ปลูกรักในรั้วใจ

10.0

เขียนโดย อิสวารายา

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.26 น.

  39 ตอน
  0 วิจารณ์
  39.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2559 15.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) ตอนที่ 22 ความผิดที่ไม่ได้ก่อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                ตอนที่ 22 ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
                              
                ภายในห้องอาหารอิตาเลี่ยนบนชั้นสิบของ The Prestige Thara บุรุษร่างสูงเครื่องหน้าคมคายคล้ายลูกครึ่งแขกในชุดเสื้อโปโลกับกางเกงยีนส์ขาเดฟนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งในร้าน ชลธีพลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลาเมื่อใกล้เวลานัดประมาณห้านาที วันนี้เป็นวันเกิดของเปรมยุตาและเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้เมื่อหล่อนชวนออกมาทานอาหารเป็นเพื่อน คิดในแง่ดีเสมอว่าอย่างน้อยถึงจะไม่มีเยื่อใยต่อกันเหมือนเดิมแล้วแต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้อยู่  
หลังเกิดอุบัติเหตุจูบกับหล่อนวันนั้นทั้งคู่ก็ห่างๆกันไปโดยปริยายจนชลธีแอบขอบคุณปาลิดาเงียบๆไม่ได้ว่าสาวหมวยจอมจุ้นคนนั้นทำหน้าที่ประกบเปรมยุตาได้ดีมากจนแทบจะไม่มีโอกาสให้หล่อนเข้ามาใกล้ชิดอีกได้เลย ยกเว้นเสียแต่วันนี้ที่เขาควรจะแสดงว่ายังมีไมตรีด้วยการมางานวันเกิดในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง
                เปรมยุตามาถึงตรงเวลาพอดี วันนี้หล่อนดูสวยสะอาดตาในชุดผ้าฉลุลูกไม้สีครีม ใบหน้าเรียวงามลออปราศจากเครื่องสำอางใดๆ ชลธีต้องต้องกระพริบตาหลายครั้งเพราะภาพที่เห็นคือเปรมยุตาคนเดิมของแท้ที่สวยบริสุทธิ์อยู่ในความทรงจำของเขาเสมอมา
                “คุณสวยจัง” เขาชมทันทีที่หล่อนมาหยุดยืนตรงโต๊ะ เปรมยุตายิ้มนิดหนึ่ง ใช่...หล่อนต้องการให้เขาประทับใจมากที่สุดและรู้ดีว่าทำอย่างไรถึงจะประทับใจ
                “ขอบคุณชลจริงๆค่ะที่มา ปรางนึกว่าจะต้องผิดหวังเสียแล้ว” หล่อนพูดเสียงเศร้า
                “เรายังเป็นเพื่อนกันนะปราง วันเกิดเพื่อนทั้งทีผมจะพลาดได้ไง คุณสั่งอาหารเถอะ วันนี้ ผมเป็นเจ้ามือเอง ถือว่าเป็นของขวัญก็แล้วกันนะ” ชายหนุ่มเรียกบริกรมาสั่งอาหาร เปรมยุตาสั่งของตัวเองแล้วสั่ง ‘ของชอบ’ ให้เขาด้วย
                “ขอบคุณนะปราง”
                “ปรางจำได้เสมอค่ะว่าชลชอบหรือไม่ชอบอะไร” หล่อนยิ้มหวานให้ รอยยิ้มนี้งดงามในความทรงจำเหลือเกิน นี่คือสตรีคนเดิมที่เคยรักจนแทบจะด่าวดิ้นตายไปเมื่อตอนที่เลิกรากัน
                “ความจริงวันนี้ปรางมีหลายเรื่องที่จะพูดกับคุณแต่คงไม่สะดวกใช่มั้ยคะ? เห็นว่าต้องไปดูน้องพลูแข่งเปียโน” ชลธีอึดอัด ไม่ชอบเลยที่หล่อนพูดทำนองว่าแทนดาวเป็นตัวการขัดขวางการพบปะกันครั้งนี้
                “งานมีตอนสี่โมงเย็น อย่ากังวลไปเลยนะ” เขาบอกพลางตักอาหารเข้าปาก บทสนทนาดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
                จนเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เขายกมือขึ้นดูนาฬิกาอีกครั้งและเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้ว ตอนนี้ต่างคนต่างก็เต็มอิ่มกับอาหารฉลองวันเกิด แชมเปญและไวน์ขาวหมดไปสองขวดพร้อมๆกับเสียงหัวเราะคิกคักของเปรมยุตาทีดังต่อเนื่องด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดูหล่อนจะมีความสุขล้นเหลือเมื่อได้พูดคุยเรื่องราวเก่าๆกับอดีตคนรัก ส่วนชลธีนั้นไม่ได้ดื่มเข้าไปสักแก้วเดียวแม้จะถูกคะยั้นคะยออย่างไรก็ตาม เขารู้ตัวว่ามีงานสำคัญอีกงานรออยู่และต้องรีบไปแล้ว
                “คุณขับรถไหวมั้ยเนี่ย?” เขาถามขณะประคองร่างที่เดินเซไปเซมาน้อยๆของเปรมยุตา
                “ไหวสิคะ...ปรางไม่ได้เมาซะหน่อย”  คนตอบเสียงเริ่มอู้อี้แต่ก็ยังยืนยันในความมีสติของตัวเอง มือหนึ่งคล้องคอเขาไว้ช่วยพยุงร่าง รองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ยิ่งทำให้ทรงตัวไม่ค่อยถนัดนักจนต้องเอนอิงร่างหนาเอาไว้
                “ถ้าไม่ไหว...ผมว่านอนพักสักเดี๋ยวดีกว่า เดี๋ยวบอกให้รีเซอร์เวชั่นเปิดห้องให้คุณนะ” เขาเสนอพลางช่วยเปิดประตูรถ
                “ไม่ต้องหรอกค่ะ...ไม่ได้เมาขนาดนั้น ปรางแค่....” หล่อนพูดได้เพียงแค่นั้นก็โงนเงนแล้วหลับฟุบคาพวงมาลัยทันที
                “อ้าว..ปราง!” ชลธีจับไหล่บางเขย่าเบาๆเพื่อเรียกสติแต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
                “เฮ้อ...ซวยล่ะสิทีนี้” เขาสบถกับตัวเองเบาๆอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
               
การแข่งขันชิงชนะเลิศของสถาบัน Sol Mate จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งหนึ่ง แทนดาวกับพี่ชายและเแก๊งเพื่อนสาวมาถึงก่อนเวลาสองชั่วโมงเพื่อรายงานตัวและซ้อมย่อย เทียมภพยืนข้างน้องสาวแสนสวยไม่ห่างแต่ตาก็เหล่สาวไปด้วยไม่เกรงใจใคร คนอื่นๆในครอบครัวที่มาให้กำลังใจในวันนี้ก็ยังมีปลายเดือนกับบุรินทร์ที่แทนดาวเพียรคะยั้นคะยอให้ไปรับพี่สาวมาให้ได้
เวทิวุฒิมาถึงก่อนใครพร้อมกับช่อกุหลาบสีชมพู เทียมภพคว้าไปก่อนที่มันจะถึงมือน้องสาวแล้วขอบอกขอบใจแทนเสร็จสรรพก่อนจะบอกคนขับรถว่า “เอาไปเก็บในรถ” อ้างว่าถ้าน้องสาวดมแล้วเกิดแพ้เกสรขึ้นมากะทันหันแล้วจะยุ่ง แทนดาวมองดอกไม้ช่อนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์ด้วยรู้แน่ว่าจริงๆแล้วจุดจบของมันไม่ใช่ในรถแต่เป็นถังขยะ
“พี่อชิมากับพี่แฟงมาแล้ว” แทนดาวร้องเรียกครูสาวกับหมออชิตะที่กำลังเดินมาหา ตั้งใจจะสะกิดพี่ชายจอมเจ้าชู้ให้รู้สึกตัวว่าคู่แข่งกำลังจะตีคู่ขึ้นมาแล้วถ้ายังไม่เลิกทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัย
“ไงจ๊ะ ตื่นเต้นมั้ย?” รมณ์นลินถามลูกศิษย์สาวแต่คนตอบคำถามกลับกลายเป็นพี่ชายเสียนี่
“ตื่นเต้นมากแถมยังเซอร์ไพร้ส์มากด้วย ใส่ชุดที่ผมซื้อให้ไปกับคนอื่น ดีจริงนะแม่คุณ” เทียมภพอดไม่ได้ที่จะแขวะคุณครูของน้องสาว ตอนแรกคิดว่าหล่อนจะมางานกับพี่ชายไม่คิดว่าจะมากับหมอแว่นนี่เลย
“พี่หมาก! น้องพลูเป็นคนชวนพี่อชิมาเองแหละ บ้านเค้าอยู่ใกล้กันแล้วมันจะอะไรหนักหนาที่เค้าจะมาด้วยกัน” คนตัวเล็กว่าพี่ชายพลางมองรมณ์นลินที่ทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกพลันสายตาก็ไปสะดุดกับสร้อยข้อมือมุกบนข้อมือ จำได้ว่ามันคล้ายกับสร้อยข้อมือพี่ชายเคยให้ตนเองเลือกให้บอกว่าจะซื้อให้เพื่อนคนหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิด หรือว่า...เพื่อนที่ว่าก็คือรมณ์นลินคนนี้ แทนดาวคิดว่าต้องเป็นไปได้แน่ๆแล้วก็แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุดทีเดียว
“แล้วนี่...” คนตัวเล็กเหลียวซ้ายแลขวาเมื่อยังไม่เห็น ‘เขา’ มาเสียที
“เดี๋ยวพี่ชลตามมาจ้ะ” รมณ์นลินตอบคำถามจากกิริยาอาการของลูกศิษย์สาว
“รู้ว่าวันนี้มีงานสำคัญจะหาเรื่องไปโน่นนี่ พี่คุณนี่มัน...”  เทียมภพได้ทีต่อว่า
“พี่ชลมาแน่ๆค่ะ แกไม่เคยไม่รักษาสัญญา” รมณ์นลินรีบแก้ต่างให้พี่ชาย ไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายชอบข่มและวิจารณ์คนอื่นในแง่ลบตลอด
                แทนดาวชะเง้อแล้วชะเง้ออีกก็ยังไม่เห็นวี่แววของ ‘ว่าที่คู่หมั้น’ ที่บอกว่าจะมาเจอกันตอนเย็น นี่ก็เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น แม้รมณ์นลินจะยืนยันว่าชลธีต้องมาแน่นอนแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความว้าวุ่นใจสงบลงได้เลย คนตัวเล็กผุดลุกผุดนั่งอยู่ในห้องพัก มือบางลูบคลำที่กำไลที่เขามอบให้อย่างลุ้นระทึกปนโกรธตัวเองที่ควรจะจดจ่อกับการแข่งขัน ไม่ควรยอมให้อารมณ์ส่วนตัวมีอิทธิพลต่อการทำสมาธิ
                 “น้องพลูเล่นให้เต็มที่เลยนะคะ คิดซะว่าเล่นให้พี่ฟังเหมือนเวลาอยู่บ้านไง” เทียมภพกอดน้องสาวที่ทำหน้าตาไม่ค่อยสบายใจ เขาอาศัยเส้นสายที่รู้จักกับคนจัดงานเข้ามาหาน้องสาวในห้องนี้ ผู้เข้าประกวดหลายคนมองภาพนั้นแล้วก็แอบยิ้มให้กัน พี่ชายที่คอยกอดปลอบน้องสาวอยู่ไม่ห่าง คอยป้อนนั่นป้อนนี่ให้ขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียว  
                “พี่หมากเนี่ยชอบให้น้องพลูกินของมันๆอยู่เรื่อย เดี๋ยวก็อ้วนกันพอดี” แทนดาวบ่นเมื่อพี่ชายยัดเยียดป้อนเค้กช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆให้
                “อ้าว...ก็ทุกทีเห็นชอบนี่นา เอ...แล้วเดี๋ยวนี้เรากลัวอ้วนกะเค้าเป็นเหมือนกันเหรอ” เทียมภพถามพลางมองสำรวจรูปร่างเพรียวสมส่วนวัยสาวของน้องสุดที่รัก แทนดาวทำหน้ายุ่ง นั่นสินะ...ทำไมจะต้องมาพะวงเรื่องรูปร่างด้วยล่ะ ยอมรับล่ะว่าตั้งแต่มียศเป็น ‘ว่าที่คู่หมั้น’ ก็หันมาเอาใจใส่กับสุขภาพรูปร่างหน้าตามากขึ้น
                “ก็น้องพลูยังไม่อยากทานตอนนี้นี่คะ มั้นตื้อๆอ่ะ กินไม่ลง” คนตัวเล็กตอบเฉไปทางอื่น  “พี่หมากไปนั่งดูเถอะค่ะ น้องพลูรอในนี้ได้” พอเห็นว่าจวนใกล้เวลาแล้วก็ไล่พี่ชายออกไป จอมโหดเห็นสายตาลามเลียของคู่แข่งชายหนุ่มคนหนึ่งยามมองน้องสาวตนแล้วก็แทบอยากจะไปกระชากมาควักลูกตาออกให้รู้แล้วรู้รอด ก่อนออกไปเลยทิ้งคำขู่ไว้ให้ ‘หนุ่มๆ’ ที่คิดจะ ‘อาจเอื้อม’ ได้เสียวสันหลังวาบกันทั่วหน้า
                “ถ้าใครมาทำอะไรรุ่มร่ามก็ตะโกนเรียกพี่เลยนะ จะขึ้นไปกระทืบให้น่วมคาเวทีเลย” ไม่พูดเปล่ายังส่งสายตามุ่งร้ายไปยังหนุ่มๆที่หลบตากันวุ่นไปหมด คนพูดกดจมูกกับแก้มชมพูปลั่งทั้งสองข้างและหน้าผากมนจนพอใจก่อนจะออกจากห้องไป
                พอพี่ชายออกไปแล้วความว้าเหว่ก็เกาะกินหัวใจอย่างห้ามไม่ได้ ทำไมเขายังไม่มา? รถติดหรือว่าแวะที่ไหนก่อน ใช่สิ...เขาบอกว่ามีนัดกับเพื่อนนี่นา เพื่อนคนนี้คงมีความสำคัญมากมาย เอ๊ะ...แล้วนี่กำลังน้อยใจเขาอยู่หรือ? ความเจ็บแปลบเล็กๆเล่นจี๊ดไปทั่วหัวใจเมื่อคิดว่าเขาอาจจะ...ไม่มา
                การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว หล่อนจับฉลากได้เป็นลำดับที่ห้า เอาน่า...อีกตั้งนานกว่าจะถึงคิว ถึงตอนนั้น...เขาอาจจะมาแล้วก็ได้ แต่ความร้อนรนในใจมันไม่ได้นิ่งนอนไปด้วยเลย ไม่อาจทนอยู่อย่างนี้ได้อีกต่อไป ร่างบางพาตัวเองไปเข้าห้องน้ำ ควักโทรศัพท์จากกระเป๋าใบเล็กกดเบอร์โทรหาเขา ถึงจะยังมาไม่ถึงแต่แค่ให้ได้รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ยังดี
                “สวัสดีค่ะ พี่ชลอยู่ไหนแล้วคะ?” แทนดาวกรอกเสียงถามด้วยใจระทึก
                “ไม่ทราบว่าใครจะพูดสายกับพี่ชลคะ?”  เสียงที่ตอบกลับมาทำให้คนฟังชาวาบ เสียงเล็กที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน
                “คือ...นั่นใช่โทรศัพท์คุณชลธีหรือเปล่าคะ? หล่อนถามกลับอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าไม่ได้โทรผิด
                “ก็ใช่...แต่ว่าตอนนี้พี่ชลไม่ว่างหรอกค่ะ อ้อ...ประกันชีวิตมีแล้ว บัตรเครดิตก็มีแล้ว แล้วก็ไม่ต้องการซื้ออาหารเสริม ขอโทษด้วยนะคะ... พี่ชลอยู่เฉยๆ เดี๋ยวลูกปลาถอดเอง” เสียงผู้หญิงจากปลายสายพูดรัวๆจนหล่อนไม่มีโอกาสแทรกแล้วก็วางสายไปดื้อๆ แทนดาวถือโทรศัพท์ค้าง
                “ใครคือลูกปลา?” “แล้ว...ถอด หมายความว่าอะไร?” คำถามวนเวียนซ้ำๆอยู่ในหัว ตอนนี้รู้สึกมึนงงและตกใจปนกันไปหมด ชลธีอยู่ในที่ๆหนึ่งกับผู้หญิงที่ชื่อลูกปลา หนำซ้ำประโยคสุดท้ายที่หลุดมากจากผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนทั้งคู่กำลังทำกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ควรจะจินตนาการถึง
                มือบางสั่นเทาค่อยๆเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋าถือก่อนจะสูดหายใจครั้งสุดท้ายเพื่อขับไล่ความเปียกชื้นที่เอ่อคลอดวงตา วันนี้เขาคงมี ‘ธุระ’ อย่างอื่นจนไม่สามารถมาได้ ร่างบางเดินเฉื่อยชากลับไปนั่งรอในห้องเหมือนเดิม ทำหน้าตาปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามไม่กังวลและไม่คิดถึงเรื่องเมื่อกี้ ความความน้อยใจเล็กๆกำลังซึมซาบ ผ่านทั่วทุกอณูขุมขน
 
                ในขณะเดียวกันชลธีก็พยายามเร่งสปีดจัดการกับร่างปวกเปียกของเปรมยุตาโดยมีปาลิดาเป็นผู้ช่วย เขาต้องเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่เพราะถูกอาเจียนใส่
                “เมื่อกี้ใครโทรมาน่ะลูกปลา?” เขาถามขณะมองดูปาลิดากำลังถอดรองเท้าส้นสูงแบบรัดส้นให้เปรมยุตาที่ยังนอนปัดป่ายอยู่บนเตียง โชคที่วันนี้หล่อนอยู่เข้าเวรวันหยุด ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าจะพึ่งใครได้เหมือนกัน ให้ครั้นจะบอกพนักงานคนอื่นก็ไม่ดีนักเดี๋ยวจะถูกครหาเอาได้ว่ามอมเหล้าลูกน้องแล้วหิ้วขึ้นห้อง
                “พวกขายประกันมั้ง ลูกปลาเจอประจำแต่ไม่ต้องห่วงค่ะ จัดการไปเรียบร้อยแล้ว แม่นั่นคงไม่กล้ามาเสนอขายอะไรพี่ชลอีก”  ชลธีสะดุดหูกับคำว่า ‘แม่นั่น’ เลยรีบหยิบโทรศัพท์มาดูแล้วก็โกรธสาวหมวยตรงหน้าแทบควันออกหู
                “นี่ลูกปลา...ทีหลังอย่าถือวิสาสะรับโทรศัพท์ของพี่อีกนะ!”  เขาพูดแค่นั้นก็รีบตะบึงตะบอนออกไปปล่อยให้ลูกปลาทำหน้างงๆว่าตัวเองทำผิดอะไร
รถยนต์พันธุ์กระทิงเปลี่ยวสัญชาติอิตาลีสีเทาด้านทะยานออกจากลานจอดราวจรวด เขาช้าไม่ได้อีกแล้วแม้เพียงเสี้ยววินาที ถ้าหากว่าวันนี้ไปไม่ทันล่ะก็...ไม่ใช่แค่เพียงจะเป็นการผิดสัญญาที่ได้ให้ไว้กับหล่อน แต่นั่นหมายถึงอนาคตที่วาดฝันไว้ว่าจะได้ร่วมเรียงเคียงหมอนต้องเป็นอันดับวูบลงไปด้วย เขารู้สึกขัดใจกับความเร็วของพาหนะที่ตอนนี้เร่งจนเกินกฎหมายกำหนดแต่ว่ามันก็ยังช้าไปอยู่ดี นึกค่อนขอดอยู่ในใจว่าไม่ได้สมราคาแพงระยับของมันเลย มือที่กำพวงมาลัยเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ใจของเขาร้อนรุ่มกว่านั้น ทันหรือไม่ทัน...ทันหรือไม่ทัน
                ในขณะเดียวกัน ณ ศูนย์ประชุมแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร บนเวทีกว้างแสงไฟฟอลโล่วดวงใหญ่เพียงดวงเดียวส่องสว่างอยู่กลางเวที สาดแสงส้มนวลไปที่ร่างๆหนึ่งที่กำลังกดคีย์เปียโนเป็นเสียงเพลงของศิลปินมีชื่อเสียงระดับตำนาน บทเพลงหวานซึ้งปนเศร้าถ่ายทอดออกมาเป็นทำนองที่ให้ความรู้สึกเศร้าสะเทือนใจไม่ต่างจากอารมณ์ของคนเล่นนักราวกับว่ามันกำลังสะท้อนความในใจของหญิงสาวซึ่งบัดนี้มันร้าวระทมขมขื่นและไร้ความหวังเสียจนไม่รู้ตัวว่าตนเองเล่นเพลงอะไรอยู่
                ท่ามกลางคนดูนับร้อยอาจจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นั่งขมวดคิ้วมิได้เคลิบเคลิ้มคล้อยตามบทเพลงที่คนเล่นบรรจงกดคีย์ร้อยเรียงกันจนเกิดเป็นท่วงทำนอง รมณ์นลินกำลังนิ่วหน้าขมวดคิ้วและเริ่มกระสับกระส่ายเพราะบทเพลงที่ตนและลูกศิษย์สาวเห็นพ้องต้องกันว่าควรเลือกมาแข่งเวทีนี้ บัดนี้มันถูกถ่ายทอดออกมาแบบผิดเพี้ยน บางช่วงบางตอนก็คร่อมจังหวะ ลืมโน้ต คอร์ดผิด ไม่ได้ถูกต้องตามที่ได้ซักซ้อมเอาไว้เลยแม้แต่น้อย จริงอยู่ที่ว่ามันยังฟังเป็นเพลงแต่ทว่ามันหลุดจากคำว่า ‘มืออาชีพ’ โดยสิ้นเชิง
                รมณ์นลินเหลียวหน้าเหลียวหลัง มองหาพี่ชายตนเองแต่ก็ยากเต็มทีเพราะตอนนี้มีเพียงแสงไฟสลัวจากบนเวทีเท่านั้นและค่อนข้างแน่ใจว่าพี่ชายยังมาไม่ถึง หล่อนไม่อาจช่วยอะไรลูกศิษย์สาวได้มากกว่านั่งฟังให้จบและปรบมือให้อย่างกระอักกระอ่วนเต็มทีเมื่อบทเพลงจบลงพร้อมๆกับหยาดน้ำตาเล็กๆของคนบนเวที หล่อนมอบเพลงนี้ให้ตัวเอง บทเพลงแสนเศร้าสะเทือนอารมณ์ที่ออกมาจากใจ
                รมณ์นลินรีบลุกออกจากที่นั่งเดินปรี่ตรงไปหาลูกศิษย์สาวที่หลังเวทีและพบว่าหล่อนกำลังยืนเหม่อ สายตาเลื่อนลอยไร้จุดหมายและดูเศร้าสร้อยเกินกว่าที่จะเชื่อว่านี่คือแทนดาว หญิงสาวที่อาบไปด้วยความสดใสอยู่เสมอ
                “น้องพลู เป็นอะไรไปคะ?”
                “น้องพลูทำได้แย่มากๆเลยใช่มั้ยคะ?” พอเห็นครูสาวก็โผเข้ากอด
                “มันผ่านไปแล้ว น้องพลูอาจจะตื่นเต้นมากไป ไม่เป็นไรนะ…เอาไว้แก้ตัวใหม่คราวหน้าได้” หล่อนปลอบใจลูกศิษย์สาวแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันต้องมีเหตุผลอื่นที่ทำให้แทนดาวสมาธิหลุด ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เคยไปแข่งเวทีระดับประเทศและต่างประเทศมาแล้วจะตื่นเต้นจนเล่นหลุดได้ขนาดนี้
                “ไม่ต้องลุ้นแล้วล่ะว่าจะติดหนึ่งในสามมั้ย” แทนดาวพูดเศร้าๆพลางทิ้งตัวนั่งลงแถวๆนั้นอย่างเหนื่อยอ่อน รู้ตัวว่าทำผิดพลาดอย่างมหันต์ที่ปล่อยให้ความอ่อนแอมาทำลายความตั้งใจจนพังพินาศ!
               
เสียงปรบมือดังก้องห้องประชุมเมื่อผู้ชนะทั้งหมดถ่ายรูปหมู่กับตัวแทนจากถาบันดนตรี Sol Mate บนเวที แทนดาวยืนมองภาพบนนั้นด้วยความรู้สึกแสนเสียดายที่ตนไม่ได้ร่วมเฟรมอยู่บนนั้น ในมือมีเพียงประกาศนียบัตรว่าได้เข้าร่วมแข่งขันและของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆปลอบใจผู้ที่ไม่ได้รางวัล ของพวกนี้มันจะไปสู้โล่รางวัลกับสัญญาถ่ายโฆษณาได้ยังไง
                “พี่หมาก...น้องพลูแย่มากเลยใช่มั้ยคะ?” ร่างบางสะอื้นเบาๆอยู่ในอ้อมกอดพี่ชาย
                “น้องพลูทำเต็มที่แล้วนี่คะ อย่าร้องไห้เลย...ทุกคนภูมิใจในตัวหนูไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง” ถึงจะไม่ค่อยรู้เรื่องตนตรีอะไรมากนักแต่ก็รู้ว่าน้องสาวตั้งใจและทุ่มเทกับการแข่งขันทุกครั้ง
                “น้องพลูขอโทษค่ะที่ทำพลาด ไม่สมกับที่ทุกคนให้กำลังใจเลย” แทนดาวพูดเสียงเศร้า  มีเพื่อนๆยืนรายล้อมคอยให้กำลังใจ
                “ไม่เอาน่า...ไม่มีใครว่าหนูซะหน่อย ไปเถอะ...กลับบ้านดีกว่านะคะ ป่านนี้คุณพ่อกับคุณย่าอยากฟังหลานสาวคนเก่งเล่าเรื่องงานวันนี้แย่แล้ว” เทียมภพกอดน้องสาวกระชับขึ้น แทนดาวพยักหน้ากับอกอุ่น รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง 
                “น้องพลูเล่นดีแล้วนะครับ นี่ครับรางวัลแห่งความตั้งใจ” อชิตะยื่นกล่องของขวัญเล็กๆให้
                “ขอบคุณค่ะ” แทนดาวไหว้ขอบคุณ เทียมภพกับเวทิวุฒิมองอย่างไม่พอใจแต่ก็ยังเก็บอาการ
                “ต๊าย...คุหมอนี่น่ารักจัง ผึ้งเป็นพี่สาวแท้ๆยังไม่มีอะไรมาให้แกเลย” ปลายเดือนมองกล่องของขวัญอย่างอยากรู้อยากเห็น ทั้งเวทิวุฒิและอชิตะรุมขายขนมจีบกันขนาดนี้ ชลธีคงต้องเหนื่อยจนไม่มีเวลาตามทันแน่
                “มากไปยัยผึ้ง เออ...แล้วพี่ชายคุณมันไปไหนเนี่ย? ยังไม่เห็นหัวมันเลยตั้งแต่มา” ว่าจะไม่ถามแต่ก็อดไม่ได้ นึกโกรธอยู่เหมือนกันที่ฝ่ายนั้นยังไม่โผล่หน้ามา เป็นว่าที่คู่หมั้นประสาอะไร
                “เอ่อ...ดิฉันว่ารถคงติดมั้งคะ แต่ต้องมาแน่ๆคะ” รมณ์นลินอึกอักไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ชายตัวดีอยู่ไหนกันแน่ตอนนี้ พยายามโทรหาแล้วก็ไม่รับสาย
                “เฮอะ...แต่ก็ดี ไม่อยากเห็นหน้ามัน”
                “คุณชลเค้าอาจจะมีงานอื่นที่สำคัญมากกระมัง อย่าน้อยใจไปเลยนะจ๊ะ” ปลายเดือนเข้ามากอดปลอบน้องสาวบ้างแต่ไอ้สิ่งที่พูดย้ำยิ่งเพิ่มความขุ่นใจมากขึ้น “อีกอย่าง...ฝีมือเรายังไม่เข้าขั้น แค่ได้ขึ้นไปโชว์ก็บุญเท่าไหร่แล้ว” แทนดาวเจ็บคำปลอบกึ่งดูถูกนั้นแต่ก็ว่าอะไรไม่ได้เพราะมันจริงที่ว่าตนเองยังอ่อนหัดจนไม่รู้จักห้ามใจตัวเอง!
                “น้องพลูทำดีแล้ว พรุ่งนี้ไปบ้านเฮียบุ้งมั้ย? อาตี๋น้อยคงคิดถึงน้องพลูน่าดู” บุรินทร์ยิ้มอย่างให้กำลังใจแต่ก็อดตำหนิปลายเดือนในใจไม่ได้ที่พูดบั่นทอนน้องสาวตัวเองแบบนั้น
                “ขอบคุณค่ะเฮียบุ้ง อดได้รางวัลจากเฮียบุ้งเลย” คนตัวเล็กทำเสียงกระเง้ากระงอด บุรินทร์หัวเราะเบาๆพลางดึงคนตัวเล็กมากอดอย่างให้กำลังใจ
                “ยัยงกเอ๊ย! เฮียบุ้งเค้าบอกหรือยังว่าจะให้รางวัล เอ้านี่…จิ้มเอาว่าอยากได้อันไหน” เทียมภพยื่นโบรชัวร์เปียโนรุ่นต่างๆให้น้องสาว
                “ขอบคุณค่ะพี่หมาก โห...เลือกไม่ถูกเลย” แทนดาวร้องด้วยความดีใจก่อนจะโน้มคอพี่ชายลงมาจุ๊บเบาๆเป็นการขอบคุณ ความเศร้าโศกค่อยคลายลงไปบ้าง
                “อ้าว...พี่หมากให้แต่ยัยพลูด่าง แล้วพวกเราล่ะคะ? อุตส่าห์แต่งตัวสวยมาให้ยืมควงเสริมบารมี” อากานต์แกล้งกระเซ้าพี่ชายเพื่อน เทียมภพหัวเราะร่า
                “โอเคๆ เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงวันหลัง อยากกินอะไรคิดไว้เลย” ป๋าเทียมภพตอบอย่างอารมณ์ดี สาวๆก็เลยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความสมหวัง รมณ์นลินมองบุรุษตรงหน้าด้วยความชื่นชมอยู่ในใจกับความใจดีเสมอต้นเสมอปลาย
                “งั้นเรากลับกันดีกว่า เดี๋ยวให้น้าตาลไปส่งสาวๆ ส่วนผมกับน้องพลูคงต้องอาศัยไปกับเฮียบุ้งนะ” เทียมภพโอบบ่าน้องสาวพลางปรายตามายังรมณ์นลินที่ออกร้อนๆหนาวๆเมื่อต้องปะทะกับสายตาดุๆที่มองมาอย่างคาดโทษ รู้ล่ะว่าเขาต้องไม่พอใจพี่ชายตนอยู่แน่ๆ
                “พี่ชล!” รมณ์นลินอุทานออกมาเบาๆเมื่อเห็นพี่ชายกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา ชลธีดูมีสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่ดูเหมือนจะไปเที่ยวมากกว่าจะมางานนี้ ผมเผ้าไม่เป็นระเบียบ มีเหงื่อซึมตามไรผมและหน้าตามันเยิ้ม แทนดาวเมินหน้าไปจากภาพนั้นราวกับว่ามันคือสิ่งที่ไม่น่าดู
                “คุณชลมาจนได้นะคะ แหม...นี่ใครบังคับให้มาหรือเปล่าคะเนี่ย” ปลายเดือนรีบเข้าไปเกาะแขนแต่ก็ไม่วายแซะให้น้องสาวหน้าสลด
                “ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ?” เทียมภพพูดประชดแต่ชลธีไม่สนใจเดินผ่านตรงมายังหญิงสาวอีกคนที่ยืนหน้าซีดเผือด
                “น้องพลู...เป็นไงบ้าง?” เขาถามเสียงแผ่วเบา ใบหน้าซีดเผือดนั้นเริ่มมีสีแดงเข้มขึ้นทำให้คนถามรู้ว่ากำลังโกรธ
                “น้องพลูกำลังจะกลับค่ะ” ตอบกลับห้วนๆไม่สบสายตา
                “พี่ขอโทษ...พอดีว่ามีธุระให้ต้องจัดการนิดหน่อย” เขาพยายามอธิบายอย่างใจเย็นแต่ดูเหมือนสิ่งแวดล้อมทั้งหลายจะไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย
                “แก! ถอยออกไปห่างๆเลยนะ ฉันจะพาน้องกลับบ้านแล้ว” เทียมภพเบียดอีกฝ่ายจนเซ
                “แต่น้องพลู...” เขายังพยายามเรียกไว้
                “แล้วฉันจะมาคิดบัญชีกับแกทีหลัง” เทียมภพชี้หน้าศัตรูพร้อมกล่าวคาดโทษไว้
                “ไม่นะ...น้องพลู” ชลธีรู้สึกผิดและต้องใจหายเมื่อเห็นหยาดน้ำตาหยดเล็กๆไหลออกมาจากใบหน้าที่ก้มนิ่ง รู้สึกเหมือนอวัยวะบางอย่างถูกเฉือนออกไปจากร่าง
                “กลับบ้านก่อนเถอะค่ะพี่ชล” รมณ์นลินบีบบ่าพี่ชายเพื่อเรียกสติ
                “แฟงกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ตามไป” เขาหันมาบอกน้องสาวด้วยน้ำเสียงเจือความหดหู่
                “งั้นเจอกันที่บ้านนะคะ” ตอนแรกว่าจะเล่นงานพี่ชายเสียให้เข็ดแต่พอเห็นสีหน้าท่าทางแล้วก็ต้องใจอ่อน ชลธีคงจะมีเหตุผลสำคัญที่ทำให้มาไม่ทัน
                               
                ขณะที่คนในบ้านทวีกิจไพศาลเพิ่งจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนก็คงจะมีแต่ ‘คนพ่ายแพ้’  ที่ยังร้องไห้จนตาแดงก่ำ เสียดายที่แพ้แบบไม่คิดสู้ให้สมศักดิ์ศรี ไหนจะขัดเคืองใจที่ ‘เขา’ ผิดสัญญา แต่จะว่าผิดสัญญาเสียทีเดียวก็ไม่ได้เพราะอย่างน้อยเขาก็ไป เพียงแต่ไปตอนงานเลิกแล้วเท่านั้น
                “นอนเถอะนะน้องพลู ดูสิ...ตาแดงไปหมดเลย” เทียมภพพยายามปลอบน้องสาวให้สงบ
                “น้องพลูเสียใจนี่คะที่ทำผลงานแย่มากเลย” แทนดาวว่าตัวเอง นัยน์ตายังคลอฉ่ำไปด้วยน้ำตา
                “ไม่เป็นไรน่า คราวหน้าเอาใหม่ พี่จ้างครูฝรั่งมาสอนดีมั้ย เอาต้นฉบับของประเทศเค้ามาสอนเลย”
                “ไม่เอา...พี่แฟงก็ดีอยู่แล้ว พี่หมากเนี่ยชอบมองข้ามพี่แฟงอยู่เรื่อยเลย” น้องสาวว่า เทียมภพรีบปฏิเสธ
                “เฮ้ย! พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ แค่คิดว่าถ้าเราได้คนที่เค้ามีประสบการณ์มากๆมาสอนมันอาจจะช่วยน้องพลูได้ คุณแฟงเค้าก็...ดี แต่พี่อยากให้สิ่งที่ที่ดีที่สุดกับพลู” เขาบอกพลางคิดถึงผู้หญิงคนนั้นที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหล่อนจะเข้ามาแทรกอยู่ในทุกอณูของร่างกายแล้ว
                “ก็พี่แฟงนั่นแหละดีที่สุด” หล่อนเถียงพลางจ้องหน้าพี่ชายเขม็ง
                “จ้าๆ พี่ตามใจเราอยู่แล้ว น้องพลูชอบครูคนนี้มากเลยใช่มั้ย?”
                “ค่ะ...ชอบเท่าๆกับที่พี่หมากชอบนั่นแหละ” น้องสาวทำหน้าทะเล้นจนถูกดึงจมูกเบาๆ
                “หืม...พอหายเศร้าก็เซี้ยวเลยนะ นอนซะดีๆ พี่จะได้ไปอาบน้ำแล้วก็เลิกพูดจาเหลวไหลได้ด้วย” พี่ชายรีบตัดบทกลัวว่าขืนอยู่ต่อมีหวังถูกต้อนจนมุมแน่ๆ
                “พี่หมากอยู่กับน้องพลูก่อนไม่ได้เหรอคะ? น้องพลูไม่อยากอยู่คนเดียว” ใช่...ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองต้องการใครสักคนที่สามารถแบ่งรับความรู้สึกอัดอัดนี้ได้และก็มองไม่เห็นใครที่จะดีไปกว่าพี่ชายคนนี้ที่มอบความรักความอบอุ่นให้เสมอมา
                “ได้สิจ๊ะ จำได้มั้ย...ตอนเด็กๆน้องพลูชอบหนีคุณแม่มานอนกับพี่ บอกว่านอนกับพี่แล้วจะไม่ฝันร้าย” เทียมภพทำหน้าเพ้อฝันเมื่อระลึกนึกถึงวันเก่าๆ
                “เพราะว่าพี่หมากมีดาบวิเศษที่สามารถปราบปีศาจร้ายได้ทุกตัว” แทนดาวต่อให้แล้วสองพี่น้องมองหน้ายิ้มให้กันอย่างมีความสุข วันคืนเก่าๆกลับคืนมาอีกครั้ง
                “เฮ้อ...ถ้าอีกหน่อยเราต้องแต่งงานมีเหย้ามีเรือนไปพี่คงเหงาแย่” เทียมภพแกล้งบ่น คนในอ้อมแขนอมยิ้ม
                “พี่หมากก็รีบๆหาคนมาแทนน้องพลูซิคะ แล้วก็รีบแต่งงานมีลูก ไม่นานก็จะได้เจ้าตัวยุ่งคล้ายๆน้องพลูมาแทนกันไง” คนฟังถลึงตาใส่หากแต่ใบหน้าแดงขึ้นเมื่อถูกแม่น้องสาวจอมเซี้ยวแซวเอาตรงๆ
                “พอเถอะ...เลี้ยงเราคนเดียวพี่ก็จะตายอยู่แล้ว เลี้ยงยากเลี้ยงเย็นเหลือเกินล่ะ แค่เอาเวลาไปเป็นห่วงเราอย่างเดียวก็หมดไปแล้ววันนึง” พี่ชายบ่นไม่จริงจังนักพลางกอดน้องสาวแน่นขึ้นด้วยความรักสุดหัวใจ
                “น้องพลูก็อยากให้พี่หมากมีความสุขส่วนตัวมั่ง เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้ไม่รู้ด้วยนะ แก่ตัวมากๆน้องพลูเลี้ยงไม่ไหวหรอก”
                “แล้วเราจะยอมเหรอถ้าพี่คิดจะ ‘มี’ จริงๆน่ะ” พี่ชายลองหยั่งเชิง
                “น้องพลูคิดว่าตัวเองได้รับจากพี่หมากมามากพอแล้ว พี่หมากเสียสละและทำเพื่อน้องพลูตลอดเวลา ถ้าพี่หมากเจอคนที่คิดว่าดีแล้วน้องพลูก็จะยอมรับค่ะ” น้องสาวบอกด้วยสีหน้าจริงจัง เทียมภพลูบผมสลวยอย่างใช้ความคิด
                “เฮ้อ...คนที่พี่จะเลือกมาเป็นพี่สะใภ้เราน่ะ นอกจากจะเป็นคนดีอย่างที่บอกแล้วก็ต้องรักและหวังดีกับเราเหมือนที่พี่รักด้วย หายากจัง...ใครจะมารักเด็กเอาแต่ใจคนนี้ลงนอกจากพี่” เขาจิ้มหน้าผากน้องสาวเบาๆ แทนดาวรู้สึกตื้นตันใจ แต่ไหนแต่ไรมา...พี่หมากก็เป็นคนเดียวที่จะเข้าใจและให้กำลังใจที่สำคัญไม่เคยผิดสัญญาแม้แต่ครั้งเดียว
                “น้องพลูว่าพี่หมากน่ะเจอแล้วแหละแต่ยังไม่แน่ใจตัวเอง” แทนดาวอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
                “ว่าไงนะ? เจออะไรที่ไหน?”
                “เอาเถอะ...ว่าแต่ทีหลังจะซื้อของอะไรให้พี่แฟงก็บอกกันตรงๆสิคะ น้องพลูจะได้เลือกที่หรูๆแพงๆกว่าสร้อยข้อมือนั่น” คำบอกเล่าของน้องสาวทำให้เขาต้องเก้อกระดาก ยัยพลูคงจะเห็นรมณ์นลินสวมสร้อยข้อมือที่เขาซื้อให้
                “ก็...ก็ตอนแรกตั้งใจซื้อให้เพื่อนจริงๆ แต่...พี่จำวันเกิดเค้าผิดเลยให้ครูเราแทน แหม...สอนเรามาตั้งนานก็ต้องมอบของกำนัลให้บ้าง” คนฟอร์มจัดแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
                “ค่า...มัวแต่ไหลไปเรื่อยแบบนี้ คู่แข่งเอาไปกินแน่” คนตัวเล็กบอกอย่างหมั้นไส้พี่ชายปากแข็ง
                “เอ่อ...พี่หมากว่าทำไม...เขาถึงไม่มา?” คนตัวเล็กตัดสินใจถามข้อสงสัยออกไปหวังว่าพี่ชายคงจะให้คำตอบดีๆได้ เทียมภพเจ็บเสียดในอก พอจะเดาได้ว่าที่น้องสาวต้องมีอาการเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ชลธีมาไม่ทันดูการแข่งขัน โทสะที่ข่มไว้ตอนแรกก็เริ่มคุกรุ่นแต่ก็ต้องพยายามกดเก็บมันเอาไว้ เขาจะใช้อารมณ์ตอนนี้ไม่ได้ แทนดาวกำลังอ่อนแอจากความผิดหวัง
                “คงมีงานสำคัญละมั้ง?” เขาตอบสั้นๆ คงจะเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้นับแต่ที่ได้โคจรมาพบกันอีกครั้ง ครั้งแรกและคงเป็นครั้งเดียวที่ไม่พูดจาใส่ร้ายศัตรู
 “เหรอคะ?” แทนดาวเลื่อนศีรษะเกยไหล่หนาพร้อมกับทอดถอนใจ ‘ธุระ’ สำคัญของเขาคืออะไรกันหนอ กับผู้หญิงที่ชื่อลูกปลาใช่หรือไม่?
                “น้องพลู...” เขาอดรนทนไม่ไหวอีกแล้ว พลิกตัวลุกขึ้นนั่งแล้วช้อนร่างอ่อนปวกเปียกของน้องสาวขึ้นมากอดแนบอก “ฟังนะ...น้องพลูเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อม วันนึง...หนูจะได้พบกับคนที่ดีที่สุด” แทนดาวเงยหน้ามองพี่ชาย ซาบซึ้งจนหยาดน้ำตาใสๆไหลออกมาอีกครั้ง
                “ถึงใครไม่รักแต่พี่ก็รัก อย่าไปเสียเวลาคิดถึง ‘คนอื่น’ คนดีของพี่...อย่าร้องไห้ให้กับคนที่มันมองไม่เห็นค่าของเราเลย” เทียมภพบอกน้องสาวด้วยน้ำเสียงเจือความอาทร ความใจหายเกิดขึ้นเฉียบพลันเมื่อเริ่มแน่ใจแล้วว่าน้องสาวคนเดียวกำลังมีความรักและตอนนี้ก็กำลังอยู่ในวังวนของมัน เขาจะช่วยหล่อนได้อย่างไร จะทำอย่างไรไม่ให้น้องสาวต้องเจ็บเหมือนที่ตัวเองเคยเจ็บ
 
ตัวเลขดิจิตอลปนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือบอกเวลาเลยเที่ยงคืนมาครึ่งค่อนชั่วโมงแล้วแต่ชลธียังคงนั่งทอดอาลัยอยู่ในสถานบันเทิงแห่งนี้ เครื่องดื่มสีอำพันมิได้ช่วยผ่อนคลายความทุกข์ใจที่มีให้บรรเทาลงได้  เพียงแค่นึกถึงดวงตาทรงอัลมอนด์รื้นไปด้วยหยาดน้ำตาขณะมองเขาอย่างตัดพ้อ เพียงเท่านี้ก็แทบจะขาดใจด้วยความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจก่อ
“มาคนเดียวหรือคะ? ขอแคทนั่งด้วยนะคะ” สตรีสาวรุ่นในชุดแหวกอกลึกและสั้นจนเห็นปลีน่องขาวสล้างเคลื่อนกายมานั่งข้างๆ กลิ่นน้ำหอมฉุนจัดโชยเข้าจมูกจนน่าวิงเวียน ใบหน้าแต่งแต้มจัดจ้านจนอดคิดเล่นๆไม่ได้ว่าถ้าล้างหน้าออกหมดแล้วหล่อนจะยังจำหน้าตัวเองได้หรือไม่
“เชิญครับ” เขาตอบสั้นๆพลางยกแก้วบรรจุน้ำสีอำพันดื่มไปครึ่งหนึ่ง
“เห็นคุณมานั่งนานแล้ว นึกว่าจะเพื่อนตามมา แสดงว่ามีเรื่องไม่สบายใจเลยต้องมานั่งใช้ความคิดคนเดียวใช่มั้ยคะ?” เจ้าของร่างอรชรห่อหุ้มด้วยอาภรณ์ที่เน้นอวดทรวดทรงถามคู่สนทนาเสียงหวาน ชลธีมองแพขนตาปลอมที่กระพริบไหวแล้วยิ้มให้นิดหนึ่งอย่างรู้จุดประสงค์ที่หล่อนข้ามาพูดคุยด้วย แต่เขาต่างจากบุรุษเคนอื่นตรงที่ไม่นิยมพฤติกรรม One night stand ที่จะหิ้วใครไปนอนด้วยเพียงข้ามคืน อีกทั้งยังร้างราการแสวงหาความสุขทางกายมานานนับแต่ได้รู้จักกับสาวน้อยเจ้าของรอยยิ้มดุจดวงดาว ชีวิตวัยหนุ่มของเขาผ่านเรื่องยากลำบากมานักต่อนักจนไม่ค่อยสนใจอะไรนอกจากการแสวงหาเงินมาเลี้ยงปากท้อง ถ้าไม่ได้เพื่อนรักอย่างเทียมภพก็คงจะไม่มีวันรู้ว่าความอภิรมย์ทางเพศรสนั้นเป็นเช่นไร
 
“นี่...น้องคนนั้นท่าทางจะสนใจมึงว่ะ อยากจัดมะ?” เทียมภพในช่วงวัยหนุ่มคะนองสะกิดถามชลธีในสถานเริงรมย์แห่งหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาสัมผัสกับสถานที่แห่งนี้เพราะเพื่อนรักรบเร้าให้มาเป็นเพื่อนกัน
“ไม่อ่ะ ถ้ามึงชอบก็จีบตามสบายเถอะ” เขามองสาวสวยคนนั้นผ่านแสงสลัว หญิงสาวหุ่นดีหน้าตาดีแบบนั้นน่าจะชอบคนมีเงินมากกว่าที่จะมาสนใจคนมีแต่ตัวอย่างตน
“เฮ้ย...เอางี้ เพื่อเป็นการฉลองวันเกิดครบสิบแปดปี ทัวร์นาเม้นต์แรกของมึง...กูจ่ายเอง” แล้วเทียมภพก็เดินไปหาผู้หญิงคนนั้นอึดใจต่อมาก็พาร่างอรชรมาส่งให้ ความเจนจัดช่ำชองของหล่อนย่อมปลุกเร้าความอยากรู้อยากเห็นของชลธีได้ดี
“อย่าลืมป้องกันตัวนะมึง” เทียมภพกำชับเพื่อนสนิทขณะยัดบางสิ่งบางอย่างใส่มือ
 
ชลธียิ้มมุมปากให้กับอดีตอันซุกซุนของตนเองกับเพื่อนรักแล้วก็หันมามองสาวสวยตรงหน้าที่บรรจงเทน้ำสีอำพันเติมให้
 “พอเถอะ...ผมต้องขับรถ”
“ถ้าไม่ไหวก็นอนพักห้องแคทก็ได้ค่ะ อยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง” สาวทรงโตเชิญชวนอย่างมีความหวัง เล็บที่เคลือบสีดำสนิทกรีดไปตามท่อนแขนกำยำ เขามองริมฝีปากอวบอิ่มฉาบสีกุหลาบที่เผยอแย้มอย่างเย้ายวนแต่ก็ไม่รู้สึกพิศวาสเคลิ้มตามไปด้วย
“ขอบคุณ แต่ผมไม่ชอบนอนค้างอ้างแรมที่อื่น อ้อนี่...ค่าเสียเวลา” เขาวางธนบัตรมูลค่าสูงสุดบนโต๊ะสามใบแล้วรีบลุกออกมาทิ้งให้สาวสวยคนนั้นนั่งมองตาละห้อย
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ยังคงรบกวนจิตใจเหมือนเสี้ยนที่คอยจะยอกทิ่มทุกครั้งที่ขยับตัว ขอเถอะ...ให้เพียงแค่ได้พูดอะไรสักนิดแล้วถ้าหล่อนจะเกลียดเขาไปตลอดชีวิตก็จะไม่ว่า ไม่มีอะไรจะแก้ตัวอีกแล้ว ไม่มีแม้แต่คำขอโทษดีๆเพราะว่าเคยใช้มันไปแล้ว ชายหนุ่มดับบุหรี่มวนสุดท้ายก่อนจะพาเจ้ากระทิงเปลี่ยวกลับบ้านด้วยความกลัดกลุ้ม
เช้าวันรุ่งขึ้นก็ต้องตื่นมาเจอมรสุมสาดใส่อย่างหนัก เริ่มแรกด้วยรมณ์นลินที่แสดงอาการปั้นปึ่งใส่ส่วนมารดาที่เพิ่งขึ้นมาถึงเมื่อวานก็เอาแต่นิ่งเฉย
                “พอเถอะครับ เล่นร่วมมือกันบอยคอตผมขนาดนี้แล้ว สงสัยอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่า” เขาทิ้งตัวลงนั่งระหว่างแม่กับน้องสาว เตรียมตัวรับการสอบสวนเต็มที่
                “เมื่อวานพี่ชลทำน่าเกลียดมาก รับปากน้องพลูไว้แล้วนี่นาว่าจะไปแล้วไหงเป็นงี้ล่ะ?”
                “พี่ก็...” เขาหยุดอยู่แค่นั้น ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี
                “แม่จะไม่ว่าลูกหรอกนะ ไม่ว่าลูกจะไปทำอะไรมาจนไปงานไม่ทันแต่สิ่งที่แม่อยากรู้ก็คือ...ลูกจริงจังกับน้องพลูแค่ไหน?” มารดาถามเสียงอ่อนโยนไม่มีแววโกรธขึ้งอย่างที่คาดไว้
                “แม่...”
                “ตอบแม่ได้มั้ยว่าการที่ลูกเข้าไปใกล้ชิดน้องพลูถึงขนาดอยากหมั้นด้วย มันคือความตั้งใจของลูกเองไม่ใช่เหตุผลตกกระไดพลอยโจน” ชลธีคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบออกมา
                “ผมบอกได้เลยว่าจริงจังเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็น อีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์คือความสงสาร ผมรู้สึกดีๆกับเธอมาก มากแบบที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อนแม้กระทั่ง...แฟนเก่า” เขาเอนหลังผิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย ยิ้มน้อยๆเมื่อพูดถึงหญิงสาวแสนซนคนนั้น
“แล้วที่ว่าสงสารก็เพราะน้องพลูเป็นคนที่มีความฝันไกลแต่ความที่เป็นลูกคนเล็ก ทุกคนรักและหวงมาก ความฝันบางอย่างเลยต้องถูกกดเอาไว้ ผมชอบเวลาที่เห็นเธอยิ้ม แม่เชื่อมั้ย...ผมอดที่จะอารมณ์ดีไม่ได้เวลาอยู่ใกล้ๆ บางครั้งเธอสดใสมากเสียจนผม...อิจฉา” คุณวารียิ้มน้อยๆ เมื่อได้รับฟังความในใจจากบุตรชาย รมณ์นลินไม่ได้เห็นสายตาท่าทางแบบนี้จากพี่ชายบ่อยนัก แทนดาวมีอิทธิพลมากพอที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ถ้าอย่างนั้น...ลูกคงตัดสินใจได้แล้วว่าจะเดินหน้าต่อหรือหยุดไว้แค่นี้...ใช่มั้ยลูก?”
“ผมไม่กล้ารับประกันขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะผมไม่แน่ใจตัวเอง แต่น้องพลู... ผมไม่อยากจะปิดโอกาสที่จะให้เธอได้มีสิทธิ์เลือก มันไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอครับ? ที่พอเธอปีกกล้าขาแข็งพอที่จะออกบิน อยู่ๆผมก็ไปคว้าตัวมาเสียก่อนโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าท้องฟ้านั้นมันกว้างไกลแค่ไหน” เขาหยุดนิดหนึ่งมองหน้ามารดาด้วยสายตามุ่งมั่น
“ทุกสิ่งทุกอย่าง...ผมจะให้น้องพลูเป็นคนตัดสินใจเอง แต่สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันเป็นความผิดของผมทั้งหมดและคนเดียวที่จะช่วยคลี่คลายปมเรื่องนี้ได้ก็คือยัยลูกปลา”
“หืม...ยัยลูกปลาเนี่ยนะ?” คุณวารีเลิกคิ้วมองลูกชายคนโตอย่างคาดไม่ถึง รมณ์นลินเองก็แปลกใจพลางมองไปยังห้องของปาลิดาที่ยังคงมีความสุขกับการนอนหลับยาวในวันหยุดเช่นนี้
 
แทนดาวหน้าง้ำหน้างอออกมาต้อนรับแขก ตอนแรกก็ว่าจะดื้อแพ่งแต่ก็ถูกมารดาก็บังคับให้ลงมาจนได้ เดาได้ทันทีว่าวันนี้เขาคงจะมาพูดแก้ตัวเรื่องเมื่อวานแน่ทีเดียว แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเพราะวันนี้เขาไม่ได้มาเพียงลำพังแต่มีสตรีขาวหมวยแต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มมาด้วย
“สวัสดีค่ะพี่ชลและ...” หล่อนประนมมือค้างรอให้เขาแนะนำสตรีที่ยืนอยู่ข้างๆ
“นี่ลูกปลานะ เป็นญาติที่ระยอง บ้านเราอยู่ติดกัน ตอนนี้ลูกปลามาทำงานที่ธาราด้วย” เขาแนะนำ สตรีทั้งสองเพียงแค่ยิ้มให้กันตามมารยาท แทนดาวเริ่มรู้สึกขัดในใจ “อ้อ...คนนี้นี่เอง...ลูกปลา”
“อายุน่าจะไม่ห่างกันมาก ไม่ต้องเรียกลูกปลาว่าพี่นะ หน้าไม่ได้แก่ขนาดนั้น” สาวหมวยตาชั้นเดียวรีบออกตัว เมื่อเช้ารมณ์นลินสรุปให้ฟังย่อๆว่าแทนดาวคนนี้เป็นใครยิ่งพอเจอตัวจริงก็รู้สึกไม่ถูกจริตอย่างแรง
“ค่ะ...คุณลูกปลา” แทนดาวเน้นหนักขณะเรียกชื่อสตรีที่เพิ่งรู้จักกันกัน
“ลูกปลาอยู่กับพี่เมื่อวานตอนที่น้องพลูโทรไป” เขาเริ่มเล่าเรื่อง แทนดาวสะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างไม่ต้องการมองคนทั้งคู่ “ชิ...ทำเรื่องบัดสีขนาดนั้นแล้วยังจะกล้าพามาเย้ยกันอีก”
“ค่ะ” คำตอบสั้นๆโดยไม่มองหน้าทำให้ชลธีต้องถอนใจ
“ก็ลูกปลาไม่รู้นี่ว่าคุณแทนดาวเป็นใครนึกว่าพวกขายประกัน ตอนนั้นก็มัววุ่นวายจัดการกับคุณปรางที่เมาแอ๋ไม่รู้เรื่องเลยไม่ได้ถามให้ละเอียด” ปาลิดาตอบอย่างไม่ใคร่จะใส่นักแต่นั่นก็ทำให้แทนดาวต้องหันกลับมาตั้งใจฟัง
“เมื่อวานวันเกิดคุณปราง เค้าดื่มจนเมาไม่ได้สติพี่ก็เลยต้องช่วยดูแล ดีที่ลูกปลาอยู่ด้วย พี่รีบสุดๆที่จะไปให้ทันแต่มันสุดวิสัยจริงๆนะ จะให้พี่ทิ้งปรางเมาอยู่ตรงนั้นคงไม่ดี”  ชลธีอธิบายเสียงเครียด แทนดาวมองหน้าเขาอย่างต้องการค้นคว้าหาความจริง
“อ้อ...น้องพลูเข้าใจแล้วล่ะ เท่านี้ใช่มั้ยคะ? น้องพลูไปหาคุณย่าก่อนนะคะ”  คนตัวเล็กลุกออกไป ชลธีกำลังจะลุกตามแต่ปาลิดาก็รั้งแขนไว้
“พี่ชลจะไปไหนอ่ะ? เดี๋ยวเราต้องรีบไปดูหนังรอบเที่ยงกันนะ” ชลธีส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย ปาลิดาต่อรองก่อนออกจากบ้านว่าถ้ายอมมาด้วยจะต้องพาหล่อนไปดูภาพยนตร์ก็เลยต้องตกปากรับคำอย่างเสียมิได้
“แป๊บเดียวน่า..เรารออยู่ที่นี่นะ ห้ามวุ่นวายไม่งั้นจะถือว่าเรื่องไปดูหนังวันนี้เป็นโมฆะ” เขายื่นคำขาด ปาลิดาเลยต้องนั่งลงอย่างเดิมด้วยความขัดใจและกลัวว่าจะอดดูภาพยนตร์
แทนดาวเดินมาที่ศาลาโดยมีชลธีตามมาติดๆ อยู่ในบ้านไม่ค่อยสะดวกนักที่จะพูดเพราะมีบุคคลที่สามอย่างปาลิดาที่ดูออกจะไม่เป็นมิตรอยู่ด้วย การที่เขามาอธิบายเรื่องเมื่อวานถึงสาเหตุที่ทำให้ไปงานไม่ทันยังไม่ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมากนัก
“เข้าใจพี่หรือยัง?” คำถามสั้นๆแต่เต็มไปด้วยความกังวลทำให้แทนดาวลดอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจลงไปได้บ้าง
“ก็ต้องเข้าใจสิคะ มีพยานบุคคลมาช่วยยืนยันขนาดนี้แล้ว”
“แล้วทำไมยังหน้าบึ้งอยู่ล่ะ ยังมีอะไรติดใจอยู่หรือเปล่า?”  เขาถามอย่างสงสัยใคร่รู้ แทนดาวเมินหน้าไปทางอื่นเสีย
“แล้วทำไมพี่ชลต้องไป คือ...ทำไมไม่บอกล่ะคะว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดพี่ปราง”  
“ก็พี่เห็นว่าไม่ได้สำคัญอะไร อีกอย่างพี่แค่เลี้ยงข้าวกลางวันเค้าแต่ก็ไม่น่าปล่อยให้ดื่มจนเมาขนาดนั้นเลย” เขาอธิบาย
“ช่างมันเถอะค่ะ น้องพลูเองก็...คิดมากไปตอนที่คุณลูกปลารับสาย คิดไปว่า...” คนตัวเล็กเกิดอาการกระดากที่จินตนาการอะไรไม่เข้าท่า
“ว่าอะไรเหรอ?” ชลธีแอบยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าเจือความอายของคนตัวเล็ก
“เปล่าค่ะ แหม...คิดไปได้ยังไงว่าน้องพลูโทรไปขายประกัน” แทนดาวรีบบ่ายเบี่ยงไม่อยากให้เขาจับได้ว่าแอบคิดอะไรพิเรนทร์ๆ กิริยานี้เลยเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากชายหนุ่มได้
 “ยิ้มแบบนี้แสดงว่าหายโกรธพี่แล้วใช่ป่ะ?” เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย เห็นได้ชัดว่ามันอิดโรยจนแทบจะเขกตัวเองที่เป็นสาเหตุให้หล่อนต้องร้องไห้
“ก็ไม่ได้โกรธแต่แรก” คนปากแข็งเสก้มมองพื้น
“คงงั้นแหละ ไม่งั้นยังจะสวมไอ้นี่อยู่เหรอ” เขาจับข้อมือข้างที่สวมกำไลขึ้นมาดู
“ไม่เกี่ยวซะหน่อย น้องพลูแค่ลืมถอด” คนตัวเล็กรีบชักมือกลับ หล่อนเริ่มเรียนรู้แล้วว่าการที่ปล่อยให้ตัวเองใกล้ชิดกับคนตรงหน้ามากไปส่วนใหญ่จะถูกเอาเปรียบตอนท้ายทุกที
“ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก...” เขายกมือกอดอกและทำท่าจริงจังมากขึ้น
“จากเหตุการณ์เมื่อวานสอนให้รู้ว่า...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า น้องพลูต้องหนักแน่นให้มากกว่านี้ อย่าฟังความข้างเดียว สงสัยหรือข้องใจอะไรให้ถาม พี่ไม่ลำบากหรอกที่จะต้องเทียวง้อน้องพลูอยู่แบบนี้ แต่พี่ไม่ต้องการให้ความไม่สบายใดๆมาบั่นทอนจิตใจของพลูเอง เข้าใจที่พี่พูดมั้ยคะ?” ชลธีบอกกึ่งสั่งสอนไปในคราวเดียวกัน แทนดาวไม่โต้เถียงอย่างเคยแต่รับฟังเหตุผลนั้นด้วยดี ชลธีพูดถูกแล้ว หล่อนควรจะหัดหนักแน่นและเก็บอารมณ์โทสะทั้งหมดไว้ก่อน มิฉะนั้นแล้วคงไม่พบกับความพ่ายแพ้ง่ายๆอย่างเมื่อวาน
“เข้าใจค่ะ ถ้าน้องพลูไม่หุนหันพลันแล่นและใช้แต่อารมณ์ส่วนตัว เมื่อคืนก็คงไม่แพ้แบบนั้น” แทนดาวยอมรับกับตัวเอง
“นิสัยแบบนี้เนี่ย...ถอดแบบพี่ชายเรามาแน่เลย” เขาบอกพลางจับปัดเส้นผมที่ปลิวระใบหน้าไปทัดเก็บหลังใบหูเล็ก  แทนดาวทำหน้ามุ่ย
“เอ...ว่าแต่ที่งอนขนาดนี้เนี่ยเพราะเมื่อวานโทรมาแล้วยัยลูกปลาเป็นคนรับสาย แสดงว่าน้องพลูหึงพี่ใช่มั้ยคะ?” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ขณะรอฟังคำตอบ
“เปล่าซะหน่อย อ้อ...เมื่อกี้คุณลูกปลาบอกว่าจะไปดูหนังกับพี่ชลไม่ใช่เหรอ รีบไปสิคะ” คนปากแข็งรีบเฉไฉไปเรื่องอื่น
“นี่ก็อีกเรื่อง เมื่อเช้ายัยลูกปลาขอให้พี่พาไปดูหนัง ถ้าไม่พาไปจะไม่ยอมมาด้วย ก็เลยต้องรับปาก” เขาบ่นเบื่อๆ แทนดาวมองหน้าเขาก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“น้องพลูจะช่วยพี่ชลแต่ว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน” หล่อนยิ้มตาพราวส่วนชลธีทำหน้าบอกไม่ถูก
“อะไรกัน? ทำไมใครๆถึงชอบเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับพี่อยู่เรื่อย” ใบหน้าคมสันต์ส่ายไปมาด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ
 
“อะไรนะ? ไม่เอาหรอก ลูกปลาไม่เคยทำ” ปาลิดาปฏิเสธทันทีเมื่อแทนดาวมาชวนไปทำขนมเม็ดขนุนกับคุณย่า
“ก็ลองดูสิ ทำเสร็จแล้วจะรู้ว่ามันอร่อยแค่ไหน” แทนดาวพยายามโน้มน้าว
“ไปเถอะลูกปลา พี่จะไปคุยกับคุณลุงสักเดี๋ยว” ชลธีรีบสนับสนุน เมื่อกี้แทนดาวบอกว่ากำลังจะไปช่วยคุณย่าทำขนมก็เลยชวนลูกปลาไปด้วยเป็นการเลี่ยงไม่ต้องออกไปดูหนัง
“แต่เรื่องดูหนังล่ะ?” ปาลิดายังไม่วายห่วง
“ไปดูวันไหนก็ได้ โรงหนังมันไม่หนีไปไหนหรอก ฝากด้วยนะน้องพลู ลุงธรรมอยู่ในห้องนั่งเล่นใช่มั้ย?” แล้วเขาก็รีบชิ่งไปจากตรงนั้นทำให้ปาลิดาต้องยอมจำนนเสียไม่ได้
 
คุณลำเภาชอบอกชอบใจที่มีลูกมือทำขนมเพิ่มอีกคน ถึงแม้เม็ดขนุนที่สองสาวช่วยกันปั้นจะมีรูปร่างบิดเบี้ยวบ้าง ขนาดไม่เสมอกันบ้างแต่ก็สนุกสนานไปอีกแบบ แทนดาวดูจะพออกพอใจที่ปาลิดาทำท่ากระฟัดกระเฟียดเวลาถูกใช้ให้หยิบจับอะไรก็ตาม ถึงจะเพิ่งเจอกันไม่นานแต่ก็รู้สึกได้ว่าสาวหมวยคนนี้ออกจะเป็นคนตรงๆ พูดจาโผงผางแต่ก็ไม่มีพิษมีภัย
“คบกับพี่ชลมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ?”  จู่ๆปาลิดาก็ถามขึ้นขณะที่กำลังช้อนเม็ดขนุนสีทองน่ากินในกระทะทองเหลือง
“เรียกว่ารู้จักกันจะดีกว่า” แทนดาวตอบเลี่ยงๆ จะคบกันได้ยังไงในเมื่อเจอกันแทบจะนับครั้งได้ ไปเดทด้วยกันยังไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว
“อ้าว! ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้วจะหมั้นกันได้ไง?” สาวหมวยวางกระชอนในมือแล้วยืนกอดอกถามอย่างต้องการค้นหาความจริง
“เรื่องแบบนี้บอกไปลูกปลาคงไม่เข้าใจ อีกอย่าง...มันก็เป็นเรื่องส่วนตัว” แทนดาวจุ่มมือที่เลอะไข่แดงในอ่างน้ำสะอาดเมื่อหย่อนเม็ดขนุนเม็ดสุดท้ายลงในกระทะทองเหลืองที่น้ำเชื่อมกำลังเดือดปุดๆ  คนถูกย้อนหน้าตึงทันทีที่ถูกต่อว่ากลายๆ
“เหรอ? อ้อ...จะบอกอะไรให้ ลูกปลาโตมากับพี่ชล เตี่ยได้หมั้นหมายลูกปลากับพี่ชลเอาไว้ตั้งแต่เด็กๆ เนี่ยนะ...แกไปอ้อนวอนลูกปลาให้มาทำงานด้วย แถมจัดแจงให้นั่งหน้าห้องอีก แล้วตอนนี้ก็อยู่บ้านเดียวกัน เห็นมะ...ความสัมพันธ์ของเราแน่นแฟ้นขนาดไหน” ปาลิดาเล่าอวดๆและดูจะภูมิอกภูมิใจกับเรื่องนี้มาก แทนดาวเพียงแต่นิ่งฟังแล้วแอบหันหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนรอยยิ้ม นี่สินะคือเหตุผลที่รมณ์นลินเคยบอกว่าพี่ชายอัปเปหิตัวเองไปนอนที่ธาราเป็นแรมเดือนเพราะเหตุจำเป็น ก็คงเป็นยัยลูกปลาคนนี้สินะที่ทำให้เขาอยู่บ้านตัวเองไม่ได้
“แหม...โชคดีจังนะคะ” แทนดาวพยายามกลั้นหัวเราะ “แต่ถึงจะหมั้นหมายกันเอาไว้แต่เด็ก ก็ไม่ได้หมายความว่าโตขึ้นมาแล้วจะต้องได้คู่กัน เรื่องแบบนั้นมีแต่ในละครค่ะคุณลูกปลา” แทนดาวเหน็บเบาๆทำให้ปาลิดาหน้าบึ้ง
“อ้าวยัยพลู...เสร็จแล้วใช่มั้ยน่ะ พอดีเลย...พี่เห็นคุณหมออชิเพิ่งมาถึง ไหนล่ะขนม? พี่จะเอาไปให้คุณชล” ปลายเดือนมาตามหาน้องสาว ปาลิดาพิจารณาสตรีสาวสวยที่ออกท่าทางวางอำนาจและดูจะไว้เนื้อไว้ตัวต่างกับแทนดาวมาก
 “ลูกปลายกไปให้เอง” ปาลิดารีบตักขนมแบ่งใส่จานเล็กแต่พอจะยกไปก็ถูกปลายเดือนแย่งไปเสียก่อน
“ลูกปลาไปล้างมือให้หมดกลิ่นควันไฟกลิ่นคาวไข่แดงก่อนจะดีกว่าค่ะ ทางนั้นพี่จัดการเอง น้องพลูด้วยนะคะ อ้อ...แล้วอย่าเพิ่งเข้าไปขัด พวกผู้ใหญ่กำลังคุยกัน” ปลายเดือนเดินลิ่วๆจากไปแล้วทิ้งให้สองสาวมองตามไปอย่างอึ้งๆ
“จะบอกอะไรให้นะลูกปลา ถ้าคิดจะวอร์กับพี่ผึ้ง ต้องไปฝึกฝีมือมาให้กล้าแกร่งกว่านี้ ตัวแม่ก็คือตัวแม่...เคยได้ยินมั้ย?” แทนดาวสะกิดบอกสาวหมวยที่ยังยืนอ้าปากค้าง
 “ผู้หญิงบ้านนี้ทำไมแรงกันจัง” ปาลิดาพูดกับตัวเองแล้วรีบเดินตามไป
 
ชลธีมองภาพหนุ่มแว่นกับสาวน้อยที่นั่งคุยกันอย่างรื่นเริงในศาลาพักผ่อน มันจะไม่กวนอารมณ์เขามากนักหากสาวน้อยที่กำลังหัวเราะร่วนนั่นไม่ใช่คนเดียวกับว่าที่คู่หมั้นของเขา ไม่คิดอีกนั่นแหละว่าอชิตะเองก็ดูเหมือนจะเป็นแขกประจำของที่นี่ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเทียมภพผู้ซึ่งหวงน้องมากดูจะไม่ขวางหมอหนุ่มคนนี้เลย บนโต๊ะเล็กมีสารพัดขนมที่ที่เดาได้ไม่ยากว่าเป็นของฝาก เขาอดค่อนขอดหมอหนุ่มแว่นหนาไม่ได้ที่ตอนแรกเห็นบอกว่าจะมาเยี่ยมอาการคุณที่ยงธรรม แต่ดูเหมือนจะใช้เวลาอยู่กับลูกสาวคนเล็กของท่านเสียมากกว่า
“พี่จะกลับแล้วน้องพลู” เขายืนเรียกอยู่ไม่ไกล สองหนุ่มสาวที่กำลังคุยกันอย่างออกรสหยุดพูดคุยกันทันที
“ค่ะ พี่ชลได้ขนมไปแล้วใช่มั้ยคะ?” แทนดาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหา ชลธีมีสีหน้าเรียบเฉยติดจะบึ้งตึงจนแทนดาวเริ่มหวั่นใจ
“พี่จัดการให้แล้วจ้ะ น้องพลูไปนั่งคุยกับคุณหมอต่อเถอะ เดี๋ยวพี่เดินไปส่งคุณชลเอง” ปลายเดือนตามมาเช่นเคยและเกาะแขนอย่างสนิทสนม มีปาลิดาหิ้วถุงขนมเดินหน้าคว่ำตามมา
“เอ...แล้วไม่เห็นบอกพี่เลยว่าเมื่อวานคุณหมอให้อะไรเราเป็นของขวัญ ไม่เห็นเอามาอวดกันมั่งเลย” คำถามของปลายเดือนยิ่งทำให้ชลธีหน้าบึ้งกว่าเดิม
“ก็...เป็นกล่องดนตรีธรรมดาค่ะ” น้องสาวตอบพี่สาวเสียงเบา ปลายเดือนยิ้มอย่างผู้ชนะ
“น่ารักจริง  คุณชลว่ามั้ยคะ?” หล่อนหันไปมองชลธีที่หน้าหงิกสนิทแล้วก็ส่งยิ้มที่ดูคล้ายเยาะหยันบางๆมาให้น้องสาว
“ครับ คุณหมอช่างมีน้ำใจเสมอ” เขาตอบเสียงเข้มจนคนฟังรู้สึกได้ “ไปกันเถอะลูกปลา เวลายังเหลือ...เราแวะดูหนังกันก่อนได้” คำพูดของชลธีทำให้ปาลิดาที่หน้าตาบอกบุญไม่รับลิงโลดขึ้นมาทันที แทนดาวกัดปากแน่น รู้เต็มอกว่าเขากำลังทำประชด ชลธีปรายตามองไปทางอชิตะที่กำลังมองมาด้วยความสนใจเช่นกันแล้วกันมาพูดกับสาวน้อยตรงหน้า
 
“อ้อ...พี่ว่าขนมฝีมือน้องพลูจืดไปนะ ไม่รู้ว่าลืมใส่น้ำตาลหรือว่าความหวานมันไปอยู่เสียที่อื่นหมด”
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา