นางพญาไร้ใจ
7.9
เขียนโดย nightshadow
วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 08.27 น.
37 ตอน
1 วิจารณ์
40.48K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 19.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เป้าหมายที่ต้องการจะทำ และการซื้อใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อทำการทดสอบจนพึงพอใจแล้ว มี่เหยียนก็ชักดาบออกมาจากลำคอของเด็กชายพร้อมกับใช้มือฉุดร่างของจินหย่งให้ลุกขึ้น และเอ่ยปากบอกข้ารับใช้ไป๋เฟิงให้คลายความตื่นตะหนกลง "เจ้าไม่ต้องตกใจไปหรอกไป๋เฟิง ข้าไม่ได้จะทำอันตรายต่อเขา เพียงแต่แค่อยากทดสอบเขาเท่านั้น" เมื่อได้ยินคำบอกกล่าวขององค์หญิง ข้ารับใช้ตัวน้อยก็แสดงท่าทางดีใจพร้อมกับเอ่ยคำแสดงความยินดีให้กับจินหย่ง ไป๋เฟิงเคยพบเห็นเขาเข้ามาในวังพร้อมบิดาที่เป็นแม่ทัพอยู่บ่อยครั้ง และรู้สึกชื่นชมในความสง่างามองอาจของเขาจนทำให้นางรู้สึกแอบปลื้มและประทับใจในตัวเขาอยู่ เมื่อครู่ตอนที่นางเห็นองค์หญิงแสดงท่าทีเป็นศัตรูกับเขา และใช้ดาบฟาดฟันใส่เขาอย่างน่ากลัว ทำให้นางเป็นห่วงเขาอย่างมากและพยายามห้ามปรามด้วยความใสซื่อ ไป๋เฟิงส่งยิ้มอย่างโล่งใจพร้อมกับเอ่ยปากยินดีกับเขา "ดีจริง ข้าตกใจแทบแย่แหนะ เมื่อครู่ข้านึกว่าองค์หญิงจะเอาชีวิตท่านจริงๆเสียแล้ว โล่งอกไปทีนะเจ้าคะ" จินหย่งไม่ได้มีท่าทีตอบรับในความหวังดีของเด็กหญิงข้ารับใช้เลย ไม่แม้แต่จะส่งยิ้มให้ พร้อมกับเดินไปหาร่างบางขององค์หญิงพระองค์น้อย อย่างไม่เห็นไป๋เฟิงอยู่ในสายตา จนทำเอาเด็กน้อยข้ารับใช้ สลดและอดที่จะน้อยใจไม่ได้ ที่ในขณะนี้สายตาและรอยยิ้มของเขา มีให้แต่เพียงองค์หญิงหลี่เหวินโดยไม่เหลือบมองมายังนางเลยแม้แต่น้อย จินหย่งไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รับรู้ไมตรีจิตที่ข้ารับใช้นางนั้นส่งมาที่เขาแต่สำหรับเขาก็เป็นเช่นนี้ เขาจะให้ความสำคัญกับเฉพาะบุคคุลที่สำคัญสำหรับเขาเท่านั้น ส่วนคนอื่นที่เขาไม่ใส่ใจเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีไมตรีจิตและสนใจความรู้สึกของคนผู้นั้น และในตอนนี้คนสำคัญที่เขาให้ความสนใจเพียงหนึ่งเดียวก็คือ องค์หญิงหลี่เหวินที่กำลังประทับนั่งอยู่ในอุทยานบนเก้าอี้หินอ่อน และส่งยิ้มพึงพอใจตรงมาที่เขา จินหย่งคุกเข่าลงนั่งอยู่เบื้องล่างก้มหัวด้วยความนอบน้อม
แน่นอนว่ามี่เหยียนที่แม้ว่าตัวนางในตอนนี้ จะเกิดมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุหกขวบ แต่ตัวตนของนางก็คือหญิงสาวอายุยี่สิบปีและยังเป็นนักฆ่าที่มีประสบการณ์และพบเห็นคนมามาก มีหรือที่นางจะดูปฏิกิริยาของเด็กๆไม่ออกว่าใครคิดอะไรกันบ้าง แต่นางก็ยังคงเป็นนางที่ไม่ได้สนใจความรักของเด็กๆมากไปกว่าเป้าหมายที่สำคัญของนาง และสำหรับอุดมการณ์ของนางในชาติก่อนก็คือ หากพบบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่เป็นประโยชน์ต่อเป้าหมายก็สมควรจะทำทุกอย่างเพื่อซื้อใจดึงตัวเอาไว้ นางดึงตัวเด็กชายตัวน้อยให้ลุกขึ้นมานั่งเคียงข้างนางบนเก้าอี้หินอ่อน จนเด็กชายตัวน้อยหัวใจเต้นรัวและนิ่งตะลึงไป มี่เหยียนดูออกว่าเด็กคนนี้คิดอย่างไรกับนางและแม้ว่าเขาจะเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะ แต่จะอย่างไรก็ยังเป็นเด็กน้อยอายุเพียงเก้าขวบอยู่ดีและเขาก็คือเป้าหมายที่นางต้องการดึงตัวมาเข้าพวก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องซื้อใจเขาเอาไว้ ในขณะที่เด็กฉลาดอย่างจินหย่งก็รับรู้ว่านางมุ่งหวังอะไรจากเขา เขาไม่ใช่คนที่จะให้ใครหลอกใช้หรือล่อลวงได้โดยง่าย มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะยอมให้หรือไม่ต่างหาก ซึ่งการได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางใจให้เขาเข้าพวกขององค์หญิงที่เขาประทับใจนั้น เป็นสิ่งที่เขายินดีและเต็มใจเป็นอย่างมาก ภายในแววตาของนางนั้นเขารู้สึกได้ถึงความล้ำลึกและมองเขาออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และนางก็กำลังจะใช้ประโยชน์จากความรู้สึกนั้นของเขา ตั้งแต่ใด้พบนางครั้งแรกและได้เห็นสีหน้าแห่งความเย็นชาต่อสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจผู้ใดมากไปกว่าความต้องการของตัวเอง เขาก็รับรู้แล้วว่านางเป็นบุคคลประเภทเดียวกันกับเขา และเมื่อได้เห็นถึงสติปัญญาความสามารถของนางกับบุคลิกของความเป็นผู้นำที่ฉายแววออกมาจากร่างตัวน้อย ก็ทำให้เขายินยอมและสลักนางเอาไว้เป็นหนึ่งเดียวในใจ เขาปรารถนาจะให้นางเห็นคุณค่าและยอมให้เขาได้ใกล้ชิด และในตอนนี้มันเหมือนฝันที่กลายเป็นจริงจึงทำให้หัวใจดวงน้อยของเด็กชายเต้นรัว ด้วยความดีใจจนยิ้มออกมาด้วยความยินดีอย่างปิดไม่มิด
มี่เหยียนใช้มือน้อยๆลูบไล้ไปที่บริเวณใบหน้าของเด็กชาย พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เจ้าเป็นเด็กฉลาด มีความสามารถที่มีแววว่าจะมีอนาคตไกล สิ่งที่ข้าต้องการที่จะทำนั้นยิ่งใหญ่และสำคัญมาก ข้าต้องการบุคคลมีความสามารถเข้ามาช่วยและข้าได้เลือกเจ้าเอาไว้แล้ว ในเวลานี้ผู้ปกครองไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม ขุนนางฉ้อฉล ราษฎรทุกข์เข็ญ ในฐานะที่ข้าคือองค์หญิงลำดับที่สองของราชวงศ์ ข้ามีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ให้มันเป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็น แต่คงไม่ใช่ตอนนี้หรอกเพราะตัวข้าและเจ้าในตอนนี้ยังเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ยังคงต้องรอคอยโอกาสที่เหมาะสม ซึ่งในตอนนี้ควรฝึกฝนวิชาความรู้และพัฒนาฝีมือ รวมถึงอดทนไปตามสถานการณ์เพื่อรอเวลานั้นมาถึง ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ข้าคิดจะทำ ไม่ใช่เรื่องง่ายและคงเต็มไปด้วยอุปสรรค์และศัตรู ผู้ที่รับใช้ข้างกายข้าอาจจะต้องเผชิญกับความยากลำบากที่จะถาโถมเข้ามามากมาย และหากพลาดพลั้งย่อมหมายถึงชีวิต แบบนี้แล้วเจ้าจะยังอยากรับใช้ข้าอยู่อีกหรือไม่ล่ะเด็กน้อย"
จินหย่งที่ได้รับฟังเป้าหมายที่องค์หญิงพระองค์น้อยต้องการจะทำ ในใจยิ่งเกิดความเลื่อมใสศัรทธามากขึ้น เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้มาโดยตลอดแต่ลำพังความคิดของเขาคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ และท่านพ่อของเขาก็มีความคิดแต่เพียงซื่อสัตย์ภักดีอย่างโง่งม โดยไม่สนใจที่อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น แต่ในเวลานี้เขาค้นพบคนที่มีความคิดในแบบเดียวกันและเป็นเจ้านายที่เขาจะรับใช้มอบชีวิตให้แล้ว "ขอองค์หญิงได้โปรดรับกระหม่อมเป็นหนึ่งในเป้าหมายของพระองค์ด้วยพะยะค่ะ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตกระหม่อมก็พร้อมยอมพลีเพื่อพระองค์" มี่เหยียนดึงตัวเด็กชายมาโอบกอดในแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กพร้อมทั้ง หอมแก้มอย่างแผ่วเบาให้เป็นรางวัลสำหรับคำตอบที่น่าพึงพอใจ สร้างความเบิกบานใจให้กับเด็กชายจินหย่ง ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ไป๋เฟิงมองภาพนั้นด้วยหัวใจปวดร้าว นางไม่เข้าใจคำพูดยากๆที่องค์หญิงและเขาคนนั้นพูดกัน เด็กน้อยที่เป็นเพียงเด็กหญิงธรรมดาไร้เดียงสาไม่อาจเข้าใจ ในความหมายคำพูดอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของเด็กอัจฉริยะทั้งสองนั้นได้ นางเพียงรับรู้แต่ว่านางรู้สึกริษยาในแววตาชื่นชมยกย่องและรอยยิ้มอ่อนโยนที่ เขามีให้กับองค์หญิง และองค์หญิงก็ให้ความสำคัญและปฏิบัติต่อเขาแตกต่างจากคนอื่น ที่มักมีเพียงความเฉยชาไม่สนใจผู้ใดเท่านั้นแต่ในตอนนี้กลับมีไมตรีจิตมอบให้กับเด็กชายคนนั้น ซึ่งนางไม่อาจทนรับได้
แน่นอนว่ามี่เหยียนที่แม้ว่าตัวนางในตอนนี้ จะเกิดมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุหกขวบ แต่ตัวตนของนางก็คือหญิงสาวอายุยี่สิบปีและยังเป็นนักฆ่าที่มีประสบการณ์และพบเห็นคนมามาก มีหรือที่นางจะดูปฏิกิริยาของเด็กๆไม่ออกว่าใครคิดอะไรกันบ้าง แต่นางก็ยังคงเป็นนางที่ไม่ได้สนใจความรักของเด็กๆมากไปกว่าเป้าหมายที่สำคัญของนาง และสำหรับอุดมการณ์ของนางในชาติก่อนก็คือ หากพบบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่เป็นประโยชน์ต่อเป้าหมายก็สมควรจะทำทุกอย่างเพื่อซื้อใจดึงตัวเอาไว้ นางดึงตัวเด็กชายตัวน้อยให้ลุกขึ้นมานั่งเคียงข้างนางบนเก้าอี้หินอ่อน จนเด็กชายตัวน้อยหัวใจเต้นรัวและนิ่งตะลึงไป มี่เหยียนดูออกว่าเด็กคนนี้คิดอย่างไรกับนางและแม้ว่าเขาจะเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะ แต่จะอย่างไรก็ยังเป็นเด็กน้อยอายุเพียงเก้าขวบอยู่ดีและเขาก็คือเป้าหมายที่นางต้องการดึงตัวมาเข้าพวก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องซื้อใจเขาเอาไว้ ในขณะที่เด็กฉลาดอย่างจินหย่งก็รับรู้ว่านางมุ่งหวังอะไรจากเขา เขาไม่ใช่คนที่จะให้ใครหลอกใช้หรือล่อลวงได้โดยง่าย มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะยอมให้หรือไม่ต่างหาก ซึ่งการได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางใจให้เขาเข้าพวกขององค์หญิงที่เขาประทับใจนั้น เป็นสิ่งที่เขายินดีและเต็มใจเป็นอย่างมาก ภายในแววตาของนางนั้นเขารู้สึกได้ถึงความล้ำลึกและมองเขาออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และนางก็กำลังจะใช้ประโยชน์จากความรู้สึกนั้นของเขา ตั้งแต่ใด้พบนางครั้งแรกและได้เห็นสีหน้าแห่งความเย็นชาต่อสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจผู้ใดมากไปกว่าความต้องการของตัวเอง เขาก็รับรู้แล้วว่านางเป็นบุคคลประเภทเดียวกันกับเขา และเมื่อได้เห็นถึงสติปัญญาความสามารถของนางกับบุคลิกของความเป็นผู้นำที่ฉายแววออกมาจากร่างตัวน้อย ก็ทำให้เขายินยอมและสลักนางเอาไว้เป็นหนึ่งเดียวในใจ เขาปรารถนาจะให้นางเห็นคุณค่าและยอมให้เขาได้ใกล้ชิด และในตอนนี้มันเหมือนฝันที่กลายเป็นจริงจึงทำให้หัวใจดวงน้อยของเด็กชายเต้นรัว ด้วยความดีใจจนยิ้มออกมาด้วยความยินดีอย่างปิดไม่มิด
มี่เหยียนใช้มือน้อยๆลูบไล้ไปที่บริเวณใบหน้าของเด็กชาย พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เจ้าเป็นเด็กฉลาด มีความสามารถที่มีแววว่าจะมีอนาคตไกล สิ่งที่ข้าต้องการที่จะทำนั้นยิ่งใหญ่และสำคัญมาก ข้าต้องการบุคคลมีความสามารถเข้ามาช่วยและข้าได้เลือกเจ้าเอาไว้แล้ว ในเวลานี้ผู้ปกครองไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม ขุนนางฉ้อฉล ราษฎรทุกข์เข็ญ ในฐานะที่ข้าคือองค์หญิงลำดับที่สองของราชวงศ์ ข้ามีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ให้มันเป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็น แต่คงไม่ใช่ตอนนี้หรอกเพราะตัวข้าและเจ้าในตอนนี้ยังเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ยังคงต้องรอคอยโอกาสที่เหมาะสม ซึ่งในตอนนี้ควรฝึกฝนวิชาความรู้และพัฒนาฝีมือ รวมถึงอดทนไปตามสถานการณ์เพื่อรอเวลานั้นมาถึง ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ข้าคิดจะทำ ไม่ใช่เรื่องง่ายและคงเต็มไปด้วยอุปสรรค์และศัตรู ผู้ที่รับใช้ข้างกายข้าอาจจะต้องเผชิญกับความยากลำบากที่จะถาโถมเข้ามามากมาย และหากพลาดพลั้งย่อมหมายถึงชีวิต แบบนี้แล้วเจ้าจะยังอยากรับใช้ข้าอยู่อีกหรือไม่ล่ะเด็กน้อย"
จินหย่งที่ได้รับฟังเป้าหมายที่องค์หญิงพระองค์น้อยต้องการจะทำ ในใจยิ่งเกิดความเลื่อมใสศัรทธามากขึ้น เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้มาโดยตลอดแต่ลำพังความคิดของเขาคนเดียวไม่สามารถทำอะไรได้ และท่านพ่อของเขาก็มีความคิดแต่เพียงซื่อสัตย์ภักดีอย่างโง่งม โดยไม่สนใจที่อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น แต่ในเวลานี้เขาค้นพบคนที่มีความคิดในแบบเดียวกันและเป็นเจ้านายที่เขาจะรับใช้มอบชีวิตให้แล้ว "ขอองค์หญิงได้โปรดรับกระหม่อมเป็นหนึ่งในเป้าหมายของพระองค์ด้วยพะยะค่ะ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตกระหม่อมก็พร้อมยอมพลีเพื่อพระองค์" มี่เหยียนดึงตัวเด็กชายมาโอบกอดในแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กพร้อมทั้ง หอมแก้มอย่างแผ่วเบาให้เป็นรางวัลสำหรับคำตอบที่น่าพึงพอใจ สร้างความเบิกบานใจให้กับเด็กชายจินหย่ง ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ไป๋เฟิงมองภาพนั้นด้วยหัวใจปวดร้าว นางไม่เข้าใจคำพูดยากๆที่องค์หญิงและเขาคนนั้นพูดกัน เด็กน้อยที่เป็นเพียงเด็กหญิงธรรมดาไร้เดียงสาไม่อาจเข้าใจ ในความหมายคำพูดอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของเด็กอัจฉริยะทั้งสองนั้นได้ นางเพียงรับรู้แต่ว่านางรู้สึกริษยาในแววตาชื่นชมยกย่องและรอยยิ้มอ่อนโยนที่ เขามีให้กับองค์หญิง และองค์หญิงก็ให้ความสำคัญและปฏิบัติต่อเขาแตกต่างจากคนอื่น ที่มักมีเพียงความเฉยชาไม่สนใจผู้ใดเท่านั้นแต่ในตอนนี้กลับมีไมตรีจิตมอบให้กับเด็กชายคนนั้น ซึ่งนางไม่อาจทนรับได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ