[Yaoi] うんめい(Unmei) ชะตาขีดรัก (ผมว่าไม่ใช่หรอก)
7.3
เขียนโดย gamma_focus
วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.50 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
6,265 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2559 15.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่ 1.2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“นาย”
“.....”
“ไอ้นาย”
“.....”
“ไอ้เหี้ยนาย!”
ผั้วะ
“โอ้ยยยยยยย ไอ้สัด! จะตบหัวกูให้สมองไหลเลยมั้ย มีเหี้ยไร!”
“ก็มึงมัวแต่เหม่อ กูแค่จะบอกว่าถึงแล้ว เรียกตั้งหลายรอบเสือกไม่ได้ยิน ต้องให้ลงไม้ลงมือตลอด!”
มันตอบผม พร้อมๆกับที่ชี้ให้ผมดูศาลเจ้าที่อยู่ตรงหน้า
ให้ตายเถอะ...
ที่อยู่ตรงหน้าผม เป็นเพียงศาลเพียงตาไม้เก่าๆ
ศาลเพียงตา..
ศาลเปิดใหม่..
เปิดใหม่พ่อง!....
“ตลกมั้ยไอ้สัด!!!”
ผมเกือบจะยกเท้าถีบมันอยู่แล้ว ถ้ามันไม่บอกผมเสียก่อน
“ฮ่าๆๆ กูล้อมึงเล่น! นู่น ศาลเจ้าอยู่ข้างหลังมึง”
ผมขมวดคิ้ว พร้อมๆกับหันไปตามทิศทางที่มันชี้
นี่สินะของจริง..นี่ผมกำลังอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นหรือเปล่าเนี่ย
เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นซุ้มประตูไม้สีแดงขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ คร่อมทับทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้า
“เนี่ยเขาเรียกว่า โทริอิ เป็นซุ้มประตูที่ตั้งไว้เป็นสัญลักษณ์ว่า หลังจากที่มึงผ่านซุ้มประตูนี้ไป มันเป็นอาณาเขตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว สิ่งที่มึงต้องทำคือการสำรวมกาย วาจา และใจ”
“บวชเลยมั้ย? รู้ดีทุกศาสนานะมึงอ่ะ” ที่จริงผมก็ฟังมันนะครับ แต่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ รู้ดีไปหมด
“เอ้า ไอ้สัด ทำไมมึงต้องให้กูด่าตลอดวะ! กูศึกษามาดีเว้ยไป! เข้าไปได้แล้ว เดี๋ยวพระอาทิตย์ตก อดอธิษฐาน”
ผมเดินผ่านซุ้มประตูโทริอิตามไอ้เตเข้าไป ซึ่งบรรยากาศภายในศาลเจ้าเองร่มรื่นไม่แพ้ภายนอก สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็คือ ตามข้างทางผมยังเห็นต้นไม้ที่มีดอกสีชมพู ถ้าจำไม่ผิดมันคงเรียกว่า “ซากุระ” ห้ะ? ซากุระมันอยู่ที่ญี่ปุ่นไม่ใช่หรอวะ? แล้วทำไมมาอยู่ที่ไทยได้ ผมไม่ปล่อยให้ความสงสัยนั้นอยู่ในสมองผมนาน ผมเลยเดินไปสะกิดไอ้เตที่เดินอยู่ข้างหน้าผม
“ไอ้เตๆ ทำไมมีซากุระด้วยวะ?”
“แหกตาดูสิไอ้นาย นั่นน่ะต้นพญาเสือโคร่ง ซากุระเมืองไทยน่ะรู้จักมั้ย? รีบเดินสิวะ”
“อ่อ กูรู้แล้ว” ผมรีบเดินตามมันอย่างที่มันบอก
หลังจากที่เดินตามมันได้สักพัก สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ผมหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่ใช่อะไรครับ ที่เห็นน่ะบันไดล้วนๆ ประมาณจากสายตาคงมีไม่ต่ำกว่าร้อยขั้นแน่ๆ ผมมันไม่ค่อยสู้เรื่องพวกนี้ด้วย
“เต กูไม่ขึ้นได้มั้ยอ่ะ มันหลายขั้นมากเลยนะ” ผมเริ่มเบะปากงอแงกับไอ้เตแล้วครับ
“หยุดเลย ไม่ได้ มาแล้วก็ต้องขึ้น มึงแม่ง!”
“...” ผมไม่อยากเหนื่อยย
“เฮ้อออ มึงฟังกูนะไอ้นาย ที่บันไดเยอะๆเนี่ยมันเป็นบทพิสูจน์ให้เราฝ่าฟันอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาก่อนจะพบความสำเร็จ เหมือนกับว่าการที่มนุษย์จะเข้าถึงเทพเจ้าได้จะต้องเจอกับความลำบากก่อนจะไปถึง”
ผมพยักหน้ารับรู้กับมัน แต่ผมก็ยังไม่อยากขึ้นไปอยู่ดี สูงนะครับ เหนื่อย
“แล้วก็นะ มึงดูนู่น บนนั้นน่ะ ศาลเจ้าที่กูตั้งใจจะมา และเป็นที่ๆกูอยากพามึงมาด้วย เลิกงอแงสัด แล้วเดินตามกูขึ้นไปซะ อยู่ตรงหน้าแล้วก็พยายามหน่อยดิวะ”
ผมมองตามที่มันชี้ แล้วผมก็เห็นว่าสุดทางของบันไดนั้นมีศาลเจ้าขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ เอาก็เอาวะ มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมกลั้นใจเดินตามมันขึ้นไป ถึงจะต้องเหนื่อยมาก แต่ก็ต้องสู้สินะ ฮืออ
ในที่สุดความพยายามของผมก็เป็นผล ผมเดินถึงข้างบนแล้วครับ!!! ผมเดินขึ้นบันไดมาได้ตั้งร้อยกว่าขั้นครับ ผมภูมิใจ ฮือออ แต่ไอ้เตไม่ปล่อยให้ผมภูมิใจได้นานนัก มันจะพาผมไปตรงบ่อน้ำอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ มันบอกผมว่าให้ล้างมือล้างปากที่นี่ก่อน พอผมเห็นท่าว่าต่อจากนี้คงมีขั้นตอนอีกมากกว่าจะขอพรแบบที่มันต้องการได้ ผมเลยปฏิเสธมันไป ซึ่งมันเองก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ผมไม่ยอมไปขอพรกับมันด้วย มันก็เลยปล่อยให้ผมเดินเล่นอยู่แถวนี้ พร้อมทั้งกำชับว่าอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน
มันเห็นผมเป็นคนยังไงวะ!
หลังจากที่ผมปล่อยให้ไอ้เตได้ไปทำตามที่สมอยาก ผมก็เดินสำรวจบริเวณรอบๆของศาล และแน่นอนผมก็มองหาสิ่งงามตาอย่างสาวๆน่ารักที่เดินผ่านไปมานี่ด้วย มันเป็นเรื่องปกติของผมล่ะนะ แต่เห็นผมเป็นอย่างนี้ ความจริงผมก็ซึมซับบรรยากาศอยู่นะครับ ผมเดินมาตามทางเรื่อยๆจนเห็นว่าไกลออกไป มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งยืนต้นอยู่ มันใหญ่มากๆเลยครับ และแน่นอนว่า มันดึงดูดสายตาผมมากเหมือนกัน…
ผมไม่รู้ว่าเดินมาเป็นระยะทางเท่าไหร่ แต่รู้สึกตัวอีกที ผมก็ยืนอยู่หน้าต้นไม้ต้นนี้ซะแล้ว ต้นไม้ต้นนี้มีขนาดใหญ่ประมาณ 7-8 คนโอบ กิ่งก้านสาขาแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณกว้าง และเหมือนต้นไม้จะถึงฤดูออกดอกของมันพอดี เพราะทั่วทั้งต้นเต็มไปด้วยดอกสีชมพู สีม่วง สีฟ้า และสีขาวแข่งกันขึ้นเต็มไปหมด หากแต่ความงดงามไม่เห็นแก่ตัวที่ให้ดูแค่บนต้นไม้ แต่ความสวยงามนั้นยังแบ่งปันลงมายังเบื้องล่าง เพราะบริเวณด้านล่างไม่เพียงมีแค่ดอกจากต้นนี้ที่ร่วงลงมาเท่านั้น หากแต่มีดอกไม้สีม่วงสลับชมพูขึ้นแซมอยู่ทั่วบริเวณ เป็นดอกที่ผมรู้สึกคุ้นเคย...
ผมยืนมองมันอยู่อย่างนั้น ยืนมองด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่มันเริ่มก่อขึ้นในใจ..
ทำไมผมรู้สึกคิดถึงล่ะ? แล้วทำไมผมกลับรู้สึกว่า ผมเคยเจอต้นไม้ต้นนี้มาก่อน?
เพราะอะไรกัน??..
......................................................................................
ตัวเอกอีกตัวยังไม่ยอมออกค่ะ 555
เหมือนค่าตัวจะแพง ><
“.....”
“ไอ้นาย”
“.....”
“ไอ้เหี้ยนาย!”
ผั้วะ
“โอ้ยยยยยยย ไอ้สัด! จะตบหัวกูให้สมองไหลเลยมั้ย มีเหี้ยไร!”
“ก็มึงมัวแต่เหม่อ กูแค่จะบอกว่าถึงแล้ว เรียกตั้งหลายรอบเสือกไม่ได้ยิน ต้องให้ลงไม้ลงมือตลอด!”
มันตอบผม พร้อมๆกับที่ชี้ให้ผมดูศาลเจ้าที่อยู่ตรงหน้า
ให้ตายเถอะ...
ที่อยู่ตรงหน้าผม เป็นเพียงศาลเพียงตาไม้เก่าๆ
ศาลเพียงตา..
ศาลเปิดใหม่..
เปิดใหม่พ่อง!....
“ตลกมั้ยไอ้สัด!!!”
ผมเกือบจะยกเท้าถีบมันอยู่แล้ว ถ้ามันไม่บอกผมเสียก่อน
“ฮ่าๆๆ กูล้อมึงเล่น! นู่น ศาลเจ้าอยู่ข้างหลังมึง”
ผมขมวดคิ้ว พร้อมๆกับหันไปตามทิศทางที่มันชี้
นี่สินะของจริง..นี่ผมกำลังอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นหรือเปล่าเนี่ย
เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นซุ้มประตูไม้สีแดงขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ คร่อมทับทางเดินเข้าสู่ศาลเจ้า
“เนี่ยเขาเรียกว่า โทริอิ เป็นซุ้มประตูที่ตั้งไว้เป็นสัญลักษณ์ว่า หลังจากที่มึงผ่านซุ้มประตูนี้ไป มันเป็นอาณาเขตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว สิ่งที่มึงต้องทำคือการสำรวมกาย วาจา และใจ”
“บวชเลยมั้ย? รู้ดีทุกศาสนานะมึงอ่ะ” ที่จริงผมก็ฟังมันนะครับ แต่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ รู้ดีไปหมด
“เอ้า ไอ้สัด ทำไมมึงต้องให้กูด่าตลอดวะ! กูศึกษามาดีเว้ยไป! เข้าไปได้แล้ว เดี๋ยวพระอาทิตย์ตก อดอธิษฐาน”
ผมเดินผ่านซุ้มประตูโทริอิตามไอ้เตเข้าไป ซึ่งบรรยากาศภายในศาลเจ้าเองร่มรื่นไม่แพ้ภายนอก สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็คือ ตามข้างทางผมยังเห็นต้นไม้ที่มีดอกสีชมพู ถ้าจำไม่ผิดมันคงเรียกว่า “ซากุระ” ห้ะ? ซากุระมันอยู่ที่ญี่ปุ่นไม่ใช่หรอวะ? แล้วทำไมมาอยู่ที่ไทยได้ ผมไม่ปล่อยให้ความสงสัยนั้นอยู่ในสมองผมนาน ผมเลยเดินไปสะกิดไอ้เตที่เดินอยู่ข้างหน้าผม
“ไอ้เตๆ ทำไมมีซากุระด้วยวะ?”
“แหกตาดูสิไอ้นาย นั่นน่ะต้นพญาเสือโคร่ง ซากุระเมืองไทยน่ะรู้จักมั้ย? รีบเดินสิวะ”
“อ่อ กูรู้แล้ว” ผมรีบเดินตามมันอย่างที่มันบอก
หลังจากที่เดินตามมันได้สักพัก สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ผมหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่ใช่อะไรครับ ที่เห็นน่ะบันไดล้วนๆ ประมาณจากสายตาคงมีไม่ต่ำกว่าร้อยขั้นแน่ๆ ผมมันไม่ค่อยสู้เรื่องพวกนี้ด้วย
“เต กูไม่ขึ้นได้มั้ยอ่ะ มันหลายขั้นมากเลยนะ” ผมเริ่มเบะปากงอแงกับไอ้เตแล้วครับ
“หยุดเลย ไม่ได้ มาแล้วก็ต้องขึ้น มึงแม่ง!”
“...” ผมไม่อยากเหนื่อยย
“เฮ้อออ มึงฟังกูนะไอ้นาย ที่บันไดเยอะๆเนี่ยมันเป็นบทพิสูจน์ให้เราฝ่าฟันอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาก่อนจะพบความสำเร็จ เหมือนกับว่าการที่มนุษย์จะเข้าถึงเทพเจ้าได้จะต้องเจอกับความลำบากก่อนจะไปถึง”
ผมพยักหน้ารับรู้กับมัน แต่ผมก็ยังไม่อยากขึ้นไปอยู่ดี สูงนะครับ เหนื่อย
“แล้วก็นะ มึงดูนู่น บนนั้นน่ะ ศาลเจ้าที่กูตั้งใจจะมา และเป็นที่ๆกูอยากพามึงมาด้วย เลิกงอแงสัด แล้วเดินตามกูขึ้นไปซะ อยู่ตรงหน้าแล้วก็พยายามหน่อยดิวะ”
ผมมองตามที่มันชี้ แล้วผมก็เห็นว่าสุดทางของบันไดนั้นมีศาลเจ้าขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ เอาก็เอาวะ มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมกลั้นใจเดินตามมันขึ้นไป ถึงจะต้องเหนื่อยมาก แต่ก็ต้องสู้สินะ ฮืออ
ในที่สุดความพยายามของผมก็เป็นผล ผมเดินถึงข้างบนแล้วครับ!!! ผมเดินขึ้นบันไดมาได้ตั้งร้อยกว่าขั้นครับ ผมภูมิใจ ฮือออ แต่ไอ้เตไม่ปล่อยให้ผมภูมิใจได้นานนัก มันจะพาผมไปตรงบ่อน้ำอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ มันบอกผมว่าให้ล้างมือล้างปากที่นี่ก่อน พอผมเห็นท่าว่าต่อจากนี้คงมีขั้นตอนอีกมากกว่าจะขอพรแบบที่มันต้องการได้ ผมเลยปฏิเสธมันไป ซึ่งมันเองก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ผมไม่ยอมไปขอพรกับมันด้วย มันก็เลยปล่อยให้ผมเดินเล่นอยู่แถวนี้ พร้อมทั้งกำชับว่าอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน
มันเห็นผมเป็นคนยังไงวะ!
หลังจากที่ผมปล่อยให้ไอ้เตได้ไปทำตามที่สมอยาก ผมก็เดินสำรวจบริเวณรอบๆของศาล และแน่นอนผมก็มองหาสิ่งงามตาอย่างสาวๆน่ารักที่เดินผ่านไปมานี่ด้วย มันเป็นเรื่องปกติของผมล่ะนะ แต่เห็นผมเป็นอย่างนี้ ความจริงผมก็ซึมซับบรรยากาศอยู่นะครับ ผมเดินมาตามทางเรื่อยๆจนเห็นว่าไกลออกไป มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งยืนต้นอยู่ มันใหญ่มากๆเลยครับ และแน่นอนว่า มันดึงดูดสายตาผมมากเหมือนกัน…
ผมไม่รู้ว่าเดินมาเป็นระยะทางเท่าไหร่ แต่รู้สึกตัวอีกที ผมก็ยืนอยู่หน้าต้นไม้ต้นนี้ซะแล้ว ต้นไม้ต้นนี้มีขนาดใหญ่ประมาณ 7-8 คนโอบ กิ่งก้านสาขาแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณกว้าง และเหมือนต้นไม้จะถึงฤดูออกดอกของมันพอดี เพราะทั่วทั้งต้นเต็มไปด้วยดอกสีชมพู สีม่วง สีฟ้า และสีขาวแข่งกันขึ้นเต็มไปหมด หากแต่ความงดงามไม่เห็นแก่ตัวที่ให้ดูแค่บนต้นไม้ แต่ความสวยงามนั้นยังแบ่งปันลงมายังเบื้องล่าง เพราะบริเวณด้านล่างไม่เพียงมีแค่ดอกจากต้นนี้ที่ร่วงลงมาเท่านั้น หากแต่มีดอกไม้สีม่วงสลับชมพูขึ้นแซมอยู่ทั่วบริเวณ เป็นดอกที่ผมรู้สึกคุ้นเคย...
ผมยืนมองมันอยู่อย่างนั้น ยืนมองด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่มันเริ่มก่อขึ้นในใจ..
ทำไมผมรู้สึกคิดถึงล่ะ? แล้วทำไมผมกลับรู้สึกว่า ผมเคยเจอต้นไม้ต้นนี้มาก่อน?
เพราะอะไรกัน??..
......................................................................................
ตัวเอกอีกตัวยังไม่ยอมออกค่ะ 555
เหมือนค่าตัวจะแพง ><
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ