7Swords
9.6
เขียนโดย จิ้งจอกมายา
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.
31 chapter
3 วิจารณ์
28.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) Anchor
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 10 Anchor
ตกยามเย็น ที่พ็อตเทอร์รี่ยังคงเซ็งแซ่กันอยู่ ผู้คนบางส่วนกลับบ้านไปเพราะลมหนาวและการวางแผนที่นานเหลือเกิน
จนในที่สุดรัตติกาลก็กลืนกินแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ดวงดาวดาษดาเรียงรายอยู่เต็มฟากฟ้าแต่คืนนี้ไร้วี่แววของดวงจันทร์
“ทุกๆครั้งในการรบเราต้องเข้าใจปัจจัยประกอบโดยรวมก่อนจึงค่อยเข้าสู่สนามรบ” เอเคลเซธเอ่ยในที่ประชุม เขาเว้นวรรคไว้หน่อย ราวกับจะตำหนิการรบที่ใช้แต่อารมณ์ของเรคัสโดยไม่มีเสียง “เช่นคืนนี้ที่ไร้แสงจันทร์ เป็นคืนเดือนมืดแบบนี้ เหมาะที่สุดสำหรับการลอบจู่โจม” เขาเอ่ยพลางมองไปรอบๆทะเลที่มืดมิด เว้นแต่บริเวณกองเรือของโจรสลัดที่สว่างสไวด้วยเสียงไฟ
“แล้วเราจะลงมือได้หรือยัง?” เรคัสถามกระชากเสียง
“ข้าไม่ได้เพิ่งบอกไปหรือ เซอร์โรแลนด์ว่าการรบที่ไม่ใช่สมองมันเป็นวิธีรบของคนโง่?” เอเคลเซธเอ่ยและจ้องมองเรคัสตรงๆ ทั้งสองสบตากันนานมาก ชายหนุ่มไม่ยอมกระพริบตาเช่นเดียวกับเรคัส จนในที่สุดแม้จะมีท่าทีขัดขืน แต่เรคัสก็ยอมพยักหน้าพร้อมส่งเสียงคำรามตอบรับเบาๆ
“แต่เท่าที่ดู.....” เรคอมป์เอ่ยพลางพิจารณาเรือโจรสลัดที่จุดไฟสว่างมองเห็นบริเวณโดยรอบ “ไม่ว่าจะบุกเข้าหาจากทางไหนพวกเขาก็ต้องสังเกตเห็นแน่ๆ”
“เห็นแล้วทำได้กับเห็นแล้วทำอะไรไม่ได้มันต่างกันนะ พ่อคนที่ฉลาดที่สุดแห่งพ็อตเทอร์รี่” เอเคลเซธอดเหน็บเรคอมป์ไม่ได้ ชายหนุ่มหันมาสบตากัน
“ท่านมีแผนอะไร?”
“นี่แนะ เซอร์โลแลนด์” เอเคลเซธเอ่ยหลังจากเหม่อมองท้องฟ้าได้สักครู่ เขาเดินเข้าไปกระซิบข้างหูเรคัสผู้มีสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างครุ่นคิดหน่อยๆ “ทำตามที่บอกแค่นี้แหละได้มั้ย?”
“ตกลง” เรคัสเอ่ยพลางเดินออกจากหอบัญชาการไปโดยสั่งให้เรียกทหารตามไปด้วยประมาณหนึ่งพัน แต่แปลกที่พวกเขาไม่เอาคบเพลิงติดตัวไปด้วยเลย เรคอมป์ทำท่าจะเดินตามไปแต่เอเคลเซธห้ามเขาไว้
“อ๊ะๆ สำหรับเซอร์โรแลนด์คนลูก -- ”
“ข้าไม่ได้ยศเซอร์ --” เรคอมป์พูดอย่างไม่พอใจ
“โอ้ จริงรึ?” เอเคลเซธแสยะยิ้ม “ข้าก็มีงานสำหรับบัณฑิตสุดหล่อเช่นกัน......”
“งานอะไร?” เรคอมป์ถามอย่างเคลือบแคลง
เอเคลเซธยืดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะผายมือไปยังโต๊ะวางแผนและพูดว่า “เขียนจดหมาย.....”
เลยยามเที่ยงคืนไปแล้ว ที่ใจกลางอ่าวนั้นกระแสน้ำยังคงสาดซัดจนแม้เรือใหญ่ก็ยังมีโคลงเคลงหน่อยๆ เสียงลั่นของไม้ที่เบียดและยืดออกนิดๆตามการโคลงของเรือ ดังราวกับเปิดประตูบานใหญ่ๆและทึบทึน กระแสลมเย็นที่เหน็บหนาวก็ยังพัดสาดใส่ข้างรำเรือ พวกโจรสลัดต่างหลบอยู่ด้านในเรือกันเป็นกระจุกจะมีออกมาบ้างเพื่อสลับเวรยามกันทุกๆชั่วโมง
“ไอ้นกบ้านั่นมาอีกแล้ว” ลูกเรือคนหนึ่งเอ่ยอย่างหัวเสียเมื่อเห็นเรเวนบินฝ่าสายลมเข้ามาเกาะที่กาบเรือพร้อมกับจดหมายที่ผูกติดมา “เล่นส่งมาทุกๆครึ่งชั่วโมงแบบนี้มันคิดอะไรกันวะ?”
“จะไปรู้เรอะ เอามานี่ ข้าจะเอาไปให้กัปตัน” ลูกเรืออีกคนเอื้อมมือมารับจดหมาย ซึ่งชายคนแรกเหยียดให้พ้นเงื้อมมือของเขา
“ฝันไปเถอะ แกเพิ่งจะมาเปลี่ยนเวรเอง นี่คงกะจะเอาจดหมายไปให้กัปตันแล้วหลบลงท้องเรือไปเลยสิ ไม่ได้แอ้มข้าหรอก!!” แล้วเขาก็เดินตัวงอฝ่าสายลมเข้าไปในเรือซึ่งอุ่นสบายกว่านิดหน่อย ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องกัปตันซึ่งอุ่นสบายที่สุดเพราะเป็นห้องที่มีเตาผิงอยู่ด้วย “จดหมายจากพวกมัน อีกฉบับครับ” เขารายงานต่อชายที่มีหนวดเคราสีดำยาวที่มีหงอกสีขาวแซมประปราย อายุน่าจะใกล้ๆหกสิบ เขาสวมหมวกทรงโจรสลัดที่มีพู่ห้อยสีดำ ใส่เสื้อคลุมสีดำ
ชายผู้เป็นกัปตันมือหนึ่งเท้าคางอีกมือหนึ่งพรมนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เบื้องหน้าของเขาคือจดหมายหลายต่อหลายฉบับที่ส่งมาก่อนหน้านี้ เขาพยักหน้าให้ชายที่มารายงานโดยไม่เหลือบตามอง เหมือนกับบอกให้เขาอ่านออกเสียง
ชายที่นำจดหมายมายื่นให้กับชายอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ชายคนนั้นเลิกคิ้ว “ก็ข้าอ่านหนังสือไม่ออก”
ชายคนนั้นรับมาด้วยสีหน้าทั้งเซ็งและอารมณ์บูดเต็มที่ก่อนจะหยิบจดหมายมาและอ่านออกเสียงดังๆ
“ด้วยความห่วงใยจากพ็อตเทอร์รี่มาถึงหัวหน้าโจรสลัดกัปตันผู้ยิ่งใหญ่ วานตูร์ -- มูโอ -- เซียร์” เขาหน้าเหยจากการพยายามอ่านชื่อ “พวกมันจงใจเขียนชื่อกัปตันผิดอีกแล้ว!!” เขาระเบิดออกมาอย่างโมโห แต่กัปตันวัยกลางคนเพียงส่งเสียงคำรามเบาๆสั่งให้อ่านต่อ “ตามที่เราได้ส่งจดหมายมาถามถึงความสะดวกสบายใจของเราท่าน ที่ท่านกรุณายกกองเรือมาปิดอ่าวของเราอยู่นานวัน และเราได้ถามถึงความประสงค์ของท่านเพื่อเราจะได้หาหนทางข้อตกลงร่วมกัน ตามที่ทางเราได้กล่าวขอท่านมาหลายต่อหลายครั้ง -- ด้วยความนับถือ โรแลนด์ เรคอมป์”
“กัปตันครับ” ชายคนที่เอาจดหมายมาส่งเอ่ย “จริงๆข้าว่าเราเรียกค่าไถ่ในการเปิดอ่าวแล้วรีบไปจากที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอครับ? ที่นี่หนาวจนพวกเราจะบ้าตายอยู่แล้ว อีกอย่างเราก็ได้เรือมาฟรีๆสองลำแล้ว”
“ข้าไม่เข้าใจ” ชายผู้เป็นกัปตันนวดคิ้วของเขา “พวกมันตั้งใจจะทำอะไร?”
“มันต้องการขอยอมแพ้ต่อเรา เพราะพวกมันไม่อาจเปิดอ่าวขายของได้ไงขอรับ”
“แล้วไอ้ที่มันจงใจเขียนชื่อข้าผิดๆมาตั้งหลายต่อหลายฉบับนี่คืออะไรกัน?” กัปตันเอ่ยขึ้นอย่างมีโมโห “ชื่อของข้าคือ แวน เดอ มูชเชอร์โว้ย!!” แล้วเขาก็ล้มโต๊ะ
“ใจเย็นๆขอรับกัปตัน!!” ชายคนที่อ่านจดหมายรีบบอก
“ข้าไม่เจรจงเจราห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ” กัปตันแวนกล่าว “ถ้าเรเวนตัวต่อไปมาล่ะก็ ทุบมันให้เละไปเลย -- ” ยังไม่ทันที่กัปตันแวนกล่าวจบก็มีเสียงตะโกนดังลั่นตัดมา
“มีการเคลื่อนไหว -- ที่ชายฝั่งมีการเคลื่อนไหว!!” ทั้งหมดวิ่งออกจากห้องกัปตันขึ้นไปบริเวณกาบเรือและมองผ่านความมืดเข้าไปในเมือง พวกเขาพบว่าแสงจากเทียนไขในเมืองค่อยๆดับลงจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว
“นี่พวกมันนัดกันหลับหรือไง” โจรสลัดคนหนึ่งปล่อยมุก ส่งผลให้เพื่อนๆของพวกเขาหัวเราะกันครืน
“พวกมันคิดจะทำอะไรกัน” กัปตันแวนพูดด้วยเสียงกระซิบ เขาไม่ขำไปกับบันดาลลูกเรือ เขาหันซ้ายหันขวากองเรืองทั้งยี่สิบลำและเรืออีกสองลำที่ยึดมาได้ก็ลอยนิ่งอยู่เป็นปกติ “เงียบๆซิพวกแก!!” กัปตันแวนตะโกนก้อง ลูกเรือของเขาเงียบกริบทันที
เขาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจผ่านเสียงคลื่นลมและคลื่นทะเล เสียงไม้ลั่นดังอย่างเกียจคร้านราวกับปิศาจกำลังบิดตัวช้าๆ “ฟังซิ......” กัปตันแวนพูด “มีเสียงอะไรนอกจากเสียงลมกับน้ำด้วย” พวกโจรสลัดที่เหลือเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ท่ามกลางความมืดรอบๆตัว โดยมีแสงสว่างวูบวาบจากเรือของพวกเขาเท่านั้น
มันดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงแปลกๆที่ว่า มันคือเสียงของอะไรที่กำลังแหวกน้ำ นับร้อยๆพันๆครั้งในคราวเดียวกัน
“นั่นเสียงอะไรน่ะ!!” ลูกเรือคนหนึ่งกรีดร้องอย่างตกใจ
“เงียบ!!” คราวนี้กัปตันแวนเพ่งมองไปยังที่มาของเสียงในความมืด ก่อนจะชี้นิ้วไปยังบริเวณมืดๆไกลๆนั้น “ตรงนั้น!!”
เอเคลเซธยืนอยู่บนหัวเรือลำเล็ก พวกเขาใช้คนพายเรือเล็กแหวกฝ่าคลื่นอย่างรวดเร็ว เทียบกันแล้วเรือพายเล็กนั้นเร็วกว่าตอนเรือใหญ่ใช้คนพายเยอะมาก กองเรือที่ติดตามเอเคลเซธมาจากชายฝั่งมีประมาณห้าสิบลำหรือ ประมาณห้าร้อยคน
“เตรียมธนูเพลิง!!” กัปตันแวนร้องสั่ง พวกโจรสลัดขยับเตรียมทันที “พอพวกมันเข้ามาในระยะก็ยิงได้เลย!!”
แต่เมื่อใกล้ถึงระยะยิง เอเคลเซธก็จุดคบเพลิงขึ้นและส่งสัญญาณให้กองเรือเล็กหยุด
“อะไรกัน..... ทำไม? มันจะใช้เรือเล็กประชิดเร็วไม่ใช่หรือ?” กัปตันแวนมองอย่างงุนงง
“กัปตันครับ!! ข้างหลัง!!” โจรสลัดคนหนึ่งร้อง เมื่อเห็นเรือประมงนับยี่สิบลำกองใบเรือ อาศัยลมที่พัดเข้าชายฝั่งพุ่งเข้าหากองเรือที่เรียงเป็นหน้ากระดาน
“ยิงเลย!! ยิงธนูเพลิงใส่พวกมัน!!” กัปตันแวนตะโกนลั่นเมื่อเห็นเรือประมงแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกโจรสลัดที่ง้างธนูเพลิงรอทั้งยี่สิบลำก็ระดมยิงลูกศรติดเพลิงพุ่งเข้าหากองเรือประมงที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น
เมื่อลูกศรเพลิงสัมผัสกับเรือประมงก็ลุกพรึ่บเป็นเรือไฟอย่างรวดเร็ว พวกโจรสลัดโห่ร้องอย่างสะใจ
“ไม่......” กัปตันแวนเพ่งมองไปยังกองรอที่ติดไฟอย่างรวดเร็วทั้งลำนั่น “เดี๋ยว.....” และเขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่มีคนกรีดร้องบนเรือประมงนั้นเลย ตรงกันข้าม เรือที่ราดน้ำมันไว้ชุ่มกำลังพุ่งเข้าหาพวกเขา
โดยที่ไม่ทันตะโกนสั่งอะไรอีก เรือประมงติดไฟทั้งยี่สิบลำก็พุ่งเข้าชนเรือกองโจรสลัด ทั้งควันไฟพวยพุ่งทั้งเปลวไฟที่โหมสูง ใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวเรือโจรสลัดก็ลุกติดไฟ
“วิดน้ำ!!” มีเสียงตะโกนให้ตักน้ำขึ้นมาดับไฟทั้งเสียงไอโขลก
“ไม่..... ไม่ทันแน่!!”
“สละเรือๆๆๆๆๆ” เสียงร้องระงมอย่างปั่นป่วนท่ามกลางเปลวไฟและควัน
“อย่าเพิ่ง!!” กัปตันแวนตะโกนก้องกลบเสียงร้องให้สละเรือของพวกโจรสลัดที่ร้องบอกต่อๆกัน “ไปที่เรือเชลย -- ที่นั่นยังไม่ไหม้!!”
พวกลูกเรือต่างก้มหลบควันที่พวยพุ่งมาทั้งลมพัดบางคนคลาน บางคนวิ่งไปจนถึงกาบเรือและพากันขึ้นไปยังเรือสองลำที่ยึดได้จากพ็อตเทอร์รี่ พวกที่ขึ้นไปถึงได้ก่อนก็คอยช่วยเพื่อนให้คนมาบนเรือ จนเมื่อผ่านไปราวสิบนาทีเรือจากพ็อตเทอร์รี่ทั้งสองลำก็ต้องรีบถอนสมอเรือเพื่อกินแรงลมและหนีความร้อนและเขม่าควันจากเรือโจรสลัดที่ลุกไหม้ทั้งยี่สิบลำ
บนเรือทั้งสองลำแน่นขนัดเต็มไปด้วยโจรสลัดเกือบพันคนทั้งสองลำ หน้าตาแต่ละคนเปื้อนเขม่าควันและมีรอยไฟลวกกันเกือบทุกคน กัปตันแวนตบหมวกของเขาที่ไฟกำลังไหม้พู่ให้ไฟดับ
*“Drop the Anchors!!” เสียงสั่งลอยมาตามสายลม กัปตันแวนเบียดลูกเรือของเขาไปที่กาบเรืออย่างทุลักทุเล
“เจ้า..... -- พวกเจ้า!!” กัปตันแวนเบิกตากว้างและมองไปบริเวณโดยรอบที่พวกเขาโดนกองเรือเล็กล้อมอยู่ “เอาธนูมานี่!!”
“อ๊ะๆ ถ้ายังเหลียวหลังไหวดูอะไรตรงโน้นสิ” เอเคลเซธตะโกนบอก และเมื่อพวกโจรสลัดมองตามก็เห็นเรือประมงชุ่มน้ำมันอีกสองลำที่พร้อมจะพุ่งเข้าหาเรือที่บรรทุกเกินจำนวนทั้งสองลำ “ถ้ายิงธนูลูกนั้นออกมา.... ทางเลือกของท่านก็มีสองอย่างคือ ตายในกองไฟ หรือ จมน้ำตาย” เอเคลเซธหันไปพยักหน้าให้กับพวกทหารสั่งให้พายเรือเข้าไปใกล้ “แต่หากท่านทิ้งสมอเรือ เราจะได้คุยกันสบายๆแทน.... จะเอาแบบไหน?”
กัปตันแวนหันไปมองลูกเรือโจรสลัดแต่ละคนที่บาดเจ็บและหมดกำลังใจ ทั้งต้องยืนเบียดกันไม่ให้ตกลงไปในทะเล “ทิ้งสมอ!!” เขากัดฟันพูด
“ดี..... เอาละ ทีนี้ -- ” เอเคลเซธสั่งให้โจรสลัดลงเรือเล็กพร้อมกับเชือกที่มัดปากและมือเท้าไว้แล้วลำเลียงไปที่ชายหาด ก่อนจะถ่ายเอาทหารจากพ็อตเทอร์รี่ทั้งห้าร้อยคนขึ้นเรือที่พวกโจรสลัดยึดไป และเรคัสก็พาเรือเล็กและเรือประมงมาสมทบ ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันกลับสู่ชายฝั่ง
“เซอร์คาร์ลดีเซน” เรคัสเอ่ยเรียก เอเคลเซธที่ยืนชะเง้อคอมองแสงของวันใหม่ที่เริ่มทอขึ้นตรงขอบฟ้า
“เรียกข้า เอเคลเซธเฉยๆก็ได้.......” ชายหนุ่มเอ่ย “ถ้าท่านจะให้ข้าเรียกท่านว่า ท่านเรคัส -- ” เขาเสริม
“แค่เรคัสก็พอ” ชายวัยกลางคนดูราวกับยุ่งยากใจพอสมควรก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ข้าต้องขออภัยสำหรับก่อนหน้านี้......”
“เค้าว่ากันว่าคนที่เคยเกลียดกัน พอได้รักกันจะรักกันมากนะครับ” เอเคลเซธเอ่ยยิ้มๆพลางหลิ่วตาให้กับเรคัส
“นี่มันเหลือเชื่อเลย..... ใช้เวลารบเพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งจากเมื่อตอนกลางวัน แถมใช้ทหารแค่พันห้า เราได้เรือที่ถูกปล้นไปกลับมา -- แล้วที่น่าทึ่งที่สุดคือ ไม่ต้องสู้รบกันแม้แต่น้อย.....” เรคัสเอ่ยอย่างชื่นชม “แล้วพวกเราก็ชนะ......”
“ใช่..... ชนะ......” เอเคลเซธเอ่ย เขาเหลียวมองซ้ายขวาและตัดสินใจพนันเสี่ยงเดิมพัน เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆกำลังยุ่งอยู่ และเขาสามารถคุยเป็นการส่วนตัวกับเรคัสได้นิดหน่อย “ฟังนะ ท่านเรคัส ข้าแน่ใจว่าท่านเป็นคนดี..... และท่านคงสงสัยในท่าทีของลอร์ดคราเวน” เอเคลเซธเอ่ยกระซิบ
เรคัสหันไปมองและเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครมองอยู่เขาก็ทำเป็นชี้ชวนให้เอเคลเซธมองอากาศยามรุ่งสางก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้ารู้...... แบบนี้ไม่ปกติเอาเสียเลย.....”
“ข้าเชื่อมั่นท่านได้หรือเปล่าว่า ท่านจะไม่หันปลายดาบเข้าหาเราโดยไม่เตือนเราก่อน.....” ชายหนุ่มถามอย่างไม่อ้อมค้อม เรคัสเข้าใจความหมายที่เอเคลเซธพูด
“หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ข้าจะรีบเตือนเอง”
“ขอบคุณ ท่านเรคัส.....” เอเคลเซธเหม่อมองไปยังบริเวณชายฝั่งที่พวกเชลยกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ ก่อนที่เขาจะเสริมว่า “ข้าลังเลระหว่าง การสอบสวน อาหารเช้า หรือเตียงนอนก่อนดี?”
____________________________________________________________
*“Drop the Anchors!!” Akelzeth's Quote: "ทิ้งสมอเรือซะ"
การทิ้งในที่นี้หมายถึงเอเคลเซธสั่งให้พวกโจรสลัดจอดเรือ ไม่ใช่ให้เอาสมอเรือโยนทิ้ง
ตกยามเย็น ที่พ็อตเทอร์รี่ยังคงเซ็งแซ่กันอยู่ ผู้คนบางส่วนกลับบ้านไปเพราะลมหนาวและการวางแผนที่นานเหลือเกิน
จนในที่สุดรัตติกาลก็กลืนกินแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ดวงดาวดาษดาเรียงรายอยู่เต็มฟากฟ้าแต่คืนนี้ไร้วี่แววของดวงจันทร์
“ทุกๆครั้งในการรบเราต้องเข้าใจปัจจัยประกอบโดยรวมก่อนจึงค่อยเข้าสู่สนามรบ” เอเคลเซธเอ่ยในที่ประชุม เขาเว้นวรรคไว้หน่อย ราวกับจะตำหนิการรบที่ใช้แต่อารมณ์ของเรคัสโดยไม่มีเสียง “เช่นคืนนี้ที่ไร้แสงจันทร์ เป็นคืนเดือนมืดแบบนี้ เหมาะที่สุดสำหรับการลอบจู่โจม” เขาเอ่ยพลางมองไปรอบๆทะเลที่มืดมิด เว้นแต่บริเวณกองเรือของโจรสลัดที่สว่างสไวด้วยเสียงไฟ
“แล้วเราจะลงมือได้หรือยัง?” เรคัสถามกระชากเสียง
“ข้าไม่ได้เพิ่งบอกไปหรือ เซอร์โรแลนด์ว่าการรบที่ไม่ใช่สมองมันเป็นวิธีรบของคนโง่?” เอเคลเซธเอ่ยและจ้องมองเรคัสตรงๆ ทั้งสองสบตากันนานมาก ชายหนุ่มไม่ยอมกระพริบตาเช่นเดียวกับเรคัส จนในที่สุดแม้จะมีท่าทีขัดขืน แต่เรคัสก็ยอมพยักหน้าพร้อมส่งเสียงคำรามตอบรับเบาๆ
“แต่เท่าที่ดู.....” เรคอมป์เอ่ยพลางพิจารณาเรือโจรสลัดที่จุดไฟสว่างมองเห็นบริเวณโดยรอบ “ไม่ว่าจะบุกเข้าหาจากทางไหนพวกเขาก็ต้องสังเกตเห็นแน่ๆ”
“เห็นแล้วทำได้กับเห็นแล้วทำอะไรไม่ได้มันต่างกันนะ พ่อคนที่ฉลาดที่สุดแห่งพ็อตเทอร์รี่” เอเคลเซธอดเหน็บเรคอมป์ไม่ได้ ชายหนุ่มหันมาสบตากัน
“ท่านมีแผนอะไร?”
“นี่แนะ เซอร์โลแลนด์” เอเคลเซธเอ่ยหลังจากเหม่อมองท้องฟ้าได้สักครู่ เขาเดินเข้าไปกระซิบข้างหูเรคัสผู้มีสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างครุ่นคิดหน่อยๆ “ทำตามที่บอกแค่นี้แหละได้มั้ย?”
“ตกลง” เรคัสเอ่ยพลางเดินออกจากหอบัญชาการไปโดยสั่งให้เรียกทหารตามไปด้วยประมาณหนึ่งพัน แต่แปลกที่พวกเขาไม่เอาคบเพลิงติดตัวไปด้วยเลย เรคอมป์ทำท่าจะเดินตามไปแต่เอเคลเซธห้ามเขาไว้
“อ๊ะๆ สำหรับเซอร์โรแลนด์คนลูก -- ”
“ข้าไม่ได้ยศเซอร์ --” เรคอมป์พูดอย่างไม่พอใจ
“โอ้ จริงรึ?” เอเคลเซธแสยะยิ้ม “ข้าก็มีงานสำหรับบัณฑิตสุดหล่อเช่นกัน......”
“งานอะไร?” เรคอมป์ถามอย่างเคลือบแคลง
เอเคลเซธยืดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะผายมือไปยังโต๊ะวางแผนและพูดว่า “เขียนจดหมาย.....”
เลยยามเที่ยงคืนไปแล้ว ที่ใจกลางอ่าวนั้นกระแสน้ำยังคงสาดซัดจนแม้เรือใหญ่ก็ยังมีโคลงเคลงหน่อยๆ เสียงลั่นของไม้ที่เบียดและยืดออกนิดๆตามการโคลงของเรือ ดังราวกับเปิดประตูบานใหญ่ๆและทึบทึน กระแสลมเย็นที่เหน็บหนาวก็ยังพัดสาดใส่ข้างรำเรือ พวกโจรสลัดต่างหลบอยู่ด้านในเรือกันเป็นกระจุกจะมีออกมาบ้างเพื่อสลับเวรยามกันทุกๆชั่วโมง
“ไอ้นกบ้านั่นมาอีกแล้ว” ลูกเรือคนหนึ่งเอ่ยอย่างหัวเสียเมื่อเห็นเรเวนบินฝ่าสายลมเข้ามาเกาะที่กาบเรือพร้อมกับจดหมายที่ผูกติดมา “เล่นส่งมาทุกๆครึ่งชั่วโมงแบบนี้มันคิดอะไรกันวะ?”
“จะไปรู้เรอะ เอามานี่ ข้าจะเอาไปให้กัปตัน” ลูกเรืออีกคนเอื้อมมือมารับจดหมาย ซึ่งชายคนแรกเหยียดให้พ้นเงื้อมมือของเขา
“ฝันไปเถอะ แกเพิ่งจะมาเปลี่ยนเวรเอง นี่คงกะจะเอาจดหมายไปให้กัปตันแล้วหลบลงท้องเรือไปเลยสิ ไม่ได้แอ้มข้าหรอก!!” แล้วเขาก็เดินตัวงอฝ่าสายลมเข้าไปในเรือซึ่งอุ่นสบายกว่านิดหน่อย ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องกัปตันซึ่งอุ่นสบายที่สุดเพราะเป็นห้องที่มีเตาผิงอยู่ด้วย “จดหมายจากพวกมัน อีกฉบับครับ” เขารายงานต่อชายที่มีหนวดเคราสีดำยาวที่มีหงอกสีขาวแซมประปราย อายุน่าจะใกล้ๆหกสิบ เขาสวมหมวกทรงโจรสลัดที่มีพู่ห้อยสีดำ ใส่เสื้อคลุมสีดำ
ชายผู้เป็นกัปตันมือหนึ่งเท้าคางอีกมือหนึ่งพรมนิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เบื้องหน้าของเขาคือจดหมายหลายต่อหลายฉบับที่ส่งมาก่อนหน้านี้ เขาพยักหน้าให้ชายที่มารายงานโดยไม่เหลือบตามอง เหมือนกับบอกให้เขาอ่านออกเสียง
ชายที่นำจดหมายมายื่นให้กับชายอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ชายคนนั้นเลิกคิ้ว “ก็ข้าอ่านหนังสือไม่ออก”
ชายคนนั้นรับมาด้วยสีหน้าทั้งเซ็งและอารมณ์บูดเต็มที่ก่อนจะหยิบจดหมายมาและอ่านออกเสียงดังๆ
“ด้วยความห่วงใยจากพ็อตเทอร์รี่มาถึงหัวหน้าโจรสลัดกัปตันผู้ยิ่งใหญ่ วานตูร์ -- มูโอ -- เซียร์” เขาหน้าเหยจากการพยายามอ่านชื่อ “พวกมันจงใจเขียนชื่อกัปตันผิดอีกแล้ว!!” เขาระเบิดออกมาอย่างโมโห แต่กัปตันวัยกลางคนเพียงส่งเสียงคำรามเบาๆสั่งให้อ่านต่อ “ตามที่เราได้ส่งจดหมายมาถามถึงความสะดวกสบายใจของเราท่าน ที่ท่านกรุณายกกองเรือมาปิดอ่าวของเราอยู่นานวัน และเราได้ถามถึงความประสงค์ของท่านเพื่อเราจะได้หาหนทางข้อตกลงร่วมกัน ตามที่ทางเราได้กล่าวขอท่านมาหลายต่อหลายครั้ง -- ด้วยความนับถือ โรแลนด์ เรคอมป์”
“กัปตันครับ” ชายคนที่เอาจดหมายมาส่งเอ่ย “จริงๆข้าว่าเราเรียกค่าไถ่ในการเปิดอ่าวแล้วรีบไปจากที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอครับ? ที่นี่หนาวจนพวกเราจะบ้าตายอยู่แล้ว อีกอย่างเราก็ได้เรือมาฟรีๆสองลำแล้ว”
“ข้าไม่เข้าใจ” ชายผู้เป็นกัปตันนวดคิ้วของเขา “พวกมันตั้งใจจะทำอะไร?”
“มันต้องการขอยอมแพ้ต่อเรา เพราะพวกมันไม่อาจเปิดอ่าวขายของได้ไงขอรับ”
“แล้วไอ้ที่มันจงใจเขียนชื่อข้าผิดๆมาตั้งหลายต่อหลายฉบับนี่คืออะไรกัน?” กัปตันเอ่ยขึ้นอย่างมีโมโห “ชื่อของข้าคือ แวน เดอ มูชเชอร์โว้ย!!” แล้วเขาก็ล้มโต๊ะ
“ใจเย็นๆขอรับกัปตัน!!” ชายคนที่อ่านจดหมายรีบบอก
“ข้าไม่เจรจงเจราห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ” กัปตันแวนกล่าว “ถ้าเรเวนตัวต่อไปมาล่ะก็ ทุบมันให้เละไปเลย -- ” ยังไม่ทันที่กัปตันแวนกล่าวจบก็มีเสียงตะโกนดังลั่นตัดมา
“มีการเคลื่อนไหว -- ที่ชายฝั่งมีการเคลื่อนไหว!!” ทั้งหมดวิ่งออกจากห้องกัปตันขึ้นไปบริเวณกาบเรือและมองผ่านความมืดเข้าไปในเมือง พวกเขาพบว่าแสงจากเทียนไขในเมืองค่อยๆดับลงจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว
“นี่พวกมันนัดกันหลับหรือไง” โจรสลัดคนหนึ่งปล่อยมุก ส่งผลให้เพื่อนๆของพวกเขาหัวเราะกันครืน
“พวกมันคิดจะทำอะไรกัน” กัปตันแวนพูดด้วยเสียงกระซิบ เขาไม่ขำไปกับบันดาลลูกเรือ เขาหันซ้ายหันขวากองเรืองทั้งยี่สิบลำและเรืออีกสองลำที่ยึดมาได้ก็ลอยนิ่งอยู่เป็นปกติ “เงียบๆซิพวกแก!!” กัปตันแวนตะโกนก้อง ลูกเรือของเขาเงียบกริบทันที
เขาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจผ่านเสียงคลื่นลมและคลื่นทะเล เสียงไม้ลั่นดังอย่างเกียจคร้านราวกับปิศาจกำลังบิดตัวช้าๆ “ฟังซิ......” กัปตันแวนพูด “มีเสียงอะไรนอกจากเสียงลมกับน้ำด้วย” พวกโจรสลัดที่เหลือเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ท่ามกลางความมืดรอบๆตัว โดยมีแสงสว่างวูบวาบจากเรือของพวกเขาเท่านั้น
มันดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงแปลกๆที่ว่า มันคือเสียงของอะไรที่กำลังแหวกน้ำ นับร้อยๆพันๆครั้งในคราวเดียวกัน
“นั่นเสียงอะไรน่ะ!!” ลูกเรือคนหนึ่งกรีดร้องอย่างตกใจ
“เงียบ!!” คราวนี้กัปตันแวนเพ่งมองไปยังที่มาของเสียงในความมืด ก่อนจะชี้นิ้วไปยังบริเวณมืดๆไกลๆนั้น “ตรงนั้น!!”
เอเคลเซธยืนอยู่บนหัวเรือลำเล็ก พวกเขาใช้คนพายเรือเล็กแหวกฝ่าคลื่นอย่างรวดเร็ว เทียบกันแล้วเรือพายเล็กนั้นเร็วกว่าตอนเรือใหญ่ใช้คนพายเยอะมาก กองเรือที่ติดตามเอเคลเซธมาจากชายฝั่งมีประมาณห้าสิบลำหรือ ประมาณห้าร้อยคน
“เตรียมธนูเพลิง!!” กัปตันแวนร้องสั่ง พวกโจรสลัดขยับเตรียมทันที “พอพวกมันเข้ามาในระยะก็ยิงได้เลย!!”
แต่เมื่อใกล้ถึงระยะยิง เอเคลเซธก็จุดคบเพลิงขึ้นและส่งสัญญาณให้กองเรือเล็กหยุด
“อะไรกัน..... ทำไม? มันจะใช้เรือเล็กประชิดเร็วไม่ใช่หรือ?” กัปตันแวนมองอย่างงุนงง
“กัปตันครับ!! ข้างหลัง!!” โจรสลัดคนหนึ่งร้อง เมื่อเห็นเรือประมงนับยี่สิบลำกองใบเรือ อาศัยลมที่พัดเข้าชายฝั่งพุ่งเข้าหากองเรือที่เรียงเป็นหน้ากระดาน
“ยิงเลย!! ยิงธนูเพลิงใส่พวกมัน!!” กัปตันแวนตะโกนลั่นเมื่อเห็นเรือประมงแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกโจรสลัดที่ง้างธนูเพลิงรอทั้งยี่สิบลำก็ระดมยิงลูกศรติดเพลิงพุ่งเข้าหากองเรือประมงที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น
เมื่อลูกศรเพลิงสัมผัสกับเรือประมงก็ลุกพรึ่บเป็นเรือไฟอย่างรวดเร็ว พวกโจรสลัดโห่ร้องอย่างสะใจ
“ไม่......” กัปตันแวนเพ่งมองไปยังกองรอที่ติดไฟอย่างรวดเร็วทั้งลำนั่น “เดี๋ยว.....” และเขาก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าไม่มีคนกรีดร้องบนเรือประมงนั้นเลย ตรงกันข้าม เรือที่ราดน้ำมันไว้ชุ่มกำลังพุ่งเข้าหาพวกเขา
โดยที่ไม่ทันตะโกนสั่งอะไรอีก เรือประมงติดไฟทั้งยี่สิบลำก็พุ่งเข้าชนเรือกองโจรสลัด ทั้งควันไฟพวยพุ่งทั้งเปลวไฟที่โหมสูง ใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวเรือโจรสลัดก็ลุกติดไฟ
“วิดน้ำ!!” มีเสียงตะโกนให้ตักน้ำขึ้นมาดับไฟทั้งเสียงไอโขลก
“ไม่..... ไม่ทันแน่!!”
“สละเรือๆๆๆๆๆ” เสียงร้องระงมอย่างปั่นป่วนท่ามกลางเปลวไฟและควัน
“อย่าเพิ่ง!!” กัปตันแวนตะโกนก้องกลบเสียงร้องให้สละเรือของพวกโจรสลัดที่ร้องบอกต่อๆกัน “ไปที่เรือเชลย -- ที่นั่นยังไม่ไหม้!!”
พวกลูกเรือต่างก้มหลบควันที่พวยพุ่งมาทั้งลมพัดบางคนคลาน บางคนวิ่งไปจนถึงกาบเรือและพากันขึ้นไปยังเรือสองลำที่ยึดได้จากพ็อตเทอร์รี่ พวกที่ขึ้นไปถึงได้ก่อนก็คอยช่วยเพื่อนให้คนมาบนเรือ จนเมื่อผ่านไปราวสิบนาทีเรือจากพ็อตเทอร์รี่ทั้งสองลำก็ต้องรีบถอนสมอเรือเพื่อกินแรงลมและหนีความร้อนและเขม่าควันจากเรือโจรสลัดที่ลุกไหม้ทั้งยี่สิบลำ
บนเรือทั้งสองลำแน่นขนัดเต็มไปด้วยโจรสลัดเกือบพันคนทั้งสองลำ หน้าตาแต่ละคนเปื้อนเขม่าควันและมีรอยไฟลวกกันเกือบทุกคน กัปตันแวนตบหมวกของเขาที่ไฟกำลังไหม้พู่ให้ไฟดับ
*“Drop the Anchors!!” เสียงสั่งลอยมาตามสายลม กัปตันแวนเบียดลูกเรือของเขาไปที่กาบเรืออย่างทุลักทุเล
“เจ้า..... -- พวกเจ้า!!” กัปตันแวนเบิกตากว้างและมองไปบริเวณโดยรอบที่พวกเขาโดนกองเรือเล็กล้อมอยู่ “เอาธนูมานี่!!”
“อ๊ะๆ ถ้ายังเหลียวหลังไหวดูอะไรตรงโน้นสิ” เอเคลเซธตะโกนบอก และเมื่อพวกโจรสลัดมองตามก็เห็นเรือประมงชุ่มน้ำมันอีกสองลำที่พร้อมจะพุ่งเข้าหาเรือที่บรรทุกเกินจำนวนทั้งสองลำ “ถ้ายิงธนูลูกนั้นออกมา.... ทางเลือกของท่านก็มีสองอย่างคือ ตายในกองไฟ หรือ จมน้ำตาย” เอเคลเซธหันไปพยักหน้าให้กับพวกทหารสั่งให้พายเรือเข้าไปใกล้ “แต่หากท่านทิ้งสมอเรือ เราจะได้คุยกันสบายๆแทน.... จะเอาแบบไหน?”
กัปตันแวนหันไปมองลูกเรือโจรสลัดแต่ละคนที่บาดเจ็บและหมดกำลังใจ ทั้งต้องยืนเบียดกันไม่ให้ตกลงไปในทะเล “ทิ้งสมอ!!” เขากัดฟันพูด
“ดี..... เอาละ ทีนี้ -- ” เอเคลเซธสั่งให้โจรสลัดลงเรือเล็กพร้อมกับเชือกที่มัดปากและมือเท้าไว้แล้วลำเลียงไปที่ชายหาด ก่อนจะถ่ายเอาทหารจากพ็อตเทอร์รี่ทั้งห้าร้อยคนขึ้นเรือที่พวกโจรสลัดยึดไป และเรคัสก็พาเรือเล็กและเรือประมงมาสมทบ ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันกลับสู่ชายฝั่ง
“เซอร์คาร์ลดีเซน” เรคัสเอ่ยเรียก เอเคลเซธที่ยืนชะเง้อคอมองแสงของวันใหม่ที่เริ่มทอขึ้นตรงขอบฟ้า
“เรียกข้า เอเคลเซธเฉยๆก็ได้.......” ชายหนุ่มเอ่ย “ถ้าท่านจะให้ข้าเรียกท่านว่า ท่านเรคัส -- ” เขาเสริม
“แค่เรคัสก็พอ” ชายวัยกลางคนดูราวกับยุ่งยากใจพอสมควรก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ข้าต้องขออภัยสำหรับก่อนหน้านี้......”
“เค้าว่ากันว่าคนที่เคยเกลียดกัน พอได้รักกันจะรักกันมากนะครับ” เอเคลเซธเอ่ยยิ้มๆพลางหลิ่วตาให้กับเรคัส
“นี่มันเหลือเชื่อเลย..... ใช้เวลารบเพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งจากเมื่อตอนกลางวัน แถมใช้ทหารแค่พันห้า เราได้เรือที่ถูกปล้นไปกลับมา -- แล้วที่น่าทึ่งที่สุดคือ ไม่ต้องสู้รบกันแม้แต่น้อย.....” เรคัสเอ่ยอย่างชื่นชม “แล้วพวกเราก็ชนะ......”
“ใช่..... ชนะ......” เอเคลเซธเอ่ย เขาเหลียวมองซ้ายขวาและตัดสินใจพนันเสี่ยงเดิมพัน เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆกำลังยุ่งอยู่ และเขาสามารถคุยเป็นการส่วนตัวกับเรคัสได้นิดหน่อย “ฟังนะ ท่านเรคัส ข้าแน่ใจว่าท่านเป็นคนดี..... และท่านคงสงสัยในท่าทีของลอร์ดคราเวน” เอเคลเซธเอ่ยกระซิบ
เรคัสหันไปมองและเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครมองอยู่เขาก็ทำเป็นชี้ชวนให้เอเคลเซธมองอากาศยามรุ่งสางก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้ารู้...... แบบนี้ไม่ปกติเอาเสียเลย.....”
“ข้าเชื่อมั่นท่านได้หรือเปล่าว่า ท่านจะไม่หันปลายดาบเข้าหาเราโดยไม่เตือนเราก่อน.....” ชายหนุ่มถามอย่างไม่อ้อมค้อม เรคัสเข้าใจความหมายที่เอเคลเซธพูด
“หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ข้าจะรีบเตือนเอง”
“ขอบคุณ ท่านเรคัส.....” เอเคลเซธเหม่อมองไปยังบริเวณชายฝั่งที่พวกเชลยกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ ก่อนที่เขาจะเสริมว่า “ข้าลังเลระหว่าง การสอบสวน อาหารเช้า หรือเตียงนอนก่อนดี?”
____________________________________________________________
*“Drop the Anchors!!” Akelzeth's Quote: "ทิ้งสมอเรือซะ"
การทิ้งในที่นี้หมายถึงเอเคลเซธสั่งให้พวกโจรสลัดจอดเรือ ไม่ใช่ให้เอาสมอเรือโยนทิ้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ