7Swords
9.6
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.
31 chapter
3 วิจารณ์
28.74K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) Pottery
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 7 Pottery
เอเคลเซธขี่ม้าไล่ตามมาจนทันด้านหน้า และขี่ม้าเดินข้างๆ ลีโอไนดัส ปล่อยให้โคล์ดี้และเอริคดวดเหล้าบนหลังม้านำทัพของไวท์ฟอร์ทเข้าสู่เขตเมืองพ็อตเทอร์รี่
“พี่เอเคล” เด็กหนุ่มหันมาถามชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังหันไปมองบริเวณรอบๆ
“หือ?” เอเคลเซธหรี่ตามองแสงวิบวับก่อนจะโล่งใจเมื่อเห็นว่ามันคือแสงสะท้อนจากผิวน้ำ
“ทำไมปู่นั่นถึงเรียกท่านพ่อว่า สิงโตล่ะ? สัญลักษณ์ของลอร์ดแห่งไวท์ฟอร์ทคือหมาป่าไม่ใช่เหรอ?” เด็กหนุ่มถามอย่างสงสัย
“ถูกต้อง สัญลักษณ์ของลอร์ดแห่งไวท์ฟอร์ทคือหมาป่า......” เอเคลเซธหันมาสบตาเด็กหนุ่ม “แต่ลอร์ดเบโอวูล์ฟนั้นก่อนที่เขาจะขึ้นเป็นลอร์ดแห่งไวท์ฟอร์ท เขาเคยอาศัยอยู่ที่ เบรฟเวอรี่การ์เด้น ดินแดนที่พระราชาอาศัยอยู่ -- เขาเป็นทั้งแม่ทัพของพระราชาและมียศเป็นเซอร์ ทั้งยังเป็นชนชั้นสูงในเบรฟเวอรี่การ์เด้นอีกด้วย”
“ท่านพ่อน่ะนะ ชนชั้นสูง!?” เด็กหนุ่มมีสีหน้าไม่เชื่อเมื่อคิดถึงรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเป็นตอของลอร์ดเบโอวูล์ฟพ่อของเขา
“ใช่.... เขาเป็นญาติห่างๆของตระกูลไลออนฮาร์ท..... ตระกูลของพระราชานั่นแหละ.....”
“ไลออนฮาร์ท......?” ลีโอไนดัสมีสีหน้าทึ่งสุดขีด เมื่อค้นพบว่า พ่อของเขามีเชื้อสายของกษัตริย์
“ใช่..... และนั่นก็หมายความว่า ตัวเจ้าเองก็ถือว่ามีเชื้อสายของกษัตริย์อยู่ด้วย” ลีโอไนดัสตกใจเงียบๆ
“แต่ทำไม..... ท่านพ่อถึงไม่กลับไปที่เบรฟเวอรี่การ์เด้นล่ะ?” เด็กหนุ่มถาม ทำเอาเอเคลเซธเลิกคิ้ว
“นี่เจ้าจะบอกว่า เจ้าชอบที่จะอยู่ที่นั่นหรือ?” เขาถาม
“เปล่า -- เปล่าๆ” ลีโอไนดัสรีบปฏิเสธ “แค่สงสัยน่ะ”
“นั่นก็เพราะ อดีตลอร์ดของไวท์ฟอร์ทประกาศยอมสวามิภักดิ์ต่อพระราชา ตอนที่พ่อของเจ้าตีไวท์ฟอร์ทแตกน่ะสิ ทีนี้ พระราชาก็เลยมีคำสั่งให้ พ่อของเจ้าคอยปกครองไวท์ฟอร์ทตั้งแต่นั้นมา..... และเพื่อเป็นการสร้างฐานการปกครองในไวท์ฟอร์ท นอกจากเขาจะอยู่แบบชาวไวท์ฟอร์ท เขาก็ยังแต่งงานกับแม่ของเจ้า..... ท่านลิมพาเนีย..... และก็มีเจ้า แล้วก็น้องของเจ้า ไลโอเนล......”
“เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินนี่......” เด็กหนุ่มกอดอกทำท่าคิด “เหมือนกับว่าท่านแม่ตั้งชื่อพวกเราตาม ไลโอซ่าร์ของท่านพ่อ...... นี่สินะ ทำไมเราถึงได้มีชื่อแบบสิงโตน่ะ?”
“นั่นไม่สำคัญนี่” เอริคหันมาพูดกับเด็กหนุ่มเสียงยานเนื่องจากเมาได้ที่ “นามสกุลเขาเป็นหมาป่านะ” แล้วเขาก็หัวเราะลงลูกคอ
*“Yeah Yeah….. -- Beowulve…..” เด็กหนุ่มขำแบบซังกะตายขณะกรอกตา
“เรื่องก็คือ.....” เอเคลเซธพูดมุมปากกระตุกนิดๆ “เขาอาจจะมาจากต่างถิ่น หรืออาจจะเคยเป็นพวกสิงโตก็จริง..... แต่ตอนนี้ เขาเป็นชาวเหนืออย่างแท้จริง เขาคือหมาป่าแห่งไวท์ฟอร์ท และเขาก็คือลอร์ดเบโอวูล์ฟของเรา -- ”
ลีโอไนดัสไม่ตอบอะไร เขาเบ้ปากนิดๆ “จะดีกว่านี้ถ้าข้าได้ยินเรื่องนี้จากปากของท่านพ่อเอง.....”
“จบเรื่องนี้ เจ้าก็กลับไปคุยกับเขาสิ..... แล้วก็ทำเหมือนยังไม่รู้เรื่องล่ะ” เอเคลเซธเอ่ยราวกับนึกขึ้นได้ “เจ้าโตพอที่จะพิสูจน์ว่าเอาชีวิตรอดจากสนามรบได้แล้ว..... พ่อเจ้าคงจะยอมรับและบอกทุกอย่างกับเจ้าแน่” ชายหนุ่มเสริมพลางตบไหล่เด็กหนุ่ม..... ลีโอไนดัสรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
......พวกเขาขี่ม้าเดินทางผ่านสายลมหนาวและในที่สุดเมื่อแสงแดดยามบ่ายเริ่มเหือดหาย พวกเขาก็เห็นโครงสร้างของเมืองหลวงแห่งการค้า “โน่นไง..... พ็อตเทอร์รี่!!” แม่ทัพโคล์ดี้ร้องบอกพวกไวท์ฟอร์ท ก่อนจะนำขบวนเข้าไปในตัวเมือง
แม่ทัพโคล์ดี้พาพวกทหารเข้าพักในค่ายทหารในเมือง ส่วนเอริคลากคอลีโอไนดัสหายไปเหลือไว้เพียงแค่ เอเคลเซธผู้ซึ่งเดินเข้าสู่ใจกลางเมืองพ็อตเทอร์รี่เพื่อมุ่งสู่ปราสาทของลอร์ดคราเวน
“ข้าคือผู้นำสารของลอร์ดเบโอวูล์ฟ.....” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นทางการเมื่อเข้าไปใกล้ทหารยามพลางส่งเอกสารให้
“เชิญ ท่านทางนี้ได้เลย” แล้วองครักษ์ผู้หนึ่งก็เดินนำเอเคลเซธเข้าไปภายใน
ชายหนุ่มไม่แสดงอาการอะไรนัก แม้จะระแวดระวังทุกฝีก้าวเมื่อเข้าสู่พื้นที่ที่อาจจะไม่ต้อนรับเขาอย่างเป็นมิตร แต่เขาจะแกล้งทำเป็นโง่เสมือนหนึ่งว่ามาตามคำเชิญกลวงๆนั่น เขาเดินอย่างผ่าเผยตามองครักษ์ซึ่งพาเขาไปสู่ห้องประชุมเล็กที่หน้าต่างหันออกไปยังฝั่งชายหาดและบอกให้เขารอที่นี่
เอเคลเซธรับคำก่อนจะหันไปมองห้องประชุมรอบๆ
ที่นี่ก็ดูเรียบร้อยดี..... แต่การที่พ่อของเขาแยกออกไปและปกปิดว่าบุตรชายคนโตของลอร์ดแห่งไวท์ฟอร์ทมาด้วย ดูจะเป็นการรอบคอบกว่า การมารวมกันเป็นกระจุก ในที่ๆพวกเขาไม่แน่ใจว่าเป็นมิตรหรือเปล่า
เอเคลเซธเดินไปยังริมหน้าต่างที่ปิดอยู่ สายลมจากชายฝั่งพัดลมหนาวเข้าหาจนหน้าต่างกระจกสั่นกราวหน่อยๆชายหนุ่มมองเลยออกไปก็เห็นเรือโจรสลัดทอดสมอขวางอ่าวอยู่ เขายืนมองและสังเกตการตั้งกระบวนเรืออยู่
“ท่าทางของท่านราวกับสิงโตมองเหยื่อเลยนะ.....” เสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อเอเคลเซธหันไปมองก็พบชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับเขา แต่ผอมบางและสูงกว่านิดหน่อย “คงคล้ายๆกันกับท่านพ่อของท่าน”
“ผู้คนกล่าวกันว่า เราสองพ่อลูกคล้ายกับจิ้งจอกมากกว่า -- ถ้าพวกเขาจะพูดถึงนะ” เอเคลเซธตอบ
“โอ้..... งั้นท่านก็คงเป็น..... -- เซอร์คาร์ลดีเซน เอเคลเซธ แห่งไวท์ฟอร์ทสินะ?” ชายหนุ่มคนนั้นทำท่าเหมือนจะค้อมหัวให้ “ทางพ็อตเทอร์รี่เราก็คิดไปเองว่า ลอร์ดเบโอวูล์ฟจะเป็นผู้นำทัพมาช่วยเหลือบ้านพี่เมืองน้องด้วยตัวเองเสียอีก.....” ชายคนนั้นแฝงน้ำเสียงดูถูกได้อย่างแนบเนียน แต่ก็ไม่พ้นหูของเอเคลเซธอยู่ดี
“และทางเราก็คงคิดไปเองว่า ลอร์ดคราเวนจะเป็นผู้ออกมาต้อนรับผู้นำทัพช่วยเหลือบ้านพี่เมืองน้องด้วยตัวเองเสียอีก” เอเคลเซธตอบกลับด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกัน ชยหนุ่มผู้นั้นมุมปากกระตุกราวกับจะฉีกยิ้มอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า
“จะอย่างไรก็ดี ทางเราต้องขอขอบคุณทางไวท์ฟอร์ทที่อุตส่าห์เร่งเดินทางมาช่วยเหลือเช่นนี้...... อาจจะเป็นการรบกวนไปสักหน่อย แต่ทางเราอยากให้พวกท่านรีบจัดการกับพวกโจรสลัดที่ปิดอ่าวราวมาตั้งหลายวันเสียที”
“ได้ทันทีเลย ท่านโรแลนด์ เรคอมป์” เอเคลเซธพูดชื่อของชายหนุ่มที่ตกใจยืนค้างอยู่แบบนั้น ก่อนที่เขาจะเดินผ่าน เรคอมป์ไปที่ประตู
“ช้าก่อน.....” เรคอมป์เอ่ยช้าๆ “ข้ามีเรื่องอยากจะรู้ว่า ทำไมท่านถึงรู้จักชื่อของข้ากัน? นี่ชื่อของข้าดังไปจนถึงไวท์ฟอร์ทเลยหรือ?”
“เปล่านี่” เอเคลเซธหันมาและแสดงท่าทางยียวนหน่อยๆ “ข้าก็เพิ่งได้ยินชื่อของท่านตอนเข้ามาในเมืองนี่แหละ”
เอเคลเซธจงใจเดินช้าๆเพื่อให้เรคอมป์เดินตามมา และพูดจาเสียงดังกว่าที่ควรจะทำขณะเดินออกจากปราสาทและเดินนำไปยังโรงฝึกทหารในค่าย
“ข้าเพียงแค่ถามชาวเมืองว่า” เขาจงใจพูดเสียงดังและส่งรอยยิ้มไปรอบๆ ผู้คนต่างหันมามองเขา “ใครกัน? คือคนที่ฉลาดที่สุดในพ็อตเทอร์รี่แห่งนี้?...... แล้วรู้มั้ย ข้าถามสิบคน ทั้งสิบก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า โรแลนด์ เรคอมป์ เป็นคนที่ฉลาดที่สุดในพ็อตเทอร์รี่แห่งนี้!!”
เอเคลเซธหยุดอยู่กลางลาน ทั้งชาวบ้านและทหารต่างจ้องมองเขา และยิ้มตอบเมื่อได้ยิน เอเคลเซธสรรเสริญวีรบุรุษประจำเมืองของพวกเขา
เหนือร้านอาหารแห่งหนึ่ง เอริคและลีโอไนดัสนั่งมองอยู่ เอริคแสยะยิ้มที่เหมือนจิ้งจอกขณะเทเหล้าเข้าปากและมองดูลูกชายของเขากำลังลงมือตามแผนถนัด
“ดูให้ดีล่ะ ลีโอ” เอริคพูด “ดูว่าพวกจิ้งจอกจะเป็นยังไง...... ดูให้ดี..... พี่เอเคลที่เจ้ารู้จัก กับเอเคลที่เป็นจิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ท”
ชาวเมืองหลายต่อหลายคนต่างร้องสำทับเห็นด้วยกับเอเคลเซธที่ยกย่องเรคอมป์ ผู้ซึ่งประหลาดใจที่อยู่ดีๆก็ถูกจิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ทชื่นชม ทั้งๆที่เขาเพิ่งจะแกล้งขอให้เขาไปจัดการกับโจรสลัดทั้งสองพันคน
“ดูเขาสิ ถ่อมตัวเหลือเกิน!!” เอเคลเซธพูดพลางชี้ชวนให้ทุกคนมองดูเรคอมป์ ซึ่งประหม่าและโบกมือให้กับชาวเมืองที่มุงดูอยู่ “เขาช่างฉลาดและหลักแหลมเหลือเกิน” เอเคลเซธเอ่ยต่อไป “เขารู้จักข้า โดยที่ข้ายังไม่ต้องแนะนำตัวด้วยซ้ำ สุดยอดจริงๆ ทั้งๆที่หนุ่มแค่นี้เอง!!”
ชาวเมืองและทหารของพ็อตเทอร์รี่ต่างมองดูที่ เอเคลเซธโดยที่ไม่แน่ใจว่า เขาคือใครกันแน่ ชายหนุ่มต่างเมืองที่ดูเหมือนจะเป็นแขกและกำลังชื่นชมเรคอมป์อยู่
“โอ้..... ขออภัยทุกท่าน..... ข้าคงคิดไปเองว่า ท่านโรแลนด์จะบอกว่าแขกของเขาคือใคร.... แต่ไม่เป็นไรอย่าลำบากท่านเลย เรคอมป์” เอเคลเซธชิงพูดตัดหน้าเรคอมป์ที่กำลังจะเผยอปากพูด และแกล้งทำเป็นเรียกชื่อจริงแทนนามสกุลราวกับสนิทกันแล้ว **“I’m from White Fort….. Myname’s Akelzeth….. -- Akelzeth Karldysen”
ชาวพ็อตเทอร์รี่ต่างกลั้นหายใจเมื่อได้ยินชื่อของชายหนุ่ม ผู้ซึ่งแนะนำตัวเองว่ามาจากไวท์ฟอร์ท เสียงซุบซิบดังระงมขึ้นมาทันที เมื่อผู้คนต่างตกใจและเหลือเชื่อเมื่อทราบว่า ชายผู้นี้คือ จิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ทที่ร่ำลือมานาน
“โอ้.....” เอเคลเซธแกล้งทำเป็นตกใจและหันซ้ายหันขวา “โอ้ โอ้ โอ้ ตายจริง.... นี่ทุกท่านทราบหรือนี่ว่า ข้าคือใคร?” มีเสียงพึมพำตอบว่าใช่ ทุกคนต่างมองชายหนุ่มด้วยสายตาหวาดระแวงขึ้นมาทันที เพราะชื่อเสียงของจิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ทนั้น ขึ้นชื่อว่าทั้งเจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจ
“แปลกจริงๆที่ชื่อ คาร์ลดีเซนทราบมาถึงที่นี่ แต่ข้ากลับไม่เคยได้ยินชื่อของ โรแลนด์ เรคอมป์ที่ไวท์ฟอร์ทเลย” เสียงของเอเคลเซธหายไปพร้อมกับบรรยากาศตึงเปรี๊ยะที่ก่อตัวขึ้น ชาวเมืองและทหารต่างรู้สึกไม่พอใจ เมื่อเอเคลเซธทิ้งความในว่า พวกไวท์ฟอร์ทไม่ได้รู้จักผู้มีชื่อเสียงอย่าง โรแลนด์ เรคอมป์เลย
“เซอร์คาร์ลดีเซน” เรคอมป์ผู้เริ่มรู้สึกตัวว่า เหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล เขาเรียกเอเคลเซธเพื่อจะเตือนให้เขาหยุด
“โอ้..... ใช่ๆ ขอโทษทีๆ เรคอมป์ -- ” เอเคลเซธแสร้งทำเป็นไม่รู้ตัวว่ากำลังสร้างความไม่พอใจให้กับชาวพ็อตเทอร์รี่ และทำเป็นตกใจที่เรคอมป์เรียกเตือนเขา “ข้าต้องรีบไปทำธุระที่ท่านวานมานี่นา ถึงเพิ่งจะมาถึงที่นี่เหนื่อยๆก็เถอะ แต่เชื่อได้เลยว่า ทหารจากไวท์ฟอร์ทแค่สองร้อยคน สามารถจัดการกับโจรสลัดสองพันนั่นได้สบายๆเลย ไม่ต้องลำบากทหารของพ็อตเทอร์รี่เลย”
ราวกับเอเคลเซธไม่รู้ตัวว่าคำพูดของเขาบาดหูชาวพ็อตเทอร์รี่เอามากๆ ชาวเมืองต่างมองเขาอย่างไม่พอใจและทหารหลายคนส่งเสียงคำรามอย่างหมดความอดกลั้น
“นี่เจ้าจะบอกว่า ทหารของพ็อตเทอร์รี่ไม่กล้าต่อสู้กับโจรสลัดงั้นหรือ?” ทหารคนหนึ่งตะโกนถามเอเคลเซธ
“เปล่าๆๆ” เอเคลเซธแกล้งทำเป็นอึกอัก “เพียงแต่ข้าเห็นว่าอากาศมันหนาว แล้วข้าก็เห็นทหารบางคนเอาแต่นั่งตัวสั่นงั่กๆจากความหนาว.... เอ้อ.... ข้าไม่ได้หมายความว่า ตัวสั่นจากความกลัวนะ.... คือ.... คือว่า......” เขาแกล้งทำเป็นคิดหาคำอธิบายอย่างไม่เข้าท่า และแกล้งทำเป็นตกใจเมื่อเห็นชาวบ้านตะโกนร้องและบางคนถึงกับกระทืบเท้า
“ที่ข้าหมายความก็คือ -- ” เอเคลเซธยกมือขึ้นสองข้างราวกับพยายามรั้งให้ทุกคนฟังเขา “ที่พวกทหารไม่ออกไปจัดการกับโจรสลัดตั้งแต่วันแรกที่พวกมันมาถึง..... อาจจะเป็นเพราะพวกเขายังไม่พร้อม -- ”
“ชาวพ็อตเทอร์รี่ไม่ใช่พวกตาขาว!!” เสียงตวาดดังขึ้นอย่างกึกก้อง พวกเขาหันมองตามก็เห็นเซอร์โรแลนด์ เรคัส ก้าวยาวๆด้วยฝีเท้าหนักที่แฝงอารมณ์รุนแรงทุกย่างก้าว ใบหน้าที่มีหนวดเคราของเขาบูดเบี้ยวด้วยโทสะ ข้างขมับเต้นตุบอย่างน่าหวาดกลัว
“ไม่ๆๆๆ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลย!!” เอเคลเซธร้องบอกอย่างตกใจ “ที่ข้าหมายความคือ จะฉลาดกว่าถ้าเราร่วมมือ -- ”
“ไม่จำเป็น..... พวกท่านเพิ่งมาถึง..... คงเหนื่อยๆ...... เชิญพวกท่านพักตามสบาย” เรคัสพูดช้าๆเสียงราบเรียบแต่แฝงสำเนียงอันตรายไว้เต็มที่ เขาจ้องเอเคลเซธที่งัดเอาสีหน้าละอายใจขึ้นมา ก่อนจะหันไปตะโกนว่า
“เกณฑ์ทหารและตามข้ามา!! เราจะออกไปล่าโจรสลัด!!”
พวกทหารและชาวเมืองต่างโห่ร้องอย่างฮึกเหิมและติดตามเซอร์โรแลนด์ไปยังชายฝั่งเพื่อดูกองทัพของพ็อตเทอร์รี่จัดการกับกองเรือของโจรสลัด
เอเคลเซธยืนนิ่งมองชาวเมืองและพวกทหารที่หลั่งไหลกันไปที่ชายหาด ทุกคนต่างโกรธจนควันแทบออกหู ชายหนุ่มเดินหลบ และสะกดกลั้นรอยยิ้มไว้อย่างยากลำบาก
“แหม..... งั้นก็เอาที่พวกท่านสบายใจเถอะนะ.....”
*“Yeah Yeah….. -- Beowulve…..” Leonidas’s Quote: “ช่าย ช่าย เบโอวูล์ฟ”
ลีโอไนดัสขำแห้งให้กับมุกเลียนเสียงนามสกุล wulve ซึ่งพ้องเสียงกับ wolf ที่แปลว่าหมาป่า
**“I’m from White Fort….. Myname’s Akelzeth….. -- Akelzeth Karldysen” Akelzeth’s Quote: “ข้ามาจาไวท์ฟอร์ท..... ชื่อของข้าคือ เอเคลเซธ....... -- เอเคลเซธคาร์ลดีเซน”
การเรียกชื่อผู้อื่นจะเรียกจากนามสกุลก่อนเหมือนกับเรคอมป์
(Oh…. so you should be….. -- Sir Karldysen Akelzeth from the White Fort?)
“โอ้..... งั้นท่านก็คงเป็น..... -- เซอร์คาร์ลดีเซน เอเคลเซธ แห่งไวท์ฟอร์ทสินะ?”
แต่การแนะนำตัวเองจะเริ่มจาก ชื่อก่อนและตามด้วยนามสกุลเหมือน เอเคลเซธ
เอเคลเซธขี่ม้าไล่ตามมาจนทันด้านหน้า และขี่ม้าเดินข้างๆ ลีโอไนดัส ปล่อยให้โคล์ดี้และเอริคดวดเหล้าบนหลังม้านำทัพของไวท์ฟอร์ทเข้าสู่เขตเมืองพ็อตเทอร์รี่
“พี่เอเคล” เด็กหนุ่มหันมาถามชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังหันไปมองบริเวณรอบๆ
“หือ?” เอเคลเซธหรี่ตามองแสงวิบวับก่อนจะโล่งใจเมื่อเห็นว่ามันคือแสงสะท้อนจากผิวน้ำ
“ทำไมปู่นั่นถึงเรียกท่านพ่อว่า สิงโตล่ะ? สัญลักษณ์ของลอร์ดแห่งไวท์ฟอร์ทคือหมาป่าไม่ใช่เหรอ?” เด็กหนุ่มถามอย่างสงสัย
“ถูกต้อง สัญลักษณ์ของลอร์ดแห่งไวท์ฟอร์ทคือหมาป่า......” เอเคลเซธหันมาสบตาเด็กหนุ่ม “แต่ลอร์ดเบโอวูล์ฟนั้นก่อนที่เขาจะขึ้นเป็นลอร์ดแห่งไวท์ฟอร์ท เขาเคยอาศัยอยู่ที่ เบรฟเวอรี่การ์เด้น ดินแดนที่พระราชาอาศัยอยู่ -- เขาเป็นทั้งแม่ทัพของพระราชาและมียศเป็นเซอร์ ทั้งยังเป็นชนชั้นสูงในเบรฟเวอรี่การ์เด้นอีกด้วย”
“ท่านพ่อน่ะนะ ชนชั้นสูง!?” เด็กหนุ่มมีสีหน้าไม่เชื่อเมื่อคิดถึงรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเป็นตอของลอร์ดเบโอวูล์ฟพ่อของเขา
“ใช่.... เขาเป็นญาติห่างๆของตระกูลไลออนฮาร์ท..... ตระกูลของพระราชานั่นแหละ.....”
“ไลออนฮาร์ท......?” ลีโอไนดัสมีสีหน้าทึ่งสุดขีด เมื่อค้นพบว่า พ่อของเขามีเชื้อสายของกษัตริย์
“ใช่..... และนั่นก็หมายความว่า ตัวเจ้าเองก็ถือว่ามีเชื้อสายของกษัตริย์อยู่ด้วย” ลีโอไนดัสตกใจเงียบๆ
“แต่ทำไม..... ท่านพ่อถึงไม่กลับไปที่เบรฟเวอรี่การ์เด้นล่ะ?” เด็กหนุ่มถาม ทำเอาเอเคลเซธเลิกคิ้ว
“นี่เจ้าจะบอกว่า เจ้าชอบที่จะอยู่ที่นั่นหรือ?” เขาถาม
“เปล่า -- เปล่าๆ” ลีโอไนดัสรีบปฏิเสธ “แค่สงสัยน่ะ”
“นั่นก็เพราะ อดีตลอร์ดของไวท์ฟอร์ทประกาศยอมสวามิภักดิ์ต่อพระราชา ตอนที่พ่อของเจ้าตีไวท์ฟอร์ทแตกน่ะสิ ทีนี้ พระราชาก็เลยมีคำสั่งให้ พ่อของเจ้าคอยปกครองไวท์ฟอร์ทตั้งแต่นั้นมา..... และเพื่อเป็นการสร้างฐานการปกครองในไวท์ฟอร์ท นอกจากเขาจะอยู่แบบชาวไวท์ฟอร์ท เขาก็ยังแต่งงานกับแม่ของเจ้า..... ท่านลิมพาเนีย..... และก็มีเจ้า แล้วก็น้องของเจ้า ไลโอเนล......”
“เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินนี่......” เด็กหนุ่มกอดอกทำท่าคิด “เหมือนกับว่าท่านแม่ตั้งชื่อพวกเราตาม ไลโอซ่าร์ของท่านพ่อ...... นี่สินะ ทำไมเราถึงได้มีชื่อแบบสิงโตน่ะ?”
“นั่นไม่สำคัญนี่” เอริคหันมาพูดกับเด็กหนุ่มเสียงยานเนื่องจากเมาได้ที่ “นามสกุลเขาเป็นหมาป่านะ” แล้วเขาก็หัวเราะลงลูกคอ
*“Yeah Yeah….. -- Beowulve…..” เด็กหนุ่มขำแบบซังกะตายขณะกรอกตา
“เรื่องก็คือ.....” เอเคลเซธพูดมุมปากกระตุกนิดๆ “เขาอาจจะมาจากต่างถิ่น หรืออาจจะเคยเป็นพวกสิงโตก็จริง..... แต่ตอนนี้ เขาเป็นชาวเหนืออย่างแท้จริง เขาคือหมาป่าแห่งไวท์ฟอร์ท และเขาก็คือลอร์ดเบโอวูล์ฟของเรา -- ”
ลีโอไนดัสไม่ตอบอะไร เขาเบ้ปากนิดๆ “จะดีกว่านี้ถ้าข้าได้ยินเรื่องนี้จากปากของท่านพ่อเอง.....”
“จบเรื่องนี้ เจ้าก็กลับไปคุยกับเขาสิ..... แล้วก็ทำเหมือนยังไม่รู้เรื่องล่ะ” เอเคลเซธเอ่ยราวกับนึกขึ้นได้ “เจ้าโตพอที่จะพิสูจน์ว่าเอาชีวิตรอดจากสนามรบได้แล้ว..... พ่อเจ้าคงจะยอมรับและบอกทุกอย่างกับเจ้าแน่” ชายหนุ่มเสริมพลางตบไหล่เด็กหนุ่ม..... ลีโอไนดัสรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
......พวกเขาขี่ม้าเดินทางผ่านสายลมหนาวและในที่สุดเมื่อแสงแดดยามบ่ายเริ่มเหือดหาย พวกเขาก็เห็นโครงสร้างของเมืองหลวงแห่งการค้า “โน่นไง..... พ็อตเทอร์รี่!!” แม่ทัพโคล์ดี้ร้องบอกพวกไวท์ฟอร์ท ก่อนจะนำขบวนเข้าไปในตัวเมือง
แม่ทัพโคล์ดี้พาพวกทหารเข้าพักในค่ายทหารในเมือง ส่วนเอริคลากคอลีโอไนดัสหายไปเหลือไว้เพียงแค่ เอเคลเซธผู้ซึ่งเดินเข้าสู่ใจกลางเมืองพ็อตเทอร์รี่เพื่อมุ่งสู่ปราสาทของลอร์ดคราเวน
“ข้าคือผู้นำสารของลอร์ดเบโอวูล์ฟ.....” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นทางการเมื่อเข้าไปใกล้ทหารยามพลางส่งเอกสารให้
“เชิญ ท่านทางนี้ได้เลย” แล้วองครักษ์ผู้หนึ่งก็เดินนำเอเคลเซธเข้าไปภายใน
ชายหนุ่มไม่แสดงอาการอะไรนัก แม้จะระแวดระวังทุกฝีก้าวเมื่อเข้าสู่พื้นที่ที่อาจจะไม่ต้อนรับเขาอย่างเป็นมิตร แต่เขาจะแกล้งทำเป็นโง่เสมือนหนึ่งว่ามาตามคำเชิญกลวงๆนั่น เขาเดินอย่างผ่าเผยตามองครักษ์ซึ่งพาเขาไปสู่ห้องประชุมเล็กที่หน้าต่างหันออกไปยังฝั่งชายหาดและบอกให้เขารอที่นี่
เอเคลเซธรับคำก่อนจะหันไปมองห้องประชุมรอบๆ
ที่นี่ก็ดูเรียบร้อยดี..... แต่การที่พ่อของเขาแยกออกไปและปกปิดว่าบุตรชายคนโตของลอร์ดแห่งไวท์ฟอร์ทมาด้วย ดูจะเป็นการรอบคอบกว่า การมารวมกันเป็นกระจุก ในที่ๆพวกเขาไม่แน่ใจว่าเป็นมิตรหรือเปล่า
เอเคลเซธเดินไปยังริมหน้าต่างที่ปิดอยู่ สายลมจากชายฝั่งพัดลมหนาวเข้าหาจนหน้าต่างกระจกสั่นกราวหน่อยๆชายหนุ่มมองเลยออกไปก็เห็นเรือโจรสลัดทอดสมอขวางอ่าวอยู่ เขายืนมองและสังเกตการตั้งกระบวนเรืออยู่
“ท่าทางของท่านราวกับสิงโตมองเหยื่อเลยนะ.....” เสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อเอเคลเซธหันไปมองก็พบชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับเขา แต่ผอมบางและสูงกว่านิดหน่อย “คงคล้ายๆกันกับท่านพ่อของท่าน”
“ผู้คนกล่าวกันว่า เราสองพ่อลูกคล้ายกับจิ้งจอกมากกว่า -- ถ้าพวกเขาจะพูดถึงนะ” เอเคลเซธตอบ
“โอ้..... งั้นท่านก็คงเป็น..... -- เซอร์คาร์ลดีเซน เอเคลเซธ แห่งไวท์ฟอร์ทสินะ?” ชายหนุ่มคนนั้นทำท่าเหมือนจะค้อมหัวให้ “ทางพ็อตเทอร์รี่เราก็คิดไปเองว่า ลอร์ดเบโอวูล์ฟจะเป็นผู้นำทัพมาช่วยเหลือบ้านพี่เมืองน้องด้วยตัวเองเสียอีก.....” ชายคนนั้นแฝงน้ำเสียงดูถูกได้อย่างแนบเนียน แต่ก็ไม่พ้นหูของเอเคลเซธอยู่ดี
“และทางเราก็คงคิดไปเองว่า ลอร์ดคราเวนจะเป็นผู้ออกมาต้อนรับผู้นำทัพช่วยเหลือบ้านพี่เมืองน้องด้วยตัวเองเสียอีก” เอเคลเซธตอบกลับด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกัน ชยหนุ่มผู้นั้นมุมปากกระตุกราวกับจะฉีกยิ้มอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า
“จะอย่างไรก็ดี ทางเราต้องขอขอบคุณทางไวท์ฟอร์ทที่อุตส่าห์เร่งเดินทางมาช่วยเหลือเช่นนี้...... อาจจะเป็นการรบกวนไปสักหน่อย แต่ทางเราอยากให้พวกท่านรีบจัดการกับพวกโจรสลัดที่ปิดอ่าวราวมาตั้งหลายวันเสียที”
“ได้ทันทีเลย ท่านโรแลนด์ เรคอมป์” เอเคลเซธพูดชื่อของชายหนุ่มที่ตกใจยืนค้างอยู่แบบนั้น ก่อนที่เขาจะเดินผ่าน เรคอมป์ไปที่ประตู
“ช้าก่อน.....” เรคอมป์เอ่ยช้าๆ “ข้ามีเรื่องอยากจะรู้ว่า ทำไมท่านถึงรู้จักชื่อของข้ากัน? นี่ชื่อของข้าดังไปจนถึงไวท์ฟอร์ทเลยหรือ?”
“เปล่านี่” เอเคลเซธหันมาและแสดงท่าทางยียวนหน่อยๆ “ข้าก็เพิ่งได้ยินชื่อของท่านตอนเข้ามาในเมืองนี่แหละ”
เอเคลเซธจงใจเดินช้าๆเพื่อให้เรคอมป์เดินตามมา และพูดจาเสียงดังกว่าที่ควรจะทำขณะเดินออกจากปราสาทและเดินนำไปยังโรงฝึกทหารในค่าย
“ข้าเพียงแค่ถามชาวเมืองว่า” เขาจงใจพูดเสียงดังและส่งรอยยิ้มไปรอบๆ ผู้คนต่างหันมามองเขา “ใครกัน? คือคนที่ฉลาดที่สุดในพ็อตเทอร์รี่แห่งนี้?...... แล้วรู้มั้ย ข้าถามสิบคน ทั้งสิบก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า โรแลนด์ เรคอมป์ เป็นคนที่ฉลาดที่สุดในพ็อตเทอร์รี่แห่งนี้!!”
เอเคลเซธหยุดอยู่กลางลาน ทั้งชาวบ้านและทหารต่างจ้องมองเขา และยิ้มตอบเมื่อได้ยิน เอเคลเซธสรรเสริญวีรบุรุษประจำเมืองของพวกเขา
เหนือร้านอาหารแห่งหนึ่ง เอริคและลีโอไนดัสนั่งมองอยู่ เอริคแสยะยิ้มที่เหมือนจิ้งจอกขณะเทเหล้าเข้าปากและมองดูลูกชายของเขากำลังลงมือตามแผนถนัด
“ดูให้ดีล่ะ ลีโอ” เอริคพูด “ดูว่าพวกจิ้งจอกจะเป็นยังไง...... ดูให้ดี..... พี่เอเคลที่เจ้ารู้จัก กับเอเคลที่เป็นจิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ท”
ชาวเมืองหลายต่อหลายคนต่างร้องสำทับเห็นด้วยกับเอเคลเซธที่ยกย่องเรคอมป์ ผู้ซึ่งประหลาดใจที่อยู่ดีๆก็ถูกจิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ทชื่นชม ทั้งๆที่เขาเพิ่งจะแกล้งขอให้เขาไปจัดการกับโจรสลัดทั้งสองพันคน
“ดูเขาสิ ถ่อมตัวเหลือเกิน!!” เอเคลเซธพูดพลางชี้ชวนให้ทุกคนมองดูเรคอมป์ ซึ่งประหม่าและโบกมือให้กับชาวเมืองที่มุงดูอยู่ “เขาช่างฉลาดและหลักแหลมเหลือเกิน” เอเคลเซธเอ่ยต่อไป “เขารู้จักข้า โดยที่ข้ายังไม่ต้องแนะนำตัวด้วยซ้ำ สุดยอดจริงๆ ทั้งๆที่หนุ่มแค่นี้เอง!!”
ชาวเมืองและทหารของพ็อตเทอร์รี่ต่างมองดูที่ เอเคลเซธโดยที่ไม่แน่ใจว่า เขาคือใครกันแน่ ชายหนุ่มต่างเมืองที่ดูเหมือนจะเป็นแขกและกำลังชื่นชมเรคอมป์อยู่
“โอ้..... ขออภัยทุกท่าน..... ข้าคงคิดไปเองว่า ท่านโรแลนด์จะบอกว่าแขกของเขาคือใคร.... แต่ไม่เป็นไรอย่าลำบากท่านเลย เรคอมป์” เอเคลเซธชิงพูดตัดหน้าเรคอมป์ที่กำลังจะเผยอปากพูด และแกล้งทำเป็นเรียกชื่อจริงแทนนามสกุลราวกับสนิทกันแล้ว **“I’m from White Fort….. Myname’s Akelzeth….. -- Akelzeth Karldysen”
ชาวพ็อตเทอร์รี่ต่างกลั้นหายใจเมื่อได้ยินชื่อของชายหนุ่ม ผู้ซึ่งแนะนำตัวเองว่ามาจากไวท์ฟอร์ท เสียงซุบซิบดังระงมขึ้นมาทันที เมื่อผู้คนต่างตกใจและเหลือเชื่อเมื่อทราบว่า ชายผู้นี้คือ จิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ทที่ร่ำลือมานาน
“โอ้.....” เอเคลเซธแกล้งทำเป็นตกใจและหันซ้ายหันขวา “โอ้ โอ้ โอ้ ตายจริง.... นี่ทุกท่านทราบหรือนี่ว่า ข้าคือใคร?” มีเสียงพึมพำตอบว่าใช่ ทุกคนต่างมองชายหนุ่มด้วยสายตาหวาดระแวงขึ้นมาทันที เพราะชื่อเสียงของจิ้งจอกแห่งไวท์ฟอร์ทนั้น ขึ้นชื่อว่าทั้งเจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้ใจ
“แปลกจริงๆที่ชื่อ คาร์ลดีเซนทราบมาถึงที่นี่ แต่ข้ากลับไม่เคยได้ยินชื่อของ โรแลนด์ เรคอมป์ที่ไวท์ฟอร์ทเลย” เสียงของเอเคลเซธหายไปพร้อมกับบรรยากาศตึงเปรี๊ยะที่ก่อตัวขึ้น ชาวเมืองและทหารต่างรู้สึกไม่พอใจ เมื่อเอเคลเซธทิ้งความในว่า พวกไวท์ฟอร์ทไม่ได้รู้จักผู้มีชื่อเสียงอย่าง โรแลนด์ เรคอมป์เลย
“เซอร์คาร์ลดีเซน” เรคอมป์ผู้เริ่มรู้สึกตัวว่า เหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล เขาเรียกเอเคลเซธเพื่อจะเตือนให้เขาหยุด
“โอ้..... ใช่ๆ ขอโทษทีๆ เรคอมป์ -- ” เอเคลเซธแสร้งทำเป็นไม่รู้ตัวว่ากำลังสร้างความไม่พอใจให้กับชาวพ็อตเทอร์รี่ และทำเป็นตกใจที่เรคอมป์เรียกเตือนเขา “ข้าต้องรีบไปทำธุระที่ท่านวานมานี่นา ถึงเพิ่งจะมาถึงที่นี่เหนื่อยๆก็เถอะ แต่เชื่อได้เลยว่า ทหารจากไวท์ฟอร์ทแค่สองร้อยคน สามารถจัดการกับโจรสลัดสองพันนั่นได้สบายๆเลย ไม่ต้องลำบากทหารของพ็อตเทอร์รี่เลย”
ราวกับเอเคลเซธไม่รู้ตัวว่าคำพูดของเขาบาดหูชาวพ็อตเทอร์รี่เอามากๆ ชาวเมืองต่างมองเขาอย่างไม่พอใจและทหารหลายคนส่งเสียงคำรามอย่างหมดความอดกลั้น
“นี่เจ้าจะบอกว่า ทหารของพ็อตเทอร์รี่ไม่กล้าต่อสู้กับโจรสลัดงั้นหรือ?” ทหารคนหนึ่งตะโกนถามเอเคลเซธ
“เปล่าๆๆ” เอเคลเซธแกล้งทำเป็นอึกอัก “เพียงแต่ข้าเห็นว่าอากาศมันหนาว แล้วข้าก็เห็นทหารบางคนเอาแต่นั่งตัวสั่นงั่กๆจากความหนาว.... เอ้อ.... ข้าไม่ได้หมายความว่า ตัวสั่นจากความกลัวนะ.... คือ.... คือว่า......” เขาแกล้งทำเป็นคิดหาคำอธิบายอย่างไม่เข้าท่า และแกล้งทำเป็นตกใจเมื่อเห็นชาวบ้านตะโกนร้องและบางคนถึงกับกระทืบเท้า
“ที่ข้าหมายความก็คือ -- ” เอเคลเซธยกมือขึ้นสองข้างราวกับพยายามรั้งให้ทุกคนฟังเขา “ที่พวกทหารไม่ออกไปจัดการกับโจรสลัดตั้งแต่วันแรกที่พวกมันมาถึง..... อาจจะเป็นเพราะพวกเขายังไม่พร้อม -- ”
“ชาวพ็อตเทอร์รี่ไม่ใช่พวกตาขาว!!” เสียงตวาดดังขึ้นอย่างกึกก้อง พวกเขาหันมองตามก็เห็นเซอร์โรแลนด์ เรคัส ก้าวยาวๆด้วยฝีเท้าหนักที่แฝงอารมณ์รุนแรงทุกย่างก้าว ใบหน้าที่มีหนวดเคราของเขาบูดเบี้ยวด้วยโทสะ ข้างขมับเต้นตุบอย่างน่าหวาดกลัว
“ไม่ๆๆๆ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลย!!” เอเคลเซธร้องบอกอย่างตกใจ “ที่ข้าหมายความคือ จะฉลาดกว่าถ้าเราร่วมมือ -- ”
“ไม่จำเป็น..... พวกท่านเพิ่งมาถึง..... คงเหนื่อยๆ...... เชิญพวกท่านพักตามสบาย” เรคัสพูดช้าๆเสียงราบเรียบแต่แฝงสำเนียงอันตรายไว้เต็มที่ เขาจ้องเอเคลเซธที่งัดเอาสีหน้าละอายใจขึ้นมา ก่อนจะหันไปตะโกนว่า
“เกณฑ์ทหารและตามข้ามา!! เราจะออกไปล่าโจรสลัด!!”
พวกทหารและชาวเมืองต่างโห่ร้องอย่างฮึกเหิมและติดตามเซอร์โรแลนด์ไปยังชายฝั่งเพื่อดูกองทัพของพ็อตเทอร์รี่จัดการกับกองเรือของโจรสลัด
เอเคลเซธยืนนิ่งมองชาวเมืองและพวกทหารที่หลั่งไหลกันไปที่ชายหาด ทุกคนต่างโกรธจนควันแทบออกหู ชายหนุ่มเดินหลบ และสะกดกลั้นรอยยิ้มไว้อย่างยากลำบาก
“แหม..... งั้นก็เอาที่พวกท่านสบายใจเถอะนะ.....”
*“Yeah Yeah….. -- Beowulve…..” Leonidas’s Quote: “ช่าย ช่าย เบโอวูล์ฟ”
ลีโอไนดัสขำแห้งให้กับมุกเลียนเสียงนามสกุล wulve ซึ่งพ้องเสียงกับ wolf ที่แปลว่าหมาป่า
**“I’m from White Fort….. Myname’s Akelzeth….. -- Akelzeth Karldysen” Akelzeth’s Quote: “ข้ามาจาไวท์ฟอร์ท..... ชื่อของข้าคือ เอเคลเซธ....... -- เอเคลเซธคาร์ลดีเซน”
การเรียกชื่อผู้อื่นจะเรียกจากนามสกุลก่อนเหมือนกับเรคอมป์
(Oh…. so you should be….. -- Sir Karldysen Akelzeth from the White Fort?)
“โอ้..... งั้นท่านก็คงเป็น..... -- เซอร์คาร์ลดีเซน เอเคลเซธ แห่งไวท์ฟอร์ทสินะ?”
แต่การแนะนำตัวเองจะเริ่มจาก ชื่อก่อนและตามด้วยนามสกุลเหมือน เอเคลเซธ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ