7Swords
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) Ocean
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 28 Ocean
นาทีต่อมาลีโอไนดัสก็ออกพุ่งไปโดยไม่ทันคิด เขาวิ่งผ่านโจรสลัดที่ยืนมองเขาอยู่เพื่อจะลงจากเรือ -- แต่เขาก็โดนมือนับสิบกดจับมาและดึงกดเขาไว้แนบพื้น
“ปล่อยผมนะ!!” ลีโอไนดัสเหลือกตามองจากหว่างนิ้วของมือชายที่กดหน้าของเขาลงกับพื้น เขาตะคอกสุดเสียง
“แกคิดจะไปไหนวะ!?” โจนส์ตะคอกถามกลับ และออกแรงกระแทกหน้าเขากับพื้นเรือเมื่อเด็กหนุ่มพยายามจะดิ้นรนลุกขึ้น
“ผมจะไปช่วยท่านพ่อ!!”
“ยังไงล่ะ?” กัปตันโรสลุกจากเปลญวนมาและยืนกอด อกถามลีโอไนดัส “เจ้าคิดจะวิ่งไป หรือขโมยม้า หรือทำยังไงไม่ทราบ? จากที่นี่ไปเบรฟเวอรี่การ์เดน มันไปทางไหน ใช้เวลากี่วัน แล้วเจ้าจะเอาปัญญาอะไรไปต่อสู้กับทหารของพระราชา? หรือเจ้าคนเดียวทำได้?”
ลีโอไนดัสหยุดดิ้นรน เขานิ่งอยู่กับพื้น รู้สึกขมขื่นและกระวนกระวาย
“เอายังไงดีล่ะทีนี้?” ลุคเดินมาพร้อมกับเสียงกึกๆ ทุกๆก้าวที่เท้าไม้กระทบพื้นเรือ “เราคงเอาหมอนี่ไปเรียกค่าไถ่ไม่ได้แล้ว....?”
“งั้นเอาไปขายเป็นทาสดีมั้ย?” โจรสลัดคนอื่นเสนอ
“ไม่ๆ ขายให้ขุนนางที่ชอบตูดดีกว่า -- ”
“โยนให้ฉลาม” โจนส์พูด
“หรือจะเอาไปขึ้นเงินที่เบรฟเวอรี่การ์เดนดี?”
“ไปให้โดนกุดหัวน่ะสิ เจ้าเป็นโจรสลัดนะ จำไม่ได้เรอะ?”
“เออว่ะ.... -- ”
พวกโจรสลัดออกความเห็นอย่างไม่สนใจใยดีต่อความรู้สึกของเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะรู้ว่าพ่อของเขาอยู่ในอันตราย ลีโอไนดัสหลับตาที่ร้อนผ่าวลง น้ำตาของเขาไหลหยดลงพื้นเรือที่มันวับจากขี้ผึ้งที่ลงไว้
“นี่แหละ ความจริงของชีวิตล่ะ หนุ่มน้อย” โรสยื่นหน้าเข้ามาดูเด็กหนุ่มที่ร้องไห้ตัวสั่นสะท้าน “สิ่งที่เจ้าจะได้เรียนรู้เมื่อเจ้าไม่มีใครคอยคุ้มกะลาหัวให้เจ้าแล้ว คนเลวอื่นๆก็แค่อยากจะหาประโยชน์จากตัวเจ้าให้ได้มากที่สุดเท่านั้น..... มีหนทางเดียวคือเจ้าต้องเลวกว่าและตักตวงผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุดกับทุกๆคนที่เจ้าเอาเปรียบได้ -- ”
“ไม่จริง!!” ลีโอไนดัสตะคอกกลับ “ท่านพ่อก็เคยสอนให้ข้าปกป้องคนอ่อนแอ แต่ข้าไม่เคยเห็นด้วยเลย!! ถ้าพวกอ่อนแองอมืองอเท้าแล้วคอยหลบใต้ปีกคนแข็งแกร่งเสมอไป พวกนั้นจะต่างอะไรกับว่าพวกเขากำลังเอาเปรียบคนแข็งแกร่ง”
“โอ๋..... แล้วเจ้าคิดว่าไงล่ะ?” โรสถามต่อ
“ข้าจะไม่ทำทั้งเอาเปรียบและปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า -- ” เด็กหนุ่มเอ่ยเขาหยุดร้องไห้แล้ว “ทำให้ทุกคนอยู่ด้วยตัวเองและมีความสุขร่วมกันได้..... นั่นแหละคือ ไวท์ฟอร์ท -- ”
โรสยิ้มอย่างพอใจ “เอาล่ะ.... เจ้าสอบผ่าน.....”
“หา!?” นอกจากเด็กหนุ่มแล้ว โจรสลัดหลายๆคนก็ตกใจและสงสัยด้วย
“Do not tell us that…..” (อย่าบอกเรานะว่า......) ลุคเอ่ยเบาๆ
“Eiii Yap -- ” (ช่ายยยแล้ว) โรสตอบ “Welcome a new crew” (ยินดีต้อนรับลูกเรือคนใหม่)
“What!?” (อะไรนะ!?) ลีโอไนดัสถามงงๆจากพื้น “You will accept me as your crew?” (คุณจะรับผมเป็นลูกเรือของคุณเหรอครับ?)
“Yes --” (ใช่ -- )
“Noooooooo -- ” (ม่ายยยยยยย -- )
พวกลูกเรือร้องขรมก่อนแต่ละคนจะส่ายหัวทำหน้าเซ็ง หลายคนที่กดตัวเด็กหนุ่มไว้พากันลุกขึ้นและเดินจากไปเซ็งๆ แต่ละคนแยกย้ายกันไป
“No -- Captain!!” (ไม่นะครับ -- กัปตัน!!) โจนส์ร้อง “This crap is just -- ” (เจ้าเด็กอึเหม็นนี่เป็นแค่ -- )
“Just WHAT!?” (แค่อะไรล่ะ!?) ลีโอไนดัสปัดมือของโจนส์ออกก่อนจะลุกขึ้น ทั้งสองต่างราวกับพร้อมจะกระโจนเข้าใส่กัน
“Well, Let’s have a party!!” (เอาล่ะ มาเริ่มปาร์ตี้กันเถอะ!!) โรสเอ่ยอย่างร่าเริงพร้อมกับกลิ้งถังเหล้าออกมาและจ้วงแก้วลงไป ตักเหล้ามาหนึ่งแก้ว “Fow our new crap, CHEERS!!” (แด่ไอ้หนูคนใหม่ของเรา ดื่ม!!)
โรสยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม แต่โจรสลัดสองคนมาล็อกตัวลีโอไนดัสไว้ ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ตั้งตัว พวกโจรสลัดอื่นๆก็กลับมาพร้อมแก้วเปล่า โจรสลัดสี่คนยกถังเหล้าแล้วเทราดเด็กหนุ่มทางหัว โดยมีโจรสลัดคนอื่นๆเอาแก้วเปล่ามารอท่าตวง
“ให้ตายเถอะ รู้อะไรมั้ย -- ” ลุคเอ่ย “ไอ้ประเพณีรอบน้องใหม่นี้น่ะเปลืองเหล้าชะมัด.... นี่เหล้าหกไปตั้งเยอะ -- เฮ้ย ไอ้เด็กใหม่อย่ามัวแต่นอนเล่นล่ะ อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากเรากลับจากซื้อเสบียง บนดาดฟ้าต้องไม่มีกลิ่นเหล้าเหลือเข้าใจมั้ย?” ชายตาบอดเอาแก้วเหล้าชี้มายังลีโอไนดัสที่นอนแผ่จอมกองเหล้าอยู่ “ไม่งั้นฉันจะให้แกเอาลิ้นเลียจนทั่วดาดฟ้าเลย -- ”
“ว่าไงเจ้าเด็กฝึกหัด” โรสยืนอยู่เหนือหัวของเด็กหนุ่ม แล้วก็ก้มหน้าลงมาคุยด้วย “ต่อจากเด็กขุดหลุมอึ เด็กเสิร์ฟ.... แล้วตอนนี้ เจ้าพร้อมจะเป็นลูกกระจ๊อกบนเรือโจรสลัดหรือยัง?”
“ผมยังไม่ได้ตอบตกลงเรื่องนั้นเลย..... -- ” เขาตอบก่อนจะลุกขึ้นมานั่งและสะบัดศีรษะให้เหล้ากระเด็นออกไป ตัวเขาในตอนนี้เอริคคงชอบ เพราะมีแต่กลิ่นเหล้าหึ่ง
“เอ้า.....? ก็เจ้าเคยขออยู่บนเรือข้าไม่ใช่เหรอ?” เธอบอกพลางขยับให้ลีโอไนดัสลุกขึ้น
“นั่นก่อนหน้าที่ ผมจะรู้ข่าวเรื่องพ่อ..... -- เรื่องไวท์ฟอร์ท -- ” เด็กหนุ่มตอบด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม
“เสียใจด้วยนะ เจ้าเข้าพิธีรับน้องใหม่แล้ว ถ้าหากจะออกจากเรือฟลายอิ้งฟิชนี้ เจ้าต้องเข้าพิธีอำลา -- โดยคนในเรือมีสิทธิ์ที่จะเอาอะไรก็ได้จากเจ้าไปหนึ่งอย่าง”
“อะไรก็ได้งั้นเหรอ?” เด็กหนุ่มถามอย่างประหลาดใจ
“ใช่ อะไรก็ได้” โรสตอบพลางยิ้ม “ถ้าจะลงจากเรือล่ะก็.... ข้าขออะไรไม่มากหรอก แค่ไอ้นั่นของเจ้าก็พอ” แล้วเธอก็เดินจากไปพร้อมหัวเราะคิกคัก
การเดินเรือของพวกเอเคลเซธโดยใช้ลูกเรือเพียงสิบคน และกัปตันแวน ผู้ซึ่งอาการทรุดลงตามลำดับก็เข้าสู่วันที่เจ็ดในท้องทะเล......
การออกทะเลครั้งที่สองก็เลวร้ายพอๆกับครั้งแรก พวกไวท์ฟอร์ททุกคนต่างก็เมาคลื่นกันถ้วนหน้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ล่วงเข้าวันที่สาม ทุกคนก็มีอาการป่วย ไม่มีค่อยเรี่ยวแรง ตกวันที่เจ็ดของการเดินเรือ ก็เหลือเพียงเอเคลเซธที่ยังคงยืนไหว
ชายหนุ่มมองไปยังชาวไวท์ฟอร์ทแต่ละคนที่นอนเรียงกันอยู่บนกองหญ้าแห้งที่เกี่ยวมา ทุกคนต่างผ่ายผอมและป่วยกันหมด สีสองสามคนที่เริ่มเพ้อไม่เป็นภาษาออกมา เอเคลเซธกัดริมฝีปากมองพ่อของเขาที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เอาผ่ายผอม กินอะไรไม่ลง และดูแย่มากกว่าคนอื่น เพราะอาการติดเหล้าจนสั่นทั้งตัว
ชายหนุ่มก้าวออกจากใต้ท้องเรือปีนบันไดไม้ขึ้นสู่ดาดฟ้า แวนนั้นไม่ได้สติไปสองวันแล้ว.....
ก่อนที่แวนจะสลบไป เอเคลเซธขอให้เขาถ่ายทอดวิธีเดินเรือทั้งหมดให้กับเขา และทิศทางที่ถูกต้องในการเดินเรือโดยสังเกตจากตำแหน่งของดวงดาวและดวงอาทิตย์
เอเคลเซธเผลอปล่อยให้เรือกางใบกินลมและต้องเจ็บใจตัวเองที่ทำแบบนั้น เมื่อพบว่า ลมทะเลพัดพาเขาออกนอกเส้นทางไปไกลโข เมื่อเขาสังเกตตำแหน่งดวงดาวในตอนกลางคืน
การเดินทะเลนั้น ลำพังคนที่ไม่เคยลงเรือมาก่อนแบบเอเคลเซธ เขาก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรยาก แต่เอาเข้าจริงๆ ตอนนี้เอเคลเซธรู้ซึ้งดีว่า เขาต้องต่อสู้กับทั้งคลื่นน้ำทะเล คลื่นลมที่เปลี่ยนทิศกะทันหัน กระแสน้ำที่พัดพาเรืออกนอกเส้นทาง ในตอนกลางคืน บ่อยครั้งที่เขาหวาดกลัวท้องทะเลที่ดำมืด เขาได้ยินเสียงประหลาดที่อธิบายไม่ได้หลายต่อหลายครั้งในท้องสมุทร...... มันอาจจะเป็นเรือศัตรู เป็นสัตว์ร้ายใต้ทะเล -- หรือจินตนาการของเขาเอง
วันที่หกเขาก็เจอคลื่นยักษ์ที่สูงกว่าเรือโผล่มา ชายหนุ่มหน้าซีดเฝ้ายืนมองคลื่นยักษ์นั้นคืบคลานเข้ามา ในตอนนั้นไม่มีใครบนเรือที่ลุกขึ้นไหวแล้ว มีแต่ตัวเขาเองที่ถือพังงาเรือไว้แน่นตัวสั่นสะท้านตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเมื่อคลื่นน้ำมหาศาลนั้น ยกเรือขึ้นสูงก่อนที่เรือจะเอียงวูบอย่างน่าหวาดเสียว แล้วความรู้สึกวูบๆเหมือนตอนตกจากที่สูงแบบไม่ทันตั้งตัวก็ก่อตัวขึ้นที่ท้องน้อยเมื่อคลื่นยักษ์นั้นเคลื่อนผ่านเรือไป
เอเคลเซธในตอนนั้นรู้สึกเหมือนมีลูกภูเขาขนาดย่อมๆยกเรือและมุดผ่านไป
เขาเลยขีดสุดของความอ่อนล้า เมื่อผ่านเข้าสู่วันที่เจ็ด เสบียงอาหารก็หมดลง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อมองแขนที่ลีบลงอย่างน่าตกใจ การไม่หลับไม่นอนร่วมเจ็ดวันนี่มีผลหรือเปล่า?
ชายหนุ่มเริ่มหวาดกลัวสิ่งต่างๆมากขึ้น ทั้งการต้องต่อสู้กับสายลม กระแสน้ำ ความหิวโหย ความง่วงงุน การต้องอยู่คนเดียวไม่มีใครพูดด้วย และความหวาดกลัวเหล่านี้ก็ทวีคูณขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่ราตรีอีกครั้ง
เอเคลเซธตระหนักถึงตอนที่ร่างกายถึงขีดสุดแล้วนั่นเองว่า ตัวเขาไม่อยากตาย และไม่อยากพาใครไปตายด้วย..... นี่ก็เลยวันที่เจ็ดไปแล้ว..... ทำไมเขาถึงไม่ถึงฝั่งเสียที? เซาท์เทิร์นต้าอยู่ทางไหน?
เขาจะสลบไปไม่ได้ หากไม่มีใครคอยกุมพังงาเรือ เดี๋ยวกระแสลมและน้ำจะพัดพวกเขาให้วกกลับไปที่เก่า.....
พวกเขาจะต้องไม่ตาย...... พวกเขาจะต้องรอด.......
เอเคลเซธท่องคำๆนี้ในใจ คอเขาแหบแห้งเกินกว่าจะพูดอะไรได้ ชายหนุ่มรู้สึกได้แค่ว่าเขาต้องยึดอยู่กับความรู้สึกนี้เท่านั้น ถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
เขารู้สึกได้ถึงความเชื่อมั่น ศรัทธาในอะไรสักอย่างที่ทำให้เขายืนต่อไปได้......
ในรุ่งเช้าของวันที่เก้า.....
เอเคลเซธเข่าทรุดลงกับพื้นเรือ..... น้ำตาไหลจากดวงตาที่แห้งและเปลือกตาที่หนักเหลือเกิน.....
เซาท์เทิร์นต้าปรากฏอยู่เบื้องหน้า......
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ