7Swords
9.6
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.
31 chapter
3 วิจารณ์
28.92K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
30) Sword of Faith
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 30 Sword of Faith
ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ นั่งอยู่ในรถม้าที่แกว่งไกวน้อยๆตลอดเวลา เขาเหม่อมองทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างเล็กที่ตรงลูกกรงไว้ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ถึงไม่มีลูกกรงตัวเขาก็ไม่มีทางลอดออกไปได้อยู่ดี
ทิวทัศน์ของอาณาเขตไวท์ฟอร์ทที่หิมะเริ่มตกปรอยๆลงมาอีกครั้งเมื่อตอนที่เขาประกาศยอมแพ้ ทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นทิวทัศน์สีขาวตามเดิม ไลโอซ่าร์เหม่อมองบริเวณโดยรอบทั้งๆที่มันช่างแสนคุ้นเคยและแปลกตาในเวลาเดียวกัน
วันที่ห้าหลังจากเขาประกาศยอมแพ้ ขบวนของพ็อตเทอร์รี่ก็กลับมาถึงเมืองของพวกเขาซึ่งตอนนี้อากาศกลับเป็นปกติ ไม่มีลมหนาวผิดฤดูพัดมาอีกแล้ว
เรคอมป์ก้าวเข้ามาในรถม้าที่คุมขังนั้น พร้อมกับกิลเมซ
“แล้วอัศวินที่พิชิตไวท์ฟอร์ทได้คนนั้นหายไปไหนเสียล่ะ” ไลโอซ่าร์ถาม
“น่าแปลกที่เราก็สงสัยในสิ่งเดียวกันนะขอรับ ลอร์ดเบโอวูล์ฟ” เรคอมป์เอ่ย กิลเมซแสยะยิ้มเมื่อเขาได้ยินชายหนุ่มเรียกไลโอซ่าร์ว่า ลอร์ด
“นี่จะบอกว่าใครก็ไม่รู้มาตีไวท์ฟอร์ทแตกงั้นหรือ?” ไลโอซ่าร์ถามพลางเลิกคิ้ว
“ใครก็ไม่รู้ที่ถือหนึ่งในเซเว่นซอร์ด....... ลอร์ดเบโอวูล์ฟ” เรคอมป์ทำสีหน้าสนใจพลางลูบคางของเขาอย่างครุ่นคิด “ที่แต่แน่ๆเขาคงมาจาก เบรฟเวอร์รี่การ์เดนล่ะ” ไลโอซ่าร์มีสีหน้าไม่เชื่อและสงสัย แต่กิลเมซเป็นคนตอบข้อสงสัยให้
“ตอนที่เราได้รับแจ้งว่าให้จู่โจมไวท์..... เอ้อ -- ให้จับตัวท่าน เราก็ได้รับแจ้งว่าจะมีกำลังเสริมมาด้วย” กิลเมซเอ่ย
“และตอนนี้เราก็กลับมาถึงพ็อตเทอร์รี่ซึ่งตอนนี้ คณะจากเบรฟเวอรี่การ์เดนก็รอรับตัวท่านอยู่แล้ว..... เราคงต้องจากกันตรงนี้แล้วล่ะนะขอรับ..... --”
“งั้นก็ลาก่อน” ไลโอซ่าร์เอ่ยอย่างไม่สนใจใยดีเท่าใดนัก
“ขอให้เดินทางปลอดภัยครับ” เรคอมป์เอ่ยและลงออกจากรถม้าไป กิลเมซก็ลงตามเขาไป เหลือเพียงไลโอซ่าร์เพียงลำพังบนรถม้า ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงพูดคุยแว่วๆข้างนอก และคนที่ก้าวเข้ามาในรถม้า...... ก็คือ เลดี้โรส.....
ไลโอซ่าร์แม้นจะได้คาดไว้บ้างว่า ใครคือคนที่จะมารับเขา แต่เขาก็ไม่อาจสะกดกลั้นความโกรธได้ เมื่อเห็นเลดี้โรสนั่งลงตรงข้ามเขา ไลโอซ่าร์กระชากตรวจที่ข้อมือราวกับอยากให้มันขาดสะบั้นและตรงเข้าไปบีบคอเธอ
“สบายดีมั้ย ไลโอ?” เธอถามและส่งยิ้มจอมปลอมมาให้ “โอ.... คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่สินะ? แล้ว...... ครอบครัวสุขสันต์ของเจ้าล่ะ? พวกเขาหายไปไหนเสีย?”
“เรื่องทั้งหมดนี่ถูกกำหนดไว้หมดแล้วสินะ..... โรส....” ไลโอซ่าร์ถามลอดไรฟัน เขาขบกรามแน่น
“นี่.... ถ้าข้าเป็นเจ้าตอนนี้ ข้าจะไม่โกรธหรอกนะ..... โดยเฉพาะตอนที่ไม่รู้ชะตากรรมของลูกเมียแบบนี้” เลดี้โรสยิ้ม “หรือเจ้าอยากให้ข้าแหวะท้องเมียของเจ้าสดๆแล้วลากลูกในท้องของนางออกมากระทืบตรงหน้าเจ้าล่ะ?”
“นี่เจ้า..... -- ”
“รู้อะไรไหม?” โรสเอ่ยพลางลุกขึ้นเพื่อเดินออกจากรถม้า “ข้าไม่ชอบน้ำเสียงของเจ้าตอนนี้เอาเสียเลย..... คอยรอดูก็แล้วกันนะ ว่าข้าจะทำอะไรได้บ้าง.....”
การได้ทรมานจิตใจไลโอซ่าร์ถือเป็นความบันเทิงอย่างหฤหรรษ์ของเลดี้โรสในระหว่างเดินทางกลับไปสู่เบรฟเวอรี่การ์เดน ไลโอซ่าร์ไม่อาจเหม่อมองทิวทัศน์ที่คุ้นเคยเมื่อสมัยยังเป็นหนุ่มได้เลย เมื่อสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาคือข่าวลือที่มีเค้ามูลน่าเชื่อถือโดยโรสถือเป็นธุระที่จะต้องนำข่าวนั้นมาบอกกับไลโอซ่าร์เอง เพื่อที่จะได้สนุกสนานกับการได้เห็นอดีตคนรักตรอมตรม
“โรส..... ได้โปรดเถอะ.... เห็นแก่ข้าสักครั้ง..... ปล่อยพวกเขาไป” ไลโอซ่าร์อ้อนวอนเลดีโรสพร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชายที่หลั่งรินในค่ำคืนวันที่แปดของการเดินทางกลับสู่เบรฟเวอรี่การ์เดน “ข้ายอมทุกอย่าง..... ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้าทำอะไร”
แต่โรสกับหัวเราะอย่างใจร้าย
“ดูเจ้าซิ ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ......” เธอเดินเข้าไปใกล้ไลโอซ่าร์ที่คุกเข่าร้องไห้อยู่ “หมดทั้งความองอาจ ทั้งเกียรติยศ เพียงเพราะการเล่นครอบครัว -- ”
เลดี้โรสไหวตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นไลโอซ่าร์พุ่งเข้ามาคว้าที่คอของเธอ.... -- แต่ก็พลาดไป
“โรส.....!! โรสสสสส!!” ไลโอซ่าร์ตะคอกและกู่ร้องราวกับเสียสติ มือของเขาพยายามไขว่คว้าเข้าใกล้เลดี้โรสให้ได้มากที่สุด
“ใช่.....” เธอลูบรอยช้ำน้อยๆบริเวณคอของเธอ “ต้องแบบนี้สิ....!!” แล้วเธอก็หัวเราะและก้าวลงจากรถม้าไป ปล่อยให้ไลโอซ่าร์ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งในรถม้าก่อนจะปิดประตูและหน้าต่าง ตลอดอีกสามวันที่เดินทางกลับเมือง
ข่าวการประกาศยอมแพ้ของไวท์ฟอร์ท และข่าวการยอมสวามิภักดิ์ของไออนเกท รวมถึงข่าวของการมีอยู่จริงๆของเซเวนซอร์ดส์ ซึ่งถล่มไวท์ฟอร์ทที่ได้ชื่อว่าไม่มีวันตีแตกได้ถ้ารบแบบซึ่งหน้า กระจายไปทั่วทุกเมือง
เมื่อพวกขบวนของเลดี้โรสที่คุมตัวไลโอซ่าร์กลับเข้าเมืองแล้ว ชาวเมืองก็ต่างออกมาต้อนรับและก็ต่างจับตามองรถม้าที่มีลูกกรงตีไว้ตรงหน้าต่าง
“หวังว่าเขายังไม่ตายใช่มั้ย?” โรสเอ่ยถามหลังจากลงจากม้าแล้ว
“ยังครับ.....” ทหารคนหนึ่งรายงานก่อนจะเงี่ยหูฟังภายใน “ข้าได้ยินเสียงของเขาร้องเพ้ออยู่”
“ดี..... พาไปคุกหลวงสิ”
ทหารสองคนยืนอยู่คนละฝั่งของรถม้าก่อนจะเปิดประตูและเข้าไปหิ้วปีกของไลโอซ่าร์ออกมา
จากชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานและดูสง่าสมชาตินักรบ กลับกลายเป็นผ่ายผอมและดูเหมือนคนวิกลจริตพูดพร่ำและตาลอยตลอดเวลา เขาถูกลากเท้าเรี่ยไปกับพื้นผ่านสายตาของประชาชนที่ตะโกนด่าว่าอย่างสมเพชและรังเกียจชิงชัง
ไลโอซ่าร์ถูกขังอยู่ในคุกมืดสิบวันเต็มๆ โดยได้เพียงอาหารวันละมื้อ
ในความมืดมีแต่จะทำให้เขาเสียสติ
เขาคิดถึงลิมพาเนีย ลีโอไนดัส ไลโอเนล ลูกของเขากับลิมพาเนียที่กำลังจะเกิด.... และ.... --
ราวกับสติของเขากลับมาในรอบหลายต่อหลายวัน ไลโอซ่าร์รับรู้ว่าตัวเองอยู่ในความมืดที่แม้แต่มือของเขาก็มองไม่เห็น และกำแพงที่ทั้งแข็งและชื้น ไอความเย็นที่แผ่ออกมาราวกับจะทำให้นักโทษที่ถูกขังเป็นประสาท
ทว่าความเย็นเพียงแค่นี้นับว่าจิ๊บจ๊อยมากสำหรับชาวไวท์ฟอร์ท
ไลโอซ่าร์นอนลงที่พื้นคุกแข็งๆเขาปล่อยให้ตัวเองคิดถึง ครอบครัวของเขาซึ่งมันทำให้เขากลับมามีสติอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเห็นแสงสว่างทั้งๆที่หลับตาและตื่นอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าแสงนั้นมาจากไหน..... แสงที่ไม่ทำให้ตาพร่ามัว
เมื่อเขาเริ่มคิดหาที่มาของแสงนั้น ไลโอซ่าร์ก็จะพบว่าตัวเองอยู่ในความมืดอีกครั้ง.....
แต่เมื่อไหร่ที่คิดถึงครอบครัว แสงนั้นก็จะกลับมาทุกๆครั้ง
จวบจนเขารับรู้ได้ว่า เขาอยู่ในคุกใต้ดินมาราวหนึ่งเดือน ประตูคุกก็เปิดออก
เขาถูกจับและล่ามไว้และถูกพาออกมายังลานประหาร ณ. ต่อหน้าสาธารณะชนที่ส่งเสียงโห่ร้อง ตะโกนด่าทอเขาว่าเป็นสุนัขชั้นต่ำ ท่ามกลางสายตาของคนนั้นหมื่นที่หลั่งไหลกันมาเพื่อดูวาระสุดท้ายของเขา
“ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ” เสียงสะท้านกังวาลของชายที่แต่งชุดขุนนางและถือกระดาษม้วนเบื้องหน้าลานประหารเอ่ยขึ้นเมื่อ ทหารพาเขามานั่งอยู่ใจกลางลานประหาร ไลโอซ่าร์มองไปยังประตูที่อยู่ต่ำลงมาจากฐานยกสูงทั้งสี่ประตูซึ่งประจำอยู่สี่ทิศ..... แต่ละทิศมีม้าประจำอยู่และมีเชือกยาวที่กองเป็นขดไว้
“การไต่สวนความผิดของเจ้าได้กระทำตามกระบวนการของศาลฎีกาชั้นสูงสุด และถูกติดสินว่ามีความผิดฐานกบฏจริง ต้องโทษประหารโดยม้าแยกสังขาร!!”
แล้วขุนนางคนนั้นก็ปิดม้วนกระดาษโดยไม่รั้งรอ เพชฌฆาตก็ผลักเขาให้นอนลงและ ก็เอาเชือกที่มัดติดกับม้าเข้ามาล่ามแขนขาของไลโอซ่าร์ เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดเพื่อปกป้องชีวิตของตัวเอง
แต่ไลโอซ่าร์ก็ยอมรับชะตากรรมนั้น..... ถ้าหากเขาต้องยอมรับมันจริงๆ......
พระนักเทศน์ เดินเข้ามาหาเขาสามคนด้วยอาการสงบ นักบวชทั้งสามเอ่ยอ้างถึงพิธีอันลึกลับโบราณของการกำเนิดโลก และกลายกำเนิดของมนุษย์จากดิน และการกลับสู่ดิน
ไลโอซ่าร์นอนนิ่งฟังถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์อย่างสงบนิ่ง.....
และเมื่อเขาหลับตาเขาก็เห็นแสงสว่างนั้นอีกครั้ง คราวนี้มันช่างแจ่มชัด ราวกับเทวทูตเสด็จมารับวิญญาณของเขาแล้ว
“ภายใต้นามแห่ง เซเว่นซอร์ดส์ ปฐมบทแห่งการรังสรรค์ เดอะเฟธซอร์ด -- ดาบแห่งศรัทธา เจ้าคือ เบโอวูล์ฟ ไลโอซ่าร์ ใช่หรือไม่?” หัวหน้านักบวชถาม
“ใช่...... ข้า.... ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ”
“ด้วย เบโอวูล์ฟที่สถิตในดินแดนแห่งผู้รังสรรค์ เจ้าจงยอมรับการเดินทางสู่มหาทวารนั้นเทอญ.....”
เสียงของการสวดจบลง พร้อมกับกับเสียงของแส้ม้าที่หวดแหวกอากาศ
ไลโอซ่าร์ที่หลับตาอยู่รับรู้ว่า ในอีกไม่กี่วินาทีนี้ ความตายจะมาเยือนเขาแล้ว -- เขาคิดถึงครอบครัวของเขา
และเสียงม้าก็หวีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับเสียงกีบเท้าที่ดังระรัวจากสี่ทิศ พร้อมๆกันนั้น แสงสว่างก็วาบขึ้นในดวงตาของไลโอซ่าร์จนเขาต้องลืมตาขึ้นและมองเห็น รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ยักษ์ของราชวงค์ไลอ้อนฮาร์ท รูปปั้นต้นตระกูลวาเลนไทน์ที่ถือซอร์ดออฟไทรอัมพ์ และ รูปปั้นต้นตระกูลเบโอวูล์ฟที่ถือซอร์ดออฟเฟธ --
“ด้วยศรัทธาแห่งข้า!! หากความผิดของข้าไม่เป็นจริง ขอดาบแห่งศรัทธาโปรดมอบพลังให้กับข้า!!”
ไลโอซ่าร์ตะโกนก้องพร้อมกันนั้นดาบที่รูปปั้นต้นตระกูลเบโอวูล์ฟถืออยู่ก็ร่วงลงมาปักบนพื้นตัดเชือกออกจากแขนขวา ไลโอซ่าร์ไม่รอช้า เขาคว้าดาบมาและสะบั้นเชือกจากแขนขาก่อนที่ม้าจะกระชากร่างของเขาตามไป
เสียงตะโกนอย่างตกใจดังขึ้นระงม เมื่อทุกคนเห็นว่านักโทษประหารรอดชีวิตมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดาบหินที่ประดับรูปปั้นกลับกลายเป็นดาบจริงได้อย่างไรกัน
ไลโอซ่าร์เงยหน้าขึ้นไปมองที่ประทับ ที่ราชานั่งอยู่
แต่สายฟ้าก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้ากลางวันแสกๆ --
อัศวินเกราะดำปรากฏกายอีกครั้ง พร้อมกับ ซอร์ดออฟไทรอัมพ์ที่ส่งกระแสไฟฟ้าแล่นทั่วดาบ......
ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ นั่งอยู่ในรถม้าที่แกว่งไกวน้อยๆตลอดเวลา เขาเหม่อมองทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างเล็กที่ตรงลูกกรงไว้ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ถึงไม่มีลูกกรงตัวเขาก็ไม่มีทางลอดออกไปได้อยู่ดี
ทิวทัศน์ของอาณาเขตไวท์ฟอร์ทที่หิมะเริ่มตกปรอยๆลงมาอีกครั้งเมื่อตอนที่เขาประกาศยอมแพ้ ทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นทิวทัศน์สีขาวตามเดิม ไลโอซ่าร์เหม่อมองบริเวณโดยรอบทั้งๆที่มันช่างแสนคุ้นเคยและแปลกตาในเวลาเดียวกัน
วันที่ห้าหลังจากเขาประกาศยอมแพ้ ขบวนของพ็อตเทอร์รี่ก็กลับมาถึงเมืองของพวกเขาซึ่งตอนนี้อากาศกลับเป็นปกติ ไม่มีลมหนาวผิดฤดูพัดมาอีกแล้ว
เรคอมป์ก้าวเข้ามาในรถม้าที่คุมขังนั้น พร้อมกับกิลเมซ
“แล้วอัศวินที่พิชิตไวท์ฟอร์ทได้คนนั้นหายไปไหนเสียล่ะ” ไลโอซ่าร์ถาม
“น่าแปลกที่เราก็สงสัยในสิ่งเดียวกันนะขอรับ ลอร์ดเบโอวูล์ฟ” เรคอมป์เอ่ย กิลเมซแสยะยิ้มเมื่อเขาได้ยินชายหนุ่มเรียกไลโอซ่าร์ว่า ลอร์ด
“นี่จะบอกว่าใครก็ไม่รู้มาตีไวท์ฟอร์ทแตกงั้นหรือ?” ไลโอซ่าร์ถามพลางเลิกคิ้ว
“ใครก็ไม่รู้ที่ถือหนึ่งในเซเว่นซอร์ด....... ลอร์ดเบโอวูล์ฟ” เรคอมป์ทำสีหน้าสนใจพลางลูบคางของเขาอย่างครุ่นคิด “ที่แต่แน่ๆเขาคงมาจาก เบรฟเวอร์รี่การ์เดนล่ะ” ไลโอซ่าร์มีสีหน้าไม่เชื่อและสงสัย แต่กิลเมซเป็นคนตอบข้อสงสัยให้
“ตอนที่เราได้รับแจ้งว่าให้จู่โจมไวท์..... เอ้อ -- ให้จับตัวท่าน เราก็ได้รับแจ้งว่าจะมีกำลังเสริมมาด้วย” กิลเมซเอ่ย
“และตอนนี้เราก็กลับมาถึงพ็อตเทอร์รี่ซึ่งตอนนี้ คณะจากเบรฟเวอรี่การ์เดนก็รอรับตัวท่านอยู่แล้ว..... เราคงต้องจากกันตรงนี้แล้วล่ะนะขอรับ..... --”
“งั้นก็ลาก่อน” ไลโอซ่าร์เอ่ยอย่างไม่สนใจใยดีเท่าใดนัก
“ขอให้เดินทางปลอดภัยครับ” เรคอมป์เอ่ยและลงออกจากรถม้าไป กิลเมซก็ลงตามเขาไป เหลือเพียงไลโอซ่าร์เพียงลำพังบนรถม้า ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงพูดคุยแว่วๆข้างนอก และคนที่ก้าวเข้ามาในรถม้า...... ก็คือ เลดี้โรส.....
ไลโอซ่าร์แม้นจะได้คาดไว้บ้างว่า ใครคือคนที่จะมารับเขา แต่เขาก็ไม่อาจสะกดกลั้นความโกรธได้ เมื่อเห็นเลดี้โรสนั่งลงตรงข้ามเขา ไลโอซ่าร์กระชากตรวจที่ข้อมือราวกับอยากให้มันขาดสะบั้นและตรงเข้าไปบีบคอเธอ
“สบายดีมั้ย ไลโอ?” เธอถามและส่งยิ้มจอมปลอมมาให้ “โอ.... คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่สินะ? แล้ว...... ครอบครัวสุขสันต์ของเจ้าล่ะ? พวกเขาหายไปไหนเสีย?”
“เรื่องทั้งหมดนี่ถูกกำหนดไว้หมดแล้วสินะ..... โรส....” ไลโอซ่าร์ถามลอดไรฟัน เขาขบกรามแน่น
“นี่.... ถ้าข้าเป็นเจ้าตอนนี้ ข้าจะไม่โกรธหรอกนะ..... โดยเฉพาะตอนที่ไม่รู้ชะตากรรมของลูกเมียแบบนี้” เลดี้โรสยิ้ม “หรือเจ้าอยากให้ข้าแหวะท้องเมียของเจ้าสดๆแล้วลากลูกในท้องของนางออกมากระทืบตรงหน้าเจ้าล่ะ?”
“นี่เจ้า..... -- ”
“รู้อะไรไหม?” โรสเอ่ยพลางลุกขึ้นเพื่อเดินออกจากรถม้า “ข้าไม่ชอบน้ำเสียงของเจ้าตอนนี้เอาเสียเลย..... คอยรอดูก็แล้วกันนะ ว่าข้าจะทำอะไรได้บ้าง.....”
การได้ทรมานจิตใจไลโอซ่าร์ถือเป็นความบันเทิงอย่างหฤหรรษ์ของเลดี้โรสในระหว่างเดินทางกลับไปสู่เบรฟเวอรี่การ์เดน ไลโอซ่าร์ไม่อาจเหม่อมองทิวทัศน์ที่คุ้นเคยเมื่อสมัยยังเป็นหนุ่มได้เลย เมื่อสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาคือข่าวลือที่มีเค้ามูลน่าเชื่อถือโดยโรสถือเป็นธุระที่จะต้องนำข่าวนั้นมาบอกกับไลโอซ่าร์เอง เพื่อที่จะได้สนุกสนานกับการได้เห็นอดีตคนรักตรอมตรม
“โรส..... ได้โปรดเถอะ.... เห็นแก่ข้าสักครั้ง..... ปล่อยพวกเขาไป” ไลโอซ่าร์อ้อนวอนเลดีโรสพร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชายที่หลั่งรินในค่ำคืนวันที่แปดของการเดินทางกลับสู่เบรฟเวอรี่การ์เดน “ข้ายอมทุกอย่าง..... ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้าทำอะไร”
แต่โรสกับหัวเราะอย่างใจร้าย
“ดูเจ้าซิ ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ......” เธอเดินเข้าไปใกล้ไลโอซ่าร์ที่คุกเข่าร้องไห้อยู่ “หมดทั้งความองอาจ ทั้งเกียรติยศ เพียงเพราะการเล่นครอบครัว -- ”
เลดี้โรสไหวตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นไลโอซ่าร์พุ่งเข้ามาคว้าที่คอของเธอ.... -- แต่ก็พลาดไป
“โรส.....!! โรสสสสส!!” ไลโอซ่าร์ตะคอกและกู่ร้องราวกับเสียสติ มือของเขาพยายามไขว่คว้าเข้าใกล้เลดี้โรสให้ได้มากที่สุด
“ใช่.....” เธอลูบรอยช้ำน้อยๆบริเวณคอของเธอ “ต้องแบบนี้สิ....!!” แล้วเธอก็หัวเราะและก้าวลงจากรถม้าไป ปล่อยให้ไลโอซ่าร์ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งในรถม้าก่อนจะปิดประตูและหน้าต่าง ตลอดอีกสามวันที่เดินทางกลับเมือง
ข่าวการประกาศยอมแพ้ของไวท์ฟอร์ท และข่าวการยอมสวามิภักดิ์ของไออนเกท รวมถึงข่าวของการมีอยู่จริงๆของเซเวนซอร์ดส์ ซึ่งถล่มไวท์ฟอร์ทที่ได้ชื่อว่าไม่มีวันตีแตกได้ถ้ารบแบบซึ่งหน้า กระจายไปทั่วทุกเมือง
เมื่อพวกขบวนของเลดี้โรสที่คุมตัวไลโอซ่าร์กลับเข้าเมืองแล้ว ชาวเมืองก็ต่างออกมาต้อนรับและก็ต่างจับตามองรถม้าที่มีลูกกรงตีไว้ตรงหน้าต่าง
“หวังว่าเขายังไม่ตายใช่มั้ย?” โรสเอ่ยถามหลังจากลงจากม้าแล้ว
“ยังครับ.....” ทหารคนหนึ่งรายงานก่อนจะเงี่ยหูฟังภายใน “ข้าได้ยินเสียงของเขาร้องเพ้ออยู่”
“ดี..... พาไปคุกหลวงสิ”
ทหารสองคนยืนอยู่คนละฝั่งของรถม้าก่อนจะเปิดประตูและเข้าไปหิ้วปีกของไลโอซ่าร์ออกมา
จากชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานและดูสง่าสมชาตินักรบ กลับกลายเป็นผ่ายผอมและดูเหมือนคนวิกลจริตพูดพร่ำและตาลอยตลอดเวลา เขาถูกลากเท้าเรี่ยไปกับพื้นผ่านสายตาของประชาชนที่ตะโกนด่าว่าอย่างสมเพชและรังเกียจชิงชัง
ไลโอซ่าร์ถูกขังอยู่ในคุกมืดสิบวันเต็มๆ โดยได้เพียงอาหารวันละมื้อ
ในความมืดมีแต่จะทำให้เขาเสียสติ
เขาคิดถึงลิมพาเนีย ลีโอไนดัส ไลโอเนล ลูกของเขากับลิมพาเนียที่กำลังจะเกิด.... และ.... --
ราวกับสติของเขากลับมาในรอบหลายต่อหลายวัน ไลโอซ่าร์รับรู้ว่าตัวเองอยู่ในความมืดที่แม้แต่มือของเขาก็มองไม่เห็น และกำแพงที่ทั้งแข็งและชื้น ไอความเย็นที่แผ่ออกมาราวกับจะทำให้นักโทษที่ถูกขังเป็นประสาท
ทว่าความเย็นเพียงแค่นี้นับว่าจิ๊บจ๊อยมากสำหรับชาวไวท์ฟอร์ท
ไลโอซ่าร์นอนลงที่พื้นคุกแข็งๆเขาปล่อยให้ตัวเองคิดถึง ครอบครัวของเขาซึ่งมันทำให้เขากลับมามีสติอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเห็นแสงสว่างทั้งๆที่หลับตาและตื่นอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าแสงนั้นมาจากไหน..... แสงที่ไม่ทำให้ตาพร่ามัว
เมื่อเขาเริ่มคิดหาที่มาของแสงนั้น ไลโอซ่าร์ก็จะพบว่าตัวเองอยู่ในความมืดอีกครั้ง.....
แต่เมื่อไหร่ที่คิดถึงครอบครัว แสงนั้นก็จะกลับมาทุกๆครั้ง
จวบจนเขารับรู้ได้ว่า เขาอยู่ในคุกใต้ดินมาราวหนึ่งเดือน ประตูคุกก็เปิดออก
เขาถูกจับและล่ามไว้และถูกพาออกมายังลานประหาร ณ. ต่อหน้าสาธารณะชนที่ส่งเสียงโห่ร้อง ตะโกนด่าทอเขาว่าเป็นสุนัขชั้นต่ำ ท่ามกลางสายตาของคนนั้นหมื่นที่หลั่งไหลกันมาเพื่อดูวาระสุดท้ายของเขา
“ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ” เสียงสะท้านกังวาลของชายที่แต่งชุดขุนนางและถือกระดาษม้วนเบื้องหน้าลานประหารเอ่ยขึ้นเมื่อ ทหารพาเขามานั่งอยู่ใจกลางลานประหาร ไลโอซ่าร์มองไปยังประตูที่อยู่ต่ำลงมาจากฐานยกสูงทั้งสี่ประตูซึ่งประจำอยู่สี่ทิศ..... แต่ละทิศมีม้าประจำอยู่และมีเชือกยาวที่กองเป็นขดไว้
“การไต่สวนความผิดของเจ้าได้กระทำตามกระบวนการของศาลฎีกาชั้นสูงสุด และถูกติดสินว่ามีความผิดฐานกบฏจริง ต้องโทษประหารโดยม้าแยกสังขาร!!”
แล้วขุนนางคนนั้นก็ปิดม้วนกระดาษโดยไม่รั้งรอ เพชฌฆาตก็ผลักเขาให้นอนลงและ ก็เอาเชือกที่มัดติดกับม้าเข้ามาล่ามแขนขาของไลโอซ่าร์ เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดเพื่อปกป้องชีวิตของตัวเอง
แต่ไลโอซ่าร์ก็ยอมรับชะตากรรมนั้น..... ถ้าหากเขาต้องยอมรับมันจริงๆ......
พระนักเทศน์ เดินเข้ามาหาเขาสามคนด้วยอาการสงบ นักบวชทั้งสามเอ่ยอ้างถึงพิธีอันลึกลับโบราณของการกำเนิดโลก และกลายกำเนิดของมนุษย์จากดิน และการกลับสู่ดิน
ไลโอซ่าร์นอนนิ่งฟังถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์อย่างสงบนิ่ง.....
และเมื่อเขาหลับตาเขาก็เห็นแสงสว่างนั้นอีกครั้ง คราวนี้มันช่างแจ่มชัด ราวกับเทวทูตเสด็จมารับวิญญาณของเขาแล้ว
“ภายใต้นามแห่ง เซเว่นซอร์ดส์ ปฐมบทแห่งการรังสรรค์ เดอะเฟธซอร์ด -- ดาบแห่งศรัทธา เจ้าคือ เบโอวูล์ฟ ไลโอซ่าร์ ใช่หรือไม่?” หัวหน้านักบวชถาม
“ใช่...... ข้า.... ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ”
“ด้วย เบโอวูล์ฟที่สถิตในดินแดนแห่งผู้รังสรรค์ เจ้าจงยอมรับการเดินทางสู่มหาทวารนั้นเทอญ.....”
เสียงของการสวดจบลง พร้อมกับกับเสียงของแส้ม้าที่หวดแหวกอากาศ
ไลโอซ่าร์ที่หลับตาอยู่รับรู้ว่า ในอีกไม่กี่วินาทีนี้ ความตายจะมาเยือนเขาแล้ว -- เขาคิดถึงครอบครัวของเขา
และเสียงม้าก็หวีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับเสียงกีบเท้าที่ดังระรัวจากสี่ทิศ พร้อมๆกันนั้น แสงสว่างก็วาบขึ้นในดวงตาของไลโอซ่าร์จนเขาต้องลืมตาขึ้นและมองเห็น รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ยักษ์ของราชวงค์ไลอ้อนฮาร์ท รูปปั้นต้นตระกูลวาเลนไทน์ที่ถือซอร์ดออฟไทรอัมพ์ และ รูปปั้นต้นตระกูลเบโอวูล์ฟที่ถือซอร์ดออฟเฟธ --
“ด้วยศรัทธาแห่งข้า!! หากความผิดของข้าไม่เป็นจริง ขอดาบแห่งศรัทธาโปรดมอบพลังให้กับข้า!!”
ไลโอซ่าร์ตะโกนก้องพร้อมกันนั้นดาบที่รูปปั้นต้นตระกูลเบโอวูล์ฟถืออยู่ก็ร่วงลงมาปักบนพื้นตัดเชือกออกจากแขนขวา ไลโอซ่าร์ไม่รอช้า เขาคว้าดาบมาและสะบั้นเชือกจากแขนขาก่อนที่ม้าจะกระชากร่างของเขาตามไป
เสียงตะโกนอย่างตกใจดังขึ้นระงม เมื่อทุกคนเห็นว่านักโทษประหารรอดชีวิตมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดาบหินที่ประดับรูปปั้นกลับกลายเป็นดาบจริงได้อย่างไรกัน
ไลโอซ่าร์เงยหน้าขึ้นไปมองที่ประทับ ที่ราชานั่งอยู่
แต่สายฟ้าก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้ากลางวันแสกๆ --
อัศวินเกราะดำปรากฏกายอีกครั้ง พร้อมกับ ซอร์ดออฟไทรอัมพ์ที่ส่งกระแสไฟฟ้าแล่นทั่วดาบ......
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ