เทพป่วน กับ เด็กเป๋อ

9.1

เขียนโดย นิกซ์

วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.08 น.

  10 ตอน
  1 วิจารณ์
  12.47K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 23.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) บทที่ 8 ความรู้สึกในใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากที่มอร์แกนกับมาอีม ไปเที่ยวตามที่ต่างๆจนทั่ว พอกลับมา  มาอีมแสร้งมาส่งที่หน้าหอ ก่อนจะทำเนียนเดินไปซอกตึก แล้ว แล้วทำการล่องหนมาหามอร์แกนที่อยู่ในห้อง

เวลานี้ก็ค่ำแล้ว มอร์แกนล้มตัวนอนอย่างอ่อนล้า บนเตียงเล็กๆของตน

“เหนื่อยจัง”

“เจ้าเป็นยังไงบ้าง”มาอีมเอ่ยถามอย่างห่วงใย

“แค่เหนื่อยน่ะ ไม่มีอะไรมาก มาอีมเนี่ยเก่งจริงๆนะ เสกเงินได้ด้วย”

“ข้าเป็นอะไร ข้าเป็นเทพบนสวรรค์เชียวนะ  เรื่องแค่นี้ สบายๆ”

“จ้ะๆ พ่อคนเก่ง”

วันต่อมา

มอร์แกนจะสอนไปเรียน ป.โท ที่มหาลัย แต่เคที่ ก็รั้งตัวเธอเอาไว้ก่อน

“มีอะไรเหรอค่ะ เคที่”

“ไม่มีอะไรมากจ้ะ ก็แค่อยากรู้ว่า พ่อหนุ่มที่มาหาเธอเมื่อวาน  คิคิ คือใครเหรอ”

“แค่เพื่อนน่ะค่ะ”

“เหรอจ๊ะ นึกว่าแฟนซะอีก”

มาอีมที่บินอยู่ข้างๆ(ตอนนี้พรางตัวให้มอร์แกนเห็นคนเดียว)งุนงง

มอร์แกนยิ้มให้ “ไอ้หน้าตาอย่างหนูจะมีใครมาชอบค่ะ หน้าตาก็จืดๆธรรมดาๆ”

“ใครว่า ชั้นขอเถียงคนหนึ่งล่ะ เวลาหนูยิ้มที น่ารักจะตาย”

มาอีมพยักหน้าเห็นด้วยกับสาวใหญ่ ผิวสี คนนี้ เวลาที่ยัยเด็กคนนี้ยิ้มที ก็น่ารักจริงๆนั่นแหละ

“อย่าชมเลยคะ เดี๋ยวตัวหนูลอยติดเพดาน”

“แล้ว พ่อหนุ่มผมดำยาวที่ประคองเธอมาส่งตอนที่เป็นไข้ล่ะ”

“ก็เพื่อนคะ เค้าเป็นศาตราจารย์คนใหม่ของมหาลัย”

“แหมๆ เสียดาย ไอ้ชั้นก็นึกว่าแฟน  แววตาตอนที่เค้ามองหนูน่ะ  ดูห่วงมากเลย”

“เคที่ เค้ากับหนูเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานนะค่ะ”

สองสาวต่างสีผิวและวัยต่างหัวเราะกัน

“ชั้นชวนคุยเสียนานเลย  ชั้นนี่แย่จริง “

“ไม่เป็นไรหรอกคะ ที่จริงชั้นมีเรียนตอนเก้าโมง”

“แต่ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ดูแลเธอตอนป่วย  พอดี ชั้นต้องทำงานคิดบัญชีน่ะ”

“ชั้นเข้าใจ”

มอร์แกนพยักหน้า เคที่นอจากเป็นเจ้าของหอพักราคาถูกแห่งนี้แล้วยังรับจ้างทำบัญชี ให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เพราะหอพักแห่งนี้มีคนเช่าเพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาที่ยากจนเช่นเธอ

“งั้นขอตัวก่อนนะค่ะ  เคที่”

“จ้า โชคดี”

พอมอร์แกนออกมาจากหอพัก มาอีมจึงเอ่ยถามสิ่งที่สงสัย”แฟนคืออะไรเหรอ”

มอร์แกนเอ่ยเสียงแผ่ว“คำที่ใช้เรียกว่าคนรักน่ะ “

“เหรอ”มาอีมไม่รู้สึกแปลกใจซักเท่าไหร่ที่ถูกมองว่าเป็นคนรักกับมอร์แกน เพราะทั้งเค้าและเธอต่างก็คิดแค่เพื่อน แต่สำหรับหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่บังอาจมาจูบหน้าผากยัยบื้อที่เดินข้างๆเค้าเนี่ยไม่แน่ ถึงเธอจะคิดแค่เพื่อนแต่ฝ่ายนั้นล่ะจะคิดกับเธอยังไง เพราะดูแล้วไม่ใช่แค่เพื่อนแน่ๆ

สำหรับมอร์แกน การที่มาอีมได้เข้ามาอยู่ด้วยนั้น ทำให้เธออดรู้สึกไม่ได้เลยว่า เค้าดึงดูดเรื่องราวที่วุ่นวายต่างๆให้เข้ามาสู่ตัวเธอ และเธอเองก็สนุกมาก แต่เธอเองก็นึกอยู่ว่าถ้ามาอีมต้องจากไป  ถึงตอนนั้นเธอจะเป็นยังไงนะ จะร้องไห้ เสียใจ ซึมเศร้าขนาดไหน เธอเดาไม่ออกเลยจริงๆ

ในตอนนี้มอร์แกนกำลังนั่งเล็คเชอร์ในห้องเรียนอย่างตั้งใจโดยมีมาอีมบินอยู่ข้างๆ

มาอีมสังเกตเห็นว่า บรรยากาศในห้องนั้นดูเงียบสงบ มีแต่เสียงศาตราจารย์ที่คอยสอนกับเสียงจดบันทึกของเหล่านักศึกษาเท่านั้น เหล่านักศึกษาในห้องนี้ต่างตั้งใจเรียนมาก เช่นเดียวกับมอร์แกนที่ก้มหน้าจดเลคเชอร์ส่วนหูนั้นฟังที่ศาตราจารย์สอน

สำหรับมอร์แกนการที่เธอต้องทำงานหนักนั้น ความจริงค่ากินอยู่น่ะ แค่เธอเขียนนิยายกินเงินค่าสิขสิทธ์ ก็อยู่ได้ แต่เธอต้องเก็บเงินไว้ยามฉุกเฉิน เก็บเงินไว้ซื้อบ้านอยู่สบายๆเป็นของตัวเอง ถึงแม้เธอจะเป็นนักเรียนทุนก็เถอะ เธอต้องหางานอื่นเพิ่ม เพราะตอนนี้เธอมีบางอย่างที่อยากจะทำเสียแล้ว

หลังจากเรียนเสร็จ มอร์แกนก็ไปที่สวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกล จากมหาลัย โดยที่เธอเลือกที่จะหลบมุมแถมใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่ๆเธอนั่งอยู่นั้น ไม่มีใครเดินผ่านเพื่อที่จะทานมื้อกลางวันที่เป็นแซนด์วิซแฮมไข่ที่ลงมือทำเอง ในตอนแรกมาอีมจะเสกอาหารให้ แต่เธอไม่ต้องการ โดยอ้างว่า เดี๋ยวจะเคยตัว มาอีมมองแซนด์วิซแฮมไข่ที่น่ากิน ด้วยตาเป็นประกาย

“อ่ะ กินสิ”เด็กสาวร่างท้วมยื่นแซนด์วิซชิ้นหนึ่งให้”ชั้นอุตส่าห์ทำมาเผื่อนะ”

“ขอบใจ”เทพบุตรหนุ่มรับแซนด์วิซมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย “เจ้ามีที่ไหนที่ต้องไปอีกล่ะ”

เด็กสาวหรี่ตามอง“อยากไปเที่ยวเหรอ”

“นิดหน่อย”

“พอดีมีสอน เจ้าชายนั่นน่ะนะ”เด็กสาวเอาแซนด์วิซเข้าปากอย่างสบายอารมณ์

“ไม่รำคาญบ้างรึ”

“ก็นิดหน่อย แต่เดี๋ยวนี้เค้าทำตัวดีขึ้นนะ”

“ก็เจ้ามันโหดนี่นา”

เด็กสาวมองตาขวางใส่ ทำเอาเทพบุตรหนุ่มสะดุ้ง

มอร์แกนหัวเราะในลำคอ แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว”ก็ช่วยไม่ได้  ใช้พระคุณไม่ได้ก็ต้องใช้พระเดช อีกอย่างคุณพี่สาวเค้าก็อนุญาตให้สั่งสอนเต็มที่ นี่นา”

“อย่าโหดเกินไปหน่อยเลย เดี๋ยวขายไม่ออก  ร้องไห้โฮๆหรอกนะ”

“ช่างชั้น ง่วงจัง”

“ก็พักซะสิ อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลานะ ข้าจะดูแลเจ้าเอง”

“ขอบใจ ของีบสักหน่อย ก็คงจะดี”ว่าแล้วเด็กสาวก็เอนตัวพิงต้นไม้แล้วหลับลงอย่างอ่อนเพลีย

มาอีมเฝ้ามองเด็กสาวร่างท้วมที่หลับสนิท อย่างเอ็นดู เทพบุตรหนุ่มคิด…ตัวเค้าก็มาอยู่กับเด็กสาวคนนี้ได้เกือบเดือน ตัวเค้าก็เริ่มรู้สึกผูกพันกับตัวเธอเข้าเสียแล้ว เค้ายังนึกไม่ออกเลยว่าตอนที่ต้องจากลากัน ทั้งเค้าและเธอจะรู้สึกยังไง จะร้องไห้ เสียใจมากแค่ไหน  ตัวเค้าไม่อยากคิดเลย แค่คิดใจมันก็รู้สึกเจ็บแปล๊บ

เทพบุตรหนุ่มยิ้มน้อยๆแล้วพึมพำกับตนเบาๆ”นอกจากเวลาเจ้ายิ้มแล้ว  เวลาเจ้าหลับเนี่ย…น่ารักดีจริงๆเลยนะ”

หลังจากที่หลับไปนานถึงหนึ่งชั่วโมง มอร์แกนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก เธอเดินไปที่ห้องน้ำสาธารณะเพื่อที่จะล้างหน้ารวบผมใหม่ให้เรียบร้อย มาอีมที่บินตามหลังมาเอ่ยขึ้น”ข้าว่าจะพูดตั้งนานแล้วนะ ตอนเจ้าปล่อยผมถอดแว่นก็ดูสวยดี”

เด็กสาวหันขวับ เธอเอ่ยเสียงแผ่ว”เรื่องของชั้นน่า มาอีม”

มอร์แกนตรงไปยังหอพักของเจ้าชายฟาริค โดยมีมาอีมบินอยู่ข้างๆ

อาลีรีบมาต้อนรับเธออย่างน้อบน้อม”เชิญครับ ท่านฟาริคกำลังรออยู่”

“คะ”

พอมาถึงห้อง ก็พบกับเจ้าชายฟาริคที่นั่งรออยู่ มอร์แกนเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม ร่างสูงส่งการบ้านที่ทำแล้วให้

มอร์แกนไล่สายตาดูอย่างละเอียด”ดีนี่นา คุณเองก็ทำได้นะค่ะ”

“ขอบคุณ  เห็นทีงานนี้ชั้นคงจะได้ทีคั้นหนังสือของวีด้า ซะทีนะ”

“มันสำคัญมากเหรอค่ะ”

“ก็แน่สิ เธอคือนางในฝันของชั้นเลยนะ”

มอร์แกนเอียงคอสงสัยขณะที่ในใจ…อึ๋ย จริงดิ!...

ฟาริคเอ่ยต่อด้วยท่าทางเขินอาย “คือ…จะว่ายังไงดีล่ะ ชั้นตกหลุมรักเธอ จากเรื่องราวของเธอน่ะ เรื่องราวของเธอคือสงครามชีวิต ที่ต้องดิ้นรน การผจญภัยที่น่าตื่นเต้นที่สุด เชื่อมั้ยมันเป็นแค่นิยายที่ไม่ค่อยมีรูปภาพ  มีแต่ตัวอักษร นักเขียนคนนี้สุดยอด เธอสามารถแต่งเรื่องราวที่แสนวิเศษแบบนี้ออกมาได้ ชั้นน่ะความจริงก็อยากจะเจอวีด้า ตัวจริง อยากจะรู้ว่า ตัวจริงเธอสวย เธอน่ารักแค่ไหน อยากจะคุยกับเธอสักครั้ง”

“ถ้าเกิดเธอน่าเกลียดล่ะ”

“อย่ามาว่าเธอนะ!”

ทั้งมอร์แกนและมาอีมที่ฟังอยู่ต่างสะดุ้งพร้อมกัน

ฟาริครู้สึกตัว”ขอโทษที ความจริง ก็มีคนหลายคนพูดแบบเธอนะ แต่สำหรับชั้นไม่ว่าวีด้าจะเป็นยังไง ชั้นก็ไม่สน แต่ที่แน่ๆชั้นชอบเธอ”

“ทั้งที่ไม่เห็นหน้ารึค่ะ?”

“ใช่”

มอร์แกนยิ้มเย็น ในใจนึกเอ็นดูคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน”ขอให้ความรู้สึกของคุณมั่นคงต่อไปนะค่ะ”

“เธอเคยทำงานให้วีด้า เธอเคยเห็นหล่อนไหม”

เด็กสาวจึงโกหกโดยส่ายหน้า”เธอไม่ชอบปรากฏตัวให้ใครเห็น เคยได้ยินว่า ทางสำนักพิมพ์เองก็พยายามขอให้เธอออกมาแจกลายเซ็นแก่นักอ่าน แต่เธอปฏิเสธ โดยอ้างว่า เธอไม่ชอบที่ๆคนเยอะน่ะคะ”

“เหรอครับ”

“เอาล่ะคะ ผ่อนคลายเต็มที่แล้ว  เรามาเริ่มการสอนเถอะ”

ชั่วโมงครึ่งผ่านไป มอร์แกนจึงให้นักเรียนของตนพักสมองครึ่งชั่วโมง

RRR…

“ขออนุญาตนะค่ะ”เด็กสาวลุกขึ้นพลางกดรับสาย แล้วเดินไปอีกทาง

“ฮัลโหล”

[สวัสดีครับ เลดี้ ผมเอง เอดิสัน ตอนนี้ผมพูดอังกฤษคล่องมากแล้วนะครับ]

“เหรอค่ะ ดีจัง”

[ว่าแต่ ทำไมเลดี้ ถึงไม่ตอบเมล์ผมล่ะ]

“พอดี ชั้นไปเที่ยวกับเพื่อนมาค่ะเลยไม่ได้ตอบเมล์ ขอโทษด้วยค่ะ”

[ใจร้ายจัง…คุณหายป่วยแล้วสินะ]

“คะ ชั้นหายดีแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วง เดี๋ยวชั้นจะสอนต่อแล้ว บาย”เด็กสาวรีบกดวางสายทันที

“เฮ้อ…”

“เสน่ห์แรงจังนะ”เสียงทุ้มกระซิบข้างหู

เด็กสาวตกใจจนเผลอศอกใส่คนที่มากระซิบข้างหูจนฝ่ายนั้นทรุด

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ”มอร์แกนรีบพยุงเจ้าชายฟาริคให้ลุกขึ้นทันที แล้วพาไปนั่งที่โซฟา

มาอีมแสนจะสะใจจริงๆ…อยู่ดีไม่ว่าดีนะ น่าจะรู้…ว่ายัยนี่มันร้ายสุดๆ…

ใบหน้าหล่อนิ่วลงเพราะความเจ็บจุก “นิ ไปฝึกจากไหนเนี่ย”

“ยิมที่รู้จักกันน่ะค่ะ เป็นยิมไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร”

“เก่งนะ ว่าแต่เธอฝึกไปทำไม”

เด็กสาวที่นั่งตรงกันข้ามกับคนถาม ก็เอนหลังด้วยอาการล้าๆ”ก็…ชั้นอยู่คนเดียวก็ต้องฝึกไว้บ้างแหละคะ ไม่มีอะไรมาก”

“แล้ว…ครอบครัวของเธอล่ะ”

เด็กสาวส่ายหน้า”พวกเค้าจากชั้นไปเมื่อสามปีก่อน…ชั้นเลยมาที่รัฐนี้ มาเพื่อเข้ามหาลัย ในระหว่างนั้นก็ทำงานไปด้วย ถึงแม้ว่าจะได้ทุนเรียนก็เถอะนะ”

“เธอทำงานอะไรบ้างล่ะ”

“สอนหนังสือ พวกลูกคุณหนูบ้าง รับจ้างทำวิจัย เขียนจดหมาย ส่งของ แต่เดี๋ยวนี้แค่รับจ้างสอนกับทำวิจัยก็เกินพอแล้วแหละ ”

ฟาริคตะลึง อายุแค่นี้ กลับทำงานหนักเพื่อเลี้ยงชีพ “แล้ว…ทำไม เธอถึงทำตัวเป็นผู้ใหญ่ตลอดเลยล่ะ”

“ยังไง?คะ”

“ก็ อย่างเช่น เธอดูนิ่งๆ แบบผู้ใหญ่”

“อ๋อ คงเป็นเพราะชั้นไม่ค่อยมีเพื่อนรุ่นเดียวกันน่ะค่ะ ส่วนใหญ่เพื่อนจะอายุมากกว่า หมดเลย มันทำให้ชั้นทำตัวเป็นผู้ใหญ่อย่างที่ว่าก็ได้”

“เหรอ แล้วเพื่อนรุ่นเดียวกัน เธอไม่คบรึ?”

“ก็ไม่เชิง ชั้น เรียนข้ามชั้นนะ เจอคนอายุมากกว่าอยู่แล้ว ไหนจะต้องทำงาน นานๆทีไปเที่ยวพักผ่อนแค่สวนสาธารณะ ชั้นจะมีเวลาไปหาเพื่อนที่ไหนกัน”

“ไม่เหงาบ้างเหรอ”

“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่เหงาแล้ว”เด็กสาวยิ้มพลางองมาอีมที่บินอยู่ข้างหลังฟาริค “เพื่อนคนนี้เป็นคนเอาแต่ใจพอสมควร หัวดื้อด้วย”

มาอีมเอ่ยสวนและแน่นอนฟาริคไม่ได้ยินเสียงมีแต่มอร์แกนเท่านั้นที่ได้ยิน

“เจ้าเองก็รั้น”

“เหรอ เค้าชื่อ”

“มาอีม “

“ชื่อแปลกดีนะ ใช่คนที่ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์กับเธอเมื่อวานรึเปล่า”

“คุณรู้ได้ยังไงว่า ชั้นไปที่พิพิธภัณฑ์”

ชายหนุ่มรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว“อ๋อ พี่สาวชั้น เห็นเธอและหมอนั่นน่ะ เลยส่งรูปมาถามว่า…ชั้นพอจะรู้จักหนุ่มผมทองคนนั้นรึเปล่า ตรงสเปคพี่ฟารีพอดี  ตกลงหมอนั่นชื่อมาอีมสินะ”

“ใช่คะ”

“นึกว่าแฟนนะ”ฟาริครู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ที่รู้ว่า เด็กสาวร่างท้วมคนนี้ไม่ได้เป็นแฟนกับหนุ่มผมทองรูปหล่อคนนั้น

“ชั้นไม่คิดเรื่องแบบนี้หรอก ชีวิตตัวเองสำคัญกว่าคะ”

ฟาริคสะอึก เธอคนนี้ต่างจากเค้า เธอคือนักสู้ นักสู้ที่ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดในสังคม เธอเก่ง แกร่ง ชีวิตเธอไม่ได้มีพร้อมผิดกับเค้าที่มีคนรายล้อม คอยเอาใจ ประเคนให้สารพัด   “เทียบกับเธอแล้ว ชั้นเนี่ย ไม่ได้ความเลย”

“เอ๋ ทำไม ชีวิตคุณออกจะมีพร้อมจนน่าอิจฉา”

“ใช่…เธอรู้มั้ย ชั้นน่ะโดนคาดหวังมากจากท่านแม่มาก เพราะเป็นลูกชายที่เกิดจากเมียเอก ถึงแม้จะสุขสบาย ใครๆก็ให้ความเคารพ แต่ ลับหลังทุกคนกลับเอาแต่นินทา ว่าไม่เก่ง เหมือนท่านพี่ ทั้งบุ๋นบู๊”

“ท่านพี่?”

“ท่านฟารุต เจ้าชายองค์โตของอิมาริค เค้าเก่งมากทั้งบุ๋นบู๊ ใครๆก็ชื่นชม แต่เค้าเป็นลูกที่เกิดจากพระสนม ชั้นน่ะเคยท้อมากที่โดนเปรียบเทียบ โดนคาดหวัง จนวันหนึ่งเมื่อสามปีก่อนชั้นก็ได้มีโอกาสอ่านนิยายของวีด้า”

“นิยายของเธอดังขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ”มอร์แกนแทบไม่เชื่อหู เธอรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจอยู่ลึกๆ

“ใช่ นิยายดังมาก พวกนางข้าหลวงเอามาอ่านกัน  ตอนแรกชั้นก็ไม่สนใจ พอดีมีนางข้าหลวงลืมเอาที่ห้อง ตอนทำความสะอาด ชั้นได้อ่าน นิยายเรื่องนั้น เป็นนิยายเรื่องแรกที่วีด้าได้เขียน ในตอนแรกก็รู้สึกเฉยๆแต่พออ่านไป อ่านมา ก็วางไม่ลงซะแล้ว พออ่านจบก็อยากจะอ่านเล่มต่อไป  นิยายของวีด้าทำให้ชั้นมีกำลังใจมากเลยแหละ”

“คะ ที่จริงการเป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุด ไม่มีใครเก่งไปวะทุกเรื่องทุกคนก็มีข้อเสียแตกต่างกันออกไป เจ้าชาย…อย่าเอาตัวเองไปเปรียบกับคนอื่นเลย ชนะอะไรก็ไม่เท่ากับการชนะตัวเองนะค่ะ”

คำพูดของเด็กสาวทำให้เจ้าชายแห่งอิมาริค รู้สึกว่าเธอดูเหมือนกับวีด้า เพราะคำพูดที่เธอพูดออกมาล้วนเป็นคำพูดของตัวละครในนิยายของวีด้าล้วนๆ

“เธอชอบอ่านนิยายของวีด้าเหรอ”

“พอสมควรคะ แก้เครียดดี”

“คำพูดของเธอ เหมือนตัวละครในนิยายของวีด้า ภาควีด้ากับนักพนัน และภาคแผนที่หรรษา เลย”

“จริงเหรอค่ะ”ในใจของมอร์แกน…พระเจ้า ไอ้หมอนี่รู้มากกว่าชั้นที่เป็นคนแต่งอีก ขนาดชั้นยังจำไม่ได้เลย…

“จริงสิ ก็ชั้นน่ะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของวีด้าเลยนี่นา ชั้นจำนิยายของวีด้าได้ทุกบททุกตอนทุกภาค เลยแหละ

ในใจของมอร์แกนเหงื่อตก…ถ้าเรื่องเรียนตั้งใจแบบนี้ก็ดีสิ …เด็กสาวฝืนยิ้ม

“ถ้าวีด้ารู้เธอคงจะดีใจนะค่ะ ที่มีคนชอบนิยายของเธอมากขนาดนี้”

“แต่ชั้นว่า…ถ้าเธอรู้ว่าชั้นมันไม่เอาไหนในเรื่องเรียนล่ะก็ เธอคงไม่ดีใจหรอกนะ”

สีหน้าของเด็กสาวแสร้งยิ้มแต่ในใจนั้น…ดีแล้วที่รู้ตัว…”อย่าดูถูกตัวเองสิคะ คุณน่ะสามารถพัฒนาตัวเองต่อไปได้นะ ขอแค่คุณมีความพยายามและความสนใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะคะ เชื่อชั้นสิ คุณน่ะมีทุกสิ่ง พร้อมกว่าใครหลายๆคนเลยนะ อีกอย่างไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก ทุกคนต้องแสวงหาความรู้และพัฒนาความสามารถกันทั้งนั้นนะค่ะ”

ฟาริครู้สึกมีกำลังมากมาย ทำไมนะ พอฟังเสียงของยัยเด็กเป๋อคนนี้ทำไม เค้ารู้สึกว่า เค้าได้อยู่กับวีด้าก็ไม่รู้  ร่างสูงก้มหน้าแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว“ขอบคุณนะ”

มอร์แกนนึกสงสัยเพราะเมื่อครู่เธอได้ยินไม่ถนัดนัก เช่นเดียวกับมาอีม

สามสิบนาทีผ่านไป มอร์แกนก็ทำการสอนเจ้าชายฟาริคต่อ  โดยที่มีมาอีมเฝ้ามองอยู่ เค้าเริ่มสังเกตว่าระยะหลังๆเจ้าชายคนนี้เริ่มทำตัวดีขึ้น จากที่เจอกันครั้งแรกอยู่มาก ในตอนแรกระหว่างการสอนถ้าไม่สุดจะทนจริง เด็กสาวก็จะว่าแบบเจ็บๆแต่ถ้าสุดจะทนเธอก็จะลงมือตบหน้าอีกฝ่าย และที่หนักจนเทพบุตรบนสวรรค์อย่างเค้ายังผวาก็คงจะเป็นตอนที่เด็กสาวกดหน้าของเจ้าชายฟาริค ลงกับโต๊ะเต็มแรง จนเลือดกำเดาไหล  ที่น่ากลัวก็คือเวลาเธอจัดการ เธอจะไม่พูดเพียงแต่แต่ใช้สายตามองเท่านั้น  เรียกได้ว่าเป็นพวกทำมากกว่าพูดนั่นเอง นับจากนั้นตั้งแต่โดนกดหัวกระแทกโต๊ะ เจ้าชายฟาริคก็กลัวเธอพอสมควรและทำตัวดีขึ้น ไม่กวนโอ๊ยใส่ อะไรที่ไม่เข้าใจก็จะขอให้อธิบายดีๆ ไม่แกล้งโง่ให้เด็กสาวต้องอธิบายยืดยาวให้เจ็บคออีก

หลังจากสอนเสร็จ…มอร์แกนก็เก็บของ ภาพที่เด็กสาวกำลังเก็บของอยู่ในสายตาของฟาริคกับมาอีมตลอด กิริยาของเด็กสาวดูอ่อนล้าชอบกล

สำหรับมาอีม คิดว่าเด็กสาวอาจจะยังไม่หายดี ส่วนฟาริคก็คิดว่าเป็นเพราะเค้ารึเปล่าที่ทำให้เธอเหนื่อย

ในตอนนี้มอร์แกนรู้สึกเหนื่อยๆเพราะเมื่อคืนแอบทำงานโปรเจคตอนมาอีม หลับสนิท  เธอแอบทำงานลับหลังพ่อเทพบุตรตัวดีหลายครั้งแล้ว เพราะช่วงหลังๆเธอมักจะตื่นมาตอนกลางดึกแล้วเห็นมาอีมนอนหลับสนิทบนเตียงล่องหนข้างๆเธอ เธอจึงใช้จังหวะนั้นแอบมาทำงานซะเลย เป็นปกติเธอชอบทำงานตอนดึกอยู่แล้ว แต่ถ้าขืนมาอีมรู้มีหวังเธอคงจะโดนป่วน โดน บ่นใส่แน่

ก็นะ เค้ามา ก็ชวนเธออู้นี่นา

ฟาริคเอ่ยขึ้น”ไปส่งมั้ย”

“ขอปฏิเสธคะ ขอบคุณ”

“ชั้นไม่อยากให้เธอเป็นลมกลางทางนะ”

“ชั้นไม่เป็นไรคะ ชั้นสบายดี”

“ไม่จริง เธอดูเหนื่อย เดินไป-กลับจากที่นี่มาถึงหอพักแห่งนี้ ก็ไกลนะ”

“ชั้นชินแล้วคะ ขอตัว”

“เดี๋ยวสิ”ร่างสูงคว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้

“ปล่อยคะ”

“ไม่ ชั้นจะพาเธอไปส่ง”

มอร์แกนพยายามจะดึงข้อมือกลับ แต่ดึงไม่ได้เพราะอีกฝ่ายจับข้อมือเธอแน่นจนเจ็บ เธอมองไปที่มาอีม ที่อยู่ด้านหลังเจ้าชายฟาริค อย่างขอความช่วยเหลือ

“พอดี ชั้นนัดมาอีมจะไปเที่ยวน่ะคะ ช่วยปล่อยด้วย”

“แต่ชั้นจะไปส่ง”

“ปล่อยเถอะ ชั้นเจ็บแขน”

พอได้ยินว่าอีกฝ่ายเจ็บแขน ก้ปล่อยข้อมือของอีกฝ่ายทันที

มอร์แกนรีบดึงข้อมือกลับแล้วเดินออกไปนอกห้องทันที แต่ฟาริคกลับตามมาติดๆ

มาอีมรีบบินมาซอกตึกที่อยู่ไม่ไกลและไร้ผู้คน พร้อมแปลงชุดให้เหมือนชาวมนุษย์แล้วคลายการพรางตัว รีบมารอที่หน้าหอ

ชั่วครู่มอร์แกนก็ออกมา ฟาริคร้องเรียก”เดี๋ยวสิ ชั้นไป…”

เด็กสาวร้องเรียกเทพบุตรหนุ่มอย่างยินดีก่อนจะพุ่งเข้าไปกอด”มาอีม”

“มอร์แกน”

ฟาริคเห็นหนุ่มผมทองชื่อมาอีม ชัดๆ ก็บอกได้เลยว่าเป็นคนหล่อเหลามาก

มาอีมมองมาที่ฟาริคอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันพูดกับเด็กสาว”ไปกันเถอะ”

พอทั้งสองจากไปไกล ฟาริคทำได้แต่กำหมัดแน่น…ทำไม ทำไมกับคนอื่น ถึงยิ้มถึงว่าง่ายล่ะ ทำไมถึงออดอ้อน เข้าไปกอดด้วยล่ะ ทำไมเธอถึงปฏิเสธน้ำใจจากเค้า…

ทางด้านมอร์แกนที่เดินมากับมาอีมได้ไกลพอสมควร

“ไม่เป็นไรนะ”

“อื้ม ขอโทษนะที่พุ่งเข้าไปกอดแบบนั้น”

“ไม่เป็นไร เจ้ากำลังเดือดร้อนนี่นา ชั้นเองก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าหมอนั้นซักเท่าไหร่ เราจะไปที่ไหนดีล่ะ”

“ไม่รู้เหมือนกันนะ”

“งั้นชั้นจะพาไปเอง”

“เอ๋?”

มาอีมจูงมือของเด็กสาวไปยังที่ซอกตึกที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงสยายปีก อุ้มมอร์แกนไว้ในอ้อมแขน แล้วพาบิน

“กรี๊ดดดดด!”เด็กสาวตกใจสุดขีด  เธอกอดคอเทพบุตรหนุ่มแน่น

มาอีมพาเด็กสาวบินไปยังที่ๆต้องการแล้ว  จึงเอ่ยขึ้น”ลืมตาขึ้นสิ มอร์แกน”

ภาพที่เด็กสาวเห็น คือ ภาพดวงอาทิตย์กำลังตกดิน เบื้องล่างที่บ้านเมืองตึกแถวที่ปลูกเรียงราย ดูแล้วช่างงดงามเสียเหลือเกิน “สวยจัง แต่ไม่มีใครเห็นเราเหรอ?”

“ไม่หรอก ข้า ร่ายเวทย์พรางตัวไว้ด้วยนะ อยากให้พาไปที่อื่นอีกไหม”

“อยากสิ”

เทพบุตรหนุ่มพาเด็กสาว บินไปหลายๆที่  ทำให้มอร์แกนรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขที่สุด เธอได้เห็น สถานที่ต่างๆมากมายทั่วอเมริกา

จนกระทั่ง ทั้งคู่มานั่งเล่นอยู่ริมหาดที่ฮาวาย ที่หาดตรงที่ทั้งคู่กำลังนั่งนั้นไม่มีผู้คน

“สงบจัง”เด็กสาวเอ่ยขึ้นขณะที่ตนกำลังพิงไหล่ของชายหนุ่ม

“ชอบไหมล่ะ”

“ชอบสิ สวยมากๆเลย ได้มาดูทะเลด้วย”

“แต่ตอนเธอกรี๊ดเนี่ย หนวกหูเป็นบ้า”

“ก็มันตกใจนี่นา”ร่างท้วมทำแก้มป่อง

“อย่าทำอย่างนี้สิ ดูไม่น่ารักเลย”

“ช่างชั้น”

“ยิ้มหน่อยน่า ขอโทษที่พาบินเร็วขนาดนั้น ขากลับจะบินให้ช้าลงนะ”

พอทั้งคู่ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมทะเลพอแล้ว ทั้งคู่ก็กลับกันด้วยวิธีเดิม…แต่เพิ่มเติมคือ…ช้ายิ่งกว่าเต่า…

“มาอีม…”

“อะไรเหรอ?”

“ช้าอ่ะ”

“ก็เจ้าไม่ชอบนิ”

“ก็ใช่ แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ช้าอืดแบบนี้นะ”

“ก็ได้ๆ กอดคอแน่นๆ”

“อะไรนะ เฮ้ย!”มาอีมเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น ทำเอาเด็กสาวกรี๊ดลั่น

เพียงชั่วอึดใจ ทั้งคู่ก็มาถึงหอพักมาเอล่า มาอีมพามอร์แกนไปส่งที่ซอก ส่วนตนนั้นได้ทำการล่องหนบินตามมาติดๆ

พอเด็กสาวมาถึง เคที่ก็ทักทาย”กลับแล้วเหรอจ๊ะ มอร์แกน มีแขกมาหาเธอน่ะ”

เด็กสาวเลิกคิ้วสงสัย  ตามเคที่ไปยังที่ห้องทำงานของสาวใหญ่ผิวสี

“คุณเอดิสัน”

สวัสดีครับ เลดี้”

“มีธุระอะไรรึค่ะ”

“ผมจะมาชวนคุณไปงานเลี้ยงเปิดตัวสินค้าใหม่ที่บริษัทของพี่ชายผมคิดขึ้นน่ะครับ”

“ไม่ดีกว่าคะ พอดีชั้นไม่ค่อยชอบที่ๆคนเยอะ” “โธ่ อย่าปฏิเสธเลยครับ”

มอร์แกนไม่ได้โกหก เธอไม่ชอบที่ๆมีคนมากจริงๆ แค่ไปสอนนักศึกษาแทนศาตราจารย์บางท่าน ก็ว่าแย่แล้ว

“คือ ชั้นไม่มีชุดนะคะ”

“ผมจัดการให้ พรุ่งนี้ บ่ายสามผมจะมารับนะครับ ลาก่อน”ชายหนุ่มไม่รอให้เด็กสาวตอบรับหรือปฏิเสธ รีบจากไปทันที

มอร์แกนงงเป็นไก่ตาแตก เช่นเดียวกับมาอีม งานนี้ทำเอาเด็กสาวกลุ้มใจ เธอกลับห้องมาด้วยใจอันหนักอึ้ง

เทพบุตรหนุ่มเอ่ยถาม“เครียดมากเลยเหรอ”

“ใช่ ถ้าชั้นแต่งสวยที คงดูเหมือนเป็นตัวตลกแน่”

“ดูถูกตัวเองไปหน่อยไหม”

“ก็มันเรื่องจริงนี่”

เทพบุตรหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ เค้ายิ้ม แล้วดีดนิ้วเป๊าะ

มอร์แกนรู้สึกว่าร่างกายเบาหวิว เสื้อผ้าที่สวมก็แปรเปลี่ยนเป็นชุดเดรสแขนตุ๊กตาสีขาวคอบัวผูกโบว์สีแดง มีระบายเล็กๆสีขาวที่แขนและชายกระโปรง ผมที่เคยมัดเป็นหางม้าปล่อยสยายและผูกโบว์สีแดง  รองเท้าผ้าใบที่เคยสวมก็แปรเปลี่ยนเป็นรองเท้าส้นเตี้ยสีขาวที่เข้าคู่กับชุด

 มาอีมเสกกระจกบานใหญ่ออกมา

“ดูนี่ซะก่อน”

มอร์แกนแทบไม่เชื่อสายตา พที่เธอเห็น คือเด็กสาวที่หน้าตาน่ารัก สวมชุดกระโปรงแสนสวย ทำให้เธอดูน่ารักมากแม้ใบหน้าไม่ถูกแต่งก็ตาม มอร์แกนแทบไม่เชื่อเลยว่าเป็นตัวเธอ

มาอีมมองร่างท้วม”เอาแว่นออกดีกว่า”

“เดี๋ยว”แว่นที่สวมอยู่ก็หายไป

มาอีมยิ้มอย่างพึงพอใจกับผลงาน

“มาอีม นายแกล้งแปรงโฉมชั้นเหรอ”

“เปล่า ข้าแค่เสกชุดใหม่ และเปลี่ยนทรงผมให้เจ้าก็เท่านั้น “เทพบุตรหนุ่มยิ้ม

“เจ้าออกจะน่ารักนะ ถ้าไม่ทำตัวเป๋อ  หัดแต่งตัว มีความมั่นใจ  เจ้าสวยไม่แพ้ใครเลยล่ะ”

“ขอบคุณนะ แต่เสกให้เป็นเหมือนเดิมเถอะ นะ เดี๋ยวคนสงสัย”

“ก็ได้ ถึงยังไง พรุ่งนี้ข้าก็จะไปกับเจ้าด้วยนะ”

“จะแสดงตัวรึเปล่าล่ะ”

“ไม่ดีกว่า ข้าไม่อยากโดนจ้องที่เหมือนจะกลืนไปทั้งตัวน่ะ”

“แค่รู้ว่านายจะไปด้วย ชั้นก็อุ่นใจแล้ว”

มาอีมเสกทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิม รวมถึงแว่นด้วย จากนั้น เด็กสาวก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดนอน โดยมีมาอีมนอนอยู่บนเตียงล่องหนข้างๆเตียงของเด็กสาว เตรียมเข้าสู่วันใหม่

 

 

มาอัพแล้วจ้า เม้นบางนะค่ะ 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา