังกฤษแล้วกัดลิ้นตัวเองเนี่ยนะ
“ยังไงไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ”
“อาจารย์ครับผมพาเขาไปห้องพยาบาลนะครับ”
“โอ้เชิญเลยรบกวนหน่อยนะ
ผมหยิบกระเป๋าของผมกับเขาแล้วเดินออกไปเขาเอามือปิดปากตัวเองแล้วเดินตามมาเงียบๆสักพักเราก็มาถึงห้องพยาบาล
“ขอโทษครับ”
“อ้าวไม่มีใครอยู่แฮะ นายไปนั่งรอกก่อนเดี๋ยวฉันดูให้ก่อนละกัน”
“ไฮ้เฮนไฮ ไฮ้ฮ้องฮอก”0
“พูดชัดๆยังไม่ได้เลยไปนั่งลงซะ”
“ไหนแลบลิ้นสิ”
เขาทำตามโดยดีแต่
“เลือดออกเลยเหรอนายกัดแรงไปมั้ยเนี่ย”
“ก็มันไม่ถนัดนะ”
“พูดชัดแล้วเหรอ”
“ดีขึ้นแล้วแต่ยังเจ็บๆอยู่พรุ่งนี้ก็หายแล้ว”
“เฮ้อถ้าทำไม่ได้ก็ไม่บอกอาจารย์ไปละ”
“...”เขาไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนีตอนนั้นเอง
ออดเลิกเรียนก็ดัง
“กลับเลยไหม”
“อืม”
ผมเดินไปพร้อมเขาแล้วแยกกันที่หน้าประตูโรงเรียน
ดูดีๆหมอนั่นก็ทำตัวน่ารักดีแฮะพรุ่งนี้เอาข้าวไปเผื่อหมอนนั้นกับพวกแมวดีกว่า
แต่แล้วในวันพรุ้งนี้ของผมทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปแบบสุดๆ
“โย่มานาเสะ”
ผมทักทายเขาทันทีที่มาถึงห้อง
“เมื่อวานหายดียัง”
“แล้ว”
หืม เขาดูแปลกไปจากเมื่อวานนิดหน่อย
“นายเป็นอะไรไปเป็นไข้หรือเปล่า”ผมพูดแล้วยืนมือไปเพื่อจะวัดไข้เขาแต่แล้ว
มือของผมก็รู้สึกแสบร้อนเหมือนโดนไปเผ่าแต่มันรู้สึกเป็นเส้นตรงแนวยาวผมรู้สึกว่าฝ่ามือของผมมีอของเหลวไลเปื้อนอยู่ส่วนมือขวาของมานาเสะก็กางออกไปพร้อมวัตถุบางอย่างในมือที่ทำให้ผมรู้สึกถึงอาการแปลกๆนี้
คัดเตอร์ ฝ่ามือของผมโดนคัตเตอร์กรีดไม่สิฟันจนมีแผลยาวและเลือดไหล ผมรีบเอามือซ้ายกำฝ่ามือขวาที่โดนคัตเตอร์เข้า
“ชั้นบอกนายแล้วนะ”มานาเสะยืนขึ้นพร้อมเก็บคัตเตอร์ใส่กระเป๋า
“ชั้นบอกนายแล้วอย่ามายุ่งกับชั้น”เขาหรี่ตาลงแล้วเหลือบมองลงมาที่ผมซึ่งคู้ตัวใช้มือกำแผลไว้แล้วเขาก็หยิบกระเป๋าแล้ววิ่งออกไปข้างนอกสวนกับกลุ่มผู้หญิงในห้องสองคนที่เพิ่งมาถึง
“นานาชิมะคุงเป็นอะไรนะ”
“มานาเสะใช้คัตเตอร์ฟันใส่นานาชิมะนะสิ”
ไม่กี่วินาทีก็มีคนในห้องมารุมล้อมผมเต็มไปหมด
“ชั้นไม่เป็นไรแต่”
“มีอะไรเหรอนานาชิมะ”
“เดี๋ยวจะไปตามอาจารย์ให้”
“เดี๋ยวก่อนไม่ต้องหรอกแต่ฉันมีอะไรจะขอพวกนายหน่อย”
“อะไรเหรอ”
“รีบขอมาเถอะ”
“สัญญานะว่าจะทำตาม”
“”อืม””
“ชั้น....”
และแล้ววันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของทุกอย่าง
Chapter 2 End
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ