ปลูกรักในรั้วใจ
10.0
เขียนโดย อิสวารายา
วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.26 น.
39 ตอน
0 วิจารณ์
38.42K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2559 15.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ตอนที่ 6 เริงร่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 6 เริงร่า
เทียมภพวางแผนจะพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนช่วงที่น้องสาวยังอยู่ในช่วงปิด เทอม ก่อนหน้านั้นคนน้องรบเร้ามาตั้งนานแล้วว่าอยากไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ที่ ญี่ปุ่นแต่เขาไม่มีช่วงว่างให้ลางานยาวๆได้เลยเพราะไหนจะติดงานส่วนตัว ไหนจะติดงานที่ทวีกิจสารพัดเลยขอผ่อนผันเป็นท่องเที่ยวในประเทศแทน คนเกิดทีหลังทำแก้มป่องไม่ได้ดั่งใจ แต่พอพี่ชายเอาภาพรีสอร์ทที่จะไปพักมาให้ดูเท่านั้นแหละ คนแก้มป่องก็ลิงโลด เร่งให้พี่รีบเคลียร์งานจะได้ไปกันเร็วๆ แถมยังบ้าเห่อเริ่มจัดกระเป๋าตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าจะได้ไปเที่ยว จัดเข้า รื้อออก อยู่หลายครั้งทั้งๆที่ในเดินทางมันตั้งอาทิตย์หน้า
“พี่หมากขา...พาน้องพลูไปซื้อชุดว่ายน้ำด้วยนะ” แทนดาวเข้าไปกระแซะพี่ชายในเย็นวันหนึ่ง
“อะไรกัน พี่เพิ่งซื้อให้ไปเมื่อเดือนที่แล้วเองนะ ใส่ไม่ได้แล้วหรือไง?” เทียมภพเหวี่ยงหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่กำลังอ่านลงบนโต๊ะเพื่อกางแขนรับ ตัวคนขี้อ้อนที่โถมเข้ามากอดเอวอย่างประจบ พอรู้ถึงความต้องการของน้องสาวคนเดียวก็ขมวดคิ้ว
“อื้อ...ก็มันมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาอีกแล้วนี่นา ลดราคาช่วงซัมเมอร์ตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์เชียวนะ น้องพลูอยากได้...นะคะ” แทนดาวยื่นแท็บเล็ตให้พี่ชายดูภาพโฆษณาชุดว่ายน้ำจากเวบไซต์ของห้างสรรพค้า แห่งหนึ่ง เทียมภพส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ มีน้องสาวมันก็ทั้งดีและไม่ดี ไอ้ส่วนดีก็ตรงที่ช่างประจบฉอเลาะทำให้จิตใจแช่มชื่นดี ส่วนเรื่องที่ว่าไม่ดีก็ประเภทต้องคอยดูแลเรื่องจุกจิกร้อยแปด ถึงจะมีมารดาคอยจัดการเรื่องผู้หญิงทั้งหลาย แต่เกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในชีวิตของน้องจะเป็นเขาเสียมากกว่าที่คอยดูแล
“เอางี้...พี่ให้ตังค์แล้วไปกับคุณแม่นะ พี่เลือกไม่เป็นหรอก”
“ขอบคุณค่ะพี่หมาก” แทนดาวยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มซ้ายขวาของพี่ชายด้วยความดีใจ จากนั้นเทียมภพก็พยายามพิจารณาภาพชุดว่ายน้ำที่น้องสาวเอาให้ดูอย่างละเอียด ว่ามีจุดไหนล่อแหลมเกินไปบ้าง เมื่อเห็นว่ายังอยู่ในมาตรฐานพอรับได้ของตนก็นับธนบัตรมูลค่าสูงสุดให้สิบใบ ถึงจะมีน้องสาวที่ชอบกวนเอาแต่ใจและดื้อรั้นแต่ยังไงหล่อนก็น่ารักและเขาก็ รักมากๆเสียด้วย ก็เลยยอมตามใจทุกอย่างเท่าที่ทำได้
“เหลือล่ะเอามาคืนด้วยนะ” คนเกิดก่อนแกล้งบอกถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าไม่เคยได้คืน (มีน้องสาวขี้งกนี่นะ) ไอ้ชุดนั่นมันไม่กี่เงินหรอกแต่ที่เหลือนั้นถือว่าให้เป็นค่าขนม เขารู้นิสัยน้องสาวว่าเป็นคนมัธยัสถ์มาก ให้เงินไปเท่าไหร่ก็จะต้องมีเหลือเก็บไว้หยอดกระปุกเสมอ เขาเคยได้รับของขวัญวันเกิดเป็นปากกาด้ามทองยี่ห้อ มงต์บลองรุ่นพิเศษหรือที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่าลิมิเต็ด อิดิชั่น สนนราคาหมายหมื่นบาทที่น้องสาวอดทนเก็บเงินค่าขนมอยู่เป็นปีเพื่อซื้อให้ ทุกวันนี้เขาจึงพกปากกาด้ามนั้นติดตัวไว้เวลาทำงานเสมอ
แทนดาวชวนเพื่อนร่วมก๊วนไปเดินช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่ง หนึ่งในวันถัดมา เทียมภพอนุญาตให้มากับเพื่อนๆตามลำพังได้ ความจริงเขาจะให้ปลายเดือนมาเป็นเพื่อนด้วยแต่ทั้งสองสาวต่างปฏิเสธซึ่งกัน และกันอย่างไร้เยื่อใย
“ผึ้งไม่ว่างหรอกค่ะ วันนี้มีนัดดื่มน้ำชากับคุณชายลักษม์ตอนบ่าย ตอนเที่ยงต้องไปทานข้าวกับมิสเตอร์โนวาร์คนที่จะมาทำ PR ให้เรา แล้วก็มีชุดว่ายน้ำแล้วด้วยไม่ต้องการเพิ่มหรอกค่ะ”
“ไม่เอานะ ถ้าไปกะพี่ผึ้งล่ะก็...คงไม่ได้ชุดว่ายน้ำหรอกแต่อาจจะได้เสื้อคอกระเช้าแทน”
ด้วยเหตุนี้เทียมภพจึงต้องมาส่งน้องที่ห้าง ตอนแรกน้องสาวจะนั่งรถไฟฟ้ามาเองแต่ผู้ปกครองจอมเผด็จการไม่ยอม บ่นว่าคนเยอะแยะไม่อยากให้ไปเบียดเสียดกันเดี๋ยวเจอไอ้พวกโรคจิตมันลวนลาม เอาอะไรมาถูเหมือนในข่าว ถึงกระนั้นความเป็นพี่ชายที่ทั้งหวงและห่วงน้องสาวเข้าขั้นวิกฤตก็อดไม่ได้ ที่จะส่งลูกน้องหน้าเหี้ยมสองคนคอยเดินตามห่างๆอ้างว่าให้มาช่วยถือของ แทนดาวนั้นไม่ว่าอะไรเพราะพี่เข้มสองคนนี้ไม่จุ้นจ้านเท่าพี่ชาย อีกทั้งยังชินแล้วกับความเข้มงวดสุดโต่งของเทียมภพ
แทนดาวมาถึงที่นัดหมายสายกว่าเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมง พอเพื่อนๆเห็นยัยคุณหนูจอมสายมาถึงก็รุมประณามทันที คนมาสายเลยแก้เก้อด้วยการพาไปเลี้ยงพิซซ่ารองท้องก่อนออกตะลุยชอปปิ้ง
“สวัสดีครับสาวๆ” เสียงทักทายอย่างร่าเริงทำให้ทั้งกลุ่มหันไปมอง
“พี่เว...พี่เวจริงๆด้วย” อรกานต์หนึ่งในเดอะแก๊งทักขึ้นก่อน แทนดาวถึงกับตะลึงที่เห็นเวทิวุฒิรุ่นพี่สุดหล่อที่เคยแอบปลื้มมาที่นี่
“พี่เวมายังไง? ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” เนตรทิพย์ที่เปรี้ยวที่สุดลุกขึ้นไปเกาะแขนเขาพลางปรายตาเยาะเย้ยมาทาง เพื่อนๆ สาวๆที่เหลือทำท่าอิจฉาตาร้อนที่มักถูกเพื่อนคนนี้ชิงตัดหน้าก่อนทุกครั้งไป
“พี่มาซื้อของน่ะ ไม่ได้เจอพวกเราตั้งนานจริงๆตั้งแต่เรียนจบ” หนุ่มหน้าหล่อเจ้าของร่างสูงโปร่งสะโอดสะองกับทรงผมไถข้างกรีดเส้นตามสมัย นิยมทักทายด้วยรอยยิ้มหล่อละลายแท่งเหล็ก
“น้องพลูสบายดีมั้ยครับ?” หนุ่มหล่อมองสาวน้อยด้วยความประทับใจ จำได้ว่าตอนปีหนึ่งแทนดาวเป็นรุ่นน้องและดาวคณะที่น่ารักที่สุด เขาเองก็เคยคิดจะจีบแต่ติดที่มีแฟนอยู่แล้ว อีกอย่างก็ได้ยินกิตติศัพท์ความโหดของพี่ชายหล่อนด้วยเลยไม่กล้าเข้าไป วุ่นวาย
“ค่ะ...ดีใจจังที่ได้เจอพี่เวอีก ทานอะไรมาหรือยังคะ?” แทนดาวคุยกับเขาด้วยความรู้สึกประหม่า ก็อยู่ดีๆได้มาเจอเทพบุตรสุดหล่อที่เคยแอบปลื้มมานานอย่างไม่นึกฝัน ตอนที่เขาเรียนอยู่นั้นไม่มีทางได้เข้าใกล้ขนาดนี้หรอกเพราะว่าเวทิวุฒิมัก จะรายล้อมไปด้วยสาวๆ พวกหล่อนเคยทำขนาดว่ารวมหัวกันสมัครเข้าชมรมแบดมินตันที่เขาเป็นประธานเพื่อ ที่จะได้อยู่ใกล้ชิด
“พี่เวยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะเนี่ย” ดารตากระเซ้า
“พี่เวยังคบกะพี่แนทอยู่หรือเปล่าคะ?” อรกานต์คนเดิมถามถึงแฟนสาวของรุ่นพี่
“ยัยอรบ้า...ถามพี่เค้ายังงั้นได้ไง” แทนดาวขัดเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทถามอะไรที่ตรงเกินไปแต่ใจจริงแล้วน่ะ...หู ผึ่งก่อนใคร คนถูกถามยิ้มเก้อๆก่อนจะตอบแบบตั้งใจให้ ‘คนหูผึ่ง’ รับรู้
“ตอนนี้พี่โสดจ้ะ กำลังหาคนดามใจพอดี...ใครจะสมัครบ้างมั้ย? หล่อ สปอร์ต ใจดี รังสิตปทุมธานี” เขาตอบเลียนแบบสโลแกนที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในโลกโซเชียล ทุกคนหัวเราะกับความขี้เล่นเป็นกันเองของรุ่นพี่คนนี้ ยกเว้นแทนดาวที่ขัดเขินบอกไม่ถูก ถึงแม้จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาแบบเข้มงวดกับเรื่องรักๆใคร่ๆแต่ถึงอย่างไร หล่อนก็เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่ยังมีความรู้สึกแอบชอบเพศตรงข้ามตาม ครรลองธรรมชาติเหมือนคนอื่นๆ แต่เป็นเพียงแค่ความรู้สึกนึกคิดธรรมดาของสาววัยฝันมิได้จริงจังหรือหมกมุ่น จนเป็นข่าวท้อง แท้ง ทิ้ง เหมือนวัยรุ่นบางคนในสมัยนี้
“เนตรคนแรกเลยค่ะพี่เวขา...” เนตรทิพย์ทำท่ากระแซะรุ่นพี่จนออกนอกหน้า ส่วนคนอื่นๆก็ไม่ยอมให้เพื่อนสุดเปรี้ยวทำคะแนนอยู่คนเดียวต่างก็พากันโปรย ยิ้มตาหวานใส่ไม่หยุด เวทิวุฒิหัวเราะชอบใจแต่ก็ไม่ได้ถือสา เขานึกถึงรุ่นน้องกลุ่มนี้ที่ชอบทำอะไรเปิ่นๆอยู่เสมอและมักจะจับกลุ่ม หัวเราะคิกคักเวลาตนเองเดินผ่านจะยกเว้นก็เพียงแทนดาวที่ค่อนข้างจะสงบ เสงี่ยม
“น้องพลูเงียบเลย เห็นพี่แล้วกินพิซซ่าไม่ลงเลยเหรอครับ?”
“เอ่อ...พลูอิ่มแล้วล่ะค่ะ” คนถูกถามสะดุ้ง จะไม่ให้อิ่มได้ไงก็ปลื้มซะขนาดนั้น
“ช่างเถอะค่ะ ยัยพลูเค้าอิ่มทิพย์ มามะ...ตาจะป้อนให้นะคะ พี่เวชอบอะไรเอ่ย” ดารตาที่ยื้อแย่งรุ่นพี่หน้าหล่อไปนั่งเคียงข้างได้สำเร็จก็พยายามส่งพิซซ่า ชิ้นโตเข้าปากเขา ส่วนอรกานต์จ่อแก้วน้ำให้ถึงปาก เนตรทิพย์พยายามยัดเยียดมันฝรั่งทอดให้เช่นกัน แทนดาวหัวเราะที่เห็นรุ่นพี่ทำหน้าบอกไม่ถูกที่โดนเพื่อนๆทั้งสามรุมแกล้ง เอา ‘คนถูกแกล้งทำ’ อะไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
“พอได้แล้วยัยพวกกระสือ ไปทำเสื้อผ้าเค้ายับยู่ยี่หมด” ‘พวกกระสือ’ เลยต้องหยุดล่าเหยื่อและหันมาจัดการอาหารเสียก่อนจะชืด เวทิวุฒินั่งเป็นเพื่อนจนกระทั่งสาวๆทานเสร็จแล้วก็อาสาออกค่าอาหารให้ด้วย โดยให้เหตุผลว่าขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงน้องๆร่วมสถาบัน เพื่อนๆทั้งสามนั้นซาบซึ้งกันจนออกนอกหน้า
“แล้วนี่จะไปไหนกันต่อหรือเปล่า?” เวทิวุฒิถามเมื่อใกล้ถึงเวลาที่จะต้องแยกกัน
“อืม...พลูกับเพื่อนจะไปหาซื้อชุดว่ายน้ำน่ะค่ะ อาทิตย์หน้าที่บ้านจะไปเที่ยวทะเลกัน”
“ที่ไหนเหรอครับ?” เขาสนใจขึ้นมาทันที
“ตรังค่ะ” แล้วแทนดาวก็บรรยายถึงรีสอร์ทที่จะไปพัก เวทิวุฒิพร้อมกับยิ้มกว้างเป็นปริศนา
พอถึงวันเดินทาง แทนดาวตื่นก่อนใครเพราะตื่นเต้นแต่พอขึ้นเครื่องบินได้ไม่ทันไรก็หลับสนิท แถมยังกรนเบาๆให้คนข้างเคียงอย่างปลายเดือนหงุดหงิดรำคาญเต็มทน ไม่เข้าใจว่าทำไมป้าสะใภ้ต้องจัดการให้มานั่งข้างๆน้องสาวนอกไส้นี่ด้วย ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาก็กินไม่หยุด ขยับยุกยิก ลุกเข้าลุกออกจนน่ารำคาญ จะเอ็ดเอาก็ไม่ได้เพราะจะแสดงอาการรังเกียจน้องต่อหน้าคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด เลยได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปตลอดทางจนถึงปลายทาง
รถตู้คันใหญ่สกรีนโลโก้รีสอร์ทละอองทรายมารอรับที่สนามบิน ใช้เวลาเดินทางต่ออีกประมาณสองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย พอได้เห็นทะเลสีเขียวใสแทนดาวก็ยิ่งตื่นเต้น รีบขนสัมภาระเข้าบ้านพักแล้วตั้งใจจะวิ่งตรงดิ่งลงทะเลให้สมอยาก แต่ความรีบร้อนไม่ทันระวังทำให้ชนเข้ากับสตรีผู้หนึ่งจนเกือบล้มแต่ก็ประคอง ไว้ได้ทัน
“ขอโทษค่ะ...หนูไม่ได้ตั้งใจเลย” แทนดาวยกมือไหว้นั้นปลกๆ สตรีผู้นั้นมองมาอย่างพิจารณาครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มให้อย่างไม่ถือสา
“ไม่เป็นไรจ้ะ ป้าไม่เจ็บ” หญิงสาวยิ้มดีใจที่ไม่ถูกดุ ดูนางจะเป็นผู้ใหญ่ใจดีมีเมตตามากๆทีเดียว
“ขอบใจหนูมากนะคะ” สตรีผู้นั้นบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วเดินจากไป
“พี่วารีมาพอดี...เชิญเลยครับ พวกคุณธรรมมาถึงสักพักแล้ว” ผู้จัดการรีสอร์ทบอกกับสตรีวัยกลางคนที่เพิ่งมาถึงห้องรับรองบริเวณล็อบบี้ คุณเที่ยงธรรมรีบลุกขึ้นรับไหว้เมื่ออีกฝ่ายทำความเคารพ จากนั้นคุณวารีหันไปไหว้สตรีสูงวัยอย่างอ่อนน้อม
“เธอคงเป็นวารี แม่ของพ่อชลล่ะสินะ” คุณลำเภาทักทาย
“ค่ะ...ความจริงดิฉันก็มีลูกสาวบุญธรรมอีกคนชื่อรมณ์นลิน คิดว่าคุณย่าคงรู้จักดี” เทียมภพถึงกับหูผึ่ง นี่อะไรกัน? สตรีผู้นี้นอกจากจะเป็นมารดาของคู่กัดตนแล้วยังมีครูสอนเปียโนของน้องสาวรวม อยู่ด้วยหรือนี่ โลกนี้เล่นตลกกับเขาหรือไงนะ ทำไมชีวิตต้องมาพัวพันกับคนบ้านนี้ไม่รู้จักจบสิ้น
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกกล่าวกันไว้ก่อน ยัยแฟงน่ะสิคะ...รู้จากลูกสาวคนเล็กของคุณธรรมว่าจะมาเที่ยวที่นี่เลยรีบ โทรบอก ดิฉันก็เลยรีบโทรหาน้องชายทางนี้แล้วก็ลงมาต้อนรับด้วยตัวเอง” คุณวารีอธิบาย นางเองก็เพิ่งทราบจากปากบุตรสาวว่าครอบครัวทวีกิจไพศาลจะมาพักที่นี่ ทำให้ชลธีต้องรีบเคลียร์งานทั้งที่กรุงเทพและที่ระยองกันหัวหมุนเพื่อลงมา ต้อนรับคนตระกูลนี้เช่นกัน
“โลกกลมจังนะครับ ส่วนนี่ก็ของผม...เทียมภพลูกชายคนโต น้องใบพลูลูกสาวคนเล็กคงไปเดินเล่นอยู่แถวๆชายหาด เดี๋ยวเย็นนี้ก็คงได้เจอกัน” คุณเที่ยงธรรมแนะนำบ้าง เทียมภพทำความเคารพคุณวารีแล้วก็รู้สึกสงสาร ดูนางออกจะสุภาพอ่อนโยนขนาดนี้ไม่น่ามีลูกชายปากหมาน่าเตะอย่างชลธีเลย
“ชลบอกว่าบ้านนี้มีลูกสาวสองคนนี่คะ” คุณวารีถามต่อ
“อ้อ...คงหมายถึงสีผึ้งลูกสาวผม” คุณเที่ยงแท้ตอบ คุณวารีจึงหันไปทางคุณระรินแล้วเลยคิดไปว่าสีผึ้งที่ว่าคงจะสวยหมดจดคล้าย มารดาแน่ทีเดียว
“ตามสบายเลยนะคะ คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้าน” คุณวารีบอกอย่างเป็นกันเอง
“แล้วที่ระยองใครดูแลล่ะครับ ชลธีหรือ?” คุณเที่ยงแท้ถาม
“ฝากเด็กทางโน้นไว้ค่ะ ชลมาถึงล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวานซืน นี่คงจะไปตระเวนเยี่ยมบ้านญาติๆแถวนี้แหละค่ะ นานๆจะกลับมาทีเหมือนกัน” นางกล่าวถึงบุตรชายที่เร่งเร้าให้ตนลงมาตรังด้วยกัน
“ดีจริง...มาเที่ยวครั้งนี้อยู่กันพร้อมหน้า นี่ถ้าประจิมยังอยู่...” คุณเที่ยงธรรมพูดได้เท่านี้ก็หยุดเพราะรู้สึกไม่ควรที่จะเอ่ยถึงสามีผู้ล่วง ลับของคุณวารี
“เอาไว้ทริปหน้าลองไปเที่ยวระยองบ้างนะคะ รับรองสวยไม่แพ้ที่นี่เชียวค่ะ” คุณวารีเบี่ยงประเด็นได้ในที่สุด ความจริงนางก็มิได้เศร้าเสียใจถึงการจากไปของสามีมากนักเพราะเวลานั้นผ่าน ล่วงมานานเกือบยี่สิบปีแล้ว
แทนดาวเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย ชุดว่ายน้ำแบบทูพีซที่ท่อนบนเป็นเสื้อกล้ามเอวลอยกับท่อนล่างที่เป็นกางเกง รัดรูปขาสั้นนั้นดูเหมือนชุดเต้นแอโรบิกมากกว่า ถึงมันจะไม่เปิดเผยเนื้อหนังมังสามากนักแต่เจ้าตัวก็ยังไม่กล้าที่จะเดินออก ไปเปล่าๆแบบนี้เลยเอาผ้าคลุมไหล่สีสดใสมาพันสะโพกไว้ ชุดว่ายน้ำแนบเนื้อเน้นรูปร่างของวัยสาวเพียงแค่พองามแค่นี้ก็ทำให้หนุ่มๆ มองเหลียวหลังจนคอแทบหักแล้ว
“น้องพลู...น้องพลูครับ” เสียงร้องเรียกทำให้คนที่กำลังจะเดินลงไปที่ชายหาดหยุดอยู่กับที่ก่อนจะ อุทานด้วยความแปลกใจเมื่อเจ้าของเสียงมาหยุดยืนตรงหน้า
“พี่เว...พี่เวมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย? พักอยู่ที่นี่เหรอคะ? แล้วมากับใคร?” แทนดาวยิงคำถามชุดขณะจ้องมองรุ่นพี่สุดหล่อไม่วางตาแล้วก็ต้องเก้อกระดาก เมื่อคนถูกถามได้แต่ยิ้ม
‘‘อย่ายิ้มมากนักซี...พลูจะละลายอยู่แล้ว’’
“น้องพลูเล่นยิงมาแบบนี้พี่ตอบไม่ถูกเลย เอาเป็นว่า...พี่มาพักผ่อนแล้วก็บังเอิญเจอน้องพลูก็แล้วกัน” แทนดาวพยักหน้าหงึกหงักแต่ยังไม่หายแปลกใจ
“นี่จะไปเล่นน้ำแล้วเหรอครับ?” หล่อนพยักหน้าตอบ
“แดดร้อนอย่างนี้เนี่ยนะ?” หล่อนพยักหน้าอีก คราวนี้เวทิวุฒิหัวเราะบ้าง
“แย่จริง...น้องพลูเป็นใบ้ไปแล้ว เอาแต่พยักหน้าอย่างเดียว” ชายหนุ่มกระเซ้า แทนดาวยิ่งเขินเข้าไปอีก
“เอ...แบบนี้เขาเรียกบังเอิญโลกกลมหรือพรหมลิขิตนะ” หญิงสาวคิดปลื้มๆ
“เล่นน้ำแป๊บเดียว เดี๋ยวแดดก็ร่มแล้วค่ะ” หล่อนบอกอย่างร่าเริง เวทิวุฒิอดใจไม่ได้ที่จะลอบมองเรียวขานวลเนียนที่โผล่พ้นผ้าพันเอวแล้ว เรื่อยไปถึงทรวดทรงภายใต้ชุดรัดรูปนั้นพลางจินตนาการตามประสาหนุ่มวัยซุกซน ว่า
“ซ่อนรูปแฮะ’’
“เอางี้...ตอนนี้แดดร้อนจะตาย พี่ว่าเดินเล่นรอเวลากันก่อนมั้ย? พอแดดร่มอีกหน่อยค่อยลงน้ำ พี่จะเล่นด้วย” เขาเสนอ แทนดาวมองหน้าตาเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาราวกับพระเอกซีรีย์ที่ตนเองชื่นชอบอย่าง เพลิดเพลินจนคนถูกมองต้องสะกิดเพื่อเรียกสติ
“ว่าไงครับ?” ชายหนุ่มถามย้ำเสียงหนุ่ม
“แต่...” ยังไม่ทันที่จะได้ออกความเห็นคนเสนอความคิดก็ดึงแขนเนียนเดินไปตามชายหาด แทนดาวตกใจมากที่ถูกจู่โจมเอาดื้อๆ รีบดึงมือกลับทันที
“คือพี่เวคะ...คือน้องพลูยังไม่ได้ขออนุญาตพี่หมากเลยค่ะ บอกแค่ว่าจะอยู่แถวหน้าบ้านพัก”
“พี่ขอโทษครับ งั้นเราแยกกันตรงนี้ก็ได้” แทนดาวเห็นเขาหน้าเจื่อนก็สงสาร อุตส่าห์บังเอิญมาพบกันที่นี่แล้วก็ไม่น่าจะผลักไสเขา
“เดินเล่นอยู่แถวๆนี้ก็ได้ค่ะ” แถวนี้คงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง...เทพบุตรสุดหล่ออยู่ตรงหน้านี้แล้ว ถ้าไปเล่าให้เดอะแก๊งฟังว่าได้เดินเล่นบนชายหาดกับพี่เวสุดเท่ รับรองว่าพวกนั้นต้องร้องโอดครวญด้วยความอิจฉาเป็นแน่แท้ สาวน้อยนึกสนุกและคิดว่าไหนๆก็แอบปลื้มรุ่นพี่คนนี้มานาน วันนี้มีโอกาสใกล้ชิดแล้วที่สำคัญตัวมารอย่างพี่หมากก็ไม่อยู่
‘‘ขอตามใจตัวเองสักครั้งหนึ่งเถอะ’’ แล้วสาวน้อยก็สลัดความกังวลต่างๆออกไปก่อนจะเดินเคียงข้างชายหนุ่มในฝันไป เรื่อยๆ บทสนทนาดำเนินไปพร้อมๆกับสองหนุ่มสาวที่เกิดทอดน่องใต้ร่มไม้ขนานไปกับแนว หาดทรายทรายละเอียดนุ่มเคล้าเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นจังหวะต่อเนื่อง แต่คนตัวเล็กลืมคิดการณ์ไกลว่าการทำตามใจตัวเองครั้งอาจนำมาซึ่งโศกนาฏกรรม ครั้งใหญ่ทีเดียว
แทนดาวยังคงสนุกและเพลิดเพลินกับการเดินทอดน่องรับลมทะเลเคียงคู่กับรุ่นพี่ หน้าหล่ออย่างเวทิวุฒิ ฟังเขาคุยเรื่องราวๆต่างที่สรรหามาเล่าโดยไม่เบื่อ บางครั้งก็ทำให้ขำจนต้องหัวเราะออกมาดังๆ บางครั้งก็ซุ่มซ่ามเดินสะดุดจนเขาต้องยึดจับแขนไว้ไม่ให้ล้ม แต่พอใกล้จะถึงสะพานที่ทอดยาวออกไปในทะเลก็ต้องหยุดอยู่แค่นั้นและรั้งมือคน ข้างๆให้หยุดด้วย เวทิวุฒิแปลกใจที่สาวน้อยข้างๆทำหน้าเหมือนเจอผี
แทนดาวจ้องมองบุรุษร่างสูงผิดสีทองแดงที่ยืนอยู่ใต้ต้นมะพร้าวไม่ไกลกันนัก อาการยื่นยิ่ง สีหน้าไร้ความรู้สึก ทำให้เดาได้ว่าฝ่ายนั้นคงมายืนอยู่ตรงนี้นานพอสมควรเพราะดูไม่ตื่นเต้นหรือ แปลกใจที่เห็นตนกำลังจะเดินผ่านไป เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น กางเกงขาสั้นแบบลำลอง สวมแว่นกันแดดสีดำปรอทแบบที่กำลังนิยมกัน มือหนึ่งคีบบุหรี่และกำลังพ่นควันสีขาวอมเทาอย่างสบายอารมณ์ สักครู่ก็ทิ้งเศษก้นกรองในถังขยะที่ตั้งอยู่ข้างๆ
“ใครเหรอครับน้องพลู?” เวทิวุฒิทำลายความเงียบลงเมื่อเห็นว่าหล่อนเอาแต่จ้องมองชายคนนั้น คนตัวเล็กได้สติรีบดึงมือออกจากอุ้งมืออบอุ่นนั้น
“พี่ชล…มาอยู่ตรงนี้ได้ไง?” หล่อนละล่ำละลักถามบุรุษหน้าเข้มที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ จนเห็นหยดเหงื่อที่ซึมออกมาตามคอและไรผม เขาถอดแว่นกันแดดเหน็บไว้ที่สาบเสื้อ ไม่สนใจจะตอบคำถามนั้นแต่เสคุยเรื่องอื่น
“พี่ตามหาเสียตั้งนาน คุณแม่หาตัวเราอยู่ หายไปไหนทำไมไม่บอกกันฮึ?” แทนดาวงง มั่นใจว่าบอกมารดาไปแล้วว่าจะเดินเล่นแถวๆบ้านพัก เวทิวุฒิคิดว่าชายคนนี้คงเป็นพี่ชายจอมโหดจึงรีบทำความเคารพ ชลธีเพียงพยักหน้าให้น้อยๆ
“เห็นจะต้องพาน้องพลูกลับที่พักแล้วล่ะ” โดยไม่ทันที่ใครจะคิดอะไรได้ ข้อมือแข็งแกร่งก็ถือวิสาสะดึงมือเย็นเฉียบพาเดินย้อนกลับไปทางเดิม เวทิวุฒิมองตามอย่างเสียดายก่อนจะผ่อนลมหายใจอย่างโล่ง อก
‘‘นึกว่าจะโดนเตะซะแล้ว’’
ชลธีกึ่งจูงกึ่งลากสาวน้อยที่ต้องวิ่งตามแรงดึงของเขา แทนดาวพยายามจะสลัดมือให้หลุดแล้ววิ่งหนีเลยถูกยึดแน่นขึ้น พอไปไหนไม่ได้คนตัวเล็กก็เริ่มประทุษร้ายด้วยการ ทุบ หยิก ตี แต่แขนแข็งแรงนั้นไม่รู้สึกรู้สมแถมคนเจ็บกลับเป็นคนกระทำเสียเอง เจ้าของร่างกำยำพาหล่อนไปหยุดพักใต้ร่มไม้ใหญ่แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างอรชร ให้เป็นอิสระ
“มีแรงทุบก็ทุบไปแต่ขอบอกว่าพี่จะไม่ยอมปล่อย” เขาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย แทนดาวรู้ล่ะว่าเขากำลังไม่พอใจแต่มันเรื่องอะไรที่จะมายื้อยุดกันไว้แบบนี้
“ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวโวยวายพร้อมทั้งเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองหวังให้เขาเห็นใจว่ากำลัง รังแกเด็ก ผ้าพันเอวที่ผูกไว้อย่างดีเริ่มร่นลงมาทีสะโพกอย่างหมิ่นเหม่
“ทีนายคนเมื่อกี้ไม่เห็นดิ้นแบบนี้เลย...มีดีอะไรนะ” แทนดาวยังไม่หยุดอาการดิ้นปัดๆ
“คนบ้า! คิดอะไรอุบาทว์ที่สุด” แทนดาวคิดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเรื่องอกุศลระหว่างตนเองกับเวทิวุฒิชลธียิ้มที่ มุมปาก เด็กน้อย...ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย ถ้ารมณ์นลินไม่วิ่งหน้าตื่นมาบอกเรื่องที่เทียมภพหัวเสียว่าน้องสาวจอมดื้อ ไม่รู้หายไปอยู่ที่ไหนล่ะก็ จะไม่มาช่วยตามหาจนเจอแล้วยืนให้ทุบอย่างนี้หรอก ดูเถิด...มาบังเอิญเจอคนที่กำลังถูกตามหาเดินอ้อยสร้อยไปกับใครไม่รู้ เขามั่นใจว่าเทียมภพไม่มีวันจะปล่อยให้ไอ้หนุ่มหน้าไหนมาจับมือถือแขนน้อง สาวเป็นแน่ ดังนั้นการที่แม่คนรั้นมากับชายแปลกหน้าคนนี้อาจจะเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล
“ถ้าจะหยุดตีพี่แล้วคุยกันดีๆล่ะก็...พี่จะปล่อย แต่ถ้าไม่...พี่จะปล้ำเดี๋ยวนี้แหละ” แทนดาวแทบกรี๊ดเมื่อได้ยินคำขู่ อาการดีดดิ้นเมื่อครู่หยุดลงโดยอัตโนมัติ ความโมโหเปลี่ยนเป็นความกลัวในฉับพลัน นี่เขาพูดจริงหรือแกล้งขู่กันนะ
“ดีมากครับ ว่าง่ายแบบนี้ค่อยเจรจากันสะดวกหน่อย” ชลธีหย่อนตัวลงนั่งกับพื้นทรายแล้วก็ตบที่นั่งข้างๆเป็นเชิงเรียกอีกฝ่ายให้ นั่งลงด้วยกัน แทนดาวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วทำตามอย่างหวาดๆ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าประสานสายตาแข็งกร้าวนั่นเลย ก็ไอ้ที่เขาขู่เมื่อกี้เล่นเอาเสียขวัญมาก
“ความจริงพี่ก็ไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรอกนะ ถ้าเราไม่ใช่คนรู้จักกันและพี่...หวังดี” เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหนึ่ง เขาละสายตาจากทะเลมามองมองสำรวจไปทั่วร่างบางนั้น พอเจ้าตัวรู้ว่าถูกมอง ความอับอายก็แผ่ซ่านอย่างห้ามไม่อยู่ พยายามเอามือกอดอกปิดป้องร่างกายในส่วนที่คิดว่าเขากำลังมอง แวบหนึ่งก็คิดว่าอีกฝ่ายกำลังโลมเลียทางสายตาแต่พอพินิจดูแล้วก็ไม่ได้มี ลักษณะจ้วงจาบหยาบคาย สาย ตาที่ทอดมองมามันเหมือนกับสายตาของพี่ชายที่แสดงความห่วงใย
“น้องพลูจะบอกพี่ได้มั้ย...ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” แม้จะถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่คนถูกถามก็รู้ดีว่าจะต้องตอบอย่างรอบคอบ
“เค้าชื่อพี่เวค่ะ เป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว พี่เวก็มาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน เราพบกันโดยบังเอิญ” แทนดาวนึกถึงคำขู่เมื่อกี้ก็ต้องยอมจำนนไม่ยอกย้อนให้อีกฝ่ายเกิดโทสะ
“หนีออกมาเที่ยวคนเดียวเหรอ? ‘คนอื่น’ ไปไหน” แม้จำเลยจะให้คำอธิบายที่ไม่น่าพอใจนักแต่ก็ไม่อยากคาดคั้นไปมากกว่านี้
“คนอื่นๆอยู่ที่บ้านพักค่ะ น้องพลูอยากมาเล่นน้ำก่อน พอดีเจอกับพี่เว...ก็เลยเดินเล่นอยู่แถวๆนี้ค่ะ เราไม่ได้เจอกันนานตั้งแต่เรียนจบไป น้องพลูก็แค่ดีใจที่ได้เจอพี่เค้าอีก...ก็แค่นั้นเอง” หล่อนรู้ว่า ‘คนอื่น’ ที่เขาหมายความถึงก็คือพี่ชายจอมเผด็จการนั่นเอง
“แล้วน้องพลูก็ยอมมาด้วยทั้งๆที่เพิ่งเจอกัน เอ่อ...ถึงจะเคยรู้จักกันมาแล้วก็เถอะ ยิ่งต่างบ้านต่างถิ่นแบบนี้ ไม่กลัวหรือไง?” เขาถามจริงจังแต่ก็พอจะเข้าใจอะไรได้รางๆ อาจจะเป็นไปได้ที่คนข้างๆน่าจะมีความรู้สึกที่ ‘พิเศษ’ กับหนุ่มแปลกหน้าที่มีชื่อเล่นแปลตรงตัวว่าถนนหนทางหรือนาย ‘เว’ คนนี้เป็นแน่ มิฉะนั้นแล้วจะยอมให้ฝ่ายนั้นเข้ามาใกล้ชิดถึงขนาดจับมือถือแขนกันได้หรือ อีกประการหนึ่ง...ถ้าผู้ชายคนนั้นคือเพื่อนชายหล่อนจริงๆ ก็ต้องยอมนับถือที่แทนดาวสามารถ ‘ซ่อนของ’ ให้พ้นสายตาพี่ชายได้
“พี่เวเป็นรุ่นพี่น้องพลูนะคะ เคยอยู่ชมรมเดียวกัน ทำกิจกรรมด้วยกันก็ออกบ่อย น้องพลูมั่นใจว่าพี่เวเป็นคนดีค่ะ” ชลธีไม่พอใจกับคำตอบนี้เอามากๆ จะอธิบายอย่างไรดีให้คนตัวเล็กเข้าใจว่าการจะตัดสินว่าใครเป็นคนดีหรือไม่ดี นั้นไม่ใช่แค่อาศัยความรู้จักกันมายาวนานหรือการอยู่ชมรมเดียวกันอย่างที่ หล่อนใช้แทนมาตรวัดความดีอยู่ขณะนี้
“น้องพลูครับ...ขึ้นชื่อว่าผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัวจะไว้ใจมากก็ไม่ได้ อย่าว่างั้นงี้เลยนะ...คนดีๆอย่างพี่ถ้ามีสาวๆแต่งตัวแบบน้องพลูมานัวเนีย ใกล้ๆก็อาจจะทำให้ตบะแตกได้เหมือนกันนะครับ” ชลธีส่ายหน้าในความโลกสวยเกินไปของสาวน้อยคนนี้ ไม่รู้หรือไงว่าอันตรายมันมีอยู่รอบด้าน ข่าวฆ่าข่มขืนมีไม่เว้นแต่ละวัน พอได้ฟังเขาพูดแบบนั้นแทนดาวยิ่งอายผสมโกรธหนักเข้าไปอีก พยายามห่อตัวหวังจะหลบซ่อนให้พ้นสายตาคมกริบ ยิ่งนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในงานวันเกิดคุณย่าก็พาลให้ขายหน้า
“กรี๊ด...พี่ชลจะทำอะไร!” แทนดาวถอยกรูดขณะที่เขาปลดกระดุมเสื้อแล้วถอดมันออกอย่างรวดเร็วเพื่อใช้มัน คลุมไหล่ให้คนตัวเล็ก แทนดาวอ้าปากค้างเพราะตัวเองนั้นคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว พอดึงสติที่คิดเลยเถิดกลับมาได้ก็อ้อมแอ้มขอบคุณเจ้าของเสื้อพร้อมกับกระชับ เสื้อให้แน่นหนาขึ้น อาการที่ตามมาติดๆก็คือหน้าแดงระเรื่อเมื่อสายตาปะทะเข้ากับแผงอกหนาหนั่น ที่เคยได้อิงแอบอยู่เมื่อไม่นานมานี้
“โกรธพี่อีกล่ะสิที่ทำอะไรขัดใจเราไปหมด” ชลธีเข้าใจว่าสาวน้อยที่นั่งข้างๆคงอายมากเพราะเนื้อตัวเปลี่ยนเป็นสีแดงไป หมด
“น้องพลูเอ่อ...ขอร้อง เรื่องนี้อย่าบอกพี่หมากนะคะ” แทนดาวส่งสายตาขอความเห็นใจ
“พี่ไม่บอกหรอก แต่น้องพลูต้องระวังตัวเองให้มากกว่านี้ แฟงบอกพี่ว่าตอนนี้พี่ชายเรากำลังหัวเสีย พี่ว่าน้องพลูรีบกลับไปดีกว่า” เขารับปากเพราะไม่เคยคิดจะเสวนากับคนพรรค์นั้นอยู่แล้ว
“ค่ะ...แล้วเมื่อกี้เอาชื่อคุณแม่มาอ้างใช่มั้ย?”
“น้องพลูครับ...พี่หวังดีจริงๆ จะทำอะไรหรือไปกับใครก็ควรจะอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ก็จะดีนะ แล้วที่สำคัญมากๆคือไม่ควรไปไหนกับคนแปลกหน้าตามลำพังแบบนี้” เขาสอนให้ แต่คนฟังกลับรู้สึกขัดเคืองที่อีกฝ่ายตั้งตัวเป็นพ่อคนที่สาม ทำไมนะ...ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องอยู่ในสายตาคนนั้นคนนี้ตลอด ไม่เคยได้ทำอะไรด้วยตัวเองสักครั้ง
“พี่ชลพูดแบบนี้น่ะ คิดว่าตัวเองไว้ใจได้แค่ไหน น้องพลูต้องระวังตัวกับพี่ชลด้วยหรือเปล่าคะ?” ชลธีอึ้ง ไม่นึกว่าความหวังดีของตนจะถูกตีค่าไปเป็นอย่างอื่น
“ถ้าพี่คิดทำเรื่องติดเรทอย่างที่น้องพลูคิดขึ้นมาจริงๆล่ะก็...พี่รับรอง ว่าน้องพลูจะไม่ได้มายอกย้อนพี่แบบนี้หรอก...ไม่เชื่อก็ลองท้าทายดูอีกสิ” พอพูดจบก็รู้สึกหน้าชาไปซีกหนึ่งเพราะถูกแม่สาวน้อยตรงหน้าตบเข้าให้เต็มแรง เล็บคมที่ข่วนครูดบนซีกแก้มทำให้แสบซ่าจนตกยกมือขึ้นลูบตรงนั้น คนประทับฝ่ามือก็ตะลึงกับการกระทำของตัวเองเหมือนกัน เกิดกลัวขึ้นมาทันทีที่ไปทำเขาโกรธอีกจนได้
“ขอโทษพี่ดีๆก่อน...เดี๋ยวนี้” ชลธีสั่งเสียงเข้มออกกระด้างอย่างรู้สึกโมโหขึ้นมาจริงๆแล้ว มือหนายังคงลูบแก้มสากของตัวเองที่มีรอยแดงรูปนิ้วทั้งห้าจางๆปรากฏอยู่ คนกระทำนั่งหน้าซีดตัวสั่นเมื่อคนถูกตบทำท่าเอาเรื่อง ถ้าขืนอยู่ต่อคงโดนทำอย่างที่ถูกขู่แน่ๆ คิดได้ดังนั้นแล้วคนประเคนฝ่ามือก็ลุกขึ้นวิ่งไม่คิดชีวิต แต่ไปได้ไม่ไกลก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่าเท้าจนต้องทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น ก้มลงมองจุดที่เจ็บปวดแล้วก็ร้องอุทานเบาๆเมื่อเห็นเลือดแดงฉานที่ฝ่าเท้า ด้านขวา เลือดมากมายยังคงไหลจากบาดแผลไม่หยุดหย่อนอย่างกับท่อรั่ว หล่อนไปเหยียบเอาเศษแก้วที่คนมักง่ายทำแตกแล้วทิ้งไว้ เท่ากับว่าหนีเสือปะเศษแก้วเสียแล้ว
“น้องพลู...เป็นอะไรน่ะ!” คนร่างสูงที่วิ่งตามมาติดๆถึงกับหน้าเสียพอเห็นบาดแผลฉกรรจ์
“จะ...เจ็บ” พูดได้แค่นั้นก็สะอึกสะอื้น ชลธีไม่รอช้ารีบอุ้มร่างสั่นเทาขึ้นมา
“ทนหน่อยนะครับ พี่จะพาไปทำแผล เดี๋ยวแวะล้างเลือดก่อนนะ” ชายหนุ่มซื้อน้ำดื่มจากร้านค้าแถวนั้นมาล้างเลือดที่เกรอะกรังทั่วฝ่าเท้า แทนดาวเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดจนไม่กล้าเหลือบไปมองเลือดแดงฉานนั่นเลย
“เห็นมั้ย...วิ่งหนีมาแล้วเป็นไง?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลมากกว่าจะตำหนิขณะใช้กระดาษกดแผลห้ามเลือด ยอมรับว่าตอนที่เห็นหล่อนล้มไปยังนึกขำว่าทำซุ่มซ่ามอีกแล้วแต่พอเข้ามาดู ใกล้ๆก็ต้องใจหายวาบ บาดแผลนั้นทั้งกว้างและลึก เลือดไหลออกมาจนน่ากลัวว่าอาจจะช็อกเอา ไม่น่าเลย...แต่จะโทษใครได้ล่ะงานนี้
“น้องพลูเดินเองได้ค่ะ” แทนดาวท้วงเมื่อเขาทำท่าจะอุ้มอีก
“พี่ว่าอย่าดีกว่า เดี๋ยวเลือดจะออกมาอีก มาเถอะ...อีกไม่ไกลก็จะถึงแล้วนะครับ” ชลธีรวบร่างบางอุ้มขึ้นอย่างง่ายดายราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นตุ๊กตา คนถูกอุ้มเกิดอาการประหม่าขึ้นมาอีกจึงได้แต่ซุกหน้ากับอกแข็งแกร่งนั้นแล้ว หลับตาลง อีกครั้งแล้วสินะที่ต้องอิงแอบบุรุษคนนี้ด้วยความจำเป็น ไม่อยากจะมองหน้าคมสันนั้นเลยเพราะทั้งโกรธทั้งอาย อายที่อาละวาดกับเขาแล้วต้องเจ็บตัวเสียเอง อายที่ต้องให้คนที่ตนประทุษร้ายไปหยกๆมาช่วยเหลือและอายที่ต้องอยู่ในอ้อม กอดของชายหนุ่มที่สาวๆหลายคนฝันถึง
“หนักมั้ยคะ? วางก่อนก็ได้นะคะ” แทนดาวถามเมื่อเดินมาได้อีกสักระยะ ถึงจะรู้สึกถึงความเปียกจากเหงื่อที่ซึมออกมาตามเนื้อตัวของเขาแต่ก็ไม่ รู้สึกเหม็นเลยสักนิด โดยธรรมชาติแล้วผู้ชายจะเหงื่อออกง่ายและมากกว่าผู้หญิงที่สำคัญมักจะมี กลิ่นตัวที่ไม่น่าพิสมัยปนมาด้วย แต่ตัวชลธีกลับไม่เหม็นทั้งที่ไม่ได้ใส่น้ำหอมเลย แทนดาวรู้เพราะว่าอยู่แนบชิดจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของโลชั่นโกนหนวดด้วย ที่รู้ละเอียดก็เพราะพี่ชายก็ใช้โลชั่นนี่เหมือนกัน แอบประหลาดใจว่าถึงสองหนุ่มจะเกลียดกันแค่ไหนแต่อย่างน้อยก็ยังมีอย่างหนึ่ง ที่ชอบเหมือนกันคือโลชั่นโกนหนวดยี่ห้อนี้
“พี่ยังไหวครับ ไม่น่าเชื่อนะ...เห็นน้องพลูกินเก่งออกขนาดนั้นแต่ตัวไม่หนักอย่างที่คิด อย่างนี้พี่อุ้มทั้งวันก็ได้นะครับ” ภาพหญิงสาวที่ตั้งหน้าตั้งตาฟาดทุกอย่างที่ขวางหน้ายังติดตามันทำให้เขา อมยิ้มอยู่คนเดียวบ่อยครั้ง
“ถ้าวันนี้กลับไปแล้วเกิดปวดเมื่อยขึ้นมาน้องพลูไม่รู้ด้วยนะ” นับว่าเป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาอีกครั้งนับจากงานวันเกิดคุณ ย่าแต่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างจากครั้งนั้น อาจจะเป็นต่างกาลต่างวาระหรืออาจจะเป็นสายตาแปลกๆที่อีกฝ่ายขยันส่งมาก็ตาม แต่บอกได้เลยว่ามันคนละฟีลกัน
“ถ้าเมื่อยขบจนยกแขนไม่ขึ้นพี่จะให้น้องพลูนวด” ใบหน้าคมก้มหน้าลงมาใกล้ คนถูกมองค้อนให้วงใหญ่จึงเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากอีกฝ่ายได้
‘‘ค้อนเป็นด้วยเหรอ?’’ เขากระซิบถามเบาๆ คนในอ้อมแขนทำหน้าดุใส่
ชลธีอุ้มร่างเล็กกลับมาบ้านพักส่วนตัวที่แยกออกมาต่างหากจากที่พักสำหรับ บริการนักท่องเที่ยว ในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แทนดาวเดาว่าที่นี่คงจะเป็นบ้านสำหรับให้พวกญาติๆหรือคนดูแลรีสอร์ทเองหรือ ไม่ก็คงจะสำรองเอาไว้สำหรับแขกพิเศษ ตรงมุมห้องมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนึ่งใบกับเป้สะพายหลังอีกหนึ่งใบวาง กองอยู่
“น้องพลูครับ พี่ว่าควรไปให้หมอเย็บแผลดีกว่านะ ปิดผ้าพันแผลอย่างเดียวคงไม่ได้ ดูแล้วว่ามันลึกมาก” ชลธีหายไปในห้องครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาพร้อมกับชุดปฐมพยาบาล เขาลงมือทำแผลอย่างคล่องแคล่ว แทนดาวรู้สึกแสบเมื่อโดนแอลกอฮอล์
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ? แต่น้องพลูกลัวจัง” คนบาดเจ็บบอกเสียงเบา อยากจะให้เขารู้เสียที่ไหนว่าโตขนาดนี้แล้วยังกลัวเข็มฉีดยา
“พี่ว่ามันจะดีกว่า ไปกันเถอะ...สถานีอนามัยอยู่ไม่ไกลมาก จะบอกคุณแม่ก่อนก็ได้ ใช้โทรศัพท์พี่โทรหาเลย” เขายื่นโทรศัพท์มือถือให้
“น้องพลูว่าอย่าเพิ่งบอกดีกว่าค่ะ คิดดูสิ...ถ้าคุณแม่รู้ ทุกคนก็จะรู้ แล้วก็จะแห่มาดูเป็นที่เอิกเกริก แล้วถ้าพี่หมาก...” แทนดาวลังเลนิดหนึ่งก่อนจะกดเบอร์โทรหามารดาแต่ยังไม่ทันมีคนรับก็กดสายทิ้ง ชลธีพยักหน้าเข้าใจทันที นั่นสินะ...เขาเองก็ลืมคิดไป เอาไว้ทำแผลให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าค่อยบอก ไม่เช่นั้นเรื่องนี้จะต้องใหญ่โตกว่าแผลแน่
“งั้นก็ได้ เดี๋ยวน้องพลูนั่งรอที่นี่ก่อนนะครับ พี่จะไปเอารถ...เดี๋ยวมารับนะ”
“ค่ะ”
เทียมภพรู้สึกเป็นห่วงแทนดาวมากเพราะไม่รู้ว่าไปเล่นน้ำอยู่ที่ไหน เครื่องมือสื่อสารก็ไม่คิดจะเอาติดตัวไป ให้ปลายเดือนไปเป็นเพื่อนก็ไม่รู้ว่าไปทะเลาะกันหรือเปล่า ว่าจะงีบสักหน่อยก็ต้องมาคอยพะวงห่วงน้อง เกิดชาติหน้าอย่าได้มีน้องสาวกับเขาอีกเลยให้ตายสิ
“คุณหมาก...สวัสดีค่ะ” เทียมภพหันไปมองเจ้าของเสียงหวานซึ่งก็คือรมณ์นลินครูสอนเปียโนของแทนดาวและ ยังพ่วงตำแหน่งน้องสาวของศัตรูตัวฉกาจ
“อ้าวคุณ...มากะเค้าด้วยเหรอ? เออ...ผมก็ไม่น่าถาม คุณต้องมากับแม่คุณอยู่แล้ว” พอทักทายอย่างเป็นทางการแล้วอาการตึงๆก็บังเกิดขึ้นกับสตรีตรงหน้าที่คิดดุ ถูกนิดๆว่า ‘ครูแฟงที่ยัยพลูยุให้จีบ’ ความรู้สึกไม่ชอบหน้าก่อตัวขึ้นทีละนิดเพราะหล่อนเป็นน้องสาวบุญธรรมของชลธี เห็นว่าใช้คนละนามสกุลเลยจับไม่ได้ว่ามีความสัมพันธ์กัน พาลคิดไปว่าไอ้พี่ชายคงบอกให้น้องสาวมาเป็นสายสืบชักนำให้ตัวเองเข้ามา พัวพันกับครอบครัวตน ส่วนน้องสาวนี่ก็คงร้ายพอตัว
‘‘เห็นหงิมๆติ๋มๆ...จ้างมาสอนอยู่ตั้งนาน ไม่บอกสักคำว่าเป็นญาติกับไอ้ชล’’ เขาบริภาษอยู่ในใจ
“ค่ะ...แฟงกับแม่มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แล้วนี่น้องพลูไปไหนล่ะคะ?”
“ผมก็ตามหาอยู่ เออ...ขอถามตรงๆก็แล้วกัน คุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?” ทัยมภพถามเสียงห้วนเกือบจะเป็นตะคอก
“หมายถึงอะไรเหรอคะ?” คนถูกถามทำหน้างงสุดขีด
“อย่ามาทำเป็นตีเนียนไม่รู้เรื่องนะ ทำไมไม่เคยบอกพวกเราว่าเป็นญาติกับไอ้ชล? นี่คงจะแฝงตัวมาในคราบครูสอนดนตรีเพื่อที่จะเป็นทางลัดพาไอ้พี่ชายให้มาใกล้ ชิดครอบครัวผมใช่มั้ย?!” รมณ์นลินได้ฟังก็อ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะถูกกล่าวหาง่ายๆแบบนี้ ให้ไปสาบานที่ไหนก็ได้ว่าไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรมาก่อนเลย ก็เพิ่งจะมารู้เอาตอนหลังเมื่อพี่ชายไปพัวพันเรื่องค้าๆขายๆกับตระกูลนี้
“คุณหมากเข้าใจแฟงกับพี่ชลผิดแล้วล่ะค่ะ แฟงไม่ได้มีแผนการประหลาดๆนั่นสักนิด ยิ่งพี่ชลด้วยแล้ว...เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเจตนาร้ายอย่างที่คุณกำลังกล่าว หา” หล่อนพยายามอธิบายปนตำหนิอีกฝ่ายกลายๆที่มาว่ากัน
“คุณเป็นพี่น้องกันก็ต้องปกป้องกัน...ผมเข้าใจ แต่อย่าให้เกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับครอบครัวผมเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแทนดาว อย่าพยายามทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก ผมรู้นะว่าไอ้พี่ชายคุณน่ะมันเตรียมลับเขี้ยวไว้รอเคี้ยวน้องผมแล้ว” เขาต่อว่าทิ้งท้ายอย่างไม่เกรงใจ
“คุณหมาก!” รมณ์นลินยังยืนอึ้งแม้ว่าคนพูดจะเดินจากไปนานแล้ว แทนดาวเคยบรรยายสรรพคุณของพี่ชายว่าจู้จี้เป็นที่หนึ่ง ดุมากและหาเรื่องเก่งก็คงจะต้องบอกว่าเป็นความจริงอย่างที่สุด อยากรู้จริงๆว่าพี่ชายตัวเองกับพี่ชายของลูกศิษย์มีเรื่องอะไรกันหนักหนา ตนเลยได้รับอานิสงส์ไปด้วย
เทียมภพประสาทเสียหนักขึ้นเรื่อยๆเมื่อยังไม่เจอตัวน้องสาวและเริ่มอาละวาด กับคนรอบข้าง คนที่โดนหนักก่อนใครคงจะเป็นปลายเดือนที่ไม่ยอมดูแลน้องให้ดี พวกผู้ใหญ่ก็เลยพลอยเป็นห่วงกลัวน้องเล็กของบ้านจะจมน้ำหรือหลงทางไป คุณวารีให้คนช่วยตามหาอีกแรง โทรหาลูกชายจะขอความช่วยเหลือก็ไม่ยอมรับสาย นางเองก็เป็นห่วงเพราะกลัวว่าลูกสาวคนเล็กของบ้านนี้จะหลงทางหรืออาจจมน้ำ อย่างที่เป็นกังวลกัน
“นี่คงแอบหนีไปเที่ยวซนจนหลงทางล่ะสิ โทรศัพท์ก็ไม่เอาติดตัวไป รู้งี้ไม่น่าปล่อยให้ไปคนเดียวเลย” เทียมภพบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“คอยดูนะ เจอตัวล่ะจะฟาดให้หนักๆ บอกให้รอกันก่อนก็ไม่ยอมเชื่อ” เขายังไม่หยุดบ่น พอดีกับที่รมณ์นลินวิ่งเข้ามาแจ้งข่าวความคืบหน้า
“เด็กที่ฟร้อนต์บอกว่า น้องพลู...ออกไปกับ...เอ่อ...พี่ชลค่ะ เอารถกระบะไป” เทียมภพได้ยินก็เต้นผาง ตรงเข้าไปเขย่าตัวรมณ์นลินจนหัวสั่นหัวคลอนไม่เกรงใจคุณวารีที่ตกใจจนพูดไม่ ออก
“มันอยู่ไหน! พาผมไปหามันเดี๋ยวนี้ ไอ้พี่ชายคุณมันเอาตัวน้องผมไปไหนฮึ?!” เทียมภพตะโกนถามอย่างโกรธจัด คุณเที่ยงธรรมต้องมาดึงตัวลูกชายออกไป
“ใจเย็นๆน่าหมาก แล้วหนูแฟงรู้มั้ยว่าเขาพากันไปไหน?” รมณ์นลินส่ายหน้า รู้จากปากพนักงานแค่ว่าคุณชลพาผู้หญิงออกไปข้างนอก
“เอ่อ...งั้นก็ไม่น่าห่วงแล้วล่ะค่ะ ชลคงจะพาน้องไปเที่ยวแล้วล่ะ” คุณวารีแก้ต่างแทนลูกชายแต่ก็นึกคาดโทษอยู่ในใจที่ไม่ยอมบอกกล่าวผู้ใหญ่ ก่อนว่าจะพาลูกสาวเขาไปไหน
เทียมภพยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีกรีบวิ่งออกมาข้างนอก
‘‘ป่านนี้มันคงเอายัยพลูไปปู้ยี่ปู้ยำแน่แล้ว’’ ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นเคือง จะให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งใสอยู่ได้อย่างไร...ก็พาดหัวข่าวทุกวันนี้มีแต่ เรื่องชายใจทรามล่อล่วงผู้หญิงไปข่มขืน!
“คุณหมากจะไปไหนคะ?” รมณ์นลินที่วิ่งตามออกมาติดๆร้องถาม เทียมภพหันมาตวาดทันที
“เพราะคุณใช่มั้ย! คุณเป็นนางนกต่อให้ไอ้พี่ชายพาน้องสาวผมไป แล้วนี่ยังจะมาถ่วงเวลาไม่ให้ผมไปตามหาน้องใช่มั้ย!” รมณ์นลินหน้าเหวอ ทั้งพนักงานและลูกค้าต่างหันมามองทั้งคู่แล้วพากันซุบซิบอย่างสนใจ
“ไม่ใช่นะคะ เค้าไปไหนกันแฟงก็ไม่รู้เรื่อง แฟงมัวแต่ดูแลพวกคุณอยู่นะคะ”
“โกหก! ก็เจ้าเล่ห์เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องนั่นแหละ ไปหารถมาให้ผมเดี๋ยวนี้นะ ผมจะไปตามเอง” เขายังเกรี้ยวกราดไม่หยุด รมณ์นลินรู้ดีว่าขืนไปขัดเดี๋ยวก็เกิดเรื่องใหญ่อีกเลยยอมตามใจ รีบบอกพนักงานให้เอารถของรีสอร์ทออกมา เทียมพบก้าวขึ้นรถอย่างรีบร้อนพอจะออกรถก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“คุณ!...มากับผมด้วย คุณต้องรู้แน่ๆว่าสองคนนั่นไปไหนเพราะงั้นมาด้วยกันซะดีๆ” รมณ์นลินอึกอัก ใครจะกล้าไปกับคนบ้าแบบนี้เล่า
“โอ๊ย!...เจ็บนะคะ ทำไมพาลอย่างนี้นะคุณเนี่ย” รมณ์นลินว่าให้อย่างเหลืออดที่โดนคนใจร้อน กระชากแขนแล้วยัดใส่รถอย่างไม่ปราณีปราศรัย
“หุบปาก! ถ้าน้องผมเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็...คุณกับมันโดนเล่นหนักแน่” คนขี้โมโหตะโกนใส่หน้าคนข้างๆอีกครั้งก่อนจะออกรถอย่างรวดเร็วจนรมณ์นลินที่ ยังไม่ทันคาดเข็มขัดนิรภัยถึงกับหัวคะมำไปข้างหน้า ถ้าเอามือยันไว้ไม่ทันคงได้หัวแตก
‘‘คนบ้าอะไรนะ...ป่าเถื่อนที่สุด’’
ขณะเดียวกัน ต้นเหตุที่ทุกคนกำลังเป็นห่วงอยู่ที่สถานีอนามัยเรียบร้อยแล้ว พยาบาลล้างแผลให้ใหม่พอเตรียมจะเย็บแผลคนบาดเจ็บก็เริ่มโยเยขึ้นมาทันที
“พี่พยาบาลคะ แค่ทำแผลธรรมดาไม่ได้หรือไงคะ?”
“แผลกว้างและลึกมากนะคะ เย็บแล้วจะได้ประสานเร็วๆไง เดี๋ยวฉีดยาชาก็ไม่ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว” พอได้ยินคำว่าฉีดยาน้ำตาก็ไหลและร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ
“น้องพลูเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ?” ชลธีได้ยินเสียงร้องก็เข้ามาดู เห็นคนเจ็บนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง คนถูกถามไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว
“น้องพลู...ฮือ...ไม่อยากฉีดยา” แล้วก็ปล่อยโฮออกมาไม่หยุด พยาบาลกับชลธีมองหน้ากันแต่ไม่กล้าหัวเราะที่เห็นสาวๆอย่างนี้ยังร้องไห้ กลัวเข็มฉีดยา
“น้องพลูครับ...ทนเจ็บนิดเดียวดีกว่าเจ็บมากตอนที่แผลมันอักเสบ ดีไม่ดีติดเชื้อต้องตัดขาทิ้งเชียวนะ” ชลธีปลอบจนแทนดาวยอมให้ฉีดยาและเย็บแผลจนเสร็จเรียบร้อย
“เห็นมั้ย...เจ็บนิดเดียวเอง น้องพลูคิดกลัวไปเองมากกว่า”
“ก็น้องพลูไม่ชอบฉีดยานี่คะ ตอนเด็กๆน้องพลูเคยถูกหมากัดค่ะ มันก็กัดแบบหยอกเล่นเท่านั้น มีรอยถลอกนิดเดียวเอง พี่หมากกลัวว่าจะเป็นหมาบ้าเลยพาไปฉีดยากันบาดทะยักอยู่เกือบสิบครั้ง น้องพลูเลยเข็ดตั้งแต่นั้น” หล่อนเล่าเรื่องราวฝังใจที่ทำให้กลายเป็นคนกลัวเข็ม ชลธีอมยิ้มเมื่อรู้สาเหตุ
“พี่ว่าคนที่น่าจะพาไปฉีดยากันหมาบ้าควรจะเป็นพี่ชายเรามากกว่านะ” แทนดาวพยักหน้าเห็นด้วยแล้วทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
เทียมภพวางแผนจะพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนช่วงที่น้องสาวยังอยู่ในช่วงปิด เทอม ก่อนหน้านั้นคนน้องรบเร้ามาตั้งนานแล้วว่าอยากไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ที่ ญี่ปุ่นแต่เขาไม่มีช่วงว่างให้ลางานยาวๆได้เลยเพราะไหนจะติดงานส่วนตัว ไหนจะติดงานที่ทวีกิจสารพัดเลยขอผ่อนผันเป็นท่องเที่ยวในประเทศแทน คนเกิดทีหลังทำแก้มป่องไม่ได้ดั่งใจ แต่พอพี่ชายเอาภาพรีสอร์ทที่จะไปพักมาให้ดูเท่านั้นแหละ คนแก้มป่องก็ลิงโลด เร่งให้พี่รีบเคลียร์งานจะได้ไปกันเร็วๆ แถมยังบ้าเห่อเริ่มจัดกระเป๋าตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าจะได้ไปเที่ยว จัดเข้า รื้อออก อยู่หลายครั้งทั้งๆที่ในเดินทางมันตั้งอาทิตย์หน้า
“พี่หมากขา...พาน้องพลูไปซื้อชุดว่ายน้ำด้วยนะ” แทนดาวเข้าไปกระแซะพี่ชายในเย็นวันหนึ่ง
“อะไรกัน พี่เพิ่งซื้อให้ไปเมื่อเดือนที่แล้วเองนะ ใส่ไม่ได้แล้วหรือไง?” เทียมภพเหวี่ยงหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่กำลังอ่านลงบนโต๊ะเพื่อกางแขนรับ ตัวคนขี้อ้อนที่โถมเข้ามากอดเอวอย่างประจบ พอรู้ถึงความต้องการของน้องสาวคนเดียวก็ขมวดคิ้ว
“อื้อ...ก็มันมีคอลเลคชั่นใหม่ออกมาอีกแล้วนี่นา ลดราคาช่วงซัมเมอร์ตั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์เชียวนะ น้องพลูอยากได้...นะคะ” แทนดาวยื่นแท็บเล็ตให้พี่ชายดูภาพโฆษณาชุดว่ายน้ำจากเวบไซต์ของห้างสรรพค้า แห่งหนึ่ง เทียมภพส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ มีน้องสาวมันก็ทั้งดีและไม่ดี ไอ้ส่วนดีก็ตรงที่ช่างประจบฉอเลาะทำให้จิตใจแช่มชื่นดี ส่วนเรื่องที่ว่าไม่ดีก็ประเภทต้องคอยดูแลเรื่องจุกจิกร้อยแปด ถึงจะมีมารดาคอยจัดการเรื่องผู้หญิงทั้งหลาย แต่เกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในชีวิตของน้องจะเป็นเขาเสียมากกว่าที่คอยดูแล
“เอางี้...พี่ให้ตังค์แล้วไปกับคุณแม่นะ พี่เลือกไม่เป็นหรอก”
“ขอบคุณค่ะพี่หมาก” แทนดาวยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มซ้ายขวาของพี่ชายด้วยความดีใจ จากนั้นเทียมภพก็พยายามพิจารณาภาพชุดว่ายน้ำที่น้องสาวเอาให้ดูอย่างละเอียด ว่ามีจุดไหนล่อแหลมเกินไปบ้าง เมื่อเห็นว่ายังอยู่ในมาตรฐานพอรับได้ของตนก็นับธนบัตรมูลค่าสูงสุดให้สิบใบ ถึงจะมีน้องสาวที่ชอบกวนเอาแต่ใจและดื้อรั้นแต่ยังไงหล่อนก็น่ารักและเขาก็ รักมากๆเสียด้วย ก็เลยยอมตามใจทุกอย่างเท่าที่ทำได้
“เหลือล่ะเอามาคืนด้วยนะ” คนเกิดก่อนแกล้งบอกถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าไม่เคยได้คืน (มีน้องสาวขี้งกนี่นะ) ไอ้ชุดนั่นมันไม่กี่เงินหรอกแต่ที่เหลือนั้นถือว่าให้เป็นค่าขนม เขารู้นิสัยน้องสาวว่าเป็นคนมัธยัสถ์มาก ให้เงินไปเท่าไหร่ก็จะต้องมีเหลือเก็บไว้หยอดกระปุกเสมอ เขาเคยได้รับของขวัญวันเกิดเป็นปากกาด้ามทองยี่ห้อ มงต์บลองรุ่นพิเศษหรือที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่าลิมิเต็ด อิดิชั่น สนนราคาหมายหมื่นบาทที่น้องสาวอดทนเก็บเงินค่าขนมอยู่เป็นปีเพื่อซื้อให้ ทุกวันนี้เขาจึงพกปากกาด้ามนั้นติดตัวไว้เวลาทำงานเสมอ
แทนดาวชวนเพื่อนร่วมก๊วนไปเดินช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่ง หนึ่งในวันถัดมา เทียมภพอนุญาตให้มากับเพื่อนๆตามลำพังได้ ความจริงเขาจะให้ปลายเดือนมาเป็นเพื่อนด้วยแต่ทั้งสองสาวต่างปฏิเสธซึ่งกัน และกันอย่างไร้เยื่อใย
“ผึ้งไม่ว่างหรอกค่ะ วันนี้มีนัดดื่มน้ำชากับคุณชายลักษม์ตอนบ่าย ตอนเที่ยงต้องไปทานข้าวกับมิสเตอร์โนวาร์คนที่จะมาทำ PR ให้เรา แล้วก็มีชุดว่ายน้ำแล้วด้วยไม่ต้องการเพิ่มหรอกค่ะ”
“ไม่เอานะ ถ้าไปกะพี่ผึ้งล่ะก็...คงไม่ได้ชุดว่ายน้ำหรอกแต่อาจจะได้เสื้อคอกระเช้าแทน”
ด้วยเหตุนี้เทียมภพจึงต้องมาส่งน้องที่ห้าง ตอนแรกน้องสาวจะนั่งรถไฟฟ้ามาเองแต่ผู้ปกครองจอมเผด็จการไม่ยอม บ่นว่าคนเยอะแยะไม่อยากให้ไปเบียดเสียดกันเดี๋ยวเจอไอ้พวกโรคจิตมันลวนลาม เอาอะไรมาถูเหมือนในข่าว ถึงกระนั้นความเป็นพี่ชายที่ทั้งหวงและห่วงน้องสาวเข้าขั้นวิกฤตก็อดไม่ได้ ที่จะส่งลูกน้องหน้าเหี้ยมสองคนคอยเดินตามห่างๆอ้างว่าให้มาช่วยถือของ แทนดาวนั้นไม่ว่าอะไรเพราะพี่เข้มสองคนนี้ไม่จุ้นจ้านเท่าพี่ชาย อีกทั้งยังชินแล้วกับความเข้มงวดสุดโต่งของเทียมภพ
แทนดาวมาถึงที่นัดหมายสายกว่าเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมง พอเพื่อนๆเห็นยัยคุณหนูจอมสายมาถึงก็รุมประณามทันที คนมาสายเลยแก้เก้อด้วยการพาไปเลี้ยงพิซซ่ารองท้องก่อนออกตะลุยชอปปิ้ง
“สวัสดีครับสาวๆ” เสียงทักทายอย่างร่าเริงทำให้ทั้งกลุ่มหันไปมอง
“พี่เว...พี่เวจริงๆด้วย” อรกานต์หนึ่งในเดอะแก๊งทักขึ้นก่อน แทนดาวถึงกับตะลึงที่เห็นเวทิวุฒิรุ่นพี่สุดหล่อที่เคยแอบปลื้มมาที่นี่
“พี่เวมายังไง? ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” เนตรทิพย์ที่เปรี้ยวที่สุดลุกขึ้นไปเกาะแขนเขาพลางปรายตาเยาะเย้ยมาทาง เพื่อนๆ สาวๆที่เหลือทำท่าอิจฉาตาร้อนที่มักถูกเพื่อนคนนี้ชิงตัดหน้าก่อนทุกครั้งไป
“พี่มาซื้อของน่ะ ไม่ได้เจอพวกเราตั้งนานจริงๆตั้งแต่เรียนจบ” หนุ่มหน้าหล่อเจ้าของร่างสูงโปร่งสะโอดสะองกับทรงผมไถข้างกรีดเส้นตามสมัย นิยมทักทายด้วยรอยยิ้มหล่อละลายแท่งเหล็ก
“น้องพลูสบายดีมั้ยครับ?” หนุ่มหล่อมองสาวน้อยด้วยความประทับใจ จำได้ว่าตอนปีหนึ่งแทนดาวเป็นรุ่นน้องและดาวคณะที่น่ารักที่สุด เขาเองก็เคยคิดจะจีบแต่ติดที่มีแฟนอยู่แล้ว อีกอย่างก็ได้ยินกิตติศัพท์ความโหดของพี่ชายหล่อนด้วยเลยไม่กล้าเข้าไป วุ่นวาย
“ค่ะ...ดีใจจังที่ได้เจอพี่เวอีก ทานอะไรมาหรือยังคะ?” แทนดาวคุยกับเขาด้วยความรู้สึกประหม่า ก็อยู่ดีๆได้มาเจอเทพบุตรสุดหล่อที่เคยแอบปลื้มมานานอย่างไม่นึกฝัน ตอนที่เขาเรียนอยู่นั้นไม่มีทางได้เข้าใกล้ขนาดนี้หรอกเพราะว่าเวทิวุฒิมัก จะรายล้อมไปด้วยสาวๆ พวกหล่อนเคยทำขนาดว่ารวมหัวกันสมัครเข้าชมรมแบดมินตันที่เขาเป็นประธานเพื่อ ที่จะได้อยู่ใกล้ชิด
“พี่เวยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะเนี่ย” ดารตากระเซ้า
“พี่เวยังคบกะพี่แนทอยู่หรือเปล่าคะ?” อรกานต์คนเดิมถามถึงแฟนสาวของรุ่นพี่
“ยัยอรบ้า...ถามพี่เค้ายังงั้นได้ไง” แทนดาวขัดเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทถามอะไรที่ตรงเกินไปแต่ใจจริงแล้วน่ะ...หู ผึ่งก่อนใคร คนถูกถามยิ้มเก้อๆก่อนจะตอบแบบตั้งใจให้ ‘คนหูผึ่ง’ รับรู้
“ตอนนี้พี่โสดจ้ะ กำลังหาคนดามใจพอดี...ใครจะสมัครบ้างมั้ย? หล่อ สปอร์ต ใจดี รังสิตปทุมธานี” เขาตอบเลียนแบบสโลแกนที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในโลกโซเชียล ทุกคนหัวเราะกับความขี้เล่นเป็นกันเองของรุ่นพี่คนนี้ ยกเว้นแทนดาวที่ขัดเขินบอกไม่ถูก ถึงแม้จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาแบบเข้มงวดกับเรื่องรักๆใคร่ๆแต่ถึงอย่างไร หล่อนก็เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่ยังมีความรู้สึกแอบชอบเพศตรงข้ามตาม ครรลองธรรมชาติเหมือนคนอื่นๆ แต่เป็นเพียงแค่ความรู้สึกนึกคิดธรรมดาของสาววัยฝันมิได้จริงจังหรือหมกมุ่น จนเป็นข่าวท้อง แท้ง ทิ้ง เหมือนวัยรุ่นบางคนในสมัยนี้
“เนตรคนแรกเลยค่ะพี่เวขา...” เนตรทิพย์ทำท่ากระแซะรุ่นพี่จนออกนอกหน้า ส่วนคนอื่นๆก็ไม่ยอมให้เพื่อนสุดเปรี้ยวทำคะแนนอยู่คนเดียวต่างก็พากันโปรย ยิ้มตาหวานใส่ไม่หยุด เวทิวุฒิหัวเราะชอบใจแต่ก็ไม่ได้ถือสา เขานึกถึงรุ่นน้องกลุ่มนี้ที่ชอบทำอะไรเปิ่นๆอยู่เสมอและมักจะจับกลุ่ม หัวเราะคิกคักเวลาตนเองเดินผ่านจะยกเว้นก็เพียงแทนดาวที่ค่อนข้างจะสงบ เสงี่ยม
“น้องพลูเงียบเลย เห็นพี่แล้วกินพิซซ่าไม่ลงเลยเหรอครับ?”
“เอ่อ...พลูอิ่มแล้วล่ะค่ะ” คนถูกถามสะดุ้ง จะไม่ให้อิ่มได้ไงก็ปลื้มซะขนาดนั้น
“ช่างเถอะค่ะ ยัยพลูเค้าอิ่มทิพย์ มามะ...ตาจะป้อนให้นะคะ พี่เวชอบอะไรเอ่ย” ดารตาที่ยื้อแย่งรุ่นพี่หน้าหล่อไปนั่งเคียงข้างได้สำเร็จก็พยายามส่งพิซซ่า ชิ้นโตเข้าปากเขา ส่วนอรกานต์จ่อแก้วน้ำให้ถึงปาก เนตรทิพย์พยายามยัดเยียดมันฝรั่งทอดให้เช่นกัน แทนดาวหัวเราะที่เห็นรุ่นพี่ทำหน้าบอกไม่ถูกที่โดนเพื่อนๆทั้งสามรุมแกล้ง เอา ‘คนถูกแกล้งทำ’ อะไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
“พอได้แล้วยัยพวกกระสือ ไปทำเสื้อผ้าเค้ายับยู่ยี่หมด” ‘พวกกระสือ’ เลยต้องหยุดล่าเหยื่อและหันมาจัดการอาหารเสียก่อนจะชืด เวทิวุฒินั่งเป็นเพื่อนจนกระทั่งสาวๆทานเสร็จแล้วก็อาสาออกค่าอาหารให้ด้วย โดยให้เหตุผลว่าขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงน้องๆร่วมสถาบัน เพื่อนๆทั้งสามนั้นซาบซึ้งกันจนออกนอกหน้า
“แล้วนี่จะไปไหนกันต่อหรือเปล่า?” เวทิวุฒิถามเมื่อใกล้ถึงเวลาที่จะต้องแยกกัน
“อืม...พลูกับเพื่อนจะไปหาซื้อชุดว่ายน้ำน่ะค่ะ อาทิตย์หน้าที่บ้านจะไปเที่ยวทะเลกัน”
“ที่ไหนเหรอครับ?” เขาสนใจขึ้นมาทันที
“ตรังค่ะ” แล้วแทนดาวก็บรรยายถึงรีสอร์ทที่จะไปพัก เวทิวุฒิพร้อมกับยิ้มกว้างเป็นปริศนา
พอถึงวันเดินทาง แทนดาวตื่นก่อนใครเพราะตื่นเต้นแต่พอขึ้นเครื่องบินได้ไม่ทันไรก็หลับสนิท แถมยังกรนเบาๆให้คนข้างเคียงอย่างปลายเดือนหงุดหงิดรำคาญเต็มทน ไม่เข้าใจว่าทำไมป้าสะใภ้ต้องจัดการให้มานั่งข้างๆน้องสาวนอกไส้นี่ด้วย ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาก็กินไม่หยุด ขยับยุกยิก ลุกเข้าลุกออกจนน่ารำคาญ จะเอ็ดเอาก็ไม่ได้เพราะจะแสดงอาการรังเกียจน้องต่อหน้าคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด เลยได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปตลอดทางจนถึงปลายทาง
รถตู้คันใหญ่สกรีนโลโก้รีสอร์ทละอองทรายมารอรับที่สนามบิน ใช้เวลาเดินทางต่ออีกประมาณสองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย พอได้เห็นทะเลสีเขียวใสแทนดาวก็ยิ่งตื่นเต้น รีบขนสัมภาระเข้าบ้านพักแล้วตั้งใจจะวิ่งตรงดิ่งลงทะเลให้สมอยาก แต่ความรีบร้อนไม่ทันระวังทำให้ชนเข้ากับสตรีผู้หนึ่งจนเกือบล้มแต่ก็ประคอง ไว้ได้ทัน
“ขอโทษค่ะ...หนูไม่ได้ตั้งใจเลย” แทนดาวยกมือไหว้นั้นปลกๆ สตรีผู้นั้นมองมาอย่างพิจารณาครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มให้อย่างไม่ถือสา
“ไม่เป็นไรจ้ะ ป้าไม่เจ็บ” หญิงสาวยิ้มดีใจที่ไม่ถูกดุ ดูนางจะเป็นผู้ใหญ่ใจดีมีเมตตามากๆทีเดียว
“ขอบใจหนูมากนะคะ” สตรีผู้นั้นบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วเดินจากไป
“พี่วารีมาพอดี...เชิญเลยครับ พวกคุณธรรมมาถึงสักพักแล้ว” ผู้จัดการรีสอร์ทบอกกับสตรีวัยกลางคนที่เพิ่งมาถึงห้องรับรองบริเวณล็อบบี้ คุณเที่ยงธรรมรีบลุกขึ้นรับไหว้เมื่ออีกฝ่ายทำความเคารพ จากนั้นคุณวารีหันไปไหว้สตรีสูงวัยอย่างอ่อนน้อม
“เธอคงเป็นวารี แม่ของพ่อชลล่ะสินะ” คุณลำเภาทักทาย
“ค่ะ...ความจริงดิฉันก็มีลูกสาวบุญธรรมอีกคนชื่อรมณ์นลิน คิดว่าคุณย่าคงรู้จักดี” เทียมภพถึงกับหูผึ่ง นี่อะไรกัน? สตรีผู้นี้นอกจากจะเป็นมารดาของคู่กัดตนแล้วยังมีครูสอนเปียโนของน้องสาวรวม อยู่ด้วยหรือนี่ โลกนี้เล่นตลกกับเขาหรือไงนะ ทำไมชีวิตต้องมาพัวพันกับคนบ้านนี้ไม่รู้จักจบสิ้น
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกกล่าวกันไว้ก่อน ยัยแฟงน่ะสิคะ...รู้จากลูกสาวคนเล็กของคุณธรรมว่าจะมาเที่ยวที่นี่เลยรีบ โทรบอก ดิฉันก็เลยรีบโทรหาน้องชายทางนี้แล้วก็ลงมาต้อนรับด้วยตัวเอง” คุณวารีอธิบาย นางเองก็เพิ่งทราบจากปากบุตรสาวว่าครอบครัวทวีกิจไพศาลจะมาพักที่นี่ ทำให้ชลธีต้องรีบเคลียร์งานทั้งที่กรุงเทพและที่ระยองกันหัวหมุนเพื่อลงมา ต้อนรับคนตระกูลนี้เช่นกัน
“โลกกลมจังนะครับ ส่วนนี่ก็ของผม...เทียมภพลูกชายคนโต น้องใบพลูลูกสาวคนเล็กคงไปเดินเล่นอยู่แถวๆชายหาด เดี๋ยวเย็นนี้ก็คงได้เจอกัน” คุณเที่ยงธรรมแนะนำบ้าง เทียมภพทำความเคารพคุณวารีแล้วก็รู้สึกสงสาร ดูนางออกจะสุภาพอ่อนโยนขนาดนี้ไม่น่ามีลูกชายปากหมาน่าเตะอย่างชลธีเลย
“ชลบอกว่าบ้านนี้มีลูกสาวสองคนนี่คะ” คุณวารีถามต่อ
“อ้อ...คงหมายถึงสีผึ้งลูกสาวผม” คุณเที่ยงแท้ตอบ คุณวารีจึงหันไปทางคุณระรินแล้วเลยคิดไปว่าสีผึ้งที่ว่าคงจะสวยหมดจดคล้าย มารดาแน่ทีเดียว
“ตามสบายเลยนะคะ คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้าน” คุณวารีบอกอย่างเป็นกันเอง
“แล้วที่ระยองใครดูแลล่ะครับ ชลธีหรือ?” คุณเที่ยงแท้ถาม
“ฝากเด็กทางโน้นไว้ค่ะ ชลมาถึงล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวานซืน นี่คงจะไปตระเวนเยี่ยมบ้านญาติๆแถวนี้แหละค่ะ นานๆจะกลับมาทีเหมือนกัน” นางกล่าวถึงบุตรชายที่เร่งเร้าให้ตนลงมาตรังด้วยกัน
“ดีจริง...มาเที่ยวครั้งนี้อยู่กันพร้อมหน้า นี่ถ้าประจิมยังอยู่...” คุณเที่ยงธรรมพูดได้เท่านี้ก็หยุดเพราะรู้สึกไม่ควรที่จะเอ่ยถึงสามีผู้ล่วง ลับของคุณวารี
“เอาไว้ทริปหน้าลองไปเที่ยวระยองบ้างนะคะ รับรองสวยไม่แพ้ที่นี่เชียวค่ะ” คุณวารีเบี่ยงประเด็นได้ในที่สุด ความจริงนางก็มิได้เศร้าเสียใจถึงการจากไปของสามีมากนักเพราะเวลานั้นผ่าน ล่วงมานานเกือบยี่สิบปีแล้ว
แทนดาวเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย ชุดว่ายน้ำแบบทูพีซที่ท่อนบนเป็นเสื้อกล้ามเอวลอยกับท่อนล่างที่เป็นกางเกง รัดรูปขาสั้นนั้นดูเหมือนชุดเต้นแอโรบิกมากกว่า ถึงมันจะไม่เปิดเผยเนื้อหนังมังสามากนักแต่เจ้าตัวก็ยังไม่กล้าที่จะเดินออก ไปเปล่าๆแบบนี้เลยเอาผ้าคลุมไหล่สีสดใสมาพันสะโพกไว้ ชุดว่ายน้ำแนบเนื้อเน้นรูปร่างของวัยสาวเพียงแค่พองามแค่นี้ก็ทำให้หนุ่มๆ มองเหลียวหลังจนคอแทบหักแล้ว
“น้องพลู...น้องพลูครับ” เสียงร้องเรียกทำให้คนที่กำลังจะเดินลงไปที่ชายหาดหยุดอยู่กับที่ก่อนจะ อุทานด้วยความแปลกใจเมื่อเจ้าของเสียงมาหยุดยืนตรงหน้า
“พี่เว...พี่เวมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย? พักอยู่ที่นี่เหรอคะ? แล้วมากับใคร?” แทนดาวยิงคำถามชุดขณะจ้องมองรุ่นพี่สุดหล่อไม่วางตาแล้วก็ต้องเก้อกระดาก เมื่อคนถูกถามได้แต่ยิ้ม
‘‘อย่ายิ้มมากนักซี...พลูจะละลายอยู่แล้ว’’
“น้องพลูเล่นยิงมาแบบนี้พี่ตอบไม่ถูกเลย เอาเป็นว่า...พี่มาพักผ่อนแล้วก็บังเอิญเจอน้องพลูก็แล้วกัน” แทนดาวพยักหน้าหงึกหงักแต่ยังไม่หายแปลกใจ
“นี่จะไปเล่นน้ำแล้วเหรอครับ?” หล่อนพยักหน้าตอบ
“แดดร้อนอย่างนี้เนี่ยนะ?” หล่อนพยักหน้าอีก คราวนี้เวทิวุฒิหัวเราะบ้าง
“แย่จริง...น้องพลูเป็นใบ้ไปแล้ว เอาแต่พยักหน้าอย่างเดียว” ชายหนุ่มกระเซ้า แทนดาวยิ่งเขินเข้าไปอีก
“เอ...แบบนี้เขาเรียกบังเอิญโลกกลมหรือพรหมลิขิตนะ” หญิงสาวคิดปลื้มๆ
“เล่นน้ำแป๊บเดียว เดี๋ยวแดดก็ร่มแล้วค่ะ” หล่อนบอกอย่างร่าเริง เวทิวุฒิอดใจไม่ได้ที่จะลอบมองเรียวขานวลเนียนที่โผล่พ้นผ้าพันเอวแล้ว เรื่อยไปถึงทรวดทรงภายใต้ชุดรัดรูปนั้นพลางจินตนาการตามประสาหนุ่มวัยซุกซน ว่า
“ซ่อนรูปแฮะ’’
“เอางี้...ตอนนี้แดดร้อนจะตาย พี่ว่าเดินเล่นรอเวลากันก่อนมั้ย? พอแดดร่มอีกหน่อยค่อยลงน้ำ พี่จะเล่นด้วย” เขาเสนอ แทนดาวมองหน้าตาเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาราวกับพระเอกซีรีย์ที่ตนเองชื่นชอบอย่าง เพลิดเพลินจนคนถูกมองต้องสะกิดเพื่อเรียกสติ
“ว่าไงครับ?” ชายหนุ่มถามย้ำเสียงหนุ่ม
“แต่...” ยังไม่ทันที่จะได้ออกความเห็นคนเสนอความคิดก็ดึงแขนเนียนเดินไปตามชายหาด แทนดาวตกใจมากที่ถูกจู่โจมเอาดื้อๆ รีบดึงมือกลับทันที
“คือพี่เวคะ...คือน้องพลูยังไม่ได้ขออนุญาตพี่หมากเลยค่ะ บอกแค่ว่าจะอยู่แถวหน้าบ้านพัก”
“พี่ขอโทษครับ งั้นเราแยกกันตรงนี้ก็ได้” แทนดาวเห็นเขาหน้าเจื่อนก็สงสาร อุตส่าห์บังเอิญมาพบกันที่นี่แล้วก็ไม่น่าจะผลักไสเขา
“เดินเล่นอยู่แถวๆนี้ก็ได้ค่ะ” แถวนี้คงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง...เทพบุตรสุดหล่ออยู่ตรงหน้านี้แล้ว ถ้าไปเล่าให้เดอะแก๊งฟังว่าได้เดินเล่นบนชายหาดกับพี่เวสุดเท่ รับรองว่าพวกนั้นต้องร้องโอดครวญด้วยความอิจฉาเป็นแน่แท้ สาวน้อยนึกสนุกและคิดว่าไหนๆก็แอบปลื้มรุ่นพี่คนนี้มานาน วันนี้มีโอกาสใกล้ชิดแล้วที่สำคัญตัวมารอย่างพี่หมากก็ไม่อยู่
‘‘ขอตามใจตัวเองสักครั้งหนึ่งเถอะ’’ แล้วสาวน้อยก็สลัดความกังวลต่างๆออกไปก่อนจะเดินเคียงข้างชายหนุ่มในฝันไป เรื่อยๆ บทสนทนาดำเนินไปพร้อมๆกับสองหนุ่มสาวที่เกิดทอดน่องใต้ร่มไม้ขนานไปกับแนว หาดทรายทรายละเอียดนุ่มเคล้าเสียงคลื่นกระทบฝั่งเป็นจังหวะต่อเนื่อง แต่คนตัวเล็กลืมคิดการณ์ไกลว่าการทำตามใจตัวเองครั้งอาจนำมาซึ่งโศกนาฏกรรม ครั้งใหญ่ทีเดียว
แทนดาวยังคงสนุกและเพลิดเพลินกับการเดินทอดน่องรับลมทะเลเคียงคู่กับรุ่นพี่ หน้าหล่ออย่างเวทิวุฒิ ฟังเขาคุยเรื่องราวๆต่างที่สรรหามาเล่าโดยไม่เบื่อ บางครั้งก็ทำให้ขำจนต้องหัวเราะออกมาดังๆ บางครั้งก็ซุ่มซ่ามเดินสะดุดจนเขาต้องยึดจับแขนไว้ไม่ให้ล้ม แต่พอใกล้จะถึงสะพานที่ทอดยาวออกไปในทะเลก็ต้องหยุดอยู่แค่นั้นและรั้งมือคน ข้างๆให้หยุดด้วย เวทิวุฒิแปลกใจที่สาวน้อยข้างๆทำหน้าเหมือนเจอผี
แทนดาวจ้องมองบุรุษร่างสูงผิดสีทองแดงที่ยืนอยู่ใต้ต้นมะพร้าวไม่ไกลกันนัก อาการยื่นยิ่ง สีหน้าไร้ความรู้สึก ทำให้เดาได้ว่าฝ่ายนั้นคงมายืนอยู่ตรงนี้นานพอสมควรเพราะดูไม่ตื่นเต้นหรือ แปลกใจที่เห็นตนกำลังจะเดินผ่านไป เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น กางเกงขาสั้นแบบลำลอง สวมแว่นกันแดดสีดำปรอทแบบที่กำลังนิยมกัน มือหนึ่งคีบบุหรี่และกำลังพ่นควันสีขาวอมเทาอย่างสบายอารมณ์ สักครู่ก็ทิ้งเศษก้นกรองในถังขยะที่ตั้งอยู่ข้างๆ
“ใครเหรอครับน้องพลู?” เวทิวุฒิทำลายความเงียบลงเมื่อเห็นว่าหล่อนเอาแต่จ้องมองชายคนนั้น คนตัวเล็กได้สติรีบดึงมือออกจากอุ้งมืออบอุ่นนั้น
“พี่ชล…มาอยู่ตรงนี้ได้ไง?” หล่อนละล่ำละลักถามบุรุษหน้าเข้มที่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ จนเห็นหยดเหงื่อที่ซึมออกมาตามคอและไรผม เขาถอดแว่นกันแดดเหน็บไว้ที่สาบเสื้อ ไม่สนใจจะตอบคำถามนั้นแต่เสคุยเรื่องอื่น
“พี่ตามหาเสียตั้งนาน คุณแม่หาตัวเราอยู่ หายไปไหนทำไมไม่บอกกันฮึ?” แทนดาวงง มั่นใจว่าบอกมารดาไปแล้วว่าจะเดินเล่นแถวๆบ้านพัก เวทิวุฒิคิดว่าชายคนนี้คงเป็นพี่ชายจอมโหดจึงรีบทำความเคารพ ชลธีเพียงพยักหน้าให้น้อยๆ
“เห็นจะต้องพาน้องพลูกลับที่พักแล้วล่ะ” โดยไม่ทันที่ใครจะคิดอะไรได้ ข้อมือแข็งแกร่งก็ถือวิสาสะดึงมือเย็นเฉียบพาเดินย้อนกลับไปทางเดิม เวทิวุฒิมองตามอย่างเสียดายก่อนจะผ่อนลมหายใจอย่างโล่ง อก
‘‘นึกว่าจะโดนเตะซะแล้ว’’
ชลธีกึ่งจูงกึ่งลากสาวน้อยที่ต้องวิ่งตามแรงดึงของเขา แทนดาวพยายามจะสลัดมือให้หลุดแล้ววิ่งหนีเลยถูกยึดแน่นขึ้น พอไปไหนไม่ได้คนตัวเล็กก็เริ่มประทุษร้ายด้วยการ ทุบ หยิก ตี แต่แขนแข็งแรงนั้นไม่รู้สึกรู้สมแถมคนเจ็บกลับเป็นคนกระทำเสียเอง เจ้าของร่างกำยำพาหล่อนไปหยุดพักใต้ร่มไม้ใหญ่แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยร่างอรชร ให้เป็นอิสระ
“มีแรงทุบก็ทุบไปแต่ขอบอกว่าพี่จะไม่ยอมปล่อย” เขาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย แทนดาวรู้ล่ะว่าเขากำลังไม่พอใจแต่มันเรื่องอะไรที่จะมายื้อยุดกันไว้แบบนี้
“ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวโวยวายพร้อมทั้งเปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเองหวังให้เขาเห็นใจว่ากำลัง รังแกเด็ก ผ้าพันเอวที่ผูกไว้อย่างดีเริ่มร่นลงมาทีสะโพกอย่างหมิ่นเหม่
“ทีนายคนเมื่อกี้ไม่เห็นดิ้นแบบนี้เลย...มีดีอะไรนะ” แทนดาวยังไม่หยุดอาการดิ้นปัดๆ
“คนบ้า! คิดอะไรอุบาทว์ที่สุด” แทนดาวคิดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเรื่องอกุศลระหว่างตนเองกับเวทิวุฒิชลธียิ้มที่ มุมปาก เด็กน้อย...ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย ถ้ารมณ์นลินไม่วิ่งหน้าตื่นมาบอกเรื่องที่เทียมภพหัวเสียว่าน้องสาวจอมดื้อ ไม่รู้หายไปอยู่ที่ไหนล่ะก็ จะไม่มาช่วยตามหาจนเจอแล้วยืนให้ทุบอย่างนี้หรอก ดูเถิด...มาบังเอิญเจอคนที่กำลังถูกตามหาเดินอ้อยสร้อยไปกับใครไม่รู้ เขามั่นใจว่าเทียมภพไม่มีวันจะปล่อยให้ไอ้หนุ่มหน้าไหนมาจับมือถือแขนน้อง สาวเป็นแน่ ดังนั้นการที่แม่คนรั้นมากับชายแปลกหน้าคนนี้อาจจะเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล
“ถ้าจะหยุดตีพี่แล้วคุยกันดีๆล่ะก็...พี่จะปล่อย แต่ถ้าไม่...พี่จะปล้ำเดี๋ยวนี้แหละ” แทนดาวแทบกรี๊ดเมื่อได้ยินคำขู่ อาการดีดดิ้นเมื่อครู่หยุดลงโดยอัตโนมัติ ความโมโหเปลี่ยนเป็นความกลัวในฉับพลัน นี่เขาพูดจริงหรือแกล้งขู่กันนะ
“ดีมากครับ ว่าง่ายแบบนี้ค่อยเจรจากันสะดวกหน่อย” ชลธีหย่อนตัวลงนั่งกับพื้นทรายแล้วก็ตบที่นั่งข้างๆเป็นเชิงเรียกอีกฝ่ายให้ นั่งลงด้วยกัน แทนดาวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วทำตามอย่างหวาดๆ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าประสานสายตาแข็งกร้าวนั่นเลย ก็ไอ้ที่เขาขู่เมื่อกี้เล่นเอาเสียขวัญมาก
“ความจริงพี่ก็ไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวหรอกนะ ถ้าเราไม่ใช่คนรู้จักกันและพี่...หวังดี” เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหนึ่ง เขาละสายตาจากทะเลมามองมองสำรวจไปทั่วร่างบางนั้น พอเจ้าตัวรู้ว่าถูกมอง ความอับอายก็แผ่ซ่านอย่างห้ามไม่อยู่ พยายามเอามือกอดอกปิดป้องร่างกายในส่วนที่คิดว่าเขากำลังมอง แวบหนึ่งก็คิดว่าอีกฝ่ายกำลังโลมเลียทางสายตาแต่พอพินิจดูแล้วก็ไม่ได้มี ลักษณะจ้วงจาบหยาบคาย สาย ตาที่ทอดมองมามันเหมือนกับสายตาของพี่ชายที่แสดงความห่วงใย
“น้องพลูจะบอกพี่ได้มั้ย...ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” แม้จะถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่คนถูกถามก็รู้ดีว่าจะต้องตอบอย่างรอบคอบ
“เค้าชื่อพี่เวค่ะ เป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว พี่เวก็มาเที่ยวที่นี่เหมือนกัน เราพบกันโดยบังเอิญ” แทนดาวนึกถึงคำขู่เมื่อกี้ก็ต้องยอมจำนนไม่ยอกย้อนให้อีกฝ่ายเกิดโทสะ
“หนีออกมาเที่ยวคนเดียวเหรอ? ‘คนอื่น’ ไปไหน” แม้จำเลยจะให้คำอธิบายที่ไม่น่าพอใจนักแต่ก็ไม่อยากคาดคั้นไปมากกว่านี้
“คนอื่นๆอยู่ที่บ้านพักค่ะ น้องพลูอยากมาเล่นน้ำก่อน พอดีเจอกับพี่เว...ก็เลยเดินเล่นอยู่แถวๆนี้ค่ะ เราไม่ได้เจอกันนานตั้งแต่เรียนจบไป น้องพลูก็แค่ดีใจที่ได้เจอพี่เค้าอีก...ก็แค่นั้นเอง” หล่อนรู้ว่า ‘คนอื่น’ ที่เขาหมายความถึงก็คือพี่ชายจอมเผด็จการนั่นเอง
“แล้วน้องพลูก็ยอมมาด้วยทั้งๆที่เพิ่งเจอกัน เอ่อ...ถึงจะเคยรู้จักกันมาแล้วก็เถอะ ยิ่งต่างบ้านต่างถิ่นแบบนี้ ไม่กลัวหรือไง?” เขาถามจริงจังแต่ก็พอจะเข้าใจอะไรได้รางๆ อาจจะเป็นไปได้ที่คนข้างๆน่าจะมีความรู้สึกที่ ‘พิเศษ’ กับหนุ่มแปลกหน้าที่มีชื่อเล่นแปลตรงตัวว่าถนนหนทางหรือนาย ‘เว’ คนนี้เป็นแน่ มิฉะนั้นแล้วจะยอมให้ฝ่ายนั้นเข้ามาใกล้ชิดถึงขนาดจับมือถือแขนกันได้หรือ อีกประการหนึ่ง...ถ้าผู้ชายคนนั้นคือเพื่อนชายหล่อนจริงๆ ก็ต้องยอมนับถือที่แทนดาวสามารถ ‘ซ่อนของ’ ให้พ้นสายตาพี่ชายได้
“พี่เวเป็นรุ่นพี่น้องพลูนะคะ เคยอยู่ชมรมเดียวกัน ทำกิจกรรมด้วยกันก็ออกบ่อย น้องพลูมั่นใจว่าพี่เวเป็นคนดีค่ะ” ชลธีไม่พอใจกับคำตอบนี้เอามากๆ จะอธิบายอย่างไรดีให้คนตัวเล็กเข้าใจว่าการจะตัดสินว่าใครเป็นคนดีหรือไม่ดี นั้นไม่ใช่แค่อาศัยความรู้จักกันมายาวนานหรือการอยู่ชมรมเดียวกันอย่างที่ หล่อนใช้แทนมาตรวัดความดีอยู่ขณะนี้
“น้องพลูครับ...ขึ้นชื่อว่าผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัวจะไว้ใจมากก็ไม่ได้ อย่าว่างั้นงี้เลยนะ...คนดีๆอย่างพี่ถ้ามีสาวๆแต่งตัวแบบน้องพลูมานัวเนีย ใกล้ๆก็อาจจะทำให้ตบะแตกได้เหมือนกันนะครับ” ชลธีส่ายหน้าในความโลกสวยเกินไปของสาวน้อยคนนี้ ไม่รู้หรือไงว่าอันตรายมันมีอยู่รอบด้าน ข่าวฆ่าข่มขืนมีไม่เว้นแต่ละวัน พอได้ฟังเขาพูดแบบนั้นแทนดาวยิ่งอายผสมโกรธหนักเข้าไปอีก พยายามห่อตัวหวังจะหลบซ่อนให้พ้นสายตาคมกริบ ยิ่งนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในงานวันเกิดคุณย่าก็พาลให้ขายหน้า
“กรี๊ด...พี่ชลจะทำอะไร!” แทนดาวถอยกรูดขณะที่เขาปลดกระดุมเสื้อแล้วถอดมันออกอย่างรวดเร็วเพื่อใช้มัน คลุมไหล่ให้คนตัวเล็ก แทนดาวอ้าปากค้างเพราะตัวเองนั้นคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว พอดึงสติที่คิดเลยเถิดกลับมาได้ก็อ้อมแอ้มขอบคุณเจ้าของเสื้อพร้อมกับกระชับ เสื้อให้แน่นหนาขึ้น อาการที่ตามมาติดๆก็คือหน้าแดงระเรื่อเมื่อสายตาปะทะเข้ากับแผงอกหนาหนั่น ที่เคยได้อิงแอบอยู่เมื่อไม่นานมานี้
“โกรธพี่อีกล่ะสิที่ทำอะไรขัดใจเราไปหมด” ชลธีเข้าใจว่าสาวน้อยที่นั่งข้างๆคงอายมากเพราะเนื้อตัวเปลี่ยนเป็นสีแดงไป หมด
“น้องพลูเอ่อ...ขอร้อง เรื่องนี้อย่าบอกพี่หมากนะคะ” แทนดาวส่งสายตาขอความเห็นใจ
“พี่ไม่บอกหรอก แต่น้องพลูต้องระวังตัวเองให้มากกว่านี้ แฟงบอกพี่ว่าตอนนี้พี่ชายเรากำลังหัวเสีย พี่ว่าน้องพลูรีบกลับไปดีกว่า” เขารับปากเพราะไม่เคยคิดจะเสวนากับคนพรรค์นั้นอยู่แล้ว
“ค่ะ...แล้วเมื่อกี้เอาชื่อคุณแม่มาอ้างใช่มั้ย?”
“น้องพลูครับ...พี่หวังดีจริงๆ จะทำอะไรหรือไปกับใครก็ควรจะอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ก็จะดีนะ แล้วที่สำคัญมากๆคือไม่ควรไปไหนกับคนแปลกหน้าตามลำพังแบบนี้” เขาสอนให้ แต่คนฟังกลับรู้สึกขัดเคืองที่อีกฝ่ายตั้งตัวเป็นพ่อคนที่สาม ทำไมนะ...ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องอยู่ในสายตาคนนั้นคนนี้ตลอด ไม่เคยได้ทำอะไรด้วยตัวเองสักครั้ง
“พี่ชลพูดแบบนี้น่ะ คิดว่าตัวเองไว้ใจได้แค่ไหน น้องพลูต้องระวังตัวกับพี่ชลด้วยหรือเปล่าคะ?” ชลธีอึ้ง ไม่นึกว่าความหวังดีของตนจะถูกตีค่าไปเป็นอย่างอื่น
“ถ้าพี่คิดทำเรื่องติดเรทอย่างที่น้องพลูคิดขึ้นมาจริงๆล่ะก็...พี่รับรอง ว่าน้องพลูจะไม่ได้มายอกย้อนพี่แบบนี้หรอก...ไม่เชื่อก็ลองท้าทายดูอีกสิ” พอพูดจบก็รู้สึกหน้าชาไปซีกหนึ่งเพราะถูกแม่สาวน้อยตรงหน้าตบเข้าให้เต็มแรง เล็บคมที่ข่วนครูดบนซีกแก้มทำให้แสบซ่าจนตกยกมือขึ้นลูบตรงนั้น คนประทับฝ่ามือก็ตะลึงกับการกระทำของตัวเองเหมือนกัน เกิดกลัวขึ้นมาทันทีที่ไปทำเขาโกรธอีกจนได้
“ขอโทษพี่ดีๆก่อน...เดี๋ยวนี้” ชลธีสั่งเสียงเข้มออกกระด้างอย่างรู้สึกโมโหขึ้นมาจริงๆแล้ว มือหนายังคงลูบแก้มสากของตัวเองที่มีรอยแดงรูปนิ้วทั้งห้าจางๆปรากฏอยู่ คนกระทำนั่งหน้าซีดตัวสั่นเมื่อคนถูกตบทำท่าเอาเรื่อง ถ้าขืนอยู่ต่อคงโดนทำอย่างที่ถูกขู่แน่ๆ คิดได้ดังนั้นแล้วคนประเคนฝ่ามือก็ลุกขึ้นวิ่งไม่คิดชีวิต แต่ไปได้ไม่ไกลก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่าเท้าจนต้องทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น ก้มลงมองจุดที่เจ็บปวดแล้วก็ร้องอุทานเบาๆเมื่อเห็นเลือดแดงฉานที่ฝ่าเท้า ด้านขวา เลือดมากมายยังคงไหลจากบาดแผลไม่หยุดหย่อนอย่างกับท่อรั่ว หล่อนไปเหยียบเอาเศษแก้วที่คนมักง่ายทำแตกแล้วทิ้งไว้ เท่ากับว่าหนีเสือปะเศษแก้วเสียแล้ว
“น้องพลู...เป็นอะไรน่ะ!” คนร่างสูงที่วิ่งตามมาติดๆถึงกับหน้าเสียพอเห็นบาดแผลฉกรรจ์
“จะ...เจ็บ” พูดได้แค่นั้นก็สะอึกสะอื้น ชลธีไม่รอช้ารีบอุ้มร่างสั่นเทาขึ้นมา
“ทนหน่อยนะครับ พี่จะพาไปทำแผล เดี๋ยวแวะล้างเลือดก่อนนะ” ชายหนุ่มซื้อน้ำดื่มจากร้านค้าแถวนั้นมาล้างเลือดที่เกรอะกรังทั่วฝ่าเท้า แทนดาวเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดจนไม่กล้าเหลือบไปมองเลือดแดงฉานนั่นเลย
“เห็นมั้ย...วิ่งหนีมาแล้วเป็นไง?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลมากกว่าจะตำหนิขณะใช้กระดาษกดแผลห้ามเลือด ยอมรับว่าตอนที่เห็นหล่อนล้มไปยังนึกขำว่าทำซุ่มซ่ามอีกแล้วแต่พอเข้ามาดู ใกล้ๆก็ต้องใจหายวาบ บาดแผลนั้นทั้งกว้างและลึก เลือดไหลออกมาจนน่ากลัวว่าอาจจะช็อกเอา ไม่น่าเลย...แต่จะโทษใครได้ล่ะงานนี้
“น้องพลูเดินเองได้ค่ะ” แทนดาวท้วงเมื่อเขาทำท่าจะอุ้มอีก
“พี่ว่าอย่าดีกว่า เดี๋ยวเลือดจะออกมาอีก มาเถอะ...อีกไม่ไกลก็จะถึงแล้วนะครับ” ชลธีรวบร่างบางอุ้มขึ้นอย่างง่ายดายราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นตุ๊กตา คนถูกอุ้มเกิดอาการประหม่าขึ้นมาอีกจึงได้แต่ซุกหน้ากับอกแข็งแกร่งนั้นแล้ว หลับตาลง อีกครั้งแล้วสินะที่ต้องอิงแอบบุรุษคนนี้ด้วยความจำเป็น ไม่อยากจะมองหน้าคมสันนั้นเลยเพราะทั้งโกรธทั้งอาย อายที่อาละวาดกับเขาแล้วต้องเจ็บตัวเสียเอง อายที่ต้องให้คนที่ตนประทุษร้ายไปหยกๆมาช่วยเหลือและอายที่ต้องอยู่ในอ้อม กอดของชายหนุ่มที่สาวๆหลายคนฝันถึง
“หนักมั้ยคะ? วางก่อนก็ได้นะคะ” แทนดาวถามเมื่อเดินมาได้อีกสักระยะ ถึงจะรู้สึกถึงความเปียกจากเหงื่อที่ซึมออกมาตามเนื้อตัวของเขาแต่ก็ไม่ รู้สึกเหม็นเลยสักนิด โดยธรรมชาติแล้วผู้ชายจะเหงื่อออกง่ายและมากกว่าผู้หญิงที่สำคัญมักจะมี กลิ่นตัวที่ไม่น่าพิสมัยปนมาด้วย แต่ตัวชลธีกลับไม่เหม็นทั้งที่ไม่ได้ใส่น้ำหอมเลย แทนดาวรู้เพราะว่าอยู่แนบชิดจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของโลชั่นโกนหนวดด้วย ที่รู้ละเอียดก็เพราะพี่ชายก็ใช้โลชั่นนี่เหมือนกัน แอบประหลาดใจว่าถึงสองหนุ่มจะเกลียดกันแค่ไหนแต่อย่างน้อยก็ยังมีอย่างหนึ่ง ที่ชอบเหมือนกันคือโลชั่นโกนหนวดยี่ห้อนี้
“พี่ยังไหวครับ ไม่น่าเชื่อนะ...เห็นน้องพลูกินเก่งออกขนาดนั้นแต่ตัวไม่หนักอย่างที่คิด อย่างนี้พี่อุ้มทั้งวันก็ได้นะครับ” ภาพหญิงสาวที่ตั้งหน้าตั้งตาฟาดทุกอย่างที่ขวางหน้ายังติดตามันทำให้เขา อมยิ้มอยู่คนเดียวบ่อยครั้ง
“ถ้าวันนี้กลับไปแล้วเกิดปวดเมื่อยขึ้นมาน้องพลูไม่รู้ด้วยนะ” นับว่าเป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาอีกครั้งนับจากงานวันเกิดคุณ ย่าแต่รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างจากครั้งนั้น อาจจะเป็นต่างกาลต่างวาระหรืออาจจะเป็นสายตาแปลกๆที่อีกฝ่ายขยันส่งมาก็ตาม แต่บอกได้เลยว่ามันคนละฟีลกัน
“ถ้าเมื่อยขบจนยกแขนไม่ขึ้นพี่จะให้น้องพลูนวด” ใบหน้าคมก้มหน้าลงมาใกล้ คนถูกมองค้อนให้วงใหญ่จึงเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากอีกฝ่ายได้
‘‘ค้อนเป็นด้วยเหรอ?’’ เขากระซิบถามเบาๆ คนในอ้อมแขนทำหน้าดุใส่
ชลธีอุ้มร่างเล็กกลับมาบ้านพักส่วนตัวที่แยกออกมาต่างหากจากที่พักสำหรับ บริการนักท่องเที่ยว ในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แทนดาวเดาว่าที่นี่คงจะเป็นบ้านสำหรับให้พวกญาติๆหรือคนดูแลรีสอร์ทเองหรือ ไม่ก็คงจะสำรองเอาไว้สำหรับแขกพิเศษ ตรงมุมห้องมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนึ่งใบกับเป้สะพายหลังอีกหนึ่งใบวาง กองอยู่
“น้องพลูครับ พี่ว่าควรไปให้หมอเย็บแผลดีกว่านะ ปิดผ้าพันแผลอย่างเดียวคงไม่ได้ ดูแล้วว่ามันลึกมาก” ชลธีหายไปในห้องครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาพร้อมกับชุดปฐมพยาบาล เขาลงมือทำแผลอย่างคล่องแคล่ว แทนดาวรู้สึกแสบเมื่อโดนแอลกอฮอล์
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ? แต่น้องพลูกลัวจัง” คนบาดเจ็บบอกเสียงเบา อยากจะให้เขารู้เสียที่ไหนว่าโตขนาดนี้แล้วยังกลัวเข็มฉีดยา
“พี่ว่ามันจะดีกว่า ไปกันเถอะ...สถานีอนามัยอยู่ไม่ไกลมาก จะบอกคุณแม่ก่อนก็ได้ ใช้โทรศัพท์พี่โทรหาเลย” เขายื่นโทรศัพท์มือถือให้
“น้องพลูว่าอย่าเพิ่งบอกดีกว่าค่ะ คิดดูสิ...ถ้าคุณแม่รู้ ทุกคนก็จะรู้ แล้วก็จะแห่มาดูเป็นที่เอิกเกริก แล้วถ้าพี่หมาก...” แทนดาวลังเลนิดหนึ่งก่อนจะกดเบอร์โทรหามารดาแต่ยังไม่ทันมีคนรับก็กดสายทิ้ง ชลธีพยักหน้าเข้าใจทันที นั่นสินะ...เขาเองก็ลืมคิดไป เอาไว้ทำแผลให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าค่อยบอก ไม่เช่นั้นเรื่องนี้จะต้องใหญ่โตกว่าแผลแน่
“งั้นก็ได้ เดี๋ยวน้องพลูนั่งรอที่นี่ก่อนนะครับ พี่จะไปเอารถ...เดี๋ยวมารับนะ”
“ค่ะ”
เทียมภพรู้สึกเป็นห่วงแทนดาวมากเพราะไม่รู้ว่าไปเล่นน้ำอยู่ที่ไหน เครื่องมือสื่อสารก็ไม่คิดจะเอาติดตัวไป ให้ปลายเดือนไปเป็นเพื่อนก็ไม่รู้ว่าไปทะเลาะกันหรือเปล่า ว่าจะงีบสักหน่อยก็ต้องมาคอยพะวงห่วงน้อง เกิดชาติหน้าอย่าได้มีน้องสาวกับเขาอีกเลยให้ตายสิ
“คุณหมาก...สวัสดีค่ะ” เทียมภพหันไปมองเจ้าของเสียงหวานซึ่งก็คือรมณ์นลินครูสอนเปียโนของแทนดาวและ ยังพ่วงตำแหน่งน้องสาวของศัตรูตัวฉกาจ
“อ้าวคุณ...มากะเค้าด้วยเหรอ? เออ...ผมก็ไม่น่าถาม คุณต้องมากับแม่คุณอยู่แล้ว” พอทักทายอย่างเป็นทางการแล้วอาการตึงๆก็บังเกิดขึ้นกับสตรีตรงหน้าที่คิดดุ ถูกนิดๆว่า ‘ครูแฟงที่ยัยพลูยุให้จีบ’ ความรู้สึกไม่ชอบหน้าก่อตัวขึ้นทีละนิดเพราะหล่อนเป็นน้องสาวบุญธรรมของชลธี เห็นว่าใช้คนละนามสกุลเลยจับไม่ได้ว่ามีความสัมพันธ์กัน พาลคิดไปว่าไอ้พี่ชายคงบอกให้น้องสาวมาเป็นสายสืบชักนำให้ตัวเองเข้ามา พัวพันกับครอบครัวตน ส่วนน้องสาวนี่ก็คงร้ายพอตัว
‘‘เห็นหงิมๆติ๋มๆ...จ้างมาสอนอยู่ตั้งนาน ไม่บอกสักคำว่าเป็นญาติกับไอ้ชล’’ เขาบริภาษอยู่ในใจ
“ค่ะ...แฟงกับแม่มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ แล้วนี่น้องพลูไปไหนล่ะคะ?”
“ผมก็ตามหาอยู่ เออ...ขอถามตรงๆก็แล้วกัน คุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?” ทัยมภพถามเสียงห้วนเกือบจะเป็นตะคอก
“หมายถึงอะไรเหรอคะ?” คนถูกถามทำหน้างงสุดขีด
“อย่ามาทำเป็นตีเนียนไม่รู้เรื่องนะ ทำไมไม่เคยบอกพวกเราว่าเป็นญาติกับไอ้ชล? นี่คงจะแฝงตัวมาในคราบครูสอนดนตรีเพื่อที่จะเป็นทางลัดพาไอ้พี่ชายให้มาใกล้ ชิดครอบครัวผมใช่มั้ย?!” รมณ์นลินได้ฟังก็อ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะถูกกล่าวหาง่ายๆแบบนี้ ให้ไปสาบานที่ไหนก็ได้ว่าไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรมาก่อนเลย ก็เพิ่งจะมารู้เอาตอนหลังเมื่อพี่ชายไปพัวพันเรื่องค้าๆขายๆกับตระกูลนี้
“คุณหมากเข้าใจแฟงกับพี่ชลผิดแล้วล่ะค่ะ แฟงไม่ได้มีแผนการประหลาดๆนั่นสักนิด ยิ่งพี่ชลด้วยแล้ว...เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเจตนาร้ายอย่างที่คุณกำลังกล่าว หา” หล่อนพยายามอธิบายปนตำหนิอีกฝ่ายกลายๆที่มาว่ากัน
“คุณเป็นพี่น้องกันก็ต้องปกป้องกัน...ผมเข้าใจ แต่อย่าให้เกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับครอบครัวผมเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแทนดาว อย่าพยายามทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก ผมรู้นะว่าไอ้พี่ชายคุณน่ะมันเตรียมลับเขี้ยวไว้รอเคี้ยวน้องผมแล้ว” เขาต่อว่าทิ้งท้ายอย่างไม่เกรงใจ
“คุณหมาก!” รมณ์นลินยังยืนอึ้งแม้ว่าคนพูดจะเดินจากไปนานแล้ว แทนดาวเคยบรรยายสรรพคุณของพี่ชายว่าจู้จี้เป็นที่หนึ่ง ดุมากและหาเรื่องเก่งก็คงจะต้องบอกว่าเป็นความจริงอย่างที่สุด อยากรู้จริงๆว่าพี่ชายตัวเองกับพี่ชายของลูกศิษย์มีเรื่องอะไรกันหนักหนา ตนเลยได้รับอานิสงส์ไปด้วย
เทียมภพประสาทเสียหนักขึ้นเรื่อยๆเมื่อยังไม่เจอตัวน้องสาวและเริ่มอาละวาด กับคนรอบข้าง คนที่โดนหนักก่อนใครคงจะเป็นปลายเดือนที่ไม่ยอมดูแลน้องให้ดี พวกผู้ใหญ่ก็เลยพลอยเป็นห่วงกลัวน้องเล็กของบ้านจะจมน้ำหรือหลงทางไป คุณวารีให้คนช่วยตามหาอีกแรง โทรหาลูกชายจะขอความช่วยเหลือก็ไม่ยอมรับสาย นางเองก็เป็นห่วงเพราะกลัวว่าลูกสาวคนเล็กของบ้านนี้จะหลงทางหรืออาจจมน้ำ อย่างที่เป็นกังวลกัน
“นี่คงแอบหนีไปเที่ยวซนจนหลงทางล่ะสิ โทรศัพท์ก็ไม่เอาติดตัวไป รู้งี้ไม่น่าปล่อยให้ไปคนเดียวเลย” เทียมภพบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“คอยดูนะ เจอตัวล่ะจะฟาดให้หนักๆ บอกให้รอกันก่อนก็ไม่ยอมเชื่อ” เขายังไม่หยุดบ่น พอดีกับที่รมณ์นลินวิ่งเข้ามาแจ้งข่าวความคืบหน้า
“เด็กที่ฟร้อนต์บอกว่า น้องพลู...ออกไปกับ...เอ่อ...พี่ชลค่ะ เอารถกระบะไป” เทียมภพได้ยินก็เต้นผาง ตรงเข้าไปเขย่าตัวรมณ์นลินจนหัวสั่นหัวคลอนไม่เกรงใจคุณวารีที่ตกใจจนพูดไม่ ออก
“มันอยู่ไหน! พาผมไปหามันเดี๋ยวนี้ ไอ้พี่ชายคุณมันเอาตัวน้องผมไปไหนฮึ?!” เทียมภพตะโกนถามอย่างโกรธจัด คุณเที่ยงธรรมต้องมาดึงตัวลูกชายออกไป
“ใจเย็นๆน่าหมาก แล้วหนูแฟงรู้มั้ยว่าเขาพากันไปไหน?” รมณ์นลินส่ายหน้า รู้จากปากพนักงานแค่ว่าคุณชลพาผู้หญิงออกไปข้างนอก
“เอ่อ...งั้นก็ไม่น่าห่วงแล้วล่ะค่ะ ชลคงจะพาน้องไปเที่ยวแล้วล่ะ” คุณวารีแก้ต่างแทนลูกชายแต่ก็นึกคาดโทษอยู่ในใจที่ไม่ยอมบอกกล่าวผู้ใหญ่ ก่อนว่าจะพาลูกสาวเขาไปไหน
เทียมภพยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีกรีบวิ่งออกมาข้างนอก
‘‘ป่านนี้มันคงเอายัยพลูไปปู้ยี่ปู้ยำแน่แล้ว’’ ยิ่งคิดก็ยิ่งขุ่นเคือง จะให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งใสอยู่ได้อย่างไร...ก็พาดหัวข่าวทุกวันนี้มีแต่ เรื่องชายใจทรามล่อล่วงผู้หญิงไปข่มขืน!
“คุณหมากจะไปไหนคะ?” รมณ์นลินที่วิ่งตามออกมาติดๆร้องถาม เทียมภพหันมาตวาดทันที
“เพราะคุณใช่มั้ย! คุณเป็นนางนกต่อให้ไอ้พี่ชายพาน้องสาวผมไป แล้วนี่ยังจะมาถ่วงเวลาไม่ให้ผมไปตามหาน้องใช่มั้ย!” รมณ์นลินหน้าเหวอ ทั้งพนักงานและลูกค้าต่างหันมามองทั้งคู่แล้วพากันซุบซิบอย่างสนใจ
“ไม่ใช่นะคะ เค้าไปไหนกันแฟงก็ไม่รู้เรื่อง แฟงมัวแต่ดูแลพวกคุณอยู่นะคะ”
“โกหก! ก็เจ้าเล่ห์เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องนั่นแหละ ไปหารถมาให้ผมเดี๋ยวนี้นะ ผมจะไปตามเอง” เขายังเกรี้ยวกราดไม่หยุด รมณ์นลินรู้ดีว่าขืนไปขัดเดี๋ยวก็เกิดเรื่องใหญ่อีกเลยยอมตามใจ รีบบอกพนักงานให้เอารถของรีสอร์ทออกมา เทียมพบก้าวขึ้นรถอย่างรีบร้อนพอจะออกรถก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“คุณ!...มากับผมด้วย คุณต้องรู้แน่ๆว่าสองคนนั่นไปไหนเพราะงั้นมาด้วยกันซะดีๆ” รมณ์นลินอึกอัก ใครจะกล้าไปกับคนบ้าแบบนี้เล่า
“โอ๊ย!...เจ็บนะคะ ทำไมพาลอย่างนี้นะคุณเนี่ย” รมณ์นลินว่าให้อย่างเหลืออดที่โดนคนใจร้อน กระชากแขนแล้วยัดใส่รถอย่างไม่ปราณีปราศรัย
“หุบปาก! ถ้าน้องผมเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็...คุณกับมันโดนเล่นหนักแน่” คนขี้โมโหตะโกนใส่หน้าคนข้างๆอีกครั้งก่อนจะออกรถอย่างรวดเร็วจนรมณ์นลินที่ ยังไม่ทันคาดเข็มขัดนิรภัยถึงกับหัวคะมำไปข้างหน้า ถ้าเอามือยันไว้ไม่ทันคงได้หัวแตก
‘‘คนบ้าอะไรนะ...ป่าเถื่อนที่สุด’’
ขณะเดียวกัน ต้นเหตุที่ทุกคนกำลังเป็นห่วงอยู่ที่สถานีอนามัยเรียบร้อยแล้ว พยาบาลล้างแผลให้ใหม่พอเตรียมจะเย็บแผลคนบาดเจ็บก็เริ่มโยเยขึ้นมาทันที
“พี่พยาบาลคะ แค่ทำแผลธรรมดาไม่ได้หรือไงคะ?”
“แผลกว้างและลึกมากนะคะ เย็บแล้วจะได้ประสานเร็วๆไง เดี๋ยวฉีดยาชาก็ไม่ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว” พอได้ยินคำว่าฉีดยาน้ำตาก็ไหลและร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ
“น้องพลูเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ?” ชลธีได้ยินเสียงร้องก็เข้ามาดู เห็นคนเจ็บนั่งร้องไห้อยู่บนเตียง คนถูกถามไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว
“น้องพลู...ฮือ...ไม่อยากฉีดยา” แล้วก็ปล่อยโฮออกมาไม่หยุด พยาบาลกับชลธีมองหน้ากันแต่ไม่กล้าหัวเราะที่เห็นสาวๆอย่างนี้ยังร้องไห้ กลัวเข็มฉีดยา
“น้องพลูครับ...ทนเจ็บนิดเดียวดีกว่าเจ็บมากตอนที่แผลมันอักเสบ ดีไม่ดีติดเชื้อต้องตัดขาทิ้งเชียวนะ” ชลธีปลอบจนแทนดาวยอมให้ฉีดยาและเย็บแผลจนเสร็จเรียบร้อย
“เห็นมั้ย...เจ็บนิดเดียวเอง น้องพลูคิดกลัวไปเองมากกว่า”
“ก็น้องพลูไม่ชอบฉีดยานี่คะ ตอนเด็กๆน้องพลูเคยถูกหมากัดค่ะ มันก็กัดแบบหยอกเล่นเท่านั้น มีรอยถลอกนิดเดียวเอง พี่หมากกลัวว่าจะเป็นหมาบ้าเลยพาไปฉีดยากันบาดทะยักอยู่เกือบสิบครั้ง น้องพลูเลยเข็ดตั้งแต่นั้น” หล่อนเล่าเรื่องราวฝังใจที่ทำให้กลายเป็นคนกลัวเข็ม ชลธีอมยิ้มเมื่อรู้สาเหตุ
“พี่ว่าคนที่น่าจะพาไปฉีดยากันหมาบ้าควรจะเป็นพี่ชายเรามากกว่านะ” แทนดาวพยักหน้าเห็นด้วยแล้วทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ