ดวงใจจ้าว
เขียนโดย ขจรกลิ่น
วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 14.27 น.
แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน พ.ศ. 2559 14.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) พบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ไอ้กล่ำ ไอ้กล่ำ” เสียงพระยาพิสุทธิมนตรีสมุหกรมทหารบก เรียกบ่าวคนสนิท
“ขอรับ”
“แกไปตามคุณหนูของแกมาพบฉันประเดี๋ยวนี้ไป ให้ไวเทียวฉันต้องรีบไปวังสมเด็จ
ส่วนแกต้องพาแม่เอื้อมไปธุระให้ฉันที่วังรังสกุล” น้ำเสียงอาจดูเรียบเฉยหากแต่แฝงความเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
“วังรังสกุลเทียวหรือขอรับ” รับคำสั่งเจ้านายด้วยความฉงน
“เออสิว่ะหนังสือราชการสำคัญฉบับนี้ที่แกหยิบติดมากระไร จะให้พ่อเกื้อถือไปทูลเกล้าถวายไม่ได้เสียด้วยต้องไปวังสมเด็จด้วยกันกับฉัน จะให้แกถือไปฉันเกรงเสด็จจะทรงกริ้วถึงจะไม่ทรงถือพระองค์ แต่ยากจะคาดเดาพระทัยนักหนังสือฉบับนี้เป็นหนังสือราชการสำคัญเสียด้วย”
“ท่านเจ้าพระยาไม่ถือไปที่วังสมเด็จด้วยดอกหรือขอรับ เสด็จอาจจะเสด็จก็เป็นได้นะขอรับ”
“พระองค์ชายพบไม่ทรงเสด็จดอก ทรงส่งบ่าวไปช่วยอยู่มากอีกทั้งยังมีข้าหลวงตำหนักคุณจอมอีกไม่น้อย
ครั้นทรงเสด็จคงไม่พ้นเย็น บ่ายวันนี้ฉันแลพ่อเกื้อต้องเข้ากรมเสียด้วย”
“กระผมขอประทานโทษขอรับ คราวหน้าคราวหลังกระผมจะดูให้ดีเทียวขอรับ” นายกล่ำพูดด้วยความสำนึก
ผิดเสียจนไม่น่าให้อภัยเป็นเพราะความไม่รอบครอบของตนแท้เทียวเจ้านายจึงได้ลำบากเพียงนี้
“แกไม่ผิดดอก ฉันรีบแกจึงลนลานไม่ทันมอง เอาเถิดไปตามแม่เอื้อมมาเถอะประเดี๋ยวจะไม่ทันการ
นี้ก็ใกล้เวลาไปวังสมเด็จเต็มทีอย่าได้คิดมากเลย แกรับใช้ฉันมาก็นานฉันไม่เคยมองแกเป็นบ่าวดอก
เป็นเพื่อนเป็นที่ปรึกษาฉันมาก็หลายครา ผ่านกระไรมาด้วยกันก็มากเรื่องนี้ความผิดแกคนเดียวเสีย
ที่ไหน” ท่านเจ้าพระยามองสีหน้าบ่าวคนสนิทแล้วก็ให้เห็นใจอยู่ไม่น้อยด้วยอยู่เล่นกันมาแต่เล็ก
เห็นนายกล่ำเป็นเสมือนเพื่อนที่รู้ใจมาเสมอไม่เคยมองเป็นบ่าวเลยสักครั้ง
“ฮือ...ฮือขอรับท่านเจ้าพระยา”
ยกมือปาดน้ำตาลูกผู้ชายวัยกลางคนที่ไหลออกมาด้วยความปิติในความรัก ความเมตตาของเจ้านายที่ตนรับใช้มาตลอดหลายสิบปี ไม่เคยสักเพียงครั้งที่ท่านเจ้าพระยามองตนเป็นบ่าวเช่นที่ท่านพูด อีกทั้งตนยังได้มีโอกาสเรียนหนังสือก็เพราะท่านช่วยพูดกับเจ้าคุณพ่อท่าน ท่านยังดูแลเลี้ยงตนแลครอบครัวเป็นอย่างดีมาเสมอ เจ้าพระยาพิสุทธิมนตรีลุกจากเก้าอี้ในห้อง
ทำงานเดินมาตบบ่านายกล่ำเบาๆเชิงปลอบ
“รีบเถอะประเดี๋ยวฉันก็ไม่ทันไปวังสมเด็จกันพอดี
ดอกไอ้เกลอ” น้ำเสียงหยอกเช่นสมัยหนุ่มรุ่นยังคงอยู่ นายกล่ำพยักหน้าแลรีบไปตามเจ้านายที่อายุ
น้อยที่สุดในบ้านเทพวานิชย์ทันที...........
วารินทร์ หญิงสาววัย 16 ย่าง 17 บุตรีคนเล็กของเจ้าพระยาพิสุทธิมนตรีคนนี้เฉลียวฉลาดผิดกับเด็กสาววัยเดียวกันแม้นมีกิริยาแสนซนแลกระโดกกระเดกไปสักหน่อย แต่หากมีเรื่องสำคัญใดเกิดขึ้นหล่อนกลายเป็นคนละคนเลยทีเดียวการวางตนของบุตรีสร้างความภูมิใจแก่ท่าน เจ้าพระยายิ่งนัก
แลการเป็นนักเรียนอังกฤษของเจ้าพระยาพิสุทธิ ทำให้ท่านเป็นผู้ที่มีความคิดกว้างไกลแลสมัยใหม่อยู่ไม่น้อยท่านจึงไม่ได้ปิดกั้นการเรียนหนังสือของบุตรีกลับเห็นดีแลสนับสนุนเสียอีกด้วย ท่านเจ้าพระยาส่งวารินทร์ไปเรียนหนังสือยังปีนังตั้งแต่วารินทร์อายุเพียง 7 ปีเศษเท่านั้น พร้อมกับส่งบุตรชายไปเรียนยังอังกฤษเช่นกัน ที่ปีนังพี่ชายผู้แหกกฎของสกุลไม่รับราชการเอาดีด้านค้าขายของท่านเจ้าพระยาซึ่งผิดใจกับเจ้าคุณพ่อของท่านหนีไปทำการค้าขายจนมีกิจการใหญ่โตอยู่ที่นั้น เจ้าพระยาพิสุทธิจึงฝากวารินทร์ อย่างวางใจแลธนินก็รักใคร่เมตตาวารินทร์ราวกับลูกสาวก็ไม่ปาน ด้วยอยากมีลูกสาวเป็นอันมากแต่ก็ไม่มีโอกาสมี มีแต่สามทหารเสือวิ่งซนให้วุ่นบ้านไปหมด แม้การส่งบุตรีไปเรียนหนังสือที่ปีนังจะทำให้คู่ชีวิตเช่นคุณหญิงทิพย์เคืองสักหน่อยก็ตาม ด้วยคุณหญิงทิพย์เกรงว่าหากบุตรีรู้หนังสือมากจะทำให้ออกเรือนยากนั้นเอง พอวารินทร์จบคอนแวนต์คุณหญิงทิพย์สบโอกาสจึงได้เกลี้ยกล่อมเจ้าพระยาพิสุทธิให้บุตรีกลับพระนครเพื่อเรียนการเรือน
วารินทร์จำใจต้องกลับพระนครทั้งที่ใจอยากเรียนต่อคอลเลจยังอังกฤษอยู่มากเมื่อถึงพระนครเจ้าหล่อนทำข้อตกลงกับคุณหญิงแม่เรื่องการเรียนในทันที เมื่อไม่มีโอกาสเรียนคอลเลจอย่างใจคิดจึงขอเรียนภาษาอังกฤษแลฝรั่งเศสด้วยสนใจยิ่งนัก ท่านเจ้าพระยาก็เห็นดีด้วยผิดกับคุณหญิงทิพย์ที่ใจแข็งไม่ยอมเด็ดขาด ร้อนถึงพี่ชายที่รักน้องสาวยิ่งกว่าสิ่งใดเช่นหลวงวิเศษณรงค์ต้องมาช่วยพูดกับคุณหญิงทิพย์พร้อมกับชี้ให้เห็นเหตุผลที่คุณหญิงทิพย์ต้องยอมอย่างคัดค้านไม่ได้ด้วยกลัวหนักหนา
“หากคุณหญิงแม่ไม่ยอมน้องแลน้องแอบหนีกลับปีนังกระผมกับเจ้าคุณพ่อคงไม่มีปัญญาใดเรียกน้องกลับมาเพราะน้องอยากเรียนต่อคอลเลจมากเหลือเกินคุณหญิงแม่ก็ทราบหากเป็นเรื่องการเรียนเจ้าคุณพ่อท่านไม่เคยขัดแลลุงธนินก็รักแม่เอื้อมมากเสียด้วยคุณหญิงแม่ยอมได้หรือขอรับหากเป็นเช่นนั้นแม่เอื้อมยอมเรียนการเรือนถึง 3 วันไม่น้อยดอกขอรับส่วนอีก 4 วันให้น้องทำในสิ่งที่น้องตั้งใจเถิดขอรับ”
ด้วยความกลัวบุตรีเพียงคนเดียวจะทำอย่างที่บุตรชายบอกคุณหญิงทิพย์จำต้องยอมให้วารินทร์ทำตามใจคือเรียนการเรือนเพียง 3 วันส่วนในวันที่เหลือนั้นเรียนภาษาอังกฤษแลฝรั่งเศสกับมิชชันนารีที่ท่านเจ้าพระยาหามาให้ตามประสงค์ของบุตรีอันเป็นที่รักเมื่อนึกย้อนถึงใบหน้าบูดบึ้งของคู่ชีวิตขึ้นมาคราใดท่านเจ้าพระยาก็อดอมยิ้มออกมาเสียทุกคราไม่ได้
เวลาสามวันในพระนครยังไม่เข้าที่เข้าทางสักเท่าใดสำหรับวารินทร์ด้วยจากพระนครไปเสียนานตั้งแต่เดินทางพร้อมกับพี่ชายไปยังปีนังก็เกือบ 10 ปีเทียวที่ไม่ได้กลับพระนคร
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูห้องหนังสือดังขึ้น
“ใครหรือจ๊ะเข้ามาเถิดจ๊ะ” น้ำเสียงอ่อนหวานแลแฝงความเมตตาอ่อนน้อมอยู่มากเอ่ยบอกผู้ที่เคาะประตู
“กระผมเองขอรับ ตามหาเสียทั่วมาอ่านหนังสือแต่เช้าเทียวขอรับ”
“แปลกที่นะจ๊ะเอื้อมนอนไม่ใคร่หลับเท่าใดจึงมาอ่านหนังสือว่าแต่ลุงกล่ำเถิดตามหาเอื้อมเช่นนี้เจ้าคุณพ่อต้องมีธุระสำคัญเป็นแน่ใช่ไหมจ๊ะ”
“ขอรับท่านเจ้าพระยารอคุณหนูอยู่ที่ห้องทำงานขอรับ”
“จ๊ะเอื้อมจะรีบไปประเดี๋ยวนี้”
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องทำงานของท่านเจ้าพระยาดังขึ้นท่านเจ้าพระยารู้โดยทันทีว่าบุตรีแก่นแก้วที่ท่านรักดั่งดวงใจมาถึงแล้ว
“แม่เอื้อมหรือเข้ามาเถิดลูก”
“กราบเจ้าคุณพ่อเจ้าค่ะ เจ้าคุณพ่อให้ลุงกล่ำไปตามลูกเช่นนี้ต้องมีความสำคัญมากเป็นแน่ใช่หรือไม่เจ้าค่ะ”
“ใช่แล้วแม่เอื้อมพ่อจะให้ลูกถือหนังสือราชการสำคัญฉบับหนึ่งไปยังวังรังสกุลเพื่อทูลเกล้าถวายพระองค์เจ้าชายกฤตดนัยรังสกุล” พูดด้วยท่าทีเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
“หนังสือราชการสำคัญเช่นนี้เหตุใดเจ้าคุณพ่อให้ลูกถือไปทูลเกล้าถวายเล่าเจ้าค่ะ”
“พ่อไม่อยากให้แม่เอื้อมไปดอกลูกแต่พ่อแลพ่อเกื้อต้องเข้าเฝ้าสมเด็จกิตติจะให้นายกล่ำเป็นผู้ถือไปเห็นทีจะไม่ควรแลประการสำคัญเสด็จทรงลาราชการ 3 วันเสียด้วยพ่อจึงใคร่วานให้แม่เอื้อมเป็นผู้ถือไปทูลเกล้าถวายเสด็จ” “เจ้าค่ะแต่ลูกไม่เคยเข้าเฝ้าเจ้านายลูกเกรงจะทำอะไรไม่ถูกไม่ควรเจ้าค่ะ”
“ไม่กระไรดอกคุณหญิงแม่จะสอนให้พอเอาตัวรอดได้อยู่ดอกลูก ลูกสาวพ่อรู้จักเอาตัวรอดอยู่แล้วไม่ใช่ดอกหรือ”
“โธ่เจ้าคุณพ่อเหย้าลูกหรือเจ้าค่ะ”
“เอาเถิดแค่ไม่กระโดกกระเดกเวลาเข้าเฝ้าแลระวังกิริยาให้มากเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์พูดให้น้อยตอบเมื่อทรงมีรับสั่งถามแลเมื่อถวายหนังสือฉบับนี้เสร็จก็กราบบังคมทูลลาเสด็จอย่าได้ช้าเสด็จพระองค์ชายไม่ทรงโปรดคุยงานราชการกับสตรีสักเท่าใด”
“เจ้าค่ะลูกจะรีบไปรีบกลับเจ้าคุณพ่ออย่าได้ห่วงเมื่อลูกรับปากสิ่งใดแล้วก็จะทำให้ดีไม่ให้เสียมาถึง
เจ้าคุณพ่อดอกเจ้าค่ะ” เจ้าพระยาพิสุทธิมนตรีลุกจากเก้าอี้ทำงานแลเอามือลูบหัวบุตรีด้วยความเอ็นดู
“พ่อรู้ว่าบุตรีของเจ้าพระยาพิสุทธิมนตรีเก่งมาเพียงใด พ่อขอโทษที่ไม่อาจค้านคุณแม่ของลูกได้จน
ลูกต้องกลับมาพระนครไม่ได้เรียนคอลเลจดั่งที่ตั้งใจเอาไว้” พูดพลางมองหน้าบุตรีอย่างเห็นใจ
“ไม่เป็นกระไรดอกเจ้าค่ะเพียงแค่นี้ก็ดีที่สุดแล้วลูกแสนดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกเจ้าคุณพ่อ เจ้าคุณพ่อ
ไม่เคยปิดกั้นลูกแม้สักครั้งไม่ว่าลูกจะทำสิ่งใดหากเป็นสิ่งที่ถูกต้องไม่เคยคัดค้านมีแต่ส่งเสริม
หากเกิดเป็นลูกสาวบ้านอื่นคงเป็นการยากสำหรับเรื่องเรียนหนังสือไม่ถูกบังคับถวายตัวเป็นคุณ
ข้าหลวงในพระราชวังก็คงได้แต่เย็บปักเป็นแต่งานเรือนหรือไม่คงถูกบังคับให้ออกเรือนไปแล้ว
เป็นแน่นี้ได้เรียนถึงคอนแวนต์เทียวอีกอย่างกลับพระนครมาก็ดีเจ้าค่ะ ลูกคิดถึง
เจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ พี่เกื้อ คุณพี่พิม นมสร้อย แลทุกคนในบ้านจะแย่ เพียงแต่ใจหายคิดถึงลุงธนิน
ป้าเกด แลพี่ชายทั้งสามก็เท่านั้น”
“ไม่กระไรดอกลูกปีนังเดินทางไม่นานก็ถึงคิดถึงก็ไปเยี่ยม
เขียนจดหมาย หรือโทรเลขหาก็ยังได้ อยากไปเมื่อใดบอกพ่อ พ่ออนุญาต”
จอมอ้อนของบ้านโผล่เข้ากอดเจ้าคุณพ่อเสียแน่น “ ขอบพระคุณค่ะ ลูกรักเจ้าคุณพ่อนะเจ้าค่ะ”
“โธ่แม่เอื้อมกระโดดกอดพ่อราวกับเด็กเทียวปีนี้ก็จะ 17 แล้วนะลูกไปเถิดรีบไปแต่งตัวพ่อต้องไปเตรียมตัว
เข้าเฝ้าสมเด็จที่วังสมเด็จเช่นกัน” “เจ้าค่ะ” ยิ้มสดใสแฝงความขี้อ้อนของวารินทร์ทำให้ท่านเจ้าพระยา
แลหลวงวิเศษณรงค์ หรือแม้กระทั้งสะใภ้อย่างแม่พิมค่อยปกป้องจากการขาดโทษของคุณหญิงทิพย์
อยู่บ่อยครั้ง..............................................
ไม่นานรถยนต์บ้านเจ้าพระยาพิสุทธิมนตรีแล่นมาถึงยังหน้ามุขของวังรังสกุลอันใหญ่โตงดงาม
ตัวอาคารตกแต่งแบบยุโรปผสมผสานความเป็นไทยออกมาได้อย่างพอเหมาะ ขณะที่รถยนต์แล่นผ่านตั้งแต่หน้าประตูวังจนถึงหน้ามุขล้วนแต่อยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ชายพบ ด้วยขณะนั้นทรงพักเปลี่ยนพระอิริยาบถตรงเฉลียงห้องทรงงานอยู่พอดี ทรงทอดพระเนตรอยู่ครู่หนึ่งก่อนมีรับสั่งกับนายเปลี่ยนที่สาระวนอยู่กับกองเอกสารที่เสด็จทรงใช้ให้หา “มานู้นแล้วรถบ้านเจ้าพระยาพิสุทธินายกล่ำคงเป็นคนขับมาอีกตามเคย” “ฝ่าพระบาททรงตรัสว่ากระไรกระหม่อม” “ก็ที่แกบอกฉันเมื่อเช้าที่ฉันให้ไปส่งพวกบ่าวที่วังทูลกระหม่อมกระไรเล่าแกบอกฉันไม่ใช่ดอกหรือว่าเจ้าพระยาพิสุทธิบอกแกว่าจะให้บุตรีนำหนังสือมาให้ฉันที่วังไม่ใช่ดอกหรือ”
“ใช่แล้วกระหม่อม ฝ่าพระบาทจะทรงเสด็จด้วยพระองค์เองหรือจะให้กระหม่อนไปรับแทนกระหม่อน” “ฉันจะลงไปเองอยากเห็นหน้านักเจ้าพระยาพิสุทธิไว้ใจขนาดให้ถือหนังสือราชการสำคัญมาให้ฉันแสดงว่าบุตรีของท่านต้องไม่ใช่สตรีทั่วไปเป็นแน่ แกไปบอกแม่อิ่มทีว่าให้พาหล่อนไปรอฉันที่ห้องรับรอง ก่อนฉันจะขึ้นมาเห็นเอ็ดแม่พุดอยู่ตรงหน้ามุขเสร็จสรรพแกก็ถามแม่อิ่มเสียว่าเตรียมข้าวของพร้อมแล้วหรือไม่ถ้าแม่อิ่มพร้อมแกก็พาแม่อิ่มไปส่งที่วังสมเด็จเสียให้เรียบร้อย”
“กระหม่อม” นายเปลี่ยนทำตามที่เสด็จทรงรับสั่งโดยไม่รีรอแต่ทว่ายังไม่ทันที่นายเปลี่ยนจะออกจากห้องทรงงานเสด็จทรงเสด็จออกจากห้องทรงงานก่อนนายเปลี่ยนเสียอีกหันไปอีกที่ก็ไม่เห็นเสด็จแล้ว
“โธ่เสด็จพระทัยร้อนอีกตามเคยปล่อยกระหม่อมพูดคนเดียวอีกแล้ว” พูดพลางยกมือเกาหัวด้วยความงงงวย
.........................................................................................
พระองค์ชายพบทรงเสด็จลงจากห้องทรงงานระหว่างพระดำเนินอยู่สายพระเนตรทรงทอดพระเนตรเข้ากับเหตุการณ์ที่สร้างความประทับพระทัยแก่พระองค์โดยไม่ทันรู้พระองค์ ว่าบุตรีของเจ้าพระยาพิสุทธิมนตรีผู้นี้จะกลายมาเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวในพระทัยของพระองค์ในเวลาไม่นานนับแต่บัดนี้
................................................
ที่นี้นะหรือวังรังสกุล ที่ใครๆต่างพากันเกรงผู้ครอบครองวังยิ่งนัก พระองค์เจ้าชายกฤตดนัยรังสกุล
พระพักตร์จะเป็นเช่นไรกัน พระชันษาจะกี่ชันษาเทียว เจ้าคุณพ่อไม่ได้บอกเสียด้วย จริงสิลุงกล่ำต้องรู้เป็นแน่โง่เสียจริง “คุณหนูขอรับ คุณหนู คุณขอรับ ถึงแล้วขอรับ”
“จ๊ะ...ลุงกล่ำขอโทษนะจ๊ะพอดีไม่ได้กลับพระนครเสียนานมองสองข้างทางคิดอะไรเสียเพลินไปหน่อย”
“ขอรับ คุณหนูจะให้กระผมตามไปด้วยไหมขอรับ”
“บอกกี่คราแล้วจ๊ะให้เรียกแทนตัวว่าลุง ไม่เป็นกระไรดอกจ๊ะประเดี๋ยวเอื้อมลงไปเองลุงกล่ำคอย
เอื้อมหน้ามุขสักประเดี๋ยวนะจ๊ะคงไม่นานเท่าใดเอื้อมจะรีบออกมา” “ขอรับ”
“ลุงกล่ำจ๊ะพระองค์เจ้าชายกฤตดนัยรังสกุลพระองค์มีพระชันษาสักเท่าใดกันจ๊ะ”
“ราว 25 ชันษาเห็นจะกระมังขอรับ” “งั้นดอกหรือ เอื้อมไปก่อนนะลุงกล่ำคอยตรงนี้สักประเดี๋ยวนะจ๊ะ”
วารินทร์ลงจากรถเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้ามุข ท่าทีเก้ๆกังๆแลการแต่งกายของวารินทร์ เป็นที่สะดุดตาของแม่อิ่มพระนมนัยเสด็จเป็นอันมาก นมอิ่มเดินตรงมาหาวารินทร์โดยที่เจ้าหล่อนไม่ทันตั้งตัว
“แม่หนูมาหาใครกันหรือจ๊ะ” สายตานมอิ่มมองสำรวจวารินทร์ อย่างไม่วางตาด้วยทรงผมการแต่งกายผิดกับหญิงสาวธรรมดาทั่วไป ผมยาวถักปักเปียปล่อยปลายผมไว้ตรงข้างบ่าด้านซ้ายปลายผมเป็นลอนงามไม่ได้ไว้ผมทรงดอกกระทุ่มเช่นหญิงสาวทั่วไปในพระนคร ดูแปลกตาการแต่งกายของหล่อนดูช่างคล้ายกับแหม่มในตลาดที่นมอิ่มมักพบอยู่บ่อยครั้งไม่ได้นุ่งโจงในมือถือซองสีน้ำตาลแบบที่นายเปลี่ยนถือให้เสด็จอยู่ บ่อยๆ
วารินทร์มองผู้หญิงสูงอายุตรงหน้าสักครู่อย่างพินิจการแต่งกายผิดจากบ่าวไพร่ธรรมดาทั่วไปพินิจอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมแลไม่ถือตนเพียงสักหน่อยว่าตัวเป็นถึงบุตรีของเจ้าพระยาพิสุทธิมนตรีสมุหกรมทหารบก
“กราบเจ้าค่ะดิฉันวารินทร์เจ้าค่ะ หรือจะเรียกเอื่อมก็ได้เจ้าค่ะดิฉันเป็นบุตรีเจ้าพระยาพิสุทธิมนตรี เจ้าคุณพ่อท่านให้ดิฉันถือหนังสือราชการฉบับนี้มาทูลเกล้าถวายพระองค์เจ้าชายกฤตดนัยรังสกุลเจ้าค่ะ ท่านติดงานที่วังสมเด็จมาด้วยตนเองไม่นะเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องไหว้อิฉันดอกค่ะคุณเอื้อมอิฉันชื่ออิ่มเจ้าค่ะเป็นเพียงแต่พระนมของเสด็จที่เสด็จทรงเมตตาขอเจ้าจอมออกมาอยู่ยังวังรังสกุลก็เท่านั้นดอกเจ้าค่ะคุณเอื้อมเป็นถึงลูกพระน้ำพระยามาไหว้อิฉันใครเห็นเข้าคงไม่งาม”
“ไม่ดอกจ๊ะแม่อิ่ม แม่อิ่มมีน้ำใจเข้ามาถามฉันที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ถ้าแม่อิ่มไม่เข้ามาถามฉัน ฉันก็ไม่รู้จะทำตัวกระไรไม่เคยเข้าเฝ้าเจ้านายเสียด้วยวังอะไรก็เพิ่งเคยมาครานี้เป็นคราแรก”
“แต่...คุณเอื้อม”
“ชนชั้นหรือสำหรับฉันไม่ใคร่สำคัญดอกจ๊ะผู้ใหญ่มีน้ำใจมาถามถึงฉันไม่รู้หรือรู้ว่าแม่อิ่มเป็นใครก็สมควรแล้วที่ฉันกราบแม่อิ่มเด็กกราบผู้ใหญ่ผิดดอกหรือจ๊ะ” “โธ่แม่คุณรูปก็งามกิริยาก็งามจิตใจงามยิ่งกว่าผิดกับลูกพระน้ำพระยาคนอื่นเสียอีกมาเจ้าค่ะอิฉันจะพาไปรอเสด็จที่ห้องรับรอง”
วารินทร์ถูกตัวพามายังห้องรับรองภายในห้องกว้างมีโซฟาหนังชุดใหญ่ดูโก้ไม่น้อยใหญ่กว่าบ้านคุณลุงที่ปีนังเสียอีกวางอยู่กลางห้อง
“คุณเอื้อมรอก่อนนะเจ้าค่ะอิฉันจะไปบอกเจ้าเปลี่ยนให้ไปกราบทูลเสด็จก่อน”
“ขอบพระคุณมากนะจ๊ะ” ใบหน้ายิ้มจริงใจแลกิริยานอบน้อมอ่อนโยนของเจ้าหล่อนซื้อใจนมอิ่มไปเสียหมดสิ้นในเวลาไม่กี่นาทีที่พบหล่อนเท่านั้น เหตุการณ์แลบทสนทนาของวารินทร์แลนมอิ่มอยู่ในสายพระเนตรของเสด็จแทบทั้งหมด วารินทร์สร้างความประทับพระทัยแก่เสด็จโดยที่หล่อนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเช่นเดียวกันกับเสด็จที่ทรงทอดพระเนตรความงามแลกิริยาของหล่อนจนไม่ทันรู้พระองค์เช่นกัน เสด็จไม่ทรงทอดพระเนตรหรือทรงใส่พระทัยสตรีใดเป็นพิเศษแม้นมีสตรีสูงศักดิ์มากมายเข้ามาพระองค์ชายพบทรงไม่แม้นแต่ชายพระเนตรเสียด้วยซ้ำไปแต่กับวารินทร์พระองค์ชายพบทรงหยุดทอดพระเนตรแลทรงสดับบทสนทนาของเจ้าหล่อนแลนมอิ่มอยู่เสียนาน
นมอิ่มยิ้มอย่างเอ็นดูให้กิริยาของวารินทร์ก่อนรีบเดินไปตามหานายเปลี่ยนด้วยกลัวหล่อนจะ
คอยนาน ไม่นานหลังจากนมอิ่มเดินออกห้อง เพียงชั่วครู่ก็มีชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าใบหน้าคมคาย
สวมเสื้อฝ้ายสีขาวโปร่งกางเกงแพรสีน้ำตาลเข้มเหลือบมันยืนอยู่หน้าประตูห้องรับรองชายผู้
นั้นคือพระองค์เจ้าชายกฤตดนัยรังสกุล ไม่ทันที่พระองค์ชายพบจะทรงเสด็จพระดำเนินเข้ามายังห้องรับรอง
วารินณ์ก็เดินตรงดิ่งไปยังหน้าพระพักตร์อย่างรวดเร็วจนพระองค์ชายพบทรงไม่ทันตั้งพระองค์
“นายเปลี่ยน นายเปลี่ยนหรือป่าวจ๊ะ”
“เออ ฉันไม่...”ไม่มีแม้ช่องว่างที่จะทรงได้ออกพระโอษฐ์รับสั่งตอบหล่อน
“ฉันวารินทร์จ๊ะ เรียกเอื้อมก็ได้ฉันเป็นบุตรีเจ้าพระยาพิสุทธิมนตรีถือหนังสือราชการมาทูลเกล้าถวายเสด็จแต่เสด็จไม่ทรงว่างเสียกระมัง พบนายเปลี่ยนก็ดี ฉันดีใจมากไม่ต้องเข้าเฝ้าฉันไม่เคยเข้าเฝ้าเจ้านายคำราชาศัพท์ก็ไม่ใคร่รู้เกรงจะเสียไปถึงเจ้าคุณพ่อ นี้จ๊ะฝากนายเปลี่ยนถวายเสด็จดีกว่า เอาล่ะฉันกลับละจ๊ะนายเปลี่ยน ขอบใจนายเปลี่ยนที่เป็นธุระให้ฉัน วันนี้เป็นวันเรียนการเรือนเห็นว่าคุณหญิงแม่จะสอนทำกลีบลำดวน ฉันจะฝากกลีบลำดวนฝีมือฉันให้ลุงกล่ำมาให้นายเปลี่ยนนะจ๊ะที่วังสมเด็จวันพรุ่งนายเปลี่ยนต้องตามเสด็จเป็นแน่เอาไว้ทานระหว่างรอเสด็จเป็นการขอบใจจากฉัน ไปล่ะจ๊ะประเดี๋ยวชักช้าคงได้เฝ้าเสด็จเป็นแน่” หล่อนลาเสด็จอย่างรวดเร็วคงเกรงเสด็จมากจริงดั่งที่พูด ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสดใสที่หล่อนยิ้มให้เสด็จ ทำให้พระทัยเต้นแรงยิ่งนัก
...... อะไรกันเหตุใดใจฉันเต้นเร็วถึงเพียงนี้ราวกับเหนื่อยก็ไม่ปานรอยยิ้มนั่นทำไมหน้าอกแน่นไปหมด หน้าร้อนวูบวาบเช่นนี้คือกระไรกัน “ฝ่าพระบาท ฝ่าบาทพระองค์ชายพบ” นายเปลี่ยนพูดพลางเขย่าพระหัตถ์เจ้าชีวิต
“อะไรหรือ”
“ฝ่าพระบาททรงเป็นกระไรกระหม่อนพระพักตร์แดงกล่ำเทียวทรงประชวรหรือป่าวกระหม่อม”ถามเจ้าชีวิตด้วยท่าทีเป็นห่วงด้วยเสด็จไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ป่าวฉันไม่ได้เป็นอันใดดอกแกไม่ต้องห่วงฉัน”
“เสด็จทรงพบบุตรีเจ้าพระยาพิสุทธิมนตรีแล้วหรือกระหม่อม”
“พบแล้ว” ทรงรับสั่งสั้นๆพรางแย้มที่มุมพระโอษฐ์เล็กน้อย”
“ฉันขึ้นห้องทำงานละแกไปยกน้ำมะตูมขึ้นไปให้ฉันหน่อยวันนี้อยากดื่มน้ำมะตูมขนมไม่ต้องดอกบอกแม่อิ่มว่าฉันไม่เอาขนม” “กระหม่อนแต่วันนี้มีกลีบลำดวนที่ทรงโปรดนะกระหม่อน” “ไม่ก็ไม่สิแกนี้กระไรฉันรอชิมกลีบลำดอกวันพรุ่ง นี้ถ้านายกล่ำบ่าวคนสนิทเจ้าพระยาพิสุทธิฝากกลีบลำดวนให้แก่วันพรุ่งแก่ก็รับมาแลไม่ต้องพูดกระไรเข้าใจหรือไม่” “กระหม่อม”นายเปลี่ยนรับคำสั่งจากเสด็จ แลอีกตามเคยนายเปลี่ยนฉงนในความหมายของเสด็จแลเสด็จทรงเร่งฝีพระบาทขึ้นห้องทรงงานประทับที่เฉลียงทอดพระเนตรรถยนต์บ้านเจ้าพระยาพิสุทธิแล่นออกไปจากวังรังสกุลด้วยภายในรถมีสตรีที่สร้างความประทับพระทัยนั่งอยู่ภายในนั้นเอง......................................
“ลุงกล่ำกลับเรือนเถอะจ๊ะหิวขนมฝีมือแม่สร้อยจะแย่”
“ขอรับ เข้าเฝ้าเสด็จเป็นกระไรบ้างขอรับ”
“ไม่ได้เข้าเฝ้าดอกจ๊ะพบนายเปลี่ยนเสียก่อนให้นายเปลี่ยนถวายเสด็จดีกว่าเอื้อมดีใจนักที่ไม่ต้องเข้าเฝ้า”
“ไอ้เปลี่ยนมันเดินไวแท้เทียวมาคุยกับลุงจากกันสักครู่ก่อนคุณหนูลงมามันทันขึ้นไปถึงห้องรับรองแปลกจริง” “จ๊ะกลับกันเถอะจ๊ะประเดี๋ยวคุณหญิงแม่จะคอยเป็นโดนเอ็ดกันพอดี วันนี้เรียนทำกลีบลำดวนเสียด้วย
ลุงกล่ำจ๊ะวันพรุ่งส่งเจ้าคุณพ่อยังวังสมเด็จเอื้อมวานฝากกลีบลำดวนที่เอื้อมทำให้นายเปลี่ยน
ด้วยนะจ๊ะเป็นน้ำใจที่นายเปลี่ยนทำให้เอื้อมไม่ต้องเข้าเฝ้าเสด็จ”
“ขอรับ”
..................................................
นายเปลี่ยนยกน้ำมะตูมขึ้นมาถวายเสด็จยังห้องทรงงานแลทำการหาเอกสารต่อแลเสด็จทรงรับสั่งถามบ่าวคนสนิท
“แกว่าฉันเหมือนคนบ่าวสนิทหน้าห้องมากกว่าจะเป็นเจ้านายหรือไม่”
เมื่อฟังรับสั่งนายเปลี่ยนเลิกคิ้วสูงพลางตอบ “ฝ่าพระบาทนะหรือกระหม่อมใครกันช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงถึงเพียงนั้นกระหม่อม” ก็ทรงสง่าแลรูปงามถึงปานนี้แม้จะทรงสวมฉลององค์ด้วยเสื้อผ้าฝ้ายแทนฉลองพระองค์ด้วยเครื่องแบบนายทหารก็มิได้ลดความสง่างามของเสด็จลงแม้เพียงสักหน่อย
“ฝ่าพระบาทเหตุใดทรงมีพระดำริเช่นนั้นกระหม่อม ถึงไม่ทรงฉลององค์ด้วยเครื่องแบบนายทหารหรือฉลององค์ในชุดลำรองหรือแม้กระทั่งฉลององค์เช่นคนทั่วไปกระหม่อมไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใครมาก่อนมองเพียงครู่ก็ให้รู้ได้ว่าไม่ใช่สามัญชนธรรมดาเป็นแน่กระหม่อม”
“งั้นดอกหรือ แกผิดถนัดด้วยแกอยู่ในแวววงเจ้านายกระมังมีอยู่ดอกที่คิดว่าฉัน
ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์” ประโยคนี้ฟังดูราวกับทรงน้อยพระทัยแต่ฉะไหนกับทรงตรัส
พร้อมกับทรงพระสรวลออกมา นายเปลี่ยนมองเสด็จด้วยความฉงนยิ่งนักวันนี้
เป็นคราแรกตั้งแต่ทรงเสด็จนิวัติสยามแลทรงมีความสุขถึงเพียงนี้ ปกติจะทรง
มีพระพักตร์ครึมอยู่ไม่น้อยด้วยข้อราชการมากอีกทั้งพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริ
โปรดเกล้าฯให้จัดตั้งโรงเรียนเสนาธิการทหารบกขึ้น ยิ่งทรงงานหนักมากขึ้นไป
กว่าแต่ก่อนเมื่อเสด็จทรงมีความสุขเช่นนี้บ่าวเช่นนายเปลี่ยนก็ให้สุขใจนักถึงจะไม่
รู้เหตุของความสุขก็ตาม แต่เชื่อเถิดว่าต้องรับสั่งเล่าเป็นแน่เพราะเสด็จไม่เคยทรงมีเรื่อง
ปิดบังนายเปลี่ยนแม้สักเรื่องด้วยทรงทอดพระเนตรนายเปลี่ยนเป็นพระสหายรัก
แลรับใช้ใกล้ชิดมาแสนนานห่างพระวรกายก็เพียงตอนเสร็จยังอังกฤษเพียงเท่านั้นแล
นายเปลี่ยนยังรู้พระทัยเป็นที่สุดรู้โดยมิต้องรับสั่งอันใดให้มากความเสียด้วย
........................................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ