ปลูกรักในรั้วใจ

10.0

เขียนโดย อิสวารายา

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.26 น.

  39 ตอน
  0 วิจารณ์
  39.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2559 15.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) ตอนที่ 21 ชมดวงดาว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 21 ชมดวงดาว

 

เปรมยุตามองสาวหมวยที่นั่งทำหน้าแป้นแล้วอยู่หน้าห้องชลธีด้วยความรู้สึกอธิบายยาก อยู่ดีๆวันนี้เขาก็เรียกตัวหล่อนขึ้นมาแล้วแนะนำให้รู้จักกับพนักงานใหม่ แถมยังฝากฝังให้ตนเองสอนงานให้

“นี่ปาลิดาหรือลูกปลานะปราง  เพิ่งมาจากระยองน่ะ บ้านเราอยู่รั้วติดกัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ลูกปลาเค้าอยากมาทำงานกับผม เห็นว่าปรางมีคนน้อยเลยจะให้ลูกปลามาช่วย ยังไงก็ฝากด้วยนะ” เขาพูดแนะนำปาลิดาที่ลิงโลดสุดขีดเมื่อในที่สุดชลธีก็ยอมให้มาทำงานด้วย

“ลูกปลาต้องตั้งใจฟังทุกอย่างที่คุณปรางเค้าสอนนะ แล้วที่นี่น่ะ...ลูกปลามีสถานะเป็นพนักงานเหมือนคนอื่นๆ ห้ามใช้ชื่อพี่ไปอ้างทำเรื่องป่วนล่ะ ไม่งั้นก็ต้องได้รับบทลงโทษตามกฎ แล้วที่สำคัญนะ...ต้องคอยประกบคุณปรางอย่าให้คลาดสายตา” สองสาวจ้องหน้าเขาเมื่อพูดถึงตรงนี้ ชลธีรู้สึกตัวจึงแก้เสียใหม่

“หมายความว่า...ให้ตามไปดูคุณปรางว่าแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง มีอะไรไม่เข้าใจก็ถาม ก่อนเลิกงานก็ต้องเขียนรายงานประจำวันว่าวันนี้เราทำอะไร เจอปัญหาอะไรแล้วก็แก้ไขยังไง”

“งานง่ายๆแค่นี้ลูกปลาทำได้อยู่แล้วค่ะ บอกแล้วว่าหนักเอา เบาสู้ ไม่อู้ด้วย” สตรีหน้าหมวยปากสีส้ม กรีดอายไลเนอร์ขึ้นมาเสียครึ่งเปลือกตารับคำเป็นมั่นเหมาะ

พอแนะนำตัวกันเรียบร้อยชลธีก็ออกไป เขาแอบยิ้มกับตัวเองเมื่อคิดว่าแผนการนี้น่าจะประสบความสำเร็จ จากเหตุการณ์เมื่อวันก่อนทำให้เขากลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเปรมยุตาอีก ยิ่งทำงานที่เดียวกันก็ยิ่งเลี่ยงยาก ดูเหมือนว่าอดีตคนรักจะมีความสามารถพิเศษในตามติดตามเขาไปทุกที่ จนแอบคิดขำๆไม่ได้ว่า หล่อนเอาจีพีเอสมาฝังไว้ในตัวเขาหรือเปล่าถึงได้รู้ความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เขาหวังว่าแผนการเอาปาลิดามานั่งหน้าห้องเป็นด่านสกัดดาวรุ่งนี้จะช่วยกันเปรมยุตาให้อยู่ห่างๆตนเองได้

“ลูกปลาเคยจัดอีเว้นท์มาก่อนมั้ยคะ?” พอคล้อยหลังชลธี เปรมยุตาก็หันมาถามสตรีปากสีสดที่ยังคงส่องกระจกไม่หยุด

“ไม่เคยหรอกค่ะ ตอนอยู่ระยองเตี่ยก็ให้ไปเก็บเงินพวกแม่ค้าที่สะพานปลาอย่างเดียว อ้อ...บอกก่อนนะคะว่าลูกปลาไม่ถนัดงานแบกหามนะ เตี่ยไม่เคยให้ทำงานหนัก แล้วงานที่ต้องออกพื้นที่ไรงี้ก็ไม่ไหวนะคะ ข้างนอกมันร้อน ขอทำอยู่แต่ในห้องแอร์อย่างเดียว” ปาลิดาพูดจบก็หยิบลิปสติกสีเดิมมาปาดเพิ่มเพราะคิดว่ามันเริ่มจะซีด

“อ้าว...เมื่อกี้ยังบอกว่าหนักเอาเบาสู้อยู่เลยนี่?”  

“อืม...แค่พูดไม่จบค่ะ หนักเอา เบาสู้ ไม่อู้ด้วย แต่ช่วยเท่าที่จำเป็น” สาวหมวยลอยหน้าลอยตาตอบอย่างไม่ยี่หระพลางแตะบลัชออนสีพีชลงบนพวงแก้มที่แดงอยู่แล้วให้แดงขึ้นอีก ส่วนเปรมยุตาก็ได้แต่ยืนทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่อย่างนั้น

 

วันเสาร์นี้แล้วที่แทนดาวจะต้องไปแข่งเปียโนรอบชิงชนะเลิศ ดังนั้นตลอดวันที่ผ่านมาก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาซ้อมจนคนในบ้านเป็นห่วงว่าจะเหนื่อยจนหมดแรงไปเสียก่อน รมณ์นลินเองก็บอกแล้วว่าไม่ต้องไปเครียดมากนักแต่ลูกศิษย์สาวผู้มีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมก็ไม่ฟัง คิดแต่ว่าจะต้องได้ออกโฆษณาทีวีให้ได้

                “น้องพลูขอต่ออีกนิดเดียวเอง กำลังจะจบแล้วเชียว” หล่อนท้วงเมื่อพี่ชายที่วันนี้กลับบ้านมาเร็วผิดปกติมาอุ้มตัวไปจากม้านั่งเมื่อรู้ว่าน้องสาวซ้อมเข้มมาสี่ชั่วโมงติดต่อกันแล้ว

                “พักบ้างสิคะ พี่ว่าหนูก็เล่นได้ดีไม่พลาดแล้วนี่นา หรือว่าไงครับ...คุณครู?” เทียมภพหันมาขอความเห็นจากรมณ์นลินที่นั่งอยู่ข้างๆ หล่อนพยักหน้าเห็นด้วยซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน

                “พี่ว่าน้องพลูหักโหมมากเกินไปแล้วนะคะ เดี๋ยวพอถึงพรุ่งนี้จริงๆจะเพลียเอานะ เก็บแรงเอาไว้ใช้วันพรุ่งนี้ให้เต็มที่ดีกว่า” รมณ์นลินเสริม

                “น้องพลูไม่ได้หวังว่าจะชนะหรอกนะคะ แค่อยากทำให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง” ถึงปากจะบอกอย่างนั้นแต่ใจจริงก็อยากจะคว้าชัยชนะเต็มเปี่ยม

                “ฝีมืออย่างน้องพลูเนี่ย...พี่เชื่อว่าต้องได้ซักรางวัลแน่นอนค่ะ” รมณ์นลินให้กำลังใจ เทียมภพมองแล้วยิ้มบางๆ

                “อืม...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมคงต้องให้รางวัลทั้งน้องพลูและคุณครูล่ะสิเนี่ย” คนใจป้ำบอกน้องสาวและเผื่อแผ่สายไปไปที่คุณครูคนสวยด้วย

                “ให้ก่อนไม่ได้เหรอคะ” น้องสาวแกล้งถาม

                “เฮ้ย...ได้ไง ถ้าเราไม่ชนะพี่ก็เสียงเงินฟรีสิ” พี่ชายรีบสกัดดาวรุ่ง

                “นี่คุณแฟง...เดี๋ยววันนี้ผมไปส่งนะหรือจะไปไหนต่อหรือเปล่า?” คนถูกถามเงยหน้ามองเลยทันได้เห็นตาหวานเชื่อมที่ทำเอาหนาวๆร้อนๆขึ้นมาทันที

                “วันนี้พี่ชลจะมารับเองค่ะ” ตาหวานเชื่อมของคนถามเปลี่ยนเป็นไม่พอใจที่ได้ยินชื่อศัตรู                “โอเค...งั้นผมไปทำงานต่อแล้วกัน ขนงานกลับมาอื้อเลย” เขาก้มลงจูบแก้มน้องสาวหนึ่งทีก่อนจะไปทำงานอย่างที่บอก

                “พี่หมากเนี่ยขยั๊น...ขยัน ช่วงหลังนี้ขนงานกลับมาทำที่บ้านประจำ แต่แปลกค่ะ...แกจะกลับบ้านเร็วกว่าปกติถ้าวันไหนพี่แฟงมาที่บ้าน” แทนดาวแกล้งพูดลอยๆเมื่อคล้อยหลังพี่ชาย 

“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ไม่น่าจะเกี่ยวกับพี่นะจ๊ะ” ครูสาวบ่ายเบี่ยงพลางพลิกสมุดโน้ตไปเรื่อย แทนดาวลอบยิ้มกับตัวเอง ประจวบเหมาะกับที่แม่บ้านวัยรุ่นยกแก้วกาแฟกำลังจะเอาไปใช้เทียมภพ

                “แป๋ม...นั่นของพี่หมากใช่มั้ย?” สาวใช้พยักหน้า แทนดาวจึงรีบแย่งถาดกาแฟนั้นมา

“เอามานี่...เดี๋ยวเธอไปเตรียมจัดยาให้คุณพ่อ” สาวใช้พยักหน้าอีกครั้งแล้วเดินออกไป

“น้องพลูก็ว่าจะไปดูคุณพ่อเดี๋ยวนะคะ ยังไงพี่แฟงช่วยยกกาแฟนี่ไปให้พี่หมากหน่อยนะคะ...ห้องเดิมค่ะ” คำว่า ‘ห้องเดิม’ ทำให้คนฟังประหม่า แต่ยังไม่ทันจะว่ากระไรแม่สื่อสาวก็ยัดเยียดถาดกาแฟกับของว่างให้คุณครูถือ

“อ้าว...น้องพลู” รมณ์นลินมองตามหลังลูกศิษย์ที่รีบเดินหลบฉากออกไปอย่างร่าเริง

                รมณ์นลินจำต้องนำของว่างไปเสิร์ฟคนเจ้าอารมณ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ เทียมภพนั่งก่านเอกสารอยู่ในห้องสมุดกึ่งห้องทำงานอันเงียบสงบและหลบสายตาจากทุกคน เขาเลิกคิ้วน้อยๆเมื่อเห็นว่าใครยกกาแฟมาวางตรงหน้า

                “น้องพลูให้เอามาให้ค่ะ” เจ้าของใบหน้านวลตอบคำถามจากสายตาสงสัยนั้นเสียเอง เทียมภพอยากจะตีน้องสาวจอมแก่แดดนี่จริงๆ “จะรู้งานเกินไปแล้วนะยัยพลู”

                “เหรอ...เอามาวางใกล้ๆสิ วางซะห่างใครจะไปหยิบถึง” เขาแกล้งสั่งเสียงดุ คนถูกสั่งมองอย่างไม่พอแต่ก็ย้อมเดินอ้อมโต๊ะมาข้างๆแล้วค่อยๆเลื่อนถาดไปให้ เทียมภพจึงกระตุกร่างบางให้ลงมานั่งบนตัก

                “ว๊าย...คุณหมาก!” รมณ์นลินตกใจที่ถูกคนเจ้าเล่ห์หลอกเอา

                “ป้อนหน่อย” คนตัวโตกอดร่างบางเอาไว้หลวมๆพลางบอกให้คนบนตักหยิบขนมป้อน รมณนลินอึกอัก

                “มีมือก็กินเองสิคะ ปล่อยค่ะ...ฉันต้องไปสอนต่อให้จบ” เจ้าของร่างบางประท้วงและพยายามดิ้นรน

                “พอแล้ว น้องพลูแกซ้อมมาทั้งวัน คุณเองก็ควรพักบ้าง เร็ว...ป้อนหน่อย” คนเอาแต่ใจยังร้องขออยู่อย่างนั้น รมณ์นลินหมดปัญญาขัดขืนจึงเอื้อมมือไปหยิบคุ้กกี้ในจานจ่อให้ใกล้ๆปาก คนตัวโตกัดกินอย่างพึงพอใจแถมยังส่งสายตาแพรวพราวให้คนป้อนไม่หยุดหย่อน ขณะที่ด้านนอก...แม่น้องสาวจอมวางแผนก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่สองคนนั้นป้อนขนมให้กันแล้วเดินเลี่ยงไปปล่อยให้คู่หวานกันจนกาแฟดำที่ขมคอเปลี่ยนเป็นหวานปานน้ำผึ้ง

                แม้เทียมภพจะกินคุกกี้ที่รมณ์นลินเพียรป้อนให้จนหมดจานแล้วแต่ก็ยังไม่คลายอ้อมแขนจากคนที่นั่งซ้อนตักอยู่เพราะว่ากำลังเพลิดเพลินกับการลิ้มรสความหอมหวานละมุนลิ้นจากริมฝีปากบาง....

                 

               

                ชลธีกำลังรีบสะสางงานที่กองพะเนินเทินทึกอยู่บนโต๊ะ การเข้ามาบริหารงานอยู่สองที่จึงต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นสองเท่า ยิ่งทวีกิจด้วยยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ เขากับเทียมภพต้องช่วยกันผลักที่นี่ให้พ้นวิกฤติโดยเร็ว

                “คุณชลคะ ขอเวลาผึ้งสักห้านาทีได้มั้ย?” ชลธีเงยหน้าจากกองงานก็เห็นปลายเดือนยืนยิ้มอยู่หวานอยู่ตรงหน้า หล่อนเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตูซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยชอบนัก

                “มีอะไรด่วนเหรอครับ? พอดีผมกำลังดูแผนบริหารอันใหม่ที่ร่างขึ้นมา” เขาวางงานลงที่เดิมทำท่าเชื้อเชิญหล่อนให้นั่งแต่อีกฝ่ายเดินอ้อมมายืนข้างๆเก้าอี้จนได้กลิ่นน้ำหอมแล้ววางแฟ้มเอกสารในมือทับงานของเขา     

“ผึ้งอ่านตรงไม่ค่อยเข้าใจเลยค่ะ ไม่รู้ว่าคุณชลตีความแล้วเข้าใจตรงกันมั้ย?” ชลลีมองตามที่นิ้วที่ฉาบสีเล็บแดงสดชี้ให้ดู แต่เขารู้ล่ะว่าตรงที่หล่อนอยากจะให้ดูจริงๆเป็นคอเสื้อที่อาจจะ...ตั้งใจก้มต่ำลงมามากเกินความจำเป็น

                “อืม...ตรงนี้ต้องอธิบายยาวเลย เอางี้มั้ย...ถ้าเดี๋ยวค่อยหาเวลานัดมาคุยทีหลัง ตอนนี้ผมขอเคลียร์งานก่อน พรุ่งนี้จะไปดูน้องพลูจะแข่งเปียโนอยากให้งานเสร็จไวๆ” เขาบอกปัดและรีบเบือนหน้าหนีจากคอเสื้อที่อีกฝ่ายพยายามก้มต่ำ

                “ผึ้งก็อยากให้งานเสร็จไวๆเหมือนกันแหละค่ะ พรุ่งนี้จะได้ไปดูน้องอย่างหมดห่วง” ปลายเดือนไม่พอใจขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับน้องสาวมากกว่าตน ตั้งใจก้มลงมากกว่าเดิมจนมั่นใจว่าเขาจะเห็นร่องอกรำไรได้ชัดถนัดตา ผู้ชายร้อยทั้งร้อย...ถ้าเจอแบบนี้แล้วไม่หวั่นไหวล่ะก็...ไม่เป็นเกย์ก็คงเสื่อมสมรรถภาพ

                “เอ่อ...ขอโทษจริงๆครับ ผมขอทำงานต่อนะ” ชลธีถีบเก้าอี้ให้ห่างออกมา รู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก ไอ้จะขับไล่ออกไปตรงๆก็ไม่ได้

                “ผึ้งไม่รบกวนแล้วล่ะค่ะ เอาไว้คุยกันนอกรอบแล้วกัน” หล่อนพูดเสียงเศร้าๆ ชลธีแกล้งทำเป็นจัดข้าวของบนโต๊ะให้เข้าที่เข้าทาง พอปลายเดือนออกไปแล้วก็รีบเดินไปล็อกประตูทันทีแล้วก็กลับมานั่งถอนหายใจแรงๆ

                “อะไรกันเนี่ย!” เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ อยู่ที่โรงแรมก็เจอเปรมยุตาที่ทำท่าจะร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา พอมาที่ทวีกิจก็มีปลายเดือนที่คอยจะยั่วให้ตบะแตกอยู่เรื่อย

 

                ตกเย็นชลธีก็เตรียมจะไปรับน้องสาวที่บ้านทวีกิจไพศาลแต่ก็ต้องมีเรื่องให้ลำบากใจอีกครั้งเมื่อปลายเดือนมารอตรงที่จอดรถประจำของตน

                “คุณชลจะกลับแล้วใช่มั้ยคะ? ผึ้งขอไปด้วยนะ พอดีว่าเพิ่งให้เด็กเอารถไปล้างอัดฉีดค่ะ คงรอคิวอีกนาน” หล่อนบอกเสียงหวาน

                “เชิญครับ” เขาเปิดประตูรถให้อย่างมีมารยาท ปลายเดือนถึงกับเป็นปลื้ม

                “ซื้ออะไรไปเยอะแยะคะนั่น?” หล่อนถามเมื่อเห็นเขาวางถุงสามสี่ใบบนเบาะหลังอย่างระมัดระวัง

                “อ๋อ...ก็พวกขนมจากเบเกอรี่ที่ธารา เอาไปฝากคนบ้านโน้น แล้วก็...ของโปรดของน้องพลู” เขาทอดเสียงอ่อนโยนเมื่อเอ่ยชื่อนั้น ปลายเดือนเม้มปากแน่นพยายามข่มอารมณ์ริษยา

                “คุณชลนี่น่ารักจังเลยค่ะ น่าอิจฉาน้องพลูจัง น้องสาวผึ้งคนนี้น่ะ...แกโชคดีตั้งแต่เกิดแล้วล่ะค่ะ มีแต่คนรุมรักเอาอกเอาใจ แต่ผึ้งนี่สิคะ...บางทีก็แอบน้อยใจ แอบอิจฉาแกบ้าง แต่ผึ้งก็รักแกค่ะและยิ่งดีใจที่แกได้เจอคนดีๆอย่างคุณชล” ปลายเดือนพูดเสียงเศร้าสร้อยหวังจะเรียกความเห็นใจจากอีกฝ่าย ชลธีฟังเงียบๆพยายามครุ่นคิดในสิ่งที่หล่อนพูด จริงอยู่ว่าแทนดาวเป็นน้องเล็กอาจจะได้รับการเอาอกเอาใจมากกว่าใครๆ แต่ที่เห็นอยู่...ปลายเดือนเองก็ได้รับความสำคัญไม่ได้น้อยไปกว่าน้องสาวสักนิด

                “คุณผึ้งพูดเหมือนดูถูกตัวเอง ผมว่าคุณก็ออกจะเก่งนะ...จากที่ได้ร่วมงานกัน คนเรามีดีไม่เหมือนกันนะครับ” ชลธีพูดเป็นเชิงให้กำลังใจขณะจอดติดไฟแดง

                “แต่ถ้าเลือกเกิดได้...ผึ้งก็อยากเกิดเป็นใบพลู อย่างน้อย...แกก็โชคดีในเรื่องความรัก” เกิดความเงียบปกคลุมทั่วห้องโดยสารโอ่โถงนั้น ชลธีไม่มีความเห็นใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้

                “อย่ากังวลไปเลยครับ ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณผึ้งจะต้องเจอคนที่ดีและเหมาะสม คนๆนั้นของคุณผึ้งน่ะมีตัวตนอยู่แล้วล่ะครับ เพียงแต่ว่า...บางทีอาจจะมองข้ามไป” ชลธีบอกอย่างมีความหมายขณะนึกนึกถึงบุรุษที่ชื่อบุรินทร์ที่พบกันครั้งหนึ่งที่โรงพยาบาล ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ชายคนนั้นรู้สึกอย่างไรกับสตรีที่นั่งข้างๆตน  

                “คนๆนั้นก็นั่งอยู่ข้างๆผึ้งนี่ไง” หล่อนรำพึงกับตัวเองในใจพลางลอบมองเขาด้วยความเปี่ยมเสน่หา

                ชลธีเทียบรุจอดอยู่หน้าบ้านใหญ่ในเกือบชั่วโมงต่อมา เสียงเครื่องยนต์ของพาหนะตราดาวสามแฉกไม่ได้ยินไปถึงสมาชิกในบ้านที่กำลังเพลิดเพลินกับเสียงเพลงที่แทนดาวบรรจงเล่นอวดทุกๆคนก่อนถึงวันพรุ่งนี้ พอเข้าไปก็ปรากฏว่าเพลงจบพอดีจนรู้เสียดายที่มาฟังไม่ทัน คนเล่นเพลงลุกขึ้นยืนย่อตัวเป็นการขอบคุณรับเสียงปรบมือแต่พอหันมาเห็นผู้มาใหม่ก็หน้าแดง ชลธียิ้มให้อย่างอบอุ่นพลางมองว่าที่คู่หมั้นด้วยสายตาชื่นชม วันนี้สาวน้อยของเขาสวมชุดกระโปรงสีขาว ผมมัดรวบเป็นหางม้าพาดไว้ที่บ่าข้างซ้ายที่ข้อมือยังสวมกำไลที่เขาให้เมื่อวันก่อน เทียมภพที่รู้สึกว่าคู่อริกำลังจ้องมองน้องสาวไม่วางตาก็รีบเดินมาโอบบ่าอย่างหวงแหน ส่งสายตาพิฆาตกลับไปยังคนมอง                “คุณชลมาพอดี” คุณลำเภาทักผู้มาใหม่พลางเชื้อเชิญให้นั่งลง

                “ผมมารับรมณ์นลินน่ะครับ”

                “พอดีผึ้งเอารถไปอัดฉีดก็เลยมากับคุณชลเสียเลย” เสียงหวานๆทอดส่งไปยังน้องสาวที่กำลังพับสมุดโน้ตเก็บใส่กระเป๋า

                “ดีแล้ว...พอดีเชียว กินข้าวกินปลาด้วยกันซะเลยนะ” คุณเที่ยงธรรมชวน

                “ไม่รบกวนดีกว่าครับ ผมบอกเด็กที่บ้านให้เตรียมกับข้าวไว้แล้ว” เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ พลางมองไปยังสาวน้อยอีกคนที่หลบตาเขาทันทีที่หันไปมอง

                “รบกวนอะไรกัน อีกหน่อยคุณชลก็ต้องมากินข้าวที่นี่บ่อยๆล่ะ” คุณเที่ยงธรรมพูดพลางหัวเราะชอบใจจนเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากทุกคนได้ยกเว้นสามพี่น้อง

                “นะคะ...คุณชล ไหนๆก็มาแล้ว ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันอร่อยออก” ปลายเดือนคะยั้นคะยอและในเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันอย่างนี้แล้วเขาจึงไม่ควรอีกต่อไป

                “เราอย่าไปบังคับมัน...เอ้ย...เค้าเลยครับ ข้าวบ้านเค้าก็มี” เทียมภพโพล่งขึ้นมาแถมยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

                “ถ้างั้นผมก็คงต้องขออนุญาตรบกวนอีกสักมื้อนะครับ” ชลธีมองหน้าคู่ปรับอย่างท้าทาย ฝ่ายนั้นอารมณ์ขึ้นทันทีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำปากขมุบขมิบคล้ายกำลังสาปแช่งอะไรสักอย่าง

                “ผมเอาขนมจากครัวเบเกอรี่ที่โรงแรมมาฝากด้วยนะครับ มีชีสเค้กของน้องพลูด้วยนะ” เขาเลื่อนถุงขนมที่ว่ามาให้ตรงหน้า แทนดาวตาวาวขณะสำรวจขนมหน้าตาน่ากินที่บรรจุในกล่อง

สวยหรูอย่างดี      

“เฮ้ย! นี่แกบังอาจซื้อขนมมาล่อน้องฉันรึไง แล้วไปรู้มาจากไหนฮะ? ว่ายัยพลูชอบกินไอ้นั่น” เทียมภพมองอย่างเอาเรื่องแต่ชลธีไม่สนใจ กลับยิ่งสนุกที่ได้ยั่วให้เต้นเป็นเจ้าเข้า

                “แล้วมันจะอะไรหนักหนาล่ะเจ้าหมาก คุณชลเค้าก็อุตส่าห์มีน้ำใจ ไปเถอะคุณชล...ป่านนี้เด็กตั้งโต๊ะเสร็จแล้วล่ะ” คุณลำเภาตัดบทและนำทุกๆคนไปยังห้องอาหาร เทียมภพยังยืนตีหน้ายักษ์ไม่ยอมไปไหน

                “น้องพลูจ๋า...อยากกินอาหารญี่ปุ่นไหมจ๊ะวันนี้” แทนดาวมองพี่ชายตาเขียว ไม่คิดว่าพี่ชายจะเป็นเอามาก

                “พี่หมากจะบ้าเหรอ ข้าวบ้านมีเยอะแยะ” แล้วก็ก้าวฉับๆออกไปทิ้งให้คนเรื่องเยอะยืนทำหน้าสะอิดสะเอียนอยู่คนเดียวเมื่อรู้ว่ายังไงวันนี้ก็เลี่ยงการร่วมโต๊ะกับคู่ปรับไม่พ้นแน่นอน

                เมื่อรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายแพ้ เทียมภพก็ต้องจำใจยอมนั่งเผชิญหน้ากับคู่อริและไม่ยอมให้ฝ่ายนั้นคุยกับน้องสาวสักคำเดียว ไม่ว่าเขาจะถามอะไรก็ต้องชิงตอบแทนทุกเรื่อง สร้างความรำคาญใจให้ทั้งคนถามและคนถูกถามยิ่งนัก

                “ให้เจ้าพลูพูดเองมั่งเถอะเจ้าหมาก” คุณลำเภาเอ็ดเอาหลังจากทนฟังหลานชาย ‘พล่าม’ อยู่คนเดียวมานาน

                “ก็...แหม น้องพลูของผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่ครับ ไอ้คนถามก็ไม่ดูตาม้าตาเรือ”

                “พี่หมากก็เว่อร์นักเชียว” แทนดาวบ่นพี่ชายอุบอิบพลางเหลือบมองคนนั่งตรงข้าม

                “น้องพลูคงรำคาญแย่ที่มีคนมาตัดสินใจแทนเสียทุกเรื่อง น่าเห็นใจนะครับ” ชลธีเหน็บให้อย่างแรง เทียมภพถึงกับสำลักน้ำแกง

                “นี่แก...” คนชอบหาเรื่องทำท่าฟึดฟัดอยากจะเข้าไปขย้ำอีกฝ่ายเต็มทน ทุกคนรอบโต๊ะต่างสบตาและยิ้มให้กันด้วยความสะใจเล็กๆที่คนชอบหาเรื่องถูกตอกกลับเอาบ้าง

                “พี่ชลลองชิมปลาหมึกนึ่งนี่ดีกว่า ผึ้งตักให้นะคะ” เทียมภพกับแทนดาวมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกต่างกัน คนแรกออกจะขัดใจที่เห็นน้องสาวคนรองเอาใจศัตรูจนออกนอกหน้า ส่วนอีกคนใจแปลบขึ้นมาเฉยๆที่มีคนมาเอาใจ ‘ว่าที่คู่หมั้น’ ต่อหน้าต่อตา

                “ตักให้พี่ด้วยสิ พี่ก็ชอบปลาหมึกเหมือนกันนะ” คนขี้อิจฉาเรียกร้องความสนใจจากน้องสาวคนรองบ้าง ปลายเดือนรำคาญแต่ก็ต้องทำตามเพื่อตัดปัญหา รมณ์นลินแอบยิ้มที่เห็นเทียมภพอยู่ไม่สุข ดี...โดนซะบ้าง ป่วนคนอื่นมามากแล้วนี่

                “น้องพลูอยากทานขนมแล้วค่ะ” พออิ่มปุ๊บ คนตัวเล็กก็ร้องหาของหวาน ขนมหน้าตาน่ากินหลายชนิดปรากฏแก่สายตาแล้วเจ้าตัวก็เลือกที่จะจัดการกับชีสเค้กของโปรดก่อนเป็นอย่างแรก แต่ยังไม่ทันตักเข้าปากพี่ชายตัวดีก็แย่งช้อนไปเสียก่อน

                “อย่าเพิ่งกินนะ เผื่อในนี้มียาพิษล่ะ” ทุกคนทำหน้าเหรอหรากับสิ่งเป็นไปไม่ได้ที่ได้ยิน

                “ท่าจะเป็นเอามาก งั้นพี่หมากก็ลองกินก่อนสิคะ ถ้ามียาพิษจริงๆล่ะก็...พี่หมากนั่นล่ะเดี้ยงก่อนเลย” น้องสาวบอกอย่างรำคาญ คนคิดมากมองคนนั้นทีคนนี้เพื่อหาแนวร่วม คิดว่าน่าจะมีใครสักคนเห็นด้วยกับตน แต่อนิจจา...ไม่มีใครคิดอะไรเพี้ยนได้เท่านี้อีกแล้ว

                “ถ้าน้องพลูท้องเสียเพราะขนมของแกนะ ฉันจะฆ่าแกเดี๋ยวนี้เลย” เทียมภพอาฆาต

                “พี่หมากเนี่ย...เรื่องเยอะที่สุด” น้องสาวส่ายตาพลางตักขนมเข้าปาก

                “อื้ม...อร่อยจัง พี่หมากลองชิมดูสิคะ” แทนดาวอยากแกล้งพี่ชายบ้างเลยทำท่าจะป้อน คนที่เกลียดพวกขนนมที่จำพวกเค้กครีมเยอะๆจับใจส่ายหน้าดิก

                “ไม่อ่ะค่ะ...ดูท่าทางคงเลี่ยนน่าดู” คนพูดไม่พูดเฉยๆยังทำหน้าตาสยดสยอง ทุกคนต่างยิ้มอย่างเอ็นดูกับการกระทำของสองพี่น้อง อยากรู้ว่าแทนดาวจะจัดการพี่ชายจอมรั้นยังไง

                “กินหน่อยสิคะ น้องพลูป้อนแล้วไง...นะคะ อั้มเร็ว” พอถูกคะยั้นคะยอหนักเข้าก็ต้องจำใจทำตาม รู้สึกเสียหน้าที่สุดที่ต้องพ่ายแพ้ยอมกิน ทุกคนต่างเก็บอาการขำเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทนของคนเกลียดของหวาน

                อาหารมื้อเย็นผ่านไปด้วยรอยยิ้ม เทียมภพยังไม่หายจากอาการมึนตึงกับเสียหน้าที่ถูกบังคับให้กินขนมก็ไปนั่งทอดอาลัยอยู่คนเดียวเงียบๆที่สนามหญ้าเงียบๆ คนนั่งเหม่อเห็นเงาอะไรตะคุ่มๆอยู่ข้างหลังจึงหันไปมองก็เห็นบุรุษร่างสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ในเงามืด เขาหันหน้ากลับทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นใคร

                “แกคงไม่คิดว่าฉันแกล้งหรอกนะ” ชลธีเอ่ยขึ้นเมื่อมาหยุดยืนข้างๆ เทียมภพไม่ตอบเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องอะไร ก็ระหว่างตนเองกับชลธีนั้น...มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นทั้งน่าจดจำและไม่น่าจดจำ

                “ฮึ...แกจะทำอะไรฉันได้วะ” คนตอบทำเสียงดูถูกหากแต่ในใจกลับคิดหนักจึงควักบุหรี่ต่างประเทศในกระเป๋ามาจุดสูบเหมือนต้องการยุติบทสนทนาทั้งปวง ชลธีทำตามบ้าง ต่างคนต่างพ่นควันปลดปล่อยอารมณ์กันไปคนละทาง

                “ก็หลายอย่างอยู่ เพียงแต่ว่าฉันเลือกที่จะไม่ทำ” ผู้มาใหม่ตอบด้วยเสียงเย็นชาเหมือนหน้าตา เทียมภพยืนขึ้นแล้วก้าวมายืนใกล้ๆแต่ก็ยังมองออกไปคนละทาง

                “บอกตรงๆว่าฉันไม่ไว้ใจแก” เทียมภพเงยหน้าพ่นควันไปในอากาศแล้วบอกสิ่งที่อยู่ในใจ

                “ขอเหตุผลหน่อยสิ”

                “ความจริงฉันไม่จำเป็นต้องคุยดีๆกับแกหรอกนะ แต่ไหนๆแล้วก็นะ...แทนดาวอาจจะหลงผิดคิดว่าแกเป็นคนดีเพราะเธอไม่เคยได้ใกล้ชิดผู้ชายคนไหนมาก่อนนอกจากแก” เทียมภพพูดตรงๆ

                “ถ้าแกคิดเล่นๆกับเธอ ฉันขอร้องล่ะ...หยุดเสียเถอะ แทนดาวคือชีวิตของฉัน รักเธอมากกว่าอะไรทั้งหมด ทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอไปเป็นของเล่นของใคร แกทำร้ายปรางคนเดียวก็มากเกินพอแล้ว อย่าทำร้ายดวงใจของฉันอีกเลย” เทียมภพเม้มปากแน่น พยายามข่มกลั้นความรู้สึกขมขื่นเมื่อคิดถึงสตรีคนแรกที่เคยมอบความรักจนหมดใจ

                “ฉันก็จะย้ำคำพูดเดิม ฉันไม่เคยเห็นใบพลูเป็นของเล่น ถ้าคิดแบบนั้นจริงๆแกคิดหรือว่าคนอย่างฉันจะยอมลงทุนเพื่อเธอขนาดนี้ ที่สำคัญนะ...ฉันไม่เคยทำร้ายปรางแบบที่ถูกตราหน้ามาเกือบสิบปีด้วย” ชลธีพูดหนักแน่นพร้อมกับขยี้บุหรี่ที่เหลืออย่างแรงราวกับจะใช้มันเป็นเครื่องระบายความโมโห

                “เดี๋ยวก่อน...” เทียมภพเรียกเพื่อนแค้นไว้เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะเดินไป “แล้วทำไม...ปรางถึงทำแบบนั้นล่ะ? ถ้าแกไม่ปฏิเสธเรื่องที่เธอท้องแล้วก็ทิ้งเธอไป แกคิดว่าฉันโง่หรือไง? ผู้หญิงแสนดีอย่างปรางไม่กล้าทำอะไรขนาดร้ายแรงแบบนั้นหรอก” เทียมภพกระชากเสียงถาม

                “ถ้าปรางเค้าบอกแกอย่างนั้น...ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก แต่ที่จะไม่ปฏิเสธก็คือ...ฉันเคยรักเค้า รักมากพอๆกับที่แกรักนั่นแหละ!” ชลธีหันกลับมาช้าๆดวงฉายประกายแกร่งกล้า เทียมภพตรงเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายโดยที่ชลธีไม่ปัดป้อง

                “งั้นบอกฉันมาสิ! ว่าเรื่องมันเป็นยังไง? บอกความจริงมาสิโว้ย!” เทียมภพตะโกนก้อง ชลธีมองเพื่อนด้วยสายตาตัดพ้อ

                “หมาก!...ทำไมแกเชื่อใจฉันทั้งๆที่เราเคยเป็นเพื่อนซี้กัน หนำซ้ำเราก็เคย...รัก...ผู้หญิงคนเดียวกัน แกคิดว่าฉันจะทำเลวๆกับผู้หญิงที่ตัวเองรักแบบนั้นได้เหรอ? แกทำไม่ได้...ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน” ชลธีตะโกนกลับด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าอัดอั้นตันใจอย่างที่สุด

                “ไอ้ชล! แกก็รู้ว่าฉันรักปรางมากแค่ไหน ถึงจะเป็นรักฝ่ายเดียวก็ยอมมาตลอด ไม่ว่าฉันจะมีทุกอย่างครบสมบูรณ์กว่าแก...แต่เธอก็ไม่เคยสนใจ แล้วทำไมแกถึงไม่รับผิดชอบเค้า มาตอนนี้...แกก็กำลังจะทำกับใบพลูแบบเดียวกันใช่มั้ย?” เทียมภพคาดคั้น

                “ฉันไม่เคยทำบ้าๆนี้กับใครทั้งนั้น ไอ้หมาก!...ถ้าไม่เชื่อใจกันก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ที่สำคัญนะ...ฉันก็ไม่เลิกยุ่งกับใบพลูแน่ๆ!” ชลธีประกาศกร้าว

“แล้วถ้าแกจริงใจกับรมณ์นลิน...ก็อย่าทำให้เธอต้องร้องไห้อีก ไม่งั้นฉันเอาแกตายเหมือนกัน”  เขาบอกเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยความเอาจริงเอาจัง  เทียมภพทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมเอามือกุมขมับ คาดไม่ถึงว่าอดีตเพื่อนจะรู้แล้วว่าตนเองคิดอย่างไรกับรมณ์นลิน เขาไม่ต้องการให้รมณ์นลินกลายเป็นข้อต่อรองเพื่อแลกกับแทนดาว ถ้าหากทำอะไรไม่ดีกับหล่อนแทนดาวก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย เริ่มเข้าอกเข้าใจอดีตเพื่อนขึ้นมาทีละน้อย เขาเกลียดชลธีแต่ก็เลิกยุ่งกับรมณ์นลินไม่ได้เหมือนกัน!

 

                เจ้าของใบหน้าคมสันต์พาร่างสูงตระหง่านเดินกลับมาด้วยจิตใจขุ่นมัว เขาจะรีบไปลาคุณลำแต่ยังไม่ทันจะเข้าบ้านก็เห็นสาวน้อยที่เฝ้าคิดถึงมาทั้งวันยืนด้อมๆมองๆเหมือนรอใครอยู่ ตอนนี้หญิงสาวอยู่ในชุดนอนตัวยาวเรียบร้อยสวมเสื้อคลุมทับมิดชิด ผมยาวสลวยเกือบจรดเอวปล่อยกรุยกรายเคลียเต็มแผ่นหลัง แม่ตัวจุ้นของเขาคงกำลังเตรียมตัวเข้านอนตามคำสั่งพี่ชายแต่ก็แอบขัดคำสั่งตามเคย

                “พี่ชลไปไหนมาเหรอคะ? ไม่เห็นอยู่ข้างใน เห็นแต่พี่แฟง” หล่อนเดินเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่หรืออาจจะเป็นแป้งก็ได้

                “พี่ไปเดินย่อยอาหารมาน่ะครับ ทานซะเยอะเลยวันนี้ กับข้าวบ้านน้องพลูนี่อร่อยจริงๆ”

                “คุณย่ากับคุณแม่ทำค่ะ โชคดีที่พี่ชลได้ทานฝีมือท่าน ถ้าเป็นฝีมือน้องพลูคงกินไม่ลงแน่ๆ พี่หมากรู้ดีค่ะเพราะว่าน้องพลูชอบทำแล้วบังคับให้พี่แกเป็นหนูทดลองยาทุกที” แทนดาวเล่าไปขำไป

                “เอาเถอะ...ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆพี่จะพยายามทนนะครับ” เขาล้อ แทนดาวย่นจมูกใส่ก่อนจะเหลือบไปเห็นพี่ชายเดินหน้ายุ่งเข้ามา

                “น้องพลูว่าตอนนี้หลบก่อนดีกว่าค่ะ พี่หมากมาแล้วเดี๋ยวจะเป็นเรื่อง” แล้วก็เดินซอยเท้าเร็วๆนำไปยังห้องทำงานของพี่ชายที่อยู่หลบมุมอยู่อีกปีกหนึ่ง แอบดูจนแน่ใจแล้วว่าเป้าหมายเดินทางอื่นจึงหันมาคุยกับเขาต่อ

                “ขอบคุณพี่ชลเรื่องขนมแล้วก็ขอโทษแทนพี่หมากด้วยค่ะ บางทีแกอาจจะพูดอะไรไม่เข้าหูไปบ้าง” แทนดาวยิ้มเจื่อนๆเมื่อนึกถึงเรื่องที่พี่ชายเสียมารยาทบนโต๊ะอาหาร

                “ไม่เป็นไรเลยครับ พี่ชินแล้วล่ะ” เขาตอบอย่างอารมณ์ดี

                “แล้วชลจะไปดูน้องพลูมั้ยคะ?” คนตัวเล็กพยายามซ่อนประกายแห่งความหวังเอาไว้แต่ก็ปิดไม่มิด ก็มันแสดงออกทั้งทางสายตาและใบหน้าออกขนาดนั้น คนถูกถามทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ให้คำตอบแบบที่ทำให้คนรอหน้าแห้งไปในทันที

                “พี่คงไม่ไป” แทนดาวเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาตัดพ้อแต่ก็ว่าอะไรไม่ได้เพราะมันสิทธิ์ของเขา ฝ่ายคนขี้แกล้งก็แอบอมยิ้มมองคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู นอกจากหลอกง่ายแล้วยังหวั่นไหวง่ายอีกแน่ะ

                “อย่าทำหน้าบึ้งอย่างนั้นสิคะ พี่ยังพูดไม่จบเลย” เขาเชยคางคนแสนงอนจนสบตากันและใช้คำพูดอ่อนหวานเมื่ออยู่กันสองคน

                “พี่บอกว่า ไม่ไป...ได้ยังไงกันล่ะ” คนยิ้มเจ้าเล่ห์เลยถูกหยิกหมับเข้าให้ที่ต้นแขน คนถูกหยิกเลยเลยดึงแขนให้เข้ามาหาตัว แทนดาวหันกลับมาอย่างไม่พอใจเรื่องอะไรจะมาจับมือถือแขนกันง่ายๆเล่า

                “อย่าเพิ่งตาเขียวสิคะ แล้วก็อย่าเพิ่งด่าพี่ว่าเป็นนักฉวยโอกาส เรายังคุยกันไม่จบเลย” เขารีบซุกมือในกระเป๋ากางเกงเมื่ออีกฝ่ายมองมาอย่างไม่ไว้วางใจ

                “น้องพลูไม่มีไรแล้วนี่คะ จะไปนอนแล้วด้วย” 

                “เดี๋ยวสิ...พี่ยังไม่ได้ค่าขนมเลยนะ” เขายิ้มอย่างมีเลศนัย

                “ค่าขนมเหรอ...อี๋...คนอะไรขี้งกชะมัด” หญิงสาวยื่นปากต่อว่าไม่จริงจังนัก

                “ไม่ใช่เงินซะหน่อย ที่พี่บอกน่ะ...แบบนี้ต่างหาก” ชลธีเดินยิ้มเข้ามาใกล้แล้วเอียงแก้มข้างหนึ่งมาให้ แทนดาวเข้าใจทันที

                “อื้อ...ไม่เอาแล้ว น้องพลูหอมแก้มพี่หมากได้คนเดียวเท่านั้น” คนถูกขอส่ายหน้าดิก ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน

                “น่า...ตอนนี้ก็เพิ่มพี่ไปอีกคน เร็วสิคะว่าที่คู่หมั้น” หล่อนรู้สึกเขินขึ้นมาทันทีกับสรรพนามที่เขาใช้เรียก

                “ไม่เอาค่ะ”

                “นะคะ...สงสัยจะต้องให้บังคับ หอมแก้มพี่ซะดีๆหนึ่งที ไม่งั้น...” เขาแกล้งทำท่าทีขึงขัง แทนดาวรู้สึกกลัวเพราะตอนนี้เท่ากับเสียเปรียบ ไม่น่าพามาที่ห้องนี้เลย “แต่เอาเถอะ...คิดซะว่าเป็นพี่หมากก็แล้วกัน”

                หญิงสาวเขย่งปลายเท้าจนสุดแหงนหน้าแตะปลายจมูกเล็กกับแก้มสากๆเร็วๆหนึ่งครั้งแต่เหมือนยังไม่ถูกใจคนขอที่รีบตวัดแขนรวบเอวบางเอาไว้ประชิดตัว แทนดาวเบิกตากว้างก่อนจะเริ่มต้นดิ้นรน

                “ปล่อยนะ! จะทำอะไรเค้าน่ะ” หล่อนร้อง เขาคลายวงแขนออกเป็นโอบเอวไว้หลวมๆ

                “พี่ไม่ทำอะไรหรอก แค่ขอชื่นใจนิดหน่อย” เขาตอบหน้าตายแต่คนถูกกระทำนี่สิ...เครียด

                “แต่นี่มันบ้านน้องพลูนะ”

                “พี่รู้...ถึงได้ทำแค่นี้ไง” แทนดาวตาโต อ้อ...ถ้าเป็นบ้านเขาเองคงจะทำมากกว่านี้ล่ะสิท่า

                “ฉวยโอกาสอีกแล้ว” หล่อนแหวแต่ก็หน้าแดงพยายามหลบซ่อนให้พ้นจากสายตาซอกแซกนั่น

                “ได้โปรดเถอะครับ...พี่ขอแค่นี้ น้องพลูไม่รู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหน เราเป็นคู่หมั้นกัน แต่พี่แตะน้องพลูไม่ได้เลย แค่จะหาโอกาสคุยกันอย่างนี้ก็แทบจะหาไม่ได้อยู่แล้ว เว้นเสียแต่ว่า...น้องพลูจะรังเกียจ บอกพี่มาสิ...แล้วจะไม่มาให้เห็นหน้าอีก” เขากระซิบชิดหน้าผากมน แลปกใจกับความรู้สึกของตัวเองทำไมนะ...หัวใจมันถึงเต้นแรงขนาดนี้

                “เปล่านะคะ น้องพลูไม่ได้รังเกียจพี่ชล เพียงแต่ว่ายังไม่ค่อยคุ้นกับ...กับพี่ชลเลย” คนตัวเล็กเลื่อนมือที่พยายามแกะมือหนานั้นออกมายันอกเขาไว้ โชคดีที่เลือกเสื้อนอนกับเสื้อคลุมตัวนี้มาสวมเพราะเนื้อผ้านั้นหนานุ่ม สามารถกั้นหล่อนกับเขาไม่ให้ใกล้ชิดกันแนบแน่นเกินไป ช่วยได้เยอะเลย...

                “พี่รับรองด้วยเกียรติเลยว่ามันจะไม่เกินเลยไปกว่านี้ พี่บอกแล้วนี่ว่าจะรอและให้น้องพลูเป็นคนตัดสินใจเองเมื่อถึงเวลา” เขาพูดอ่อนโยนพลางเอานิ้วพันเส้นผมสลวยเล่น

                “ผมน้องพลูสวยจังเลย นุ่มมือดี ไม่เคยตัดเลยสิเนี่ยถึงได้ยาวขนาดนี้” เขาลูบมือไปจนสุดความยาวของเส้นผม มองมันอย่างหลงใหล...

                “พี่หมากไม่ให้ตัดค่ะ แต่ก็ต้องคอยเล็มปลายผมไว้ พี่หมากหวงมากนะเนี่ย ไม่ค่อยชอบให้ใครมาเล่นผมน้องพลูหรอก” แทนดาวอธิบายแต่ก็แอบดีใจอยู่เล็กๆที่เขาชอบ  แขนแข็งแกร่งยังคงรัดเอวเอาไว้กันคนตัวเล็กอาศัยจังหวะดิ้นพรวดพราดออกไป แทนดาวต้องยอมจำนนอยู่ในอ้อมกอดใหม่นี้

                “ขอหอมได้มั้ยครับ? ท่าทางคงหอมน่าดู” เขายังคงจับจ้องเส้นผมสลวยที่จับมาปอยหนึ่ง เจ้าของเส้นผมยาวสวยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าเพราะคิดว่าเขาคงอยากจะดมพิสูจน์กลิ่นเส้นผม ไม่รู้สึกตัวเลยว่าถูกคนเจ้าเล่ห์หลอกค้ากำไรเกินควรอีก พอได้รับอนุญาตก็รีบฉกจมูกโด่งกดฝังแรงๆตรงแก้มข้างหนึ่งแล้วสูดกลิ่นหอมอ่อนๆเก็บเข้าปอดฟอดใหญ่ คนถูขโมยหอมมัวตกใจทำหน้าเหวอแต่ก็สายไปเสียแล้ว

                “พี่ชลขี้โกงอีกแล้ว ทำแบบนี้อีกแล้วนะ!” คนตัวเล็กพยายามดันร่างหนาของเขาให้ออกห่าง รู้สึกว่าแก้มข้างนั้นจะชาไปทั้งแถบจนต้องยกมือลูบเบาๆเพื่อให้แน่ใจว่ามันยังอยู่ดี ไม่ได้ละลายหายไปกับความร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

                “โกงตรงไหน พี่ขอหอมอย่างเดียว ไม่ได้เจาะจงนี่นาว่าตรงไหน” เขายิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้สิ่งที่ต้องการสมใจปรารถนา แทนดาวหน้าบึ้งที่เสียทีให้อยู่เรื่อย

                “พี่ขอโทษ...ก็มันอดไม่ไหวนี่นา ไม่มาลองเป็นพี่มั่งไม่รู้หรอก” ปลายนิ้วเรียวดุจสตรีเชยคางมนขึ้นมาอีกครั้งแล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าแก้มทั้งสองข้างแดงปลั่งจนอดไม่ได้ที่จะเอานิ้วแตะแผ่วเบา

                “ใบพลู...รู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองน่ารักขนาดไหน พี่ยอมทุกอย่าง...แม้แต่เจ็บตัวเพียงแค่ให้ได้เห็นเสี้ยวหน้า” เขากวาดตามองไปทั่วใบหน้าหวานละมุนราวกับจะประทับเอาไว้ในความทรงจำ

                “พี่จะไม่บังคับ...ถ้าน้องพลูปฏิเสธ แต่ตอนนี้...เวลานี้น้องพลูเป็นของพี่ครึ่งนึงแล้ว อย่าใจร้ายกับพี่นักเลย...นะคะคนสวย” เขากระซิบข้างๆหูก่อนจะก้มหน้าลงสูดดมความหอมจากเส้นผมเรียบลื่นราวเส้นไหม

แทนดาวยืนนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกดและรู้สึกเหมือนห้องทั้งห้องว่างเปล่า ส่วนตนเองกับเขาล่องลอยไปอยู่อีกที่หนึ่ง ที่ซึ่งมีแต่ประกายแสงดาวทอระยิบระยับ ความรู้สึกสุขประหลาดล้ำวิ่งแล่นไปทั่วร่างกาย เป็นของเขาครึ่งหนึ่ง...นี่เขากำลังแสดงความหวงแหนตนเองอยู่หรือไม่?

                “กลิ่นดอกไม้นี่นา...หอมชื่นใจจัง” พอถอนจมูกจากเส้นผมแล้วก็วาดไปยังแก้มอีกข้างที่ยังไม่ถูกรุกรานในตอนแรก แทนดาวหลบไม่ทันเลยต้องพลาดท่าให้อีกครั้ง

                “อื้อ...อีกแล้วเหรอเนี่ย”  คนถูกรังแกยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาทาบแก้มที่ถูกประทุษร้าย

                “จำไว้นะ...ถ้าพี่ชลเล่นมุขนี้อีกครั้งหน้า น้องพละบิดให้เนื้อหลุด” คนตัวเล็กหยิบหมับเข้าให้ที่ต้นแขนจนคนถูกกระทำต้องนิ่วหน้าแต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ชายหนุ่มมองตามร่างอุ่นที่กอดอยู่เมื่อครู่ด้วยความรู้สึกสุขเปี่ยมล้นที่ก่อเกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มันเป็นความสุขอย่างที่ไม่เคยได้รู้รสมาแปดปีแล้ว

แทนดาววิ่งเอามือทาบแก้มไปตลอดทางจนถึงห้องแล้วคว้าตุ๊กตาจิงโจ้ขึ้นมาดึงหูดึงหางหวังจะใช้ระบายอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นอยู่ภายในจิตใจ ถ้าเจ้าจิงโจ้มันมีชีวิตล่ะก็ มันคงบอกว่าเจ้านายของมันว่าเขินแล้วพาลนี่หว่า... ดูเถอะ...เมื่อกี้ก็ถูกเอาเปรียบไปตั้งเยอะแยะแถมยังมาตีหน้าตายใสซื่ออีกแน่ะ ได้แต่ตั้งปณิธานกับตัวเองว่า “พี่ชลจอมเจ้าเล่ห์เล่นบ้าๆอีกแล้ว...คราวหน้าจะต้องไม่ถูกหลอกอีกแน่”

               

“ยังไม่นอนอีกเหรอคะ เห็นไฟยังเปิดอยู่” เสียงนุ่มนวลที่คุ้นเคยดังขึ้นพร้อมๆกับประตูห้องที่ถูกเปิดเข้ามาทำให้แทนดาวหยุดทารุณกรรมเจ้าจิงโจ้ผู้น่าสงสาร เห็นพี่ชายเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเครียดๆ

                “โหย...ใครจะไปนอนหลับล่ะคะ เพิ่งจะสามทุ่มครึ่งเองนะ” แอบค้อนเล็กๆให้พี่ชายแต่อีกใจหนึ่งก็เต้นระส่ำ พี่หมากจะรู้มั้ยเนี่ยว่าก่อนหน้านี้ไปทำอะไรมา

                “เป็นเด็กเป็นเล็กนอนดึกไม่ดีนะรู้มั้ย? แล้วพรุ่งนี้ก็จะมีงานแล้วด้วยจะมาถ่างตาอยู่เป็นนกฮูกได้ยังไง” พี่ชายบ่นงึมงำพลางกอดคนตัวเล็กไว้แนบอก แทนดาวมองหน้าพี่ชายด้วยความเป็นห่วงกับท่าทีหงอยๆซึมๆนั้น เมื่อเย็นยังเห็นทำกร่างข่มศัตรูอยู่เลยแล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ทำท่าซึมกะทือเหมือนโดนงูเชือกกล้วยงั้นแหละ

                “น้องพลูไม่เด็กแล้วนะคะ พี่หมากชอบว่าน้องพลูเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย” คนตัวเล็กพูดงอนๆ

                “หนูเป็นเด็กเสมอสำหรับพี่” คนพี่ผลักน้องสาวให้นอนลงและกำลังจะดึงผ้าห่มมาคุลมให้แต่คนน้องก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอีก

                “แล้วพี่หมากเป็นอะไรไปคะ ทำท่าเหมือนคนไม่สบายเลย...หรือว่าจะไม่สบาย” น้งสาวเอาหลังมืออังหน้าผากพี่ชาย อุณหภูมิที่วัดได้จากความรู้สึกนั้นไม่ร้อนรุมจนถึงขนาดว่าเป็นไข้ได้ เทียมภพจับมือน้องสาวมากอบกุมไว้ จากการปะทะคารมกับคู่อริเมื่อตอนค่ำก็กลัดกลุ้มครุ่นคิดแต่เรื่องนั้นจนพาลให้เครียดจัด คิดว่าจะทำอย่างไรดีถึงจะกัน ‘ไอ้นั่น’ ให้อยู่ห่างๆจากน้องได้ในเมื่อฝ่ายนั้นรู้แล้วว่าตนเองก็คิดไม่ซื่อกับรมณ์นลินด้วยเหมือนกัน เขากลัวว่าแทนดาวก็อาจจะอยู่ในฐานะตัวประกันซึ่งเขาไม่มีวันยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน

                “พี่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะ แค่เหนื่อยเท่านั้นเอง” เขาบอกด้วยท่าทางเหนื่อยเพลียจริงๆ แทนดาวเห็นแล้วก็สงสารคิดไปว่าพี่ชายคงทำงานหนักมาก

                “พี่หมากก็พักบ้างสิคะ อย่าโหมงานหนักนักสิ” แทนดาวว่าพลางกอดคอพี่ชายแน่นก่อนจะเอียงจมูกไปหอมแก้มสากนั้นเบาๆแล้วก็ต้องเบือนหน้าหนีทันที

                “อี๋...กลิ่นบุหรี่หึ่งเลย พี่หมากเนี่ยสูบบุหรี่จัดอีกแล้ว น้องพลูไม่ชอบเลย เมื่อไหร่จะเลิกซะทีนะ ไม่เห็นจะมีประโยชน์ต่อร่างกายสักนิด” คนตัวเล็กบ่นกระปอดกระแปด พี่ชายทำหน้าปั้นยาก จะให้เลิกสูบกันง่ายๆนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่คิดน่ะซิ

                “พี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนี่นา เอาน่า...เราน่ะนอนเถอะ พรุ่งนี้มีงานใหญ่ หลับเอาแรงไว้เยอะๆดีกว่านะ แล้วทำไมหน้าตาถึงได้แดงก่ำแบบนี้ ไปทำอะไรมา?” พี่ชายตัดบทพร้อมกับผลักตัวน้องสาวให้ลงนอนเลยได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่ฉาบอยู่บนในหน้าจิ้มลิ้มนั้น แทนดาวหลบตาพี่ชายพลางเคืองคนที่ทำให้หน้าตัวเองเป็นแบบนี้

                “อ๋อ...เมื่อกี้มาร์กหน้าค่ะ” คนตอบเสหลับตาเพราะไม่อยากถูกซักไซ้อะไรอีกกลัวจะหลุดบอกความจริงออกไป

                “ทำใจให้สบาย พี่เชื่อว่าน้องพลูของพี่ต้องทำได้...ฝันดีนะคะ” เทียมภพก้มลงจูบหน้าผากมนแผ่วเบา แทนดาวหลับตาลงรับสัมผัสอบอุ่นนั้นฉับพลันใจก็แวบไปถึงบุรุษอีกคนหนึ่งที่ประทับสัมผัสอุ่นบนพวงแก้มเมื่อครู่ ทำไมนะ...คิดถึงตอนนั้นทีไรใจมันหวั่นไหวทุกทีสิน่า

                “น้องพลูรักพี่หมากที่สุดเลย ยิ้มหน่อยสิคะ หน้าบึ้งอย่างนี้น้องพลูนอนไม่หลับ” คนพูดปรือตามองพี่รอยิ้มจากคนเกิดก่อนที่ยิ้มบางๆแต่อบอุ่นให้ เจ้าหญิงตัวน้อยของเขายิ้มตอบด้วยความพึงพอใจก่อนจะหลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราในไม่ช้า

                “พี่จะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด...ไม่มีวัน” เขาพึมพำเบาๆกับน้องสาวที่หลับสนิท กลัวเหลือเกินว่าแทนดาวจะมีจุดจบอย่างเปรมยุตา มัน...ผู้ที่เคยทำร้ายหัวใจของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง จะไม่ยอมให้ถูกทำร้ายอีกเป็นครั้งที่สองแน่!

 

 

 

 

แทนดาวตื่นตั้งแต่เช้าตรู่มาตักบาตรกับคุณย่า แล้วถือโอกาสขอพรหลวงพ่อให้โชคดีเลยถูกปลายเดือนแขวะเอาว่าไม่มีความมั่นใจขนาดต้องพึ่งไสยศาสตร์ แทนดาวค้อนหน้าคว่ำแต่ก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้มากความ วันนี้เป็นดีอย่ามีเรื่องกับคนพาลให้เสียฤกษ์ดีกว่า

                ช่วงสายๆแก๊งเพื่อนสนิทก็มายืนเกาะรั้วเรียกอยู่หน้าบ้านที่นัดกันมาแต่งตัวเตรียมไปวันคืนนี้ แทนดาวอวดชุดสวยที่พี่ชายควักกระเป๋าซื้อให้เมื่อวันก่อนซึ่งสามารถเรียกเสียงร้องแสดงความอิจฉาตาร้อนได้

                “เชอะ...ถือว่ามีพี่รวยคอยอุปถัมภ์งั้นเหรอยะ ยัยลูกแหง่” ดารตาหนึ่งในกลุ่มจับชุดนั้นมาพลิกดูด้วยสายตาริษยาอย่างเปิดเผย

                “นั่นสิ...รู้งี้นะฉันวางยาจับพี่ชายแกรวบหัวรวบหางดีกว่า” เนตรทิพย์เสริม

                “พี่หมากเค้าคงสนใจลูกขนุนอย่างแกหรอกนะ โน่น...ต้องเปรี้ยว เฉี่ยว อย่างยัยโบท็อกซ์โน่นต่างหากล่ะ สเป็กพี่หมากเค้า” แทนดาวว่าพลางชี้ชวนเพื่อนๆให้มองออกไปที่หน้าต่าง ที่มุมหนึ่งของบ้าน ชุสิตากับเทียมภพกำลังคุยกัน ฝ่ายหญิงเอียงซบไหล่และคอยส่งสายตาหวานเยิ้มให้อยู่เป็นระยะๆ ส่วนฝ่ายชายก็เอามือโอบไหล่บางไว้ บางทีก็เอียงแก้มมาจนชิดกัน แทนดาวเบ้หน้าแล้วกระชากม่านปิดทันที

                “อุจาดตา” คนพูดหน้างอ พลางทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ คอยดูเถอะ...ต้องจัดการกับพี่ชายเจ้าชู้ยักษ์ให้ได้เลย เมื่อวานยังหวานกับพี่แฟงแต่วันนี้กลับมากระพือโหมถ่านไฟเก่าซะงั้น

                “แกก็คิดมากน่า...พี่หมากกับพี่สิติเค้าเป็นแฟนกันนี่ ตัวจริงพี่สิตาก็ดูโอเคน่ะ ไม่หยิ่งแล้วอีกอย่างฉันไม่เห็นว่านางจะร้ายกับแกเลยนี่” อรกานต์ว่าพลางนั่งลงข้างๆเพื่อนสาว

                “ก็ฉันไม่ชอบยัยซิลิโคนนี่นา ดูยัยนั่น...ไม่ค่อยจริงใจกับพี่ชายฉันเลย ทำงานในวงการแบบนั้นต้องเจอผู้ชายมากหน้าหลายตา แล้วช่วงนี้พี่หมากงานยุ่งจะตาย สิตาหน้าปลอมนั่นจะไม่มีกิ๊กเหรอ” คนตัวเล็กยังไม่เลิกอคติกับแฟนพี่ชาย

                “ฉันเห็นเค้าก็รักกันดีนี่นา แต่ยังไงก็เหอะ...พี่หมากต้องรักแกมากกว่าอยู่แล้วแหละ คิดมากไม่เข้าท่าเลยนะยัยพลูด่าง” ดารตาเสริม ที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วย แทนดาวมองหน้าเพื่อนแต่ละคนงอนๆ เฮอะ...ไม่ได้ดั่งใจสักคนเดียว

                “ไม่รู้ล่ะ ยังไงฉันก็เชียร์พี่แฟง” หญิงสาวลุกขึ้น ยืนยันเจตนารมณ์ชัดแจ้ง

                “แล้วแกไม่เชียร์พวกเราบ้างเหรอ?”

                “โฮ้ย...ขืนเอาพวกแกมาเป็นพี่สะใภ้ล่ะก็…ยอมให้พี่หมากเป็นโสดดีกว่าย่ะ ดูสิ...คนนึงก็บ้าการ์ตูน คนนึงก็บ้านิยาย ส่วนอีกคนก็บ้าผู้ชาย ไม่ล่ะ...ยี๋” แทนดาวทำท่าสะอิดสะเอียนไม่จริงจังนัก พวกที่ถูกวิจารณ์เลยคว้าตุ๊กตา หมอนข้าง รุมตีคนสาธยายเสียจนยับเยิน แต่ยังไม่ทันที่จะบอบช้ำสมใจ เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่เอี่ยมที่พี่ชายเพิ่งถอยออกมาให้ (เรียกสายตาแห่งความอิจฉาได้อีกครั้ง) ก็ส่งเรียกเข้า แทนดาวรีบคลานกระเสือกกระสนออกมาจากสังเวียนหมอนและตุ๊กตาเพื่อรับสาย

                “พี่ชลเหรอคะ?” พอได้ยินเจ้าของโทรศัพท์เอ่ยชื่อคนต้นสายเท่านั้น สามสาวก็หูผึ่งรีบมารุมกันอยู่ข้างๆคนพูด คอยเงี่ยหูฟังบทสนทนากันอย่างตั้งใจ

                “ครับน้องพลู เป็นไงบ้างครับ? เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”

                “ก็ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ น้องพลูนัดเพื่อนๆมาที่บ้านด้วยล่ะ ว่าแต่พี่ชล...ทำอะไรอยู่เหรอคะ?”

                “พอดีวันนี้พี่มีนัดทานข้าวกับเพื่อนน่ะครับ ตอนนี้ก็รอเค้าอยู่...คิดถึงน้องพลูเลยโทรหานี่ไง” เขาหยอดเสียงนุ่มนวลในตอนท้าย เล่นเอาทั้งคนฟังทั้งคนแอบฟังอยู่ไม่สุข เนตรทิพย์เห็นจะอาการหนักสุด ถึงกับละเมอเพ้อฝัน เอาตุ๊กตาที่ใช้ตีเพื่อนเมื่อกี้มากอดจูบ

                “ขะ...ขอบคุณค่ะ” แทนดาวตอบตะกุกตะกัก ส่วนกองเชียร์ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดก็ดังลั่นห้อง จนชลธีขมวดคิ้วแล้วก็ต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ได้ยินเสียงฝ่ายนั้นดุเพื่อนๆเสียงเขียว

                “เอาไว้เจอกันเย็นนี้นะคะ” แทนดาวรีบตัดบทเพราะตอนนี้เพื่อนๆทำท่าว่าจะขาดใจตายอยู่แล้ว

                “ครับผม...แล้วเจอกันจ้ะ” พอเขาวางสาย แทนดาวก็หันมาเล่นงานเพื่อนๆทันที

                “พวกเธอนี่จริงๆเลยนะ” หล่อนเหวี่ยงหมอนใส่คนละทีสองที

                “ฟินเว่อร์อ่ะแกรรรร หวานซะ”

                “พี่ชลนี่ร้ายอ่ะ อยู่ต่อหน้าก็ทำตีมึนไม่สนใจแต่พอหลับหลังนี่มีหยอด อย่างนี้เค้าเรียกซึนรึเปล่า”

                “ทำไมล่ะ เค้าจะพูดแบบนั้นกับคู่หมั้นไม่ได้เหรอ?” แทนดาวเถียงแล้วก็ต้องหน้าแดง นี่กล้าเรียกเขาว่า ‘คู่หมั้น’ ได้เต็มปากเต็มคำเชียวหรือ

                “ต๊าย...หยุดนะ ฉันทนไม่ได้ ยัยทารกพลูด่างนี่ได้เป็นคู่หมั้นกะเจ้าชายในฝันของพวกเรา” ดารตาทำท่ายกมือปิดหูส่าย แทนดาวนึกหมั้นไส้เพื่อนๆเต็มพิกัด เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เจอชลธี พวกนี้ลงคะแนนโหวตให้พี่หมากเป็นเจ้าชายในฝัน แต่พอมาตอนนี้กลับยกตำแหน่งนี้ให้ชลธีง่ายๆเสียนี่

                “ใช่...เพราะงั้นเรามาทำให้ยัยนี่เสียโฉม พี่ชลจะได้หันมาสนใจพวกเราไง...ดีไหม” เนตรทิพย์เสนอและที่เหลือต่างก็เห็นพ้องต้องกัน แทนดาวหน้าเหวอคิดว่าคราวนี้ไม่รอดแน่แท้

                “อ๊าย! อย่านะ ไม่เล่นนะ” คนร้องพยายามหนีให้พ้นเงื้อมมือเพื่อนๆที่ช่วยกัน เอาแป้งละเลงใส่ แล้วสงครามแป้งย่อมๆก็เกิดขึ้น เตียงนอนกลายเป็นสังเวียนสู้รบ เสียงหัวเราะปนกับเสียงกรี๊ดของพวกสาวๆดังลั่นไปจนถึงชั้นล่างแต่ก็ไม่อาจไปดังถึงหูเทียมภพที่ตอนนี้กำลังนัวเนียกับชุสิตาไม่รู้ใครเอาเอากาวไปติดปากทั้งสองคนเอาไว้ถึงไม่ยอมแยกออกจากกันเสียที

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา