ปลูกรักในรั้วใจ

10.0

เขียนโดย อิสวารายา

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.26 น.

  39 ตอน
  0 วิจารณ์
  39.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2559 15.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ตอนที่ 5 ซินเดอเรลลา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 5 ซินเดอเรลลา

               

                “พี่พลูมาช่วยดูหน่อยสิ ชุดที่แม่เตรียมให้ขวัญมันไม่เหมาะกับงานคืนนี้เลย ขวัญไม่ชอบกระโปรงยาวลากพื้นแบบนี้อ่ะ กลัวสะดุดล้ม” เสียงเรียกของน้องสาวทำให้แทนดาวที่ยังติดสินใจเลือกไม่ได้ระหว่างคอกเทลเดรสที่คุณแม่เตรียมไว้ให้สลับกับชุดที่ ‘เขา’ ส่งมาให้ ถ้าพี่หมากเกิดจำได้ขึ้นมาจะว่าอย่างไร แทนดาวมองน้องสาวที่กำลังหมุนตัวอยู่หน้าบานกระจกอย่างพิจารณาแล้วก็ยิ้มกว้าง

                “งั้นลองสวมชุดนี้แล้วกัน นี่เพิ่งซื้อมายังไม่ได้ใส่เลยนะ ถ้าน้องขวัญใส่ได้พอดีพี่ยกให้เลย” หล่อนหยิบชุดราตรีสั้นแขนตุ๊กตาให้ลูกผู้น้อง

                “จริงนะพี่พลู สวยจัง ขวัญชอบมากเลยค่ะ” แทนขวัญรับมาด้วยความดีใจรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด แทนดาวแอบยิ้มกับตัวเองแล้วหยิบเดรสไหล่เฉียงสีโอลด์โรสมาทาบตัวอีกครั้ง

                “ขอบใจนะน้องขวัญ”

                บรรยากาศตอนค่ำครึกครื้นกว่าเมื่อเช้ามากเพราะผู้ที่มาร่วมงานประกอบด้วยคนหลายวัย ทั้งรุ่นเด็ก รุ่นหนุ่มสาววัยทำงานที่มารวมตัวกันอย่างกับงานเลี้ยงรุ่นซึ่งก็มีครบทุกรุ่นจริงๆ และถึงแม้จะจัดขึ้นภายในบ้านแต่ผู้ที่ได้รับเชิญมาต่างก็แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศเพื่อให้เกียรติเจ้าของงานซึ่งเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาเป็นที่นับถือกันมานานนม บนเวทีมีนักร้องขับกล่อมบทเพลงไพเราะสลับด้วยการแสดงของเด็กๆจากโรงเรียนที่เจ้าภาพมอบทุนการศึกษาให้ทุกปี

               คุณลำเภานั่งรับของขวัญอยู่ที่โต๊ะข้างๆเวที ท่านไม่สะดวกที่จะเดินไปมาเพราะสังขารไม่อำนวยนัก มีหลานสาวทั้งสองคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ทางขวาเป็นสตรีร่างระหงเจ้าของใบหน้างามผุดผาดเทียบชั้นดาราในชุดเปิดไหล่สีครีมเข้ากับชุดเครื่องเพชรหรูหราล้อแสงไฟระยับก็ยิ่งขับให้ร่างผุดผ่องดูสง่างามสมบูรณ์ หล่อนกำลังยิ้มแย้มแจ่มใสคอยต้อนรับทุกคนอย่างเป็นมิตรจนไม่น่าแปลกใจเลยที่มักจะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เดินมาเมียงๆมองๆอยู่เป็นระยะๆ บ้างก็คอยส่งน้ำส่งขนมให้ ใครเลยจะไม่รู้จักปลายเดือน ทวีกิจไพศาล ถึงจะไม่ใช่ดาราแต่ก็เป็นเซเลบริตี้ที่เวลาได้ไปงานไหนก็ต้องมีเรื่องลงคอลัมน์ประเภทซุบซิบไฮโซทั้งหลาย

               ถัดมาก็เป็นสาวแรกรุ่นอีกคนที่งดงามไม่แพ้กันในชุดสีโอลด์โรสเปิดไหล่ข้างเดียว ผมยาวเกล้าแบบเก๋ปล่อยปอยผมรุ่ยร่ายเป็นธรรมชาติ โครงหน้างามได้รูปแต่งแต้มเข้ากับสีชุดอย่างลงตัว ถึงจะมิได้เป็นที่รู้จักอย่างพี่สาวแต่หนุ่มๆพวกที่มาเมียงมองปลายเดือนเสร็จแล้วก็เป็นต้องหยุดที่สาวน้อยอีกคนทุกรายไป หล่อนไม่ได้ยืนยิ้มแย้มทักทายแขกอย่างที่ควรจะทำแต่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารสารพัดชนิดที่เพื่อนร่วมก๊วนช่วยส่งมาให้เรื่อยๆ แทนดาวไม่ถนัดนักหรอกกับการเข้าสังคมจึงไม่สนใจใครมากนักนอกจากเวลาที่คุณย่าหรือพี่สาวจะแนะนำให้ไหว้คนนั้นคนนี้

               เทียมภพพาแฟนสาวมาร่วมงานนี้ด้วย ใบหน้าเรียวงามสวยของจัดจ้านของชุสิตาสะกดสายตาหลายคู่ รูปร่างอรชรเอวคอดกิ่วจนแทบจะขาดจากกกันซ่อนอยู่ในชุดเกาะอกสีเขียวมรกตซึ่งแทนดาววิจารณ์ว่ามันจะเกาะต่ำไปเสียหน่อยจนมองเห็นเนินเนื้อเสริมซิลิโคนโผล่พ้นขอบชุดขึ้นมาครึ่งหนึ่ง เพื่อนๆรวมทั้งแทนขวัญลูกผู้น้องพากันไปรุมล้อมดาราสาวสวยเพื่อขอถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดและขอลายเซ็น ซ้ำยังออกอาการปลื้มทำท่าว่าจะเปลี่ยนฝั่งไปสวามิภักดิ์กับแม่นั่น ไหนจะพวกหนุ่มโสดนอกบ้านทั้งเพื่อนพี่ชาย ทั้งญาติหนุ่มที่พยายามเสนอตัวเข้าไปทำความรู้จัก

                “พี่สิตาตัวจริงสวยกว่าในทีวีอีก ไม่หยิ่งด้วยล่ะ ดูสิ...พี่เค้าเขียนอวยพรวันเกิดย้อนหลังให้ฉันด้วย” อรกานต์พูดถึงแฟนพี่ชายเพื่อนอย่างชื่นชมพลางอวดรูปที่ถ่ายคู่กันให้ดูรอบวง

                “โมที่เกาหลีมาทั้งตัว จับไปเจอแต่ซิลิโคนไม่ก็ฟิลเลอร์” แทนดาววิจารณ์แรง

                “นี่แก...ดาราสมัยนี้มีใครมั่งไม่อัพหน้าฮะ? มีพี่สะใภ้เป็นนางแบบเนี่ย...แกจะดังด้วยโดยไม่รู้ตัวนะ ไม่ชอบเหรอ” ดารตาเพื่อนอีกคนเสริม

                “ยี๋...ฉันไม่ชอบพี่สะใภ้พลาสติกเดินได้ยัดไส้ซิลิโคนย่ะ” แล้วก็เบ้หน้าให้เพื่อนๆที่ยังไม่หยุดอวดรูปถ่ายกับลายเซ็นของนางแบบคนนั้น                                          

                “เฮียเบิ้ม!” สาวน้อยลืมความขุ่นมัวทุกอย่างแล้วรีบวิ่งไปหาคนที่เรียกว่าเฮียเบิ้มอย่างร่าเริงพร้อมพอถึงตัวก็โผเข้ากอดเสียแน่นด้วยความคิดถึงแต่ก็กอดได้ไม่รอบเพราะติดพุงอันใหญ่โตของพี่ใหญ่ เฮียเบิ้มหรือบุรนันท์เป็นบุตรชายคนโตของคุณหลีซึ่งมีนิสัยละม้ายคล้ายคลึงกับเทียมภพมากที่สุด ทั้งเรื่องขี้วีน ใจร้อนและเจ้าชู้ ทุกคนผูกพันกันดุจพี่น้องท้องเดียว สมัยเด็กๆเฮียทั้งสี่ก็เคยมาอยู่กินนอนที่นี่ช่วงปิดเทอม มีเฮียเบิ้มที่อายุมากที่สุดเป็นหัวโจกคอยนำทีมเล่นซนไม่เว้นแต่ละวัน ปลายเดือนยกมือไหว้บุรุษหนุ่มเชื้อสายจีนสองคนที่เพิ่งมาถึงด้วยความดีใจไม่แพ้กัน

                “ไงเรา...นี่ใช่น้องพลูตัวจริงเปล่าเนี่ย ไอ้บิ๊ก...ช่วยดูซิ” บุรนันท์คลายวงแขนออกเพื่อแสร้งดูหน้าคนตัวเล็กให้ชัดขึ้นพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางน้องชายคนรอง

                “ผิดคนมั้งเฮีย ยัยพลูตัวจริงมันมอมแมมกว่านี้นี่ แต่น้องผึ้งคนสวยนี่ตัวจริงเสียงจริงนะ สวยไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนยัยพลูจะสวยทุกวันพระ” วิบูลกิจหรือเฮียบิ๊กช่วยผสมโรง คนตัวเล็กย่นจมูกใส่

                “ฮื่อ...ไม่เจอกันสามเดือนจำน้องสาวคนเล็กไม่ได้ สวยขึ้นละสิ...ฮึ” หญิงสาวเชิดใส่เต็มที่เลยถูกเฮียคนหนึ่งบีบจมูกด้วยความหมั่นไส้

                “เอ่อ...แล้วเฮียบุ้งไม่มาเหรอจ๊ะ?” ปลายเดือนถามเสียงเรียบแต่ในใจก็กังวล สองพี่น้องมองหน้ากันเลิกลั่กก่อนที่พี่คนโตจะถองน้องรองให้ตอบคำถามนี้

                “ไอ้บุ้งมันบอกเหนื่อยก็เลยอยู่เฝ้าบ้าน อีกอย่างตอนเช้าก็มาแล้วรอบนึง มันเลยกลัวน้องผึ้งเบื่อขี้หน้าเพราะว่าวันนี้...อุ๊บส์!” วิบูลเกียรติน้องชายคนที่สามเดินมาสมทบพอดียกมือข้างที่ถือกระเช้าของขวัญกระแทกหลังพี่รองแรงๆเป็นสัญญาณบอกว่า “หยุดพูดได้แล้ว” เพราะความจริงนั้นน้องชายคนเล็กกลับไปถึงบ้านก็ดื่มจนเมามายเลยได้ยินคำสารภาพความในใจทุกหน่วยเม็ด

                “อาบุ้งมันต้องตื่นแต่เช้าพาอาม่าไปหาหมอทำกายภาพ เฮียสามคนก็เลยมาเป็นตัวแทน นี่แน่ะ..ซ้อใหญ่กับซ้อรองฝากของมาให้ พวกเจ๊ๆต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้านก็เลยไม่ได้มานะ” วิบูลเกียรติหรือเฮียเบ้งตอบแล้วยื่นกระเช้าผลไม้หน้าตาแปลกๆให้ก่อนจะโบกไม้โบกมือให้เทียมภพที่ยืนชูแก้วส่งสัญญาณเรียกให้ไปหาอยู่อีกฟาก

                “อ้อ...เอ่อ ได้ข่าวว่าซ้อใหญ่จะมีน้องอีกคนแล้ว ผึ้งดีใจด้วยนะจ๊ะเฮียเบิ้ม ว่างๆจะเข้าไปหาที่บ้าน” ปลายเดือนรีบเปลี่ยนเรื่องคุย แทนดาวเองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศกร่อยๆเลยรีบแก้สถานการณ์นี้เสียด้วยการดึงตัวเฮียๆไปที่ชอบๆ

                “เฮียสาม บ. มานี่เลย พี่หมากอุ่นเครื่องรอตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน วันนี้ไม่มีซ้อทั้งสามตามมาคุมนี่นา เต็มที่ไปเลย...น้องพลูไม่ไปฟ้องแน่ๆ” แทนดาวออกแรงดันหลังหนุ่มหน้าตี๋พิมพ์เดียวกันสามคนไปหาพี่ชาย ปล่อยให้ปลายเดือนยังยืนอยู่ที่เดิมอย่างใช้ความคิด

 

               “สวัสดีครับคุณย่า สุขสันต์วันเกิดอีกรอบนะครับ” เสียงทักทายคุ้นหูดึงความสนใจของแทนดาวที่กลับมาก้มหน้าก้มตารับประทานต่อ เจ้าของใบหน้าคมเข้มเหมือนเจ้าชายแขกแบบที่แทนขวัญบรรยายไว้กำลังทำความเคารพหญิงชรา เขาอยู่ในชุดสูทเต็มยศดูโก้เชียว ผมเซ็ทเข้าทรงมากกว่าเมื่อตอนกลางวันแต่สีหน้าก็ยังนิ่งเฉยเหมือนเดิมอยู่ดี ในมือมีห่อของขวัญดูคล้ายกรอบรูปแต่แทนดาวไม่ได้สนใจตรงนั้น สิ่งที่ดึงความคิดทั้งมวลไว้ก็คือสตรีร่างบอบบางในชุดผ้าชีฟองยาวพลิ้วสีเหลืองอำพันจางๆที่ยืนอยู่ข้างๆที่มาด้วยกันต่างหาก ปลายเดือนที่โปรยยิ้มให้อยู่นานแล้วก็ดูจะมีอาการกระตุกไปบ้างเพราะมีคำถามเดียวกันกับน้องสาวว่าสตรีที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆเป็นใคร สาวเจนสังคมอย่างตนเองไม่น่าจะตกข่าวถ้าหากชลธีคนนี้ไม่โสดอย่างที่เข้าใจ

                “ตามสบายเลยนะ แล้วนั่นพาแฟนมาด้วยรึ?” คุณลำเภาถามแทนทุกคนที่สงสัย          แทนดาวคิดในใจว่าน่าจะใช่เพราะตั้งแต่เขาเข้ามาก็ยังไม่ได้เหลือบตาแลมาทางนี้หรือแม้แต่กับปลายเดือนที่คุ้นเคยกัน อาจจะด้วยเกรงใจคนที่พามาด้วยกระมัง

                “คุณย่าจำไม่ได้เหรอครับ? นี่รมณ์นลินไง...คราวนี้คุ้นมั้ยครับ” เขาดันร่างสตรีที่ยืนอยู่ข้างๆให้ขยับขึ้นมาจนใบหน้ากระทบกับแสงสว่าง รมณ์นลินยกมือไหว้หญิงชราอย่างอ่อนน้อม แทนดาวหูยิ้มแก้มแทบปริแล้วเปล่งเสียงอุทานออกมาด้วยความแปลกใจปนดีใจ

               “พี่แฟง! พี่แฟงกลับมาแล้ว” คนถูกเรียกดูไม่ตื่นเต้นหรือตกใจเพราะเป็นครู-ศิษย์กันอยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งก็เนื่องด้วยคำขอของผู้มีศักดิ์เป็นพี่อย่างชลธีที่ไม่ให้บอกว่าเป็นพี่น้องกัน รมณ์นลินเองก็ต้องจำใจตามใจพี่ชาย

                “วันนี้น้องพลูน่ารักจังเลย” รมณ์นลินกล่าวชมลูกศิษย์สาว แน่นอน...ชลธีเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้น้องสาวฟังหมด ตอนที่นั่งรถมาด้วยกันพี่ชายบอกว่า “เดี๋ยวแฟงจะได้เห็นซินเดอเรลล่าตัวจริง’’

                “เอ่อ...พี่แฟง...พี่ชล” พอดีใจได้แป๊บเดียวก็กลับเข้าโหมดมึนอีกครั้งเมื่อทบทวนในใจว่า

              “นี่พี่แฟงเป็นแฟนกับเค้าหรือนี่ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย”

               ปลายเดือนที่ตอนนี้หุบยิ้มกริบเพราะตัวเองก็แปลกใจไม่น้อย หล่อนรู้จักรมณ์นลินในฐานะที่เป็นครูสอนเปียโนของน้องสาวแต่ไม่เคยรู้ว่ามีความสัมพันธ์พิเศษอะไรกับชลธี

                “ขอโทษที่ไม่เคยบอกคุณย่าว่าแฟงเป็นน้องสาวผม” คำเฉลยที่ได้ยินทำให้ปลายเดือนโล่งใจจนยิ้มออกมาได้ในที่สุดแต่แทนดาวยังอึ้งๆอยู่ ก็นะ...คุณครูไม่เคยปริปากบอกเลยนี่นาว่ามีพี่ชายแถมยังเป็นคนๆเดียวกับ ‘คุณอาธารา หรือ คุณชลธี’ มาดนิ่งพายุพัดไม่ไหวติงคนนี้

                “แหม...ดูสิ ย่าแก่จนความจำเลอะเลือน วันนี้แต่งตัวสวยเสียจำไม่ได้ เจ้าพลู...พาครูเราไปหาอะไรกินสิ” คุณลำเภายิ้มกว้างพลางร้องบอกหลานสาวคนเล็ก แทนดาวเดินเข้าไปหาครูสาวด้วยอาการยิ้มแย้มแช่มชื่น ไม่ได้เจอกันตั้งสองสัปดาห์เพราะคุณครูพาเด็กไปแข่งไวโอลินชิงแชมป์เอเชียที่สิงคโปร์ รมณ์นลินเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยมากทั้งยังอ่อนหวานและยิ้มเก่งต่างกับชลธีที่เป็นเสือยิ้มยาก ยังเคยยุให้พี่ชายจีบคุณครูแต่เจ้าตัวก็บอกว่า ‘จืด’ เกินไปไม่ตรงสเป็ก

                “คุณสีผึ้งสวยจังครับวันนี้ ผมนึกว่าเซเลบที่ไหนมายืนอยู่...ว่ามั้ยแฟง?” ชลธีชมซึ่งหน้า รมณ์นลินพยักหน้าเห็นด้วย

                “ขอบคุณค่ะ ต๊ายดูสิ...ผึ้งจำคุณแฟงไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าคุณชลควงใครมาเปิดตัว” คนถูกชมพูดแก้เขินแม้จะพอใจอยู่มากที่เขาชมว่าสวยแต่ยังคงสงวนท่าทีได้ดีสมกับเป็นสาวสังคมที่รู้จักการวางตัวได้ในทุกสถานการณ์ ปลายเดือนช้อนตามองบุรุษหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาพราวระยับ ทำให้คนที่ออกปากชมเมื่อครู่เกิดรู้สึกอึดอัดขึ้นมาดื้อๆ

                แทนดาวหน้าตึงเมื่อเขายังไม่ทักทายหรือไม่แม้แต่จะมองมาทางนี้เลย เมื่อดูเชิงแล้วเขาคงไม่เสวนาด้วยแน่ๆเลยพารมณ์นลินไปที่ซุ้มอาหารและจัดการหาพาไปนั่งที่โต๊ะเดียวกับแก๊งเพื่อนสาว ใจยังเคืองเขาอยู่นิดๆที่ไม่ยอมปรายตามามองแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังทำราวกับว่าหล่อนไม่มีตัวตน หรือว่าเขาอาจจะยังโกรธเรื่องที่ไปกัดเข้าเมื่อตอนกลางวัน

               “น้องพลู...มากับพี่หน่อยสิจ๊ะ” เสียงหวานๆของพี่สาวเรียกให้ไปหา ตอนแรกก็ว่าจะดื้อแพ่งไม่ไปตามคำสั่งแต่ก็ยอมในนาทีสุดท้ายเพราะวันนี้เป็นวันเกิดคุณย่า ไม่อยากให้พี่สาวมีเรื่องไปฟ้องให้ท่านไม่สบายใจ

                “พี่จะแนะนำให้รู้จักเพื่อนๆของพี่นะคะ” ปลายเดือนแตะข้อศอกน้องสาวให้มาอยู่กลางวง

                “นี่น้องสาวผึ้งนะจ๊ะ...ชื่อใบพลู เรียนมหา’ลัยปีทุดท้ายแล้วล่ะ เล่นเปียโนเก่งมาก เคยแข่งชนะมาหลายเวทีแล้ว อาจจะไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาบ่อยนักเพราะพี่หมากเค้าหวงมาก” แทนดาวกลอกตามองไปรอบวง เพื่อนๆของพี่สาวที่ล้วนแต่เป็นสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษจากสังคมชั้นสูง หนึ่งในนั้นจำได้ว่าเป็น ‘คุณชาย’ ทุกคนแต่งตัวโก้หรูและห่มเครื่องประดับวูบวาบมาประชันกันเต็มที่ ผิดกับเพื่อนๆร่วมแก๊งของตนที่เหมือนลิงทโมนหลุดออกมาจากสวนสัตว์

                “ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะครับ ว่าคุณผึ้งจะมีน้องสาวน่ารักขนาดนี้” บุรุษคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น แทนดาวมองคนพูดแล้วก็หลบตา

                “ใบพลูคนสวยทานอะไรหรือยังคะ?” คุณชายที่ว่าถามเสียงนุ่ม คนถูกถามรู้สึกประหม่า ติดขัดเก้อกระดากอย่างไรชอบกลได้แต่ยืนนิ่งเป็นตุ๊กตาไหว้ศาล

                  “ตายละ...คุณชายพูดกับกับเรา ต้องใช้ราชาศัพท์มั้ยนะ?”

                “ก็อย่างที่บอกนั่นแหละค่ะ พี่ชายเค้าหวงมากจริงๆ ไม่ค่อยพาออกงานบ่อยนัก ก็น้องคนเล็กนี่คะ...ผึ้งเองก็ยังห่วงเลย” เสียงหวานมาพร้อมกับอ้อมแขนที่โอบกอดรอบเอวแผ่วเบา แทนดาวอยากจะสะบัดออกแล้ววิ่งหนีไปเสีย

                “ว้า...ถ้างั้นผมก็ไม่อาจเอื้อมทำความรู้จักกับน้องสาวคุณสีผึ้งมากไปกว่านี้แล้วสินะ”‘คุณชาย’ คนเดิมพูดนิ่มๆพลางส่งสายตาเจ้าชู้อย่างเปิดเผย คนถูกมองไม่ชอบสายตาแบบนี้เอามากๆ โดยที่ไม่ทันตั้งตัว...คุณชายคนนั้นก็ถือวิสาสะดึงแขนแทนดาวมาใกล้

                “ถ้าเป็นคุณชายลักษม์ล่ะก็...ผึ้งไม่ขัดข้องหรอกค่ะ” ปลายเดือนตอบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก เพื่อนคนอื่นหัวเราะตาม

                “น้องใบพลูมีแฟนหรือยังคะ? ให้พี่ชายลักษม์เป็นพี่ชายอีกคนได้มั้ยคะ?” คุณชายพูดนัยน์ตาพราวอย่างคนเจ้าชู้ แทนดาวตัวเกร็งไปหมดและเริ่มโกรธพี่สาวขึ้นมาเล็กน้อย

                “เชอะ...คิดจะเอาเรามาขายให้เพื่อน อย่างนี้ต้องเห็นดีกันบ้างล่ะ”

                “แต่จากการประเมินค่าเบื้องต้นแล้วเนี่ย...ดิฉันว่าคุณชายไม่ผ่านการพิจารณาจากพี่หมากแน่ๆ พี่สาวดิฉันน่ะ...พิการทางสายตารู้มั้ย? เธอมักจะมองอะไรผิดพลาดหรือบางทีก็ชอบอะไรที่ประหลาดกว่าชาวบ้าน เพราะงั้นอย่าหวังเลยว่าพี่สาวฉันจะช่วยอะไรคุณได้ อ้อ..อาจจะได้อย่างนึง รู้มั้ยคะว่าอะไร?” หล่อนลอยหน้าลอยตาพูดขณะที่ทุกคนนิ่งฟังกันตาค้าง

                “ช่วยพาคุณไปส่งโรงพยาบาลหลังจากที่พี่หมากอัดคุณจนน่วม” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไป ทิ้งให้บรรดาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลายมองตากันปริบๆ คุณชายลักษม์สำลักไวน์แดงที่จิบเข้าไปจนพ่นออกมาทั้งปากและจมูกเป็นที่น่าขบขันของคนแถวนั้น ปลายเดือนรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้าวจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้แต่มองตามน้องสาวไปด้วยความเคียดแค้นที่บังอาจหักหน้ากันต่อหน้าเพื่อนๆ

 

              เมื่อการแสดงรำอวยพรชุดสุดท้ายบนเวทีจบลงก็ถึงเวลาที่ทุกคนได้รับเชิญให้เต้นรำด้วยกัน คุณเที่ยงแท้รับอาสาเปิดฟลอร์กับบุตรีแสนสวย ตามมาด้วยเทียมภพกับแฟนสาว อีกคู่คือคุณเที่ยงธรรมที่มาโค้งลูกสาวออกไปเต้นรำจังหวะวอลทซ์ช้าๆเป็นการเรียกแขก   ผู้มีเกียรติท่านอื่นๆต่างก็จับคู่ออกไปด้วยกันจนเต็มฟลอร์ แทนดาวเห็นว่าคนเยอะแล้วจึงกระซิบบอกคุณพ่อให้ไปโค้งคุณแม่ออกมาบ้าง

                “คุณพ่อกอดคุณแม่แน่นอีกนิดค่ะ น้องพลูจะถ่ายรูป” สาวน้อยร้องบอกบิดาที่กำลังพาภรรยาเคลื่อนย้ายไปตามจังหวะเพลงช้า เพลงต่อไปเป็นจังหวะเร็วขึ้นเหมาะกับคนหนุ่มสาว แทนดาวก็ได้รับเกียรติเชิญออกไปอีกครั้ง คราวนี้เป็นหนุ่มเพลย์บอยที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี

                “ให้เกียรติเต้นกับผมสักเพลงนะครับ...เจ้าหญิง” หนุ่มเพลย์บอยที่ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ชายตัวดียิ้มกว้างจูงมือน้องสาวไปกลางฟลอร์ คนตัวเล็กเหลือบไปเห็นแม่นางแบบเปลี่ยนคู่ไปวาดลีลากับญาติผู้ชายคนหนึ่งนั่นเอง อดค่อนขอดในใจไม่ได้ว่า

               “แหม...ผู้ชายบ้านนี้เชื้อไม่ทิ้งแถว”

                “คู่เดทไปไหนเสียล่ะคะ? คุณเทียมภพ” แทนดาวถามหาคนรักของพี่ชายแต่ก็ไม่จริงจังนักขณะโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเพลง

                “เบื่อแล้ว...มาคู่กับหลานสาวคนสวยของคุณย่ามั่งดีกว่า” เขาพูดอย่างเอาใจพลางโอบน้องสาวให้กระชับขึ้นอีก แทนดาวได้กลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นนัก ปรกติพี่ชายใช้น้ำหอมกลิ่นแมนๆแบบทุกวันแต่นี่มันกลิ่นของผู้หญิงชัดๆ ใช่สินะ...ก็ก่อนหน้านี้แม่นางแบบขาตะเกียบเล่นอิงแอบเสียแทบจะสิงร่างอยู่แล้ว

                “แหวะ...” คนตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะสบถแต่เสียงดนตรีที่ดังกว่าก็กลบเสียงเบาๆได้มิดชิด

                “แฟนพี่หมากนี่เสน่ห์ล้นเหลือ ดูสิ...ขนาดพี่ตั้มมีลูกอ่อนยังโอบนางซะแน่นขนาดนั้น” หญิงสาวโบ้ยใบ้ไปทางญาติผู้พี่อีกคนที่เริงร่าอยู่กับแม่หน้าพลาสติกในขณะที่ภรรยาตัวเองกำลังนั่งป้อนนมลูกเล็กอยู่ไม่ไกล

                “แน่...อย่าพาลสิจ๊ะ พี่ตั้มแกไม่ได้คิดอะไรหรอก แค่เคยเห็นผลงานสิตาเท่านั้น อีกอย่าง...แกขอเมียแกแล้ว ถ้าขืนทำอะไรนอกกติกาเดี๋ยวเมียก็ปาขวดนมใส่หัวแตกเท่านั้นเอง” เทียมภพกระซิบประโยคสุดท้ายข้างหูน้องสาวแล้วพยักพเยิดไปทางพี่สะใภ้ที่กำลังโอบอุ้มลูกน้อยโดยไม่ใส่ใจสามีตัวเองกับนางแบบสาวนัก สองพี่น้องก็หัวเราะกันคิกคักแต่ไม่นานเสียงเราะก็เงียบสนิทเมื่อชายหญิงคู่หนึ่งที่โฉบมาใกล้ๆนั้นคือชลธีกับปลายเดือน แทนดาวมองวงแขนที่โอบรัดพี่สาวแล้วก็ใจกระตุก นึกถึงวงแขนเดียวกันที่โอบเอวหล่อนแนบชิดอยู่เมื่อวันนี้

                “เฮ้ย...ไอ้ชลมันอยู่กับสีผึ้งได้ไง!” เทียมภพเห็นเช่นกันและยังทำท่าฮึดฮัดจะเข้าไปหาเรื่อง

                “พี่หมาก...หยุดเลยนะ ห้ามป่วนงานคุณย่า” แทนดาวรีบห้าม ไม่กี่อึดใจต่อมาก็มีคนมากระชากตัวคนขี้โมโหไป

                “พี่หมากขา เต้นกับเนตรบ้างนะคะ...นะ เนตรเรียนมา รับรองไม่เหยียบเท้าพี่หมากแน่” เสียงออดอ้อนมาจากเนตรทิพย์เพื่อนคนหนึ่ง

                “ยัยบ๊องเอ๊ย...เขามีแต่ฝ่ายชายจะเป็นคนชวน” แทนดาวมองเพื่อนแกมขำแกมหมั่นไส้ เนตรทิพย์ไม่สนใจรีบฉกตัวพี่ชายไปเดี๋ยวนั้น

                “จ้ะๆ...น้องเนตร อย่าเหยียบเท้าพี่ล่ะ โอ๊ย...อย่ารัดพี่แน่นขนาดนั้นสิคะ มาจ้ะ....เข้าคิวทีละคนอย่าแย่งกัน” เทียมภพร้องบอกเพื่อนๆของน้องสาวที่มาห้อมล้อมตัวก่อนจะยอมให้เนตรทิพย์พาไปดึงทึ้งอยู่กลางฟลอร์ แทนดาวคิดว่าก็ดีเหมือนกันที่เพื่อนมารับช่วงต่อจะได้ไปนั่งพักเสียที

                “เหนื่อยแล้วหรือจ๊ะ...น้องพลู มาคู่กับคุณชลบ้างมั้ย...พี่อนุญาต” เสียงหวานดังแข่งกับเสียงเพลง ร้องถามขึ้น แทนดาวหันไปมองพี่สาวที่ยิ้มร่าส่งสายตาคล้ายจะเยาะเย้ยมาให้ ส่วนคนที่ยืนกอดเอวพี่สาวอยู่นั้น...ไม่ได้หันมามองหล่อนเลย

                “พลูเหนื่อยแล้ว เชิญพี่ผึ้งสนุกต่อเถอะค่ะ” แทนดาวสะบัดเสียงตอบก่อนรีบเดินออกมา รู้สึกโล่งใจแทนเฮียบุ้งที่ไม่ได้มาด้วย ไม่งั้นก็คงเห็นภาพอย่างที่หล่อนเห็น โธ่...เฮียบุ้งผู้น่าสงสาร

                “ผึ้งแกล้งแหย่แกเล่นน่ะค่ะ พี่หมากไม่ยอมให้น้องพลูเต้นกับใครทั้งนั้น เชื่อผึ้งมั้ยล่ะ?” ชลธีเพียงแต่พยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

 

              แทนดาวปลีกตัวมาพักผ่อนอยู่ใต้ซุ้มกระดังงามุมโปรด แสงไฟจากสนามหญ้าสลัวๆพอจะให้แสงสว่างอยู่บ้าง หน้าสวยๆที่แต่งแต้มไว้อย่างประณีตเต็มไปด้วยเหงื่อผุดพราย หญิงสาวไม่ได้สนใจที่จะซับหรือเช็ดมันออกไป ตอนนี้เสียงเพลงในงานกลับมาเป็นจังหวะช้าสุดแสนโรแมนติกเหมือนตอนแรก มันพาลให้คนฟังจินตนาการถึงวงแขนแข็งแรงคู่นั้นที่ป่านนี้คงจะรัดรึงร่างพี่สาวพาล่องลอยไปกับเสียงเพลง เอ...แล้วมันเป็นอะไรหนักหนาล่ะ เขาจะโอบกับใครต้องใส่ใจด้วยหรือ?

                “ขออนุญาตขัดจังหวะคนกำลังพักผ่อนสักประเดี๋ยวนะครับ” แทนดาวเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้ม ชลธีทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม

                “ทิ้งคู่เต้นมาแบบนี้ เสียมารยาทมากนะคะ” หล่อนว่าพลางจ้องเขาเขม็งนึกโกรธที่หนีเขาไม่พ้นสักที

                “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่มีวิธีที่จะปลีกตัวมาแบบไม่เสียมารยาท” เขายิ้มน้อยๆขณะมองหน้าเชิดๆนั้น

                “ขอโทษนะคะ ในเมื่อพี่ชลรู้จักมารยาทสังคมเป็นอย่างดีเพราะฉะนั้นช่วยปลีกตัวไปที่อื่น มาขัดจังหวะความเป็นส่วนตัวกันแบบนี้...มันเสียมารยาท” สาวน้อยย้อนให้ ชลธีอึ้งไปเล็กน้อยแต่ก็นึกสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำ

                “พี่ชายเราคงอบรมมาดี รู้มั้ยว่าย้อนเถียงผู้ใหญ่แบบนี้เนี่ย...มันเป็นอาการของคนรั้น” ปากหยักรูปกระจับเหยียดยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด น้ำเสียงยังฟังดูสบายๆ

                “น้องพลูจะยอกย้อนแต่กับเฉพาะคนที่ไม่ชอบหน้า”

                “ขอบคุณครับ...ที่บอกว่าเกลียดพี่” เขาพูดเรียบๆสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ตอแยด้วยหรอกเพราะวันนี้ก็ผิดที่เผลอล่วงเกินหล่อนไป ขืนไปมองมากคุยมากก็จะหาว่าฉวยโอกาสอีก รู้ด้วยว่าคนช่างย้อนยังไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อกลางวันให้พี่ชายฟัง หาไม่แล้วคงโดนดักตีหัวแตกไปแล้วระหว่างทางมานี่

                “ไปไหนก็ไป...ไป๊! นี่พูดตรงๆเลยนะคะ” คราวนี้คนตัวเล็กไม่ทนอีกต่อไป ตวาดไล่เสียงดังลั่นแต่แทนที่คนถูกไล่จะทำตามกลับหัวเราะชอบใจ แทนดาวออกจะขัดๆกับกิริยาอาการนั้น คนอะไร...ตลกหน้าตาย

                “เออหนอ...คุณพ่อเชิญมา คุณลูกไล่กลับ พี่ทำตัวไม่ถูกแล้วครับ” เขาพูดเนิบๆ หน้านิ่งแต่ตายิ้ม

                “งั้นก็รอตรงนี้ น้องพลูจะไปตามพี่หมากมาเชิญกลับเอง” คนตัวเล็กขู่แต่คนถูกขู่หาได้กลัวไม่

                “พี่ว่าตอนนี้พี่ชายน้องพลูไม่เมาเหล้าก็เมานารีล่ะนะ” เขาพาดพิงถึง ‘คู่อริ’

                “อย่ามาว่าพี่หมากนะ!” ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าไอ้ที่เขาพาดพิงถึงพี่ชายมันออกจะมีมูลความจริงอยู่บ้าง แต่สายเลือดเดียวกันก็ต้องปกป้องไว้ก่อน

                “ขอโทษที...ลืมไปว่าแตะไม่ได้ เอางี้นะครับ...พี่นั่งเป็นเพื่อน เหนื่อย....อยากพักเหมือนกัน นี่พูดตรงๆเลย” เขาล้อเลียนคำพูดของหล่อนบ้าง แต่ก็รู้สึกเหนื่อยจริงๆอย่างที่พูดเพราะกว่าจะปลีกตัวมาได้ต้องใช้ความพยายามแกะตัวเองออกมาจากปลายเดือนอย่างยากลำบาก แล้วก็รีบตามหา ‘ซินเดอเรลล่า’ ว่าหายไปไหน จะสอบถามใครก็เกรงว่าจะดูน่าเกลียดเลยสุ่มเดินมาเอง เห็นเจ้าตัวนั่งตบยุงทำหน้าเซ็งอยู่ที่นี่พอดี

                “ไม่ต้องค่ะ...น้องพลูจะอยู่คนเดียว” หล่อนบอกโกรธๆ ทำไมต้องโกรธ...แค่เขาไม่สนใจในตอนแรกงั้นหรือ?

                “ว้า...พี่ว่าจะมาบอกอะไรสักหน่อย โดนไล่ซ้ำซ้อนอย่างนี้คงไม่หน้าด้านอยู่แล้วล่ะ” เขาแกล้งทำทำท่าจะลุกออกไปแต่แทนดาวที่ใคร่อยากรู้เรื่องที่ว่าก็หูผึ่ง รีบเหนี่ยวแขนไว้อย่างลืมตัว

                “บอกอะไรเหรอคะ?” เสียงใสบวกกับประกายตาอยากรู้เด่นชัดทำให้ชลธีแอบยิ้ม หล่อนเหมือนเด็กจริงๆที่ต้องหลอกล่อด้วยอมยิ้มอะไรทำนองนั้น

                “จะบอกว่า...น้องพลูสวยมากครับ แล้วก็ขอบคุณมากนะครับ...” ชลธีใช้สายตาสะกดคนตัวเล็กไว้อยู่หมัด แทนดาวได้แต่อึ้งและรู้สึกว่าเขาเข้ามาใกล้มากเกินไปแล้วจึงรีบปล่อยแขนกำยำที่เผลอยุดไว้ ชลธีรู้สึกเสียดายมือนุ่มๆที่ผละจากไป

                “ขอบคุณ...เรื่องอะไรคะ?” พอได้สติก็ถามกลับสียงแผ่วเบา เขายิ้มนิดหนึ่งก่อนจะทอดเสียงตอบอย่างนุ่มนวล

                “ก็ขอบคุณที่น้องพลู กรุณาทำความฝันของพี่ให้เป็นจริงไงครับ ฝัน...ที่จะได้เห็นซินเดอเรลล่า...ในคืนนี้” แทนดาวสบตาเขาแล้วก็ไม่รู้ตัวเลยว่าจู่ๆแก้มทั้งสองข้างก็เริ่มซับสีแดงเรื่อ ชลธีจ้องมองไม่วางตา อาการเขินอายแบบธรรมชาติที่ไม่ได้เห็นมานานหลายปีก่อกวนความรู้สึกบางอย่างชอบกล ยังไงกันหนอ...กับความรู้สึกนี้

แทนดาวรู้ว่าอยู่ใกล้ชิดเขาเกินไปจึงรีบถอยหลังออกมา ผลคือรองเท้าส้นสูงจิ้มลงไปในดินนิ่มทำให้เสียหลักจะหงายหลัง ชลธีไหวตัวได้รวดเร็วกว่าจึงคว้าเอวบางไว้ได้ วงแขนแข็งแรงข้างเดิมทำหน้าที่ของมันเป็นครั้งที่สอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีนั้น...กลับกลายเป็นวินาทีแห่งหายนะในทันที

                “เฮ้ย!...มึงทำอะไรน้องกูวะ!” ชลธีถูกกระชากไหล่ออกมาอย่างแรงและหมัดหนักๆก็ปะทะเข้าที่หน้าอกแบบไม่ทันตั้งตัวทำให้เซถลาไปหลายก้าว แทนดาวที่ตั้งหลักยืนได้แล้วร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ ตรงเข้าไปขวางเทียมภพที่กำลังจะเข้าไปซ้ำคนที่ช่วยหล่อนไม่ให้ล้ม

                “ไอ้สารเลว! มึง...ตาย” เทียมภพพุ่งเข้าไปหาคู่กรณีอีก แทนดาวต้านแรงปะทะของพี่ชายไม่ไหวก็ล้มลงเข่ากระแทกเอากับเศษหินกรวดบนพื้น ชลธีไม่สนว่าตัวเองจะเจ็บตัวและไม่คิดจะป้องกัน เขารีบวิ่งจะเข้าไปประคองหญิงสาวที่ล้มเผละอยู่ใกล้ๆ เทียมภพเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าได้ผลักน้องอย่างแรงก็วิ่งมาดูด้วยเช่นกัน

                “มึงไม่ต้องเสือกเลยนะ เดี๋ยวมึงยังต้องเจอกูอีกแน่! ยัยพลูเจ็บตรงไหนมั่ง?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าจะช่วยเหลือก็รีบผลักออกไปอย่างแรง เทียมภพถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นเลือดที่หัวเข่าด้านซ้ายของน้องสาว

                “พี่หมากเข้าใจผิดนะคะ คุณชลไม่ได้ทำอะไรพลู” แทนดาวน้ำตาไหลด้วยความเจ็บแต่ก็ยังกลั้นใจอธิบายเรื่องราว เทียมภพฉุดน้องสาวให้ลุกขึ้นมา ปัดเศษใบไม้ใบหญ้าออกให้ ตาก็มองสำรวจบาดแผลด้วยความเป็นห่วง ชลธีมองดูอยู่ด้วยความเป็นกังวลไม่แพ้กัน

                “น้องพลูแค่มานั่งพักเหนื่อยแล้วคุณชลก็มาคุยด้วย พอเห็นพลูจะล้มเค้าก็ช่วยจับไว้เท่านั้นเอง” แทนดาวอธิบายด้วยน้ำตา คนพี่ฟังแล้วก็หันไปมองคู่อรินิดหนึ่งอย่างไม่ไว้ใจ

                “แล้วทำไมถึงมานั่งมืดๆคนเดียว ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน แล้วสีผึ้งไปไหนไม่ยอมมาดูแลเราฮึ?” เทียมภพยังฟาดงวงฟาดงาหาคนผิดไม่เลิก

                “ฮึ! งานในบ้านแท้ๆก็มาอาละวาด แกมันก็ไอ้ตัวไร้สาระ” ชลธีต่อว่าให้หลังจากที่ยืนฟังอยู่นานจนเหลืออดเต็มทนกับความไม่มีเหตุผลของอีกฝ่าย

                “มึง...หุบปากเลยนะ ไม่งั้นแตกอีกรอบแน่” ว่าแล้วก็ทำท่าจะเข้าไปซัดให้อีกรอบจริงๆแต่คราวนี้ชลธีเตรียมสวนกลับทันทีเหมือนกัน

                “ถ้ามึงคิดว่าคราวนี้จะได้อัดกูฟรีล่ะก็...เข้ามาสิ” เทียมภพชะงักเพราะจากเรื่องราวใน ‘อดีต’ ที่เคยได้ประลองฝีมือกันก็รู้ว่ารสหมัดของอีกฝ่ายนั้นหนักหน่วงนัก

                “พี่หมาก...พอแล้ว เค้าไม่ได้ทำอะไรพลูเลยนะ” แทนดาวดึงแขนพี่ชายไว้ อะไรกันนักหนา กะอีแค่มานั่งพักแค่นี้ถึงกับต้องเลือดตกยางออกกันเลยหรือไง?

                “มึง...เดี๋ยวกูพาน้องไปทำแผลก่อน ท้ากูใช่มั้ย...เดี๋ยวเจอกัน” แทนดาวหันมาส่งสายตาขอลุแก่โทษแทนพี่ชาย ชลธีปรับสีหน้าเป็นเคร่งขรึมอย่างเดิม พลางสัมผัสหน้าอกตรงที่ปะทะกับหมัดของอีกฝ่ายเมื่อครู่ เจ็บแค่นี้เขาไม่สนใจหรอกแต่หล่อนล่ะ...เจ็บมากแค่ไหนก็ไม่รู้

 

                เทียมภพพาน้องสาวมาทำแผล ปากก็พร่ำบ่นก่นด่าคนที่ตัวเองชกไปหยกๆไม่หยุดหย่อน แทนดาวรู้สึกผิดและคิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุไม่น่าไปเล่นแง่กับเขาให้มากเลยเชียว ที่จริงชลธีก็คงจะหวังดีอยากมานั่งคุยเป็นเพื่อนแต่ด้วยความขัดเคืองใจที่เกิดขึ้นในตอนแรกเลยไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากจะเสวนาด้วย

                “หายเจ็บหรือยัง?” เทียมภพถามน้องสาวหลังจากปิดแผลให้เรียบร้อย

                “หายแล้วล่ะค่ะ แล้ว...พี่สิตาไปไหนเสียล่ะคะ?” หล่อนเปลี่ยนเรื่องคุยหวังจะให้พี่ชายลืมเรื่องเมื่อกี้          

                 “นั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆพี่น่ะ ไอ้พวกนั้นมันก็ถามถึงเราแต่พี่ไม่ค่อยอยากให้เจอหรอก พวกมันก็ประเภทเดียวกับพี่นี่แหละ...หัวงู” พี่ชายพูดพลางมองหน้าน้องสาวยิ้มๆ

                “ยอมรับเองเลยนะคะ” คนตัวเล็กหยิกแก้มพี่ชายเบาๆ เทียมภพลูบผมน้องสาวก่อนจะจับตัวคนเกิดทีหลังหมุนไปมาเพื่อสำรวจการบาดเจ็บที่อาจจะเล็ดลอดสายตาไปแล้วก็เพิ่งสะดุดตากับอาภรณ์ที่สวมใส่

                “ยัยพลู...นี่มันเสื้อที่เราอยากได้เมื่อวันนั้นนี่ แล้วไปได้มายังไงเนี่ย?” เทียมภพดันตัวน้องสาวออกห่างเพื่อจะมองดูให้ชัดๆ

                “เอ่อ...น้องพลู” แทนดาวอึกอักๆ

                “นี่คงจะแอบชวนเพื่อนไปซื้อมาล่ะสิ เรานี่ดื้อได้เรื่องจริงๆ เออ...แต่ก็สวยดีนะ” ยังไม่ทันพูดอะไรพี่ชายก็ชิงพูดเองเออเอง คิดเองเสร็จสรรพ แต่ก็เบาใจที่พี่หมากคิดไปอย่างนั้น ดีแล้ว...จะได้ไม่ต้องโกหก

                “กลับเข้างานกันดีกว่านะหรือว่าจะขึ้นไปพักบนห้องล่ะ” พี่ชายถามขณะดึงตัวเข้าไปกอด ความเจ็บจากบาดแผลที่เข่าทุเลาลงแล้วแต่ความรู้สึกผิดกลับไม่ลดลงเลย ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่สบายใจเข้าไปอีกที่ทิ้งชลธีไว้โดยที่ยังไม่ได้ถามไถ่อาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง

                “น้องพลูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ กลับไปสนุกกันต่อดีกว่า ฝากน้องขวัญไว้กับยัยพวกนั้น ป่านนี้คงจะเม้าท์มอยเรื่องน้องพลูให้ขวัญฟังกันสนุกสนาน” แทนดาวยิ้มหวานเพื่อให้พี่ชายสบายใจว่าไม่เป็นอะไร เทียมภพโอบบ่าคนสวยไว้ไม่ยอมปล่อยราวกับกลัวว่าไอ้หนุ่มหน้าไหนจะเข้ามายุ่มย่ามเพราะวันนี้ดาวดวงน้อยของเขาสวยเหลือเกิน

                แทนดาวตามไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนต่อ บาดแผลที่เพิ่งได้รับซ่อนตัวอย่างดีภายใต้กระโปรงยาวปิดลงมาคลุมเข่า เพื่อนร่วมแก๊งต่างพูดถึงชายหนุ่มที่พี่ชายชกไปเมื่อครู่ไม่หยุดตามประสาสาวๆปลื้มเน็ตไอดอล มีแทนขวัญนั่งฟังตาแป๋วคอยเก็บข้อมูล

             “ยัยพลู...พี่ชลเค้าล๊อ...หล่อ เค้ามีแฟนหรือยังน่ะ?”

            “ฉันมาเรียนเปียโนกับแกมั่งได้มั้ยอ่ะ? เผื่อจะเจอเค้ามั่ง”

            “มาดขรึมเท่เป็นบ้า...พี่หมากของแกเทียบไม่ติดเลย”

            “แกมีไลน์เค้ามั้ย? ขอหน่อยสิ”

                ส่วนตนเองนั้น...ตอนนี้ความรู้สึกผิดยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ทุเลาลง แอบเหลียวมองไปยังคนที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกังวล การปะทะกันเมื่อครู่ของสองหนุ่มทำให้ยิ่งไม่กล้าไปอยู่ใกล้เขาอีก

 

                งานเลี้ยงดำเนินต่อไปจนถึงสองทุ่ม คุณลำเภาให้ศีลให้พรผู้มาร่วมงานและตัดเค้กแจกเป็นกิจกรรมสุดท้าย เทียมภพหลานชายคนโตนำทีมหลานๆทั้งหมดรวมทั้งบรรดาหลานเขยสะใภ้เข้าไปกราบอวยพรคุณย่าพร้อมทั้งมอบเสื้อกันหนาวไหมพรมถักจากขนแกะแท้ๆที่บรรดาหลานๆรวมใจกันสั่งตรงมาจากต่างประเทศซึ่งสร้างความปลาบปลื้มให้เจ้าของงานมากมาย แทนดาวบรรเลงเปียโนเพลงอิ่มอุ่นอย่างไพเราะบรรจงที่สุดมอบให้เป็นของขวัญ ส่วนพวกหลานๆก็ได้รับของขวัญเป็นแหวนทองฝังพลอยเม็ดเล็กสีชมพูอันเป็นสีประจำวันเกิดของท่านที่สั่งทำเป็นพิเศษ ตัวแหวนสลักชื่อสกุลทวีกิจไพศาลไว้อย่างสวยงาม ส่วนลูกหลานที่อาวุโสแล้วจะได้รับพระเลี่ยมกรอบทองเอาไว้ห้อยคอเป็นศิริมงคล

                แขกผู้ใหญ่ทยอยกันกลับส่วนพวกวัยหนุ่มสาวยังเพลิดเพลินกับการนั่งฟังเพลงและจับกลุ่มกินดื่มกัน เทียมภพคุยเสียงดังอยู่กับพวกเพื่อนๆและญาติผู้ชาย แทนดาวมองหาชลธีว่าจะเอาเค้กที่ตั้งใจเก็บไว้ไปให้เพราะตอนตัดเค้กไม่เห็นเขาอยู่แถวนั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงไหน จะว่ากลับไปแล้วก็ไม่ใช่เพราะรมณ์นลินน้องสาวของเขายังอยู่

                “พี่ชลไปไหนแล้วล่ะคะพี่แฟง?” พอหาไม่เจอก็เลยถามเอากับคุณครู

                “อะไรกันยัยพลูด่าง ถามหาผู้ชายดึกดื่นๆไม่เป็นกุลสตรีกะเค้าเลยนะยะ” เพื่อนคนหนึ่งแกล้งแซว แทนดาวหันไปถลึงตาใส่

                “หล่อนจะเอาเค้กใส่ยาเสน่ห์ไปให้พี่เค้าใช่มั้ย?” อีกคนผสมโรง

                “แก...ขอฉันเถอะนะพี่ชลน่ะ” แทนดาวได้แต่ฮึ่มฮั่มอยู่ในใจ คอยดูเถอะพวกนี้...

                “พี่ชลไปหามุมสงบคุยโทรศัพท์น่ะจ้ะ เดี๋ยวก็มา” รมณ์นลินบอกแล้วมองเค้กในมือลูกศิษย์สาวอย่างพิจารณา เอ...จะบอกน้องพลูดีมั้ยนะ? ว่าชลธีเป็นศัตรูกับขนมหวานทุกชนิด

                แทนดาวเดาลองเดินไปดูที่ซุ้มกระดังงาแต่ก็ไม่เจอใครเลยสุ่มเดินไปที่ศาลานั่งเล่น พอเข้าไปใกล้ก็ต้องหยุดอยู่แค่เงามืดใต้ต้นสาเกเพราะคนที่ตามหาไม่ได้อยู่ที่นั่นเพียงลำพังแต่กำลังนั่งคุยอยู่กับปลายเดือน เขากำลังอ้าปากรับเค้กที่พี่สาวป้อนแล้วความขุ่นมัวบังเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ มีคนส่งถึงปากแบบนี้เค้กชิ้นนี้ก็ไม่มีรสชาติอะไร

              “เชอะ...อยู่ต่อหน้าคนเยอะๆล่ะทำเป็นตีขรึมไม่สนใจสตรีใด หนอย...พ่อเทพบุตรเพลย์บอย” แทนดาวหันหลังกลับโดยไม่รีรอ อยากไปเรียกพี่ชายมาซัดให้อีกดอกข้อหาทำตัวรุ่มร่ามกับลูกสาวบ้านนี้

              ขณะที่คนถูกตราหน้าว่าเป็นเพลย์บอยก็เหมือนจะมีญาณพิเศษที่จับได้ว่ามีคนมองอยู่ นัยน์ตาสีเหล็กเหลือบตามองและทันได้เห็นร่างเล็กเดินลิ่วชายประโปรงปลิวไหวๆจากไป ให้ตายเถอะ...เขาแค่ออกมาสูบบุหรี่ผ่อนคลายความตึงเครียดที่มีเรื่องกับเพื่อนเก่าแล้วอยู่ดีๆปลายเดือนก็ตามมาเจอ จากนั้นก็ถูกคะยั้นคะยอแกมยัดเยียดให้กินเค้กหน้าครีมหนาๆที่ไม่ค่อยจะพิสมัยเอาเสียเลย แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจึงเลือกที่จะไม่ปฏิเสธให้ต้องเสียน้ำใจ แล้วแม่คนช่างเถียงคนนั้นก็คงมาเห็นจนเข้าใจผิดหาว่ามาพลอดรักกันอีกแน่ๆ

              “ตาบ้าเอ๊ย! มาว่าพี่ชายเราว่าเมาเหล้าเคล้านารี ทีตัวล่ะ...” แทนดาวบ่นกระปอดกระแปดเดินกลับมาอย่างเซ็งๆ แต่ไปได้ไม่ไกลคนที่กำลังถูกบ่นก็ตามมาทันจนได้

                “เดี๋ยวสิครับน้องพลู” เขาเรียกไว้ แทนดาวไม่ได้หันหลังกลับไปมองแต่ก็ยอมหยุด

               “คือ..” เขาเดินมาดักหน้า พออ้าปากจะพูดหญิงสาวก็ชิงตัดบทก่อน

                “น้องพลูแค่จะตามมาขอโทษแทนพี่หมากค่ะ พี่หมากเป็นคนใจร้อนแบบนี้เอง” คนตัวเล็กหน้ามองเขานิดหนึ่งก่อนจะยื่นเค้กหน้าตาน่ากินให้ด้วยกิริยากระแทกกระทั้น ชลธีนิ่ง...ไม่รับขนมมาในทันที

                “น้องพลูไม่ได้ทำผิด ไม่ต้องมาขอโทษแทนใครหรอก คนผิดต่างหาก...ที่ควรจะมา” แทนดาวได้ฟังก็ขัดเคืองใจ

                “เอาไปเถอะหรือว่าต้องป้อนด้วยคะ?” ชลธียิ้ม รู้ว่ากำลังถูกประชด

                “จริงๆแล้วพี่ก็ไม่อยากรบกวนนะ แต่ถ้าน้องพลูไม่ลำบาก พี่ก็จะยอมให้ป้อน” น้ำเสียงนั้นราบเรียบหน้านิ่งแต่ตาพราว แทนดาวอึ้งพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไร คนอะไร...ว่าแต่คนอื่นช่างยอกย้อน อยากจะเอาเค้กทั้งก้อนละเลงหน้านิ่งๆนั้นนักแต่ก็ต้องระงับอารมณ์เพราะติดว่ายังเป็นหนี้บุญคุณเขาที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะช่วยเหลือตนไว้ ดังนั้นจึงเพียงแค่จะเลี่ยงไปให้พ้นๆคนชอบกวน แต่อารามรีบร้อนไม่ทันได้ระวังรองเท้าส้นสูงที่จิ้มดินเมื่อกี้เกิดสั่นคลอนแคลนจนทรงตัวไม่อยู่เซไปข้างหน้า คราวนี้ชลธีไม่ได้ประคองเพราะแทนดาวถลาไปหาเขาเอง แน่นอน...เค้กหน้าครีมก้อนเขื่องทั้งก้อนโปะลงไปที่คนข้างหน้า แถมยังรูดลงมาตั้งแต่ช่วงอกจนถึงกลางตัว

                “ตายแล้ว!...เลอะหมดเลย” แทนดาวตกใจสุดขีด เอาอีกแล้ว...ก่อเรื่องอีกจนได้

                “ทีหลังถ้าจะป้อน...ช่วยส่งให้ตรงปากหน่อยนะครับ” เขาพูดหน้าตาเฉยส่วนคนป้อนเค้กนั้นลมแทบใส่

                ชลธีนั่งมองสาวน้อยที่กำลังบรรจงเช็ดคราบครีมเค้กที่เลอะเสื้ออย่างตั้งใจ ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวในบ้าน บนโต๊ะกาแฟตัวเล็กมีชามใส่น้ำอุ่นผสมน้ำสบู่วางอยู่ เขาพยายามปลอบคนใจเสียว่าไม่ได้ถือโทษกับเรื่องแค่นี้ เดี๋ยวกลับบ้านไปก็ให้แม่บ้านซักรีดตามปกติก็ได้

                “จางลงเยอะเลยค่ะ แต่พี่ชลสบายใจได้นะคะ เอาไปซักเดี๋ยวก็ออกหมด” แทนดาวบังคับเสียงไม่ให้สั่น ก็จะไม่ให้เสียเซลฟ์ได้อย่างไร สูทตัวนี้ของเขาราคาแพงระยับ ดูจากป้ายตรงคอเสื้อที่ตีตราจากห้องเสื้อมีชื่อเสียง เคยไปเป็นเพื่อนมารดาเลือกผ้าตัดสูทที่ร้านนี้เมื่อนานมาแล้ว ยังโชคดีได้เจอเจ้าของห้องเสื้อด้วย นึกตำหนิตัวเองที่ทำอะไรซุ่มซ่ามจนทำให้เขาต้องลำบากหลายครั้ง

               มือน้อยค่อยๆใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นผสมสบู่ถูลงบนคราบสกปรก ไม่กล้าออกแรงมากเกรงว่าผ้าเนื้อดีราคาแพงลิบจะเสียหาย แค่นี้ยังไม่พอ...ไหนจะเสื้อเชิ้ตสีขาวกับเนคไทที่เลอะครีมไปด้วย ให้ตายเถอะ...จะเอาเงินที่ไหนไปตัดให้เขาใหม่

                “พี่บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไรหรอก ซักก็ออกหมด” ชลธีพยายามพูดให้คนหน้าเสียสบายใจ เขารู้ว่าแทนดาวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ พูดถึงถ้าตอนนั้นใจร้ายเอี้ยวตัวหลบตอนที่หล่อนเซมาหาก็ต้องมีหวังลงไปจับกบเผลอๆได้แผลเพิ่มอีก

                “พี่ชลอยากจะเปลี่ยนเสื้อมั้ยคะ? เดี๋ยวน้องพลูไปค้นของพี่หมากมาให้ น่าจะใส่กันได้” แทนดาวแนะนำ ถ้ายังสวมเสื้อผ้าเลอะขนาดนี้ ออกไปมีหวังได้เป็นเป้าสายตา

                “ไม่ดีกว่าจ้ะ พี่ยินดีจะใส่เสื้อเลอะๆดีกว่าเอาเสื้อผ้าของพี่เรามาใส่เป็นไหนๆ” เขาบอกอย่างมีความหมายซึ่งคนฟังก็เข้าใจ หญิงสาวพาดเสื้อนอกสีดำไว้บนโซฝาเมื่อรู้ว่าทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

                “พี่ชลเขยิบเข้ามาอีกนิดสิคะ น้องพลูจะเช็ดตรงนั้น” หญิงสาวบอกพลางบิดผ้าชุบน้ำอุ่นให้หมาดๆ ชลธีเลื่อนตัวเข้ามาใกล้อีกนิดจนได้กลิ่นหอมๆอ่อนของน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ เขาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แอบมองไหล่เนียนๆที่ดีไซน์ชุดออกแบบมาให้เปิดโชว์ไหล่ข้างหนึ่ง

                “น้องพลูไม่ได้เรื่องเลยใช่มั้ยคะ? ก่อแต่เรื่องให้พี่ชล” หล่อนอดตำหนิตัวเองอีกไม่ได้

                “มันเป็นอุบัติเหตุ น้องพลูไม่ได้ตั้งใจนี่นา พี่ก็ไม่ยอมหลบเอง” ชลธีใจแกว่งเล็กน้อยเมื่อเจ้าของนัยน์ตาสวยช้อนตามองด้วยสายตาเว้าวอน แพขนตางอนยาวกระพริบไหว มันน่าตีนักที่กล้าใช้สายตามองเพศตรงข้ามแบบนี้ แต่พอคิดดูให้ดีแล้ว...หล่อนแค่เผลอเท่านั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจจะยั่วยวนใคร คงจะใช้สายตาออดอ้อนแบบนี้อยู่ประจำกับพี่ชาย

                “เสื้อขาวนี่เห็นชัดเลยค่ะ สีผสมอาหารแบบนี้เช็ดไม่ออกแน่นอน” หล่อนบอกเสี่ยงอ่อยพลางถูคราบเปื้อนนั้นต่อไป ชลธีมองศีรษะได้รูปที่สูงพอดีกับระดับอกของเขา เห็นเม็ดเหงื่อผุดตรงไรผมแถวๆขมับก็เลยจะใช้มือเช็ดให้ แต่พอได้สติก็ตัดสินใจวางมือลงบนตักอย่างเดิม ส่วนคนเช็ดดันกลับไปนึกภาพเหตุการณ์ที่พี่สาวป้อนเค้กก็เกิดอารมณ์หมั่นไส้ขึ้นมาอีกเลยออกแรงถูเสื้อโดยไม่รู้ตัว

                “ดีครับ...แรงอีกนิด คราวนี้จะได้หลุดทั้งคราบทั้งเนื้อพี่” เสียงของเขาเจือความขบขันเล็กน้อยทำให้คนที่กำลังระบายอารมณ์กับเสื้อหยุดทันทีแล้วยิ้มให้แหยๆ

                “อุ๊ย...นี่ลามขึ้นไปถึงปกเสื้อเชียวรึ” คราวนี้แทนดาวเป็นฝ่ายเขยิบเข้าไปใกล้เสียเองเมื่อเห็นเศษครีมติดอยู่ตรงปกเสื้อเชิ้ต ด้วยความที่ตัวของอีกฝ่ายสูงกว่ามากเวลานั่งก็ยังสูงจนทำให้คนตัวเล็กต้องยืดตัวขึ้นจนท่อนแขนอุ่นนุ่มพาดผ่านแผ่นอกกำยำอย่างไม่ตั้งใจ แขนข้างขวาของชลธีเหยียดพาดบนขอบโซฟาจนดูเหมือนตอนนี้กำลังโอบหญิงสาวอยู่กลายๆ

                “พี่ว่าน่าจะพอแล้ว” เขาจำเป็นต้องหยุดความตั้งใจของคนตัวเล็กที่จะจัดการรอยเปื้อนตรงนั้น เพียงเท่านี้ เพราะตอนนี้หน้าผากมนเกลี้ยงเกลาอยู่ชิดแค่ปลายคางจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากกลุ่มผมสวย จนอดจินตนาการต่อไม่ได้ว่าถ้าได้ดอมดมคงจะทั้งนุ่มทั้งหอม อีกทั้งลมหายใจอุ่นๆกำลังรินรดแถวๆต้นคอ ลาดไหล่นวลเนียนโผล่พ้นชุดสวยที่พยายามห้ามใจไม่มองในตอนแรกก็อยู่ใกล้ไม่ถึงห้าเซนติเมตร ชลธีรับรู้ได้ถึงไออุ่นจากคนข้างๆที่แทบจะแนบชิดกันอยู่แล้วและขณะนี้เลือดในกายก็อุ่นขึ้นอย่างประหลาด

                “ได้เท่านี้จริงๆค่ะ น้องพลูเสียใจจริงๆนะคะ” สาวน้อยหยุดความพยายามในที่สุด ทิ้งไว้เพียงคราบสีเขียวปนชมพูเป็นดวงกว้างบนเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด เพิ่งสังเกตว่าเขาพับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นจนเกือบถึงข้อศอกเผยให้เห็นรอยสักอักษร “P” นั่นอีกแล้ว

                “นี่ค่ะ...” มือเล็กหยิบเสื้อนอกให้ ชายหนุ่มรับมาพลิกดู

                “ว้า...ทีนี้จะหาชุดหล่อที่ไหนใส่ไปเดทสาวๆนะ” เขาแกล้งเย้าแต่ทำหน้าดุ และแน่นอน...คนสร้างผลงานหน้าจ๋อยสนิท คนช่างแกล้งเหลือบตามองคนถูกแกล้งนิดหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วโค้งให้อย่างสุภาพ แทนดาวมองตามงงๆ

                “สาวๆข้างนอกคงไม่อยากควงกับคนที่แต่งตัวไม่เนี๊ยบอย่างพี่แล้วล่ะ แต่ว่าคุณแทนดาวจะกรุณาให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้มั้ยครับ?” ร่างสูงผายมือออกอย่างเชื้อเชิญ แทนดาวหายงงแต่ก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ก็เมื่อกี้ยังทำหน้าดุเสียงเข้มแล้วไงมาขอเต้นกันดื้อๆ แต่ก็ไม่ตั้งแง่ขัดใจเขาอีกเพราะก่อเรื่องกับไว้ขนาดนี้แล้ว เสียงเพลงจากหน้าบ้านดังมาถึงในบ้านชัดเจนเป็นจังหวะไม่ช้าและเร็วเกินไป

                ร่างอรชรลุกขึ้นย่อตัวเป็นการตอบรับแม้จะยังเจ็บแผลจี๊ดๆ มือนุ่มนิ่มวางลงบนฝ่ามืออบอุ่นให้จับจูงไปอยู่ตรงกลางโถง ใช้พื้นหินอ่อนสีขาวเย็นเฉียบต่างพื้นฟลอร์ ชลธีสอดแขนแข็งแกร่งลอดใต้แขนกลมกลึงมาโอบแผ่นหลังไว้กระชับ แทนดาววางอีกมือหนึ่งมือบนบ่ากว้างส่วนมือข้างที่เหลือต่างก็กุมกันไว้ตามลักษณะท่ามาตรฐาน สาวน้อยรู้สึกไม่ถนัดนักเพราะฝ่ายชายตัวสูงกว่ามากแถมยังไม่ได้ใส่รองเท้าส้นสูง แต่พอเขาเริ่มเป็นผู้นำพาเคลื่อนไหวไปตามจังหวะดนตรีก็รู้สึกสนุกไปด้วยจนอดนึกชมอยู่ในใจไม่ได้ว่า

                 “เห็นเฉยๆแบบนี้...ลีลาไม่เบาเลยนะพี่ชล”

                “พี่ชลเต้นแบบนี้บ่อยเหรอคะ?” แทนดาวหาเรื่องคุยเพื่อลดความขัดเขินที่กำลังเกิดขึ้น ลมหายใจอุ่นจนร้อนของคนตัวสูงปัดเป่าอยู่ตรงหน้าผาก

                “นานๆที แต่ส่วนใหญ่ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง พี่ไม่ค่อยถนัด” คนตอบทำหน้าตายแต่ส่งประกายตาวับวาว คนถูกมองอยากจะจิกเล็บลงบนบ่าหนานี้นัก บอกคนอื่นว่าไม่ค่อยถนัดแต่พลิ้วจนจะตามไม่ทันอยู่แล้ว

                “ยังโกรธพี่เรื่องวันนี้อยู่มั้ย? พี่ขอโทษนะครับ ไม่เคยมีเจตนาล่วงเกินน้องพลูแบบนั้นจริงๆ” เขาพูดถึงเรื่องที่ทำรุ่มร่ามเมื่อตอนกลางวัน

                “น้องพลูคงจะโมโหพี่ชลต่อไปไม่ได้หรอกค่ะ ที่น้องพลูทำไว้โทษมันหนักกว่า” คนตัวเล็กตอบพลางมองรอยเปื้อนบนเสื้ออีกครั้ง เขามองแพนขนตาที่กระพริบไหวด้วยความรู้สึกอ่อนโยนแล้วนึกถึงคำพูดของปลายเดือนเมื่อชั่วโมงก่อน

             “พี่หมากไม่ยอมให้น้องพลูเต้นรำกับใครทั้งนั้น เชื่อผึ้งมั้ยล่ะ”

              เขาเชื่อนะ แต่ว่าร่างบางที่กำลังโอบอยู่นี้ทำให้ต้องลอบยิ้มกับตัวเองอย่างผู้ชนะ

             “อย่าคิดมากเลย ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุทั้งนั้น พี่ก็เชื่อว่าน้องพลูไม่ได้ตั้งใจ” เขาปลอบเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น แทนดาวยิ้มให้น้อยๆ ต่อจากนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องคุย แต่แทนดาวไม่อยากสบสายตาแปลกๆของเขา

             “ดูเถอะ...มองเราทีอย่างกับจะเจาะทะลุให้ถึงอนุภาคเม็ดเลือด”

             ชลธีหลุบตามองร่างน้อยๆที่ขยับตามจังหวะที่เขานำไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย หล่อนยังเด็กอยู่มาก กิริยาทุกอย่างที่แสดงออกมาล้วนเป็นธรรมชาติอาจเรียกได้ว่า ‘ไร้จริตจะก้าน’ เขาออกจะโมโหตัวเองหน่อยๆที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างที่ควรจะเป็น ไม่ควรเผลอส่งสายตาหรือทำกิริยารุ่มร่ามให้เกินความจำเป็นนัก นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมต้องตีหน้านิ่งเป็นปูนปั้นทุกครั้งที่พบกัน ถ้ายิ้มแย้มเล่นหัวมากเกินไปก็จะถูกมองว่าไปก้อร่อก้อติกลูกสาวเขา

                “อุ๊ย...ขอโทษค่ะ น้องพลูพลาดอีกแล้ว” ทั้งสองหยุดกึกเพราะแทนดาวเผลอไปเหยียบเท้าข้างหนึ่งเข้า คนตัวเล็กรู้สึกขายหน้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ วิชาลีลาศที่ร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าออกงานไหนไม่เคยพลาดแต่ดันมาพลาดเหยียบเท้าคู่เต้นเอาวันนี้เอง

                “เหนื่อยก็บอกกันดีๆก็ได้นี่นา” เขาล้อ ต่างฝ่ายต่างผละตัวเองออกมา แทนดาวไม่กล้าสบตาเขาได้แต่ยืนยิ้มเก้อ ทั้งอายทั้งเขินที่ทำเรื่องเปิ่นโก๊ะอีกแล้ว

                “เจ็บมั้ยคะ” หล่อนถามแก้เก้อ

                “เริ่มชินแล้วละมั้ง ตั้งแต่รู้จักกับน้องพลูชอบเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดอยู่เรื่อย คงต้องซื้อประกันอุบัติเหตุเพิ่ม” เขาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย แทนดาวเสมองไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงสายตาประหลาดๆที่ประสานกลับมา

                “งั้นเราออกไปข้างนอกกันเถอะค่ะ ทิ้งยัยพวกนั้นไว้นานป่านนี้คงจะสงสัยแล้วว่าน้องพลูหายไปไหน”

                “เอ้า! ช่วยกันยกเข้ามาวางตรงนี้” เสียงแม่บ้านที่กำลังช่วยกันลำเลียงบรรดาของขวัญเข้ามาเก็บทำให้แทนดาวรีบฉุดคนตัวสูงเข้าไปหลบอยู่ตรงซอกตู้แถวนั้น

                “จุ๊ๆ” นิ้วเรียวแตะที่ปากเป็นสัญลักษณ์ว่าอย่าทำเสียงดังขณะเดียวกันก็สังเกตบรรดาแม่บ้านอย่างระแวดระวัง ทั้งคู่ยืนแนบชิดในซอกตู้โชว์หลังใหญ่ที่สามารถบดบังตาได้มิดชิด ชลธีตัวแข็งทื่อเพราะตอนนี้ไอ้สิ่งที่พยายามจะหลบเลี่ยงหรือหักห้ามนั้นคนตัวเล็กกลับทำให้มันเกิดขึ้นทั้งสิ้น ศีรษะเล็กแนบอยู่ตรงอกผาย แขนเรียวทาบทับอยู่บนลำตัวหนาเป็นปราการป้องกันการแนบชิดของหน้าอกสาวแรกรุ่นกับแผงอกหนาหนั่น ฝ่ามือข้างซ้ายของเขาทาบทับบนลาดไหล่เนียนนุ่มที่แอบมองอยู่นานโดยปริยาย ส่วนแขนกำยำอีกข้างพาดกระชับรอบเอวคอดอย่างมิอาจเลี่ยงได้

                “ปล่อยก่อน...น้องพลู” เขาขยับตัวนิดหนึ่งเพื่อลดอาการแนบชิดที่เป็นอยู่ขณะนี้

                “ชู่ว....อยู่เฉยๆสิคะ” คนตัวเล็กเอ็ดเบาๆแถมยังเอามือปิดปากคนตัวสูงไม่ให้ส่งเสียงดัง ดูเหมือนหล่อนจะเป็นกังวลว่าใครจะเห็นมากกว่าการที่ยืนอิงแอบกันในซอกเล็กๆนี้เสียอีก ชลธีต้องจำยอมยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ท่าเดิม มือที่จับไหล่เนียนนุ่มนั้นค่อยๆเลื่อนไล้ระไปยังแผ่นหลังโดยที่เจ้าตัวไม่ทันสังเกต จนในที่สุดร่างอรชรก็ตกอยู่ในวงแขนแข็งแกร่งทั้งสองข้างโดยสมบูรณ์

                “โอเค...ออกไปกันหมดแล้วค่ะ” คนตัวเล็กยื่นหน้าออกไปดูนิดหนึ่ง จังหวะเอี้ยวตัวนั้นเองทำให้ร่างทั้งสองแนบชิดจนไม่มีที่ว่างใดๆอีก ชลธีกลั้นหายใจอย่างที่สุด จะจัดการสถานการณ์ตอนนี้อย่างไรดีหนอ...

                “อุ๊ย!” เจ้าของร่างอรชรสะดุ้งเมื่อเพิ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้ร่างกายตนเองอิงแอบแนบชิดกับคนหน้าดุเพียงใด มือเล็กๆออกแรงดันร่างหนาหนักให้ออกห่างแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิด

                “แน่ใจแล้วเหรอว่าออกไปได้แล้ว” เขากระซิบถามอยู่ข้างๆขมับ สองแขนที่โอบรอบเอวกิ่วนั้นเหมือนโดนล็อกกุญแจเอาไว้และดูเหมือนว่าจะไม่ยอมคลายออกง่ายๆเสียแล้ว

                “ค่ะ...ไม่มีใครอยู่แล้ว เราออกไปข้างนอกกันดีกว่า ปล่อยเถอะค่ะพี่ชล” สาวน้อยเริ่มดิ้นขลุกขลัก ใบหน้าของคนตัวสูงก้มต่ำลงมาจนปลายจมูกโด่งแทบจะแตะหน้าผากมน

                “พี่ยืนยันได้ว่าครั้งนี้เราฉุดพี่เข้ามาในนี้แล้วก็กอดพี่ก่อนนะ” เสียงกระซิบนั้นเบาแทบจะไม่ได้ยิน แทนดาวหน้าแดงจากความอุธัจขัดเขิน โทษตัวเองเอามัวแต่พะวงกลัวว่าแม่บ้านจะเห็นว่าอยู่กันสองต่อสองกับผู้ชายในบ้านจนลืมตัวว่าทำอะไรลงไป

                “อื้อ...ก็ปล่อยสิคะ” คนตัวเล็กพยายามแกะมือหนาออกจากเอวแต่ไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะออกแรงมากแค่ไหนก็ไม่อาจปลดพันธนาการของแขนแกร่งสองข้างนี้ได้ ขณะที่คนตัวสูงก็เพียงแต่อยากแกล้งและถือโอกาสสอนบทเรียนไปในคราวเดียวกันว่าอย่าเผอเรอหรือไว้ใจเพศตรงข้ามให้มากนัก เพราะถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็อาจจะไม่ใจเย็นยืนกอดเอวเฉยๆแบบนี้แน่นอน

                “ต้องสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก” ชลธีพูดด้วยเสียงที่เข้มขึ้นทำให้คนตัวเล็กหยุดดิ้น

                “ทำอะไรคะ?”

                “พี่เห็นเราเป็นน้องนุ่งนะถึงไม่ล่วงเกินแม้โอกาสจะอำนวยก็เหอะ แต่ถ้าเป็นคนอื่นนี่รับรองได้เลยว่าไม่เหลือ” พูดจบก็ปล่อยร่างบางเป็นอิสระแม้ลึกๆแล้วจะแสนเสียดาย แทนดาวพิจารณาสิ่งที่เขากึ่งบอกกึ่งสอนแล้วก็หน้าสลด ใช่...ตัวเองนั่นแหละที่ไปฉุดกระชากลากเขามาทำมิดีมิร้ายโดยไม่เจตนา

                “ก็...มันจำเป็นนี่คะ แล้วน้องพลูไม่ได้จะเอ่อ...อ่อยพี่ชลนะคะ” เขาถอนใจกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ครั้งที่สิบของคนตรงหน้า แม่คุณเอ๋ยจะรู้มั้ยว่า...ไอ้เมื่อกี้นั่นทำเอาเลือดในกายคนแก่ฉีดพล่านทีเดียว

 

             รมณ์นลินออกจะตกใจเล็กน้อยที่เห็นพี่ชายเดินออกมาในสภาพที่ดูยุ่งเหยิง แขนข้างหนึ่งมีเสื้อนอกพาดไว้ ส่วนเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่พับแขนขึ้นไปถึงศอกซ้ำยังมีรอยเปื้อนชัดเจน พอเห็นสายตาตั้งคำถามก็รู้ดีว่าน้องสาวต้องสงสัยว่าหายไปไหนมาและทำไมถึงมีสารรูปแบบนี้

             “เรื่องมันยาว เดี๋ยวเล่าให้ฟังบนรถแล้วกัน อยากกลับหรือยังจ๊ะ?” เขาตัดบทก่อนที่น้องจะถามอะไร

             “ก็ดีเหมือนกันค่ะ งั้นเราไปลาคุณย่ากันดีกว่า”

              “ขอบใจมากนะคุณชลกับครูแฟงที่อุตส่าห์มา ฝากขอบคุณไปถึงคุณวารีด้วยว่าย่าขอบใจที่ส่งของ ขวัญมาให้ ไม่รู้ว่าจะอยู่ถึงงานวันเกิดปีหน้ามั้ย?” หญิงชราบอกอย่างมีอารมณ์ขันเมื่อพูดถึงสังขารตนเองที่ชราลงไปมาก

              “ผมเชื่อว่าคุณย่าต้องได้จัดงานวันเกิดไปอีกเป็นสิบรอบเลยครับ” ชลธีตอบอย่างเอาใจแล้วทอดสายตามองไปยังร่างเล็กที่ยืนหลบไปทางด้านหลัง หล่อนไม่ได้มองตอบมาเพราะมัวแต่สนใจวุ่นวายกับเพื่อนๆที่หัวเราะคิกคักดูอะไรในโทรศัพท์มือถือ

             “น้องพลู...พี่ชลจะกลับแล้วนะคะ มาสวัสดีพี่เค้าก่อน” คุณดวงทิพย์รีบหันไปเรียกลูกสาวที่ยังยื้อแย่งดูโทรศัพท์กับเพื่อนๆ

             “สวัสดีค่ะพี่ชล แล้วเจอกันนะคะพี่แฟง” แทนดาวไหว้โดยไม่ยอมสบตา ความร้อนผ่าวยังคงฉาบอยู่บนใบหน้า ชายหนุ่มรับไหว้โดยไม่พูดอะไรนอกจากแสดงสีหน้าและแววตาเรียบเฉยราวกับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

             “มาค่ะ...ผึ้งจะเดินไปส่งที่รถ” ปลายเดือนถือวิสาสะควงแขนข้างหนึ่งของเขาแล้วพาเดินไป แทนดาวเดินกลับไปหาเพื่อนๆอีกครั้ง พวกนั้นยังดูคลิปวิดิโอที่ถ่ายไว้อย่างสนุกสนาน เป็นภาพเคลื่อนไหวของเพื่อนๆที่ผลัดกันออกไปเต้นรำกับชลธี

              “พวกแกนี่ไม่มีมารยาท ไปถ่ายรูปเค้าน่ะ ขออนุญาตเจ้าตัวหรือยัง?”

             “โว๊ะ...พี่ชลเขาใจดีจะตาย นี่ๆ...ดูอันนี้สิเด็ดจริง พวกแกว่าพี่ชลกำลังจีบพี่ผึ้งอยู่หรือเปล่า? ดูเหมาะสมกันดีเนอะ ยัยพลูด่าง...ดูพี่สาวแกสิ สวยครบขนาดนี้ทำไมแกไม่ได้เสี้ยวมาบ้าง งานนี้แกได้พี่ชลเป็นพี่เขยแน่ ไหนจะว่าที่พี่สะใภ้เป็นดาราอีกล่ะ...อิจฉาอ่ะ” แทนดาวมองดูคลิปนั้นด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปลายเดือนซบอกเขาขณะโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะเพลงโรแมนติก ชลธีโอบร่างพี่สาวไว้หลวมๆ สีหน้านึ่งเฉย เดาไม่ได้เลยว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

            “ชิ...ทั้งพี่เขย พี่สะใภ้ เคมีไม่เข้ากันสักคน” 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา