Crystalfall: Fake/Brave [ชีวิตพังเพราะพระเจ้า]
เขียนโดย Spy442299
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.23 น.
แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 17.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) Fake/Brave I - Cherry/Tommy - [บทลงโทษของพระเจ้า]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความCrystalfall: Fake/Brave
คริสตัลฟอร์: เฟค/เบรฟ
Ch.18 Fake/Brave I
Cherry/Tommy - [บทลงโทษของพระเจ้า]
◊◊◊
[สองเดือนสามสัปดาห์หลังเหตุการณ์ที่เมืองบาลาส]
[เนินเขาทิศตะวันตกนอกตัวเมือง]
ทุกอย่างเมื่อเกือบสามเดือนที่แล้วราวกับฝัน
เส้นทางที่ฉันเดินทางมาจนถึง ณ ตอนนี้...แลกกับความสูญเสียทั้งๆ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
อัศวินเชสเซอร์ ที่ป่านนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ยูกะบอกว่าเขาถูกจับหลังจากแยกกับฉันไม่นาน ป่านนี้น่าจะถูกขังอยู่ไม่ก็ขายเป็นทาส
มาเรีย...ยอมต้องตายแทนฉันทั้งๆ ที่เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแท้ๆ
พอคิดถึงเธอขึ้นมาทีไรมันปวดตรงกลางอกอยู่เรื่อย...
และอีกหลายชีวิตที่ต้องสังเวยในเหตุการณ์ฟอร์ดาวน์ที่เมืองบาลาสนั่น...วันนั้นหลังจากจัดการกับกินซ่าเสร็จหนีขึ้นเรือบินเห็นคนข้างล่างร่วงหล่นสู่โลกเบื้องล่างโดยที่ช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้เลย
ฉันยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยพวกเขาทั้งหมด...
ถึงจะคิดแบบนั้นร่างกายของเราตอนนี้มันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่า [มนุษย์] ไปแล้ว
กระโดดสูงได้เป็นสิบๆ เมตรและตกหล่นมาโดยที่ไม่เป็นอะไร เรี่ยวแรงก็เพิ่มขึ้นมากมายแม้ใช้มือขวาที่เป็นมือปกติก็ยังต่อยพื้นได้โดยที่ไม่เจ็บและพื้นเป็นรอ
แถมยังเริ่มใช้เวทมนต์ได้แล้วด้วย...ไม่ใช่แค่คัมภีร์แต่ยังร่ายได้ด้วยถึงจะยังไม่ค่อยคืบหน้าก็เถอะเหมือนว่ายังต้องเรียนรู้อีกมากและยังไม่รู้ขีดจำกัดมานาตัวเองเพราะยังไม่เคยถึงจุดที่ใช้เวทมนต์จนรู้สึกเหนื่อยสักที หากมองเฉพาะความสามารถทางกายภาพแล้วเหนือกว่าชาติที่แล้วที่เป็นผู้ใช้พลังจิตหมายเลขหนึ่งเพราะร่างเดิมชาติที่แล้วนั้นมันทนทานกับพลังที่ตัวเองปล่อยออกมาแค่นั้น หกล้มยังเจ็บ
ถึงจะวิเคราะห์ตัวเองอย่างเวอร์ๆ แบบนั้น ก็ยังหาเวลาลองความสามารถแบบเต็มที่ไม่ได้สักทีเพราะหมดไปกับการช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากฟอร์ดาวน์...ทั้งฉันและคนอื่นๆ ที่ประจำการเรือบินพิเศษของสถาบันนิวส์ไลฟ์ยังเป็นกลุ่มทดลองได้บินด้วยซ้ำ ต่างออกช่วยเหลือผู้คนตามเส้นทางแม่น้ำคริสตัลทิศตะวันออกเฉียงใต้ตามคำสั่งของสภานิวส์ไลฟ์ที่ผ่านสมาคมกิลด์ผจญภัยอีกที
เพราะอะไรงั้นหรอ? ก็เพราะฟอร์ดาวน์มันทำให้ตัดขาดแม่น้ำคริสตัลทางตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด ทำให้หัวเมืองต่างๆ ปลายน้ำเกิดการขาดแคลนน้ำอย่างหนักมาก...ถึงแม้จะไม่ใช่อาณาจักรของตัวเองแต่มีปณิธานช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากฟอร์ดาวน์ทั่วทวีปและนั่นถือสิ่งที่สถาบันนิวส์ไลฟ์เป็น
ทางอาณาจักรเฟธเองแลดูเหมือนจะทอดทิ้งประชาชนของเขาทั้งหมดเพราะเดิมที่พื้นที่แถวนั้นหรือทางใต้ของสถาบันนิวส์ไลฟ์อำนาจของพวกเขาไปไม่ค่อยจะถึง ยิ่งเวลาเกิดขึ้นแบบนี้ในขณะมีสงครามกับเอลฟ์แทบจะไม่เห็นหัวกันและกันเลยทีเดียว จะมีแต่หัวเมืองหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้พอมีกำลังช่วยเหลือบ้างพอกลุ่มเรือบินทั้งสามลำไปถึงก็ให้การช่วยเหลืออย่างดี
ดูเหมือนว่ากลุ่มเรือบินที่ฉันอยู่นั้นถูกประชาชนของเฟธเรียกอย่างลือๆ ว่า [นางฟ้าซีราฟิน่า] หรือ [กิลด์ซีราฟิน่า] ที่น่าจะเป็นชื่ออะไรสักอย่างที่เกี่ยวของกับเรื่องศาสนาของทางเฟธแน่ๆ ชื่อนั่นก็ถูกเรียกมาเรื่อยๆ ตลอดการเดินทางช่วยเหลือสองเดือนเต็ม...และใช้เวลาอีกเกือบเดือนเดินทางกลับมายังสถาบันนิวส์ไลฟ์
ใช่...ตอนนี้สถาบันแห่งนั้นมาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว มันอยู่ไกลออกไปประมาณสองกิโลเมตร...ที่รู้เพราะตอนนี้ยืนอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งที่เป็นลานจอดของเรือบิน พอมองไปทางนั้นก็เห็นชุมชนเมืองที่ล้อมรอบโดมหกเหลี่ยมสีฟ้าขนาดใหญ่ที่ฉันเดาว่าน่าจะใหญ่กว่าเมืองบาลาสสองเท่าและถ้ารวมพื้นที่ชุมชนล้อมรอบจะใหญ่เมืองบาลาสถึงหกเท่าเลยทีเดียว
ชีวิตใหม่ที่นั่น...ในฐานะผู้กล้างั้นหรอ
ฉันไม่มีความมั่นใจเลยถึงแม้ว่าตลอดเกือบสามเดือนนี้จะถูกใครๆ เรียกว่า [ผู้กล้า] แล้วก็ตามและถูกตาม [คุ้มกัน] มาตลอดในช่วงที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนของเฟธ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่รู้จักผู้กล้าจอมปลอมตามหมายจับของทางอาณาจักรเฟธอยู่ดีเพราะรูปวาดฉันมันห่วยบรมสุดๆ
แต่เพราะถูกลูกน้องหัวหน้าช่างแจ๊ะเรียกว่าผู้กล้าตลอดเวลาเลยมีข่าวลือว่ากองเรือบินนี้มีผู้กล้ามีค่าหัวอยู่ด้วย...ถึงได้ถูกโจมตีจากผู้ที่ต้องการชิงตัวฉันเป็นครั้งเป็นคราวแต่ด้วยการที่มีเรือบินได้นั้นเลยได้เปรียบเป็นอย่างมาก
ทว่าชีวิตทุกคนบนเรือบินต้องเสี่ยงก็เพราะฉันอยู่ดี...
ถามแบบนั้นไปทุกคนก็ดูเหมือนจะตอบแบบเดียวกันหมดว่าไม่เป็นไร
ให้ตายสิ ทำไมถึงเคารพฉันกันจัง...แต่ยังไงซะเรย์ลี่ก็ยังปฏิบัติฉันเหมือนเดิม...ขี้เล่นสุดๆ และสัสดีก็เช่นกัน...โคตรเย็นชา
พอคิดแบบนั้นแล้วถอนหายใจเลยทำให้คนที่อยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้บ่นใส่
“ชีวิตเจ้าเริ่มราบรื่นแล้วนะ”
“หือ!? เอลด้า!?”
นางฟ้าผู้วงการชีวิตเดินมาอยู่ข้างๆ
“มาแบบนี้จะดีหรือ คนข้างหลังฉันจะเห็นเธอเอานะ”
ฉันหมายถึงลานจอดเรือบินที่อยู่ข้างหลังที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกับการจัดการของต่างๆ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังสถาบันนิวส์ไลฟ์ข้างหน้า
“ไม่มีใครเห็นเราหรอก ไว้ใจได้...พวกเขาจะเห็นเจ้าบ้าคุยคนเดียว”
“หึๆ ขอบคุณมาที่ทำให้ฉันถูกมองแบบนั้น...และช่วยฉันกับยูกะตอนนั้นด้วย”
ฉันหมายถึงตอนที่ยิงบีมใส่กินซ่าแล้วยูกะพาฉันออกไป ตอนนั้นจำได้ว่ามีเศษหินคริสตัลแหลมๆ พุ่งลงมาใส่แต่มันอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นกั้นไว้ พอมาถามยูกะทีหลังเธอก็บอกว่าไม่ได้ร่ายเวทย์สร้างโล่อะไรไว้เพราะไม่มีเวลาคิดมากพอและมันจะลำบากมากถ้าร่ายเวทย์หลายๆ ให้ทำงานพร้อมกัน
เอลด้าส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
“ยังจะมองเห็นอีก”
“แล้วพระเจ้าไม่ว่าหรือไง...เธอช่วยฉันหลายรอบแล้วนะ เท่าที่จำได้เขาพยายามสาปแช่งฉันให้ลำบากนิ?”
“แล้วเรื่องเจ็บปวดที่ผ่านมานั่นไม่ใช่หรือไง”
เอลด้าหมายถึงเรื่องของมาเรีย มันทำให้ฉันกัดฟันอีกครั้งแต่ก็นึกอะไรออกพอดีว่าได้ระบายความโกรธที่ตัวเองไปที่ใบหน้าของแอนดิวหรือสามีของเธอแล้ว ตอนที่เพิ่งบินออกจากเมืองบาลาที่ล่มสลายมาจอดเทียบท่าข้างนอกนั้น เห็นแอนดิวกำลังจู้จี้กับผู้จัดการออริน่านั่นเลยโกรธจัดเข้าไปต่อยสองสามคนแล้วพูดสั่งสอนอะไรสักอย่างที่ฉันจำไม่ได้แล้ว...และบอกเรื่องมาเรียด้วย
ถึงจะเป็นคนที่เคยช่วยชีวิตฉันก็เถอะ แต่บังอาจทำให้มาเรียเสียใจก็ไม่ยกเว้น!
ฉันผ่อนลมหายใจพยายามให้ตัวเองกลับมาเป็นปกติอีกครั้งแล้วถามเอลด้า
“แล้วพระเจ้านั่นว่าไงบ้าง ได้บอกอะไรมาหรือเปล่า”
“เอ่อ...อันที่จริง...” เอลด้าเบ้ปาก “เขาไม่ได้สนใจเจ้าตั้งแต่ส่งเธอมาโลกนี้แล้วล่ะ”
“หา!”
เรื่องที่เอลด้าบอกนั้นทำให้ฉันอ้าปากค้าง เอลด้ารำคาญท่าทางของฉันเลยรีบอธิบาย
“เลยให้เราดูแลไง พระเจ้าก็เป็นแบบนี้แหละให้คนอื่นมาดูแลของเล่นตัวเองที่ออกแบบไว้แล้วก็หายไป...นานๆ ทีจะโผล่มา”
“แล้วนานๆ ทีที่ว่ามันกี่เดือน?”
“สิบปียี่สิบปีไม่ก็พันปีได้”
“หา!!”
ฉันร้องเสียงหลงอย่างที่สุด
งั้นเรื่องที่ผ่านๆ มา...ไม่ใช่เพราะพระเจ้ามันกลั่นแกล้งหรอ? มันเกิดขึ้นเพราะฉันล้วนๆ!?
ไม่รู้ว่าเข่าอ่อนลงไปตั้งแต่เมื่อไร เอลด้าย่อเข่าบอกสิ่งที่เป็นไปได้มากสุด
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นความบังเอิญนะเฟลิกซ์ ฉันเองก็ไม่คิดว่ากินซ่าทำเรื่องขนาดนั้นเหมือนกัน”
“หมายความว่าไง?”
“ก็พระเจ้าชุบชีวิตกินซ่าขึ้นมาเพื่อ—”
เอลด้ายังพูดไม่ทันจบจู่ๆ เธอก็ไม่มีเสียง...ไม่ว่าจะพยายามขยับปากมากแค่ไหนก็ตาม รอบตัวทุกสิ่งกลายเป็นขาวดำและคนอื่นแถวลานบินล้วนหยุดนิ่งราวกับถูกหยุดเวลาไว้ มีแต่ฉันกับเอลด้าเท่านั้นที่ต่างงุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น พอจะเอ่ยถามก็เกิดความผิดปกติขึ้น
ทำไมฉันถึงไม่มีเสียงด้วยเนี่ย? มันหนักๆ ไปทั้งตัว—
และแล้วท้องฟ้าเหนือหัวมีก้อนเมฆก่อตัวคล้ายตาพายุ...ตรงกลางมีแสงสว่างจ้าจนมองมันไม่เห็นว่าคืออะไร
“เอลด้า! ทำไมเจ้าถึงทำให้มันเป็นเรื่องวุ่นวายขนาดนี้!”
เสียงของผู้ชายทุ้มเข้มดังจากเหนือหัว...ซึ่งฉันจำได้อย่างดีว่าเป็นเสียงใคร
พระเจ้า!
“ข้าอุตสาห์ไว้ใจเจ้าให้ดูแลกินซ่าให้ดี...ให้นางได้ออร่ามานาจากเฟลิกซ์เพื่อทำให้คริสตัลฟอร์เข้าสู่ยุคล่มสลายจากนางนั่น...ทำไมเจ้าถึงทำทุกอย่างตรงกันข้าม!”
เรื่องที่พระเจ้าเอ่ยขึ้นมานั้นทำให้เข้าใจสิ่งที่กินซ่าพูดไว้
“เจ้ารู้ไหมกว่าข้าจะหาเหตุผลมารองรับเพื่อหาเรื่องให้เกิดขึ้นพวกนี้มันยากแค่ไหน? ที่จริงข้าจะลบโลกใบนี้เลยก็ยังได้! แต่มันจะทำให้จักรวาลปั่นป่วน! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเอาแต่ใจตัวเอง! นี่มันครั้งที่เจ็ดพันสามร้อยสี่สิบห้าครั้งแล้ว!”
สิ้นเสียงนั่นเงียบไปสักพักแล้วตามด้วยเสียงถอนลมหายใจและตอนนี้ฉันยังจับเรื่องต้นจนปลายไม่ถูกแต่พอเดาจากน้ำเสียงได้ว่าเป็นลางไม่ดีแน่ๆ
“หึๆ ทำไมเจ้าทำหน้าแบบนั้น ข้าก็เคยบอกเจ้าแล้วว่าถ้ามีอีกครั้งล่ะก็...”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
ทันใดนั้นมีสายฟ้าฟาดเข้าที่เอลด้า ความเจ็บปวดของเธอนั้นฉันรับรู้ผ่านเสียงอันแสนทรมานอย่างสุดซึ้ง เธอถูกช็อตราวๆ สิบวินาทีร่างกายที่คล้ำและมีควันเซล้มลงหน้าคว่ำกับพื้นไปจนฉันไม่แน่ใจว่าเธอสลบหรือไม่
“เอลด้า...ต่อไปนี้เจ้าจงใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์อันต่ำต้อยที่เจ้าแสนจะรักมันเถอะ”
“ทะท่าน...”
เอลด้าที่เริ่มขยับปากได้แล้วพยายามเปล่งเสียง แต่แล้วก็เงียบไป
“สงสัยจะแรงเกินไปหน่อยสำหรับนางฟ้าตกสวรรค์” พระเจ้าว่า “ส่วนเจ้า...เฟลิกซ์ ตอนแรกข้าอยากจะแกล้งเจ้าจับตาดูเจ้ามากกว่านี้...แต่เกิดเบื่อขึ้นมา ต้องขอโทษด้วยที่ว่างเว้นไปสามเดือน”
หา!? อะไรของแกเนี่ย!
“ไม่เข้าใจไม่เป็นไร ข้าไม่ได้อยากให้เจ้ามาเข้าใจข้า”
พระเจ้าที่อ่านใจได้ตอบกลับอย่างไม่ไยดีแล้วเริ่มเอ่ยในสิ่งที่ฉันไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น
“เพราะฉะนั้นครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะพูดกับเจ้า...และเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะมอบชีวิตอันแสนทรมานกับเจ้า ข้าจะตั้งเวลาถอยหลังโลกนี้ยี่สิบปีนับจากนี้ คริสตัลฟอร์จะค่อยๆ ล่มสลายท่ามกลางหอคอยเหล็กกล้า! และสิ่งที่เจ้าทำมาทั้งหมดจะไม่มีใครจดจำมันได้! เจ้าจะเสียใจท้อแท้สิ้นหวัง...นับจากนี้และตลอดไป!”
คำสาปแช่งจากพระเจ้าดังลั่นกังวานในหัว ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าตัวเองถูกลมพัดกระชากปลิ้วลอยกลางอากาศก่อนที่จะค่อยๆ ชะลอลงแล้วเริ่มทิ้งดิ่งมุ่งลงแม่น้ำคริสตัลที่ไหลไปทางสถาบันนิวส์ไลฟ์พร้อมกับเอลด้า
นี่มันบ้าอะไร…ไหงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
ไม่เข้าใจ…
ไม่เข้าใจเลยสักนิด...
ไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว!
ไอ้พระเจ้าโรคจิตโว้ย!!!
◊◊◊
ช่วงคุยกับไรท์เตอร์
จบลงไปแล้วสำหรับ Ch.18 อันแสนสั้นนะจ๊ะ ฮ่าๆ
ตอนนี้ข้ามกาลเวลาเกือบๆ สามเดือนจากตอน Ch.16 เลย
(Side Story Ch.17 ล่าสุดสามเดือนเต็มๆ นะ)
ในที่สุดเฟลิกซ์ก็ได้รับการคุ้มครองคนจากสถาบันนิวส์ไลฟ์เต็มที่แล้ว
และเล่าถึงปฏิบัติการช่วยเหลือผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากฟอร์ดาวน์
เอลด้า นางฟ้าที่คอยแอบช่วยเธอก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
แต่ทว่าพระเจ้าก็มาเช่นกัน! (มาแต่เสียง)
และสิ่งที่พระเจ้าทำลงไปนั้นมันคืออะไรกันแน่ ทำไมต้องให้เฟลิกซ์เผชิญเรื่องร้ายๆ ตลอด
แล้วอะไรคือสิ่งที่เฟลิกซ์กำลังเผชิญล่ะ!?
โปรดติดตามต่อตอนไปที่มีชื่อว่า
- ลืมเลือน]
ถ้าชอบก็ Comment ให้กำลังใจกันบ้างเน้อ 1 Comment เท่ากับล้านกำลังใจเลย ฮ่าๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ