7Swords
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
30) Sword of Faith
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 30 Sword of Faith
ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ นั่งอยู่ในรถม้าที่แกว่งไกวน้อยๆตลอดเวลา เขาเหม่อมองทิวทัศน์จากนอกหน้าต่างเล็กที่ตรงลูกกรงไว้ ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ถึงไม่มีลูกกรงตัวเขาก็ไม่มีทางลอดออกไปได้อยู่ดี
ทิวทัศน์ของอาณาเขตไวท์ฟอร์ทที่หิมะเริ่มตกปรอยๆลงมาอีกครั้งเมื่อตอนที่เขาประกาศยอมแพ้ ทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นทิวทัศน์สีขาวตามเดิม ไลโอซ่าร์เหม่อมองบริเวณโดยรอบทั้งๆที่มันช่างแสนคุ้นเคยและแปลกตาในเวลาเดียวกัน
วันที่ห้าหลังจากเขาประกาศยอมแพ้ ขบวนของพ็อตเทอร์รี่ก็กลับมาถึงเมืองของพวกเขาซึ่งตอนนี้อากาศกลับเป็นปกติ ไม่มีลมหนาวผิดฤดูพัดมาอีกแล้ว
เรคอมป์ก้าวเข้ามาในรถม้าที่คุมขังนั้น พร้อมกับกิลเมซ
“แล้วอัศวินที่พิชิตไวท์ฟอร์ทได้คนนั้นหายไปไหนเสียล่ะ” ไลโอซ่าร์ถาม
“น่าแปลกที่เราก็สงสัยในสิ่งเดียวกันนะขอรับ ลอร์ดเบโอวูล์ฟ” เรคอมป์เอ่ย กิลเมซแสยะยิ้มเมื่อเขาได้ยินชายหนุ่มเรียกไลโอซ่าร์ว่า ลอร์ด
“นี่จะบอกว่าใครก็ไม่รู้มาตีไวท์ฟอร์ทแตกงั้นหรือ?” ไลโอซ่าร์ถามพลางเลิกคิ้ว
“ใครก็ไม่รู้ที่ถือหนึ่งในเซเว่นซอร์ด....... ลอร์ดเบโอวูล์ฟ” เรคอมป์ทำสีหน้าสนใจพลางลูบคางของเขาอย่างครุ่นคิด “ที่แต่แน่ๆเขาคงมาจาก เบรฟเวอร์รี่การ์เดนล่ะ” ไลโอซ่าร์มีสีหน้าไม่เชื่อและสงสัย แต่กิลเมซเป็นคนตอบข้อสงสัยให้
“ตอนที่เราได้รับแจ้งว่าให้จู่โจมไวท์..... เอ้อ -- ให้จับตัวท่าน เราก็ได้รับแจ้งว่าจะมีกำลังเสริมมาด้วย” กิลเมซเอ่ย
“และตอนนี้เราก็กลับมาถึงพ็อตเทอร์รี่ซึ่งตอนนี้ คณะจากเบรฟเวอรี่การ์เดนก็รอรับตัวท่านอยู่แล้ว..... เราคงต้องจากกันตรงนี้แล้วล่ะนะขอรับ..... --”
“งั้นก็ลาก่อน” ไลโอซ่าร์เอ่ยอย่างไม่สนใจใยดีเท่าใดนัก
“ขอให้เดินทางปลอดภัยครับ” เรคอมป์เอ่ยและลงออกจากรถม้าไป กิลเมซก็ลงตามเขาไป เหลือเพียงไลโอซ่าร์เพียงลำพังบนรถม้า ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงพูดคุยแว่วๆข้างนอก และคนที่ก้าวเข้ามาในรถม้า...... ก็คือ เลดี้โรส.....
ไลโอซ่าร์แม้นจะได้คาดไว้บ้างว่า ใครคือคนที่จะมารับเขา แต่เขาก็ไม่อาจสะกดกลั้นความโกรธได้ เมื่อเห็นเลดี้โรสนั่งลงตรงข้ามเขา ไลโอซ่าร์กระชากตรวจที่ข้อมือราวกับอยากให้มันขาดสะบั้นและตรงเข้าไปบีบคอเธอ
“สบายดีมั้ย ไลโอ?” เธอถามและส่งยิ้มจอมปลอมมาให้ “โอ.... คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่สินะ? แล้ว...... ครอบครัวสุขสันต์ของเจ้าล่ะ? พวกเขาหายไปไหนเสีย?”
“เรื่องทั้งหมดนี่ถูกกำหนดไว้หมดแล้วสินะ..... โรส....” ไลโอซ่าร์ถามลอดไรฟัน เขาขบกรามแน่น
“นี่.... ถ้าข้าเป็นเจ้าตอนนี้ ข้าจะไม่โกรธหรอกนะ..... โดยเฉพาะตอนที่ไม่รู้ชะตากรรมของลูกเมียแบบนี้” เลดี้โรสยิ้ม “หรือเจ้าอยากให้ข้าแหวะท้องเมียของเจ้าสดๆแล้วลากลูกในท้องของนางออกมากระทืบตรงหน้าเจ้าล่ะ?”
“นี่เจ้า..... -- ”
“รู้อะไรไหม?” โรสเอ่ยพลางลุกขึ้นเพื่อเดินออกจากรถม้า “ข้าไม่ชอบน้ำเสียงของเจ้าตอนนี้เอาเสียเลย..... คอยรอดูก็แล้วกันนะ ว่าข้าจะทำอะไรได้บ้าง.....”
การได้ทรมานจิตใจไลโอซ่าร์ถือเป็นความบันเทิงอย่างหฤหรรษ์ของเลดี้โรสในระหว่างเดินทางกลับไปสู่เบรฟเวอรี่การ์เดน ไลโอซ่าร์ไม่อาจเหม่อมองทิวทัศน์ที่คุ้นเคยเมื่อสมัยยังเป็นหนุ่มได้เลย เมื่อสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาคือข่าวลือที่มีเค้ามูลน่าเชื่อถือโดยโรสถือเป็นธุระที่จะต้องนำข่าวนั้นมาบอกกับไลโอซ่าร์เอง เพื่อที่จะได้สนุกสนานกับการได้เห็นอดีตคนรักตรอมตรม
“โรส..... ได้โปรดเถอะ.... เห็นแก่ข้าสักครั้ง..... ปล่อยพวกเขาไป” ไลโอซ่าร์อ้อนวอนเลดีโรสพร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชายที่หลั่งรินในค่ำคืนวันที่แปดของการเดินทางกลับสู่เบรฟเวอรี่การ์เดน “ข้ายอมทุกอย่าง..... ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้าทำอะไร”
แต่โรสกับหัวเราะอย่างใจร้าย
“ดูเจ้าซิ ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ......” เธอเดินเข้าไปใกล้ไลโอซ่าร์ที่คุกเข่าร้องไห้อยู่ “หมดทั้งความองอาจ ทั้งเกียรติยศ เพียงเพราะการเล่นครอบครัว -- ”
เลดี้โรสไหวตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นไลโอซ่าร์พุ่งเข้ามาคว้าที่คอของเธอ.... -- แต่ก็พลาดไป
“โรส.....!! โรสสสสส!!” ไลโอซ่าร์ตะคอกและกู่ร้องราวกับเสียสติ มือของเขาพยายามไขว่คว้าเข้าใกล้เลดี้โรสให้ได้มากที่สุด
“ใช่.....” เธอลูบรอยช้ำน้อยๆบริเวณคอของเธอ “ต้องแบบนี้สิ....!!” แล้วเธอก็หัวเราะและก้าวลงจากรถม้าไป ปล่อยให้ไลโอซ่าร์ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งในรถม้าก่อนจะปิดประตูและหน้าต่าง ตลอดอีกสามวันที่เดินทางกลับเมือง
ข่าวการประกาศยอมแพ้ของไวท์ฟอร์ท และข่าวการยอมสวามิภักดิ์ของไออนเกท รวมถึงข่าวของการมีอยู่จริงๆของเซเวนซอร์ดส์ ซึ่งถล่มไวท์ฟอร์ทที่ได้ชื่อว่าไม่มีวันตีแตกได้ถ้ารบแบบซึ่งหน้า กระจายไปทั่วทุกเมือง
เมื่อพวกขบวนของเลดี้โรสที่คุมตัวไลโอซ่าร์กลับเข้าเมืองแล้ว ชาวเมืองก็ต่างออกมาต้อนรับและก็ต่างจับตามองรถม้าที่มีลูกกรงตีไว้ตรงหน้าต่าง
“หวังว่าเขายังไม่ตายใช่มั้ย?” โรสเอ่ยถามหลังจากลงจากม้าแล้ว
“ยังครับ.....” ทหารคนหนึ่งรายงานก่อนจะเงี่ยหูฟังภายใน “ข้าได้ยินเสียงของเขาร้องเพ้ออยู่”
“ดี..... พาไปคุกหลวงสิ”
ทหารสองคนยืนอยู่คนละฝั่งของรถม้าก่อนจะเปิดประตูและเข้าไปหิ้วปีกของไลโอซ่าร์ออกมา
จากชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานและดูสง่าสมชาตินักรบ กลับกลายเป็นผ่ายผอมและดูเหมือนคนวิกลจริตพูดพร่ำและตาลอยตลอดเวลา เขาถูกลากเท้าเรี่ยไปกับพื้นผ่านสายตาของประชาชนที่ตะโกนด่าว่าอย่างสมเพชและรังเกียจชิงชัง
ไลโอซ่าร์ถูกขังอยู่ในคุกมืดสิบวันเต็มๆ โดยได้เพียงอาหารวันละมื้อ
ในความมืดมีแต่จะทำให้เขาเสียสติ
เขาคิดถึงลิมพาเนีย ลีโอไนดัส ไลโอเนล ลูกของเขากับลิมพาเนียที่กำลังจะเกิด.... และ.... --
ราวกับสติของเขากลับมาในรอบหลายต่อหลายวัน ไลโอซ่าร์รับรู้ว่าตัวเองอยู่ในความมืดที่แม้แต่มือของเขาก็มองไม่เห็น และกำแพงที่ทั้งแข็งและชื้น ไอความเย็นที่แผ่ออกมาราวกับจะทำให้นักโทษที่ถูกขังเป็นประสาท
ทว่าความเย็นเพียงแค่นี้นับว่าจิ๊บจ๊อยมากสำหรับชาวไวท์ฟอร์ท
ไลโอซ่าร์นอนลงที่พื้นคุกแข็งๆเขาปล่อยให้ตัวเองคิดถึง ครอบครัวของเขาซึ่งมันทำให้เขากลับมามีสติอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเห็นแสงสว่างทั้งๆที่หลับตาและตื่นอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าแสงนั้นมาจากไหน..... แสงที่ไม่ทำให้ตาพร่ามัว
เมื่อเขาเริ่มคิดหาที่มาของแสงนั้น ไลโอซ่าร์ก็จะพบว่าตัวเองอยู่ในความมืดอีกครั้ง.....
แต่เมื่อไหร่ที่คิดถึงครอบครัว แสงนั้นก็จะกลับมาทุกๆครั้ง
จวบจนเขารับรู้ได้ว่า เขาอยู่ในคุกใต้ดินมาราวหนึ่งเดือน ประตูคุกก็เปิดออก
เขาถูกจับและล่ามไว้และถูกพาออกมายังลานประหาร ณ. ต่อหน้าสาธารณะชนที่ส่งเสียงโห่ร้อง ตะโกนด่าทอเขาว่าเป็นสุนัขชั้นต่ำ ท่ามกลางสายตาของคนนั้นหมื่นที่หลั่งไหลกันมาเพื่อดูวาระสุดท้ายของเขา
“ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ” เสียงสะท้านกังวาลของชายที่แต่งชุดขุนนางและถือกระดาษม้วนเบื้องหน้าลานประหารเอ่ยขึ้นเมื่อ ทหารพาเขามานั่งอยู่ใจกลางลานประหาร ไลโอซ่าร์มองไปยังประตูที่อยู่ต่ำลงมาจากฐานยกสูงทั้งสี่ประตูซึ่งประจำอยู่สี่ทิศ..... แต่ละทิศมีม้าประจำอยู่และมีเชือกยาวที่กองเป็นขดไว้
“การไต่สวนความผิดของเจ้าได้กระทำตามกระบวนการของศาลฎีกาชั้นสูงสุด และถูกติดสินว่ามีความผิดฐานกบฏจริง ต้องโทษประหารโดยม้าแยกสังขาร!!”
แล้วขุนนางคนนั้นก็ปิดม้วนกระดาษโดยไม่รั้งรอ เพชฌฆาตก็ผลักเขาให้นอนลงและ ก็เอาเชือกที่มัดติดกับม้าเข้ามาล่ามแขนขาของไลโอซ่าร์ เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดเพื่อปกป้องชีวิตของตัวเอง
แต่ไลโอซ่าร์ก็ยอมรับชะตากรรมนั้น..... ถ้าหากเขาต้องยอมรับมันจริงๆ......
พระนักเทศน์ เดินเข้ามาหาเขาสามคนด้วยอาการสงบ นักบวชทั้งสามเอ่ยอ้างถึงพิธีอันลึกลับโบราณของการกำเนิดโลก และกลายกำเนิดของมนุษย์จากดิน และการกลับสู่ดิน
ไลโอซ่าร์นอนนิ่งฟังถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์อย่างสงบนิ่ง.....
และเมื่อเขาหลับตาเขาก็เห็นแสงสว่างนั้นอีกครั้ง คราวนี้มันช่างแจ่มชัด ราวกับเทวทูตเสด็จมารับวิญญาณของเขาแล้ว
“ภายใต้นามแห่ง เซเว่นซอร์ดส์ ปฐมบทแห่งการรังสรรค์ เดอะเฟธซอร์ด -- ดาบแห่งศรัทธา เจ้าคือ เบโอวูล์ฟ ไลโอซ่าร์ ใช่หรือไม่?” หัวหน้านักบวชถาม
“ใช่...... ข้า.... ไลโอซ่าร์ เบโอวูล์ฟ”
“ด้วย เบโอวูล์ฟที่สถิตในดินแดนแห่งผู้รังสรรค์ เจ้าจงยอมรับการเดินทางสู่มหาทวารนั้นเทอญ.....”
เสียงของการสวดจบลง พร้อมกับกับเสียงของแส้ม้าที่หวดแหวกอากาศ
ไลโอซ่าร์ที่หลับตาอยู่รับรู้ว่า ในอีกไม่กี่วินาทีนี้ ความตายจะมาเยือนเขาแล้ว -- เขาคิดถึงครอบครัวของเขา
และเสียงม้าก็หวีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับเสียงกีบเท้าที่ดังระรัวจากสี่ทิศ พร้อมๆกันนั้น แสงสว่างก็วาบขึ้นในดวงตาของไลโอซ่าร์จนเขาต้องลืมตาขึ้นและมองเห็น รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์ยักษ์ของราชวงค์ไลอ้อนฮาร์ท รูปปั้นต้นตระกูลวาเลนไทน์ที่ถือซอร์ดออฟไทรอัมพ์ และ รูปปั้นต้นตระกูลเบโอวูล์ฟที่ถือซอร์ดออฟเฟธ --
“ด้วยศรัทธาแห่งข้า!! หากความผิดของข้าไม่เป็นจริง ขอดาบแห่งศรัทธาโปรดมอบพลังให้กับข้า!!”
ไลโอซ่าร์ตะโกนก้องพร้อมกันนั้นดาบที่รูปปั้นต้นตระกูลเบโอวูล์ฟถืออยู่ก็ร่วงลงมาปักบนพื้นตัดเชือกออกจากแขนขวา ไลโอซ่าร์ไม่รอช้า เขาคว้าดาบมาและสะบั้นเชือกจากแขนขาก่อนที่ม้าจะกระชากร่างของเขาตามไป
เสียงตะโกนอย่างตกใจดังขึ้นระงม เมื่อทุกคนเห็นว่านักโทษประหารรอดชีวิตมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดาบหินที่ประดับรูปปั้นกลับกลายเป็นดาบจริงได้อย่างไรกัน
ไลโอซ่าร์เงยหน้าขึ้นไปมองที่ประทับ ที่ราชานั่งอยู่
แต่สายฟ้าก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้ากลางวันแสกๆ --
อัศวินเกราะดำปรากฏกายอีกครั้ง พร้อมกับ ซอร์ดออฟไทรอัมพ์ที่ส่งกระแสไฟฟ้าแล่นทั่วดาบ......
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ