7Swords
9.6
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.
31 chapter
3 วิจารณ์
28.74K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) Letter
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 16 Letter
เอเคลเซธลงมาจากห้องในตอนเย็น เขามองไปยังผู้คนที่เริ่มพลุกพล่าน บรรดาขาเมาต่างพากันมาอบอุ่นร่างกายจากลมหนาวผิดฤดูที่ยังคงพัดผ่านพ็อตเทอร์รี่ โดยไม่มีท่าทีว่าจะไปไหน ชายหนุ่มชะเง้อไปมุมมืด ก็เห็นสองสามร่างที่คุ้นตา เขาเดินเข้าไปสมทบ
“ลีโอล่ะ?” เอเคลเซธเอ่ยถามโคล์ดี้ แต่แทนที่คำตอบด้วยลีโอไนดัสซึ่งเดินผ่านไปพร้อมถาดเสิร์ฟเหล้า ชายหนุ่มส่งสายตามาพร้อมกับกับคำถามให้กับโคล์ดี้ ก่อนจะหันไปมองเอริคที่นอนกรนเสียงดัง แต่มือยังไม่ยอมปล่อยจากแก้วเหล้า เห็นเหลือบไปมองชายผู้ที่ยังคงมีหมวกคลุมหน้า
“ท่านเอริคช่วยขอร้องให้คนขายเหล้าให้งานเจ้าเด็กนั่นทำ” ชายที่ยังคงอยู่ภายใต้หมวกคลุมหน้าเอ่ย “เด็กนั่นขออยากทำอะไรบ้าง ท่านเอริคเลยต่อรองว่าให้เขาทำงานฟรีๆ”
เอเคลเซธไม่ตอบอะไร เขาคว้าเบียร์ที่มีฟองฟอดสีทองจิบๆก่อนจะทำหน้าเหย “เอลหรือนี่?”
“พ่อเจ้ากินเอลเป็นน้ำ แต่เจ้ากลับแหยงั้นรึ?” ชายที่อยู่ในผ้าคลุมหัวเราะก๊ากๆ
“ระวังปากหน่อย.....” โคล์ดี้เตือนเขาเบาๆแต่จ้องเขม็ง “ถ้าไม่ใช่เพราะ ท่านเอเคลเซธ ป่านนี้แกกลายเป็นอาหารปลาไปกับลูกเรือของแกแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เอเคลเซธเอ่ยเขาเหล่เบียร์นั้นก่อนจะวางแก้วไม้นั้นลง “ตาขี้เมานี่กินแอลกอฮอล์ได้ทุกอย่างแหละ แต่สำหรับผมแล้ว อะไรแรงๆหน่อยไม่ค่อยไหว..... แล้วก็ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องให้คุณสวมผ้าคลุมในนี้ -- ” เขาเสริม
“ไม่หรอก..... ท่านเอเคลเซธ ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณท่านที่ไม่ขายข้าเป็นทาสไปด้วยอีกคน” แวน เดอ มูชเชอร์ เอ่ยก่อนจะเลิกหมวกขึ้นหน่อยๆเพื่อสบตากับชายหนุ่ม “แค่ใส่หมวกคลุมยังดีกว่าโดนชาวเมืองจับไปแขวนคอเยอะ”
“ท่านคงไม่บอกอยู่ดีสินะ ว่าใครเป็นคนจ้างท่านให้มาปิดอ่าวนี่” เอเคลเซธเอ่ยพลางจัดการตับแพะย่างที่ลิลลี่เอามาวางไว้ตรงหน้าเขา เธอมองดูเขาอย่างสนใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าบอกเรื่องที่ข้ารู้ไปกับเจ้าหนวดเฟิ้มขี้โมโหนั่นไปหมดแล้ว” แวน เอ่ยอารมณ์กรุ่นๆพอสมควร ราวกับเขาเบื่อที่จะโดนสอบสวนเต็มกลืนแล้ว “พวกเราได้รับเรเวนติดต่อมาพร้อมกับสอนกลยุทธ์นั่น เท่านั้น -- ”
“แล้วคุณก็แค่ทำตามจดหมายบอก” เอเคลเซธขมวดคิ้วและเอียงคอทั้งปากเคี้ยวตับตุ้ยๆ “แค่นั้นน่ะเหรอ?”
“ก็พวกนั้นบอกจุดที่มีสมบัติกล่องใหญ่มาด้วยนี่ แล้วก็บอกอีกว่าถ้าจัดการทหารจากไวท์ฟอร์ทได้ก็ให้หนีไปได้ แล้วจะส่งลายแทงสมบัติอีกครึ่งอันให้ -- ”
“เดี๋ยวนะ -- !!” เอเคลเซธขัดขึ้น “เรื่องนี้ท่านได้บอกกับเซอร์โรแลนด์หรือเปล่า”
“เปล่า.....” ผ้าคลุมของแวนเอียงเล็กน้อย เขาคงเอียงคอทำท่าคิดอยู่ “ข้าก็ไม่ได้กินได้นอน เลยเบลอๆไปบ้าง แต่เรื่องนี้ ข้าไม่ได้บอกหรอก...... -- ”
“เยี่ยมมาก” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม
“ทำไมเหรอ?”
“ก็ไม่ทำไมหรอกครับ” เอเคลเซธบอกเลี่ยงๆก่อนจะหันมามอง ลิลลี่ที่ยกไวน์มาสองสามขวด “ข้าไม่ได้สั่ง”
“ข้าเห็นท่านชอบ” เธอยักไหล่ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงด้วยและรินไวน์ใส่แก้วส่งให้เขา
“นี่ไม่ต้องทำงานหรือ?” โคล์ดี้เอ่ยอย่างไม่ชอบใจที่จู่ๆ สาวเสิร์ฟเข้ามาขัดจังหวะสนทนา แต่เธอกลับพยักหน้าไปที่ ลีโอไนดัสที่กำลังวุ่นสาละวนอยู่กับการส่งเหล้าให้กับบรรดาแขกในร้าน
“ตอนแรกก็ขุดหลุมอึ ตอนนี้ก็กลายเป็นเด็กเสิร์ฟเหล้า” เธอเอ่ยพลางกรอกตาและส่งสายตาไม่ชอบใจให้กับ เอเคลเซธ “นี่ท่านใช้งานเด็กนั่นมากเกินไปหรือเปล่า? ถึงจะซื้อเขามาจากพ่อค้าทาสก็เถอะ”
เอเคลเซธใช้จังหวะที่เธอหันไปมองลีโอไนดัส สบตากับแม่ทัพโคล์ดี้ผู้ซึ่งยักไหล่อย่างรวดเร็วแล้วพยักพเยิดไปทางเอริคที่นอนกรนอยู่ ชายหนุ่มทันทีเข้าใจว่านี่คือตัวตนปลอมๆของลีโอไนดัส เขากรอกตาอย่างรวดเร็วลันกลับมาก็เจอลิลลี่ยังคงมองเขาอย่างตำหนิ
“งั้นข้าก็ควรเอาเขาไปขายให้ขุนนางที่ชื่นชอบเด็กหนุ่มแทนงั้นสิ?”
“พรืด -- ” ลิลลี่พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะตั้งต้นหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง และด้วยความพยายามเธอกระแอมไอและพูดว่า “ไม่ตลกนะคะ”
“อือฮึ......” เอเคลเซธครางตอบในลำคออย่างไม่ผูกมัดก่อนจะยกไวน์ดื่ม
“ตกลงพวกท่านเจอเซเวนซอร์ดส์จริงเหรอคะ?” เอเคลเซธพ่นไวน์ออกมาใส่ผ้าคลุมแวน เขาขยับหนีอย่างรวดเร็ว และชั่วเวลาหนึ่ง ลิลลี่และแวนก็สบตากันภายใต้หมวกคลุมหน้านั้น “เห็นลีโอบอกอย่างนั้น” เธอหันมาถามชายหนุ่มต่อราวกับไม่สนใจ
เอเคลเซธเช็ดปากช้าๆ เขากำลังคิดหาคำตอบในสมองซีกซ้าย และสมองซีกขวาประมวลเรื่องเขาได้เคยกำชับลีโอไนดัสไว้หรือเปล่าว่าให้อุบเรื่องที่เจออัศวินนั่นไว้
“เดี๋ยวนะ..... ” แวนเอ่ยช้าๆ “หน้าของเธอคุ้นๆนะ...... -- ” แวนเลิกหมวกคลุมหน้าขึ้นเพื่อมองลิลลี่ชัดๆ “ฉันจำได้ว่า...... เคยเห็นเธอบนเรือไหนสักลำ -- ”
“ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ลิลลี่เอ่ยเมื่อเห็นแขกคนหนึ่งกำลังหัวเสียและด่ากราดใส่ลีโอไนดัสที่ทำเหยือกเบียร์หกรดตัวเขา เธอรีบลุกและแทรกตัวผ่านบรรดาลูกค้าไปที่จุดที่เกิดปัญหา
“ให้ตายเถอะ......” เอเคลเซธพูดอย่างหัวเสีย เขาสั่งน้ำมูกที่มีกลิ่นไวน์ออกมา “ตอนแรกก็เด็ก ตอนนี้ก็ผู้หญิง ต่อไปจะอะไรอีก -- ”
“เหล้า -- !!” เอริคตะโกนร้องพลางชูถ้วยที่ว่างเปล่าของเขาขึ้น ก่อนแขนจะตกไปข้างตัว ส่งเสียงกรนสนั่นแต่ไม่ยอมปล่อยแก้วในมือ
เอเคลเซธทนไม่กรอกตาไม่สำเร็จ
โคล์ดี้ลากลับไปอยู่กับพวกทหารพร้อมกับแวน เมื่อเลยยามดึกไปพอสมควร ในร้านก็เริ่มร้างคนพอสมควรแล้ว เอเคลเซธก็พยักหน้าเรียกลีโอไนดัสให้มาพยุงปีก เอริคอีกข้างหนึ่งขึ้นไปนอนห้องข้างบน
“เป็นไง เรา...... -- ” ชายหนุ่มถามน้องชายหลังจากช่วยกันหิ้วเอริคลงที่เตียงแล้ว “ทำงานวันแรก สนุกมั้ย?”
“ไม่เลยครับ” เด็กหนุ่มบอกหน้ามุ่ย เขานั่งลงและทุบท่อนขาเบาๆเป็นการนวด “ไม่เคยรู้เลยว่างานในบาร์จะเหนื่อยขนาดนี้”
“งานทุกงานก็เหนื่อยทั้งนั้นแหละ” เอเคลเซธเอ่ยอย่างปลอบใจ อารมณ์จะตำหนิแต่แรกเรื่องที่เขาปากสว่างหายไปเล็กน้อย “นี่ก็ถือว่าเป็นการฝึกเพื่อเข้าใจว่า งานทุกงานนั้นสำคัญนะ เข้าใจใช่มั้ย ลีโอ?”
“ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มแหยๆ “ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลย.....” แล้วใบหน้าของเขาก็ยิ้มค้างและมองไปข้างหน้าฝันๆ
“เอ่อ.... ฮัลโหล?” เอเคลเซธโบกมือผ่านใบหน้าของลีโอไนดัสสองสามครั้ง “ยังอยู่ใช่มั้ย” ชายหนุ่มถามพลางดีดนิ้ว
“ครับ.... ครับ -- ” ลีโอไนดัสดูเหมือนจะตั้งสติกลับมาทัน
“นายไปนอนได้แล้วไป” เอเคลเซธเอ่ยไล่น้องชาย เมื่อคิดเอาว่าอาการเหม่อนั้นแปลว่า เขาเหนื่อยล้าจากการทำงาน
แต่ก่อนที่ ลีโอไนดัสจะลุกจากเก้าอี้ ก็มีเสียงเคาะเบาๆจากหน้าต่าง ทั้งสองหันไปมองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเห็นว่า นกเรเวนสีดำสนิทเกาะอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ที่กลืนไปกับความมืดจากด้านนอก
“ท่านพ่อ...... เรเวน -- ” เอเคลเซธพูด พลันนั้น เสียงกรนจากเอริคก็ขาดหายไปทันที ก่อนที่ชายขี้เมาจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นเพราะหนักท้องกลมโตของเขา เอริคเดินอุ้ยอ้ายไปเปิดหน้าต่าง และแกะจดหมายสั้นๆออกมา ก่อนที่นกเรเวนจะบินกลับออกไป
เอริคเปิดจดหมายช้าๆ และอ่านมันด้วยสีหน้านิ่งไร้ความรู้สึก
“จากท่านพ่อเหรอครับ ลุงเอริค?” ลีโอไนดัสถาม “จดหมายว่าไงเหรอครับ?”
เอริคไม่ตอบ เขายื่นจดหมายให้กับเอเคลเซธซึ่งรับมาและอ่านเงียบๆสองคนกับลีโอไนดัส
Become the Wolf -- B.L.
เอเคลเซธลงมาจากห้องในตอนเย็น เขามองไปยังผู้คนที่เริ่มพลุกพล่าน บรรดาขาเมาต่างพากันมาอบอุ่นร่างกายจากลมหนาวผิดฤดูที่ยังคงพัดผ่านพ็อตเทอร์รี่ โดยไม่มีท่าทีว่าจะไปไหน ชายหนุ่มชะเง้อไปมุมมืด ก็เห็นสองสามร่างที่คุ้นตา เขาเดินเข้าไปสมทบ
“ลีโอล่ะ?” เอเคลเซธเอ่ยถามโคล์ดี้ แต่แทนที่คำตอบด้วยลีโอไนดัสซึ่งเดินผ่านไปพร้อมถาดเสิร์ฟเหล้า ชายหนุ่มส่งสายตามาพร้อมกับกับคำถามให้กับโคล์ดี้ ก่อนจะหันไปมองเอริคที่นอนกรนเสียงดัง แต่มือยังไม่ยอมปล่อยจากแก้วเหล้า เห็นเหลือบไปมองชายผู้ที่ยังคงมีหมวกคลุมหน้า
“ท่านเอริคช่วยขอร้องให้คนขายเหล้าให้งานเจ้าเด็กนั่นทำ” ชายที่ยังคงอยู่ภายใต้หมวกคลุมหน้าเอ่ย “เด็กนั่นขออยากทำอะไรบ้าง ท่านเอริคเลยต่อรองว่าให้เขาทำงานฟรีๆ”
เอเคลเซธไม่ตอบอะไร เขาคว้าเบียร์ที่มีฟองฟอดสีทองจิบๆก่อนจะทำหน้าเหย “เอลหรือนี่?”
“พ่อเจ้ากินเอลเป็นน้ำ แต่เจ้ากลับแหยงั้นรึ?” ชายที่อยู่ในผ้าคลุมหัวเราะก๊ากๆ
“ระวังปากหน่อย.....” โคล์ดี้เตือนเขาเบาๆแต่จ้องเขม็ง “ถ้าไม่ใช่เพราะ ท่านเอเคลเซธ ป่านนี้แกกลายเป็นอาหารปลาไปกับลูกเรือของแกแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เอเคลเซธเอ่ยเขาเหล่เบียร์นั้นก่อนจะวางแก้วไม้นั้นลง “ตาขี้เมานี่กินแอลกอฮอล์ได้ทุกอย่างแหละ แต่สำหรับผมแล้ว อะไรแรงๆหน่อยไม่ค่อยไหว..... แล้วก็ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องให้คุณสวมผ้าคลุมในนี้ -- ” เขาเสริม
“ไม่หรอก..... ท่านเอเคลเซธ ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณท่านที่ไม่ขายข้าเป็นทาสไปด้วยอีกคน” แวน เดอ มูชเชอร์ เอ่ยก่อนจะเลิกหมวกขึ้นหน่อยๆเพื่อสบตากับชายหนุ่ม “แค่ใส่หมวกคลุมยังดีกว่าโดนชาวเมืองจับไปแขวนคอเยอะ”
“ท่านคงไม่บอกอยู่ดีสินะ ว่าใครเป็นคนจ้างท่านให้มาปิดอ่าวนี่” เอเคลเซธเอ่ยพลางจัดการตับแพะย่างที่ลิลลี่เอามาวางไว้ตรงหน้าเขา เธอมองดูเขาอย่างสนใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าบอกเรื่องที่ข้ารู้ไปกับเจ้าหนวดเฟิ้มขี้โมโหนั่นไปหมดแล้ว” แวน เอ่ยอารมณ์กรุ่นๆพอสมควร ราวกับเขาเบื่อที่จะโดนสอบสวนเต็มกลืนแล้ว “พวกเราได้รับเรเวนติดต่อมาพร้อมกับสอนกลยุทธ์นั่น เท่านั้น -- ”
“แล้วคุณก็แค่ทำตามจดหมายบอก” เอเคลเซธขมวดคิ้วและเอียงคอทั้งปากเคี้ยวตับตุ้ยๆ “แค่นั้นน่ะเหรอ?”
“ก็พวกนั้นบอกจุดที่มีสมบัติกล่องใหญ่มาด้วยนี่ แล้วก็บอกอีกว่าถ้าจัดการทหารจากไวท์ฟอร์ทได้ก็ให้หนีไปได้ แล้วจะส่งลายแทงสมบัติอีกครึ่งอันให้ -- ”
“เดี๋ยวนะ -- !!” เอเคลเซธขัดขึ้น “เรื่องนี้ท่านได้บอกกับเซอร์โรแลนด์หรือเปล่า”
“เปล่า.....” ผ้าคลุมของแวนเอียงเล็กน้อย เขาคงเอียงคอทำท่าคิดอยู่ “ข้าก็ไม่ได้กินได้นอน เลยเบลอๆไปบ้าง แต่เรื่องนี้ ข้าไม่ได้บอกหรอก...... -- ”
“เยี่ยมมาก” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม
“ทำไมเหรอ?”
“ก็ไม่ทำไมหรอกครับ” เอเคลเซธบอกเลี่ยงๆก่อนจะหันมามอง ลิลลี่ที่ยกไวน์มาสองสามขวด “ข้าไม่ได้สั่ง”
“ข้าเห็นท่านชอบ” เธอยักไหล่ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงด้วยและรินไวน์ใส่แก้วส่งให้เขา
“นี่ไม่ต้องทำงานหรือ?” โคล์ดี้เอ่ยอย่างไม่ชอบใจที่จู่ๆ สาวเสิร์ฟเข้ามาขัดจังหวะสนทนา แต่เธอกลับพยักหน้าไปที่ ลีโอไนดัสที่กำลังวุ่นสาละวนอยู่กับการส่งเหล้าให้กับบรรดาแขกในร้าน
“ตอนแรกก็ขุดหลุมอึ ตอนนี้ก็กลายเป็นเด็กเสิร์ฟเหล้า” เธอเอ่ยพลางกรอกตาและส่งสายตาไม่ชอบใจให้กับ เอเคลเซธ “นี่ท่านใช้งานเด็กนั่นมากเกินไปหรือเปล่า? ถึงจะซื้อเขามาจากพ่อค้าทาสก็เถอะ”
เอเคลเซธใช้จังหวะที่เธอหันไปมองลีโอไนดัส สบตากับแม่ทัพโคล์ดี้ผู้ซึ่งยักไหล่อย่างรวดเร็วแล้วพยักพเยิดไปทางเอริคที่นอนกรนอยู่ ชายหนุ่มทันทีเข้าใจว่านี่คือตัวตนปลอมๆของลีโอไนดัส เขากรอกตาอย่างรวดเร็วลันกลับมาก็เจอลิลลี่ยังคงมองเขาอย่างตำหนิ
“งั้นข้าก็ควรเอาเขาไปขายให้ขุนนางที่ชื่นชอบเด็กหนุ่มแทนงั้นสิ?”
“พรืด -- ” ลิลลี่พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะตั้งต้นหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง และด้วยความพยายามเธอกระแอมไอและพูดว่า “ไม่ตลกนะคะ”
“อือฮึ......” เอเคลเซธครางตอบในลำคออย่างไม่ผูกมัดก่อนจะยกไวน์ดื่ม
“ตกลงพวกท่านเจอเซเวนซอร์ดส์จริงเหรอคะ?” เอเคลเซธพ่นไวน์ออกมาใส่ผ้าคลุมแวน เขาขยับหนีอย่างรวดเร็ว และชั่วเวลาหนึ่ง ลิลลี่และแวนก็สบตากันภายใต้หมวกคลุมหน้านั้น “เห็นลีโอบอกอย่างนั้น” เธอหันมาถามชายหนุ่มต่อราวกับไม่สนใจ
เอเคลเซธเช็ดปากช้าๆ เขากำลังคิดหาคำตอบในสมองซีกซ้าย และสมองซีกขวาประมวลเรื่องเขาได้เคยกำชับลีโอไนดัสไว้หรือเปล่าว่าให้อุบเรื่องที่เจออัศวินนั่นไว้
“เดี๋ยวนะ..... ” แวนเอ่ยช้าๆ “หน้าของเธอคุ้นๆนะ...... -- ” แวนเลิกหมวกคลุมหน้าขึ้นเพื่อมองลิลลี่ชัดๆ “ฉันจำได้ว่า...... เคยเห็นเธอบนเรือไหนสักลำ -- ”
“ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” ลิลลี่เอ่ยเมื่อเห็นแขกคนหนึ่งกำลังหัวเสียและด่ากราดใส่ลีโอไนดัสที่ทำเหยือกเบียร์หกรดตัวเขา เธอรีบลุกและแทรกตัวผ่านบรรดาลูกค้าไปที่จุดที่เกิดปัญหา
“ให้ตายเถอะ......” เอเคลเซธพูดอย่างหัวเสีย เขาสั่งน้ำมูกที่มีกลิ่นไวน์ออกมา “ตอนแรกก็เด็ก ตอนนี้ก็ผู้หญิง ต่อไปจะอะไรอีก -- ”
“เหล้า -- !!” เอริคตะโกนร้องพลางชูถ้วยที่ว่างเปล่าของเขาขึ้น ก่อนแขนจะตกไปข้างตัว ส่งเสียงกรนสนั่นแต่ไม่ยอมปล่อยแก้วในมือ
เอเคลเซธทนไม่กรอกตาไม่สำเร็จ
โคล์ดี้ลากลับไปอยู่กับพวกทหารพร้อมกับแวน เมื่อเลยยามดึกไปพอสมควร ในร้านก็เริ่มร้างคนพอสมควรแล้ว เอเคลเซธก็พยักหน้าเรียกลีโอไนดัสให้มาพยุงปีก เอริคอีกข้างหนึ่งขึ้นไปนอนห้องข้างบน
“เป็นไง เรา...... -- ” ชายหนุ่มถามน้องชายหลังจากช่วยกันหิ้วเอริคลงที่เตียงแล้ว “ทำงานวันแรก สนุกมั้ย?”
“ไม่เลยครับ” เด็กหนุ่มบอกหน้ามุ่ย เขานั่งลงและทุบท่อนขาเบาๆเป็นการนวด “ไม่เคยรู้เลยว่างานในบาร์จะเหนื่อยขนาดนี้”
“งานทุกงานก็เหนื่อยทั้งนั้นแหละ” เอเคลเซธเอ่ยอย่างปลอบใจ อารมณ์จะตำหนิแต่แรกเรื่องที่เขาปากสว่างหายไปเล็กน้อย “นี่ก็ถือว่าเป็นการฝึกเพื่อเข้าใจว่า งานทุกงานนั้นสำคัญนะ เข้าใจใช่มั้ย ลีโอ?”
“ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มแหยๆ “ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลย.....” แล้วใบหน้าของเขาก็ยิ้มค้างและมองไปข้างหน้าฝันๆ
“เอ่อ.... ฮัลโหล?” เอเคลเซธโบกมือผ่านใบหน้าของลีโอไนดัสสองสามครั้ง “ยังอยู่ใช่มั้ย” ชายหนุ่มถามพลางดีดนิ้ว
“ครับ.... ครับ -- ” ลีโอไนดัสดูเหมือนจะตั้งสติกลับมาทัน
“นายไปนอนได้แล้วไป” เอเคลเซธเอ่ยไล่น้องชาย เมื่อคิดเอาว่าอาการเหม่อนั้นแปลว่า เขาเหนื่อยล้าจากการทำงาน
แต่ก่อนที่ ลีโอไนดัสจะลุกจากเก้าอี้ ก็มีเสียงเคาะเบาๆจากหน้าต่าง ทั้งสองหันไปมองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเห็นว่า นกเรเวนสีดำสนิทเกาะอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ที่กลืนไปกับความมืดจากด้านนอก
“ท่านพ่อ...... เรเวน -- ” เอเคลเซธพูด พลันนั้น เสียงกรนจากเอริคก็ขาดหายไปทันที ก่อนที่ชายขี้เมาจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นเพราะหนักท้องกลมโตของเขา เอริคเดินอุ้ยอ้ายไปเปิดหน้าต่าง และแกะจดหมายสั้นๆออกมา ก่อนที่นกเรเวนจะบินกลับออกไป
เอริคเปิดจดหมายช้าๆ และอ่านมันด้วยสีหน้านิ่งไร้ความรู้สึก
“จากท่านพ่อเหรอครับ ลุงเอริค?” ลีโอไนดัสถาม “จดหมายว่าไงเหรอครับ?”
เอริคไม่ตอบ เขายื่นจดหมายให้กับเอเคลเซธซึ่งรับมาและอ่านเงียบๆสองคนกับลีโอไนดัส
Become the Wolf -- B.L.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ