เทพป่วน กับ เด็กเป๋อ
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.08 น.
แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 23.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) บทที่ 9 ภาพที่ทับซ้อน 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเช้าวันต่อมา
มอร์แกรตื่นมาด้วยอารมณ์ไม่สดใสอย่างที่เคย เพราะตอนบ่ายสามเธอต้องไปงานกับเอดิสัน คนเอาแต่ใจแบบนั้น
“ง่วงชะมัด”ว่าแล้วร่างท้วมนั้นก็เอนตัวนอนต่อ แต่พยายามข่มตาเท่าไหร่ก็ไม่หลับ
“มอร์แกนเป็นอะไรไป ไม่สบายรึ”
“เครียดนิดหน่อย”
“เรื่องเมื่อวาน”
เด็กสาวไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน
“ถ้าไม่อยากไปก็ปฏิเสธก็ได้นี่นา”
“พยายามโทรไปหา อีเมล์ไปแล้ว แต่ตานั่นไม่รับ คนอะไรเอาแต่ใจชะมัด!”
มาอีมไม่อยากออกความเห็นอะไร บางทีควรให้ยัยเด็กนี่ออกไปเจอสังคมคนรอบข้างบ้าง ท่าจะดี มันดีกว่าไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่ และอีกอย่าง หล่อนจะได้แต่งตัวสมหญิงเสียที คงจะน่าดูไม่ใช่น้อย
ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล ชาลี”
[เมเดน วันนี้คุณว่างไหมครับ]
“ว่างแค่บ่ายสองค่ะ”
[คุณดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ ไม่สบายรึเปล่า]
“นิดหน่อยค่ะ มีธุระอะไรรึคะ”
[ทางนิตยสารนิวยอร์กวิว้า อยากมาสัมภาษณ์คุณ ]
มอร์แกนตาโต นิตยสารนิวยอร์กวิว้า เป็นนิตยสารชื่อดังของอเมริกา ฮิตนิยมมากในวัยรุ่น
“จริงเหรอคะ”
[เค้าอุตส่าห์ขอร้องเลยนะ ไม่ต้องให้เค้าเห็นหน้าก็ได้ มาสัมภาษณ์หลังม่าน แค่มาสัมภาษณ์ ถ้าคุณตกลง เค้าจะมาสัมภาษณ์ในทันทีเลย]
“ได้ ชาลี แต่มีข้อแม้ว่า…ชั้นจะไม่โผล่หน้าให้เค้าเห็นเด็ดขาด”
[ได้ครับ ได้]
อีกด้าน ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
ชายหนุ่มในเสื้อโค้ทสีดำ นั่งมองโทรศัพท์อย่างใจจดใจจ่อ
RRR
“ครับ ครับ ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มวางสายโทรศัพท์ เค้าเก็บความลิงโลดเอาไว้แทบไม่อยู่
เค้าวางค่ากาแฟก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายคู่ใจแล้ววิ่งออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
ทางด้านมอร์แกน จำต้องสวมหมวกแก๊ป หน้ากากอนามัย สวมเสื้อเสื้อยืดสีส้มสบายๆและเสื้อน้ำตาลมีฮู้ดเพื่อปิดบังหน้า กางเกงยีนส์และรองเท้าสำหรับวิ่งได้สะดวก
“อะไรจะขนาดนั้น มอร์แกน” “ไม่อยากให้เค้าเห็นหน้าชั้น ชั้นยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผย กันไว้ก่อน”
สำนักพิมพ์อเมริกาโก โก
มอร์แกน รีบมาก่อนแล้วหลบที่หลังม่านที่ชาลีได้จัดไว้ให้
ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะให้ใครพบ หรือรู้จักตัวจริงของเธอ
“สวัสดีครับ ผม เดวิด เกรย์สัน จากนิตยสารนิวยอร์กวิว้ายินดีที่ได้รู้จัก คุณครับ วีด้าร”
อีกฝ่ายแนะนำตัวเสร็จ ก็ยื่นมือมาเช็คแฮนด์ตามมารยาท มอร์แกนจำต้องยื่นมือออกไปนอกม่าน อีกฝ่ายจับมือเธอแน่น
“ชะ…เช่นกันค่ะ”
“มือคุณเล็กจัง…”สำหรับเดวิด มือนี้เรียว หยาบนิดๆ พอรู้ว่าเธอคนนี้น่าจะเป็นนักศึกษามากกว่าหญิงสาววัยทำงาน
มอร์แกนชักมือกลับทันที
“เรามาเริ่มสัมภาษณ์กันดีกว่าครับ คำถามแรก คุณอายุเท่าไหร่รึครับ”
มอร์แกนลังเลที่จะตอบอายุไป แต่เดวิดเอ่ยแทน
“ผมว่าคุณน่าจะ อายุสิบแปดแน่เลย”
“คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าชั้นอายุสิบแปด”
“มือเล็กๆ แล้วก็น้ำเสียงที่มีเสน่ห์ของคุณยังไงล่ะครับ”
“ปากหวานจัง”
“ผมพูดจริง ผมเป็นแฟนนิยายคุณด้วยนะ ยิ่งผมได้มีโอกาสมาสนทนากับคุณ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก เอาล่ะครับ ตอนนี้คุณอายุสิบแปด อะไรหรือใครเป็นแรงบันดาลใจให้คุณแต่งนิยายล่ะครับ”
“นักเขียนอาวุโสท่านหนึ่งค่ะ สำนวนการแต่งของเค้าช่างสระสลวย บางตอนก็มีความสุข แต่บางครั้งก็เศร้าจนน้ำตาไหล แต่ทำให้หัวใจก็เป็นสุขอยากจะอ่านต่อไปเรื่อยๆ นิยายเรื่องนั้น เค้าได้นำชีวิตของตนเองมาดัดแปลงให้น่าตื่นเต้นเล่าออกมาผ่านตัวอักษรบนกระดาษ นั่นทำให้ชั้นอยากจะลองแต่งบ้างน่ะค่ะ”มอร์แกนนึกถึงนักเขียนนิยายอาวุโสของ สำนักพิมพ์แห่งนี้ เค้า ชื่อ วิลเลี่ยม โรบินสัน เจ้าของผลงานนิยายชีวิตผู้โด่งดัง เธอเคยมาทำงานช่วยตอบจดหมายให้กับเค้า ต่อมา นักเขียนอาวุโสก็ชักชวนให้เธอส่งนิยาย ให้สำนักพิมพ์พิจารณา ครั้งแรกก็ไม่ผ่าน จนกระทั่ง ผ่านไปสิบครั้ง และครั้งที่สิบเอ็ดก็ผ่านได้รับการตีพิมพ์ จนโด่งดังแบบนี้
“แล้วคุณวีด้าร การส่งหนังสือครั้งแรก ให้สำนักพิมพ์พิจารณา คุณส่งกี่ครั้งครับ ถึงผ่าน”
“อืม…สิบเอ็ดครั้งค่ะ ถึงผ่านการพิจารณา แต่ชั้นไม่เคยท้อ เพราะชั้นเป็นมือใหม่ ด้วย”
“ครับ แล้วเวลาคุณท้อ คุณได้กำลังใจจากที่ใด ครับ”
สีหน้าของเด็กสาวสลดลง “คุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ”
เดวิดสังเกตน้ำเสียงของอีกฝ่ายว่าดูเศร้าๆ “คุณพ่อกับคุณแม่ คุณ”
“เสียไปแล้วค่ะ เมื่อสามปีก่อน…”
“เสียใจด้วยครับ เอ่อ ตอนนี้คุณอยู่กับคะ…”
มอร์แกนเอ่ยเสียงแข็ง“ขอไม่ตอบคำถามนี้นะคะ”
“ครับๆ คำถามต่อไป คือต่อจากสมบัตินิทรา คุณจะเขียนหนังสือเรื่องอะไรต่อรับ หรือคุณจะเขียนเรื่องใหม่”
“เป็นเรื่องของวีด้าร ค่ะ เป็นภาคพิเศษ รออ่านได้เลยค่ะ”
“จากผลสำรวจของทางนิตยสาร นักเขียนที่คนอ่านอยากจะเจอมากที่สุดก็คือคุณ และ งานเขียนของคุณถือว่าขายดีมากๆเลยนะครับ ยิงล่าสุด สมบัตินิทรา เล่ม3 ขายดีแบบถล่มสลาย คือ…ผมอยากจะขอลายเซ็นคุณด้วยน่ะครับ”
ว่าแล้ว คอลัมนิส ก็ส่งหนังสือสมบัตินิทราให้ พร้อมปากกา
มอร์แกนรับมาเซ้นให้แต่โดยดี แล้วส่งคืนให้
“ทุกคนต้องอิจฉาผมแน่ๆ ที่มีโอกาสได้คุยกับคุณและได้ลายเซ็นคุณอีก”
“ปลื้มใจจัง ชั้นดีใจนะคะ ที่คนอ่านมีความสุข สำหรับเรื่องที่จะพบปะแฟนๆนักอ่าน นั้น…ขอเวลาอีกซักนิด ให้ชั้นมีความกล้ามากกว่านี้ ชั้นจะปรากฏตัวไปเจอกับทุกคนแน่นอน”
ดวงตาสีฟ้าของคอลัมนิสหนุ่มฉายแววสดใส “ผมจะรอวันนั้น อ่า…คำถามต่อไปครับ สเปคของคุณเป็นยังไงครับ…”
เมื่อเจอคำถามแบบนี้ ทำเอาเด็กสาวหน้าขึ้นสี และแล้วคนๆหนึ่งก็ฉายขึ้นมาในหัว”ตาคม… เข้ม… ล่ำนิดๆน่ะค่ะ…”
“เสียดายจัง ผมไม่ใช่สเป็ค”เพราะเค้ามีตาสีฟ้า และผมสีแดง
“ผมของคุณก็สวยและเท่ดีนะคะ ถึงสเป็คจะไม่ใช่แต่ถ้าเข้ากันได้ ชั้นก็โอเคนะคะ”
“ดีจัง ถ้าคุณเปิดตัว ผมคงจะมีสิทธิ์จีบนะครับ ผมเชื่อว่าอย่างคุณถ้าเปิดตัวต้องมีผู้ชายหลายคนต่อแถวจีบแน่ๆ”
“ชั้นเขินนะคะ บางทีชั้นอาจจะทำให้คุณผิดหวังก็ได้”
“ไม่จริงหรอกครับ ผมว่าเรากลับมาเข้าเรื่องสัมภาษณ์กันต่อดีกว่า”
“ค่ะ”
“สีที่ชอบล่ะครับ”
“สีดำค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ สีอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะ”
“ชั้นรู้สึกว่า มันน่าหลงใหล ชวนค้นหา เป็นเสน่ห์อันลึกลับ”
“ท่าทางคุณจะชอบกาแฟเข้มๆนะครับ”
“อะอ้า…ชั้นชอบมอคค่ากับคาปูชิโน่มากกว่า เพราะชั้นชอบความขมของโกโก้นะ มันเป็นความขมที่นุ่มละมุน ใส่นมอีกนิดและน้ำตาลเล็กน้อย นั่นล่ะที่ชั้นชอบ ดื่มแล้วชั้นรู้สึกผ่อนคลาย”
“เหรอครับ คุณชอบกินอะไรอีกล่ะครับ ถือเป็นคำถามต่อไปเลย”
“แซนวิชแฮมไข่ และก็บลูเบอรรี่พายค่ะ”
“คุณชอบกินบลูเบอรรี่พายจากร้านไหนครับ”
“ชั้นชอบอบเองค่ะ”
“แม่ศรีเรือนดีจัง คุณเคยอบพายให้ใครกินบ้างรึเปล่าล่ะครับ”
มอร์แกนหันไปมองมาอีมที่ยืนอยู่เคียงข้าง “เพื่อนคนหนึ่ง ที่ชอบทำตัวเหมือนเด็กค่ะ”
เทพบุตรมองเด็กสาวตาเขียวปั๊ด “เจ้าว่าใคร”
มอร์แกนหันไปมองมาอีมแทน ประหนึ่งใช้สายตาแทนคำตอบ
“ผมอิจฉาเค้าจัง”
ทั้งคู่สัมภาษณ์กันอยู่นาน โดยที่มอร์แกนจะเลี่ยงตอบคำถามที่เป็นเรื่องส่วนตัวของตัวเอง
จนกระทั่งใกล้เที่ยง ท้องของทั้งคู่ก็เริ่มร้อง
สองหนุ่มสาวต่างหน้าแดงเพราะความเขินอาย
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมขอ…..”
“ชั้นขอกลับก่อนค่ะ ส่วนถ้าจะสัมภาษณ์ต่อ เอาไว้โอกาสหน้า โทรมานัดกับทางสำนักพิมพ์เอานะคะ”
“รอเดี๋ยวครับ”
มอร์แกนรีบออกจากสำนักพิมพ์ด้านหลังทันที งานนี้คอลัมนิสหนุ่มก็จำต้องวิ่งไล่กวด เพื่อที่จะเปิดโปงตัวจริงของนักเขียนสุดฮอตให้ได้
นับว่ามอร์แกนได้เปรียบที่รู้จักเส้นทางตามซอกตึกเป็นอย่างดี แต่อีกฝ่ายเองก็กัดไม่ปล่อย เล่นตามจี้หลังมาแบบไม่ให้พัก
จนกระทั่งหนีไปทางถนนใหญ่ เด็กสาวรีบหนีอย่างไม่คิดชีวิต ฝ่ายคอลัมนิสหนุ่มเองก็ตะโกนไล่หลังอย่างไม่ลดละ
“หยุดก่อนคร้าบบบบบบ!!!!!”
มอร์แกนวิ่งหนีอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนกระทั่ง
“โอ๊ย!”เด็กสาวล้มจนเข่าซ้ายกระแทกพื้นเต็มแรง เธอกัดฟันทนกับความเจ็บแล้ววิ่งไปที่ซอกตึกอีกที่
มาอีมที่บินระวังหลัง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมา ข้างหน้าและด้านข้างก็ไม่มีคน เค้าจึงสยายปีก อุ้มร่างท้วมที่วิ่งอย่างอ่อนล้า
เดวิด ตามมายังซอกตึกได้ทัน ก็พบแต่ความว่างเปล่า
“โธ่เว้ย!”ชายหนุ่มทุ้งผมสีแดงของตนเองอย่างหัวเสีย
ทางด้านมาอีมที่ตอนนี้พามอร์แกนบินหนีมาได้ไกล ก็สังเกตเห็นว่า มอร์แกนกอดหน้ากากอนามัย หอบหายใจอย่างรุนแรง ใบหน้าแดงก่ำ น้ำตาซึม มาอีนพาเด็กสาวไปพักบนกลีบเมฆ
“แค่กๆ กากสิ้นดี วิ่งแค่นี้ก็หอบแล้ว”
“พักหายใจซะหน่อยนะ “สายตาสีมรกตเหลือบไปเห็น เข่าซ้ายของเด็กสาวที่ตอนนี้เริ่มมีเลือดซึม
“เจ้าบาดเจ็บนิ”
“เหรอ…เพิ่งรู้สึกนะเนี่ย เจ็บชะมัด”
“รอเดี๋ยวนะ ข้าจะรักษาให้”
“อย่า มาอีม ดีล่ะชั้นจะใช้ข้ออ้างขาเจ็บนี่แหละ จะได้ไม่ต้องไปงานนั่น”
เทพบุตรหนุ่มขมวดคิ้ว”แต่เจ้าเจ็บตัวแบบนี้ มันไม่ได้นะ เจ้าควรไปงานนั่น เจ้าเป็นคนบอกข้าเอง ว่าเรารับปากอะไร เราควรที่จะรับผิดชอบนะ”
“แต่ชั้นไม่ได้รับปากอะไร ตานั่นพูดเองเออเองแบบนั้นน่ะ”
“ไม่รู้ล่ะ เจ้าต้องไป ไม่งั้นข้าจะพาเจ้าลงไปหาไอ้คนที่ไล่กวดเจ้าเมื่อกี้แน่!”
เมื่อเจอไม้นี้ เด็กสาวก็จำต้องยอม”ก็ได้”
มาอีมเอาหน้าผากตนชนหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ”ข้าอยากให้เจ้า มั่นใจตัวเองนะ ถ้ากลัว วันนี้ข้าจะไปด้วย ดีมั้ย”
มอร์แกนสบตาของร่างสูงแล้วพยักหน้าหงึกๆ
“ดี รอสักครู่นะ”
ว่าแล้ว มือเรียวของเทพบุตรหนุ่มก็วางบนเข่าซ้าย เค้าก็เริ่มใช้พลังรักษาเข่าเธอ
มอร์แกนรู้สึกว่า ความเจ็บที่เข่าค่อยๆหายไป ร่างกายรู้สึกโล่งโปร่งสบาย อาการอึดอัดที่มีอยู่ก็หายไป
เมื่อรักษาเสร็จ มาอีมก็เสกอาหารอร่อยๆมามากมาย ตรงหน้าเด็กสาว
“เยอะแบบนี้ ชั้นได้อ้วนกว่าเดิมแน่ มาอีม”
เทพบุตรหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มพราย”เจ้าก็เลือกกินเฉพาะที่อยากกินสิ กินบนก้อนเมฆนี่แหละ สบายดีออกนะ”
หลังจากที่กินข้าวแล้ว มาอีมก็พามอร์แกนไปส่งยัง หอพัก
เมื่อถึงเวลาเอดิสัน ก็มาตรงเวลา ครั้งเค้าสมสูทสุดเนี้ยบที่เดาได้เลยว่า ราคาต้องแพงพอดู เค้าจูงมือเธอไปที่รถของเค้า รถสีดำนั้นราคาแพงมาก จนเธอนึกสงสัยว่า นี่ใช่รถของเค้ารึเปล่า ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินทาง
“รถสวยดีนะคะ”
“ขอบคุณครับ รถผมเอง ปกติผมจะไม่ค่อยใช้หรอกนะ”
“ตอนนี้คุณพูดคล่องแล้วดีจัง”
“ผมอยากจะคุยกับคุณนี่ครับ เลดี้ เดี๋ยวผมจะพาไปที่ร้านของเพื่อนผมนะครับ”
สิบห้านาทีผ่านไป ทั้งคู่ก็มาถึงร้านเสื้อผ้าขนาดใหญ่
เอดิสันพาเด็กสาวลงจากรถก่อนจะจูงมือเธอเข้าไปในร้าน
พนักงานสาวต้อนรับด้วยรอยยิ้ม และแล้ว สาวเปรี้ยวนางหนึ่งก็ออกมาทักทาย
“หวัดดีจ้า เอดิสัน หวัดดีจ้ะ เธอชื่อ”
“มอร์แกน มอร์แกน เมเดนค่ะ”
“น่ารักจัง ชั้น เฮเลน่า เจ้าของร้านนี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ฝากด้วยนะ เอาให้น่ารักสุดๆไปเลย”
“จัดไป แต่เด็กคนนี้ก็น่ารักอยู่แล้วนะ ปรับปรุงนิดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว”
“เอ่อ…คือ”ยังไม่ทันทีเด็กสาวร่างท้วมจะเอ่ยอะไรต่อ ก็โดนเฮเลน่าลากเข้าไปด้านในของร้านซะแล้ว
มาอีมที่บินตามมาก็ทำได้นั่งบนโซฟาข้างๆเอดิสันที่กำลังอ่านนิตยาสาร เทพบุตรหนุ่มสังเกตเห็นว่า สีหน้าของชายหนุ่มชาวฝรั่งเศส ดูมีความสุข “อยากรู้จริงๆว่าหมอนี่คิดออะไรกับยัยนั่นนะ”
ว่าแล้วมาอีมก็ใช้พลังอ่านใจอีกฝ่ายทันที
เสียงที่เค้าได้ยินคือ’เลดี้ของเราจะน่ารัก ขนาดไหนนะ ทุกคนต้องอิจฉาเราแน่ น่ารัก เก่ง แบบนี้ ไม่ปล่อยให้หลุดมือหรอก’
“คิดจริงจังกับยัยมอร์แกนนี่หว่า”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ