หวงรักประกาศิตลับ

8.0

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.39 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  15.26K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทนำ 50%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา

                พอฤทัยเหลือบสายตามองตึกสูงระฟ้าของ ดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์ คอร์เปอร์เรชั่น อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วก้าวเข้าไปในตัวตึกซึ่งเป็นประตูหมุน ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่ตระการตาสมกับเป็นบริษัทโทรคมนาคมข้ามชาติ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของทุนการศึกษาให้เธอเรียนจนจบปริญญาตรี

                ทุนการศึกษาที่ครอบคลุมค่าเล่าเรียนทั้งหมดตลอดเวลาศึกษา ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวเหลือให้อีกเล็กน้อยในแต่ละเดือน ทั้งยังเป็นทุนการศึกษาที่มีข้อผูกมัดน้อยที่สุดคือผู้ได้ทุนจากมูลนิธิ เด มาร์คอส ต้องเข้าทำงานใน ดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์ คอร์เปอร์เรชั่น เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มนับจากสำเร็จการศึกษา ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงบัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา อีกหลายสาขาทุกประเทศในทวีปอเมริกาใต้ และในรัฐใหญ่ๆของประเทศอเมริกา

                พอฤทัยก็เป็นหนึ่งในนักศึกษาทุน เด มาร์คอส ที่มีเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวโอนเข้าบัญชีให้ทุกเดือนและทำงานพาร์ทไทม์ไปด้วย สองปีที่ผ่านมานี้จึงไม่ได้ออกปากขอค่าใช้จ่ายจากทางบ้านก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมูลนิธิ เด มาร์คอส ให้การสนับสนุนนักเรียน นักศึกษาที่มีผลการเรียนดีแต่ยากจนโดยไม่แบ่งเชื้อชาติศาสนา

                เหนือสิ่งอื่นใดครอบครัวของเธอและผู้ก่อตั้งมูลนิธิ เด มาร์คอส ยังมีความสัมพันธ์ส่วนตัวอันดีมาตั้งแต่รุ่นผู้เป็นพ่อ ซึ่งพอฤทัยคิดไว้ตลอดมาว่าจะเข้าทำงานใน ดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์ คอร์เปอร์เรชั่น แม้ว่าจะไม่มีข้อผูกมัดดังกล่าวก็ตาม

                ออฟฟิศที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งผู้มาติดต่อและพนักงานของบริษัทเป็นช่วงก่อนเข้างานในภาคบ่าย หรือไม่ก็คงเป็นเพราะวันนี้ประธานที่ปรึกษาอาวุโสของ ดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์ คอร์เปอร์เรชั่น เดินทางมาจากกรุงบัวโนส ไอเรส

                ประตูลิฟต์แก้วค่อยๆเปิดออก เมื่อถึงชั้นที่เป็นห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูงซึ่งเธอได้รับโทรศัพท์จากเลขานุการส่วนตัวของประธานที่ปรึกษาอาวุโสของ ดี.เอ็ม. เทเลลิ้งก์ คอร์เปอร์เรชั่น ให้เดินทางมาพบอย่างเร่งด่วน เพียงแค่ก้าวออกจากลิฟต์ เสียงเลขานุการหญิงวัยกลางคนก็ดังทักทายขึ้นในทันที

                “ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งค่ะ พอฤทัย”

                ภาษาอังกฤษสำเนียงสแปนิชทั้งยังต้องออกเสียงเรียกชื่อจริงของเธอ ทำให้พอฤทัยยิ้มรับด้วยความเกรงใจ แม้จะเจอกันเพียงแค่สองสามครั้งแต่ผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าก็ยังจำชื่อของเธอได้อย่างแม่นยำ

                “ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกันค่ะ คาร์เมน” พอฤทัยต้องเดินเข้าสู่อ้อมกอดพร้อมทั้งชนแก้มข้างขวากับเลขานุการวัยกลางคน ตามแบบฉบับการทักทายของชาวอาร์เจนไตน์ ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันพอหอมปากหอมคอก็เดินตามการผายมือเชื้อเชิญไปสู่ห้องทำงานใหญ่ซึ่งอยู่ตรงมุมสุดของทางเดิน

                “เชิญค่ะ ดอนญ่า1เวนโตล่า รออยู่ในห้อง” คาร์เมนเปิดประตูให้หญิงสาว พลางมองด้วยสายตาชื่นชม แม้จะไม่ได้เจอกันตั้งแต่ครั้งที่ได้รับทุนการศึกษาเมื่อสี่ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ใบหน้างดงามก็ยังดูสดใส อ่อนเยาว์ ดูอิ่มเอิบเช่นสาวสะพรั่ง รูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

                พอฤทัยก้าวเข้าไปในห้องทำงานใหญ่แล้วต้องแย้มยิ้มอ่อนหวาน เมื่อร่างของสตรีสูงวัยเดินเข้ามาโอบกอด แนบแก้มทั้งสองข้างเข้ากับแก้มของตน เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงดีใจ

                “สบายดีไหมจ๊ะหนูพรีม ไม่ได้เจอกันเสียนาน” โลล่า ประคองฝ่ามือทั้งสองข้างเข้ากับใบหน้ารูปหัวใจ ไรผมกึ่งกลางหน้าผากยังหยักเล็กน้อยรับกับดวงตากลมโตและริมฝีปากอิ่มสีสด

                ความงามของสาวตะวันออกที่มีครบถ้วนสมบูรณ์ตรงหน้า ยิ่งทำให้โลล่า เวนโตล่า มั่นใจว่าการเสียเวลาแวะมาที่เพนซิลวาเนียครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า

                “สบายดีค่ะ ดอนญ่าเวนโตล่า สบายดีเช่นกันนะคะ” พอฤทัยไถ่ถาม หากต้องขมวดคิ้วมุ่นเพราะจู่ๆ สตรีสูงวัยก็มีสีหน้าเศร้าสร้อยขึ้นมาในทันตา

                โลล่าหมุนตัวกลับไปนั่งยังโซฟาที่อยู่ไม่ไกลทั้งยังผายมือเชื้อเชิญให้สาวสวยนั่งลงใกล้ๆ ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจออกมาอย่างคนที่มีเรื่องกลุ้มใจ

                อากัปกิริยาเช่นนั้นทำให้พอฤทัยรีบถามด้วยความเป็นห่วง “ดอนญ่ามีเรื่องไม่สบายใจเหรอคะ หนูพอจะช่วยได้บ้างรึเปล่า”

                โลล่า เวนโตล่า ซึ่งเดิมคือโลล่า เด มาร์คอส เมื่อเธอสมรสกับสามีผู้ทรงอิทธิพลชาวอิตาลีซึ่งย้ายรกรากมาตั้งถิ่นฐานในอาร์เจนตินา ด้วยความที่ตระกูลเดิมและตระกูลของสามี มีฐานะมั่งคั่ง อีกทั้งยังช่วยเหลืองานการกุศลน้อยใหญ่มากมายจึงกลายเป็นบุคคลสำคัญของอาร์เจนตินา ผู้คนส่วนมากจึงให้เกียรติและเรียกอย่างยกย่องจนติดปากว่า ดอนญ่าเวนโตล่า

                โลล่าส่ายหน้าให้กับความเกรงใจของหญิงสาวตรงหน้า เพราะจำได้ว่าเคยออกปากห้ามไม่ให้เรียกอย่างห่างเหินเช่นนี้ “เรียกฉันว่าโลล่าสิจ๊ะ ถึงเธอจะไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับฉันนักแต่เธอคือลูกสาวของเพื่อนเก่า ฉันก็เห็นเธอเป็นลูกสาวของตัวเองด้วยเหมือนกัน นอกเสียจากว่าเธอจะรังเกียจฉัน”

                พอฤทัยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับความเมตตาที่ได้รับจึงพนมมือไหว้ด้วยกิริยาอ่อนช้อย เพราะรู้ว่าสตรีสูงวัยตรงหน้าเข้าใจในความหมายของการพนมมือไหว้นี้ได้เป็นอย่างดี

                “หนูจะคิดแบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ ถ้าไม่ได้ทุนเรียนจากมูลนิธิ เด มาร์คอส หนูก็คงไม่ได้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบายแบบนี้” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงและแววตาซาบซึ้งใจ จนคนมองรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องที่จะเอ่ยปากต่อไป “มีอะไรที่หนูพอจะช่วยได้ไหมคะ”

                โลล่ารีบพยักหน้าเพราะทบทวนมาหลายวันแล้วก็เห็นจะมีเพียงผู้หญิงตรงหน้าที่จะทำให้ความตั้งใจเป็นจริง “ความหวังในชีวิตทั้งหมดของฉันอยู่ที่เธอ หนูพรีม”

                ยิ่งได้ยินเช่นนั้น พอฤทัยยิ่งประหลาดใจ ขยับตัวนั่งหลังตรง มองสตรีสูงวัยอย่างรอคอย “ถ้าหนูช่วยคุณได้ ต่อให้ยากเย็นเกินความสามารถก็จะพยายามทำให้สำเร็จค่ะ”

                “ฉันอยากให้หนูอุ้มท้องทายาทของเด มาร์คอส” โลล่าบอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง ชัดเจนจนไม่มีใครในห้องคิดว่าต้องหูฝาดหรือเข้าใจสารนั้นคลาดเคลื่อน

                พอฤทัยนิ่งงันไปครู่ใหญ่ รู้ดีว่าคำพูดที่หลุดออกจากปากสตรีสูงวัยเป็นเรื่องจริงที่ทำให้เธอชาดิกไปทั้งร่าง ไม่ต่างจากถูกสายฟ้าฟาดลงกลางกาย

                “ฉันรู้ว่าสิ่งที่ขอให้เธอทำมันดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ แต่จะให้ฉันนอนตายตาหลับได้ยังไงในเมื่อว่าเซเลส ยังไม่มีท่าทีว่าจะตกลงปลงใจกับผู้หญิงคนไหนสักที อีกอย่างผู้หญิงที่เข้ามาข้องแวะกับหลานชายฉันก็ไม่เข้าตาฉันสักคน ถึงแม้ว่าเซเลสจะบริหารธุรกิจเก่งกาจจนอาณาจักรของเด มาร์คอส แทบจะครอบคลุมทั้งอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้แต่ดูเหมือนว่า ความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวดูจะเป็นเรื่องน่ารำคาญใจ” โลล่า กล่าวถึงหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูล เด มาร์คอส อันยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลในแถบทวีปอเมริกาเหนือ-ใต้

                “นะ...หนู คือ...” เป็นครั้งแรกที่คนใจเย็นอย่างพอฤทัย ไม่สามารถตอบโต้ในสิ่งที่ได้ยิน เหนือสิ่งอื่นใดเธอไม่รู้ว่าจะโกรธ โมโหหรือเห็นอกเห็นใจกับสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความทุกข์ แววตาเป็นกังวลอย่างที่สุดของโลล่า

                ความรู้สึกตอนนี้มีเพียงตกใจสุดขีดและไม่เข้าใจในเหตุผลอย่างที่สุด คำพูดเหล่านั้นยิ่งย้ำเตือนให้เธอนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของจอมเสเพลที่ทำให้เธอจมปลักอยู่กับความรู้สึกเดิมๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยได้พบหน้าเขากระทั่งถึงวินาทีนี้

                โลล่าตัดสินใจอธิบายในเหตุผลที่มีต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าเงียบงัน “เธอจะทำความหวังของฉันให้เป็นจริงได้ไหม ช่วยให้กำเนิดทายาทของเด มาร์คอส ให้ฉันได้อุ่นใจก่อนที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจากโลกนี้ไป”

                คำพูดนั้นทำให้พอฤทัยกะพริบตาถี่ รีบถามกลับไปในทันที “ทำไมพูดอย่างนั้นคะโลล่า คุณยังแข็งแรง ไม่มีทางที่...”

                “ฉันไม่ได้แข็งแรง ฉันเป็นคนแก่ที่มีทั้งโรคลิ้นหัวใจรั่ว ความดันโลหิตสูง ฉันต่อสู้ยื้อแย่งชีวิตกับโรคเหล่านี้มาหลายปี มันคือภัยเงียบที่ฉันไม่คิดว่าจะร้ายแรงมากมายแต่สุดท้าย เมื่อมันลุกลามรุมเร้าหนักข้อ ฉันก็พบว่าตัวเองก็หนีความตายไปไม่พ้น ต่อให้มีเงินทองมากมายสักแค่ไหนก็ไม่อาจยื้อชีวิตไปได้ยาวนานจนถึงเวลาที่จะเห็นเซเลส ตกลงปลงใจกับผู้หญิงสักคน ยิ่งคิดไปไกลถึงทายาทของเด มาร์คอส ฉันยิ่งไม่มีสิทธิ์” โลล่าบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

                “แต่... หนูไม่มีความสามารถพอที่จะทำให้เซเลส เอ่อ... ดอนเซเลสตร้าพึงพอใจในเชิงชู้สาวหรอกค่ะ” เรียกเขาอย่างเป็นทางการและประเมินตัวเองได้ว่ารูปร่างหน้าตาของตน ล้วนแล้วแต่แตกต่างกับผู้หญิงที่เคยข้องแวะหรือมีข่าวคราวกับเขา

                คู่ควง คู่เดต คู่ขาของเซเลสตร้า หรืออะไรก็ตามแต่ที่สื่อต่างๆจะเรียกขาน ถ้าไม่ใช่นางแบบชื่อดัง ก็ต้องเป็นเซเลบริตี้สาวที่มีพร้อมทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ล่าสุดเขายังเป็นข่าวกับราชนิกุลสาวของประเทศหนึ่งในยุโรป แล้วเธอจะเอาอะไรไปดึงดูดความสนใจของเพลย์บอยผู้เพียบพร้อมเช่นนั้น อย่าว่าแต่ทำให้เขาตกลงปลงใจด้วยเลยแค่ทำให้เขาหันมาชายตาแล ก็มั่นใจว่าตัวเองไร้ซึ่งความสามารถ

                โลล่าพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาวซึ่งแววตาเปี่ยมไปด้วยความสับสน จึงเอื้อมมือไปวางทาบลงบนหลังมือบาง บีบกระชับอย่างเป็นจังหวะพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู

                “ไม่มีผู้หญิงสวยคนไหนจะอยู่เหนือกาลเวลา ทุกสิ่งอย่างต้องร่วงโรยไปทั้งนั้นสิ่งที่อยู่ยงคงกระพันคือความงามจากจิตใจ ความดีและอบอุ่นที่ฉันสัมผัสได้จากตัวเธอ หนูพรีม” โลล่าบอกด้วยความมั่นใจและรีบกล่าวเสริมเมื่อเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ส่ายไปมาปฏิเสธ “ความจริงแล้วเธอเป็นผู้หญิงสวย อ่อนหวาน แต่อาจจะไม่ได้สะดุดตาเซเลสเท่านั้นเอง และฉันก็มั่นใจว่า เธอต้องเป็นที่สะดุดตาเขาขอเพียงยอมรับปากในสิ่งที่ฉันขอร้อง”

                พอฤทัยยังส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ “โอ... โลล่าคะ หนูคงช่วยทำให้คุณสมหวังไม่ได้ ขอให้หนูได้ตอบแทนพระคุณในเรื่องอื่นเถอะนะคะ แค่หนูเข้าใกล้เขาก็พูดไม่ออก มือไม้สั่น แล้วยังจะกล้ารับปากโน้มน้าวใจเขาให้หันมามองหนูได้ยังไง ความจริงแล้วมีแต่จะทำให้เขาหงุดหงิดใจมากกว่า”

                นั่นคือเรื่องจริงที่โลล่าคิดทบทวนมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ซึ่งมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคำพูดของพอฤทัยเลย การจะทำให้จอมเสเพลคนหนึ่งซึ่งรักสนุกและมีท่าทีว่ายังใช้ชีวิตโสดไม่อิ่มหนำสำราญหันมาสนใจผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวานจนตกลงปลงใจสร้างครอบครัวและมีทายาทร่วมกันนั้นคงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าครึ่งปี

                เวลาครึ่งปีที่ว่าเร็วแล้วแต่ก็ยังช้าจนโลล่าคิดว่า เมื่อตอนนั้นมาถึงทุกอย่างก็คงจะสายเกินแก้ เด มาร์คอส ที่กำลังรุ่งโรจน์จะต้องสั่นคลอน พบความวิกฤตอย่างหนัก และเธอก็ไม่อาจทนเห็นหลานชายเพียงคนเดียวต้องตรอมตรมกับเหตุการณ์ที่ไม่อาจเลี่ยงได้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งจะย่ำแย่มากกว่าความคิดที่ผุดขึ้นในสมองตอนนี้ เรียกได้ว่ามันคือทางรอดเดียวที่จะทำให้เซเลสตร้าบริหารธุรกิจโดยไร้ซึ่งขวากหนาม

                “ความจริงแล้วฉันนึกตำหนิตัวเองที่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ มันโหดร้ายกับจิตใจเธอไม่น้อยที่ต้องบอกว่าฉันไม่มีเวลาพอสำหรับความสัมพันธ์ ความผูกพันจนก่อให้เกิดทายาท ฉันคงต้องลดขั้นตอนที่ต้องอาศัยเวลาเหล่านั้นออกไปจนเหลือเพียงแค่การที่จะทำให้เธออุ้มท้องทายาทของเด มาร์คอส”

                “หมายถึงต้องการให้หนูอุ้มบุญ ทำกิฟต์หรืออะไรทำนองนี้ใช่ไหมคะ” พอฤทัยย้ำถามให้ชัดเจนอีกครั้ง

                “คิดเหรอว่าคนอย่างเซเลสจะยอมปลดปล่อยเชื้อพันธุ์ของตัวเองออกมาในโรงพยาบาล”

                “หนูไม่ค่อยเข้าใจในความหมายที่คุณพูดเลยค่ะ” โป้ปดมดเท็จทั้งเพ เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้ต่างหากว่าการร้องขอของโลล่านั้นพูดง่ายๆ ก็คือทำให้เธอมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาอย่างแท้จริง แต่เหมือนว่าจิตใจอยากได้ยินคำพูดยืนยันตรงๆ ว่าไม่ได้เข้าใจผิดพลาดไปฝ่ายเดียว ซึ่งดูเหมือนว่าโลล่าก็จะเข้าใจในความหมายนี้

                โลล่าพยักหน้ารับช้าๆ “เธอเข้าใจไม่ผิดหรอกหนูพรีม ฉันอยากให้เธออุ้มท้องทายาทของเด มาร์คอส ด้วยวิธีการธรรมชาติ ถ้าหากเธอรับปากฉันจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ทั้งหมด โดยที่เธอไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องใดเลย แล้วที่ต้องเป็นเธอก็เพราะความเป็นแม่ที่มีอยู่ในตัวเธออย่างเต็มเปี่ยม เธอจะช่วยฉันได้ไหม หนูพรีม?”

                เรื่องยากลำบากทำให้เธอไม่อาจตกปากรับคำ เช่นเดียวกับบุญคุณท่วมหัวของสตรีสูงวัยตรงหน้าก็ไม่ทำให้เธอเอ่ยคำปฏิเสธออกไปได้ในทันทีเช่นกัน ยิ่งได้เห็นแววตาเป็นทุกข์ที่มองมาด้วยความหวัง รอคอยคำตอบรับยิ่งกดดันให้เธอตัดสินใจยากยิ่งขึ้น

                โอ... คุณป๋า! ช่วยพรีมที พอฤทัยคร่ำครวญถึงบิดาในใจ

                เธอเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีหมาดๆ ยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ ยังไม่มีหน้าที่การงานอันมั่นคงแล้วจู่ๆ จะให้เธอมารับเป็นแม่อุ้มบุญได้อย่างไร

                ไม่ใช่สิ! นี่ไม่ใช่การอุ้มบุญเพราะเธอต้องมอบกายให้เขาโดยไม่มีข้อต่อรอง แล้วจะให้เธอมีหน้าไปมองบุพการีที่รออยู่ข้างหลังได้อย่างไร

                คำถามมากมายและความจริงอันโหดร้ายที่จะเกิดขึ้น หากเธอตกปากรับคำผลักดันให้พอฤทัยส่ายหน้า แม้อีกด้านจะต้องผิดคำพูดกับสตรีสูงวัยก็ตาม “หนูทำไม่ได้จริงๆ ค่ะโลล่า หนู... ขอโทษนะคะ”

                “เธอยังมีเวลาคิดถึงพรุ่งนี้นะ อย่าเพิ่งตัดความหวังสุดท้ายของฉันเร็วแบบนี้ เก็บไปนอนคิดสักคืนได้ไหม ถ้าเธอตกลง... ทุกอย่างจะเป็นความลับของเราสามคน แล้วฉันก็จะไม่มีวันปล่อยให้แม่ของทายาทเด มาร์คอส ต้องเผชิญกับความยากลำบากทั้งกายและหัวใจ”

                “คุณหมายถึงอะไรคะ หนูไม่ใช่ผู้หญิงหิวเงินจนต้องทำเรื่องแบบนี้เพื่อแลกกับความสุขสบาย” พอฤทัยอธิบายให้ชัดเจนขึ้น แม้รู้ดีว่าขณะนี้ธุรกิจของครอบครัวในเมืองไทยจะต้องพบวิกฤตหนัก แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เลวร้ายจนต้องตกปากรับคำทำเรื่องเช่นนี้

                “เธอยังสดใสนักหนูพรีม โลกในทัศนคติของเธอยังเป็นแง่บวกซึ่งฉันชอบความคิดของเธอเหลือเกิน แต่... ถ้าใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆ เราก็ไม่อาจจะเลือกเอาเฉพาะเรื่องดีๆ ให้ผ่านเข้ามาในชีวิต เหมือนกับที่ครอบครัวของเธอต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้” โลล่าบอก ก่อนจะถอนหายใจเพราะอดสงสารหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ “เมื่อสองวันก่อน ฉันได้คุยกับพ่อของเธอ ดูเหมือนว่าเขากำลังพบวิกฤตครั้งใหญ่ในชีวิตและทุกอย่างก็ดูเลวร้ายลงกว่าเดิมด้วยสุขภาพที่ไม่ค่อยจะสู้ดี พี่สาวเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงซึ่งข้อนี้ฉันไม่ได้ดูถูกดูแคลนในความสามารถหรอกนะ แต่ทุกอย่างจะลุล่วง ผ่านพ้นไปด้วยดีต้องอาศัยอำนาจเงินทั้งนั้น”

                นั่นล่ะที่ธุรกิจครอบครัวของเธอกำลังขาดสภาพคล่องอยู่ในขณะนี้ ความจริงที่ทำให้พอฤทัยต้องคิดหนักเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าสถานการณ์เมืองไทยจะเลวร้ายเช่นนี้

                “อย่าคิดว่าฉันเอาธุรกิจของครอบครัวมาบีบบังคับเลยนะ ฉันกับสันต์ก็คบค้ากันมานาน ถึงไม่ได้ไปมาหาสู่กันเป็นประจำแต่สายสัมพันธ์อันดีที่ครอบครัวของเรามีต่อกันก็ทำให้ฉันเต็มใจที่จะช่วยเหลือ เธอน่าจะรู้นิสัยของพ่อดีกว่าใคร เมื่อเขาไม่เอ่ยปากแล้วฉันจะกล้ายื่นมือเข้าไปก้าวก่ายได้ยังไง” โลล่าพูดจากใจจริง

                แผนการอุ้มท้องทายาทเด มาร์คอส ซึ่งเป็นทางออกที่จะทำให้เหตุการณ์ในอนาคตคลี่คลายโดยที่บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ได้เกิดขึ้นหลังจากที่วางสายจากสันต์ สิริสกุล เพื่อนเก่าที่อยู่เมืองไทย

                ใบหน้างดงาม กิริยาอ่อนหวาน ทั้งยังมีความอ่อนน้อมถ่อมตนของพอฤทัย บุคลิกภาพที่ไม่ต่างจากสายน้ำเย็นอันชุ่มฉ่ำเหมาะสมอย่างยิ่งกับหลานชายผู้ใจร้อนของตน

                ครั้งล่าสุดโลล่าได้พบปะกับสันต์โดยบังเอิญ เพราะตอนนั้นสันต์มาร่วมงานแจกทุนของมูลนิธิ เด มาร์คอส ซึ่งเขาไม่ได้ปริปากบอกหรือแจ้งล่วงหน้าสักคำว่าพอฤทัยก็เป็นหนึ่งในผู้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า สันต์เป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีไม่น้อย หากออกปากบอกเธอสักนิด พอฤทัยจะไม่ต้องลำบากแข่งกับคนอีกมากมายเช่นนั้นเลย

                ‘อะไรที่ได้มาด้วยความยากลำบาก นั่นยิ่งมีคุณค่าคู่ควรอยู่ในความทรงจำตลอดไป’ คำพูดของสันต์เมื่อครั้งที่โลล่าออกปากต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก เพราะความเป็นเพื่อนเก่านั้นเธอยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ที่อยู่อาศัยและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนทั้งหมดของพอฤทัย แต่เมื่อได้ยินสันต์พูดเช่นนั้นทุกอย่างก็ไร้ซึ่งข้อกังขาอีกต่อไป

                อาการนิ่งเงียบของหญิงสาวตรงหน้าก็ทำให้โลล่านึกกังวลใจอยู่ไม่น้อยจึงเอื้อมมือไปแตะต้นแขนเรียว พลางเหลือบสายตามองเลขานุการส่วนตัวที่เตือนด้วยการชี้เข้าที่นาฬิกา

                “หนูพรีม... ฉันไม่มีเวลาแล้วเพราะต้องรีบเดินทางกลับบัวโนส ไอเรส ถ้าเธอจะสงสารยัยแก่อย่างฉัน ก็อย่าเพิ่งตอบอะไร ขอให้เอากลับไปคิดเสียก่อน ยังไงเสียเธอก็เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้ เด มาร์คอส รอดพ้นจากวิกฤตในอนาคต” โลล่าบอกและรีบเอ่ยดักคอ เมื่อเห็นริมฝีปากอิ่มขยับ ตั้งใจจะถาม “ซึ่งฉันบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร แม้แต่เซเลสก็ให้รู้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคนอารมณ์ร้อนแบบเขาก็จะตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยวิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน”

                “ไม่มีเวลาแล้วนะคะ ดอนญ่า” คาร์เมนเตือนเจ้านาย

                โลล่าเอื้อมมือไปแนบแก้มนุ่ม มองด้วยสายตาเอ็นดู แม้จะรู้ว่ามันเป็นการบีบบังคับทางอ้อมแต่มันคือทางรอดเดียวที่ต้องทำให้สำเร็จ “ฉันเชื่อว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ไม่ได้หมายถึงคำตอบรับ แต่หมายถึงความเป็นแม่ที่เธอจะมอบให้กับทายาทรุ่นต่อไปของเด มาร์คอส อนาคตหลังจากนี้ฉันยังมั่นใจว่าเธอจะเป็นดอนญ่าเด มาร์คอสได้ดีอีกด้วย”

                พอฤทัยเหมือนคนน้ำท่วมปาก ไม่สามารถตอบโต้กับสตรีสูงวัยผู้มีพระคุณมาหลายประโยคแล้ว เมื่อเห็นเธอยืดตัวลุกขึ้นจึงได้แต่ชันตัวลุกขึ้นตาม “หนู... คือ”

                “ฉันรู้ว่าเธอตกใจ แต่อยากจะบอกให้รู้เอาไว้ว่าฉันเองก็ทำใจลำบาก ทำใจอยู่หลายวันกว่าจะเรียกเธอมาคุยเรื่องนี้ บอกแล้วว่าไม่ต้องตอบอะไรทั้งสิ้น ฉันหวังว่าจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอพร้อมกับคำตอบรับเท่านั้น” แม้น้ำเสียงจะนุ่มนวลแต่คำพูดก็กดดันจนคนฟังไม่กล้าปฏิเสธ “กลับด้วยกันนะ เดี๋ยวฉันจะแวะส่งที่อพาร์ตเมนต์”

                “อะ...เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ พอดีหนูมีธุระต้องไปทำต่อ หนูลานะคะ ขอให้เดินทางปลอดภัย” พอฤทัยอวยพรอย่างมีมารยาทเมื่อถูกดึงเข้าไปกอดและแนบแก้มทั้งสองข้าง

                โลล่ายิ้มและปล่อยมือจากร่างอ้อนแอ้น มองหญิงสาวเดินห่างไปยังประตูห้องทำงาน ทิ้งท้ายอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้อง “ฉันจะให้คนเตรียมห้องไว้รอ อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะหนูพรีม”

                แม้จะได้เห็นยิ้มอย่างหนักใจบนใบหน้างดงามแต่ก็ยังไม่สิ้นความหวัง จนเลขานุการคู่ใจอดจะเป็นห่วงแทนไม่ได้

                “เป็นอย่างนี้แล้วเราจะทำยังไงต่อไปคะ เธอดูหัวอ่อนควบคุมง่ายก็จริงแต่คนแบบนี้ใจแข็งนักนะคะ” คาร์เมนแสดงความคิดเห็น

                “ถ้าสายตาฉันไม่ฝ้าฟางไปตามอายุล่ะก็... หนูพรีมหลงรักเซเลสตั้งแต่ครั้งที่มารับทุนแล้วล่ะ” เหตุผลหลักที่ทำให้โลล่าเลือกใช้วิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากคำมั่นสัญญาของสามีผู้ล่วงลับ

                คาร์เมนขมวดคิ้วอย่างคนกำลังทบทวนความทรงจำ “แต่นั่นมันนานมาแล้วนะคะ คุณพรีมก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่ เรียกได้ว่าสวย อ่อนหวานตามสไตล์เอเชี่ยนจะไม่มีหนุ่มๆ มาติดพันบ้างเหรอคะ”

                “ก็คงมี... แต่ถ้าหนูพรีมสนใจหนุ่มๆเหล่านั้นก็คงไม่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เซเลส เคยควงอยู่ประจำหรอก” บอกและอมยิ้ม ก่อนจะหันหลังให้เลขานุการคู่ใจสวมเสื้อสูทเข้าชุดกับกระโปรง

                หวังอย่างยิ่งว่าความตั้งใจในครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า สถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะผลักดันให้พอฤทัยตัดสินใจตอบรับ หากการวางแผนทำให้หลานชายจอมเสเพล ผู้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสุดเหวี่ยงหลวมตัวไปกับการจัดฉากครั้งนี้ก็ลำบากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สังเกตได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าประกาศตัวเองว่าอุ้มท้องทายาทเด มาร์คอส สักคน!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา